Customer Reviews

กล้วยไม้ในมือมาร
3
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง กล้วยไม้ในมือมาร เป็นบทประพันธ์จากปลายปากกาของคุณ คำรัก ได้รับการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ มายดรีม นำเสนอเรื่องราวของเด็กสาวชาวจีนที่มีชีวิตแสนอับโชคตั้งแต่อายุยังน้อย

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวที่มีชื่อว่า อาลั้ง ที่ถูกมารดาผู้ให้กำเนิดขายให้กับชายหญิงคู่หนึ่งด้วยเพราะเขาอยากมีลูก และครอบครัวของเด็กน้อยก็มีฐานะยากจนด้วยบิดาที่เป็นบัณฑิตตกยากเกิดล้มป่วยลง และไม่นานอาลั้งก็ถูกขายต่อๆ ไปอีกหลายครอบครัว กระทั่งมาถึงเมืองไทย

อาลั้งได้มาอยู่กับครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งทำกิจการค้าขายอยู่ในเมืองไทย ทำหน้าที่สาวใช้ที่ต้องเจอวิบากกรรมไม่หยุดหย่อน ที่นี่แม้จะมีความสุขเล็กๆ ให้อาลั้งได้พบบ้าง แต่ก็ยังไม่วายที่จะต้องมีคนเกลียดและคอยใส่ร้าย ทำร้ายไม่เว้นวาย

ในความรันทดแสนลำบากนี้ อาลั้งได้รับความสงสารเห็นใจจากคุณชายป้อและซาเสี่ยเนี้ย มารดาของคุณชายป้อ ความสงสารบวกกับสายใยกลายเป็นความรักที่ดูเหมือนจะทำให้ชีวิตของอาลั้งได้พบกับความสุขเสียที หากแต่มารดาของคุณชายไม่พึงปรารถนาให้บุตรชายของตนได้แต่งงานกับสาวใช้ แม้จะรักและเอ็นดูอาลั้งมากเพียงใดแต่ด้วยใจที่รักบุตรของผู้เป็นมารดาย่อมหวังและอยากให้พบเจอสิ่งที่ดีกว่า คุณชายป้อจึงถูกส่งให้ไปเรียนต่อและอาลั้งก็ถูกจับคลุมถุงชนกับชายอื่น

แม้จะแต่งงานออกเรือนไปแล้วแต่อาลั้งก็ยังต้องพบเจอกับความทุกข์ไม่หยุดหย่อนเมื่อพี่สะใภ้ก็ใช่ว่าจะรักจะเอ็นดู แถมยังร้ายกับนางเอกเอามากเสียด้วย นอกจากจะต้องเสียพรหมจรรย์ให้กับชายที่ตนไม่ได้รักแล้วยังต้องทนสู้รบกับคนรอบข้างที่คอยแต่จะร้ายใส่อยู่ตลอด กว่าจะได้สุขสมหวัง ได้อยู่กับคนที่รักจริงๆ ก็ท้ายเรื่องแล้วจริงๆ

หนังสือนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างหนักสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรดราม่านะคะ ไม่แนะนำให้อ่านหากไม่ชอบความรันทดของนางเอก ไม่ชอบที่จะต้องเสียน้ำตา หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะเรียกความเครียดมากมาให้สำหรับผู้อ่านทีเดียวค่ะ แต่จุดเด่นที่เหมือนจุดบอดของเรื่องกลับเรียกความสนุกสะใจให้กับหลานท่านได้ไม่ยากเช่นกัน แม้จะดูเหมือนเป็นนิยายน้ำเน่าที่เน่าสนิทแต่ก็เป็นเสมือนภาพสะท้อนของชีวิตสังคมแห่งความเป็นจริงที่ครอบครัวคนจีนมักจะไม่พึงใจกับทายาทที่เป็นเพศหญิงนัก และแม้แต่สมัยปัจจุบันนี้แม้จะเจริญก้าวหน้าแต่ก็ยังมีให้เห็นบ้างตามข่าวต่างๆ ที่นำเสนอ

ชื่อนางเอกของเรื่องนี้แปลเป็นภาษาไทยจะหมายถึงกล้วยไม้นั่นเองค่ะ เรื่องราวเหมาะสมกับชื่อเรื่องมาก ที่นางเอกก็คือกล้วยไม้แสนหวานและบอบบาง กลับต้องพบเจอแต่คนใจร้ายที่เป็นราวปีศาจจอมมารมาคอยฉกเอาความสุขที่ควรจะเป็นไปเสียหมด

สำนวนภาษาอ่านง่าย ภาพปกก็สวยมากค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบที่นางเอกสุดแสนจะรันทด แม้จะสื่อถึงชีวิตสังคมจริงๆ แต่ก็อยากอ่านอะไรที่เบากว่านี้ (แต่เมื่ออ่านแล้วก็ต้องอ่านให้จบ...มุ่งมั่นมาก) จบเรื่องแล้วก็อยากให้หวานๆ มากกว่านี้หน่อยค่ะ และอีกอย่างคือผู้อ่านไม่ถนัดนักที่จะจำชื่อ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นชื่อจีนจึงจำยากนิดนึง แต่อ่านไปแล้วก็เพลินดีค่ะ เครียดๆ หนักๆ ตึงๆ แต่ก็น่าสนุกไม่น้อยสำหรับใครที่ชอบแนวดราม่าจัดๆ แบบนี้ ไม่ควรพลาดค่ะ

มายามหาเทวี
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง มายามหาเทวี เป็นบทประพันธ์ของนักเขียนนามปากกา จุติศร ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ แสงดาว หนังสือนิยายเล่มนี้เป็นภาคต่อของเรื่อง พระนางแก้วเก็งยา เป็นเรื่องราวของธิดาของพระนางแก้วเก็งยา ที่เรียกได้ว่าทั้งสองเรื่องจุความสนุกเอาไว้ไม่แพ้กัน

มายามหาเทวี ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหญิงสาวที่มีชื่อว่า เกศมณี โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น เกศมณีหวังจะไปเที่ยวหลวงพระบางพร้อมกับคนรักของเธอ แต่มีเหตุให้ต้องเดินทางคนเดียวซึ่งนี่ก็เรียกว่าเป็นการเดินทางไปหลวงพระบางเพียงลำพังครั้งแรกของเกศมณีก็ว่าได้

นางเอกของเราได้เจอกับพระเอกก็ตอนต้นๆ เรื่องเลยค่ะ พล ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง ชำนาญการเดินทางไปหลวงพระบางเพราะไปมาแล้วหลายครั้ง นางเอกจึงอาศัยพระเอกเป็นเสมือนเครื่องนำทางไปเที่ยวในครั้งนี้ และที่นี่เองที่ทำให้เกศมณีได้พบเจอกับพระนางแก้วเกดสี วิญญาณในอดีตภพที่ยังรอคอยการปลดปล่อยจากความทุกข์เจ็บในใจบางอย่าง

พระนางแก้วเกดสีตามเกศมณีกลับมาที่กรุงเทพด้วยเพราะสัมผัสได้ว่าเกศมณีจะสามารถเชื่อมโยงพระนางกับบุคคลที่เฝ้ารอได้ นั่นก็คือแสน หรือท้าวอุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระนางแก้วเกดสีนั่นเอง โดยเรื่องราวที่ลุกลามเมื่อเกศมณีจับได้ว่าคนรักนอกใจและโกงเอาเงินไปหมด ซ้ำยังโดนทำร้ายแต่ก็โชคดีที่ได้พระนางแก้วเกดสีช่วยเอาไว้

เกศมณีที่ถูกคนรักหักหลัง ถูกโกงเงินก้อนสุดท้ายที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้และเกือบถูกข่มขืนจากคนที่เคยรักกันมากมาย ทำให้ความเสียใจคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่ได้แสนมาช่วยเอาไว้และได้พระเอกมาช่วยพาไปรักษา และหลังจากที่เกศมณีได้สติ ก็ได้รับคำเชิญจากมารดาของแสนให้ไปอยู่ด้วยกันโดยมีพิรุธบางอย่างให้เราได้ลุ้นๆ และสงสัย

เรื่องราวยิ่งน่าลุ้นเมื่อพลที่ต้องเดินทางไกลประสบอุบัติเหตุและจวนเจียนจะเสียชีวิตเพราะชะตาขาด ครั้งนี้เขาต้องตายแต่ก็ได้พระนางแก้วเกดสีมาช่วยเอาไว้เสียก่อน แม้จะเข้าร่างไม่ได้และเป็นวิญญาณที่ล่องลอยคอยติดตามพระนางแต่ก็ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งในอดีตและความผูกพันสายใยที่ก่อเกิดกับคนปัจจุบัน เพื่อนำทางไปสู่การหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทั้งปวง

