Customer Reviews

ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 14 กันยายน พ.ศ. 2556

สุดยอดหนังสือแห่งการลงทุนของประเทศไทยที่สร้างเศรษฐีหุ้นมาแล้วนับไม่ถ้วน คำกล่าวนี้ของผมเองคงไม่เกินจริงไปนักเพราะจากที่ได้ยินจากปากของนักลงทุนชั้นแนวหน้าทั้งพอร์ตเล็กและพอร์ตใหญ่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องได้อ่านหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกแล้วถึงได้ ปิ๊งๆๆๆๆๆๆๆ ว่าต้องลงทุนด้วยแนว VI ถึงจะรวย *0* เหมือนมีมนต์สะกดจากท่านอาจารย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่คงใช้ภาพตัวเองถือไพ่(?)มาทำให้ผู้อ่านงงงวยแล้วเผลอทำตามวิธีของแก แล้วอยู่ดีๆก็รวยขึ้นมาซะงั้นอ่ะ -_-" ร่ายมายาวนานต้องขออธิบายสั้นๆว่า หนังสือเล่มนี้เก่ามากแล้วตัวอย่างหุ้นแต่ละตัวก็เก่าจนหาที่ติไม่ได้ แต่หลักการที่มีในเล่มนี้นั้นหาค่ามิได้สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการอิสระภาพทางการเงินอย่างมั่นคง การเขียนของท่าน ดร. ซึ่งเล่มนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเล่มแรกหรือป่าว แต่คาดว่าคงต้องเป็นเล่มแรกๆ ก็ไม่ได้มีความสวยงาม แต่ทำไมไม่รู้ครับอ่านเข้าใจง่ายมากๆๆๆๆ อ่านแล้วเข้าหัวแบบทะลุปรุโปร่งเหมือนโดนล้างสมองเลยอ่ะ เล่มต่อๆมาของท่านนะเขียนได้ดีกว่าซะอีกแต่ทำไมไม่รู้ยังสู้เล่มนี้ไม่ได้ครับ คือก่อนอ่านเนี่ยเหมือนควายเลยครับ พออ่านจบแล้วกลายเป็นนักลงทุน VI ไปแล้ว 50% เลยอ่ะ จาก 0->50 ด้วยหนังสือเล่มเดียวเนี่ยไม่รู้ว่าจะมีหนังสือเล่มไหนในประเทศไทยที่ทำได้ดีกว่านี้อีกแล้วมั้งเนี่ย ปล. ที่เขียนมาทั้งหมดบอกได้เลยครับว่าไม่ได้โม้ ดีไม่ดีผมยังชมความสุดยอดของหนังสือเล่มนี้ได้ไม่พอด้วยซ้ำ เอาไปเลย 5 ดาว
การลาออกครั้งสุดท้าย The Last Resignment
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

