PS4: Dragon Quest Heroes: Yamiryuu to Sekaijuno Shiro (JP Ver.)

รีวิวเกมส์ PS4: Dragon Quest Heroes

 

เมื่อใดที่เห็นลายเส้นของอาจารย์โทริยามา (Akira Toriyama) ในหน้าจอทีวี พร้อมกับเสียงเพลงเข้าฉากต่อสู้ที่คุ้นหู ร้อยทั้งร้อยก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเล่นเกม Dragon Quest อยู่ ด้วยตัวละครที่คุ้นตา เนื้อเรื่อง (ที่ตอนเด็กๆ ต้องอาศัยเดาเอา หรือไม่ก็อ่านจากหนังสือ) ที่ไม่ซับซ้อน และการปล่อยเวทย์ที่จำกันได้ขึ้นใจจนเก็บเอาไปเล่นตบแปะแข่งกับนางเงือกน้อย (อันนี้ดักแก่ เด็กๆ มาอ่านไม่ต้องงงนะครับ) ทำให้ผู้เฒ่าวัย 30+ หลายคนยังคงตราตรึงตำนานผู้กล้าปราบมังกร มาจนปัจจุบันยุคสมัยได้เปลี่ยนไปจนเกม 2D แบบเดิมๆ แทบไม่มีคนจับ ทางค่าย Square-Enix ก็ไม่นิ่งนอนใจจับมือกับ Omega Force ผู้พัฒนาเกมสามก๊ก (Dynasty Warriors) นำเอาคอนเซปต์เกมเดินหน้าตะลุยมาใช้ชุบชีวิต Dragon Quest จนออกมาเป็นภาครวมมิตรฮีโร่ ที่มีชื่อเต็มว่า The World Tree's Woe and the Blight Below (ตำนานผู้กล้าปราบศัตรูพืช..ล้อเล่นครับ น่าจะแปลได้ว่าตำนานเหล่าผู้พิทักษ์พฤกษาโลก)

 

เหล่าผู้กล้าพร้อมเผชิญภัยตรงหน้า

 

อนึ่ง เนื่องจากผมรีวิวเกมนี้จากภาคภาษาอังกฤษ ชื่อของตัวละครและเมืองต่างๆ จึงเป็นภาษาอังกฤษตามไปด้วย ใจหนึ่งผมก็อยากเอาไปเทียบกับชื่อจริงภาษาญี่ปุ่นเพื่อเอาใจแฟนๆ Dragon Quest อยู่หรอก แต่กลัวว่าจะเขียนผิดพลาดไปด้วยความไม่ชำนาญ เลยใช้ชื่อตัวละคร คาถา มอนสเตอร์แบบอังกฤษโดยไม่แปลง และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ครั้งหนึ่งทุกอย่างเคยสงบสุข

 

เนื้อเรื่อง

กาลครั้งหนึ่ง ณ เมือง Arba ที่ปกคลุมด้วยเงาอันอ่อนโยนแห่งมหาพฤกษา World Tree ประชากรของเมืองนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้น เพราะขบวนฉลองที่เคลื่อนผ่านเมืองในตอนนี้มีทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์น้อยใหญ่ ร่วมร้องเพลงเต้นรำร่วมกันอย่างผาสุก นี่น่าจะเป็นธรรมชาติของโลกที่สวยงามแห่งนี้ ทันใดนั้นก็มีคลื่นพลังประหลาดแผ่กระจายปกคลุมแผ่นฟ้าและปรากฏเมฆครึ้มบดบังแสงแดดสิ้น ท่ามกลางความสับสนงุนงงก็มีเสียงกรีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนีเขี้ยวและกรงเล็บมอนสเตอร์เพื่อนของพวกเขาเอง เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันกันนะ อัศวินหนุ่มราชองครักษ์ Luceus จอมสุขุมร่ายเวทย์ไฟเพื่อเปิดทางและเหวี่ยงดาบปัดเป่าภัยคุกคาม ร้องถามกับเพื่อนของเขา Aurora ราชองครักษ์หญิงที่ไม่หยุดฟังคำถาม แต่ตวัดกระบี่พร้อมร่ายมนต์น้ำแข็งเบิกทางมุ่งไปสู่ปราสาทเพื่อปกป้องราชา แต่ทว่า...ราชาของเมืองนี้ไม่ธรรมดาและท่านได้หยิบพลองยาวคู่ใจหวดซ้ายขาวปราบมอนสเตอร์ในปราสาทเสียเรียบร้อย เมื่อเหตุการณ์ในเมือง Arba สงบลงทุกคนก็ได้พบว่านี่น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่แผ่ขยายไปทั่วโลก เหมือนเป็นการประกาศสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เลยทีเดียว แต่ยังมีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่ยังคงเป็นเพื่อนกับทุกคนอยู่ คือเจ้า Healix ที่ยังลอยหน้าลอยตาประสา slime อยู่ไม่เปลี่ยนไปแถมยังคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง ก่อให้เกิดสมมุติฐานว่าเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดนี้ต้องมีเงื่อนงำและผู้บงการเบื้องหลัง ทั้งสามคน (และหนึ่งตัว) จึงออกเดินทางเพื่อค้นหาความจริง และหวังว่าจะนำพาความสงบสุขกลับมาสู่โลก

