พรหมจารีสีดำ (ชลาลัย)

พรหมจารีสีดำ (ชลาลัย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165086592
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 170.00 บาท 42.50 บาท
ประหยัด: 127.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

                “คุณเหมือนแพรครับ  เชิญทางนี้ฮะ”
                หญิงสาวจึงหันไปตามเสียงเรียก  วงหน้านั้นดูเคร่งขรึมนิดๆ  หากเมื่อหล่อนแย้มยิ้ม  ดวงหน้านั้นอ่อนโยน  และเยาว์อายุลงอย่างมากมาย  หล่อนมองดูเจ้าของเสียงเชื้อเชิญ  และตรงเข้ากอดเขา
                “โภไคย!”  หญิงสาวโยนตัวไปมาพร้อมทั้งหัวเราะร่า  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราไปทุกกระเบียดนิ้ว 
                “คุณยังเหมือนเดิมเลยนะคะ  ไม่แก่เลย”
                ดวงตาของอีกฝ่ายตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด  เขายิ้มเห็นฟันขาวพร่างไปทั้งปาก
                “นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องพูดต่างหากล่ะแพร  คุณต่างหากที่ไม่แก่  คุณกำลังเป็นสาวนะ สาวสวย
สิบกว่าปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนคุณจากเด็กสาวอายุแค่ทำบัตรประชาชน  มาเป็นสาวเต็มตัวถึงเพียงนี้เชียว!  โอย  ไม่น่าเชื่อ”
                เขาตื่นเต้นเสียจนคำพูดที่อยากพูดทั้งมวลมันวิ่งมารอที่ปลายลิ้นและลำเลียงออกมาแทบไม่ทัน
                เขาเปลี่ยนจากกอดตอบหญิงสาวมาเป็นโอบบ่า  “ไหนล่ะกระเป๋าคุณหือแพร  อยู่ไหนเอ่ย  ผมจะได้เอาไปเก็บหลังรถผม”
                “โน่นค่ะ”   หล่อนชี้ปลายนิ้วเรียวไปที่กองกระเป๋าทั้งใหญ่เล็กหลายใบแล้วก็ยักไหล่  เป็นทีท่าแปลกตาไปจากที่เขาจดจำได้ในวัยเยาว์ของหล่อน  วัยเยาว์ที่ทำให้หล่อนเจ็บร้าวหัวใจจนเกือบไม่เป็นผู้เป็นคนคราวนั้น
                และมันมีผลทำให้หล่อนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศนานนับสิบปี  คนแรกที่หล่อนคิดถึงคือเขา ทันทีที่เหยียบผืนแผ่นดินไทย
                “ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ  เปลี่ยนไปเสียจนเกือบจำอะไรไม่ได้  ทุ่งนาไม่มีเหลือเลย”
                หล่อนพึมพำ  เมื่อมองออกไปนอกรถยนต์ของโภไคยที่แล่นลิ่วออกจากสนามบินดอนเมืองอย่างรวดเร็ว  มุ่งตรงไปสู่บ้านพักของเขา  ซึ่งหล่อนเลือกสำหรับที่จะใช้เป็นที่พักชั่วคราว  ในระหว่างที่หล่อนยังไม่มีที่พักที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริง...
                บ้านของโภไคยได้รับการต่อเติมกว้างออกไปจากเดิม  พื้นที่ว่างด้านหน้าบัดนี้ได้รับการตกแต่งให้เป็นสนามหญ้าเขียว  รถที่จอดเรียงรายอยู่ในโรงรถบอกฐานะที่เป็นปึกแผ่นขึ้นมากของหนุ่มใหญ่
                “สำหรับลูกเล็กของคุณหรือคะไคย?”
                “สำหรับคุณต่างหาก”   เขาตอบยิ้มๆ  เมื่อสั่งให้สาวใช้ลำเลียงข้าวของลงจากรถ  ร่างเพรียวนั้นหมุนตัวกลับมามองเพื่อนสนิทที่สุดในอดีต  บัดนี้หล่อนก็ยังยึดเขาเป็นเพื่อนสนิทอยู่นั่นเอง
                ดวงตาของหญิงสาวมีแววประหลาดใจ  “ไคยยังไม่มีลูกหรอกหรือจ๊ะ ทำไมล่ะ  ภรรยาของไคยเป็นหมันหรืออย่างไร?”
