Customer Reviews

ขุนทอง...เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง (อัศศิริ ธรรมโชติ)
5
บางเรื่องทำให้เราหดหู่เสียจนต้องบอกตัวเองว่า โลกมันก็อย่างนี้แหละ มีอะไรๆ ที่เราไม่รู้ ไม่เคยเจออีกเยอะ อ่านแล้วยิ้มๆ เตรียมรับมือจะดีกว่า
โดย: อ้วนแกะ วันที่เขียนรีวิว: 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วรรณกรรมซีไรต์อีกเล่มที่เน้นการวิพากษ์สังคมอันไร้ซึ่งความยุติธรรม หลายเรื่องทำให้เราสะเทือนใจ แม้จะเขียนมานานแล้ว แต่เหมือนว่า เหตุการณ์เหล่านั้นยังคงเกิดขึ้นอยู่ในชีวิตประจำวันของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมยังคงกัดกินมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม

“เมื่อเย็นย่ำ...ของวันอันร้าย” หนึ่งในเรื่องสั้นของรวมเล่มขุนทองนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 ก่อนเราจะเกิดตั้งสิบกว่าปี แต่เหตุการณ์ในเรื่อง กลับเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวี่วัน ชีวิตของคนๆ หนึ่ง มีค่าไม่เท่ากับชีวิตของอีกคนหนึ่ง เพียงเพราะพวกเขามีเงินไม่เท่ากัน

“เสียแล้วเสียไป” อีกเรื่องหนึ่งที่สะเทือนใจสุดๆ (ดันจัดมาไว้ถัดจากเรื่องเมื่อเย็นย่ำอีกนั่น กะฆ่าคนอ่านให้ตายคาหนังสือไปเลยใช่ไหมนี่) หญิงสาวบ้านนอกเข้ามาทำงานในโรงงาน อุบัติเหตุจากเครื่องจักรกลพรากเอาแขนขวาของหล่อนไป หล่อนได้เงินก้อนหนึ่งกลับมาแทนแขนข้างนั้น หล่อนหอบเงินกลับบ้าน บ้านที่กลายเป็นดั่งสมรภูมิผีเปรตที่กระหายเงินก้อนนั้นจนลืมไปเสียสิ้นว่า ลูกหลานตัวเองต้องแลกกับอะไรจึงได้มันมา และกลายเป็นว่า เงินก้อนนั้นเอง ที่ทำให้หล่อนสูญเสียทุกสิ่งอย่าง และหันหลังให้กับโลกอันทารุณ

ชีวิตเราอาจไม่โหดร้ายเหมือนเช่นแต่ละเรื่องในหนังสือเล่มนี้ แต่เราก็รับรู้ได้ถึงความปวดร้าว ชะตากรรมของคนๆ หนึ่งก็สามารถสั่นสะเทือนหัวใจของอีกคนได้เช่นกัน

ขอแนะนำว่า ใครกำลังอยู่ในช่วงหม่นเศร้ากับอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งอ่านเลย เพราะจะทำให้เศร้ามากกว่าเดิม หรือไม่ อาจกลายเป็นว่า คุณอาจดีขึ้น เพราะอย่างน้อย ก็ยังมีคนที่ตกอยู่ในความหม่นเศร้า โหดร้ายทารุณมากกว่าคุณมากมาย
4
สำนวนการเขียนอาจมีบางช่วงที่ชวนหมั่นไส้ (จนใครๆ เอาไปเป็นประเด็นดราม่า) แต่เนื้อแท้ของเรื่องราว เราว่าคนเขียนเขาเจตนาดีนะ
โดย: อ้วนแกะ วันที่เขียนรีวิว: 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เล่มนี้ ถ้าใครเล่นเฟสบุ๊คแล้วยังจำได้ เกิดกระแสแอนตี้คนเขียนอยู่พัก (ใหญ่ๆ) พักหนึ่ง หาว่าเป็นการเขียนเพื่อจับผิด ดิสเครดิตหมอ ด่าหมออย่างนั้นอย่างนี้ คือเอาจริงๆ นะ เราตามอ่านในคอมเมนท์ เช่ื่อเลยว่า ร้อยละ 80 ที่ไปกระหน่ำด่าตามกระแสน่ะ ยังไม่ได้อ่าน ยังไม่เคยจับหนังสือเล่มนี้เลย (ก็เห็นแค่ที่เขาแคปมาเพื่อสร้างกระแสนั่นแหละ แล้วก็ด่ากันราวกับอ่านมาแล้วสักสิบแปดรอบ)

