กระต่ายหลงจันทร์ เล่ม 02 (โสภี พรรณราย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789749001721-2
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 225.00 บาท 56.25 บาท
ประหยัด: 168.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

31

                “คุณกร!”

                “ขึ้นมาสิครับ” กรบอกกับหญิงสาว...ซึ่งหล่อนยังเก้ๆกังๆอยู่ริมถนน 

                พิมทองชี้ตัวเอง

                “ฉันหรือคะ?”

                “ก้อคุณแน่ะสิ...ขึ้นมา...”

“แหะ...แหะ...” หล่อนหัวเราะแห้งๆ “ฉันรอคุณพีค่ะ...”

“พีไม่ว่าง...โทร.ให้ผมมารับคุณแทน...เขาติดงานด่วน...”

“อ๋อ...หรือคะ...” หล่อนใจเต้นแรง หล่อนชอบเขานะ...แต่ก็เกรงจะแสดง

ความรู้สึกออกมาให้เขาเห็น...

                ถ้าเขารู้ความในใจของหล่อนละก้อ...อายตายเลย...พิมทองต้องหลีกเลี่ยง

ใกล้ชิด...

                “ขึ้นมาสิครับ” เขาบอกหลายครั้งแล้ว

                พิมทองโบกมือ...หน้าเจื่อนๆ

                “ไม่เป็นไรนะคะ...ฉันไปแท็กซี่หรือรถเมล์ก็ได้ค่ะ”

 

 

                “แท็กซี่หายากในช่วงนี้...รถเมล์คนก็แน่น” กรรับปากน้องชายแล้ว

เขาต้องทำตามที่รับปาก

                หล่อนลังเล...เขาต้องรีบบอก

                “คุณ...จอดนานไม่ได้นะ...คันหลังจะบีบแตรไล่ ขึ้นมาอย่ามัวโอ้เอ้”

                น้ำเสียงเหมือนเริ่มรำคาญ...พิมทองลนลานขึ้นทันที...

                ขออย่างเดียวอย่าโกรธหล่อน

                พอหญิงสาวขึ้นรถ กรจึงขับไปบนถนน...มุ่งไปโรงพยาบาล...

                หญิงสาวนั่งตัวแข็ง...

                หลายครั้งที่กรหันมามองหล่อนอย่างสงสัย...และจ้องมองเป็นพิเศษ

ว่าพิมทองมีอะไรดีหนอ...พีรวัสจึงได้ชื่นชมนักชื่นชมหนา

                หล่อนเป็นสาวน้อยท่าทางซื่อๆ เซ่อๆ ธรรมดา...ไร้จริตมารยา...ผิดกับ

บรรดาสาวๆเปรี้ยวๆ สวยๆ ที่เขาเคยพบ

                ผู้หญิงซื่อขนาดนี้ยังมีอยู่ในโลก...?

                “คุณเป็นคนรักเด็กหรือ?” เขาชวนคุยเมื่อเห็นว่า เงียบเกินไป...

                “ค่ะ...เด็กน่ารักจะตาย”

                “แล้วเด็กคนนั้นล่ะ...?”

                “แกน่าสงสาร...ป่านนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร...”

                “เธอก็เป็นพลเมืองดีนะ...” เขาชม

                “ใครจะทิ้งเด็กได้ล่ะ...คุณเองก็เถอะ...ถ้าเจอจะจะ...คุณก็ต้องช่วยโดย

ไม่ได้คิดถึงคำว่าพลเมืองดี”

                กรยักไหล่

                “ไม่แน่นะ...บางคนไม่อยากมีเรื่อง...กลัวต้องรับผิดชอบ...”

                “ชีวิตคนทั้งคน...มัวแต่กลัวก็แย่แล้วค่ะ”

                “ใครแย่?”

                “ฉันไม่ได้ว่าคุณค่ะ”

 

 

                “ก็อาจจะว่าในใจ...”