เหมาะสำหรับวัยรุ่นวัยกำลังจะทำงานซึ่งกำลังสับสนว่าเราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตการทำงาน เราต้องทำงานเพื่อหาเงินให้มากที่สุดใช่หรือไม่ หรือเราต้องการเป็นนายของตัวเองและสามารถมีรายได้โดยการทำงานอิสระที่ตัวเองต้องการ หรือการนำเงินไปลงทุนเพื่อให้มีรายได้โดยไม่ต้องทำงาน หนังสือเล่มนี้เกิดจากชีวิตจริงของชายหนุ่มผู้ว่างงานโดยสมัครใจ เป็นชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ผมเชื่อว่าคงต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่ในหัวของคนที่ทำงานมาซักระยะแล้วอย่างแน่นอน ว่าเราควรจะทำงานไปถึงเมื่อไหร่และเราทำงานไปเพื่ออะไร หรือเราควรที่จะต้องทำตัวให้เป็นคนว่างงานแล้วออกมาหาอิสระภาพที่แท้จริง ความต้องการของผู้เขียนต้องการจะบอกว่าเขาเนี่ยแหละที่เลือกที่จะตัดสินใจออกมาเป็นคนว่างงานที่สามารถมีอิสระได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างของคนอื่น เป็นหนังสือที่อ่านสนุกแต่ขอบอกใว้ก่อนเลยว่าถ้าต้องการความรู้ด้านการลงทุนดีๆอาจจะต้องไปหาอ่านจากเล่มอื่นเพิ่มเนื่องจากหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เน้นเกี่ยวกับด้านการลงทุนมากนักและผมคิดว่าผู้เขียนยังไม่ได้มีความสามารถด้านการลงทุนที่เพียงพอที่จะสามารถเขียนหนังสือเกี่ยวกับการมีอิสระภาพด้านการเงินได้อย่างมีประโยชน์กับผู้อ่านมากนัก
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด ก็เป็นหนังสืออีกเล่มของสำนักพิมพ์ stock2morrow ที่มีสไตล์การเขียนเป็นสไตล์เฉพาะตัวเองซึ่งเป็นสไตล์ที่อ่านง่าย สนุกและได้ความรู้จากผู้เขียนโดยตรง สำหรับหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงประสบการณ์ชีวิต การเทรดหุ้น และการเป็น prop trade ที่บริษํทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกันตั้งแต่ ชีวิตก่อนที่จะมาเป็นนักเล่นหุ้น เทคนิคการเล่นหุ้นระยะสั้น เทคนิคการอ่านกราฟ ซึ่งในฐานะที่ผมเป็นักลงทุนระยะยาวที่ไม่เคยสนใจที่จะศึกษาเทคนิคการเล่นหุ้นระยะสั้นมาก่อนในชีวิตก็ได้ทดลองซื้อมาอ่านดูว่าจะมีอะไรบ้างที่พอจะเป็นประโยชน์กับการลงทุนของตัวเองซึ่งก็พบว่า เทคนิคส่วนใหญ่ในหนังสือเล่มนี้ผมไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และ เนื้อเรื่องบางส่วนก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับหลักการในการลงทุนระยะยาวมากนัก จะมีหลายๆช่วงที่ผู้เขียนได้เขียนเรื่องที่ออกนอกเรื่อง(แต่สนุกเพราะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน)ซึ่งทำให้การอ่านหนังสือเล่มนี้แม้จะไม่ได้หลักการที่สำคัญแต่ก็เป็นการอ่านหนังสือหุ้นที่สนุกมากๆเล่มหนึ่ง ซึ่งผมจะอ่านเพื่อศึกษาชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการที่จะทำเงินจากหุ้นได้เป็นกอบเป็นกำแทนที่จะไปทำงานกินเงินเดือน
108 ธุรกิจสร้างสรรค์ Innovative Business
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้จะรวบรวมเอาธุรกิจที่น่าสนใจต่างๆมารวบรวมใว้ในเล่มเดียวกัน ซึ่งจะมีเว็บไซต์ของธุรกิจนั้นๆบอกทุกธุรกิจ ซึ่งทำให้ผมยังงงอยู่ว่ามันเป็นธุรกิจที่เน้นเว็บไซต์เป็นหลัก หรือเป็นธุรกิจหลักที่มีเว็บไซต์ กันแน่ โดยรวมแล้วไอเดียธุรกิจต่างๆค่อนข้างแปลกแหวกแนวจริงๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่ายังมีธุรกิจที่น่าสนใจอีกมากมายที่ผมยังไม่เคยรู้มาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจ SMEs ที่พวกเราสามารถศึกษาและมาปรับใช้ในบ้านของเราได้ (เพราะธุรกิจส่วนใหญ่อยู่นอกประเทศไทย)
ยอดผู้บริหารของวอเร็น บัฟเฟตต์
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ผมเป็นนักลงทุนแนว VI ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีความเกี่ยวข้องกับแนวทางนี้เป็นอย่างมาก เพราะวอเรนคือ 1 ในนักลงทุนผู้ใช้แนวทางนี้และได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง บริษัทเบิร์กไชร์ของวอเรนได้ซื้อกิจการมากมายทั้งใหญ่และเล็ก ในบรรดากิจการเหล่านี้ย่อมต้องมีผู้บริหารที่เก่งกาจอยู่มากมาย หนังสือเล่มนี้จะทำการเจาะลึกประวัติของธุรกิจเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง บริษัทที่เด่นๆ และเป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของวอเรนก็อาจจะมี see' s candy หรือบริษัทที่ไม่ได้ซื้อทั้งบริษัทแต่เป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ก็เช่น coca cola, american express, geico และอื่นๆอีกมากมาย แต่หนังสือเล่มนี้ได้นำบริษัทที่แทบไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อนถ้าไม่เคยอ่านรายงานประจำปีของเบิร์กไชร์ ว่าวอเรนก็ซื้อบริษัทเหล่านี้มาใว้ด้วย บริษัทเหล่านี้ก็เช่น acme brick ที่ขายอิฐ, jordan furniture บริษัทเฟอร์นิเจอร์อีกบริษัทที่ไม่ใช่ nebraska furniture mart หรือ หนังสือพิมพ์ buffalo news ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกๆ ที่วอเรนได้เข้าไปซื้อก่อนที่จะซื้อหุ้นของ washington post
3 เจ๊พันล้าน
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ลองซื้อมาอ่านเล่นเพราะซื้อเล่มเดียวได้ประวัตินักธุรกิจถึง 3 คน ก็พบว่าทำให้ได้ศึกษานักธุรกิจผู้หญิงสามท่านที่ได้สร้างเนื้อสร้างตัวตั้งแต่ 0 จนรวยเป็นพันล้าน ในหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก มาจนถึงวัยรุ่นที่ทั้งสามท่านนั้นก็ได้เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นเลยทีเดียว ได้มีการสอดแทรกหลักการการทำธุรกิจ การใช้ชีวิตจากปากคำของทั้งสามท่านโดยตรงมาตลอดเล่ม เช่น "นักธุรกิจรุ่นใหม่ เมื่อทำเงินได้ก้อนแรกแล้ว อย่าเพิ่งรีบใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นกำไร เพราะนั่นคือทุนที่เราต้องต่อยอดธุรกิจในอนาคต" "หลัก 3 ข้อที่เจ๊เกียวให้ลูกๆ ยึดถือใว้เสมอ คือ 1. ขยัน 2. ประหยัด 3. คุณธรรม โดยเฉพาะประหยัด ต้องเข้าขั้น "เค็ม" เลือกเค็มกับสิ่งที่ควร" "แม้วันนี้จะประสบความสำเร็จ แต่เจ๊เล้งก็ไม่คิดเปิดสาขาใหม่ เธอมองว่า ถ้ามีสาขามากๆ ก็เหมือนฆ่าตัวเอง สร้างหนี้เพิ่ม สู้มีสาขาเดียว และทำให้ดี มีแคชโฟลว์เยอะ" "เราไม่ได้กำไรเยอะ แต่อาศัยขายวอลลุ่ม เช่น ดิฉันขายวันละไม่ต้องมากแค่ 2 แสนชิ้น กำไรชิ้นละ 10 บาท ดิฉันก็อยู่ได้แล้ว ยิ่งเป็นผู้นำเข้าเราจะกำหนดราคากับตลาดได้ เพราะเราต่อรอง กับผู้ผลิตต้นทางได้โดยตรง" และอื่นๆอีกมากมายๆๆๆๆๆๆ ข้อเสียอย่างเดียวคือหนังสือเล่มนี้มีเรื่องของ เจ๊เกียวกับ เจ๊เล้ง อย่างละ 45% เหลือพื้นที่ใว้ให้เจ๊ง๊อ แค่ 10% เองครับ T-T
Warren Buffet Invests Like a Girl : คิดแบบผู้หญิง รวยแบบบัฟเฟ็ตต์
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ผมเป็นนักลงทุนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือเกี่ยวกับนักลงทุนคนสำคัญของโลกซึ่งแน่นอนว่าวอเรนบัฟเฟ็ตต์เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ผมได้ศึกษาหลักการและวิธีการลงทุนของเขามาเป็นเวลานานและได้มีหนังสือของวอเรนหลายๆเล่มด้วยกันซึ่งเล่มนี้ชื่อตอนก็คงต้องบอกว่าแปลกมากๆเพราะการลงทุนนั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเป็นกิจกรรมที่มีแต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ทำหรือทำได้ดีแต่หนังสือเล่มนี้ได้นำเอาการมองการลงทุนในมุมมองของผู้หญิงมาใช้

