ความสุขของกะทิ

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789749916490
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 105.00 บาท 26.25 บาท
ประหยัด: 78.75 บาท ( 75.00% )

รายละเอียด

วรรณกรรมไทยที่ได้รับการแปลแล้ว 10 ภาษา รางวัลซีไรต์ ปี 2549


รีวิว (3)

เขียนรีวิว

วนิดา | 3 รีวิว
07/11/2013

ความสุขของกะทิ วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ประเภทนวนิยาย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ อ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังมองชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งดำเนินชีวิตแบบเรียบๆง่ายๆกับตาและยาย ณ บ้านริมคลอง สายลมเย็นๆทำให้อ่านเพลินจนไม่รู้ว่าน้ำตาคลอตั้งแต่เมื่อไหร่ เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปอย่างสงบสร้างสุขให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนนิยายแฟนตาซีที่เคยอ่าน ไม่เหมือนนิยายทั่วไปที่เนื้อเรื่องมักจะผูกกันด้วยความวุ่นวายและสุดท้ายก็จบด้วยความสุข แต่เล่มนี้แตกต่างอย่างที่สุด การเรียนรู้ชีวิตของเด็กหญิงนามว่ากะทิ กะทิไม่ได้อยู่กับแม่เหมือนคนอื่นๆ กะทิมีความสุขเพราะมีตากับยายที่คอยให้ความอบอุ่นกับกะทิเรื่อยมา แต่กะทิก็คิดถึงแม่ จนวันหนึ่งกะทิได้เจอกับแม่ กะทิได้รับรู้ว่าแม่เป็นโรคร้ายแรง แต่ ณ เวลานั้นกะทิได้ใช้เวลาอยู่กับแม่สมปรารถนา แม่เล่าถึงกะทิด้วยความสุข รวมทั้งเหตุผลที่แม่ต้องทิ้งกะทิให้อยู่กับตาและยาย กะทิเข้าใจแม่ แม่ไม่ได้ทิ้งกะทิเลยแม่รักกะทิมาก แม่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับกะทิไว้หมดทุกอย่าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วแม่จะไม่ได้อยู่กับกะทิอีกต่อไป เหตุการณ์แบบนี้ยากนะที่เด็ก 9 ขวบจะรับไหว แต่กะทิก็เข้มแข็งสมกับเป็นลูกแม่อย่างที่ใครเขาว่ากัน เล่ามาดูเหมือนจะเศร้าจริงๆแล้วเราได้เรียนรู้ความสุขไปพร้อมกับกะทิต่างหากล่ะ “ความสุขของกะทิ” ความสุขกับสิ่งต่างๆและเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เธอได้เรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ที่ บ้านริมคลอง บ้านชายทะเล และบ้านกลางเมือง ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องเศร้าอย่างใหญ่หลวงที่กะทิทิ้งมันไว้ข้างหลังก็ตาม เหมือนกับครั้งหนึ่งที่แม่เคยบอกกะทิว่า คนเราก็ไม่ต่างจากตัวละครในหนังสือ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆในชีวิต และเมื่อผ่านพ้นมาได้ก็จะมีความลุ่มลึกในเนื้ออารมณ์เป็นคนเต็มคนมากขึ้นและมองทุกอย่างเปลี่ยนไป แม่ชอบใช้ “คำใหญ่” กับกะทิ ใช่เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทำให้กะทิรู้สึกจริงๆว่าตัวเอง “โต” ขึ้น ผู้เขียนให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัวมากถึงแม้จะไม่ใช่ครอบครัวอบอุ่นที่มีทั้งพ่อและแม่ แต่อ้อมแขนของตาและยายอบอุ่นและให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนที่กะทิจำได้ ณ บ้านริมคลองหลังนี้ บางทีชีวิตก็ไม่มีคำอธิบาย เหมือนที่แม่บอกกับกะทิไว้อีกนั่นแหล่ะ ความสุขของกะทิยังดำเนินต่อไป ณ บ้านริมคลองอันแสนอบอุ่น ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เสียงตะหลิวของยายก็ยังปลุกให้กะทิตื่นขึ้นพบกับโลกใบนี้เหมือนเดิม
สกาวรัตน์ | 3 รีวิว
31/08/2013