                “...ฉัน...ฉัน...ไม่...กล้าหรอกค่ะ”

                พิมทองนั่งชิดกับประตู...นั่งตัวลีบขนาดนั้น กรดูออก...พิมทองกลัวเขา...

                “นั่งให้สบาย...” เขาบอก “ผมไม่ใช่ยักษ์มาร...”

                “ค่ะ...ฉันนั่งสบายแล้ว”

                “คุณกลัวผม?”

                หญิงสาวสะดุ้ง...กลัวหรือ...กลัว...หล่อนแอบหลงรักเขา...ต่างหาก...

                รัก...มากกว่า...กลัว

                กลัว...ก็กลัวเขารู้ความในใจของหล่อน...ภาวนาเช้าเย็น...อย่ารู้เลย...หล่อน

จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

                “นิดหน่อยค่ะ” ตอบอ้อมแอ้ม

                “ผมน่ากลัวตรงไหน?”

                “คุณ...เงียบ...ขรึม...คุณไม่ค่อยพูด...คุณ...”
                “ผมรู้แล้ว...คุณก็เงียบขรึม...ผมไม่เห็นคุณจะน่ากลัว...”

“อุ๊ย...คนอย่างฉันใครจะกลัวล่ะคะ ไม่มีอะไรให้กลัวเลย”

“แล้วผม?”

“คุณเป็นเจ้านายนี่คะ...มีอำนาจ...มีอิทธิพล...จะไล่ใครออกจากงาน

ก็ได้...”

                “คุณเป็นคนของคุณไพ...ผมไม่แตะต้องคุณหรอก...ทำงานตามสบาย

ของคุณ”

                “ฉัน...ทำงานไม่เอาไหน”

                “ผมไม่ตำหนิคุณ...ขี้เกียจเห็นคุณร้องไห้”

                พิมทองโบกมือ

                “ฉันไม่ร้องแล้ว...ฉันไม่ร้อง”

                กรโคลงศีรษะ...ซื่อจริงๆ...แล้วเงียบ จนถึงโรงพยาบาล...

 

 

                ตอนแรกกรคิดจะรอในรถ...แต่ก็กลัวกลายเป็นคนขับรถ...

                เขาเดินลงจากรถ...เดินไปกับหล่อน

                พิมทองมีท่าทีที่เกรงใจ...      

                “เอ้อ...คุณ...”

“ผมจะไปดูเด็กกับคุณ”

ไปกับกร...อึดอัดกว่าไปกับพีรวัสซะอีก

ก่อนเข้าห้องคนเจ็บ...เจอพยาบาลเดินออกมาพอดี...กล่าวกับพิมทอง

“คุณนั่นเอง...คุณพิมทอง...” พยาบาลทักทาย “เด็กฟื้นแล้วค่ะ อยากพบ

ตัวคนที่ช่วยชีวิต...”

                เด็กสิบขวบ...ย่อมโตพอจะรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว...

                พิมทองยิ้มดีใจ

                “แกปลอดภัยดีนะคะ?”

                “ค่ะ...คนเจ็บโชคดี...”

                พิมทองรีบผลักประตูเข้าไปในห้อง...

                คนเจ็บอยู่ในสภาพดีขึ้น...แต่งชุดของโรงพยาบาล หน้าตาที่มอมแมม

สะอาดสะอ้าน...แต่ใบหน้ายังซีดอยู่ เสียเลือดไปมาก

                “หนู...”

                เด็กหญิงกะพริบตาถี่ๆ จ้องมองพิมทอง

                “พี่...เป็น...ใคร?”

                “พี่ชื่อพิมทอง...”

                แววตาของเด็กเบิกกว้าง...

                “พี่ช่วยหนู...”

                “พี่เห็นกับตาตอนหนูถูกรถชน...หนูชื่ออะไรจ๊ะ?”

                “มาลี”

                “หนูมาลี...หนูไม่เป็นไรแล้วนะ...แต่เอ...” พิมทองเหลียวมองรอบห้อง...

 

 

เด็กหญิงรู้ตัวแล้ว น่าจะรู้ว่าบ้านอยู่ไหน และแจ้งกับญาติ...              

