PS3: Tales of xillia

รีวิวเกมส์ PS3: Tales of Xillia
ตำนานมหาภูติ

 

ผลงานฉลองครบรอบ 15 ปี ของซีรี่ย์เกม “Tales of” หนึ่งในเกม JRPG ที่ได้รับความนิยมและอยู่คู่วงการเกมมานาน ด้วยความที่ตัวเกมนั้นมีเกมเพลย์ที่สนุกสนาน สามารถใช้สกิลท่าโจมตีได้อย่างลื่นไหลและทำคอมโบได้หลากหลาย รวมกับตัวละครและเรื่องราวเนื้อหาแนวผู้กล้าแฟนตาซีผจญภัยกู้โลกในแบบของญี่ปุ่น ทำให้ซีรีส์นี้เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ย์อันดับต้นๆของเกม JRPG ที่มีเกมเมอร์มากมายให้ความสนใจกัน และลำหรับผลงานการฉลองครบรอบ 15 ปี ใน “Tales of Xillia” นี้ ตัวเกมก็ได้มีการยกเครื่องปรับปรุงส่วนต่างๆใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพกราฟฟิก อนิเมชั่น หรือแม้แต่ตัวเกมเพลย์ที่ทวีความสนุกมากขึ้นไปอีกขั้น

 

 

โลกของ “Tales of Xillia” ได้กล่าวถึงโลก “รีเซ แม็กเซีย” ที่ซึ่งมนุษย์และเหล่าภูติได้เกื้อกูลอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่แล้ววันหนึ่ง “Milla Maxwell” มหาภูติผู้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนหญิงสาวชาวมนุษย์ ได้รู้สึกถึงการล้มตายอย่างผิดปกติของเหล่าภูติมากมาย เธอจึงได้ออกเดินทางจากที่พำนักของเธอที่ นิ อาเคเรีย เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง อิลฟาน ที่ซึ่งทำให้เธอได้เจอกับ “Jude Mathis” ผู้เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดของเมืองและรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นเช่นกัน การพบกันของทั้งสองคนในครั้งนี้ จึงเป็นบทนำและจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อช่วยเหลือเหล่าภูติเเละมนุษย์ให้คงอยู่ด้วยกันตลอดไป

 

ในส่วนของการเล่นเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะแตกต่างจากที่ซีรี่ย์ที่ผ่านๆมาเล็กน้อย โดยเราจะสามารถเลือกเล่นได้ว่าจะเล่นเนื้อเรื่องในมุมมองของใครก่อน ระหว่าง “Jude Mathis” และ “Milla Maxwell” ซึ่งการที่มีตัวละครให้เลือกในการเล่นเนื้อเรื่องนั้น จะทำให้เราพบกับเนื้อเรื่องบางส่วนที่เป็นมุมมองของคนใดคนหนึ่งที่เเตกต่างกันออกไป เช่น หากเราเริ่มจากการเล่นเนื้อเรื่องของ Jude ก็อาจจะมีเนื้อเรื่องช่วงที่ไม่มี Milla อยู่ด้วย ซึ่งถ้าอยากรู้เนื้อหาในส่วนนั้นก็ต้องไปเล่นเนื้อเรื่องของ Milla ซึ่งเป็นอีกมุมมองหนึ่งหลังจบเกมด้วย ในส่วนของเนื้อเรื่องก็นับว่าสนุกเเละน่าติดตามตั้งเเต่เเรกเริ่ม ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งมีการพลิกบทกันไปพลิกบทกันมา ซึ่งมีทั้งส่วนที่เดาออกได้เเละเดาไม่ได้เหมือนกัน ตัวละครเเต่ละคนเองก็มีลักษณะและเป้าหมายของตนเองแตกต่างกันไป แต่ก็ยังร่วมเดินทางกันได้อย่างลงตัว ยิ่งบทสนทนาก็ถือว่าสร้างความสนุกสนานน่าติดตามได้เป็นอย่างดีตามแบบฉบับของซีรีส์ “Tales of” เลยทีเดียว

 