หนังสือนิยายเรื่องนี้เป็นหนังสือนิยายอิงประวัติศาสตร์อีกเล่มก็ว่าได้ เพราะเมืองเวียงเชียงทอง บ้านเกิดของพระนางแก้วเกดสี ก็คือ หลวงพระบางในปัจจุบันนั่นเองค่ะ ด้วยเพราะความสามารถของพระบิดาที่ทำให้บ้านเมืองยิ่งใหญ่ไพศาล พระนางจึงเฝ้าหวังจะทำให้ได้ดังเช่นพระราชบิดา โดยลืมไปว่าความคิดที่ตนคิดว่าถูกต้องและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเมืองนั้นจะกระทบต่อบุคคลอื่นๆ มากมายโดยที่เขาเหล่านั้นหาได้ยินดีไม่

เป็นหนังสือที่สอดแทรกเรื่องเวรกรรม คติธรรมในการดำเนินชีวิต และการปกครองคนของผู้เป็นใหญ่เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจค่ะ เรื่องราวไม่น่าเบื่อเกินไปนักสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวของวิญญาณ การย้อนยุค หรือเรื่องเวรกรรม ถ้าหากว่าอ่านเรื่องนี้แล้วอยากแนะนำให้อ่านเรื่องก่อนหน้าด้วยนะคะ เพื่อจะได้รับรสแห่งความผูกพัน สายใยการก่อเกิดทั้งหลายอย่างครบถ้วนค่ะ
น้ำผึ้งในคืนคาว
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง น้ำผึ้งในคืนคาว เป็นบทประพันธ์จากปลายปากกานามว่า อันธิตา ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ธราธร เป็นเรื่องราวความรักที่เกิดจากความ...เข้าใจผิด แบบงงๆ ก็ว่าได้ แต่แรงขับให้เรื่องราวความรักดำเนินต่อไปนั่นก็คือความปรารถนาแห่งรักของตัวพระเอกนางเอกของเรื่องนั่นเองค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวชีวิตที่จะเรียกว่าแสนรันทดในบางช่วงบางตอนก็ว่าได้ เพราะในช่วงแรกนั้น นางเอกของเรื่องที่มีชื่อว่า ชามา หรือน้องชาร์ม เป็นลูกเมียน้อยที่ผู้เป็นมารดาพยายามจัดหาแต่สิ่งที่จะทำให้เธอทัดเทียมกับคนที่บ้านใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฐานะ หน้าตา การศึกษา ต่างๆ มากมาย มารดาเพียรยกระดับให้มาโดยตลอด แต่เมื่อมารดาเสียชีวิตจากไปพร้อมหนี้สินมากมายที่ทำไว้เพื่อส่งเสียให้เธอเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน หรือเพื่อยกฐานะทางสังคมให้ชาร์มมาต่างๆ นาๆ ก็ทำให้นางเอกตัดสินใจขายบ้านและทุกอย่างเพื่อปลดหนี้สิน

ชาร์มตัดสินใจออกจากบ้านและมาอาศัยเช่าห้องอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง และที่นี่ชาร์มก็ได้พบกับพริก ที่กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันโดยตลอด แต่เรื่องไม่ธรรมดาก็เกิดขึ้นเมื่อนางเอกจับพลัดจับผลูไปทำธุระให้เพื่อนและเหตุการณ์นำพาไปให้เธอได้พบเจอกับพระเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือ โรม นั่นเอง

นางเอกเมาแอ๋อยู่ในรถของเพื่อนพระเอก จะเรียกว่าคราวซวยหรือพรหมลิขิตก็ไม่รู้ แต่พระเอกมาเจอและคิดว่านางเอกคือผู้หญิงหากินที่เพื่อนได้จัดหาเอาไว้ให้ จึงได้เสียกับนางเอก ทั้งที่น้องชาร์มก็เมาๆ แต่พระเอกก็ออกจะประทับใจกับความน่ารักของนางเอกนะคะ ก็เลยจัดการพานางเอกกลับไปไร่ที่โคราชของตนด้วย

โรม พระเอกของเรื่อง เป็นเจ้าของไร่ที่โคราช และมีฐานะดีมากทีเดียวค่ะ ซึ่งพระเอกดูแล้วก็พอจะเดาได้ว่ารักนางเอกเข้าให้ และตั้งข้อเสนอให้นางเอกช่วยแกล้งเป็นแฟนให้กับตนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องจากไร่ที่เหมือนจะรักมากนี้ไป (แม้จริงๆ จะมีเหตุผลอื่นๆ เคลือบแฝงก็เถอะ)

สำหรับนิยายเรื่องนี้ความจริงตามอ่านตั้งแต่ที่อัพลงให้อ่านในเว็บเด็กดีแล้วล่ะค่ะ สนุกแต่ด้วยมีภาระเยอะ จึงตามอ่านไม่ทัน เมื่อออกมาเป็นเล่มจึงไม่พลาดเลยค่ะ ชอบกับนิยามที่นักเขียนได้บอกเอาไว้ “หวานเหมือนน้ำผึ้ง กรีดหยดน้ำตา ฆ่าเราได้เหมือนยาพิษ นั่นล่ะคือความรัก” เป็นนิยามที่อ่านแล้วติดใจมาก

น้ำผึ้งในคืนคาวเล่มนี้มีปมเล็กๆ ให้ได้คิดให้ได้ลุ้นน่าติดตาม พระเอกน่ารักนะคะแม้จะดูเหมือนว่าเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งให้นางเอกได้เป็นอย่างดีทีเดียวสำหรับศิลปินตกยากอย่างน้องหนูชามาคนนี้

พล็อตเรื่องโดยรวมน่าสนใจไม่น้อยค่ะ การดำเนินเรื่องรื่นไหลน่าอ่านรวมทั้งสำนวนภาษาก็ไม่เป็นรองใครที่ไหน หากไม่ติดใจกับเรื่องความบังเอิญที่เกิดขึ้นในความรักครั้งนี้ก็จะทำให้นักอ่านสนุกและอิ่มเอมไปกับหนังสือนิยายเล่มนี้ได้ไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ทีเดียวค่ะ
เพียงเพราะรัก ด้วยใจปรารถนา
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง เพียงเพราะรัก...ด้วยใจปรารถนา เป็นบทประพันธ์จากผู้เขียนนามปากกาว่า กษิรา ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ทัช เป็นเรื่องราวของความรักที่มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา

หนังสือนิยายเล่มนี้ บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า วาทิตา ซึ่งเธอเป็นน้องสาวคนสุดท้องในบรรดาสามสาวที่กำพร้ามาด้วยกัน คือ วรัทยา อาทิตยา และนางเอกของเรื่องคือ วาทิตา

พระเอกของเรื่องนี้ชื่อว่าภาคิน เป็นเพื่อนกับวรัทยา และหลงรักวาทิตาอย่างเต็มหัวใจ ในขณะเดียวกันนั้น อาทิตยาก็หลงรักภาคินด้วยเช่นกัน แต่พรหมลิขิตนำพาให้สองหัวใจของภาคินและวาทิตาได้สุขสมหวัง ในที่สุดภาคินก็ตัดสินใจแต่งงานกับวาทิตา ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นสดใส เป็นเสมือนของขวัญแสนวิเศษสำหรับชีวิตเด็กสาวกำพร้าอย่างวาทิตาที่จะมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น หากแต่สวรรค์กลับส่งฝันร้ายมาให้ เมื่อวันหนึ่งภาคินได้รับจดหมายปริศนา ต้นตอแห่งความเจ็บช้ำและหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ

ภาคินเข้าใจว่าวาทิตาคบชู้ เขาจึงทำตัวเป็นผู้ชายเจ้าชู้เสเพล วาทิตาเสียใจมากและภาคินเองก็ใช่ว่าจะมีความสุข เขารักวาทิตาและเจ็บช้ำเสียใจไม่น้อยไปกว่าเธอ แต่เมื่อแรงอารมณ์ทั้งหลายมันมากมายจนครอบงำจิตใจ พระเอกจึงยังทำให้วาทิตาเสียใจเสียน้ำตาไม่หยุดหย่อน

กว่าเรื่องราวจะคลี่คลายก็น่าสงสารน้องวา หรือวาทิตามากค่ะ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย จะเรียกว่าดราม่าก็ไม่ผิดนักเมื่อคนอ่านคนนี้น้ำตานองหน้าไปบ้างเหมือนกันสำหรับบางตอนที่นางเอกถูกทำร้ายจิตใจ (ไม่ชอบผู้ชายใจร้ายแบบนี้เลยค่ะ เกลียดมาก) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ถ้าไม่เกิดเรื่องนิยายน้ำเน่าจะสนุกได้อย่างไร

นอกจากคำโปรยน่าอ่าน ชื่อเรื่องก็น่าอ่านแอบความอ่อนหวานเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว สำนวนภาษาก็อ่านง่ายรื่นไหลนะคะ ถ้าใครที่ชอบแนวนิยายเรียกน้ำตาก็ไม่ควรจะพลาดเล่มนี้ค่ะ น่าอ่านน่าลุ้นว่าใครคือจอมบงการตัวป่วนทั้งหลายของเรื่อง ซึ่ง...บางคนอาจจะคาดเดาเอาไว้ถูกต้องแล้ว แต่บางคนอาจจะเดาผิดก็ได้นะคะ