                ไม่เห็นมีญาติของแกสักคน...

                “พี่พิมทอง...หาอะไรคะ?”

                “เรียกชื่อเล่นของพี่ก็ได้นะ...ชื่อเล่นกระต่าย...เรียกพี่ต่ายสั้นๆ จ้ะ ง่ายดี...”

                “พี่ต่าย...หาอะไรคะ?”

                “ญาติของหนู...คุณพ่อ คุณแม่ล่ะ?”

                แววตาเด็กหญิงสลด...

                “หนูเป็นคนไม่มีพ่อแม่...”

                “มาลีอยู่กับใคร?”
                “ยาย...ยายกล้วยค่ะ...ยายกล้วยเลี้ยงหนู...”

                “อยู่กับยายแค่สองคนเหรอ?”

                “ยายรับจ้างซักเสื้อ...หนูช่วยยายทำงาน...”

                “เรียนหนังสือหรือเปล่า?”

                “ไปบ้าง หยุดบ้าง...โรงเรียนจะไล่หนู...แต่พอรู้ว่าหนูต้องช่วยยายทำงาน...

ทางโรงเรียนเลยไม่ไล่”

                “ยังมีคนใจดีนะจ๊ะ”

                น่าสงสาร...พิมทองได้ยินก็เกือบน้ำตาซึม หล่อนใจอ่อน...และบ่อน้ำตา

ตื้น...

                หันไปมองกร...รู้สึกอายเขา อะไรนิด อะไรหน่อยก็จะร้องไห้...ต้องฝืนยิ้ม

ขับไล่น้ำตา...

                “ยายกล้วยของหนูรู้หรือยังว่าหนูอยู่ที่นี่?”

                “ยังเลยค่ะ...”

                “หนูบอกทางไปบ้านหนูมา...พี่จะช่วยแจ้งข่าวกับยาย...”

                “ยายทำต้องงานหนัก คงไม่มีเวลามาดูแลหนู บอกไปก็ไม่มีประโยชน์

จะทำให้ยายเป็นห่วงเปล่าๆ”

 

 

                “หนูหายตัวไป...ยายจะยิ่งเป็นห่วง...”

                “แต่...”

                “เป็นหน้าที่ของพี่เอง...หนูไม่ต้องกังวลจ้ะ”

                “พี่ต่าย...หนูไม่มีเงิน...” เด็กหญิงจับมือพิมทอง “ไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ...”

                “โถ...” เด็กแค่สิบขวบ...ดูเหมือนจะรับผิดชอบเกินตัว “ค่ารักษา... มีพี่

ใจบุญช่วยออกให้แล้ว...”

                “พี่ตายเรอะคะ?”

                “ไม่ใช่พี่...พี่ใจบุญอีกคน”

                มาลีมองคนข้างๆ พิมทอง...

                “พี่คนนี้หรือคะ?”

                พิมทองทำหน้าเลิกลั่ก...

                “เอ้อ...ไม่ใช่...เป็นน้องชายของพี่คนนี้...จริงสิ...ต้องขอแนะนำ...คนนี้พี่กร...

เป็นเจ้านายพี่เอง...พี่ใจบุญชื่อพี่พีรวัส...เขารับปากจะออกค่าใช้จ่ายให้หมดจ้ะ”

                “หนูจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่”

                “ต้องแล้วแต่หมอ...”

                “หนูจะกลับไปหายาย...”
                “ใจเย็นๆ...ได้กลับแน่ ตอนนี้บอกมาก่อนบ้านอยู่ไหน?”

                เด็กหญิงบอก...ที่อยู่...

                พิมทองไม่เข้าใจ...เพราะไม่รู้จักทางไปไหนเลย...นอกจากที่คอนโดฯไปที่

ทำงาน

                มาลีบอกอยู่หลายครั้ง...

                กรสะกิดพิมทอง...พลางกล่าวว่า “ผมรู้จักแล้ว...”

                “แต่ฉันไม่รู้จัก...”