มาว่ากันด้วยเรื่องเกมเพลย์แบทเทิลกันบ้าง ปกติเกมเพลย์ของซีรี่ส์เกม “Tales of” ก็จะเป็นแอ็คชั่นที่รวดเร็วและสามารถสร้างคอมโบและใช้ไม้ตาย (Hi Ougi หรือ Mystic Artes) ได้อย่างต่อเนื่องสนุกสนานอยู่แล้ว ยิ่งมีภาคใหม่ๆก็จะยิ่งมีการสรรหาพัฒนานำลูกเล่นใหม่ๆมานำเสนอในแต่ละภาคได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถเล่นกันได้ไม่รู้เบื่อตลอดเลย ส่วนเกมเพลย์ในภาคนี้จะเป็นการเน้นทำคอมโบด้วยการจับคู่ “Link” แท็คทีมกัน โดยตัวละครหลักของเราจะทำการ Link กับตัวละครอีกตัวหนึ่งเพื่อช่วยกันโจมตีศัตรู ซึ่งการ Link นี้ก็สามารถเปลี่ยนตัวละครที่เราเลือกหรือจับคู่ Link ได้ตลอดเวลา อีกทั้งเมื่อโจมตีศัตรูจนเกจ “OverLimit” เต็ม เรายังสามารถใช้สกิลท่าคู่ประสานแบบพิเศษโจมตีศัตรูเป็นคอมโบต่อเนื่องจนกว่าเกจจะหมดได้อีกด้วย ซึ่งการโจมตีในภาคนี้ก็สามารถเซ็ตท่าโจมตีไว้ใช้ได้มากมายหลายสิบท่า ท่าโจมตีประสานเองก็มีหลากหลายแบบตามแต่ละท่าหรือคนที่เราจับคู่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วสามารถเล่นทำคอมโบกันได้สนุกสนานแน่นอน เเละสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอีกอย่างคือการที่ฉากต่อสู้ในภาคนี้มีกรอบคำพูดของตัวละครออกมาเป็นระยะๆ ที่มุมจอ ซึ่งเป็นการเน้นอารมณ์บทสนทนาให้สนุกเข้มข้นกับการต่อสู้และเนื้อเรื่องในช่วงนั้นมากยิ่งขึ้นด้วย

 

 

ระบบพัฒนาตัวละครในภาคนี้จะเป็นการเลือกอัพสเตตัสในตาราง “Lilium Orb” ที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายในแมงมุม ซึ่งในการอัพสเตตัสแต่ละครั้งนั้น ถ้าทำให้ใยแมงมุมไปล้อมกรอบในวงนอกได้สามวง จะเป็นการขยายวงให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเปิดสกิลใหม่ๆของตัวละคร (เเต่บางครั้งก็จะมีสกิลที่บังคับว่าต้องอัพอันนี้ก่อน ถึงจะสามารถเปิดวงให้กว้างขึ้นได้เหมือนกัน) และระบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอัพสเตตัสผิดแล้วจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเลเวลของตัวละครเต็มก็จะสามารถอัพสเตตัสได้ครบทุกช่องพอดี ดังนั้นอยู่ที่ผู้เล่นว่าจะเลือกอัพสเตตัสไปในทิศทางไหนในระหว่างเล่นก่อนมากกว่า

 

อีกระบบที่น่าสนใจเเละสร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดีของซีรีส์นี้ก็คือ “Attachments” หรือการนำสิ่งของเครื่องประดับต่างๆ มาตกแต่งตัวละคร ซึ่งของตกเเต่งในภาคนี้ก็มีเยอะแยะมากมาย เราสามารถนำสิ่งของที่เลือกมาปรับองศา เปลี่ยนมุม ยืดหดขยาย หรือจะเอาไปติดไว้ตรงส่วนไหนของตัวละครก็ได้ และสิ่งที่เราตกแต่งไปจะแสดงที่ตัวละครทั้งตอนต่อสู้หรือในฉากคัตซีนแบบเรียลไทม์ด้วย ทำให้เลือกได้ว่าจะเเต่งกันออกมาแบบเท่ๆสวยๆ หรือจะแต่งกันแบบตลกฮาๆ ก็สามารถทำได้ตามใจ เเต่ถึงเครื่องประดับตกเเต่งจะเยอะเเต่ชุดที่มีให้ในเกมก็ถือว่ามีให้น้อยพอสมควร ซึ่งถ้าอยากได้ชุดสวยๆ เพิ่ม ก็ต้องไปดาวน์โหลดซื้อมาจาก DLC ใน PS Store ด้วยนั่นเอง