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีแค่ความสนุกและรอยน้ำตานะคะ เกร็ดในการครองเรือนที่เราจะได้รับรู้และมองเห็นอย่างแจ่มแจ้งก็คือเรื่องของความรักความเชื่อใจ หากว่าชีวิตครอบครัวเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ความสงสัย ไม่เชื่อใจ ต่อให้มีบรรทัดฐานของความรักมากมายแค่ไหน หากไม่หนักแน่นพอชีวิตครอบครัวก็อาจจะล่มไม่เป็นท่าได้เช่นกัน และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรจะละเลย (แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญ) นั่นก็คือความจริงในก้นบึ้งของหัวใจตนเอง หากรักก็ควรจะบอกว่ารัก แสดงออกว่ารัก ต่อให้มีเรื่องราวอะไร หากพูดคุยปรับความเข้าใจ ด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและไร้อคติ เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องสวยงามกลับมาเป็นความรักที่แสนอบอุ่นได้เช่นเดิม

และนิยายเรื่องนี้ ให้ข้อคิดที่ดีสำหรับความรักได้ไม่น้อยทีเดียว ใครที่มีความรักในหัวใจไม่ควรพลาดนะคะ
แสนเสน่ห์ (น้ำว้า)
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 28 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง แสนเสน่ห์ ผลงานการประพันธ์จากปลายปากกาของนักเขียนนามว่า น้ำว้า ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ พิมพ์คำ เป็นหนังสือนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำให้น่าลุ้น จะเรียกว่าเต็มไปด้วยเงื่อนงำซะทีเดียวก็คงไม่ได้ เพราะมีเรื่องราวน่ารักของคู่พระเอกนางเอกให้ได้อมยิ้มกันไป ผสมผสานกับพล็อตที่มีเรื่องราวให้ได้ตามไปร่วมกันไขปริศนาค่ะ

พระเอกของเรื่องแสนเสน่ห์ชื่อว่า ตรีรุจ เป็นชายหนุ่มที่เหมือนจะธรรมดาคนหนึ่งที่ผิดหวังในความรัก เพราะว่าคนรักของเขาไปตกลงรับหมั้นกับพี่ชายคนละแม่ของเขานั่นเอง สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องของฐานะทางการเงิน ทางสังคม และเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง (ประมาณนั้น)

เมื่อผิดหวังจึงตัดสินใจเดินทางเพื่อหนีจากความเจ็บปวดที่ถูกคนรักทำให้ต้องผิดหวัง คิดว่าการไปให้ไกลคงพอจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจได้ หรือไม่มันก็ดีกว่าการอยู่กับที่แล้วนั่งจมจ่อมมองดูตัวเองอกหักเพราะคนรักทิ้งไปหาคนอื่นที่ดีกว่า หากแต่การเดินทางครั้งนี้ทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป

ตรีรุจเกิดอุบัติเหตุและได้พบเจอกับ แสนตะวัน ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง น่ารักน่าลุ้นและเป็นผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของตรีรุจเปลี่ยนไปด้วยค่ะ เรียกว่าเป็นโลกใหม่ที่เขาอาจจะไม่เคยคิดว่าจะได้พบได้สัมผัส แม้จะมีความเข้าใจผิดเป็นพื้นฐาน แต่ความใกล้ชิดของพระเอกและนางเอกที่ดำเนินไปก็นำมาซึ่งสายสัมพันธ์ที่ดีและก่อเกิดเป็นความรักในที่สุดนั่นเองค่ะ

แต่ชีวิตที่ดูเหมือนจะเป็นปกติสุขของตรีรุจกลับมีเหตุการณ์ของคนที่ไม่หวังดี ทำให้เรื่องราวปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน ในที่สุดพระเอกของเราจึงตัดสินใจกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่จะเรียบร้อยโรงเรียนใครก็ต้องติดตามอ่านนะคะ ให้ได้ลุ้นกันว่า ตรีรุจและแสนตะวัน จะได้แฮปปี้แอนดิงกันอย่างไร เมื่อไหร่ และใครกันนะคือคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในชีวิตของตรีรุจทั้งหมด

หนังสือนิยายเรื่อง แสนเสน่ห์ เล่มนี้เป็นงานเขียนอีกเล่มที่น่าอ่านไม่น้อย ชื่อเรื่องน่าจะเหมาะยิ่งนักสำหรับคนที่กำลังมีความรัก เนื้อความข้างในจะค่อนข้างมีปมให้ต้องติดตาม มีอะไรให้ได้คิดได้ลุ้นกระทั่งตอนท้ายเรื่อง ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังสือนิยายเล่มนี้ ก็เรียกความสนุกน่าติดตามจากคนอ่านได้มากทีเดียวค่ะ

อีกทั้งนามปากกาที่แปลกหูแม้จะอ่านยากไปนิดแต่ก็ทำให้น่าสนใจชวนหยิบมาดู ไม่ต่างจากสีสันต์หน้าปกที่สวยงามไปอีกแบบ รวมๆ แล้วเป็นหนังสือนิยายของนักเขียนรุ่นใหม่ที่อยากให้นักอ่านหลายท่านได้หยิบมาลิ้มลองดู เพราะทั้งพล็อตและสำนวนการเขียนที่รื่นไหลอ่านง่ายนี้ไม่น่าจะทำให้นักอ่านผิดหวังค่ะ
ภรรยารับจ้าง (บุหลันราตรี)
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 16 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง ภรรยารับจ้าง เป็นผลงานภายใต้นามปากกาของนักเขียนชื่อว่า บุหลันราตรี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ชูก้าร์บีท กล่าวถึงเรื่องราวความรักที่แสนวุ่นวายของตระกูล วินสตัน

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวความรักที่บอกไว้แล้วว่าวุ่นวาย แค่ชื่อเรื่องก็พอจะเดาได้แล้วว่า น่าจะวุ่นวายและสนุกไม่น้อย เมื่อนางเอกของเรื่อง แพรพลอย วินสตัน ต้องมาปะทะกับหนุ่มรูปงามนามไพเราะอย่าง แพทริค วินสตัน เห็นนามสกุลเหมือนกันไม่ต้องสงสัยค่ะ นั่นเพราะแพรพลอยเป็นสะใภ้ของตระกูลนี้ไปแล้วนั่นเอง แต่ไม่ได้เป็นไปแบบธรรมดา

แพรพลอย ได้เปลี่ยนสถานะตัวเองเป็น มิสซิสวินสตัน เมื่อได้ตกลงใจรับหน้าที่ เป็นภรรยาของแพทริค วันสตัน ชายหนุ่มที่เรียกได้ว่าดีพร้อมสรรพสำหรับการเป็นชายทรงเสน่ห์แห่งปีที่จะมัดใจสาวน้อยใหญ่ให้อยู่หมัด ไม่เว้นแม้แต่แพรพลอยเองก็หลงรักเขาเข้าให้แล้ว หลงรักตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น

แพรพลอย วินสตัน สะใภ้คนเก่งที่มารดาของแพทริคได้ว่าจ้างเพื่อให้มาจัดการกีดกันสาวๆ ทั้งหลายออกจากชีวิตหนุ่มโสดแสนสุขของชายหนุ่มไปให้สิ้นซาก ด้วยหวังว่าสักวันแพทริคจะได้พบและสมหวังกับคนที่เป็นรักแท้ โดยที่การแต่งงานครั้งนั้นของแพทริคและแพรพลอยเป็นเหมือนการคลุมถุงชนที่ฝ่ายชายแทบอยากหายตัวไปจากโลกเสียให้ได้


แพทริคถูกแพรพลอยขัดขวางความสุขกับสาวสวยหลายครั้ง แพทริคยื่นคำขาดขอหย่าแต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะหญิงสาวยึดคำมั่นสัญญากับมารดาของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น “หากไม่ใช่คำสั่งของคุณแม่ก็หย่าไม่ได้” และนั่นทำให้เขาหัวเสียได้ทุกครั้งที่คิดถึง และเมื่อหล่อนกลับมาอีกในครั้งนี้เขาก็พร้อมจะต่อสู้และขับไล่หล่อนให้ออกไปจากชีวิตของเขาเสียที ด้วยวิธีการแสนแยบยลที่หลายครั้งทำให้แพรพลอยต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอหัวใจไปกับคนที่เธอเคยหลงรักหลงชอบมานานแรมปี