                “เพราะไม่รู้จัก...อธิบายกี่ครั้งคุณก็ไม่รู้จัก ผมรู้ทางดีกว่าคุณรู้ทาง”

                “เดี๋ยวคุณบอกกับฉันแทนก็แล้วกันนะคะ”

 

 

                “เดี๋ยวผมพาคุณไป”

                พิมทองตาโต แทบไม่เชื่อ

                “คุณจะพา?”

                “ครับ...ทำไมต้องทำหน้าตื่นตกใจขนาดนั้น?”

                หญิงสาวรีบจับหน้าตัวเอง...อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ด้วยซ้ำเพื่อให้

มีสติ...อย่าตื่นเต้น...อย่าตื่นเต้น...

                อดไม่ได้...กรจะบริการหล่อนขนาดนี้...

                “ฉัน...เอ้อ...แปลกใจ...”
                “คุณจะพูดอะไรกับเด็กหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่พูดจะได้ไปยายแก...”

                พิมทองยิ้มกว้าง

                “ขอเวลาคุยกับแกอีกแป๊ปนึงค่ะ”

                พิมทองรักเด็ก...เห็นชัดเลย...กรมองหล่อนตลอดเวลา...ยามที่หล่อนคุย

กับมาลี...หล่อนเสมือนพี่สาวที่ใจดี...

                พูดคุยเป็นธรรมชาติ...อ่อนโยน...รอยยิ้มของหญิงสาวไม่ผิดกับรอยยิ้ม

ของมาลี

                พิมทองเป็นพี่เลี้ยงเด็ก...เป็นพยาบาลจะเข้าท่ากว่า...

                ดูสิ... หล่อนวัดปรอท...วัดความดันให้เด็ก ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ในห้อง

อย่างคล่องแคล่ว

                ทำให้กรนึกถึงนางฟ้าในชุดสีขาว...หล่อนไม่ใช่นักโฆษณาแน่นอน

                น่าจะเอาดีด้านเดียว...ไม่ควรจับปลาสองมือ...อย่างที่เป็นและขืนเขาพูด

แบบนี้...เอาล่ะ...เดี๋ยวเจ้าหล่อนก็ต้องร้องไห้...

                ดาราเจ้าน้ำตา...

                พิมทองพูดคุย...ดูแลเด็ก...ขยับเตียงให้เด็กนอนสบาย...ห่มผ้าห่มถามว่า

ร้อนมั้ย...เย็นมั้ย...

                ทุกกิริยามิมีเสแสร้ง...

 

 

                แบบนี้นี่เอง...ที่พีรวัสหลงใหล

                ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนพีรวัส...อยู่ในวงล้อมของสาวสวยแสงสี...พอเจอ

กับสาวธรรมชาติเยือกเย็นเข้า...จึงสะดุดหัวใจเข้าโครม

                พิมทองบอกกับมาลี

                “นอนนะจ๊ะ...ไม่ต้องคิดมาก...รักษาตัวให้หายเป็นปกติ...เพราะตอนนี้

ถึงศีรษะไม่ได้รับการกระทบกระเทือน...แต่ได้รับบาดแผลตามตัว และขาก็ยังเดิน

ไม่ได้...เจ็บขาใช่มั้ย”

                “ค่ะ...เจ็บ...”

                “แต่ไม่เป็นไร...รับรอง...ภายในสองสามวันจะเดินได้เอง”

                “ค่ะ...พี่ต่าย”

                “พี่จะไปบอกยายเธอนะ...”

                “หนู...หนู...ขอบใจ...”

                “จ้ะ...แต่เวลาพูดกับผู้ใหญ่ต้อง...ขอบคุณ...”

                “ค่ะ...ขอบคุณ...”

                พิมทองโบกมือให้เด็กหญิง...

                “พรุ่งนี้พี่มาใหม่จ้ะ”

                กรยิ้มให้เด็ก...เด็กกล่าว

                “ขอบคุณค่ะ...พี่กร...”