 

ในส่วนของ “กราฟฟิกของเกม” เนื่องจากในภาคนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนยกเครื่องใหม่ ทำให้โมเดลตัวละครในภาคนี้มีสัดส่วนสเกลที่ดูสมจริงเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น (ต่างกับซีรีส์ที่ผ่านๆ มา ที่จะดูมีสัดส่วนความเป็นการ์ตูนมากกว่านี้) แต่ในส่วนของคัทซีนนั้นอาจจะยังทำได้ดีเท่าเกมไตเติ้ลอื่นๆ นัก ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วถึงโมเดลตัวละครจะสวยขึ้น แต่โมชั่นการเคลื่อนไหวก็ยังดูแข็งๆติดๆขัดๆ ทำให้บางครั้งคัตซีนออกจะดูแปลกๆขัดใจไปบ้างหรือดูตลกไปหน่อย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าทำออกมาดีกว่าที่ผ่านๆมาในระดับหนึ่ง ไม่ได้ดูแย่จนเกินไป

 

นอกจากนี้ก็ยังมีฉากเมืองต่างๆ ที่ทำออกมาได้ดีและสวยงาม ในเมืองจะมีจำนวนผู้คนที่ให้ความรู้สึกว่าสมกับเป็นเมืองในระดับหนึ่ง บางคนเราอาจจะเข้าไปคุยด้วยไม่ได้ เเต่ก็สามารถได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันเมื่อเดินผ่านเข้าไปใกล้ๆได้เช่นกัน ฉากเดินบนฟิลด์ภาคนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้ดูมีมิติขึ้นเช่นกัน มีทั้งลรรยากาศป่าหรือพื้นที่ต่างๆ แม้แต่ท้องฟ้าเองก็มีเมฆลอยเคล้าเสียงธรรมชาติเเลดูมีสีสัน เราสามารถปีนป่ายหรือมุดถ้ำไปเก็บของตามทางได้ อีกทั้งไอเท็มที่มีให้เก็บรายทางก็ยังมีมากมาย เห็นเเล้วอดใจเดินเเวะขอไปเก็บก่อนไม่ได้ทุกที มอนสเตอร์เองก็แสดงออกมาให้เห็นมากมายเต็มเเม็พเหมือนอยู่สวนสัตว์กันเลยทีเดียว เหมาะสมกับเกมเพลย์สนุกๆ ที่เห็นมอนสเตอร์เยอะๆเเล้วเกิดอาการอยากวิ่งเข้าไปต่อสู้ได้ไม่รู้เบื่อ

 

 

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของภาคนี้ คือส่วนของฉากคัทซีนและอนิเมชั่นที่ได้มีการเปลี่ยนจากค่าย “Production I.G” มาจัดหนักจัดเต็มโดยมีค่าย “ufotable” มาเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของคัตซีนอนิเมชั่นแทน สำหรับค่าย “ufotable” นี้ก็ถือเป็นสตูดิโออนิเมชั่นอันดับต้นๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพงานอนิเมชั่นที่สวยงามมากๆ เพราะงั้นรับประกันได้เลยว่าฉากคัทซีนอนิเมชั่นในภาคนี้จะมีให้ชมกันอย่างสวยงามตลอดตั้งแต่ฉากเริ่มเกมยันจบเกมกันเลย

 

