แสงสว่างบนเส้นทางมืด (ภัทรวดี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท

เนื้อหาบางส่วน

ชีวิตสว่างที่ 1.

นรินทร.....ผู้มาสว่างและ(เกือบไม่ได้)ไปสว่าง

            การเกิดมาของมนุษย์นั้นมาด้วยกรรมทุกคน มันเป็นเรื่องยากที่บางคนเกิดมาสว่างแล้วจะได้ไปสว่างอย่างง่าย ๆ เพราะปัจจุบันนั้นปัจจัยที่จะทำให้การดำรงชีวิตและการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้นมันท้าทายมากกับการดำรงอยู่ของคนบางคนที่พยายามจะทำตัวเป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมสังคม เพราะบางคนเป็นคนดีอยู่นานไม่ได้ เนื่องจากคนรอบข้างของเขานั้นไม่ดี  ความดีกับความไม่ดีอยู่ด้วยกันนานไม่ได้หรอกค่ะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้พ่ายไป ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยว่าคนที่ทำดีนั้นจะดำรงคงมั่นในความดีนั้นนานเพียงไหน นานจนคนไม่ดีแพ้พ่ายไปได้หรือไม่ หรือคนที่ไม่ดีนั้น โดนคนดีเบียดจนตกขอบชีวิตได้หรือไม่ หรือว่าคนดีตกขอบชีวิตไปแทนเสียแล้ว คนที่มาสว่างนั้นต้องเป็นคนดีจริง ๆ จึงจะเดินทางชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคงมั่นใจ และจะไปสว่างในบั้นปลายชีวิตของเขา ผู้เขียนเชื่อว่า คนที่มาสว่างนั้นจะต้องมีผลกรรมดีตามมาด้วยไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดมาแบบนี้ เหมือนเพชรล้ำค่าที่ตกลงไปในโคลนตรม ต่อให้ตกนานเพียงไหน เพชรก็ยังเป็นเพชรอยู่นั่นเองดังเช่นเรื่องราวที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของคนที่มีบุญเก่าตามอุดหนุนอยู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและน่าศึกษายิ่งสำหรับน้อง ๆ หนู ๆ ที่กำลังอยู่ในวัยเรียน

                คุณประชาและคุณกอบัวมีลูกสาวคนเดียวชื่อนรินทร หรือน้องเอย ลูกสาวที่เป็นน้องคนสุดท้อง ส่วนลูกชายนั้นมีสองคนเป็นพี่ชาย ซึ่งลูกชายสองคนนั้นรักน้องสาวคนเล็กมาก พี่อ้นกับพี่ออยเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวมากเพราะน้องเอยวัยสิบห้านั้นกำลังสวยและอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อและที่สำคัญที่สุดก็คือ น้องเอยเป็นคนสวยมากหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่น และที่โรงเรียนที่น้องเอยเรียนอยู่ก็มีแต่ลูกคนรวย ๆ เรียน และหลายคนที่เรียนด้วยกันก็แอบชอบน้องเอยหลายคนรวมทั้งรุ่นพี่มอสี่มอห้าอีกต่างหาก ตอนนั้นน้องเอยอายุสิบห้าเรียนอยู่มอสาม และความสวยน่ารักของน้องเอยนั้นเลื่องลือมาก อีกทั้งน้องเอยก็ไม่เคยถือตัวและคบเพื่อนทั้งชายหญิงมากหน้าหลายตา น้องเอยไม่เคยรังเกียจใครเลย รักทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส และชอบโทรศัพท์คุยกับเพื่อนได้ทั้งคืนจนพ่อแม่อดห่วงลูกไม่ได้ เนื่องจากพอปิดห้องปุ๊บก็ไปหาจอคอมพิวเตอร์เลยทันที่ หรือไม่ก็ไปนอนบนเตียงพร้อมโทรศัพท์ จากนั้นก็คุย คุย จนหลับไปทั้งโทรศัพท์ที่ยังถือคามืออยู่

            พ่อแม่และพี่ชายพยายามหาทางออกที่ดีให้ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว พาไปหาจิตแพทย์ และแพทย์ก็แนะนำมาต่าง ๆ นา ๆ ก็พยายามทำตามปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำ พาไปเที่ยว พาไปทำบุญ ทำกิจกรรมในครอบครัว รวมทั้งพูดบอกตามตรงต่อหน้าทุกคนในครอบครัว แต่น้องเอยก็ยังคงเป็นแบบนี้ จากที่น่ารักเชื่อฟังพ่อแม่ น้องเอยจะเริ่มโกหก พูดเท็จกับพ่อแม่ ผิดสัญญาที่ให้ทุกข้อ และน้องเอยก็บอกว่า