                “เราเพิ่งหย่ากันได้เดือนเดียว  ไม่มีลูก  เพราะผมเองต่างหากที่เป็นหมัน!”
                “เหตุนั้นหรือไคยที่ทำให้ต้องแยกกัน?”  หล่อนถามตกใจ  เขาไม่เคยได้เล่าเรื่องนั้นให้หล่อน
ได้รับทราบทางจดหมายแม้แต่นิดไม่เขาไม่ได้บอกว่าเขาแต่งงาน  แต่หล่อนก็เดาเอาว่าเขาต้องแต่งแน่  โภไคยอายุสามสิบเศษเข้าไปแล้ว  ในขณะที่หล่อนอายุสามสิบต้นพอดี
                หากหล่อนจะเปลี่ยนแปลงไปจากสาวเล็กๆ ที่โง่เง่าเต่าตุ่นคนนั้นแล้วไซร้  ตัวเลขและร่างกายที่ครัดเคร่งไปด้วยความสาวเท่านั้นเองที่เปลี่ยน  หล่อนไม่ได้โรยราไปเลยแม้แต่น้อย  เขาต่างหากที่อายุเพียงเท่านี้  ริ้วรอยของวัยก็ปรากฏให้เห็น
                ดวงตาที่เหมือนแพรเคยเห็นขี้เล่นร่าเริงอยู่เป็นนิจนั้น  บัดนี้ครัดเคร่งเป็นงานเป็นการมากขึ้น
                เขาพาหล่อนเข้ามาในห้องรับแขกที่โอ่อ่าแต่ก็เป็นกันเอง
                “ชาใช่ไหมแพร?  คุณไม่ดื่มกาแฟนี่...”
                “ผิดละ....”  หล่อนยิ้มเล็กน้อย  “เดี๋ยวนี้ดื่มแล้ว  แก่ๆ ด้วย...  น้ำตาลก้อนนิดเดียวพอ”
                หล่อนสลัดเส้นผมที่ซอยไว้เข้ารูปกับศีรษะที่ทุยสวยเพียงเบาๆ  ก่อนจะกางนิ้วเสยขึ้นไปง่ายๆ  ...ผิวหน้าเนียนละเอียดและบอบบาง  ทว่ามีเพียงสีบรัชออนบางๆ ปัดไว้นิดๆ เท่านั้น  แม้สีปากก็จางเต็มที...
                วัยไม่ได้ทำให้หล่อนสวยน้อยลง  หรือแม้แต่ดูแก่  เหมือนแพรไม่แก่เลยแม้แต่นิด  รูปร่างของหล่อนยังคงได้สัดส่วนพอเหมาะ  ที่ผิดไปก็คือหล่อนสูงขึ้น...ร่างเล็กๆ  ที่เหมือนจะปลิวลมอย่างแต่ก่อนก็ดูมีเนื้อมีหนังอวบอิ่มมากขึ้น
                “กาแฟแก่จัดและน้ำตาลก้อนเดียวตามคำสั่งครับผม”
                เขาเลื่อนสิ่งนั้นมาตรงหน้าหญิงสาว  ก่อนจะนั่งตรงข้าม  ตรงหน้าตนเองมีน้ำชาอ่อนๆ  ทำให้หญิงสาวต้องเลิกคิ้ว
                “เดี๋ยวนี้ดื่มชาหรือไคย?”
                “เมื่อคืนดื่มกาแฟไปสิบกว่าแก้วได้มั้ง...”  เขาพูดพลางยกมือข้างหนึ่งลูบหน้า  เหมือนแพรจึงได้เห็นริ้วรอยอ่อนเพลียได้ชัดเจน
                “นอนดึกหรือไคย  ทำไมล่ะ  งานยุ่ง?”
                “ก็...งานเป็นชีวิต”  เขาเพิ่งยิ้มเมื่อสบตาหญิงสาว  นี่ถ้านับแต่ตัวเลขก็ต้องเรียกหญิงสาวใหญ่แล้ว  หากเมื่อเห็นแต่ดวงหน้าเหมือนแพรยังเป็นสาวรุ่นอยู่นั่นเอง  ดวงตาเท่านั้นที่กร้าวและแกร่งขึ้นจนน่าฉงน
                “ทำแต่งานจนเมียเขาเบื่อน่ะซีใช่ไหม?”
                เขาหัวเราะ  “เขาเบื่อที่เราไม่รักเขามากกว่า”
                “ไม่รัก...”  หล่อนทวนคำ  “ไม่รักแล้วแต่งงานทำไมกัน  ไคยต้องแต่งงานด้วยเหตุอื่นด้วยหรือ?”