ความสุขของกะทิ บทประพันธ์จากปลายปากกาของ งามพรรณ เวชชาชีวะ หนังสือที่จัดได้ว่าเป็นวรรณกรรมชั้นเยี่ยมสำหรับเยาวชนและบุคคลทั่วไปอีกหนึ่งเรื่อง ด้วยรางวัลการรันตี ได้กวีซีไรต์ หรือรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซี่ยน ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552 หนังสือเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อและแม่อย่างที่ควรจะเป็น กะทิ คือชื่อของเด็กหญิงและเป็นชื่อที่มีอยู่ในชื่อเรื่องเล่มนี้ด้วย แม่ของกะทิเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งที่รักและอยากอยู่ใกล้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตนให้มากที่สุด แต่รู้ว่าตนเองไม่สามารถดูแลและอยู่ใกล้ชิดอย่างที่ต้องการได้ แม่ของกะทิตัดใจให้ตาและยายเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านริมน้ำแสนอบอุ่น กะทิได้รับความรักจากตาและยายเสมอมา วันหนึ่งเลขาของแม่มารับกะทิให้ไปพบแม่ที่บ้านชายทะเล สถานที่ที่แม่ของกะทิพักเพื่อรักษาตัว แต่เมื่ออาการหนักขึ้นถึงขั้นวิกฤติจึงอยากพบและอยู่กับกะทิเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะเป็นเวลาที่ไม่มากนัก แต่กะทิก็ได้ซึมซับความรักของแม่ รับรู้และเข้าใจในเหตุผลที่ไม่ได้อยู่กับแม่อย่างที่เคยคิดฝันมาตลอด กระทั่งแม่ของกะทิจากไปอย่างสงบ กะทิถูกพามาที่คอนโดของแม่ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ที่นี่กะทิได้เห็นและรู้จักในอีกส่วนหนึ่งของชีวิตแม่ และได้รู้ว่าพ่อของตนชื่อว่า แอนโทนี ซัมเมอร์ ชายหนุ่มเลือดพม่าที่ไปโตในอังกฤษ ทั้งสองรักและแต่งงานกันแต่ก็ต้องแยกกันอยู่เมื่อแม่ของกะทิได้งานใหญ่ที่ฮ่องกง แต่ไม่นาน แม่ของกะทิก็ได้รู้ว่าคนรักเก่าของพ่อตามมาเจอเข้า แม่ของกะทิจึงยินดียอมถอยออกมาจากชีวิตของพ่อและปล่อยให้สองคนนั้นได้ครองรักสมหวังกัน มีจดหมายฉบับหนึ่งที่แม่เขียนเอาไว้ให้กะทิ เพื่อให้กะทิเลือกตัดสินใจเองว่าจะส่งให้กับพ่อของตนหรือไม่ ในที่สุดกะทิก็เลือกที่จะไม่ส่งจดหมายนั้นไป หนูน้อยเลือกที่จะกลับไปอาศัยอยู่กับตาและยายตามเดิม ไปอยู่กับความรักและความอบอุ่นที่เลี้ยงดูตนมาตลอดชีวิต และนั่นคือสิ่งที่สร้างความสุขให้กับกะทิได้ตลอดมา หนังสือเล่มนี้ เป็นวรรณกรรมที่ผู้อ่านคิดว่าสะท้อนภาพสังคมปัจจุบันได้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแม่ลูกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่ต้องทำงานในเมืองและลูกต้องถูกเลี้ยงดูโดยปู่ย่าตายายอยู่ต่างจังหวัด (ซึ่งอาจจะไม่ตรงเป๊ะกับเนื้อเรื่องนี้ แต่สามารถเทียบเคียงให้ได้คิดถึงไปได้ไม่ยากเลยค่ะ) การทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ของแม่และโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนเราได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงความสุขเล็กๆ ที่คนเมืองส่วนใหญ่อาจมองไม่เห็นและไม่เคยได้สัมผัส นั่นคือการมีชีวิตอยู่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ตนพอใจแล้ว และยังคงทำให้มันดำรงอยู่ต่อไป ดังเช่นที่กะทิเลือกที่จะอยู่กับตาและยาย ครอบครัวเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นและน่ารักของกะทินั่นเองค่ะ (ผู้อ่านแอบเสียน้ำตาให้กับความเข้มแข็งและพลังแห่งความรักของตัวละครในเรื่องนี้ด้วย ประทับใจมากจริงๆ ค่ะ)
ศรัญญา | 3 รีวิว
28/08/2013

ความสุขของกะทิ เรื่องนี้เคยอ่านตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น เป็นวรรณกรรมที่โตมากับเด็กไทยจริงๆ เป็นหนังสือที่ดูจะไม่มีอะไรยุ่งยาก ภาษาชาวบ้าน แต่อ่านแล้วเข้าใจง่าย เข้าใจความสุขแบบบ้านๆ ที่ไม่ต้องวิ่งไข่วคว้า ชีวิตของกะทิที่ดำเนินไปมีเหตุมีผล อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้เรารู้สึกว่าความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ไหนไกลตัวเราเลย กะทิเด็ก 9 ขาวที่ไม่เคยได้เจอกับแม่เลย เธอเติบโตด้วยการเลี้ยงดูของตากับยายเป็นอย่างดี เสียงตะหวิวที่กระทบกับกะทะเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกที่คอยปลุกกะทิให้ตื่นไปโรงเรียน ทุกวันยายจะทำอาหารสารพัดเมนูใส่ปิ่นโตให้กะทิ กะทิมีพี่ทองเด็กวัดเป็นเพื่อนคู่ใจไปไหนไปกัน กะทิเคยคิดอยากให้แม่มารับเธอที่โรงเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง กะทิไม่เคยได้เจอแม่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอหน้าตาเป็นยังไง แต่กะทิก็มีความสุขกับการเลี้ยงดูอย่างดีของตากับยายและยังมีทองเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะว่าพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฏา และน้ากันต์ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิ และคอยหาสิ่งดีๆให้กะทิอยู่เสมอๆ และเป็นคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้าโศกเสียใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆไว้ให้กะทิอย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจแต่ในความสุขมีความเศร้า ในวิถีชีวิตที่สุขสงบนี้ กะทิต้องเผชิญประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ต้องสูญเสียแม่ และในความเศร้านั้นก็มีความสุข กะทิไม่คิดจะโหยหาถึงพ่อที่อยู่ไกลโพ้นต่างแดน หากเลือกอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย และผ่านชีวิตอันควรจะทุกข์นั้นด้วยใจที่เข้มแข็ง อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้คนอ่านได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของชีวิตเล็กๆ ในโลกเล็กๆ ของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่ไกลจากชีวิตจริงของเราเลย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้ชีวิตเราจะเจออะไร จะสุขหรือจะทุกข์ ไม่แปลกค่ะที่วรรณกรรมเรื่องนี้จะมีคุณค่าและควรค่าให้เด็กรุ่นต่อๆไปได้อ่าน

สินค้าที่ใกล้เคียง (29 รายการ)

www.batorastore.com © 2024