บทต่างๆในหนังสือเล่มนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆคร่าวๆได้ดังนี้

สภาวะทางอารมณ์ของเพศหญิง
การซื้อขายที่น้อยลงทำให้กำไรมากขึ้น
ความมั่นใจที่พอประมาณไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
การมองโลกในแง่ร้ายในเชิงบวก
ศึกษาอย่างถี่ถ้วน
เมินแรงกดดันจากเพื่อนฝูง
เรียนรู้จากความผิดพลาด
ความสม่ำเสมอของรายได้จากการลงทุน
ฯลฯ

เนื้อหาโดยรวมจะมีการนำเอาจุดเด่นของศักยภาพในการลงทุนของผู้หญิงมาเทียบกับผู้ชายซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองเพศนี้มีจุดแข็งและจุดอ่อนไม่เหมือนกันแต่โดยรวมแล้วผู้หญิงเนี่ยแหละที่อาจจะสามารถลงทุนได้ดีกว่าผู้ชาย อาจจะเนื่องมากจากสภาวะทางอารมณ์ที่มีความเป็นเฉพาะตัว เช่น การสามารถอดทนดูราคาหุ้นตัวเองราคาลงไปมากๆโดยไม่ทำการ ขายหุ้นทิ้งไปก่อนเวลาอันควร นี่ก็นับว่าเป็นความสามารถที่บางทีผู้หญิงอาจจะมีมากกว่าผู้ชายในการที่จะเป็นนักลงทุนระยะยาวที่เก่งกาจและมีผลตอบแทนที่น่าพอใจได้

หนังสือเล่มนี้ยังได้มีการนำเอาเหตุการณ์สำคัญๆของบริษัทประกันของวอเรนมาใช้เป็นตัวอย่างอยู่เรื่อยๆทำให้ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับวอเรนได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนของเขามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เปลี่ยนผู้ชมเป็นผู้ช้อปด้วย "ดิจิทัลคอมเมิร์ซ" DIGITAL COMMERCE
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 11 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้นั้นมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอินเตอร์เน็ตเยอะมากแล้วก็ค่อนข้างอัพเดทในระดับนึง ซึ่งธุรกิจหลายๆอย่างในหนังสือเล่มนี้นั้นบอกได้เลยว่าค่อนข้างใหม่ หลายๆโมเดลธุรกิจยังไม่มีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ เช่น square หรือ แสควร์ธุรกิจชำระเงินด้วยมือถือที่ตอนนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศอเมริกา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองว่าต่อไปประเทศไทยก็อาจจะต้องเป็นไปตามเมืองนอก