พูดถึงจุดติในเกม โดยรวมจะเป็นพวกเรื่องยิบย่อยเล็กๆน้อยๆทั่วไปซะมากกว่า อย่างเช่น ท่าเรือของเกม ที่ใช้เป็นจุดเดินทางหลักของภาคนี้ จะเห็นได้ว่าแม้เมืองจะมีลักษณะแตกต่างกัน แต่ท่าเรือกลับมีหน้าตาเหมือนก็อปปี้มาวางเหมือนกันหมดเลย ตัวมอนสเตอร์เองก็เรียกได้ว่ามีการเอามารียูสใช้ใหม่ซ้ำๆกันเยอะพอสมควร จะเห็นว่าบางตัวอาจจะเปลี่ยนแค่สีหรือเปลี่ยนอะไรเพิ่มเท่านั้นเอง คัตซีนโมชั่นตัวละครในบางครั้งก็ออกจะดูเเปลกๆ และเพลงประกอบที่ค่อนไปทางชวนหลับไม่ค่อยติดหูเท่าไหร่ เรื่องอื่นๆก็เป็นเรื่องทั่วไปที่สำหรับแฟนๆเกม “Tales of” อาจจะรู้สึกว่าขาดสเน่ห์ที่เคยมีไปบ้าง เช่น ปริศนามีไม่เยอะ และโลกกว้างไม่อิสระอย่างที่ควจะเป็นเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังไม่มียานพาหนะในการเดินทางบนแผนที่ด้วย (อาศัยการเปิดเเผนที่แล้วกดเลือกวาร์ปเอาเลย) สิ่งที่มีให้ค้นหาหลังจบเกม ถึงจะมีแต่ก็มีไม่เยอะ เรียกได้ว่าทำแล้วจบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรให้ค้นหาอีก นอกจากใครจะเก็บรอบหรือจำนวนการเล่นต่อให้ครบ รวมๆแล้วบางเรื่องก็เป็นข้อเสียยิบย่อยของแต่ละคนไป

 

 

“Tales of Xillia” เป็นเกมที่สามารถเล่นได้เข้าใจได้ง่ายๆเเละมีเกมเพลย์ที่สนุกมาก ระบบ Link ที่เป็นการจับคู่ช่วยกันสู้ ถือเป็นสิ่งเเปลกใหม่ที่ทำออกมาสร้างความสนุกได้เป็นอย่างดี ระบบต่างๆสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ถึงเนื้อเรื่องจะดูสั้นกว่าที่ที่แล้วๆมา เเต่ก็ถือว่ากระชับกำลังดีไม่ยืดยาวจนเกินไป (แถมยังต้องเล่นสองรอบเพื่อเปลี่ยนมุมมองตัวละครด้วย) ปริศนาความซับซ้อนปูมลึกปูมหลังประเด็นต่างๆของตัวละครมีให้ค้นหา ตัวละครเเต่ละตัวมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง บทสนทนาสนุกเเละให้อารมณ์ร่วมด้วยดี ประกอบกับฉากอนิเมชั่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้สวยงามกกว่าเดิม โดยรวมแล้วถึงตัวเกมจะมีศัพท์เฉพาะหรือมีข้อเสียเล็กๆน้อยๆอยู่บ้างประปราย แต่มันก็ยังมีความสนุกที่สามารถกลบข้อเสียในส่วนนั้นไปได้ สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสซีรี่ย์นี้มาก่อน แต่มีความสนใจอยากจะลองหาภาคที่เล่นสนุกๆมาลองดูสักครั้ง ก็ควรจะลองเริ่มต้นจากการเล่นภาคนี้ก่อนเป็นอย่างยิ่ง  เพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างนั้นเอื้ออำนวยให้เข้าใจกับตัวเกมได้ง่าย ส่วนมือเก่าหรือมือเก๋าก็ยังคงเล่นกันได้สนุกสนาน เล่นต่อสกิลท่านู่นท่านี่ปรับระดับความยากทำคอมโบกันไป เล่นจบแล้วก็ยังค้นหาสิ่งต่างๆเพิ่มเติมหรือสู้กับบอสลับได้ นับว่า “Tales of Xillia” เป็นการเริ่มต้นปูทางสู่อนาคตใหม่ของซีรี่ย์ “Tales of” ได้เป็นอย่างดี หลังจากเล่นจบแล้วก็เกิดความอยากรู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกปรับเปลี่ยนไป หลังจากนี้จะสามารถพัฒนาไปได้อีกมากแค่ไหนเช่นกัน