เป็นหนังสือนิยายอีกเล่มที่สนุกมากสำหรับความรู้สึกโดยส่วนตัวของผู้อ่านเองนะคะ ชอบพระเอกที่หล่อลาก แถมมาดร้าย และเสน่ห์ร้อนแรงอย่างเหลือล้น การบรรยายของคุณบุหลันราตรีที่เหมือนจะเพ้อฝันหวานๆ ฟินๆ แต่รื่นไหลอ่านได้สนุกตลอดทุกตอนเลยค่ะ

อินกับเนื้องเรื่องได้เพราะเป็นแนวที่ชอบอยู่แล้วค่ะ แม้ว่าในชีวิตจริงอาจจะเป็นไปได้ยากที่ผู้หญิงสักคนจะเข้าไปเป็นสะใภ้ในตระกูลชื่อดังได้ด้วยวิธีนี้ หรือเข้าไปได้แล้วคงไม่แคล้วถูกเขี่ยให้กระเด็นไปแน่ๆ หากคุณสามีกำมะลอจะไม่รักไม่ชอบและไม่สนใจ แต่ก็อีกนั่นล่ะเนอะ นิยายเล่มนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่อยากอ่านเพื่อความบันเทิงเริงใจจริงๆ ค่ะ

ปกสีสันสวยงามสดใสดีค่ะ ชื่อเรื่องชวนให้อยากหยิบจับมาเปิดอ่านเหลือเกิน อยากรู้ว่า ภรรยารับจ้าง นางเอกคงจะต้องรับจ้างเป็นภรรยาของพระเอกแน่ๆ แต่เป็นไปได้อย่างไร อะไรเป็นแรงดลใจผลักดันให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา และที่สำคัญ ภาษาของคุณ บุหลันราตรี สวยยยยยมากกก อ่านแล้วชอบเลยค่ะ ชอบและประทับใจกับตัวหนังสือแต่ละคำแต่ละบรรทัดที่นักเขียนบรรจงเรียงร้อยให้ได้อ่าน หากใครชอบแนวเพ้อฝันหวานๆ น่ารักๆ แอบร้ายหน่อยๆ กัดเจ็บนิดๆ ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้นะคะ
365 วันแห่งรัก (ร่มแก้ว)
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 16 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนวนิยายเรื่อง 365 วันแห่งรัก เป็นบทประพันธ์ของนักเขียนมากฝีมือนามปากกา ร่มแก้ว ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ พิมพ์คำ เป็นหนังสือที่เขียนเรื่องราวความรักและการใช้ชีวิตร่วมกันของนางเอกที่มีชื่อว่า ลัลนารี และพระเอกชื่อ ตุลา

ลัลนารี สาวมั่นที่ดูจะมั่นใจเกินร้อย เอ่ยคำขอแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ตุลา และเขาก็ตอบตกลงโดยผ่านสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่นางเอกของเรื่องซื้อให้กับพี่ตู่ หรือตุลานั่นเอง แต่ชีวิตคู่ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวังเมื่อหลังแต่งงานพระเอกที่แสนดีและอบอุ่นจนบางครั้งเย็นยะเยียบปานน้ำแข็งมีสาวน้อยใหญ่มาติดพันให้ได้ปวดหัว

ลัลนารีที่มีปมในชีวิตหลายอย่างรวมถึงเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชายที่เธอสัมผัสมาได้เกือบตลอดชีวิตจากแม่และพี่สาวที่ต่างมีสามีเจ้าชู้หลายใจกระทั่งต้องเลิกรากันไป เป็นเหตุทำให้ความขี้หึงแบบขีดสุดถูกจุดประกายขึ้นมา และเมื่อความหึงของสาวมั่นมาเจอความเย็นชาของหนุ่มพูดน้อยอย่างตุลา จึงทำให้ชีวิตคู่ที่เหมือนจะสวยหรูกลับต้องมีเรื่องมีเวลาให้ได้ทะเลาะกัน แม้จะเรียกว่าตามประสาลิ้นกับฟัน แต่ตุลาไม่ใช่ผู้ชายที่จะไปตามง้อสาวๆ เพื่อคอยอธิบายเหตุผล นั่นจึงทำให้ลัลนารียิ่งเครียดหนัก

เหตุบังเอิญทำให้ลัลนารีได้เจอกับยายแก่คนหนึ่งที่เป็นเหมือนแม่หมอ ทำนายชีวิตคู่หลังจากนี้หนึ่งปีทั้งสองคนจะต้องหย่าขาดจากกัน และได้มอบสมุดบันทึกเก่าๆ เล่มหนึ่งให้มาด้วย จากคำทำนายทำให้ลัลนารียิ่งเครียดหนัก หึงหนัก ระแวงหนัก จนน่าเป็นห่วง และสมุดบันทึกที่ยายแก่ให้มานั้นก็พาให้ลัลนารีสามารถเดินทางข้ามเวลาไปในอนาคตได้อีกด้วย ลัลนารีตั้งใจกับการเดินทางไปอนาคตเพื่อปรับให้ปัจจุบันสวยงามอย่างที่หวัง แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาเสียเลย

เป็นนิยายที่มีให้ได้ลุ้นว่าสุดท้ายแล้วนางเอกกับพระเอกจะลงเอยกันอย่างไรได้ตลอด เพราะความเป็นผู้ชายพูดน้อยจึงไม่ค่อยพูด และนางเอกที่มีความเป็นผู้หญิงสูงมาก คิดมาก หึงมาก จึงทำให้หวาดระแวงไม่เลิก แต่ในเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ทำให้เครียดไปตลอดนะคะ ตุลามีมุมหวานๆ น่ารักๆ กับนางเอกเหมือนกัน ได้อมยิ้มไปอ่านไปก็มีค่ะ รวมถึงตอนที่มีเจ้าปั๊กกี้ หมาน่ารักกับหลานสาวของลัลนารีที่ชื่อหลี คุณร่มแก้วได้สร้างให้มาช่วยเรียกรอยยิ้มได้ไม่น้อยทีเดียว

จากความเห็นส่วนตัวจริงๆ นะคะ รูปเล่มแม้จะไม่โดดเด่นนัก แต่ก็จัดได้ว่าเรียบหรูไปอีกแบบ แต่ก็ทำให้สีตัวหนังสือ “365 วันแห่งรัก” ดูไม่เด่นเท่าที่ควร แต่เนื้อเรื่องสนุกค่ะ หากไม่ติดกับการย้อนเวลาไปมาของเนื้อเรื่องที่บางคนอาจจะบอกว่ามันเกินจริง แต่อ่านเอาสนุกก็ให้คะแนนได้เต็มร้อยเลยค่ะ

รวมทั้งเรื่องนี้ได้มีการซื้อไปทำละครทางช่อง 3 อีกด้วย โดยได้พระนางคู่ขวัญอย่างนักแสดง เคน ธีรเดช และ แอน ทองประสม เป็นนักแสดงมากฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงคนดูได้ตลอด จากละครผู้อ่านแทบจะไม่ได้ดูเลยก็ว่าได้ เห็นแว๊บๆ ผ่านๆ ด้วยเพราะยุ่งวุ่นวายกับการงาน แต่กระนั้นก็ยังตามข่าวตลอดที่มีโอกาสก็พอทราบว่าถูกใจแฟนๆ ละครมากมายทีเดียวค่ะ

อีกหนึ่งประการสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้น่าจะหยิบจับมาเปิดอ่านก็คือ มุมมองการใช้ชีวิตคู่ที่เหมาะสำหรับนักอ่านที่ยังเป็นโสดและไม่โสดกันแล้ว ได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิตที่เรียกว่าครอบครัว การเป็นสามีภรรยาของคนสองคนที่มีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน หากจับประเด็นนี้มาได้ หนังสือเล่มนี้ให้คุณผู้อ่านได้ทั้งความสนุกและประโยชน์ในการดำเนินชีวิตมากทีเดียวค่ะ
เพียง(ภพ)รัก
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 14 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง เพียง(ภพ)รัก เป็นบทประพันธ์ของนักเขียนนามปากกาว่า ริญจ์ธร จากสำนักพิมพ์มายดรีมค่ะ เป็นหนังสือนิยายที่เกี่ยวข้องกับความรักและกาลเวลาโดยตรง

โดยในเรื่องพระเอกคือเตชน์ และนางเอกคือพิมพ์อัปสร ทั้งสองคนนี้อยู่คนละช่วงเวลา คือเตชน์อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน ส่วนพิมพ์อัปสรเป็นเหมือนคนที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งอนาคต ซึ่งนับไปอีกเจ็ดปีข้างหน้า และปาฏิหาริย์ก็นำพาให้คนทั้งสองมาพบกันในวันหนึ่ง

ในวันที่ฝนตก เตชน์ได้พบกับพิมพ์อัปสร การพบกันหลายครั้งหลายคราจนกระทั่งทั้งสองคนเกิดความผูกพันและพัฒนากลายเป็นความรักที่มีให้ต่อกัน กระทั่งหมดหน้าฤดูฝน ทั้งสองก็ต้องห่างจากกันอีกครั้ง แต่กระนั้นทั้งพระเอกและนางเอกก็ได้ตกลงสัญญากันเอาไว้ว่า หน้าฝนปีหน้าต่างคนจะรอคอยและกลับมาพบกันใหม่ให้ได้

หากแต่หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปี เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อพระเอกของเราข้ามเวลามาอยู่ในโลกของนางเอกได้ และเขาสามารถกลับไปยังช่วงเวลาในอดีตที่จากมาได้ด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็เพราะความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์พีรพัฒน์นั่นเอง

พิมพ์อัปสร ได้รู้ว่าในช่วงเวลาปัจจุบันที่เธออยู่นั้น เตชน์ ชายหนุ่มที่เธอรักฆ่าตัวตายเสียแล้ว จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะขอร้องให้ด็อกเตอร์ช่วยส่งเธอย้อนเวลากลับไปสู่อดีต ไปยังที่ที่เตชน์ยังมีชีวิตอยู่และทั้งสองก็ได้พบกันสมใจด้วยความช่วยเหลือของด็อกเตอร์พีรพัฒน์

พิมพ์อัปสรและเตชน์ได้ตัดสินใจแต่งงานและอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวที่มีความสุขมาก แต่แล้วเหตุร้ายที่ไม่คาดฝันก็มาเยือนเมื่อเตชน์ถูกคนร้ายลอบยิงในค่ำคืนหนึ่ง แม้จะรอดมาได้แต่เขาก็ต้องพบว่าพิมพ์อัปสรไม่อยู่กับเขาเสียแล้ว

พิมพ์อัปสรถูกส่งตัวกลับมาในโลกของเธอ (โลกอนาคตของเตชน์) ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นเธอยังตั้งท้องอีกด้วย พิมพ์อัปสรจึงพยายามที่จะหาทางกลับไปหาสามีของตนเองให้ได้ นางเอกของเราจึงต้องวิ่งไปหาด็อกเตอร์พีรพัฒน์ให้ช่วยเธออีกครั้ง เหมือนกับที่เคยช่วยเหลือกันมาแล้ว แต่ครั้งนี้เขากลับช่วยไม่ได้เพราะพลังงานจากหินอุกกาบาตที่เป็นตัวเชื่อมและพาทั้งสองข้ามไปมาให้ได้พบกันหมดลงแล้ว นางเอกต้องตามหาของสำคัญที่จะช่วยในการเดินทางกลับไปหาคนรักให้ได้

หนังสือนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างแหวกแนวสำหรับผู้อ่านค่ะ แต่กระนั้นก็ยังสนุกกับพล็อตใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยได้พบเจอในตลาดนัก อันนี้ขอยกนิ้วให้กับนักเขียนเลยค่ะ ชื่อเรื่องเหมาะกับหน้าปกและเนื้อหามาก

จากความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ค่อยชอบนิยายแนวนี้เท่าไหร่ หมายถึงช่วงเวลาที่ต้องถูกพรากจากคนรัก ช่วงเวลาที่ต้องให้พระเอกหรือนางเอกทำทุกอย่างเพื่อคว้าความรักกลับคืนมาให้ได้อะไรประมาณนี้ เพราะรู้สึกว่ามันบีบคั้นอารมณ์เหลือเกิน แต่กับเรื่องนี้ก็อ่านจบจนได้

มีให้ได้ลุ้นกันตลอดในช่วงที่นางเอกต้องต่อสู้เพื่อความรัก หรือจะเรียกว่าตลอดเรื่องก็ว่าได้ น่ารักและน่าติดตามไม่แพ้นิยายเล่มอื่นๆ เลยค่ะ ที่สำคัญขอการันตีกับพล็อตที่น่าติดตามแบบนี้ อยากให้ได้ลองอ่านกันทุกคนค่ะ
มาเฟียข้างหัวใจ (ณารา)
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

มาเฟียข้างหัวใจ...ณารา

หนังสือนิยายเรื่อง มาเฟียข้างหัวใจ เป็นบทประพันธ์อีกเรื่องของนักเขียนที่มีนามปากกาว่า ณารา นักเขียนที่ชื่อนามปากกาน่าจะคุ้นหูนักอ่านหลายท่าน โดยเฉพาะความสนุกของเรื่อง สามารถการันตีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องทีเดียวค่ะ

นิยายเรื่อง มาเฟียข้างหัวใจ เป็นเรื่องราววุ่นๆ ของสาวสวยที่มีชื่อว่า มิตาลี ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปศึกษาต่อในด้านการออกแบบ ดีไซเนอร์ โดยนางเอกของเราได้อาศัยห้องพักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในแหล่งที่ไม่ค่อยน่าอยู่นัก จะเรียกว่าไม่ปลอดภัยก็ว่าได้ แต่ด้วยข้อจำกัดของค่าใช้จ่ายเมื่อคนทางบ้านไม่สนับสนุนจึงทำให้ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป อีกอย่างอยู่อาศัยมาก็ไม่เคยมีอะไรให้ต้องปวดหัว แต่เมื่อมาเจอกับคนที่พักอยู่ห้องข้างๆ กันนามว่า ไรอัน พระเอกของเรื่อง มิตาลีก็ร้อนๆ หนาวๆ เพราะเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น รวมถึงความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจที่เปลี่ยนไปเพราะฝีมือการจีบสาวของหนุ่มไรอันอีกด้วย

ไรอันเคยอยู่ในคุกมาก่อน และดูเหมือนจะเป็นมาเฟียเต็มขั้นเลยก็ว่าได้ เขามาพักอยู่ห้องติดกันกับนางเอก และหว่านเสน่ห์ใส่กลเม็ดในการจีบหญิงสาวจนอยู่หมัด โดยที่มิตาลีไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพระเอกของเราทำงานอาชีพอะไร

ในช่วงที่มิตาลีได้พบ ได้รู้จัก และได้ใกล้ชิดไรอัน มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งดูเหมือนพระเอกจะหาเรื่องมาให้ได้ลุ้นให้หัวใจแทบวายไม่เว้นระยะ แต่ถึงกระนั้นมิตาลีก็เผลอมอบหัวใจให้ชายหนุ่มไปเสียแล้ว จึงทำได้เพียงลุ้นๆ รักๆ อยู่กับความตื่นเต้นที่ชายหนุ่มทำให้เธอหวามไหว และเรื่องราวร้ายๆ ที่ตามมาเพราะพระเอกของเราพามาให้

ชื่อเรื่องมาเฟียข้างหัวใจ บอกถึงตัวละครที่เป็นพระเอกได้เป็นอย่างดี ขอบอกว่าพ่อไรอันคนนี้เป็นมาเฟียน้อยๆ เต็มขั้นเลยทีเดียว ต้องลองอ่านค่ะ จะได้สัมผัสถึงความน่ารักน่าหยิกของพระเอก นางเอกชื่อแปลกดีค่ะ แต่ก็น่ารักนะคะ แถมยังเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีอีกต่างหาก อาจจะเพราะไม่รู้ว่าจริงๆ พระเอกทำงานอะไรจึงเผลอรักเข้าไปเต็มหัวใจ

ใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้ คงบอกได้เป็นเสียงเดียวกันว่า สนุก แต่จะมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ต้องแล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่านด้วยเหมือนกันนะคะ เพราะหากติดกับความสมจริงแล้ว อาจจะขัดใจอยู่บ้าง แต่ถ้าตัดออกไปได้เช่นพระเอกเก่งเว่ออะไรประมาณนั้นก็คงจะอินและสนุกไปกับเนื้อเรื่องและตัวละครได้ไม่ยากเลยค่ะ หนังสือนิยายเล่มนี้มีบทบู๊ให้ได้ลุ้นกันพอหอมปากหอมคอ ตัดเรื่องความสมจริงออกไป ตัดเรื่องสิ่งที่ควรจะเป็นบางอย่างที่เราๆ คิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะก็จะทำให้สนุกไม่น้อยค่ะ



วิวาห์ร้ายพ่ายรัก
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

วิวาห์ร้ายพ่ายรัก...รตา

วิวาห์ร้ายพ่ายรัก เป็นหนังสือนิยายอีกเรื่องภายใต้นามปากกา “รตา” ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ชูการ์บีท ในเครือ สถาพรบุ๊คส์ เป็นหนังสือนิยายอีกหนึ่งเล่มที่น่าติดตามไม่น้อยทีเดียวค่ะ โดยหนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวความรักที่ค่อนข้างน่ารักน่าลุ้นของพระเอกที่มีชื่อว่า คุณใหญ่ อชิระ อัครเกียรติ และหนูเม เมขลา และอีกคู่คือคู่ของคุณเล็ก กับหนูมิ้น ที่น่ารักไม่แพ้กัน