 

Aurora หนึ่งในตัวเอกที่เลือกเล่นได้

 

อย่าให้เจ๊แกมีน้ำโหนะ

 

ระบบในเกม

ใครที่เคยสัมผัสเกมเดินหน้าฟันไม่ยั้งอย่างสามก๊กมาคงจะเข้าใจวิธีเล่นได้ไม่ยาก คือ กดๆ ปุ่มโจมตีไปเรื่อยๆ จนกว่าศัตรูจะหมดฉาก ถ้าแบบนั้นเกมนี้ก็แค่เกมสามก๊กที่ใส่ชุด Dragon Quest และเอาตัวละครและมอนสเตอร์มาเท่านั้นเหรอ? แน่นอนว่าถ้า Dragon Quest Heroes ทำแบบนั้นคงไม่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในญี่ปุ่น โดยผู้พัฒนาได้นำระบบของเกมภาษาทั้งของ Dragon Quest และเกมอื่นๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน เช่น อาวุธ เวทย์ การพัฒนาตัวละคร การผสมเครื่องประดับ ระบบ skill โดยเฉพาะระบบปลดปล่อยพลังที่เรียกว่า Tension ที่จะปลดปล่อยท่าใหญ่ประจำตัวของแต่ละคนออกมา โดยการเติมหลอด Tension ให้เต็มจะทำได้โดยการตีมอนสเตอร์อย่างต่อเนื่องหรือทำคอมโบเยอะๆ นั่นแหล่ะ ในการต่อสู้ส่วนใหญ่เราจะพาเพื่อนไปได้สูงสุด 4 คน ซึ่งเพื่อนๆ ของเราไม่เพียงแต่คอยสนับสนุนเรา ยังออกท่าและทำคอมโบได้ด้วย แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ เราก็สามารถเปลี่ยนไปควบคุมตัวละครนั้นๆ ระหว่างการรบได้เลย ซึ่งมีผลมากเมื่อเราปะทะกับศัตรูที่ต้องใช้ท่าพิเศษในการจัดการ หรือพวกที่มีจุดอ่อนเป็นท่าต่างๆ เช่นผมได้เจอกับบอสหุ่นเหล็กที่โจมตีแรงและพลังชีวิตสูงมาก ตายไปหลายรอบจนมีครั้งหนึ่งเห็นตัวเพื่อนใช้สายฟ้า (เวทย์ zap - ไรดีนนั่นเอง) ยิงใส่มันแล้วเห็นมันชะงักไปพักหนึ่ง เลยได้โอกาสเข้าสิงตัวเพื่อนและฟาดสายฟ้าใส่ไม่ยั้งจนเอาชนะมาได้ นอกจากนี้ตัวเกมยังให้อิสระเราในการเพิ่มและจัดความสามารถของตัวละครแต่ละตัวได้ง่ายๆ ดังนั้นการนำทีมไปลุยในเกมนี้ไม่ใช่สักแต่เอาตัวละครที่ตีแรงไปลงเท่านั้น ยังต้องใช้สติตรึกตรองความสมดุลและจุดแข็งของทีมให้ดีด้วย

 

ดาหน้ากันเข้ามาได้เลยเจ้าพวกมอนสเตอร์

 

มุโซ + Tower Defense

ถึงจะเป็นเกมแบบเดินหน้าฆ่าไม่ยั้งแต่ก็นำระบบกันฐาน (ที่ได้ยินกันคุ้นหูว่า TD - Tower Defense) มาให้สนุกกันในบางด่านด้วย โดยทีมของเราจะต้องปกป้องสิ่งของ คน หรือสถานที่ในฉากไม่ให้โดนมอนสเตอร์รุม อ้าว แบบนั้นก็ไม่ได้อยากอะไรนี่แค่เอาทีมฮีโร่ไปวางกันไว้ก็พอแล้วนี่? มันก็คงไม่ยากถ้าของที่เราต้องป้องกันมันมีแห่งเดียว แต่เรื่องจริงคือมักจะมีอยู่สอง-สามแห่งแล้วพร้อมกันนั้นเราก็ต้องเดินหน้าไปจัดการมอนสเตอร์ที่คอยเสกพรรคพวกอีกด้านหนึ่งของฉากด้วย ทำให้เราเดินหน้าฟันกดคอมโบอย่างเดียวไม่ได้ ยังต้องคอยดูแผนที่และป้องกันไปพร้อมๆ กัน และแน่นอนว่าเกม TD จะขาดสิ่งที่เอาไว้ใช้ป้องกันได้อย่างไร ในเกมนี้เราสามารถเสกมอนสเตอร์มาช่วยป้องกันจุดสำคัญได้ด้วย โดยมอนสเตอร์แต่ละตัวจะมีความสามารถและการโจมตีต่างกัน บางตัวก็ออกมาช่วยเพิ่มเลือดให้เราแล้วหายไปเลยก็มี เมื่อดำเนินตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ เกมจะมอบตัวช่วยให้เราใช้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น เช่น คาถาย้ายที่ในพริบตา เป็นการฝึกผู้เล่นให้ชำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบางครั้งก็น่าเบื่อเหมือนกันที่กดข้ามไม่ได้