โดยจะมีหลายเรื่องมากๆครอบคลุมหลายต่อหลายบริษัทเช่น ebay amazon google facebook twitter alibaba youtube paypal โดยจะนำเอาโมเดลทางธุรกิจของแต่ละธุรกิจมาวิเคราะห์กันว่าแนวโน้มในอนาคตจะไปทางไหนบ้างซึ่งก็ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจด้วยการทำการตลาดผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ตหลายๆข้อด้วยกันกระจายไปตามแต่ละบท

เนื้อหามีข้อมูลที่น่าสนใจเยอะเช่นเรื่องราววิธีการโปรโมตหนังเรื่อง hunger game ซึ่งก็ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำการตลาดแบบรอบด้านโดยเฉพาะในด้านออนไลน์ที่สามารถมีผลต่อการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังได้พูดถึงเรื่อง ecommerce ค่อนข้างเยอะซึี่งก็ถือว่าน่าสนใจเพราะถึงแม้ว่าหลายๆโมเดลในต่างประเทศยังอาจจะไม่เหมาะสมกับประเทศของเราในตอนนี้ แต่ ณ ปัจจุบันก็นับว่าการขายของผ่านอินเตอร์เน็ตหรืออีคอมเมิร์ซในประเทศไทยนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึี่งก็จะเป็นไปตามแนวโน้มของต่างประเทศ

โดยรวมแล้วเป็นหนังสือที่ค่อนข้างดีแต่อาจจะอ่านยากไปนิดนึงสำหรับมือใหม่ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจดิจิทัลครับ (สำหรับมือใหม่ 4 ดาว สำหรับมือเก๋าที่ต้องการความลึกเพิ่มขึ้นให้ 5 ดาวครับ)
เจาะหุ้นเหล็ก
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 11 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งที่ถึงแม้ว่าชื่อเรื่องจะเป็น เจาะหุ้นเหล็ก แต่กลับไม่ค่อยมีเรื่องเกี่ยวกับหุ้นเยอะเท่าที่คิด แต่กลับเป็นเรื่องราวของผู้บริหารหนุ่มอายุเพียงยี่สิบกว่าๆ ที่สามารถนำบริษัทมิลคอนสตีลอินดัสทรี่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจผลิตเหล็กขาย ผ่านวิกฤตต้มยำกุ้ง จนสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และสามารถนำเทคโนโลยีในการผลิตเหล็กจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูงแบบ special grade ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งกว่าจะได้มาซึ่งความสำเร็จระดับนี้ หนุ่มนักบริหารอายุน้อยผู้นี้ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆมากมายทั้งเรื่องที่หนักสุดๆและช่วงที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรมมาอย่างโชกโชนเลยทีเดียว

เรื่องราวภายในเล่มจะเริ่มต้นจากการที่คุณสิทธิชัยหรือคุณ หมู ต้องเข้ามา่ช่วยพลิกฟื้นกิจการของคุณพ่อและครอบครัว ซึ่งได้เป็นหนี้ที่เกิดจากการทำธุรกิจผ่านช่วงปี 2540 ซึ่งได้เกิดวิกฤตค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้บริษัทต้องเป็นหนี้กว่า 5,000 ล้านบาท!!! โดยเขาต้องกลับมาจากต่างประเทศและในขณะนั้นมีอายุเพียงแ่แค่ 23 ปีเท่านั้นเอง!!! เขาได้เริ่มการเจรจากับเจ้าหนี้โดยให้ยึดทรัพย์ไปเกือบหมด แต่ก็สามารถซื้อกลับคืนมาได้บางส่วนด้วยการใช้เงิน 300 ล้านบาท ประมูลคืนกลับมาจาก บสท. และจึงสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้

หลังจากนั้นเมื่อตลาดเริ่มฟื้นขึ้นมา มีการสั่งซื้อเหล็กเพิ่มมากขึ้นและสถานการณ์ของบริษัทเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จึงสามารถนำบริษัทเขามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ และได้เทคโอเวอร์บริษัทเหล็กเจ้าอื่นมา 1 บริษัท ซึ่งเขาได้เล่าว่าเป็นการควบรวมแบบเป็นมิตรที่เข้ากันได้ดีกับมิลคอนอย่างยิ่ง(อ่านรายละเอียดได้ภายในเล่ม)

หลังจากนั้นก็มีเรื่องเกี่ยวกับการ Green Mill Project ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ระดับ 5,000 ล้านบาท เป็นการนำเข้าเครื่องผลิตเหล็กระดับ special grade ซึ่งต้องใช้เครื่องจักรจากประเทศอิตาลี โดยโปรเจ็คต์นี้เองต้องผ่านวิบากกรรมมากมายกว่าจะสำเร็จได้ โดยเริ่มต้นจากการที่บริษัทญี่ปุ่นได้ตัดสินไม่สนับสนุนเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท!! ทำให้คุณหมูเครียดสุดจนต้องอ่านหนังสือเยอะมากกกก(เป็นวิธีแก้เครียดของเขา อ่านได้ภายในเล่ม)