                “ใช่  เพราะงาน  เพราะงาน!  เพราะอะไรอีกตั้งหลายออย่างที่สำคัญ”
                ดวงตาของเขาพราวแพรวขึ้น  “เพราะเหมือนแพร”
                “โภไคย...”
                “เวลาสิบกว่าปีมันไม่ได้ทำให้ผมลืมแพรนี่นา    พอรู้ว่าแพรจะกลับเมืองไทย       ผมรู้ทันทีว่าผมกับดาหวันอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป  เขาก็คงเหมือนกัน  เราหย่ากันก็ดี มันเป็นสุขขึ้นอีกตั้งเยอะ  ไม่ต้องมานั่งทนดูหน้ากัน  กินข้าวด้วยกัน  นอนด้วยกัน  ทั้งที่เอียนกันเต็มที่  แพรล่ะ  หลังจากเวลานั้นแพรมีใครอีกไหม?”
                “มี!”
                “ใคร?”
                “ตัวเอง!”   เสียงตอบมั่นคงและเด็ดเดี่ยวนัก  “แพรมีตัวเองนับแต่ที่ไม่มีอาณพ!  เป็นตัวเอง  เป็นแพร...แพรที่ไม่มีวันจะบอบบางอีกต่อไป...แพรเนื้อเก้าน่ะ...ถูกฉีกขาดไปตั้งแต่อาณพแต่งงานกับน้าปรางแล้วละโภไคย!”

.........................................................................................................................................................................

                “นั่นน่ะงานขอแพร...”
                เขาชี้ไปที่โต๊ะใหญ่กว้างซึ่งตั้งอยู่กลางห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่แคบและไม่กว้างจนดูเคว้งคว้าง  ภายในตกแต่งอย่างกลมกลืน  แอร์เย็นเฉียบ  จนเหมือนแพรรู้สึกสบาย  หล่อนกำลังพยายามปรับตัวให้คุ้นชินกับอากาศที่หล่อนจากพรากไปถึงสิบปี
                สิบกว่าปีที่เหมือนตายไปแล้ว  และเกิดขึ้นมาใหม่พรั่งพร้อมกัน!
                “แพรจะทำได้หรือเปล่าไม่รู้นะไคย...”  หล่อนกอดอกอยู่ที่ริมหน้าต่างกระจก  ซึ่งเมื่อมองลงไปเบื้องล่างมันสูงลิ่วทีเดียว  ตึกใหญ่ๆ และสูงขนาดนี้  สมัยที่หล่อนยังเป็นเด็กสาวอยู่นั้นมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
                “แต่ก็จะพยายามให้เต็มที่”
                “ผมเชื่อความพยายามของแพรเสมอนะ  ไม่อย่างนั้นแพรตายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น  วัยมันทำให้หัวใจของเราแตกและหักง่ายเสมอนะแพร  ใช่ไหม?”
                หล่อนยิ้มขมขื่น  เบือนหน้าไปหลายทิศทางเท่าที่มองเห็น...  แม้วันนี้หัวใจของหล่อนก็ยังบอบช้ำแล้วไม่รู้แล้วอยู่นั่นเอง
                แต่มันเป็นความบอบช้ำที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างสิ้นเชิง!
                “ใช่  แต่มันหลอมใหม่ได้!...”  หล่อนเน้นเสียง  “ไม่อย่างนั้นไม่มีเหมือนแพรในวันนี้หรอก  จริงไหม?”  หล่อนยิ้ม  เป็นยิ้มที่เศร้า  เหมือนเจ้าตัวพกพาความหลังติดตัวไปทุกหนทุกแห่ง
                “ผมจะหาคนช่วยแพรสักคน  เอาที่คิดว่าจะเข้ากันได้”
                “ถึงอย่างไรผมก็จะให้เขาประกาศรับเลขาฯ ให้แพรนะ  ผู้หญิงหรือผู้ชายดีล่ะ?”
                “ผู้ชาย!”