 

การกดปล่อยเวทย์ทำได้ง่ายๆ โดยกด R1 ค้างและกดปุ่มท่าตามที่เห็น

 

เหล่าผู้พิชิตกลับมาแล้ว

นอกจากฮีโร่ที่เราพบตอนต้นเรื่องทั้ง 4 คือ Luceus, Aurora, Doric และ Isla (5 ถ้ารวมเจ้า slime ชื่อ Healix ไปด้วย) เกมยังได้จับผู้กล้าของภาคก่อนๆ มาแปลงเป็นโพลีกอนสามมิติอย่างเนี๊ยบพร้อมเสียงพากย์ครบครัน ได้แก่

- Maya จากภาค 4 นักเต้นสะโพกพริ้วผู้มีพัดเป็นอาวุธ เธอเห็นแก่เงินเหนือสิ่งอื่นใดและมีท่าแปลงร่างเป็นมังกรซะด้วย

- Alena จากภาค 4 สาวน้อยจอมแก่นผู้มากไปด้วยพลังดิบและเพลงหมัดที่น่าประทับใจ เธอหลุดมาในโลกนี้พร้อมกับ Kiryl

- Kiryl จากภาค 4 ทหารยาม/ผู้คุมประพฤติเจ้าระเบียบ ความขี้เกรงใจและสุภาพของเขาหายวับไปเมื่อเจ้าตัวได้จับหอกและกวัดแกว่งในสนามรบ

- Bianca จากภาค 5 มือฉมังธนูสุดแกร่ง เห็นท่าทางบอบบางแบบนี้เธอมีท่าที่สามารถเคลียร์มอนสเตอร์ได้ดีที่สุดในเกมเลย

- Nera จากภาค 5 สาวน้อยนักเวทย์ผู้เชี่ยวชาญการคุมพื้นที่ มนต์ตราของเธอสวยงามยากจะบรรยาย เธอกับ Bianca สละความต้องการกลับไปยังโลกเดิมเพื่อร่วมทีมและปกป้องโลกของเรา

- Terry จากภาค 6 นักดาบจอมหยิ่งสุดซึน ถึงจะว่าแบบนั้นแต่เพลงดาบและวิชาควบคุมลมและสายฟ้าของเขาก็ไม่เป็นรองใคร

- Jessica จากภาค 8 จอมเวทย์สุดแกร่งผู้หวดแซ่แทนไม้คฑา ด้วยลีลาสุดพริ้วพร้อมด้วย...พลังเวทย์ที่มโหฬารของเธอทำให้ผู้เล่นไม่อาจละสายตาไปจากหน้าจอได้ง่ายๆ เธอมายังโลกนี้พร้อม Yangus

- Yangus จากภาค 8 จอมโจรกลับใจผู้ทรงพลังมาพร้อมขวานยักษ์ที่พร้อมฟันฝ่าทุกสถานการณ์

 

เหล่าฮีโร่จะค่อยๆ เข้ามาร่วมพจญภัยกับเรา

 

คอมโบและมอนสเตอร์

นอกจากการรัวปุ่มโจมตีเพื่อทำคอมโบหลัก ในเกมนี้ยังมีคอมโบรองอีกหลายท่าที่เราสามารถเข้าไปดูได้ในตัวเลือก action list ในเมนู โดยแต่ละท่าจะให้ผลต่างกันเช่น โจมตีกวาดรอบตัว หรือโจมตีไปข้างหน้า ก็แล้วแต่ผู้เล่นเลยว่าจะรีบรุดไปทำลายจุดเกิดมอนสเตอร์ หรือต้องการปกป้องฐานที่อยู่ด้านหลัง เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญแค่การรุดหน้าไปเท่านั้น แต่มอนสเตอร์บางตัวยังต้องใช้การโจมตีเฉพาะเท่านั้นถึงจะจัดการได้ อย่างเรื่องหุ่นเหล็กที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีทหารถือโล่ที่จะสะท้อนการโจมตีตรงหน้ากลับมาใส่เรา ทำให้ต้องกระโดดข้ามหัวมันไปหรือใช้เวทย์จัดการ ศัตรูที่บินได้ส่วนใหญ่ต้องรอโจมตีสวนตอนมาโฉบลงมาเท่านั้น นับว่าเกมไม่ได้เอามอนสเตอร์เปลี่ยนสกินมาย้อมแมวขายเรา แต่ยังสร้างให้พวกมันมีจุดอ่อนจุดแข็งต่างกันไป รอให้ผู้เล่นค้นหาและใช้ไหวพริบพลิกแพลงไม่ให้น่าเบื่อ