คือสำนวนการเขียนของเจ๊คนนี้ในบางจุดก็ดูน่าหมั่นไส้จริงๆ และการตั้งชื่อหนังสือก็เรียกแขกซะ แต่สำหรับเรา คนที่ได้อ่านทั้งเล่มจนจบ (อ่านตั้งแต่ก่อนเป็นกระแสนานมาก บังเอิญไปเห็นในกองหนังสือลดราคาหน้าร้านนายอินทร์สาขาหนึ่ง) ขอบอกเลยว่า แนวคิดของเจ๊คนนี้ไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไรนะ อาจเป็นคนมั่นใจ อาจไม่ยอมคน แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์ป้า ไม่ได้เหวี่ยงวีนแบบไม่มีเหตุผลแน่นอน เรื่องราวแต่ละเรื่องที่เจ๊เขาเล่ามาเป็นประสบการณ์มันก็มีประโยชน์จริงๆ ในชีวิตเราต้องเจอผู้คนมากมาย บางคนเอาเปรียบเรา ได้ไปซึ่งสิ่งที่ไม่สมควรได้ เจ๊เขาก็แค่ไม่ยอม และสู้สุดใจขาดดิ้น แล้วก็มาแชร์ให้อ่านกันว่า ถ้าเราสู้ เรามีทางชนะ เรามีทางที่จะสั่งสอนคนที่ชอบเอาเปรียบพวกนั้นได้นะโว้ย มองที่เจตนาและแนวความคิด เราว่าเจ๊เขาโอเคเลยล่ะ

อย่างเรื่องหมอโรงพยาบาลเอกชนที่สามารถนั่งเทียนจ่ายยาให้คนไข้ได้โดยไม่มีแม้กระทั่งการมองหน้าคนไข้ ไม่ซักประวัติ ถามอาการนิดๆ หน่อยๆ สองสามประโยคแล้วสั่งจ่ายยา เป็นค่าวิชาชีพแพงๆ อย่างนี้มันก็สมควรโดนนะ นี่เจ๊เขาอุตส่าห์หอบสังขารไปโรงพยาบาลเอกชน เสียเงินไม่ใช่น้อยๆ คุณจะรักษาประหนึ่งว่าคนไข้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นคนไข้อนาถาอย่างนั้นหรือ มันก็ไม่แฟร์จริงๆ

หนังสือดีหรือไม่ มันวัดกันที่หน้าปกไม่ได้จริงๆ นะเออ
สวนโลก
3
สำนวนภาษาอันเวิ่นเว้อและชวนหลับใหลทำให้ต้องใช้ความอดทนในช่วงแรกของการอ่าน แต่เมื่อผ่านมันไปได้ ใครๆ เขาก็บอกว่า ดีนะ
โดย: อ้วนแกะ วันที่เขียนรีวิว: 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สวนโลก เป็นหนังสือในโครงการหนึ่งที่จ้างนักเขียนผู้มีชื่อเสียงให้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลแล้วนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่า ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้น พี่โย เรวัตร์ เลือกที่จะกลับไปสู่ท้องถิ่นที่คุ้นเคย และถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในแบบของพี่โย

เรา (อดทน) อ่านไปได้ประมาณสามสิบกว่าหน้า ก็ต้องยอมพักยก เพราะรู้สึกเบื่อหน่าย เราเป็นมนุษย์ไม่ชอบสำนวนเวิ่นเว้อพรรณนามากเกินความจำเป็น (ซึ่งก็เป็นลักษณะของนักเขียนยุคเก่าๆ ส่วนใหญ่เสียด้วย) ตามประสาคนรุ่นใหม่ที่ชอบอ่านแบบแย็บๆ พอเป็นพิธี พอได้จังหวะก็ปล่อยหมัดฮุกมาน็อกเลย แบบนั้นจะสะใจกว่า (ยังไม่แอดวานซ์ถึงขั้นชอบการอ่านที่แคปหรือโควทมาแต่คำคมหรอกนะ อันนั้นก็น้อยไป) เล่มนี้เลยต้องสารภาพตรงๆ ว่าไม่ถูกจริตเราอย่างแรง