หลังจากบริษัทญี่ปุ่นถอนตัว คุณหมูก็ไม่ยอมแพ้ กลับเดินหน้าเจรจากับบริษัทอิตาลีต่อโดยการขอส่วนลด 2,000 ล้านบาท !!! และขอให้เขามาเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยการลงทุน 400 ล้านบาท ปรากฏว่าเขาโอเคครับ!!! สุดยอดมากๆ สุดทายก็มีเครื่องจักรแล้วววว แต่อุปสรรคยังไม่หมดแค่นี้ครับ ต่อมาคือเรื่องมาบตาพุดครับ ถ้าเรายังพอจะจำกันได้ เรื่องนี้คือมีกลุ่ม NGO มายื่นเรื่องขอให้ระงับโครงการ 86 โครงการที่จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมิลคอนก็ซวยมากดันไปอยู่ในโซนที่ต้องโดนระงับพอดี

จะทำอย่างไรดีล่ะ??? ต่อมาคุณหมูก็ได้ขอเข้าพบรัฐมนตรี่และได้ทราบข้อมูลว่าวันพรุ่งนี้จะมีการยื่นเรื่องขอผ่อนผันจาก 17 บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากกรณีมาบตาพุด ซึ่งเรื่องนี้คุณหมูก็เพิ่งจะรู้เนี่ยแหละ!!! คืนนั้นเลยต้องรีบเกณฑ์พนักงานมาจัดทำเอกสารเตรียมยื่นเรื่องเป็นการใหญ่ ซึ่งก็เสร็จทันและในที่สุดก็สามารถดำเนินงานก่อสร้างต่อไปได้ครับ

ในหนังสือเล่มนี้นอกจากท่านผู้อ่านจะได้รับประสบการณ์ส่วนตัวแบบเน้นๆจากคุณหมูนักธุรกิจอายุน้อยผู้เก่งกาจแล้ว ท่านยังจะได้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเหล็กอย่างมากมายอีกด้วย ท่านจะได้ทราบว่าธุรกิจเหล็กที่เขากล่าวกันว่า ห่วยสุดๆนั้น จริงๆแล้วห่วยจริงๆหรือไม่ บอกได้เลยว่าภายในเล่ม จะได้รับฟังเรื่องนี้จากการเขียนของคุณหมูโดยตรงเองเลยครับ รับรองว่าข้อมูลแน่นๆและแม่นยำแน่นอนครับ
ยุคแห่งเฟซบุค The Facebook Era
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 11 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้ต้องบอกไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ mark zuckerberg เนื่องจากมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ social network ล้วนๆโดยจะเน้นเรื่องเกี่ยวกับภาพใหญ่ๆของยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้นจาก social network ว่าได้ทำให้โลกของเราเปลี่ยนวิธีการติดต่อกันไปเป็นอย่างไรบ้าง โดยจะมีหลักวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะสำหรับหนังสือเล่มนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าสำหรับนักอ่านทั่วไปอาจจะอ่านแล้วทำให้เบื่อได้ง่ายเนื่องจากไม่ค่อยมีเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท facebook หรือประวัติความสำเร็จของผู้ก่อตั้งและประวัติของบริษัทซักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นยังอ่านค่อนข้างยากเพราะเป็นหนังสือแปลอีกต่างหาก แต่ข้อดีคือมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะและเป็นไปในแนววิชาการหรือหลักการภาพใหญ่ๆค่อนข้างเยอะมากครับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับ social network แบบลึกซึ้งขั้นสูงมากกว่าครับ
พ่อรวยสอนลูก # 2 : เงินสี่ด้าน
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 11 กันยายน พ.ศ. 2556

คุณอยู่ด้านไหนของ 'เงินสี่ด้าน'คำถามนี้คุณจะไม่เคยนึกถึงเลยถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และมันจะเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่งที่ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนที่คุณจะอายุเกิน 50 ปี หรือถึงวัยเกษียณเสียก่อน เพราะคุณจะพลาดโอกาสระหว่างเส้นทางชีวิตที่จะเพิ่มความมั่งคั่ง ( หรืออย่างน้อยก็รักษามันใว้ไม่ให้แพ้เงินเฟ้อ ) ให้กับตัวคุณเองและครอบครัว ทำไมไม่ทำงาน หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนด้านที่ตนยืนอยู่ สำหรับ "ลูกจ้าง" และ "คนทำธุรกิจส่วนตัว" ที่ต้องการก้าวไปเป็น "เจ้าของกิจการ" หรือ "นักลงทุน" และสำหรับคุณทุกคนที่ต้องการมากกว่าความมั่นคงของงานนั่นคือความมั่นคงทางการเงิน นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ แต่มั่นใจได้ว่าจุดหมายปลายทางนั้นคุ้มค่าแก่ความพยายามยิ่งนัก เพราะสุดทางเส้นนี้คือ "อิสรภาพทางการเงิน"
ลงทุนให้รวย
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 11 กันยายน พ.ศ. 2556