                “เอางั้นหรือ!  ผู้หญิงไม่ดีกว่าหรือ  เข้ากับแพรได้ง่ายกว่า  บางทีผู้ชายก็ไม่ค่อยเข้าใจเรานัก”
                หล่อนยักไหล่  แวะหันมาบอกอีกครั้งว่า  “ผู้ชาย”
                “งั้นก็ตามใจ  หาไม่ยากหรอก  อยากได้ชนิดไหนเลือกเอาเองเลยแล้วกัน  ตอนนี้ผู้คนตกงานเยอะ  กลัวแต่จะคัดกันไม่ไหวเท่านั้นเอง  แล้วจะให้เขากรองมาให้ชั้นหนึ่งก่อน”
                “ไม่เอา  แพรมีเวลาสำหรับที่จะคัดคนของแพรเองกี่วัน?”
                “แล้วแต่แพรซี  ตอนนี้ผมยกแผนกนี้ให้แพรทั้งหมดแล้วนี่”  เขาทำท่ายกไหล่ให้ดูด้วย  หล่อนจึงหัวเราะ  แต่หัวเราะนั้นก็ไม่เต็มเสียงอย่างแต่ก่อน  หล่อนหัวเราะเหมือนเค้นออกมามากกว่า

..........................................................................................................................................................................

                “เฮ้หนุ่ม...นั่นจะไปไหน...เฮ้”  เสียงร้องเอ็ดตะโรลั่น  เมื่อเด็กหนุ่มแต่งตัวหรูเฟ่กำลังเดินผ่านเข้าไปในห้องทำงานชั้นในของบริษัทโดยยังไม่ได้รับอนุญาต
                เด็กหนุ่มหันมามองนิดหนึ่ง...สองมือของเขาสอดลงไปในกระเป๋ากางเกงผ้าลินินเนื้อดีราคาแพงที่เขาสวมใส่อยู่
                “เพื่อนผมมันมาสมัครงานที่นี่ฮะ  ผมตามมาด้วยแต่รอมันนานไป  ผมจะเข้าไปข้างใน”
                เขาบุ้ยใบ้เข้าในห้องกระจก  “มันนั่งเป๋ออยู่ในนั้นไง”
                “ผมว่ารอข้างนอกดีกว่า...”  พนักงานชายบอก  “ข้างในผู้ไม่มีกิจห้ามเข้า”
                “แต่ผมมีกิจ”   เขาตอบชัดเจน   “ผมจะเข้าไปหาเพื่อนผม!”
                ว่าแล้วก็ผลักกระจกเข้าไปและมายืนจังก้าอยู่หน้าหญิงสาวผู้อยู่ในชุดสูทสีครีม  หล่อนมองตรงมายังเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม
                “มีอะไรหรือหนู?”
                สีหน้าของหญิงสาวทำให้เก่งกาจชะงัก  เขารีรอนิดหนึ่ง  ก่อนที่จะตอบว่า  “ผมคิดว่าเพื่อนผมเข้ามาสมัครงานในนี้ฮะ”
                “เมื่อเห็นว่าผิดที่ก็น่าที่จะกลับออกไปแล้วนี่จ๊ะ”
                เก่งกาจทำหน้าพิลึก  เขานึกชอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยหล่อนสวยประหลาด  ดูเยือกเย็นแต่ก็ไม่ค้นพบความอ่อนโยน  อีกอย่างเขาไม่ใช่เด็กเล็กสักนิด  เขาเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าเต็ม  ลูกชายเศรษฐินีสาวที่ใครๆ ย่อมรู้จัก
                เก่งกาจไม่ได้ล้วงมือออกจากกระเป๋ากางเกง  กลับเดินลอยชายไปทั่วทั้งห้อง  จนเหมือนแพรต้องลุกขึ้นยืน  มองมายังเขาอย่างเขม้น
                “ที่นี่สวยนะฮะ  สวยกว่าออฟฟิศของอาผมอีก”
                อะไรสักอย่างหนึ่งของท่าทีนั้น  ทำให้เหมือนแพรสะดุ้งอย่างไม่มีเหตุผล  วงหน้าอย่างนั้น  ท่าทางเย่อหยิ่งอวดดีเช่นนี้  หล่อนรู้สึกราวกับว่าได้เคยรู้จักมักคุ้นด้วยมาก่อน
                “ออฟฟิศอาเธออยู่ที่ไหน?”