                กรพยักหน้า...เออ...เด็กท่าทางฉลาด...

                ชายหนุ่มและพิมทองกลับมาขึ้นรถ...พิมทองถาม

                “คุณมีเวลาว่างหรือคะ?”

                “ผมรับปากนายพีไว้...ต้องส่งคุณถึงบ้าน...เอาล่ะ...วันนี้ยอมเป็น

โชเฟอร์ให้คุณคืนหนึ่ง”

                หล่อนยิ้มเขินๆ

                “โชเฟอร์กิตติมศักดิ์...รู้สึกเกรงใจ...”

 

 

                “คุณทำตัวสบายๆ เถอะ....ทีกับเด็ก...เห็นคุณจ้อ...แหม...กับผมพูดไม่ค่อย

ออก...”

                “ก้อคุณไม่ใช่เด็ก” เสียงอ่อย

                “ผมบอกแล้วอย่างไง ผมก็ไม่ใช่ยักษ์”

                กรขับรถไปบนถนน...ไปตามทางที่เด็กหญิงมาลีบอก...ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่

ประสบอุบัติเหตุ...

                เขาจอดริมถนน...

                “รถเข้าไม่ได้”

                ด้านปากซอย...เห็นปักป้าย...ชุมชนแออัด...

                “สลัม?”

                “ครับ...สลัม...”

                “ยายกล้วยอยู่ที่นี่หรือคะ?”

                “บ้านเลขที่...สามสิบ...คุณจำไว้ก็แล้วกัน...”

                กรเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ เห็นซอยเล็กๆ...แต่เมื่อเข้าไปด้านใน...บ้านเล็ก

บ้านน้อยเต็มไปหมด...

                แออัด...สมชื่อ

                ระหว่างทางเดิน บ้างเป็นซีเมนต์ บ้างเป็นไม้กระดาน...พาดผ่านน้ำขัง

...ที่ดินเป็นหลุมเป็นบ่อ

                ชาวบ้านหากินอย่างง่ายๆ แต่งตัวง่ายๆ...

                เสื้อคอกระเช้า กับผ้านุ่งผืน...ก็เดินไปเดินมา...

                กรกับพิมทอง กลายเป็นจุดเด่น...ชาวบ้านมองเป็นตาเดียว

                ไล่บ้านเลขที่...สามสิบ...

                กลายเป็นว่า แต่ละบ้านไม่ได้เรียง...บ้านเลขที่สิบ...แล้วกระโดดไปสิบแปด

...อ้าวหายไปไหนส่วนหนึ่ง ไล่มาถึง ยี่สิบเก้า...สามสิบหายไปอีก

                พิมทองเกาศีรษะ

 

 

                “สามสิบหาย?”

                กรโคลงศีรษะ

                “ผมก็ไม่รู้ที่นี่เรียงบ้านเลขที่กันอย่างไงนะ...”

                “ลองไปทางนั้นนะคะ...”

                “ก็ต้องหาจนพบล่ะ...”

                เดินเลี้ยวไปทางขวาก็ไม่ใช่ กลายเป็นเลขที่สี่...ห้า...สิบไปเลย

                “สงสัยจะทางซ้ายมือค่ะ”

                กรพยักหน้า

                “เปลี่ยนทาง...”

                “ซ้ายก็ไม่ใช่อีก กลายเป็นบ้านเลขที่หลักร้อย     

                กรชักท้อ...บ่น

                “ไม่ไหวนะ ถ้าเป็นแบบนี้...”

                “ยังมีทางตรง...และทางโน้นก็มีทางแยก...” พิมทองไม่ท้อเลย...หล่อน

เป็นฝ่ายเดินนำ แต่กรหยุดเดิน

                พิมทองเดินนำ...แล้วหันมา...

                “อ้าว...ทำไมคุณไม่เดินคะ?”

                “จะหาอีกนานมั้ย...ผมหิวแล้วนะ”

                หล่อนมองนาฬิกา...

                สองทุ่มครึ่งแล้วหรือนี่


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024