สุดยอดอีกแล้วครับ หนังสือที่คุณโสภณเขียนเล่มนี้ เป็นหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดอีกเล่มนึงเลยทีเดียว โดยหนังสือเล่มนี้ยังเน้นหลักการลงทุนระยะยาวและเพียบพร้อมไปด้วยหลักการลงทุนที่ถูกต้องจริงๆอย่างมากมาย รวมไปถึงเทคนิคการลงทุนซื้อขายหุ้นที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง โดยเนื้อหาจะเป็นแนว VI เป็นหลักโดยการนำตัวอย่างหลักการที่ไม่มีวันตายจากนักลงทุนระดับตำนาน เช่นวอเร็นบัฟเฟตหรือ ดร นิเวศน์มาเพื่ออธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

หนังสือการลงทุนที่ออกมาในช่วงปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแนวเก็งกำไรซะส่วนใหญ่ซึ่งอาจจะได้รับความนิยมจากนักเก็งกำไรซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประชากรนักลงทุน ซึ่งผมมองว่าแย่มากๆเนื่องจาก จริงๆแล้วการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งหรือเพื่อให้รวยอย่างยั่งยืนนั้น ต้องเป็นการลงทุนระยะยาวที่ใช้หลักการหลักๆเพียงไม่กี่อันและไม่ได้ยากมากมายอะไรซะด้วย (แต่อาจจะฝืนความรู้สึกของหลายๆคนเลยทีเดียว ไม่งั้นพวกเขาคงรวยกันหมดแล้ว)

แต่หนังสือเล่มนี้นั้นได้รวบรวมนำเอาหลักการที่สำคัญแทบจะทุกหลักการมาใว้ในเล่มเดียวกันโดยประยุคมาจากนักลงทุนระดับโลกอย่างวอเร็น อย่างเช่น การ focus การลงทุนไปในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว แต่ว่าศึกษาจนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งในหุ้นตัวนั้นๆ (ซื้อลงทุนเพียงแค่ 2-3 ตัว) การลงทุนเฉพาะสิ่งที่เราเข้าใจอย่างแท้จริง (ที่เรียกว่า circle of competence หรือวงกลมแห่งความแข็งแกร่ง) โดยจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่เข้าใจเป็นอันขาด แค่ 2 หลักการนี้ก็พอจะเห็นได้แล้วว่า มีนักลงทุนกี่คนที่เดินออกจากหลักการ คือการซื้อหุ้นทีเป็น 10 ตัว แล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหุ้นที่ตัวเองซื้อเลย

เนื้อหาภายในเล่มจะมีประมาณนี้ครับ
- จะตอบคำถามว่า แท้จริงแล้วนั้น กองทุนรวมหุ้นหรือตราสารหนี้นั้นดีหรือไม่? ซึ่งก็จะบอกว่าแท้จริงแล้วกองทุนรวมนั้นไม่ได้ดีจริง โดยผลตอบแทนจะดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์แต่ไม่เพียงพอที่จะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมากมาย (อาจจะ 5-10%) ซึ่งเหตุผลก็คือกองทุนรวมมีข้อจำกัดในการลงทุนเนื่องจากอาจจะไม่สามารถซื้อบริษัทที่มีขนาดเล็กและโตเร็วได้ และนักลงทุนในกองทุนรวมยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอีกต่างหากซึ่งทำให้ผลตอบแทนรวมลดลง
- ควรลงทุนเท่าไร?
คำตอบภายในเล่มคือถ้าเราแบ่งเงินใว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วก็ควรลงทุน 90% ไปเลย (ไม่ต้องกระจายความเสี่ยงเพราะได้กระจายไปขั้นนึงแล้วจากการแบ่งเงินมาใว้ใช้ในชีวิตประจำวัน) แต่ว่าให้ศึกษาสิ่งที่เราจะลงทุนให้ดีที่สุดเท่าที่จะได้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง
- กฎการลงทุน
1. ลงทุนในสิ่งที่เราชำนาญและรู้จัก
2. เลือกเฉพาะโอกาสที่ให้ผลกำไรเต็มๆ แต่ความเสี่ยงต่ำ
3. เน้นลงทุนเฉพาะอย่าง (ไม่กระจายความเสี่ยง)
4. จงเสียหายและใช้ให้เต็มที่ (อย่ากำไรเพียงเล็กน้อย)
5. รู้จักหนีหากสถานการณ์เปลี่ยน
- ตัวอย่างชีวิตจริงนักลงทุน
จะมี 2 คนคือ คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ กับ คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
โดยคุณกิติชัยนั้นจะเริ่มจากเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก่อนในยุคหลังปี 40 ซึ่งตอนนั้นสามารถประมูลบ้านและคอนโดมาได้ในราคาที่ต่ำมาก แต่หลังจากนั้นเริ่มมีคนรู้วิธีทำให้ราคาเริ่มกลับมาสู่ปรกติ แล้วก็ได้มาเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีหุ้นในดวงใจคือหุ้น ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต หรือ SCNYL (ปัจจุบันคือ SCBLIF ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต) ซึ่งได้เริ่มเข้าซื้อตอน 70 บาท ด้วยเงิน 14 ล้านบาท และตอนนี้มีราคา เป็น 1,000 บาทแล้ว (ไม่รู้ตอนนี้ยังถืออยู่หรือป่าวน้อ ถ้ายังถือน่าจะมีมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท) ซึ่งเขาก็ได้อธิบายถึงเสน่ห์ของธุรกิจประกันชีวิตเอาใว้ด้วย (อ่านได้ในเล่มจ้า)