แต่ที่มาเขียนรีวิว ไม่ใช่เพราะจะมาบอกว่าสำนวนการเขียนไม่ดี เวิ่นเว้อ น่าเบื่อ อย่าไปอ่านหรอกนะ เพราะเหตุที่เราต้องอ่านเล่มนี้ก็เนื่องจากเราต้องไปงานวิจารณ์วรรณกรรม โดยคนวิจารณ์คือป้าอี๊ด ชมัยพร แสงกระจ่าง ซึ่งจะบอกว่า เขาก็เห็นตรงกันแหละว่าสำนวนเวิ่นเว้อ ออกแนวน่าเบื่อนิดๆ แต่ถ้าข้ามตรงนั้นไปได้ อ่านไปได้เกินกว่าที่เราอ่านสักหน่อย เมื่อสมองเราเริ่มชินกับสำนวนการเขียนแล้ว เรื่องราวก็จะค่อยๆ สนุกสนานมากขึ้น อาจมีที่สับสนในเนื้อเรื่องเพราะการไขว้ไปไขว้มาของชุดฉากและตัวละคร แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าโอเค มีคน (ที่ไปงานวิจารณ์ครั้งนั้น) นิยมชมชอบอยู่พอสมควร

เรากะว่า ถ้ามีเวลาก็จะกลับไปอดทนผ่านด่านอรหันต์นั้นให้ได้ แล้วไปลองสนุกสนานกับเนื้อเรื่องดูบ้างเหมือนกัน
4
ตัวละครทุกตัวมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกที่เราสามารถสัมผัสได้
โดย: อ้วนแกะ วันที่เขียนรีวิว: 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เล่มนี้ บอกตามตรงว่าช่วงแรกๆ ที่อ่าน เราหงุดหงิดและอึดอัดมาก เพราะสำนวนการเขียนที่เวิ่นเว้อ พรรณนาสรรพสิ่งด้วยถ้อยคำยาวยืด คือถ้าจะมาแนวนี้ แล้วไม่เทพในการสรรหาคำ ไม่ใช่คนที่สามารถเป็นนายภาษาได้ เราว่ามีแต่จะทำให้คนอ่านวางหนังสือลงมากกว่าจะฝืนอ่านต่อนะ มันเก่าแล้ว การเขียนด้วยสำนวนแบบนี้น่ะ

แต่ก็เอาเถอะ สุดท้ายเราก็ต้องทนอ่านต่อให้จบจนได้ ก็ตั้งใจไว้นานแล้วนี่นาว่าจะไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เราเปิดอ่านแล้วจะอ่านไม่จบ

ช่วงกลางๆ ไปจนจบเล่มหนาๆ นั้น อันที่จริงก็ไม่ได้เลวร้ายมากมายนัก อาจเพราะเราไม่ได้คุ้นชินกับวัฒนธรรมของอินเดีย ไม่คุ้นเคยกับชื่อคนหรือชื่อสถานที่ ก็วรรณกรรมอินเดียสามารถข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยให้ได้อ่านกันกี่เล่มกันเล่า

หลายฉากทำให้เราสะเทือนใจเหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากที่คนในครอบครัวทะเลาะ และทิ่มแทงกันด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ จี้ปม ขยี้จุดอ่อนของกันและกัน ก็คนในครอบครัวนี่แหละ ที่รู้จุดอ่อนของกันมากที่สุด และทำร้ายกันได้เจ็บปวดที่สุด

เรื่องราวจบลงด้วยความตายของหลายชีวิต หดหู่และสั่นอารมณ์มากพอสมควร เพราะดันกลายเป็นว่า อรุณธตี รอย ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราโยนความเกลียดชังไปที่ตัวละครตัวใดเลย จะโกรธในการกระทำของตัวละครสักตัวก็โกรธไม่ลง เพราะเขาปูพื้นมาอย่างหนักแน่นว่าเพราะเหตุใด เรื่องราวจึงต้องเป็นไปเช่นนั้น ตัวละครของอรุณธตี รอย มีชีวิต มีความรู้สึก มีหัวใจที่เราสัมผัสและจับต้องได้จริงๆ

ก็ถือว่าคู่ควรพอสมควรนะ ที่จะขึ้นแท่นเบสต์เซลเลอร์น่ะ (ถ้าคนอื่นๆ จะไม่ซีเรียสเรื่องสำนวนการเขียนสมัยเก่าที่เน้นการเวิ่นเว้อพร่ำเพ้อพรรณนาสักเท่าไหร่)
www.batorastore.com © 2024