                “ตึกนี้แหละฮะ...”  เขาชี้มือลงที่พื้น  “ชั้นล่าง  ชั้นกลาง  อีกหลายชั้น”
                “งั้นหรือ  งั้นเธอก็ไปที่นั่นซิ  เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เที่ยวเล่นของเด็กๆ”
                “ผมไม่ใช่เด็ก!”  เขาตวาดกลับไปอย่างโกรธๆ  “ผมอายุมากแล้วนะฮะ  เป็นเจ้าของกิจการของพ่อได้ด้วยถ้าหากว่าอาพิมานจะไม่ถือดีครอบครองไว้เอง  ผมก็เป็นเจ้าของตึกนี้ด้วยซ้ำ!”
                “เจ้าของตึก”  หัวคิ้วดำสนิทของหญิงสาวขมวด  “งั้นหรือ  เพราะเธอคงเป็นลูกชายเจ้าของตึกนั่นเอง  เธอถึงได้อวดดี  ไม่รู้จักเด็ก ผู้ใหญ่...”
                หล่อนก้าวออกมาและดึงขนเขาออกแรงดึงลากที่ประตูมือข้างหนึ่งผลักประตู  และอีกข้างผลักเขา
                “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ  แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาอีก  ถึงจะเป็นเจ้าของตึก  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาจุ้นจ้านในนี้ได้!”
                เก่งกาจดื้อดึง  เขาสะบัดมือหลุดจากหญิงสาวก็เม้มปากแน่น
                “แล้วคุณก็จะรู้ว่าผมไม่ได้พูดเล่น”
                “ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะพูดเล่นหรือไม่น่ะ  ที่นี่เป็นสถานที่ที่เราเซ้งหรือเช่ามาแล้ว  นั่นย่อมหมายความว่าเรามีสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนนี้ตลอดเวลาของสัญญาที่เราได้ทำกันไว้  ออกไป!”
                หล่อนชี้นิ้ว...แต่เก่งกาจก็ยังไม่ขยับ
                “ผมจะยืนอยู่ตรงนี้”  เด็กหนุ่มยืนยัน   “ถ้าคุณแน่จริงก็ให้ยามมาลากผมออกไปโยนข้างนอกซี  ถ้าไม่ก็โทร.ตามอาผม...ดูซิว่าเขาจะทำอย่างไรกับคุณ  เมื่อเขารู้ว่าคุณไร้มารยาทกับหลานชายคนเดียวของเขา!”
                “เบอร์โทร.!”
                เสียงหล่อนเกรี้ยวกราด   “เอ้าว่าไง  แน่จริงบอกเบอร์ของเขามาซี”
                เก่งกาจบอกโพล่งออกไป  และเหมือนแพรก็ทวนเบอร์นั้นก่อนจะกดเครื่องติดต่อ  “ต่อเบอร์นี้ให้ฉัน”
                แล้วหล่อนก็วางหู  มองดูหน้าเก่งกาจที่เผือดไปนิดๆ  เมื่อรู้ว่าหล่อนเอาจริง
                “คุณควรจะโทร.ถึงคุณแม่ผมมากกว่า”
                “เธออยู่ไหนล่ะคุณแม่คุณน่ะ!”
                “ที่บ้าน”
                “งั้นไม่!  กว่าเธอจะมาถึงที่นี่  ฉันต้องเสียเวลาทำงานกับเธอมากกว่าที่อาของเธอจะมาจัดการ”
                เก่งกาจกระสับกระส่าย  ทว่าเหมือนแพรกอดอกยืนพิงโต๊ะทำงานของหล่อนอย่างใจเย็น
                เด็กคนนี้ดื้อ...   และคงถูกเลี้ยงอย่างตามใจเสียจนเสียเด็ก!
                หล่อนจะต้องจัดการให้เข็ดทีเดียว
                “ผมคิดว่าผมควรจะไปหาเพื่อนที่อื่นนะ”   ในที่สุดเขาก็เอ่ยลอยๆ  แต่หลังไหล่ไม่ได้ห่อลงแม้แต่นิด  นั่นย่อมหมายความว่าเขาต้องเกรงกลัวอาเขาไม่มากก็น้อย
                เก่งกาจกำลังจะหันหลังกลับ  ก็ต้องชะงักกึก  เมื่อเขาหันไปเห็นร่างสูงที่ก้าวยาวๆ  เข้ามาอย่างรวดเร็ว
                “แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นละ  เพราะว่าแกจะต้องไปกับฉัน”
                เหมือนแพรปล่อยแขนที่กอดอกอยู่  ให้หล่นลงข้างตัว  ผิวหน้าของหล่อนคงเผือดจนขาว
                “อาณพ!”  หล่อนอุทานออกไปด้วยเสียงอันสั่นระริก


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024