 

การโจมตีมอนสเตอร์ตัวเรียกพวกคือหัวใจสำคัญในการพิชิตด่าน

 

สิ่งที่ขาดไป

แม้จะมีหลายสิ่งเพิ่มเติมมาสู่ตำนานเหล่าผู้กล้าเกมนี้ ก็มีบางอย่างที่ขาดหายไปและจะไม่ยกมากล่าวก็คงไม่ได้ นั่นคือสเน่ห์ของเกมภาษา-RPG ที่ตำนานมังกรเคยมีมาทุกภาค กล่าวคือภาคนี้ได้ตัดส่วนการเดินลัดเลาะไปตามเมืองเสียจนหมด เหลือเพียงแค่ห้องเล็กๆ มีประตูอยู่แค่ไม่กี่บาน ถึงเกมจะยังมีตัวละครให้เราเดินคุยอยู่ ก็มีเพียงชาวเมืองและเพื่อนร่วมทีม (และจดหมายในตู้เป็นบางครั้ง) ส่วนเมืองเก่าๆ ที่เราเคยไปช่วยปราบมอนสเตอร์เอาไว้จะย้อนกลับไปเดินเล่นก็ไม่ได้ เพราะในเกมนี้ฉากเมืองต่างๆ เป็นเพียงการเปลี่ยนสถานที่ลุยเท่านั้น ไม่มีตัวเมืองจริงๆ เลย อีกเรื่องที่ขัดใจมากคือเกมนี้เล่นหลายคนไม่ได้ เพราะบางที AI ในเกมก็ทำอะไรขัดใจเราจนอยากเอาจอยให้เพื่อนข้างๆ มาช่วยบ้างอะไรบ้าง หรือจะยิ่งดีกว่านี้ถ้าสามารถเล่นออนไลน์ได้ ซึ่งตรงนี้ได้ข่าวว่าภาคต่อไป The Twin Kings and the Prophecy of the End จะสามารถเล่นกับคนอื่นได้สักที และสูงสุดถึงสี่คนเลยด้วย

 

ท่าใหญ่ (ปลดปล่อย Tension) ของ Alena

 

ท่าใหญ่ของ Terry

 

สรุป

ตำนานมังกรภาคนี้เป็นการโยนหินถามทางที่ถูกจังหวะจะโคน การตัดสินใจตัดบางอย่างทิ้งไปเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่การเล่นเกมต้องทำได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาให้กับเนื้อเรื่องหรือการเดินหาของทำเควสเหมือนภาคอื่นอาจต้องทำให้แฟนๆ ผิดหวังไปบ้าง แต่การนำฮีโร่คนเก่าๆ กลับมาในรูปร่างโพลีกอนสามมิติที่สวยงามพร้อมเสียงพากย์คุณภาพ (เวอร์ชั่นอังกฤษสามารถปรับเป็นพากย์ญี่ปุ่นได้) ก็น่าจะทดแทนกันได้ อีกทั้งผู้คน มอนสเตอร์ เพลง และลายเส้นของอาจารย์โทริยามา ก็น่าจะเรียกรอยยิ้มและน้ำตาจากผู้เล่นทุกรุ่นได้ไม่ยาก สำหรับตัวผมเองอยากให้เกมมันดราม่ามากขึ้นอีกหน่อย ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่นั่งรอภาคต่อไปที่จะเปิดโอกาสให้เล่นได้หลายคน ผมจะต้องนำมาจับจองเป็นเจ้าของให้จงได้ครับ

 

Skill มากมายหลายร้อยความเป็นไปได้

 

สร้างตัวละครตามลายเส้นดั้งเดิมได้ดีมาก 10/10

เนื้อเรื่องเดาได้ไม่ยาก 7/10

ภาพสดใส เสียงพากย์แจ่มดีมีคุณภาพ 9/10

มี skill ให้เลือกมากมายและสามารถ re-skill ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีแทบทั้งนั้น 8/10

สำหรับแฟนๆ ต้องให้เต็มสิบอยู่แล้ว แต่ผมไม่ใช่อ่ะ 7/10