และประวัติคุณทองมาแบบคร่าวๆซึ่งก็จะพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจว่าคุณทองมาก็เคยทำมาหลายอย่างแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เช่นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหรือบ้านจัดสรรในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็มาได้แบบมหาศาลทีเดียวเลยกับการสร้างบ้านราคาต่ำและทำให้กลายเป็นมหาเศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ติดต่อกันหลายต่อหลายปี

บทท้ายๆจะมีดังนี้คือ
-วิธีการลดความเสี่ยง
เราต้องรู้จักสิ่งที่เราลงทุนเป็นอย่างดี และให้ทยอยซื้อ
-การตัดสินใจที่ทรงพลัง
การตัดสินใจไม่กี่ครั้งสามารถเปลี่ยนชีิวิตได้เลยทีเดียว
-ไม่มีใครทำนายอนาคตได้
ไม่ใครรู้ว่าปีหน้าดัชนีหุ้นหรือราคาหุ้นตัวไหนจะอยู่ที่เท่าไหร่
-การเลิกเป็น
ขายทำกำไรแล้วต้องใจเย็นๆอย่าเพิ่มรีบเข้ารับกลับเมื่อหุ้นลงมาเพียงเล็กน้อย
-กับดักความเชื่อมั่น
อย่าคิดว่าครั้งนี้จะเหมือนกับครั้งก่อนที่ผ่านๆมาเสมอไป
-สุดท้ายใช้ชีวิตให้ช้าลง
จงใช้ชีวิตอย่างใจเย็นไม่ต้องเร่งรีบและคุณจะพบกับทางสว่างที่รับรองว่านักเก็งกำไรรายวันไม่มีทางได้เจอ

รีวิวนี้เป็นเพียงแค่สรุปเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมออกมาสั้นๆเพียงบางส่วนเท่านั้นแต่หนังสือเล่มนี้ยังมีสิ่งที่สุดยอดอีกมากรอให้ท่านผู้อ่านที่ต้องการจะเป็นสุดยอดนักลงทุนในวันข้างหน้า(พร้อมกับความมั่งคั่งนะจ้า)ให้เข้าไปค้นหาอีกมากมายแม้ เพราุะทุกประโยคทุกถ้อยคำในหนังสือเล่มนี้นั้นเปรียบได้ดั่งกับทองคำที่เหมือนจะรอให้ท่านเข้าไปอ่านและเพียงทำตามเท่านั้น ( ที่สำคัญอ่านง่ายมากๆอ่านครั้งเดียวก็เข้าใจหมดแล้ว มีแต่เนื้อไม่มีน้ำเลย ไม่เหมือนหนังสือเล่มอื่นๆ) ขอรับรองได้ว่าหนังสือการลงทุนเล่มนี้จะต้องกลายเป็นสุดยอดแห่งคัมภีร์ำนำทางเล่มหนึ่งให้ชีวิตท่านพบกับความร่ำรวยอย่างแน่นอน



เปิดอีเมลสตีฟ จอบส์ Letters to Steve
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 10 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเกี่ยวกับสตีฟจ๊อบส์เล่มนี้รับรองว่าเนื้อหาไม่เหมือนกับหนังสือประวัติสตีฟจ๊อบส์เล่มอื่นๆอย่างแน่นอน เพราะจะมีประวัติบอกแค่ตอนแรกๆของเล่มเท่านั้น โดยจะเป็นประวัติแบบคร่าวๆ แต่เนื้อหาหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องราวต่างๆมากมายหลายเรื่องในแต่ละช่วงเวลาต่างๆของสตีฟจ๊อบส์ที่ได้ตอบเมลให้กับผู้คนต่างๆ ทั้งคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และคนที่เราเคยได้ยินชื่อมาบ้าง ซึ่งถ้าอีเมล์ภายในเล่มนั้นเป็นอีเมล์ของแท้ ก็ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้มีมูลค่าที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างหาค่ามิได้ เพราะถ้าเราศึกษาชีวประวัติของเขานั่นก็คือการอ่านสิ่งที่คนอื่นเขี่ยนขึ้นมา แต่การอ่านอีเมล์ที่สตีฟจ๊อบส์เขียนเองนั้น จะทำให้เราได้เข้าถึงตัวเขาได้โดยตรงเลยทีเดียว

เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้นั้นจะมีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ดูอาจจะไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน แต่มันเป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆต่างที่บอกได้เลยว่าไม่สามารถหาได้จากหนังสือเล่มอื่นๆที่เกี่ยวกับสตีฟจ๊อบส์อีกแล้ว (ผมเคยอ่านหนังสือของเขาประมาณ 4-5 เล่ม) ซึ่งเป็นเรื่องที่รับรองได้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เคยรู้มาก่อน และถึงแม้ว่าจะดูเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดูสำคัญหรือยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่มันก็จะทำให้เราได้เรียนรู้วิธีคิดของสตีฟมากยิ่งขึ้น และสามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมเขาถึงได้สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จได้มากถึงเพียงนี้

ข้อเสียอย่างเดียวของหนังสือเล่มนี้คือเพราะว่าเป็นหนังสือแปลเลยอาจจะทำให้อ่านยากไปนิดหนึ่ง และข้อมูลด้านเทคโนโลยีบางเรื่องก็เข้าใจได้ยากสำหรับผม แต่เมื่อเทียบกับข้อมูลใหม่ๆที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่าข้อดีเยอะกว่าข้อเสียมากครับ
ฝึกใจให้แกร่ง
2
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 10 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแปลที่ผมคิดว่าอ่านแล้วมึนส์มากๆ อาจจะเพราะผู้แปลนั้นเป็น ดร. และใช้คำที่พอแปลออกมาแล้วทำให้ผมอ่านไม่รู้เรื่องคนเดียวก็ไม่ทราบได้ แต่บอกได้เลยว่าอ่านยากมากๆ อ่านไปครึ่งเล่มแล้วผมต้องวางทันที สรุปคืออ่านไม่จบ เพราะอ่านไปครึ่งเล่มแล้วยังงงๆอยู่เลยว่าเนื้อหาหลักต้องการจะพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าดูจากชื่อหนังสือคือฝึกใจให้แกร่งก็คิดว่าเนื้อหาในเล่มน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง แต่ภายในเล่มกลับมีเรื่องจิตวิทยามากมายเข้ามาผสมกันอยู่เต็มไปหมด ทำให้อ่านแล้วก็ประมวลผลไม่ถูกเลยทีเดียว

ไม่รู้นะครับจริงๆแล้วหนังสือเล่มนี้อาจจะดีจริงๆก็ได้ เพียงแต่ผมอ่านไม่ไหวจริงๆ == อ่านได้แค่ครึ่งเล่มก็ขอบอกลาแล้วครับ
เศรษฐีทันใจ THE INSTANT MILLIONAIRE
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 10 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มเล็กๆนี้เป็นหนังสือแนวเพิ่มพลังใจคนที่ต้องการอยากจะเป็นเศรษฐีที่ดีเยี่ยมอีกเล่มหนึ่งโดยเนื้อเรื่องจะเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ทำงานแล้วก็ไม่มีเงินเก็บ แต่ก็มีความต้องการที่จะเป็นคนรวย และก็ได้รับคำแนะนำให้ไปพบกับเศรษฐีผู้มีอายุคนหนึ่ง และก็ได้รับคำสอนและได้เรียนรู้วิธีการที่จะทำให้ตัวเองได้กลายเป็นเศรษฐีได้เช่นกัน

วิธีคร่าวๆที่เศรษฐีชายชราได้บอกก็คือสิ่งที่เราคิดล้วนแล้วแต่จะสะท้อนออกมาเป็นตัวเราเองในที่สุด สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการนั่นก็คือ การพูดสิ่งที่เราต้องการวันละหลายๆรอบ และการวางแผนสิ่งที่เราต้องการลงไปบนแผ่นกระดาษ และต้องย้ำกับตัวเองอยู่ทุกๆวันๆละหลายๆรอบๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนไม่มีทางทำให้รวยขึ้นมาได้ แต่มันก็จะมีผลทางด้านจิตวิทยาที่จะเปลี่ยนทัศนคติของเรา และทำให้เราได้มีเป้าหมายเป็นตัวเป็นตน เพื่อที่จะได้เดินตาม

ซึ่งทำอย่างนี้แล้วดูเหมือนง่ายๆๆๆ แต่จริงๆแล้วไม่ง่าย นอกจากนั้นแล้วคนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าทำง่ายๆแบบนี้แล้วจะสามารถเปลี่ยนชีวิตพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ทำกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจจะเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีศรัทธาก็เป็นได้ ซึ่งนับว่าน่าเสียดายมากเพราะด้วยวิธีง่ายๆแค่นี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครๆก็รู้กันหมด ก็สามารถเปลี่ยนความคิดจากภายใน และมันจะแสดงออกมาสู่ภายนอกเป้นผลลัพท์ที่เราสามารถจับต้องได้

นอกจากเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยเพิ่มวิธีคิดภายในจิตใจและเพิ่มจินตนาการในการสร้างเงินทองแก่เราแล้ว เรื่องเล่านี้ยังเป้นเรื่องที่ซึ้งมากๆอีกด้วยยิ่งโดยเฉพาะตอนหลังของเรื่องที่ได้เปิดเผยวาระสุดท้ายของเศรษฐีชราผู้น่าเลื่อมใส อ่านแล้วน้ำตาเกือบไหล อย่างกับอ่านนิยายแน่ะครับ
www.batorastore.com © 2024