            “เอยโตแล้วนะคะ เอยต้องมีเพื่อนมีคนรักบ้าง อย่ามาห้ามเอยเลย หากห้าม เอยจะหนีออกไปจากบ้าน เอยทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ว่าทุกอย่างให้ไปไหนก็ไป คุณพ่อก็น่าจะให้เอยมีโลกส่วนตัวบ้าง เอยอยากมีคนรัก มีแฟน เข้าใจไหมคะ “

            พ่อแม่และพี่ได้แต่มองตากัน แม้จะบอกว่าเอยยังเด็กไม่ควรมีคนรัก ควรเรียนอย่างเดียว เอยก็ว่า “เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนมีแฟนควงกันทุกคนนะคะ ทำไมเอยจะมีบ้างไม่ได้ แฟนเอยก็เรียนที่เดียวกับเอย นอกจากนั้นเอยยังมีคนนอกโรงเรียนมาชอบเอยอีกหลายคน เอยอยากคบไว้ทั้งหมด เอยอยากศึกษาทุกคน อยากรู้ว่าใครรักเอยจริงบ้าง สนุกออกค่ะ มีเพื่อนชายเยอะ ๆ แบบนี้ “

            ทุกคนตะลึงงันไปกับแนวคิดของลูกสาวตรงหน้า น้องเอยแต่งตัวเก่งในตอนวันหยุดก็หนีออกไปเที่ยวกับผู้ชายที่พอใจ  เมื่อเอาแบบนิ่ม ๆ ไม่ได้ พ่อก็เริ่มตีลูกสาว นั่นทำให้น้องเอยประกาศว่า หากตีอีกครั้งและห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอกในวันหยุด น้องเอยจะฆ่าตัวตายทันทีด้วยการผูกคอตาย

            คุณประชากับคุณกอบัวหมดทางที่จะสู้ลูกสาวได้ ทำไมกอบัวคิดแบบนั้น ตอนเกิดมาก็ไม่น่าที่ว่าโตขึ้นจะต้องเป็นคนดื้อรั้นแบบนี้ เลี้ยงดูมาอย่างดีพาเข้าวัดมาตั้งแต่เล็ก ๆ ไปทำบุญกุศลที่ไหนก็พาไปด้วย น้องเอยก็ชอบทำบุญช่วยพ่อแม่ทำบุญตามวัดต่าง ๆ มาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำไมโตขึ้นจึงเป็นเช่นนี้ พี่ชายสองคนก็รักน้องไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งเดียว

                ปล่อยเขาไปก่อนโยม พระรูปหนึ่งบอกแก่ คุณประชาและคุณกอบัวเมื่อรู้ถึงความทุกข์ใจของสองสามีภรรยาที่เป็นผู้มีกุศลและมีคุณต่อวัดแห่งนี้มานาน ท่านบอกว่าตอนนี้เขาเหมือนโคถึกที่คึกคะนอง หากขืนเขาไว้มีแต่จะเสียใจ ปล่อยให้เขาไปจนสุดฤทธิ์ก่อนก็แล้วกัน

“           “พรหมลิขิตเขามาแล้ว  หากเขามีบุญ เขาก็กลับใจได้เอง  ตอนนี้เราแข็งเขาก็แข็ง ต้องโอนอ่อนผ่อนตามเขาไป เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขา มอง ๆ เขาอยู่ห่าง ๆ ก่อน “

            เมื่อฟังคำพระสองสามีภรรยาก็ค่อยมีกำลังใจขึ้น และมองเห็นจริงตามนั้น เมื่อทำใจได้ไปเปลาะหนึ่งก็ทำมาหากินต่อไปอย่างปกติสุข แต่ก็แอบมองลูกสาวอยู่ห่าง ๆ  น้องเอยนั้นเมื่อพ่อแม่ไม่เข้มงวด ก็สบายใจ ออกไปหาเพื่อนทุกวันหยุดพ่อแม่ก็ไม่ว่าอีก กลับดึกดื่นแค่ไหนก็ไม่ว่า ทำให้น้องเอยเริ่มจะฉุกคิดว่า ทำไมพ่อแม่เปลี่ยนไปแบบนี้ ความที่เป็นคนเอาแต่ใจ และอยากรู้อะไรก็ต้องได้รู้ น้องเอยก็ถามพ่อแม่และพี่ชายตรง ๆ เลยว่า

            ทำไมเป็นแบบนี้ ตามใจเอยทำไม ไหนเคยห้ามคบคนนั้นคนนี้ ไหนไม่ให้กลับบ้านดึก ให้เอาแต่เรียนไม่ให้คบใคร บอกเอยหน่อยเถอะ..