คุณใหญ่ที่เป็นเจ้าหนี้ของตระกูลวรเสนา ซึ่งมีลูกสาวต่างสายเลือดด้วยกันสองคน คุณใหญ่ประกาศจะแต่งงานกับมินตรา หรือหนูมิ้น น้องคนเล็ก เพื่อให้เป็นการใช้หนี้ แม้จะตอบตกลงแต่สุดท้ายมินตรากลับพบว่าตนเองไม่สามารถจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้ จึงตัดสินใจหนีไปในวันแต่งงาน

ตระกูลใหญ่อย่าง อัครเกียรติ จะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาดจึงได้ตกลงให้ทายาทสาวอีกคนของตระกูล วรเสนา มาสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนมินตราที่หนีไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตอกย้ำว่าที่เจ้าสาวอย่างเมขลาว่าเธอจะเป็นแค่ดอกเบี้ยให้เขาเท่านั้น
ในขณะที่มินตราที่หนีไปในวันแต่งงาน บังเอิญเจอะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ประมาณหนีเสือปะจระเข้เมื่อผู้ชายคนนั้นคือคนที่เธอนอนด้วยในค่ำคืนหนึ่ง ซึ่งก็คือคุณเล็ก น้องชายฝาแฝดของคุณใหญ่นั่นเอง

มินตราอยากจะหนีแต่ก็ถูกคุณเล็กจัดการพาไปอยู่ด้วยกันจนได้ ความรักความป่วนความหวาน เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พี่ชายฝาแฝดอย่างคุณใหญ่และน้องชายฝาแฝดอย่างคุณเล็ก อติยะ อัครเกียรติ แม้คุณใหญ่จะเคยบอกว่าเมขลาเป็นเจ้าสาวสำรองที่นำมาเพื่อชำระดอกเบี้ยเท่านั้น แต่คนที่ไม่ค่อยจะหวานและบ้างานอย่างคุณใหญ่ก็ยังแสดงความน่ารักต่อเมขลาได้ไม่น้อยเลยนะคะ และด้วยความที่เป็นคนปากหนัก รักก็ไม่เคยบอกว่ารักจึงทำให้ตอนหลังเกือบจะต้องเสียนางเอกไป แต่คุณใหญ่ก็สามารถเรียกหัวใจกลับมาครองเอาไว้ได้

พล็อตเรื่องไม่ค่อยแตกต่างเท่าไหร่นัก ซ้ำๆ เดิมๆ กับที่เคยอ่านมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าอ่านก็คือสำนวนการเขียน การเล่าเรื่องของนักเขียนคนนี้นั่นเองค่ะ อ่านแล้วสนุก บรรยายตัวละครให้คนอ่านได้เข้าถึงอารมณ์นั้นๆ ได้ดีไม่น้อยทีเดียว อ่านไปก็ยิ้มไป

จุดเด่นๆ เลยน่าจะเป็นเพราะภาพปกที่สีสวยงาม ดูกลมกลืนเจือความหวานเอาไว้มากทีเดียวค่ะ ยิ่งมาเห็นชื่อเรื่อง “วิวาห์ร้ายพ่ายรัก” ชื่อเพราะ น่าอ่าน แถมยังบ่งบอกเป็นนัยน์ๆ ด้วยนะคะว่า การันตีความสนุกของเนื้อเรื่องข้างในเอาไว้พร้อมสรรพ

นิยายเรื่องนี้เป็นหนังสือที่เหมาะจะมอบรอยยิ้มให้กับผู้อ่านอีกเล่มหนึ่งนะคะ ถ้าหากว่าไม่ติดเรื่องเนื้อหาที่จะเป็นสาระความรู้ก็ไม่ควรจะพลาดเล่มนี้ค่ะ

เล่ห์รักม่านมายา
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 13 กันยายน พ.ศ. 2556

เล่ห์รักม่านมายา...เฌอมาลย์

หนังสือนิยายเรื่อง เล่ห์รักม่านมายา จากปลายปากกาของ เฌอมาลย์ เป็นเรื่องราวของนายแบบหนุ่มหล่อที่มีชื่อว่า มาคัส เพรตัน หรือมาร์ค กับความรักครั้งแรกที่เขามีให้ผู้หญิงสายเลือดไทยแท้หน้าหวานคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียน นามว่า แป้ง เปรมศินี คุณารักษ์ ทายาทสาวสวยของตระกูลออร์แกร์ไนซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

มาคัส ที่เคยอาศัยอยู่เมืองไทยเพราะมีมารดาเป็นคนไทยต้องเดินทางกลับไปอเมริกาพร้อมกับบิดาเนื่องจากว่ามารดาทนกัดก้อนเกลือกินกับบิดาที่ไม่ยอมรับสมบัติของที่บ้าน ทำให้ตัดสินใจทิ้งเขาไปตั้งแต่อายุยังน้อย

และที่โรงเรียนของมาคัส มีสาวน้อยคนหนึ่งที่ประทับรอยยิ้มและความน่ารักเอาไว้ตราตรึงในหัวใจของมาคัสมาตลอด แม้จะถูกปฏิเสธไมตรีแต่เขาก็ไม่เคยลืมได้ กระทั่งวันเวลาล่วงเลยผ่านไป มาคัสกลายเป็นนายแบบหนุ่มรูปหล่อที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก และเขาได้รับงานชิ้นสำคัญให้กับเคเอ็นอาร์ออร์แกร์ไนซ์

การทำงานครั้งนี้ทำให้มาคัสได้พบกับแป้งอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้พระเอกของเราได้รื้อฟื้นความหลังครั้งเก่าก่อนกับนางเอกอย่างที่เคยตั้งความหวังเอาไว้ แต่ความรักก็ไม่สมหวังง่ายๆ เมื่ออดีตภรรยาที่เคยร้างลากันไปกลับเข้ามาป่วนให้กลายเป็นรักสามเศร้าเพราะหวังเงินที่จะได้จากมาคัส

แม้จะรู้ทันแต่ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าทางอดีตภรรยาของพระเอกเสียเหลือเกิน แถมความวุ่นวายกับแผนการณ์ทวงสามีคืนของอดีตภรรยาที่ทำเกือบสำเร็จนั้น ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของมาคัสต้องเสียชีวิตอีกด้วย

หนังสือนิยายเรื่องนี้ ออกจะหวานๆ น่ารักๆ จะมีดราม่าเล็กๆ นะคะ ไม่ค่อยแหวกแนวพล็อตจากที่เคยเจอในตลาดสักเท่าไหร่ แต่จุดเด่นที่เห็นในเนื้อเรื่อง นอกจากความรักของพระเอกและนางเอกแล้ว ก็เป็นความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่มีต่อลูกหลานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความรักของมาคัสที่มีต่อน้องนนนี่ ลูกสาวของตน ความรักของคุณกนก มารดาของนางเอกที่มีต่อลูกสาวเพียงคนเดียว ความรักของแป้งที่มีต่อน้องนนนี่ และลูกน้อยที่จะมาในช่วงท้ายเรื่อง

เสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ในช่วงท้ายค่ะ ตอนที่มาคัสต้องเสียลูกสาวไปเป็นอะไรที่บีบคั้นมาก อ่านสองครั้งก็ยังเผลอร้องไห้ทั้งสองครั้งค่ะ

แม้จะมีบางช่วงที่เศร้า แต่ก็อิ่มเอมไปกับความรักของตัวละครนะคะ ตัวละครดำเนินเรื่องไปด้วยความรักประกอบกัน แตกต่างกันไปที่การแสดงออก การกระทำ ความคิด และผลตอบกลับ

เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วจะไม่ค่อยหวือหวา อาจจะมีบางช่วงน่าเบื่อแต่ก็ยังอ่านได้จนจบค่ะ มีแนวคิดเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการครองรักครองเรือน รวมไปถึงการรักษาขนบประเภณีของไทย หน้าปกสวยน่ารักดีค่ะ เชื่อว่าหากหลายท่านได้หยิบจับมาอ่านจะเผลอยิ้มไปกับความหวานของพระนางได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ
เติมรัก
5
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง เติมรัก จากปลายปากกาของนักเขียนคนเก่งที่มีชื่อว่า อนัญชนินทร์ ตีพิมพ์กับสนพ.มายดรีม เรื่องราวน่ารักและสนุกมากค่ะ บอกได้เลยว่าพล็อตไม่ค่อยซ้ำกับใครเขาและทำให้น่าอ่านน่าติดตามมากกับเรื่องราวของพระนาง

พระเอกของเรื่องคือ ม.ร.ว.เติม หรืออาจารย์เติม เป็นอาจารย์หนุ่มสุดหล่อ ที่บังเอิญหลงรักลูกศิษย์ของตนคือ ศวัลญา นางเอกของเรื่องเข้าให้อย่างจัง แต่ด้วยความที่ความรักครั้งนี้ผิดจรรยาบรรณของคนเป็นครู พระเอกจึงต้องแกล้งทำเป็นโหดร้าย เป็นอาจารย์ที่ใจร้าย เจ้าระเบียบกับนางเอกสารพัด

