PS4: inFAMOUS First Light (Z2)

 

รีวิวเกมส์ PS4: Infamous First Light 

แสงแรก ของเรื่องราวบทใหม่

 

 

“Infamous” เป็นหนึ่งในซีรีส์เกม Exclusive ของทาง Sony ที่พัฒนาโดยทีม “Sucker Punch Productions” ด้วยความที่ตัวเกมนั้นเป็นรูปแบบ Open World ผสมกับความเป็นซูเปอร์ฮีโร่เหนือมนุษย์ ทำให้ Infamous กลายเป็นเกมที่ได้รับความนิยม และได้รับการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

 

เมื่อเวลาผ่านมาถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของเทคโนโลยีใหม่ “Infamous Second Son” จึงได้เป็นหนึ่งในไตเติ้ลเกมที่เป็นตัวชูโรงสำหรับการเปิดตัวเครื่อง “PlayStation4” ในช่วงแรกๆที่ได้มีการวางจำหน่ายด้วย ซึ่งมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงกราฟฟิกที่สวยงามและรูปแบบการเล่นที่สนุกมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากที่ Infamous Second Son ประสบความสำเร็จไปไม่นานนัก ทีม Sucker Punch Productions ก็ได้ขอเกาะติดเรื่องราวในภาคดังกล่าวกันต่ออีกนิด ด้วยการปล่อย “Infamous First Light” ออกมาให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับเรื่องราวในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ใน Infamous Second Son

“Fetch“ หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษและเป็นตัวเอกในภาคนี้

 

“Infamous First Light”  ได้กล่าวถึงเรื่องราวของตัวเอก “Abigail  Walker” หรือ “Fetch“ หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ ที่ถูกควบคุมตัวโดยองค์กร “D.U.P” (The Department of Unified Protection) และถูกบังคับให้ทดสอบการใช้พลังของเธอโดยการต่อสู้กับเหล่ากองกำลังทหารในรูปแบบโฮโลแกรม เนื้อเรื่องในเกมจะเล่าถึงเนื้อหาในส่วนนี้ สลับกันไปกับเรื่องราวของ Fetch เมื่อสองปีก่อนที่จะถูกจับกุม Fetch ได้อาศัยอยู่กับ “Brent Walker” พี่ชายของเธอที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ที่ทั้งสองคนถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กๆ ซึ่ง Brent เป็นพี่ชายที่พยายามดูแลและหาทางช่วยเหลือน้องสาวที่พยายามเก็บซ่อนพลังพิเศษนี้เอาไว้โดยไม่จากไปไหน ทำให้ทั้งสองพี่น้องรู้สึกรักใคร่กลมเกลียวกันมาก แม้ว่าจะเดินผิดทางไปบ้าง แต่พวกเขาก็ยังคงคอยอยู่ดูแลช่วยเหลือกัน

”เปลวเพลิงจากกองไฟที่ลุกโชน ทำให้ Fetch สูญเสียทุกอย่างที่มี”

 

แต่แล้ววันหนึ่ง Brent ที่ได้ทำงานจนสามารถหาเงินพอจะซื้อเรือหนีข้ามพรมแดนไปยังแคนาดาด้วยกันกับน้องสาวได้แล้ว แต่ในระหว่างที่ Fetch คลาดสายตาไป Brent กลับถูกลอบสังหารโดยกลุ่มอาชญากรรมและค้ายาเสพติดนาม “Akurans” ของพวกรัสเซีย ทำให้ Brent จากไปพร้อมกับเรือแห่งความฝันของพวกเขาที่ระเบิดจนไฟลุกท่วม ตั้งแต่วินาทีนั้น Fetch จึงได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มีไปและโกรธแค้นสิ่งต่างๆ ที่พรากทุกอย่างไปจากเธอ แต่ถึงเธอจะมีพลังพิเศษมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนกระทั่งชายที่ชื่อ “Shane” ได้มาพบ Fetch ด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่ารู้จัก Fetch และเป็นสหายเก่าของพี่ชายของเธอ ทำให้ Fetch ได้ตัดสินใจเริ่มทำงานกับ Shane และเริ่มต้นหาทางการล้างแค้นให้พี่ชายทันที