            คุณกอบัวไม่ตอบลูกคงหันไปสนใจโทรทัศน์ตรงหน้า มีเพียงคุณประชาเท่านั้นที่บอกลูกว่า

            “อยากทำอะไรก็ทำไปเลยน้องเอย ที่พวกเราไม่ห้ามปรามอีกเพราะห้ามแล้วน้องเอยไม่เชื่อไม่ฟัง ก็จะห้ามไปทำไม ทำอะไรก็ตามใจนะลูก พ่อรู้ว่าลูกเก่งช่วยตัวเองได้ พ่อจะไม่ห่วง “

            น้องเอยนั่งคิด แล้วก็หงุดหงิดเพราะพ่อแม่ไม่พูดอะไรอีก เมื่อเอาเรื่องไปปรึกษาแฟนที่เรียนด้วยกัน ฝ่ายนั้นก็บอกว่า ดีแล้ว เราจะได้เต็มที่กับชีวิต เราไปไหนก็ได้แล้ว ไปต่างจังหวัดกันหลาย ๆ วันก็ไม่มีใครว่า เรียนไปปวดหัว เราหนีเรียนไปเที่ยวกันดีกว่านะ

            น้องเอยยอมไปกับแฟนคนนี้เพราะเขาหน้าตาดี หล่อเหมือนพระเอกละครทีวี เขาชื่อกาย กายเป็นลูกพ่อค้านักธุรกิจอะไรน้องเอยไม่รู้ รู้แต่ว่ากายขับรถมาเรียนเองเป็นรถราคาแพง ไปไหนมาไหนก็สะดวกไปหมด      พ่อแม่ของกายเป็นคนจีน ท่าทางพอใจที่รู้ว่ากายมาชอบน้องเอยลูกสาวคุณประชาที่มีชื่อเสียงและเป็นคนรวยมาก รวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษไม่ใช่เพิ่งจะมาเป็นเศรษฐีใหม่ เวลาน้องเอยไปบ้านเขาทีไรก็สนับสนุนให้เข้าไปเล่นเกมส์ ในห้องของลูกชายเอาอาหารการกินไปบริการจนถึงห้อง โดยสนับสนุนลูกชายให้ทำผิดอย่างเต็มที่ น้องเอยนั้นไม่ทันเกมส์ของพ่อแม่คนรัก จึงตกเป็นของกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตาม เมื่อได้เสียกันแล้วน้องเอยก็หวาดหวั่นว่าพ่อแม่จะรู้เหมือนกัน แต่พ่อแม่ของกายกลับพออกพอใจเสียอีกที่รู้ว่าลูกชายมีอะไรกับลูกสาวคุณประชา เนื่องจากว่าแม้ฉากหน้าเขาจะดูรวยส่งลูกเรียนโรงเรียนแพง ๆ แต่หลังฉากของพ่อแม่กายก็เป็นหนี้เป็นสินมากมาย เพราะพ่อของกายชอบไปเล่นการพนันที่เขมรบ่อย ๆ พ่อแม่กายรู้ว่าน้องเอยเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณประชาก็คิดจะรวบหัวรวบหาง และพยายามทาบทามลูกสาวคุณประชา แต่คุณประชาบอกว่า ให้ลูกสาวเรียนจบก่อนเรื่องแต่งงานกันไม่มีปัญหาหากเด็กรักกัน ซึ่งน้องเอยเองก็อยากเรียนไปก่อน เนื่องจากว่าน้องเอยนั้นมีคนชอบอยู่หลายคนจึงค่อนข้างรักเผื่อเลือก แม้ว่าจะมีอะไรกับกายแล้วก็ตาม

            เมื่อไม่ได้อย่างใจ พ่อของกายก็ยุลูกชายให้ชวนน้องเอยมาอยู่ด้วยเลย แต่แม่ของกายก็รู้ข้อกฎหมายดี จึงห้ามไว้เพราะน้องเอยนั้นเพิ่งจะสิบห้า กายนั้นก็เพิ่งจะสิบหก สองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำตามใจไม่ได้ ไม่งั้นติดคุกแน่ กายก็เลยต้องแอบ ๆ พาน้องเอยไปนอนด้วยที่บ้านในวันหยุดเสมอ บางครั้งก็พากันไปต่างจังหวัด

            น้องเอยนั้นเริ่มเบื่อกายเมื่อตอนเรียนมอห้า เพราะน้องเอยมีคนอื่นให้ควงหลายคน ยิ่งมีนักเรียนชายคนหนึ่งย้ายมาใหม่ หน้าตาดีกว่ากายหลายเท่า รูปร่างก็สูงสง่างามราวกับพระเอกหนังฝรั่ง น้องเอยเลยพยายามหันมาหาคนนี้ที่ชื่อ ไมเคิล และไมเคิลก็ดูจะสนใจน้องเอยมากกว่าใครอีกด้วย เขาชวนน้องเอยไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ  ไมเคิลเป็นลูกนายตำรวจระดับผู้กำกับตำรวจภูธร เขาจึงดูดีกว่าใครทั้งหมดในชั้นเรียน และน้องเอยก็สนใจเขามากกว่ากาย และตัดสวาทกายทันทีที่แน่ใจว่าตัวเองรักไมเคิลมากกว่ากายเสียแล้ว

            คุณประชากับคุณกอบัวรับรู้เรื่องราวของลูกสาวจากปากของครูคนหนึ่งในโรงเรียนนั้นแต่ก็นิ่งเฉยอยู่เพราะทำอะไรไม่ได้ แล้วเรื่องที่ทุกคนนึกไม่ถึงก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อน้องเอยหายไปจากบ้านและกายก็หายไปด้วยกันทั้งสองคน คุณประชาเข้าแจ้งความ และทางพ่อแม่ของกายก็เข้าแจ้งความเหมือนกันว่าลูกหาย ต่างมองหน้ากันอย่างอึดอัด ทางพ่อกายก็ห่วงว่าจะเป็นการพรากผู้เยาว์แต่พ่อแม่ของน้องเอยก็เงียบจนน่ากลัวเหมือนกัน ตำรวจรับปากจะสืบตามหาให้ และทุกอย่างก็เงียบไป

            กายพาน้องเอยมาอยู่ใต้สุดของประเทศมาอยู่กับลุงซึ่งเป็นนักเลงใหญ่ในเหมืองแร่แห่งหนึ่ง โดยกายนั้นบังคับน้องเอยมาตลอดทางและน้องเอยก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน เพราะเขาเอาปืนจี้เอวไว้ตลอดเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน เขาบอกน้องเอยว่า หากเขาไม่ทำอย่างนี้ น้องเอยก็ไม่ได้เป็นของเขา น้องเอยไปรักไมเคิลมากกว่าเขา เขารักน้องเอยมากเพราะเป็นเมียเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ไมเคิลมายุ่งกับเมียเขาเด็ดขาด

            ตอนแรกกายคิดจะฆ่าไมเคิลด้วยซ้ำ แต่คิดแล้วสู้พาน้องเอยมาที่นี่ดีกว่าไมเคิลก็ไม่ตายเขาก็เลิกเรียนแล้วต่อไปนี้จะทำงานหาเลี้ยงน้องเอยเอง น้องเอยมองหน้าคนที่ฉุดมาด้วยปืนครุ่นคิดอยู่นานและไม่พูดอะไร สภาพที่เป็นอยู่ในวันต่อมาคืออยู่ในห้องแถวของคนงานที่ยาวเหยียด ลุงของเขาแค่เป็นคนคุมคนงาน นอนอยู่ในเรือนแถวยาวเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเจ้าของเหมืองแร่แต่อย่างใดความเป็นอยู่จึงยากลำบาก อาหารการกินก็ไม่ดี บางวันก็แทบไม่ได้กินข้าวเพราะแย่งกับคนงานที่มีเป็นร้อยไม่ทัน กายไปทำงานในเหมืองเหมือนพวกคนงานอื่น ๆ ค่าแรงวันละสามร้อยบาท แต่มีเงินก็ซื้ออะไรไม่ได้ เพราะไม่มีที่ซื้อ เดือนหนึ่งถึงจะได้ไปในเมืองซึ่งระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลุงของกายเป็นคนเอาเงินไปเก็บเองบอกว่าไว้วันที่ไปในเมืองค่อยมาเอา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยคืนให้สักร้อยเดียว กายเริ่มเผยสันดานที่แท้จริงในเวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน เขาดื่มเหล้ากับเพื่อนคนงาน ลูกน้องของลุง เขาดื่มเมาแล้วก็หาเรื่องกับน้องเอยเป็นประจำ หากน้องเอยร้องไห้ก็คิดว่าน้องเอยคิดถึงไมเคิล และไม่สนใจว่าจะอย่างไร เขากลายเป็นสัตว์ป่าเถื่อนไปแล้วเมื่ออยู่ในเหมืองแร่ ในที่สุดน้องเอยก็เริ่มหาทางหนีไปจากเหมืองแร่ ในตัวของเธอยังมีเงินอีกหลายหมื่นบาท แต่อยู่ในเอทีเอ็มที่ยังไม่ได้กด เธอกำลังคิดว่าอยากเข้าไปในเมือง แต่หาทางไมได้สักที เพราะลุงของกายไม่ยอมให้เธอไปด้วยสักครั้ง หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งเป็นคนงานในเหมืองคนหนึ่งถามน้องเอยว่ามาจากไหน มาได้อย่างไรท่าทางดี ๆ แบบนี้ไม่น่ามาทำงานในเหมืองเลย น้องเอยก็บอกว่าไม่อยากมาก็ต้องมาเพราะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปแล้ว ไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากจะช่วยตัวเองตอนนี้ยังมองไม่เห็นทาง เลย และเมื่อรู้ว่าหญิงสาวมาจากไหน หญิงคนนั้นก็สงสารอุทานออกมาว่า

            “น่าสงสารจริง ๆ เธอเกิดมาท่ามกลางแสงสว่าง มาสว่างแต่จะกลับไปมืดเสียแล้ว ทำไมไม่หาทางสว่างให้กับชีวิตเล่าแม่คุณ........”

            น้องเอยนอนคิดทั้งคืน แล้ววันหนึ่งเธอก็เห็นรถสายตรวจคันหนึ่งเข้ามาตรวจตราคนงานในเหมือง กายเดินมาบอกให้เธอแอบอยู่ในห้องห้ามออกมา เพราะเขามาตรวจแรงงานต่างด้าว และหากพบเธอก็จะยุ่ง แล้วเขาก็ปิดประตูขังเธอเอาไว้ในห้องคล้องกุญแจเรียบร้อย

            แต่เมื่อเสียงตำรวจแว่วมาใกล้ ๆ ห้อง น้องเอยก็ทุบประตูอย่างแรง จนตำรวจเอะใจรีบงัดประตูออก น้องเอยโผเข้าไปกอดตำรวจคนหนึ่งไว้ และไม่ยอมปล่อยตำรวจคนนั้นเลย แม้ใครจะมาแกะออกก็ไม่ยอม

            “หนูโดนฉุดมา ช่วยหนูด้วย ขอหนูโทรหาคุณพ่อคุณแม่ก่อน ไอ้คนนั้นมันฉุดหนูมา...” แล้วน้องเอยก็ชี้หน้ากายที่ผงะตกตะลึงและทำท่าจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้น ตำรวจสองนายจับเขาไว้และวันต่อมา น้องเอยก็พบหน้าพ่อแม่ที่นั่งเครื่องบินไปรับลูกสาวด้วยหัวใจที่แตกสลายแต่ก็ดีใจที่ลูกสาวปลอดภัย ทั้งหมดปล่อยกายไว้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ พาลูกสาวกลับบ้านทันที

            น้องเอยกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่และพี่ชาย และขออยู่เฉย ๆ สักพักโดยไม่ยอมไปเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม เพราะตอนนั้นน้องเอยรู้ตัวแล้วว่าท้องสามเดือน เธอท้องก่อนที่จะไปอยู่ที่เหมืองแร่เสียอีก และเธอก็ไม่ได้บอกให้ กายรู้ว่าเธอท้อง บุญที่เธอไม่แท้งเสียก่อนตอนที่ถูกกายทำร้ายตอนทะเลาะกัน

            “น้องเอยจะเลี้ยงลูกเองค่ะคุณแม่ เขาไม่มีพ่อก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่ไม่มีทางที่น้องเอยจะเอาเขาออกเขาเกิดจากน้องเอยจะไม่มีวันสร้างบาปให้ตัวเองต้องไปมืด น้องเอยเดินทางผิดมามากหลงทางมาแบบนั้นดีว่าไม่หลงไปอีกจนชั่วชีวิต ขอเพียงกำลังใจให้น้องเอยเท่านั้นนะคะ”

            คุณประชากับคุณกอบัวนึกไม่ถึงว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแบบนี้ หลานไม่มีพ่อคนเดียวนั้นทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ ขอเพียงแต่น้องเอยบอกมาเถอะว่าต้องการอะไร พ่อแม่ทำได้หมด เพียงหวังอยากให้ลูกสาวกลับมาเดินทางในถนนชีวิตที่สว่างไสว น้องเอยถือได้ว่าเป็นผู้มาสว่าง เกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ มีพ่อแม่มีพี่ชายที่แสนดี  หากเดินหลงทางไปในความมืดแล้วกลับใจไม่ได้ ชีวิตก็คงไปมืด ดังคำที่ว่ามาสว่างไปมืด

            นับจากวันนั้น น้องเอยก็เริ่มปฏิบัติธรรมตามรอยพ่อแม่ ที่เคยพาเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะน้องเอยมีบุญเก่ามากพอจึงไม่ต้องตกต่ำนานนัก พอพลาดพลั้ง หลงไปในทางผิด ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลบันดาลให้ชีวิตพบแสงสว่าง

 

ชีวิตที่พ้นกรรมของน้องเอย นรินทร

               

            เพราะพ่อแม่ปลูกฝังแต่สิ่งที่ดีงามมาให้ลูกสาวคนนี้ ภัทรวดีจึงว่าด้วยเหตุแห่งผลบุญนี่แหละที่ทำให้น้องเอยพ้นกรรมดำมืดหลังจากที่หลงทางอยู่กับกิเลสและตัณหามานานทีเดียวการที่พ่อแม่ปลูกฝังลูกชายหญิงให้รู้จักกับการดำรงชีวิตที่ดีงามนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก และคนเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำแบบเดียวกันนี้ได้ โดยไม่ต้องไปคิดว่า ก็เขารวย เขาก็ทำได้ เราจนเราทำยาก ต้องทำมาหากิน ต้องกระเหม็ดกระแหม่เพราะหาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องยิ่งบางคนมีลูกมากไหนจะค่าครองชีพทั้งต้องใช้จ่ายเพื่อลูกชายหญิงทุกวัน ๆ จะเอาเงินเอาเวลาที่ไหนไปปลูกไปฝังให้ลูกทำบุญทำทานเหมือนคนรวยเขาเล่า ยิ่งบางคนบอกเลยว่า ไม่มีเวลา

            คำว่าไม่มีเวลานั้นดิฉันว่าจะขอได้ไหมอย่าพูดเลย อายเด็กมัน เพราะคนเรานั้นมีเวลาเท่ากัน วันหนึ่งก็ 24 ชั่วโมง ขอถามว่าใครหรือคะ ใครที่มีเวลา 20 ชั่วโมงต่อวัน หรือใครที่มี 30 ชั่วโมงต่อวัน ไม่มีหรอกค่ะ คนเรามีเวลาเท่ากันทุกคนแหละค่ะ เอาเวลาที่มีอยู่เท่า ๆ กันนี่ไปสร้างความดีเอาไว้ให้ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าดีกว่าไหม 24 ชั่วโมงก็ขอสักชั่วโมงหนึ่ง ทำความดีสร้างบุญกุศลตามที่ถนัด บางคนอาจจะอยากใส่บาตรตอนเช้า บางคนอาจจะตื่นไม่ทันก็ไปใส่เอาตอนเพล หรือบางคนทำงานจริง ๆ 5 วัน ก็เอาเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดไปทำก็ได้ บางคนอาจจะอยากทำบุญหลาย ๆ อย่าง แต่เงินน้อย อาทิตย์หนึ่งก็ขอสักร้อยบาทได้ไหมคะ อย่างดิฉันนี่ตอนนั้นทำงานเป็นนักข่าวเงินเดือนน้อยมาก ไหนจะส่งให้ลูกไหนจะส่งให้พ่อแม่ แล้วค่าที่พัก ค่าอาหารการกินของตัวเองอีกล่ะ ภาระเยอะเหมือนกัน แต่ก็พยายามนะ จะเก็บเงินไว้สักร้อยต่อหนึ่งอาทิตย์ หรือสัก สิบห้าวันต่อ หนึ่งร้อยบาท แล้วดิฉันก็จะเข้าวัด วัดไหนก็ได้ไม่จำกัดวัด เพราะทุกวัดจะมีตู้รับบริจาค ค่าน้ำ ค่าไฟ ชำระหนี้สงฆ์ สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างพระ ซื้อกระเบื้อง ฯลฯ นั่นแหละค่ะแหล่งบุญอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ใครจะมาว่าเราทำเล็กทำน้อยก็ไม่ได้ ดิฉันจะใส่ใบละยี่สิบบาท บางทีก็สิบบาท หากมีหลายตู้ก็แบ่ง ๆ กันไป บางตู้ดิฉันก็ใส่แค่บาทเดียวก็เคยนะคะ เพราะบางครั้งเงินที่ออมเอาไว้ก็ไม่พอตู้ ไม่ครบตู้  ก็เอาเศษเหรียญบาทเหรียญห้าบาทมาใส่จนครบใส่แล้วก็จบหัวอธิษฐานว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่นำมาสร้างสมบุญวันนี้ เป็นเงินที่หามาได้ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ขอให้เกิดอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่มหาศาล เป็นบุญติดตัวข้าพเจ้าไปทุกชาติทุกภพทั้งในภพนี้และภพหน้าสาธุ.. เท่านี้ดิฉันก็จะมีบุญแล้ว มันเกิดการปลื้มปีติในใจ อิ่มเอิบใจ และเวลาเหนื่อยหรือท้อเรื่องอะไร ก็จะได้ผลบุญนี่แหละที่ทำให้ใจเป็นสุขได้อย่างมีความหวัง ดิฉันเกิดมาอย่างคนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติมากมายอะไร แต่ก็ประสงค์อยากจะไปสว่างในบั้นปลายของชีวิต จึงกระทำกรรมดังนี้เรื่อยมาจนวันนี้แหละค่ะ อยากให้ผู้อ่านได้ทำตามกันบ้าง เพื่อวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ก็ไม่ตกใจเพราะบุญรอเราอยู่นะคะ

            น้องเอยได้รับบทเรียนราคาแพงมาก และฉุกคิดได้อย่างคนมีสติเมื่อมีเสียงหนึ่งสะท้อนให้ได้ยิน คนมีบุญเท่านั้นที่จะคิดได้ ในทางกลับกัน หากว่าน้องเอยไม่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมาก่อน น้องเอยก็จะไม่ได้มาเกิดแบบนี้ มาแบบสว่าง แต่มาแบบมืด ๆ  และไปพบสภาพคล้าย ๆ กันนี้ก็ไม่มีทางว่าน้องเอยคนนี้จะพ้นกรรมตรงนี้ไปได้ จะต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ทรมานเพราะความหลงในกามราคะ กิเลส มีคู่ไปเรื่อย ๆ ภาวะกายและจิตตกต่ำ และจะต้องไปมืดอย่างเดียวไม่มีทางได้พบแสงสว่างในชีวิตจนตาย

            นรินทร เกิดมาสว่าง ช่วงหนึ่งอาจจะหลงทางไปบ้าง แต่เธอก็กลับมาทางเดิมจนได้ด้วยบุญและสติปัญญาของเธอเอง แม้จะมีลูกติดท้อง เธอก็เต็มใจยินดีจะเลี้ยงเขาอย่างดี จะสร้างถนนสายสว่างให้แก่ชีวิตลูกของตัวเองโดยมีบุญและพ่อแม่เป็นแรงสนับสนุนให้ทุกทาง และเชื่อว่า หากนรินทรคนนี้เติบโตขึ้นมาอีกครั้ง เธอจะต้องดำเนินชีวิตใหม่ได้อย่างมีสติรู้มากกว่าที่ผ่านมา

            จากวันนั้นถึงวันนี้ ห้าปีกว่าแล้วที่ผู้เขียนติดตามชีวิตของเด็กสาวคนนั้นมาตลอด เธอได้ลูกสาวหน้าตาน่ารัก และยกให้เป็นลูกของพ่อกับแม่ โดยตัวเธอเองกลับไปเรียนต่อที่โรงเรียนใหม่แห่งหนึ่งจนจบมัธยมปลาย และไปต่อปริญญาตรีที่เมืองนอกจนจบก็กลับบ้านมาอยู่สักพักก็ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทต่อที่อเมริกาอีกครั้งโดยทิ้งสายใยรักตัวแทนที่น่ารักเอาไว้กับพ่อแม่เพื่อให้ท่านได้ชื่นใจในยามที่เธอจากไปไกลขนาดนั้น

            แม้จะไปเรียนอยู่เมืองนอกนรินทรก็สร้างบุญกุศลไม่เคยขาด ที่เมืองนอกมีวัดไทยให้เข้าไปหาความสงบสุขที่นั่น หญิงสาวเข้าไปอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาตลอดระยะเวลาที่ดำเนินชีวิตอยู่เมืองนอก รวมทั้งเมื่อปิดเทอมหรือซัมเมอร์ น้องเอยก็จะบินกลับมาเมืองไทยเพื่อเข้าวัดพร้อมครอบครัวในการดำรงพุทธศาสนา ส่งเสริมพุทธศาสนา ครอบครัวของนรินทรจึงพบแสงสว่างแห่งชีวิตตลอดเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่

            ส่วนครอบครัวของกายเพื่อนร่วมเรียนนั้น ครอบครัวมีแต่ตกต่ำลง พ่อก็ถูกจับ แม่ก็ต้องไปเช่าบ้านอยู่ ภูมิหลังพ่อของกายเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ยากจนมากไม่มีแม้แต่เสื่อสักผืนหมอนสักใบ พอมาทำมาหากินที่เมืองไทยอย่างอดทนก็ไม่เก็บออมเอาไว้เพื่อวันข้างหน้า บุญก็ไม่เคยทำกรรมก็พยายามก่อตลอดชีวิต  เงินที่หาได้ก็เอาไปเล่นการพนันหวังว่าจะได้เพิ่มมหาศาล โดยไม่ยอมที่จะเอาเงินที่ทำมาหาได้ไปสร้างบุญกุศลไว้ในพุทธศาสนาเลย เอาไปสร้างแต่ความไม่ดีไม่งามและผลกรรมไม่ดีนั้นก็จะตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวรชีวิตดำมืดไปตลอดชีวิต กายนั้นแม้จะมีหน้าตาดี แต่พ่อแม่ไม่เคยปลูกฝังความดีงามบุญกุศลไว้ให้แก่ชีวิตลูกเลย กายจึงต้องลำบากหลังจากออกจากคุกเยาวชนก็ลงใต้ไปหาลุงที่เหมืองแร่เดิมทิ้งแม่ให้เช่าบ้านอยู่กรุงเทพตามลำพังซึ่งแม่ของกายก็ขายของตามตลาดนัดไปเรื่อยเปื่อย กายมีครอบครัวที่เป็นคนงานในไร่หน้าตาธรรมดา และเป็นขี้เมาประจำเหมืองในที่สุด เขาเป็นนักเลงแทนลุงที่อายุมากขึ้นทุกวันและนายหัวเจ้าของเหมืองก็เตรียมปลดระวางลุงของกายแล้วในปีนี้

            สองชีวิตที่เคยมาพบกันอยู่ด้วยกันและแยกทางกันไป

            มีถนนสองสายรองรับ สายหนึ่งมืดสนิท อีกสายหนึ่งสว่างไสวไปด้วยเปลวบุญที่เปล่งแสงประกายงดงามเรืองรอง

            ใครอยากเดินบนถนนสายไหน ก็เลือกเอา แต่หากว่าเป็นคนดี ก็น่าที่จะเลือกเดินถนนสายที่มีแสงสว่าง อันเป็นแสงสว่างแห่งบุญ จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มาสว่าง

            และเวลาจะไป ก็ไปอย่างสว่างเพราะแรงบุญของตัวเอง...........

รายละเอียด

รวบรวมชีวิตติดกรรมที่มาสว่างแล้วทำอย่างไรจะไปสว่างได้เหมือนตอนมา

รวบรวม/ชี้นำ โดย   ภัทรวดี

 

คำนำจากใจ....ภัทรวดี

          เป็นความภาคภูมิใจของดิฉันเป็นอย่างมากที่ชีวิตหนึ่งได้เป็นผู้ชี้นำทางพบสุขให้แก่เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้ความรู้และประสบการณ์จะไม่มากนัก แต่ก็อาศัยว่าได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนือง ๆ จึงพอจะรู้จักทางสายที่จะนำพาชีวิตเพื่อน ๆ ทุกคนให้เดินตามเส้นทางชีวิตอันเป็นเส้นทางที่ถูกที่ควรได้ ตามจริงแล้วนะคะ ชีวิตมนุษย์นี้หากมีสติก็จะรู้เลยว่า ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรง่าย พอดี ๆ จะมีสุขที่สุด การและความเป็นอยู่เป็นแบบไหนก็น่าจะพอใจในส่วนที่มีและเป็นอยู่ เพราะอะไรหรือคะ เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอนและเราก็ไม่รู้ว่าเราจะตายไปจากโลกนี้วันไหน หากพูดแบบนี้แล้วบางคนอาจจะมีทุกข์ทันทีเพราะเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากตาย บางคนก็ว่ายังไม่ทันทำอะไรเลย ไม่อยากตายตอนนี้ ก็น่าที่จะทำเสียตอนนี้เลยนะคะ ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้ทำดีและทำอย่างถูกต้อง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ใจเราก็เป็นสุขและได้กุศลอีกต่างหาก และพยายามคิดว่า เราเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ดีแล้วหนอ พระพรหมท่านให้เราเกิดมาเพื่อสร้างคุณงามความดีก่อนที่เราจะลาจากโลกนี้ไป ไปสู่โลกหน้าเมื่อเราไปเกิดใหม่เราก็จะต้องได้รับผลกรรมที่เรากระทำอยู่ในชาตินี้ หากเราอยากไปสบาย แบบมาสว่างไปสว่าง ก็ต้องเริ่มทำดีเสียแต่วันนี้ การทำความดีไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย เริ่มต้นก็รอยยิ้มก่อน รอยยิ้มนี่เราก็ไม่ต้องลงทุนสักบาทเดียวนะคะ และปากเรานี่ก็ต้องพูดดี พูดสร้างสรรค์ อย่าพูดทำนองว่าร้ายป้ายสีชาวบ้าน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง บางคนอาจจะเป็นไปแบบนั้นแบบนี้ก็เป็นเรื่องกรรมเวรของเขาคนเราไม่มีใครที่จะดีเลิศไปหมดทุกอย่างทั้งชีวิต แม้แต่เราเอง เรายังมีทั้งดีและไม่ดีเลยจริงไหมคะเพราะฉะนั้นเอาแค่สองข้อนี้ก่อน  รอยยิ้มให้เพื่อนร่วมโลก และไม่ว่าใครร้ายเสียหาย รับรองว่าในแต่ละวันเราจะมีความสุข มองโลกทุกด้านดีหมดค่ะ หนังสือเล่มนี้จะบอกว่าคนที่มาสว่างและจะไปสว่างได้อย่างไร หากใจของคนคนนั้นยังไม่เหลียวหลังไปมองตัวเองว่า เรามาสว่างแล้วนะ เราน่าที่จะไปสว่างเหมือนตอนขามาดีกว่า คือต้องมีสติรู้คิดค่ะ.......ด้วยรักจาก...ภัทรวดี

สารบัญ

1.นรินทร...ผู้มาสว่างและ(เกือบ)ไม่ได้ไปสว่าง

2.สายทอง....ผู้โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก

3.เอกชัย...ในร่มผ้าเหลือง.

4.รวยบุญ...ผู้ไม่รวยบาป

5.สุทธิพร...กับทางสายชีวิต

6.พลอยสวยในดงสลัม

7.นพเก้า...ผู้หญิงใจงาม

8.สมชาย.....ผู้ชายสวย


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024