แต่ดูเหมือนสวรรค์จะเล่นตลก โชคชะตาจะไม่เข้าข้างเมื่อนางเอกกลับกลายมาเป็นติวเตอร์คนพิเศษของหลานชาย ท่านชายเติมของเราจึงยิ่งต้องวางมาตรการขั้นเด็ดขาด แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเมื่อทำอย่างไรก็ยิ่งรู้สึกว่าแรงปรารถนาในตัวนางเอกไม่ลดลงเลย

กระทั่งทั้งสองมาพบเจอกันอีกครั้งในฐานะที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ศวัลญาไม่ใช่นักศึกษาที่พระเอกจะต้องคอยแคร์สายตาสังคมอีกต่อไป เขาจึงพร้อมที่จะรุกเข้าใกล้หัวใจและหมายมั่นจะพิชิตใจนางเอกของเราให้จงได้

หนังสือนิยายเล่มนี้เรียกได้ว่าครบรสอีกเล่มหนึ่งทีเดียวค่ะ สนุกและให้ข้อคิดมากมาย ชอบบุคลิกพระเอกมากค่ะ โดยในตอนแรกพระเอกต้องยับยั้งหักห้ามใจแทบเป็นแทบตาย แต่หักห้ามเท่าไหร่ก็เหมือนสวรรค์แกล้งเมื่อต้องเจอนางเอกมาสอนพิเศษให้หลานชายตนเอง ฮ่าๆๆ คนอ่านล่ะขำกลิ้งกับความโชคไม่ดีของพระเอก

แต่หลังจากที่ทุกอย่างลงล็อคลงตัวของมันเองด้วยกาลเวลาที่ช่วยชักจูงหรือเพราะว่าทั้งสองมีบุพเพต่อกันก็แล้วแต่ อาจารย์ผู้โหดร้ายและเนี้ยบมากในสายตาของนางเอกกลายเป็นผู้ชายที่เธอเหมือนไม่เคยรู้จัก อันนี้บอกได้ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีหลายมุมหลายด้าน คนหนึ่งอาจใจดีต่อหน้าแต่ลับหลังหรือกับใครอีกคนเขาอาจจะร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือใครบางคนที่เรารู้จักและดูเหมือนเขาจะใจดี ใจเย็น สุภาพและอบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่กับอีกคนหรืออีกมุมหนึ่งของชีวิต เขาอาจจะกลายเป็นคนใจร้อนสำหรับบางเรื่อง รุนแรงและหงุดหงิดได้เป็นว่าเล่นสำหรับใครบางคน และนี่คือสัจธรรมที่มนุษย์ทุกคนมีและเป็น

อีกส่วนหนึ่งที่อยากหยิบยกมากล่าวคือหนังสือนิยายเรื่องนี้ ควรจะได้รับการเป็นแบบอย่างในเรื่องของวิชาชีพครู ผู้สอนสั่งวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ หากแบบอย่างหรือแม่พิมพ์ดีแล้ว เด็กและเยาวชนย่อมจะดีและเจริญรอยตามสิ่งที่เห็นแล้วนำไปทำไปปฏิบัติตามแน่นอน เช่นเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม หากแม่พิมพ์ไม่ดี มีหรือที่ผลงานจะออกมาสวยงามเลิศหรูได้อย่างที่ตั้งใจ เรื่องนี้จึงขอยกนิ้วให้คนที่สวมบทบาทอาจารย์ที่จวนจะขันแตกอย่างพระเอกของเราเลยค่ะ

หนังสือนิยายแนวหวานๆ น่ารักๆ แบบนี้น่าจะเหมาะกับนักอ่านที่อยากจะยิ้มเต็มสุขกับเรื่องราวที่เตรียมมาให้ได้ยิ้มเต็มกระบุงโกยแน่นอนค่ะ
ชุดทัดดาวบุษยา - ทัดดาวยอดขวัญ ( 2 เล่มจบ )
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง ทัดดาวบุษยา บทประพันธ์ภายใต้นามปากกาของนักเขียนที่มีชื่อว่า ชอุ่ม ปัญจพรรค์ เป็นหนังสือนิยายที่เรียกว่ามีชื่อเสียงอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ที่ถูกหยิบยกไปทำเป็นละครให้ติดตามกันทางหน้าจอ ซึ่งสร้างสีสันต์ได้ไม่น้อยแต่ก็ยังสู้อ่านด้วยตัวเองผ่านลวดลายจากตัวหนังสือไม่ได้ค่ะ (อ่านเองสนุกกว่ามากๆ ค่ะ)

นิยายเรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ทัดดาว บุษยา บุตรสาวของเศรษฐีเมืองนนท์ชื่อคุณเด่นและแม่จิตรี แต่ครอบครัวไม่ได้มีความสุขอย่างที่หวังนักเมื่อ คุณบุษย์ มารดาของคุณเด่น ไม่ชอบจิตรีที่มีนิสัยขี้เกียจจึงหมายมั่นปั้นมือจะหาภรรยาคนใหม่ให้ลูกชายของตนซึ่งก็คือ เดือน ที่กำลังท้องกับคนอื่นแต่ไม่ยอมบอกใคร และสวมรอยว่าเป็นทายาทของตระกูลบุษยา จิตรีเสียใจมากจึงหนีออกมาโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้อง

จิตรีติดการพนันและต้องหาเงินไปใช้หนี้ด่วน ตกลงใจให้ทัดดาวแต่งงานกับเจ้ายอดขวัญ ชายที่แก่คราวพ่อ ทัดดาวไม่ยอมจึงหนีไปกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้ายอดขวัญทะเลาะกับพ่อเพราะเรื่องแต่งงานนี้เช่นกัน ทัดดาวจึงได้เดินทางร่วมกับเจ้ายอดขวัญภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ โดยปลอมตัวเป็นหนุ่มน้อยนามว่า สุทัศน์

สุทัศน์ได้อาศัยอยู่กับเจ้ายอดขวัญหรือเจ้าน้อย โดยติดสอยห้อยตามเข้าออกที่บ้านบุษยาเมื่อเจ้ายอดขวัญเป็นเพื่อนกับน้องชายของเดือน สุทัศน์หรือทัดดาวจึงเข้าไปสืบหาเรื่องราวที่สงสัยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และการเข้าไปในบ้านเกิดของบิดาครั้งนี้ก็ทำให้สุทัศน์หรือทัดดาว ได้รับรู้เรื่องราวมากมาย พบเจอคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของตนหลากหลายมากขึ้น และหนึ่งในนั้นคือย่าของเธอนั่นเอง

คุณหญิงบุษย์ถูกชะตากับสุทัศน์จึงมาหาบ่อยๆ ในช่วงหลังเจ้าน้อยมีภารกิจต้องกลับไปที่ไร่ สุทัศน์จึงสนิทกับน้องของเดือนมากขึ้น เจ้าน้อยทราบก็น้อยใจและสับสนใจตัวเอง ตัดสินใจประกาศหมั้นกับเจ้าแสงคำ สุทัศน์หรือทัดดาวได้พบกับใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเสมือนกุญแจไขปริศนาทั้งหลายที่เคยสงสัยและเป็นเหตุทำให้ถูกจับตัวไปขัง เดือนตั้งใจจะทำร้ายสุทัศน์แต่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน

เมื่อทุกอย่างเปิดเผยชีวิตของทัดดาวจึงกลับมาทำตัวเหมือนเดิมอีกครั้ง รวมถึงเรื่องราวความรักที่เจ้าน้อยจัดการกับหัวใจตัวเองได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แต่กว่าเรื่องราวจะลงเอยได้ก็ต้องใช้ทั้งความพยายามและกำลังใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ

พล็อตเรื่องแนวเดิมๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นนิยายยุงชุมแต่ก็ขายดีและได้รับความนิยมในตลาดนักอ่านของเมืองไทย การดำเนินเรื่องไม่ถึงกับหวือหวาแต่ก็ไม่ทำให้น่าเบื่อเพราะเหตุที่มีความลับมีปมของเรื่องนี้นั้นเอง ได้ลุ้นว่าเมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผย ที่ลุ้นมากคือลุ้นว่าเจ้าน้อยจะรู้บ้างไหมว่าสุทัศน์เป็นผู้หญิง และลุ้นตอนไหนที่เจ้าน้อยจะทนไม่ไหวกับการเผลอใจไปรักคนที่คิดว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน รู้แล้วจะคิดจะทำอย่างไรต่อไป น่ารักและสนุกมากค่ะ

ตัวละครครบรสและมีเอกลักษณ์ดี ภาษาที่ใช้อ่านง่ายไม่น่าเบื่อ คิดว่าเหมาะกับนักอ่านหลายท่านที่ชอบนิยายแนวนี้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ
ไฟมาร (ละครทางช่อง 7)
4
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือนิยายเรื่อง ไฟมาร เป็นบทประพันธ์ของนักเขียนชื่อดัง เกตุวดี นำเสนอเรื่องราวของชีวิตครอบครัวและความอยากได้อยากมีไม่รู้จบของมนุษย์ โดยผ่านตัวละครหลักของเรื่องคือ กาวหรือกรรณนรี นักข่าวสาวสวยที่นิสัยไม่ค่อยจะหวานเหมือนใบหน้าสักเท่าไหร่

ชีวิตของกาวอาศัยอยู่กับพี่ชายและบิดา ส่วนมารดานั้นทอดทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็ก ทำให้กาวมีปมในชีวิตและทำเหมือนไม่รักแม่ ทั้งที่ในใจลึกๆ แล้วนั้นอยากให้แม่หันมามองและมอบความรักให้กับตนเหมือนที่ลูกคนหนึ่งควรจะได้รับ

นุดีหรือภาพิศ มารดาของกาวกลายมาเป็นเมียเก็บของพลตรีอารักษ์ และได้มีบุตรให้กับท่านนายพล เธอพยายามจะทำตัวให้เข้ากับคนในครอบครัวใหญ่ให้ได้ แต่คุณหญิงสุดา ภรรยาหลวงของท่านนายพลไม่เคยต้อนรับหรือยินดีกับภาพิศเลย

เมื่อสรวง ลูกชายคนเดียวของท่านนายพลและคุณหญิงสุดากลับมาจากต่างประเทศหลังจากไปเรียนปริญญาโทสำเร็จกลับมา ก็ทำให้บรรยากาศที่ไม่ค่อยราบรื่นภายในบ้านดูจะยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อเขารับรู้ความเสียใจของมารดาเรื่องเมียเก็บที่ชื่อภาพิศ สงครามย่อมๆ จึงเกิดขึ้นภายใต้ความเงียบอึมครึมที่แต่ละคนแสดงใส่กัน

กาวินทร์ พี่ชายของกาว เป็นผู้ชายที่ไม่เชื่อถือและศรัทธาเรื่องความรักเพราะเห็นตัวอย่างของบิดาและมารดา จึงไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงคนไหน แม้กระทั่งมด หรือมาลินี เพื่อนที่กลายมาเป็นภรรยาโดยพฤตินัย ซึ่งมดนั้นตั้งใจจะรอวันที่ความรักจะสามารถเปลี่ยนแปลงกาวินทร์ให้เชื่อมั่นในรักได้

เหตุบังเอิญมากมายชักนำให้กาวได้พบกับแม่ของตนอีกครั้ง และโชคชะตาก็นำพาให้พบกับสรวงด้วยเช่นกัน กาวต้องทำข่าวภาพิศ และพบเจอกับสรวงในช่วงเวลาต่างๆ อย่างไม่อาจจะเลี่ยงได้ ความวุ่นวายของหัวใจและการดำเนินชีวิตของแต่ละคนจึงเริ่มต้นขึ้น

ช่วงเวลาที่ต้องพบเจอก่อเกิดสายใยบางอย่างทำให้สรวงและกาวมีใจให้กัน กระทั่งความจริงทุกอย่างเปิดเผย ทั้งกาวและสรวงต่างก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกต่างๆ มากมายเพื่อให้ความรักของตนคงอยู่

นิยายเรื่องนี้สนุกไม่น้อยทีเดียวค่ะ ชอบที่พระเอกค่อนข้างจะร้ายแต่ลึกๆ แล้วน่ารักอย่าบอกใครเลย นางเอกเองก็น่ารักจนทำให้พระเอกของเราตกหลุมรักได้ทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ อ่านไปบางช่วงบางตอนก็มีเผลอยิ้มไปด้วย

เรื่องนี้บอกถึงเรื่องราวของการครองเรือนที่แฝงข้อคิดว่า มากคนมากความ การมีเมียเล็กเมียน้อยเมียเก็บมักจะทำให้ครอบครัวเกิดปัญหาและความร้าวฉานเหล่านั้นก็สร้างให้คนที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะและเป็นหนึ่ง คนที่ซึมซับความก้าวร้าวนั้นก็ย่อมจะแสดงความก้าวร้าวในสังคมด้วยเช่นกัน

มีข้อคิดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมายที่อยากให้นักอ่านทุกคนได้ลองหยิบหนังสือนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน เป็นงานวรรณกรรมที่มีเนื้อเรื่องและการใช้ภาษาที่ดีค่ะ อ่านแล้วไม่เบื่อและได้คอยให้ลุ้นตลอดค่ะ


5
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความสุขของกะทิ บทประพันธ์จากปลายปากกาของ งามพรรณ เวชชาชีวะ หนังสือที่จัดได้ว่าเป็นวรรณกรรมชั้นเยี่ยมสำหรับเยาวชนและบุคคลทั่วไปอีกหนึ่งเรื่อง ด้วยรางวัลการรันตี ได้กวีซีไรต์ หรือรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซี่ยน ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552

หนังสือเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อและแม่อย่างที่ควรจะเป็น กะทิ คือชื่อของเด็กหญิงและเป็นชื่อที่มีอยู่ในชื่อเรื่องเล่มนี้ด้วย

แม่ของกะทิเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งที่รักและอยากอยู่ใกล้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตนให้มากที่สุด แต่รู้ว่าตนเองไม่สามารถดูแลและอยู่ใกล้ชิดอย่างที่ต้องการได้ แม่ของกะทิตัดใจให้ตาและยายเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านริมน้ำแสนอบอุ่น กะทิได้รับความรักจากตาและยายเสมอมา

วันหนึ่งเลขาของแม่มารับกะทิให้ไปพบแม่ที่บ้านชายทะเล สถานที่ที่แม่ของกะทิพักเพื่อรักษาตัว แต่เมื่ออาการหนักขึ้นถึงขั้นวิกฤติจึงอยากพบและอยู่กับกะทิเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะเป็นเวลาที่ไม่มากนัก แต่กะทิก็ได้ซึมซับความรักของแม่ รับรู้และเข้าใจในเหตุผลที่ไม่ได้อยู่กับแม่อย่างที่เคยคิดฝันมาตลอด

กระทั่งแม่ของกะทิจากไปอย่างสงบ กะทิถูกพามาที่คอนโดของแม่ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ที่นี่กะทิได้เห็นและรู้จักในอีกส่วนหนึ่งของชีวิตแม่ และได้รู้ว่าพ่อของตนชื่อว่า แอนโทนี ซัมเมอร์ ชายหนุ่มเลือดพม่าที่ไปโตในอังกฤษ ทั้งสองรักและแต่งงานกันแต่ก็ต้องแยกกันอยู่เมื่อแม่ของกะทิได้งานใหญ่ที่ฮ่องกง แต่ไม่นาน แม่ของกะทิก็ได้รู้ว่าคนรักเก่าของพ่อตามมาเจอเข้า แม่ของกะทิจึงยินดียอมถอยออกมาจากชีวิตของพ่อและปล่อยให้สองคนนั้นได้ครองรักสมหวังกัน

มีจดหมายฉบับหนึ่งที่แม่เขียนเอาไว้ให้กะทิ เพื่อให้กะทิเลือกตัดสินใจเองว่าจะส่งให้กับพ่อของตนหรือไม่ ในที่สุดกะทิก็เลือกที่จะไม่ส่งจดหมายนั้นไป หนูน้อยเลือกที่จะกลับไปอาศัยอยู่กับตาและยายตามเดิม ไปอยู่กับความรักและความอบอุ่นที่เลี้ยงดูตนมาตลอดชีวิต และนั่นคือสิ่งที่สร้างความสุขให้กับกะทิได้ตลอดมา

หนังสือเล่มนี้ เป็นวรรณกรรมที่ผู้อ่านคิดว่าสะท้อนภาพสังคมปัจจุบันได้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแม่ลูกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่ต้องทำงานในเมืองและลูกต้องถูกเลี้ยงดูโดยปู่ย่าตายายอยู่ต่างจังหวัด (ซึ่งอาจจะไม่ตรงเป๊ะกับเนื้อเรื่องนี้ แต่สามารถเทียบเคียงให้ได้คิดถึงไปได้ไม่ยากเลยค่ะ) การทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ของแม่และโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนเราได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงความสุขเล็กๆ ที่คนเมืองส่วนใหญ่อาจมองไม่เห็นและไม่เคยได้สัมผัส นั่นคือการมีชีวิตอยู่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ตนพอใจแล้ว และยังคงทำให้มันดำรงอยู่ต่อไป ดังเช่นที่กะทิเลือกที่จะอยู่กับตาและยาย ครอบครัวเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นและน่ารักของกะทินั่นเองค่ะ (ผู้อ่านแอบเสียน้ำตาให้กับความเข้มแข็งและพลังแห่งความรักของตัวละครในเรื่องนี้ด้วย ประทับใจมากจริงๆ ค่ะ)


www.batorastore.com © 2024