“ปลดปล่อยพลังพิเศษอันสวยงามตระการตาในการต่อสู้”

 

ในส่วนของเกมเพลย์ก็ยังคงรูปแบบของเกมแอ็คชั่นในมุมมองของบุคคลที่สาม โดยการใช้พลังสายฟ้าของ Fetch ต่อสู้กับกลุ่มทหารขององค์กร และพัฒนาความสามารถให้ใช้งานได้หลากลายมากขึ้นเมื่อมีเลเวลที่สูงขึ้น เราสามารถใช้พลังสายฟ้านี้โจมตีในรูปแบบต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะการยิงสายฟ้าหรือการกระแทกลงมาเพื่อปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมารอบตัว หรือการใช้พลังรวมทุกสิ่งทุกอย่างและปล่อยมันออกไปทำลายในทีเดียว อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเหมือนเป็นไฟฟ้าวิ่งผ่านได้ง่ายๆ และสามารถวิ่งผ่านขึ้นไปบนตึกรามบ้านช่องได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมาห่วงการปีนป่ายเหมือนที่แล้วๆ มาอีกด้วย และถึงจะมีพลังเหนือมนุษย์ก็ใช่ว่าศัตรูที่ต้องสู้จะมีแต่หมูๆ เพราะศัตรูเองก็เป็นทหารที่ถูกอัพเกรดชุดและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มารับมือเต็มที่ด้วย เพราะงั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถชนะโดยการปล่อยพลังเฉยๆ ได้แน่นอน

 

”การได้ท่องไปในเมืองด้วยการเป็นแสงไฟที่สวยงาม ชวนให้รู้สึกดีจริงๆ”

 

ตัวเกมยังคงความเป็น open world แต่ด้วยข้อจำกัดของเนื้อเรื่องและองค์ประกอบของตัวเกม ทำให้โลกที่เราจะได้ท่องไปในเกมนี้ จะเป็นแค่พื้นที่ส่วนหนึ่งของ “Infamous second son” เท่านั้นเอง แต่ก็ยังเป็นส่วนที่เราสามารถวิ่งเล่นไปตามตึกและทำภารกิจต่างๆ ได้อย่างสนุกอยู่

 

”ความสวยงามไม่ได้มาพร้อมเรื่องดีๆ เสมอไป”

 

สำหรับภาพของเกมก็อาจจะเรียกได้ว่าถอดมาจาก “Infamous second son” เลยก็ว่าได้ เพราะงั้นรับประกันได้เลยว่าภาพในเกมจะเป็นกราฟฟิคที่สวยงามสมกับเป็นเกมยุคใหม่เหมือนกันแน่นอน ไม่เพียงแค่รายละเอียดของตัวเมืองและเท็กซ์เจอร์พื้นผิวที่ถ่ายทอดออกมาพร้อมกับสภาพอากาศในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี แต่รายละเอียดของโมเดลตัวละครและเอฟเฟคแสงสีต่างของพลังสายฟ้าก็ยังสวยงามโดดเด่นมากด้วย

”เรื่องราวในเกม จะนำไปสู่สถานที่และสิ่งที่ Fetch ต้องเผชิญ”

 

“Infamous First Light” อาจจะดูไม่มีอะไรต่างกับเกม “Infamous” ซีรีส์อื่นๆ มากนัก แต่มันก็มีสเน่ห์ของตัวละครเอกที่โดดเด่น และการนำเสนอเรื่องราวที่น่าติดตามกว่าภาคอื่นๆ ว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวการล้างแค้นนี้จะจบลงอย่างไร และตัวเกมก็ยังคงความสวยงามและความสนุกในแบบของมันเอาไว้ แม้มันจะเป็นเพียงแค่เกมอีกเนื้อหาหนึ่ง ที่ใช้เวลาในการเล่นจบได้ในระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม