อ้อมกอดนักรัก (ประวีวัลย์) (EBOOK)

อ้อมกอดนักรัก (ประวีวัลย์) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: อ้อมกอดนักรัก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 330.00 บาท 82.50 บาท
ประหยัด: 247.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

วันที่ชีวิตเปลี่ยน

 

 

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ลาสเวกัส...

“เร็วๆ เข้าสิ! ถ้าแกไม่อยากอดมื้อเย็นก็รีบทำซะให้เสร็จ!”

เสียงสูงปรี๊ดจากด้านหลังคือเสียงของนางคาร่า หญิงร่างใหญ่วัยกลางคน เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ กลางเมืองลาสเวกัสผู้มีใจหยาบกระด้าง…

มีนา ณรงค์ ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มกับสเวตเตอร์สีดำตวัดหางตามองเจ้าของเสียงอย่างโกรธแค้น เร่งมือตามคำสั่งอย่างเจ็บใจ ใครจะโง่เขลาเท่าหล่อนอีกเป็นไม่มี ที่ไว้ใจคนรู้จักกันเพียงไม่ถึงเดือนจนในที่สุดก็ถูกหลอกให้มาทำงานกับนางคาร่าและ       อัลเบิร์ตสองสามีภรรยาจอมตระหนี่และนิสัยแย่ที่สุดเท่าที่เคยพานพบมา โดยไม่ได้รับเงินแม้แต่สักเหรียญเดียว! ความฝันที่วาดหวังไว้อย่างสวยหรูพังทลาย เพียงเมื่อรับรู้ว่าร้านอาหารใหญ่โตที่กันยาชวนเชื่อไว้ว่าได้รายได้งาม ที่พัก อาหารฟรี แท้จริงคือร้านอาหารอเมริกันเล็กๆ ที่มีไว้บริการนักพนันขาจรและที่พักเท่ารูหนูพร้อมเศษอาหารที่เหลือจากการขายในวันนั้นๆ เพื่อพยุงชีวิตเป็นการตอบแทน!

มีนาเจ็บใจจนน้ำตาแทบร่วง ยังจำคำพูดของตนที่ตะโกนใส่หน้าผู้เป็นป้าที่ไม่เคยเหลียวแลว่าจะไม่กลับไปให้เห็นหน้าอีก ยังจำความฝันอันเจิดจรัสเมื่อยามเหยียบย่างลงบนผืนแผ่นดินในฝันของทุกคนเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่สุดท้ายความฝันและโอกาสอันสวยหรูกลับอันตรธานหายไปภายในพริบตาพร้อมทั้งพาสปอร์ต วีซ่าและหลักฐานการแสดงตัวตนของหล่อนทุกชิ้นก็ถูกนางคาร่าและสามียึดเอาไป ไหนจะต้องคอยหลบเลี่ยงไอ้เฒ่าหัวงูหน้าหมูสามีจอมงกของนางคาร่าที่หาโอกาสลวนลามเมื่อยามภรรยาเผลออีก

หญิงสาวทนอึดอัดจนกระทั่งเสร็จงาน เสียงโวยวายจากด้านนอกและเสียงของตกกระทบพื้นจึงดังขึ้น ทำให้คนงานอีกสามสี่คนเยี่ยมหน้าออกไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วก็ต้องรีบหดหน้ากลับเข้ามาเมื่อพบว่านางคาร่าและนายอัลเบิร์ตกำลังถูกฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์เค้นเอาบางสิ่งบางอย่าง แต่นางคาร่าไม่ให้จึงถูกมันตบเอาเสียเต็มแรง พนักงานในร้านต่างพากันสะใจนักเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญครางของนางคาร่า แล้วความคิดหนึ่งก็สว่างวาบเข้ามาขณะที่ทุกคนต่างทยอยกลับที่พักอย่างไม่มีใครอยากยุ่งด้วย

มีนาแอบมองออกไปจึงเห็นว่านางคาร่าและอัลเบิร์ตยังคงต่อรองอะไรบางอย่างกับพวกมัน หญิงสาวใช้จังหวะนั้นเร้นกายไปยังอีกห้องหนึ่งที่นางคาร่ามักใส่กุญแจเสมอ แต่คราวนี้เป็นโชคของหล่อน เมื่อประตูไม่มีกุญแจแขวนอยู่ หญิงสาวผลักมันเข้าไปแล้วรื้อค้นหาอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าอะไรจะหล่นหรือกระจุยกระจายไปทางไหน สนใจเพียงแค่กระเป๋าเอกสารใบย่อมสีน้ำตาลของหล่อนเท่านั้น และในที่สุดมีนาก็พบ!

ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างด้วยความดีใจ เมื่อตรวจทุกอย่างพบว่ายังอยู่ครบ จึงรีบคว้าเอากระเป๋ามากอดไว้แน่น สาวเท้าไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู ทว่าต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบกับอัลเบิร์ตที่ยืนหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้า หญิงสาวถอยกรูด จนสะโพกกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานของเขาอย่างจัง…

“นังหัวขโมย!” ร่างอ้วนลงพุงก้าวเท้าเข้าหาอย่างช้าๆ ดวงตาเจ้าเล่ห์ของมันจับจ้องมายังมีนาเขม็งและเอาเรื่อง หญิงสาวพยายามมองหาทางหนีทีไล่ พลางบอกออกไปว่า...

“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะอัลเบิร์ต ขอร้อง” หญิงสาวพยายามส่งภาษาท้องถิ่นอย่างกระท่อนกระแท่น อีกฝ่ายไม่สน มันเดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือหมายคว้าตัวหญิงสาว แต่ความปราดเปรียว คล่องตัวทำให้มีนาก้มศีรษะหลบร่างอ้วนลงพุงน่าเกลียดไปอีกทางได้ทัน เป็นเหตุให้อีกฝ่ายเสียหลักและคงจะล้มลงไปกองกับพื้นถ้าไม่คว้าขอบโต๊ะไว้ได้ทันเสียก่อน

“อย่าทำให้ฉันต้องเหนื่อยนะนังคนเถื่อน! ถ้าแกไม่อยากถูกจับส่งตำรวจก็ส่งกระเป๋านั่นมาซะดีๆ” อัลเบิร์ตตะคอกเสียงกร้าว แต่ทว่ามีนาส่ายหน้าหวือ เป็นตายร้ายดีก็จะไม่ยอมตกไปอยู่ในสภาพเดิมอีกแล้ว

“ไม่! ถ้าแกแจ้งตำรวจ แกก็ต้องถูกจับเหมือนกัน เพราะแกลักลอบพาคนต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย!” หญิงสาวอ้างเสียงเข้ม ทั้งที่ลึกๆ นึกเจ็บใจตนเอง เพราะความเขลาแท้ๆ เชียว ที่ทำให้ไม่ทันตรวจสอบถี่ถ้วนว่าพาสปอร์ตและวีซ่าที่ได้มานั้นใช้สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น

“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ นังคนเถื่อน!”

“ไม่มีทาง! มันเป็นของฉัน”

เจ้าของใบหน้าอวบอูมแสยะยิ้มพลางขยับเข้าใกล้อีกและขณะที่คิดว่าหญิงสาวเผลอก็กระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็ว ทว่ามีนาระวังตัวอยู่แล้วจึงคว้าขวดบรั่นดีขึ้นมาแล้วฟาดลงไปบนศีรษะของอัลเบิร์ตเต็มแรงจนมันร้องโอดโอย

ผลัวะ!

“โอ๊ย! แกนังสารเลว! แก โอย...”

มีนาเห็นเลือดที่อาบทั่วศีรษะของไอ้เฒ่าตัณหากลับก็ทิ้งขวดบรั่นดีแล้วผลักประตูออกไป แต่ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบนางคาร่าวิ่งหน้าตื่นเข้ามาภายในทันทีที่ได้ยินเสียงตึงตัง

“แก นังมินนี่! นังสารเลวแกทำอะไรเขา?” นางคาร่าวิ่งเข้าไปประคองสามีที่ร้องโอดโอยแล้วหันขวับมายังมีนาด้วยแววตาเอาเรื่อง

“มันเอาหลักฐานไป เอามันคืนมาให้ได้คาร่า” อัลเบิร์ตบอกเสียงแหบพร่า นางคาร่าเบิกตากว้างรีบทวงคืน

“เอามานี่นะนังมินนี่!” ยังไม่ทันที่คาร่าจะลุกขึ้นคว้าตัวของมีนาได้ หญิงสาวก็ใช้ความคล่องตัวยกเท้าขึ้นถีบไปที่หน้าท้องของนาง   คาร่าจนล้มคะมำลงไปกับพื้นพร้อมเสียงร้องและเสียงก่นด่าเกรี้ยวกราด แต่มีนาไม่อยู่ฟังอีกแล้ว หญิงสาววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ลัดเลาะตรอกเล็กๆ หลายต่อหลายตรอกอย่างไม่คิดชีวิต กระทั่งไปหยุดหอบหายใจยังหน้าแฟลตเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะมีอยู่ได้ในลาสเวกัส หญิงสาวมองไปโดยรอบแล้วหนาวจับใจ ทั้งหวาดหวั่น ทั้งหิวโหย แต่ไม่มีแห่งใดที่หญิงสาวรู้จัก ไม่มีคนใดให้หญิงสาวติดต่อ ทว่ายังไม่สิ้นหวังนัก เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับซอกเล็กซอกหนึ่ง ร่างระหงยืนลังเลอยู่ชั่วครู่กับการตัดสินใจของตัวเองและบรรยากาศที่เริ่มมืดลงทุกขณะ กระทั่งในที่สุด จึงตัดสินใจมุดเข้าไปในซอกนั้น ซอกเล็ก ที่ทั้งอับและชื้น แต่ที่นี่คือที่เดียวที่หล่อนจะใช้เป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนนี้ได้...

ขณะที่มีนากำลังคิดถึงอนาคตของตนเอง สองแม่ลูกคู่หนึ่งก็เดินพูดคุยกันมาตามถนนเล็กๆ แห่งนั้น...

“แม่ครับ ถ้าพ่อกลับมาล่ะ?” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยถามมารดา

“เขาไม่กลับมาหรอกจ้ะ ลูกไม่ต้องกลัวนะ” อิซาเบลล่าบอกกับอดัม ลูกชายวัยเจ็ดขวบที่หวาดกลัวผู้เป็นพ่ออย่างปลอบใจ สองแม่ลูกถูกคนเป็นสามีและพ่อผู้ไม่เอาไหนนอกจากเมาเหล้าหยำเปทำร้ายทุบตีเป็นนิจเดินเข้ามาในตรอก

“แม่ครับนั่นใคร?” เด็กน้อยร้องถามเมื่อกวาดสายตาไปพบกับใครคนหนึ่งที่ซุกตัวอยู่ในซอกเล็กๆ ที่เขาเดินผ่านเป็นประจำอย่างสงสัย อิซาเบลล่ามองตามพลางสั่นหน้า ห้ามปรามไม่ให้บุตรชายใส่ใจ…

“คนเร่ร่อนลูก อย่าไปสนใจเลยจ้ะ”

แม้มารดาจะบอกเช่นนั้น แต่อดัมยังคงให้ความสนใจคนในซอกเล็กๆ อย่างจริงจัง จนกระทั่งเดินเข้าไปใกล้ เขาก็หยุดชะงักจนผู้เป็นแม่ต้องหันมาดึงร่างเล็กของบุตรชายออกห่าง แต่แล้วก็ต้องเขม้นตามองด้วยความประหลาดใจ เพราะร่างที่นอนซุกนั้นไม่ใช่ร่างของคนเร่ร่อนที่หล่อนเคยพบเจอ ทว่ากลับเป็นใครสักคนที่ดูไม่เหมือนคนเร่ร่อนทั่วไป ที่สำคัญเจ้าของร่างเล็กในซอกนั้นเป็นผู้หญิง ลมหนาวเย็นยะเยือกเดือนกุมภาพันธ์พัดผ่านผิวหน้าสองแม่ลูก บอกให้ทั้งคู่รู้ว่าคนที่นอนซุกตัวอยู่ในหลืบนั่นคงหนาวจับใจ

“น่าสงสารนะครับแม่”

อิซาเบลล่าจ้องมองไปยังคนที่บุตรชายกล่าว สองจิตสองใจว่าจะช่วยดีหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงตนเองครั้งหนึ่งที่ลำบากอยู่ในต่างแดนจึงตัดสินใจ…

“อยู่ตรงนี้นะอดัม แม่จะลองถามเธอดู” บอกให้เด็กน้อยอยู่ห่างๆ เข้าไว้ แล้วตัวหล่อนจึงขยับเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าคนในซอกนั้นกำลังหลับสนิท “คุณ คุณ...”

เสียงเรียกแว่วๆ ทำให้มีนาลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องเบิกตากว้างพลางกระถดกระถอยอย่างตื่นตระหนก เกรงว่าอีกฝ่ายจะแจ้งตำรวจให้มาจับหล่อน

“ไม่! ไม่! ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก” อิซาเบลล่ารีบบอกเมื่อสบตาหวาดกลัวของหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าเต็มตา มีนามองคนที่ปลุกหล่อนอย่างหวาดๆ และมองออกไปภายนอกอย่างไม่ไว้ใจ ประสบการณ์ที่ได้รับทำให้หญิงสาวไม่อาจวางใจใครได้ง่ายๆ อีก แม้มันจะช้าไปสักหน่อยที่จะมาคิดเอาตอนนี้แต่ก็ถือว่ายังไม่สายหากว่าหล่อนจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยไม่ยอมให้ใครมาหลอกได้อีก แต่แล้วความคิดนั้นมีอันต้องสะดุดลง เมื่อเด็กน้อยหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลเข้มเดินเข้ามาใกล้ แล้วก้มมองหล่อนอย่างสนใจก่อนหันกลับไปยังหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง “คุณมาจากไหน ทำไมมานอนตรงนี้?”

เพียงเท่านั้น มีนาก็น้ำตาเอ่อล้น ไม่คิดว่าจะมีใครมาไถ่ถามหล่อนเช่นนี้ คิดเสียด้วยซ้ำว่าคงจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เสียแล้ว...

“ฉัน เอ่อ ฉัน ฉันเป็นคนไทยค่ะ ฉันถูกหลอกให้มาทำงานที่นี่ ตอนนี้ ฉันไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ฉันหนีเขาออกมาค่ะ ช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยฉันด้วย”

อิซาเบลล่าเบิกตากว้าง เริ่มหวั่นวิตกอีกครั้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ประโยคหนึ่ง ทำให้หล่อนต้องเอ่ยถามย้ำอย่างชั่งใจตัวเองไปพลาง

“เมื่อครู่คุณบอกว่าเป็นคนไทยใช่ไหมคะ?”

มีนาพยักหน้ารัว

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนไทย มาจากเมืองไทยค่ะ” พยายามพูดให้ชัดที่สุดเท่าที่จะพูดได้ อิซาเบลล่าหันไปมองบุตรชายแล้วกวาดตามองไปโดยรอบ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยการตัดสินใจอย่างแน่วแน่

“ถ้าอย่างนั้น คุณคงไม่รังเกียจห้องเล็กๆ ของเราสองแม่ลูกนะคะ”

คนที่หมดหวังไปแล้วอย่างมีนาแทบโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี ไม่มีทางเลยที่หล่อนจะรังเกียจในสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ หนำซ้ำยังยินดีอย่างที่สุดของที่สุดเสียด้วย!

“ฉันชื่ออิซาเบลล่าค่ะ” ผู้ให้ความช่วยเหลือแนะนำตัวเมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องพักของตน

“ผมชื่ออดัมครับ” อดัมแนะนำตัวบ้างแล้วยิ้มสดใสให้กับผู้มาใหม่ มีนามองสองแม่ลูกอย่างตื้นตันใจเมื่อเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเล็กและรับประทานอาหารมื้อที่สองของวันเรียบร้อย

“ฉันชื่อมีนาค่ะ แต่คนที่นี่เรียกฉันว่ามีนกับมินนี่ อย่างที่บอก ฉันเป็นคนไทย แล้วฉันถูกหลอกให้มาทำงานที่นี่...” นัยน์ตาคู่สวยของหญิงสาวหม่นลง เลื่อนลอย เมื่อเท้าความถึงที่มาที่ไปซึ่งทำให้หล่อนต้องเป็นเช่นนี้ สองแม่ลูกนั่งฟังด้วยความเห็นใจ

“โอเค ยินดีที่ได้รู้จักนะ เอ่อ ฉันขอเรียกคุณว่ามินนี่แล้วกัน”

มีนาพยักหน้าด้วยรยิ้ยมเศร้าๆ

“ค่ะ ตามสบาย”

“ที่นี่คนถูกหลอกแบบคุณเยอะมากค่ะ”

“แต่ฉันโชคดีกว่าคนพวกนั้นที่มาเจอคุณ ว่าแต่คุณอยู่กับลูกแค่สองคนหรือคะ” มีนาถามพลางมองไปรอบห้องเล็กๆ ของอิซาเบลล่า แอบสำรวจสภาพความเป็นอยู่ของทั้งคู่ และเกรงว่าตนจะกลายมาเป็นภาระให้ทั้งสองเสียเปล่าๆ

“ใช่ค่ะ ฉันกับอดัมอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น คุณเองก็ตามสบายนะคะ แต่คืนนี้คงต้องลำบากหน่อย เพราะห้องฉันค่อนข้างคับแคบแล้วก็มีห้องนอนแค่ห้องเดียว”

“ไม่เป็นไรค่ะ” มีนารีบบอกอย่างเกรงใจ “ฉันนอนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น แค่คุณช่วยฉันให้มีที่ซุกหัวนอนแค่นี้ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงแล้ว”

“อย่าเกรงใจไปเลยค่ะ ฉันเองเคยตกอยู่ในสภาพเดียวกับคุณ ตอนไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน...” มีนาทำตาโต เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเคยไปเที่ยวเมืองไทย

“คุณเคยไปเที่ยวเมืองไทยด้วยหรือคะ?” นัยน์ตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นเต้น ประหลาดใจ ทำให้เจ้าบ้านพยักหน้ารับ

“ค่ะใช่ ฉันเคยไป โชคร้ายฉันถูกล้วงกระเป๋าจนหมดเกลี้ยงเลยค่ะ แต่ก็ยังโชคดีที่มีคนไทยใจดีช่วยฉัน ช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่และช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด จนฉันสามารถกลับบ้านได้ แล้วพอฉันรู้ว่าคุณเป็นคนไทยก็เลยรีบช่วยไงคะ” นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดอิซาเบลล่าจึงช่วยมีนา แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังรู้สึกตื้นตันใจอีกฝ่ายและลูกอยู่ดี

“อย่างไรฉันก็ต้องขอบคุณอยู่ดี”

อิซาเบลล่ามองใบหน้าอิดโรยของมีนาแล้วนึกสงสาร หญิงสาวตัวเล็กนิดเดียว แต่ความมอมแมมของหล่อนไม่อาจปกปิดความงามธรรมชาติไปได้ มีนามีผิวที่สวยงามเป็นสีน้ำผึ้งและเนียนละเอียดอย่างที่คนในชาติหล่อนชอบนักหนา ดวงตากลมโตรับกับคิ้วโก่งราววงพระจันทร์ จมูกโด่งเล็กสวยรับกับริมฝีปากเต็มอิ่มสีเรื่อ ไหนจะพวงแก้มใสๆ นั่นอีก ไม่อยากคิดเลย หากคืนนี้ตนไม่พบหญิงสาวเสียก่อนพวกเร่ร่อนอื่น โดยเฉพาะพวกเร่ร่อนผู้ชาย มีนาจะเป็นเช่นไร...

“เอาล่ะค่ะ คืนนี้คุณพักผ่อนก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือใช้ได้ตามสบายเลย” อิซาเบลล่าลุกขึ้นยืนพร้อมอดัม มีนามองตามเด็กชายที่หันมายิ้มให้แล้วรู้สึกใจชื้น หล่อนไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะแม้อิซาเบลล่าจะต่างเชื้อชาติ ต่างภาษาแต่ก็ไม่แล้งน้ำใจ หญิงสาวก้มลงมองตัวเองแล้วมองไปรอบๆ พลางครุ่นคิด พรุ่งนี้คงต้องขอร้องให้อิซาเบลล่าช่วยอีกสักเรื่อง แล้วหลังจากนี้หล่อนจะไม่รบกวนอีกเลย...

 

เช้ารุ่งขึ้น เสียงวิ่งตุบตับและเสียงแจ้วๆ ของอดัมปลุกให้มีนาตื่นขึ้น หญิงสาวย่างกรายเข้าไปภายในครัวขนาดกะทัดรัดแล้วยิ้มให้กับสองแม่ลูกที่หันมายิ้มให้หล่อน

“มาทานมื้อเช้าด้วยกันสิมินนี่ มื้อนี้ง่ายๆ ไปก่อนนะ พอดีฉันต้องรีบไปทำงาน ต้องพาอดัมไปส่งที่โรงเรียนก่อนด้วยล่ะ อดัมเร็วๆ เข้าอย่ามัวแต่เล่น” หันไปเอ็ดบุตรชายเบาๆ

“ผมทานอยู่...” คนตัวเล็กกว่าเถียง มีนามองความวุ่นวายเล็กๆ ของสองแม่ลูกแล้วอมยิ้ม จนกระทั่งอิซาเบลล่าเดินมาหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามหล่อนจึงเอ่ยขึ้นเมื่อตัดสินใจถี่ถ้วน

“เบลล่า คือฉัน อยากรบกวนคุณอีกสักเรื่อง” บอกอย่างเหนียมๆ เจียมตัวเจียมตน อิซาเบลล่าเงยหน้าขึ้นมองแล้วถาม

“บอกมาได้เลยมินนี่ ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะช่วยคุณแน่” เจ้าถิ่นบอกอย่างใจกว้าง เรียกรอยยิ้มจากมีนาได้อย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณค่ะ คือว่า... คุณก็รู้ว่าฉันเข้าเมืองมาทำงานอย่างผิดกฎหมาย แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงินติดตัวเลย คือฉันต้องการงานค่ะ...”  

อิซาเบลล่ามองคนตรงหน้าอย่างเข้าใจ เห็นใจและหนักใจไปพร้อมกัน เพราะรู้ดีว่าการหางานให้คนตรงหน้าทำยากยิ่งกว่าการให้ที่พักพิงหรือเลี้ยงดูเสียอีก

“คุณไม่อยากกลับไทยหรอกหรือ? ฉันช่วยพาคุณไปยังสถานทูตได้นะ” ถามพลางมองจ้องคนตัวบางนิ่ง มีนาขยับตัวอย่างอึดอัด ไหนๆ หล่อนก็มาแล้วและไม่อยากกลับไปอีกแล้วเช่นกัน เพราะที่นั่น ไม่มีใครให้ความเอ็นดูหล่อนอีก แม้แต่ผู้เป็นป้า ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของหล่อนก็ตาม

“ฉัน...”

“เอาเถอะค่ะ” อิซาเบลล่าตัดบท เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึกอัก       “แต่เรื่องนี้ ฉันไม่แน่ใจนะมินนี่ ไม่แน่ใจว่าจะช่วยคุณได้ แต่ก็อย่าเพิ่งคิดมาก”

อิซาเบลล่ารีบเอ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวมีสีหน้าผิดหวัง

“ฉันจะลองๆ ดูงานที่ฉันทำให้ก็แล้วกัน คือเผื่อว่าฉันอาจช่วยได้ คือมันเป็นงานที่อาจจะหนักสักหน่อยนะ คุณจะทำได้หรือเปล่า”

ดวงตาคู่สวยสุกสกาวขึ้นทันควัน ณ ห้วงเวลานี้หล่อนไม่คิดเลือกงานใดๆ เลย ต่อให้งานนั้นแย่แค่ไหนหล่อนก็เต็มใจทำ ขอเพียงแค่งานนั้นไม่ใช่งานผิดกฎหมาย ไม่ต้องขายตัวแค่นี้หล่อนก็พอใจแล้ว

“ได้ค่ะ ได้ ฉันทำได้ ขอแค่ไม่ใช่งานผิดกฎหมาย ไม่ใช่เอ่องานแบบว่า...” ใบหน้าแดงก่ำที่เอ่ยตะกุกตะกัก ทำให้อิซาเบลล่าเข้าใจ

“โอ! ไม่ค่ะ ไม่ใช่ รับรองว่าไม่ใช่อย่างที่คุณคิด...”

เพียงแค่นั้น มีนาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ครึ่งชั่วโมงให้หลังเมื่อส่งอดัมเรียบร้อยแล้ว อิซาเบลล่าก็พามีนาไปยังที่ทำงานของหล่อน แล้วหญิงสาวก็ได้รู้ว่าที่ทำงานของอิซาเบลล่านั้นก็คือ ทีบี คอร์ส สนามกอล์ฟที่ดีที่สุดในลาสเวกัสนั่นเอง

“ที่นี่แหละ คุณพอจะทำได้ไหม”

“ได้ค่ะ ฉันทำได้ขอแค่ได้งานทำ” อิซาเบลล่าพยักหน้าอย่างพอใจ

“ถ้าอย่างนั้นนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” ว่าแล้ว            อิซาเบลล่าก็หายเข้าไปภายในห้องเล็กๆ ด้านใน เข้าไปเพียงครู่เดียวจึงมีเสียงแว่วตอบมาว่า…

“ไม่ได้เบลล่า! เธอต้องรู้นะว่าเราไม่รับคนต่างด้าว ไม่แน่นอน หลักฐานการเดินทางมาทำงานอย่างถูกต้องก็ไม่มี ที่สำคัญเราไม่มีหลักฐานการเป็นผู้ว่าจ้างแต่แรก เรื่องนี้ฉันช่วยเธอไม่ได้” ลินดาปฏิเสธเสียงแข็ง

“ลินดา ได้โปรด ช่วยเธอด้วยเถอะนะ ฉันรับรอง รับรองว่า  มินมี่เป็นคนดี ก็แค่ ก็แค่สวมชื่อเธอลงไปในชื่อของจินนี่ก็ได้ แม่นั่นไม่มาอีกแล้ว ฉันรู้ว่าจินนี่ไปอยู่กับสามีใหม่ของเธอแล้ว”

ลินดาสั่นหน้าด้วยความหนักใจ จริงอยู่หล่อนมีหน้าที่รับและดูแลพนักงานทำความสะอาด ตัดหญ้า ดูแลความเรียบร้อยของสนามกอล์ฟ แต่ทุกตำแหน่งล้วนแต่ต้องได้มาอย่างถูกต้องพร้อมหลักฐานครบครัน เพื่อความน่าเชื่อถือของสนามกอล์ฟที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามที่ดีที่สุดในลาสเวกัสและของประเทศ ซึ่งแน่นอนด้านกฎหมายไม่มีใครที่ไหนยอมรับคนต่างด้าวที่มีหลักฐานแสดงตัวเป็นเพียงนักท่องเที่ยวเข้าทำงานด้วยแน่!

“เธอต้องเข้าใจนะเบลล่า ฉัน... ไม่อาจรับเด็กคนนั้นเข้ามาทำงานกับเราได้จริงๆ”

“แต่ว่าลินดา เธอน่าสงสารมาก... ลินดา” อิซาเบลล่าครางเมื่ออีกฝ่ายหันหลังให้ และนิ่งไปเป็นครู่ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ อย่างผิดหวังและเสียใจที่ไม่อาจช่วยมีนาได้อย่างที่คิด

“ฉันแค่อยากช่วยเธอเท่านั้น เธอเป็นเหมือนน้องสาวของฉัน และฉันคิดว่าคุณเองก็คงช่วยเธอได้...”

เมื่อหมดหวังอิซาเบลล่าจึงหมุนตัวหันหลังให้ลินดา อีกฝ่ายหันกลับมามองคนที่รู้ว่าเป็นคนดี ทำงานดี ขยันขันแข็งและซื่อสัตย์มาโดยตลอดด้วยแววตาเห็นใจ

“เดี๋ยวเบลล่า!” อิซาเบลล่าหันกลับและสืบเท้าก้าวเข้าไปตรงหน้าคนที่เรียกหล่อน คราวนี้แววตาที่แสดงถึงความผิดหวังเริ่มแวววาวขึ้นเมื่อได้สบตาฝ่ายนั้นอีกครั้งหนึ่ง...

สิบห้านาทีต่อมา...

“จริงหรือคะ?” ใบหน้าหวานละไมของมีนาบ่งบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ากำลังรู้สึกเหนือความคาดหมาย

“จริงสิ” อิซาเบลล่ายักคิ้ว “ฉันแอบกระซิบบอกลินดาว่าคุณคือน้องสาวของเพื่อน แล้วกำลังลำบากเธอเลยเห็นใจ ความจริงที่นี่หรือที่ไหนจะไม่รับคนส่งเดชนะมินนี่ แต่เพราะว่าเรารู้จักกัน ลินดาเลยช่วยคุณ...” มีนาแทบกระโดดตัวลอยเมื่อรู้ว่าหล่อนกำลังจะได้งานทำ 

“โอ ขอบคุณ! เบลล่าฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไง” มีนาขยับเข้าไปกุมมือของอิซาเบลล่าไว้แน่น น้ำตาคลอ อีกฝ่ายจึงตบลงบนหลังมือหญิงสาวเบาๆ อย่างเข้าใจดี

“ไม่เป็นไรมินนี่ ขอเพียงอย่างเดียวคือทำงานเต็มที่ ขยัน และอย่ามีปัญหาเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นฉันจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากที่นี่” มีนาถึงกับหน้าซีดเมื่ออีกฝ่ายกล่าว

“ไม่ค่ะ ฉันรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นแน่นอน”

“แต่คุณยังไม่รู้เลยว่างานที่ฉันว่านี่คืออะไร” อิซาเบลลาเอ่ยขึ้น

“งานอะไรฉันก็ทำได้ค่ะ” บอกด้วยสีหน้าดีใจและกระตือรือร้น อิซาเบลล่าสบตาคนตัวบางตรงหน้าอย่างประเมินว่าจะไหวหรือไม่ แต่แล้วก็ถอนหายใจเฮือก

“แม้แต่พนักงานทำความทำความสะอาดงั้นหรือ?” อิซาเบลล่าหยั่งเชิงและจ้องตามีนานิ่ง แต่เวลานี้ต่อให้กี่สักร้อยพันพนักงานทำความสะอาดก็ยังดีกว่าให้อยู่อย่างไร้อนาคต

“ค่ะ ต่อให้เป็นคนเก็บขยะฉันก็จะทำ!” อิซาเบลล่านิ่งอึ้งไปนาน ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อคนตัวบางเหมือนเด็กตรงหน้ารับคำหนักแน่น

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ ลินดารอคุณอยู่ เธอจะบอกกฏเกณฑ์และหน้าที่ของพนักงานทำความสะอาดให้คุณได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้ววันนี้ฉันจะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้คุณเอง เพราะคุณต้องเตรียมตัวเริ่มงานวันแรกแล้วล่ะ”

เจ้าของดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความยินดี รีบเดินตามอีกฝ่ายไปด้วยท่าทางกระตือรือร้นแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง

“ขอบคุณนะเบลล่า” นัยน์ตาสีสวยที่เจือหยาดน้ำนั้นสบตา     อิซาเบลล่า ฝ่ายนั้นสบตากลับมาและรับรู้ถึงความรู้สึกในขณะนี้ของหญิงสาวดี

“ไม่เป็นไร ฉันยินดีช่วยคุณ...”

“เรียกฉันธรรมดาเถอะค่ะ แค่มินนี่ก็พอ ไม่ต้องให้เกียรติฉันมากขนาดนั้นก็ได้ อย่าลืมสิคะ ว่าตอนนี้ฉันเป็นน้องสาวคุณนะ” มีนากล่าวยิ้มๆ เช่นเดียวกับอิซาเบลล่าที่ยิ้มให้กับน้องสาวคนใหม่

“ได้สิ เธอก็เหมือนกันนะมินนี่ เรียกฉันว่าเบลล่าก็พอแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ เบลล่า...”

หลังจากพบลินดาและรู้ว่าตนต้องทำอะไรบ้างกับหน้าที่พนักงานทำความสะอาด มีนาจึงเปลี่ยนชุดและเตรียมตัวทำงานอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะลำบากสักเพียงไหน หญิงสาวตั้งมั่นว่าจะไม่ย่อท้อ ต้องทำให้สมกับที่อิซาเบลล่าอุตส่าห์ช่วยเหลือและไว้วางใจ จากนั้นอีกเพียงครู่ หน้าที่ที่มีนาต้องทำก็เริ่มต้นขึ้น หญิงสาวก้าวออกไปยังห้องห้องหนึ่งอย่างตื่นเต้น เมื่อพบกับพนักงานทำความสะอาดอีกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่

“หวัดดีเด็บบี้...” อิซาเบลล่าทักทายเพื่อนร่วมงานขณะเดินเข้าไปหา อีกฝ่ายหันกลับมาตามเสียงเรียกแล้วเขม้นมองสาวหน้าใสร่างเล็กที่เดินตามหลังเพื่อนมาต้อยๆ ด้วยสายตาแปลกใจพอควร

“หวัดดีเบลล่า ว่าแต่... เธอพาใครมาด้วย?” สาวร่างท้วมผิวดำตามเชื้อชาติที่ชื่อเด็บบี้เอ่ยถาม ดวงตาคมลึกสำรวจร่างระหงของมีนาอย่างใคร่รู้...

“นี่มินนี่ เป็นน้องสาวฉันเอง... คือฉันหมายถึงเป็นน้องสาวของเพื่อนฉันน่ะ เธอเพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก” อธิบายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ากังขา

“อ้อ...” เด็บบี้พยักหน้ารับรู้

“ยินดีรู้จักจ้ะ ตามสบายเลย ทำงานที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก อย่างที่เห็น ปัดโน่นนิดนี่หน่อย เบลล่าคงบอกแล้ว...” หันมองอิซาเบลล่าที่ยืนข้างๆ

“ค่ะ เบลล่าบอกฉันแล้ว” หญิงสาวรับคำพลางมองอีกฝ่ายทำงานอย่างคล่องแคล่วเพลินตา

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำงานก่อนนะเด็บบี้ ไปกันเถอะมินนี่” มีนายิ้มให้เด็บบี้แล้วเดินตามอิซาเบลล่าไปติดๆ

งานแรกของหญิงสาวคือการทำความสะอาดห้องพักรับรองสำหรับนักกอล์ฟทั้งหลายแหล่ ภายในตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เตียงกว้างที่ตั้งอยู่กลางห้องก็น่าสบาย เครื่องใช้สอยน้อยชิ้นหากแต่ดูหรูหราน่าทึ่ง และคนอย่างหล่อนไม่มีโอกาสสัมผัสมันแน่หากไม่ได้เข้ามาเป็นพนักงานของที่นี่

“เป็นไง สวยใช่ไหม?” คำถามและรอยยิ้มจากอีกฝ่ายทำให้    มีนายิ้มอายๆ

“ค่ะ มันสวยมาก อย่างฉันคงไม่มีวาสนาได้เข้ามายืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ ถ้าคุณไม่ช่วย”

อิซาเบลล่าส่ายหน้า พลางยิ้มอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนัก

“อย่าเพิ่งดูถูกวาสนาตัวเอง ดูอย่างจินนี่เสียก่อน แม่นั่นน่ะ จู่ๆ ก็ได้สามีรวยระเบิด” อิซาเบลล่าพึมพำขณะหันไปคว้าผ้าสีขาวขึ้นมาส่งให้หญิงสาวหนึ่งผืน มีนารับไปอย่างงงๆ ครุ่นคิดถึงจินนี่อย่างประหลาดใจ

“ใครกันคะ... จินนี่”

อิซาเบลล่าหันมาสบตาคนถามแล้วบอก

“จินนี่เป็นพนักงานทำความสะอาดเหมือนเรา เป็นลูกครึ่งอเมริกันแอฟริกาใต้ จินนี่เป็นคนสวย แต่จังหวะชีวิตเธอไม่ค่อยดีนัก เหมือนกับฉันนี่แหละ” พูดมาถึงตอนนี้อิซาเบลล่าก็ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ดูเหมือนหยันให้กับโชคชะตาของตนเอง “แต่เมื่อเดือนก่อนเราได้เจอนักกอล์ฟคนหนึ่ง เขาเป็นเศรษฐี อายุห้าสิบแล้วล่ะ แต่ใจดีมาก เขาพอใจจินนี่ คงติดต่อกันข้างนอกมั้ง อีกอาทิตย์ต่อมา จินนี่ก็ไม่มาทำงานอีกเลยจนวันนี้ ฉันถึงช่วยเธอได้ไงมินนี่”

มีนาถึงบางอ้อ นึกขอบคุณจินนี่อยู่ในใจ ที่มีส่วนทำให้หล่อนได้งานทำ หลังจากนั้น จึงเริ่มเรียนรู้ขั้นตอนการทำความสะอาดโดยมี    อิซาเบลล่าเป็นพี่เลี้ยงฝึกหัดเป็นครั้งแรกในชีวิต...

 

วันนี้ทั้งวัน หญิงสาวลงมือทำความสะอาดห้องนี้ออกห้องโน้น เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดแล้ว ยังมีบริการห้องพัก สปา ห้องออกกำลังกาย และห้องอาหาร เพื่อพักผ่อนหย่อนใจและอำนวยความสะดวกแก่นักกอล์ฟและนักท่องเที่ยวอีกด้วย และสุดท้ายก็มานั่งแหมะกับเก้าอี้ในห้องพักพนักงาน อิซาเบลล่าเห็นแล้วจึงยิ้มขัน

“เป็นไงบ้างมินนี่ แรกๆ ก็เหนื่อยแบบนี้ล่ะ แต่เชื่อฉันสิ  วันต่อๆ ไปมันจะดีขึ้นเอง... เมื่อเธอชิน”

มีนาพยักหน้าหงึกหงัก หล่อนเหนื่อยก็จริงแต่กลับรู้สึกสบายใจไม่น้อยที่มีงานทำ มีที่พักพิง คิดมาถึงตรงนี้ก็ให้กลัดกลุ้มขึ้นมาอีก หล่อนคงจะอยู่รบกวนอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้แน่ รอให้ทำงานได้สักเดือนต้องขยับขยาย ขณะนั่งคิดก็มองอีกฝ่ายที่เดินไปพูดคุยกับเพื่อนพนักงานอีกคน ไม่นานนักเด็บบี้ก็เดินเข้ามาสมทบ

“ให้ตายสิ! พวกเธอต้องไม่เชื่อว่าวันนี้ฉันเจอใครมา...” พวกที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บของต่างหันมามองสาวร่างอวบที่เดินเข้ามาทำตาลอยอยู่กลางห้องพักพนักงาน มีนามองอาการฝ่ายนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาอิซาเบลล่า คนถูกมองไหวไหล่แล้วหันไปกระเซ้าเพื่อนร่วมงาน

“พวกเราต้องไม่รู้แน่ถ้าเธอไม่บอกมาเด็บบี้...” อิซาเบลล่าทำเสียงเนือย เพราะชินเสียแล้วที่เด็บบี้จะทำท่าตื่นเต้นเมื่อพบเจออะไรหรือใครก็ตามแต่...

“แหม...” เด็บบี้ค้อนควัก “ก็ได้ ฉันบอกก็ได้ คนที่ฉันพบมาก็คือคุณเชสยังไงเล่า!”

คราวนี้แม้แต่พวกที่กำลังเมินไปทำอย่างอื่นอย่างไม่สนใจยังต้องวางมือแล้วปรี่เข้ามาหาเด็บบี้จนมีนาตกใจในปฏิกิริยาเพื่อนๆ ที่มีต่อคนที่ชื่อ ‘เชส’ เป็นแถว

“จริงหรือเด็บบี้ เธอไม่โกหกพวกเรานะ?” คนที่โผล่พรวดเข้ามาถามซ้ำ

“แล้วทำไมต้องโกหก คุณเชสมากับเพื่อนของเขา เชื่อไหม เขายิ้มให้ฉันด้วยนะ...” เด็บบี้ยกมือขึ้นทาบบนแก้มสีเข้มทั้งสองข้างของตนแล้วทำท่าฝันหวานให้คนอื่นๆ อิจฉาเล่น

“ไม่ใช่เขายิ้มกับเพื่อนแล้วเลยมายังเธอพอดีหรอกรึเด็บบี้?” คนข้างๆ ออกจะหมั่นไส้ เลยแขวะเสียทีหนึ่ง จึงถูกเด็บบี้ค้อนขวับ

“ไม่! คุณเชสยิ้มให้ฉันจริงๆ เขาตั้งใจยิ้มให้ฉัน” แล้วอีกหลายต่อหลายประโยคก็ตามมาพร้อมทั้งคำถามอีกหลายคำถามที่โถมใส่ เด็บบี้จนแทบหายใจหายคอไม่ออก มีนาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสั่นหน้ายิ้มๆ ตรงไปยังล็อกเกอร์เก็บของของตน โดยมีอิซาเบลล่าแยกตัวจากเพื่อนตามหญิงสาวไปติดๆ

“ทำใจหน่อยนะ เด็บบี้คลั่งคุณเชสมานาน” ว่าพลางหันไปมองเพื่อนอีกหลายคนอย่างยิ้มๆ ก่อนหันมายักไหล่ใส่มีนาเสียที “ความจริงแม่พวกนี้ก็คลั่งไคล้คุณเชสกันทุกคนนั่นแหละ”

มีนาขมวดคิ้ว นึกแปลกใจ อยากรู้ว่าคนที่ชื่อ ‘เชส’ นั้นมีอะไรดีนักหนา

“เขาคือใครหรือเบลล่า เป็นคนมีชื่อเสียงหรือไงกัน?”

อิซาเบลล่ายิ้มขันก่อนจะปิดล็อกเกอร์ลงตามเดิม จัดการล็อกเรียบร้อยเตรียมพร้อมเพื่อกลับบ้าน

“เปล่า... คุณเชสไม่ใช่นักแสดงหรอก แต่เป็นเจ้าของที่ที่เรายืนอยู่นี่ไง” คิ้วเรียวสวยของมีนาเลิกขึ้นอย่างกังขา เพราะอย่างไรหล่อนก็แปลกใจกับท่าทางของเด็บบี้อยู่ดี

“แล้วไงล่ะ แล้วแปลกตรงไหน อ้อ... หรือว่าเขาดุมาก พอยิ้มให้เด็บบี้หน่อย เธอเลยตื่นเต้น?” เอ่ยถามขณะพากันเลี่ยงออกมาจากห้องพัก ระหว่างทางก็หันไปเอ่ยลาเพื่อนร่วมงานที่เดินสวนมา

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ปกติคุณเชสไม่มายุ่งกับพวกเราหรอก เพราะพวกเรามีลินดาคอยดูแลโดยตรงอยู่แล้ว แต่คุณเชสบริหาร และนานๆ ครั้งจะเห็นท่านออกมาตีกอล์ฟกับเพื่อนสักครั้งเท่านั้นละ นานๆ ครั้งนะ แล้วสาเหตุที่เด็บบี้กรี๊ดกร๊าดกลับมาก็เพราะคุณเชสเป็นผู้ชายที่เฟอร์เฟกต์มาก เขารูปหล่อมาก เวลาเท่ก็เท่มาก แต่เวลาดุก็ดุมากเหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วเขาเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษที่สุดเท่าที่พวกเราเคยเจอมา เขาไม่เคยมาวอกแวกกับพนักงานเลยนะมินนี่ ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่เคย แต่เขามักจะมีข่าวกับพวกสาวๆ สวยๆ หรือไม่ก็คนดังละ ล่าสุดได้ข่าวว่าควงอยู่กับลอร่า เคิร์ต รู้จักไหม?”

ลอร่า เคิร์ต คุ้นๆ แฮะ... มีนาคิด แล้วก็นึกออกก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น...

“ลอร่า เคิร์ต! รู้แล้วเบลล่า ฉันเคยเห็นเธอในทีวี นี่เขาคบหากับดาราดังเลยหรือนี่?” สีหน้าแสดงความตื่นเต้นของมีนาทำให้        อิซาเบลล่าเผยยิ้มมุมปากอย่างขบขัน

“ใช่นั่นแหละ คนเดียวกัน เป็นไง... ตอนนี้เธอดังสุดๆ ไปเลยนะ ที่สำคัญมาตกหลุมเสน่ห์คุณเชสของเราก่อนเสียด้วย”

“ยังไง?” คนไม่เคยรู้จักก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย จนอิซาเบลล่าต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“เจอกันตอนที่เธอมาตีกอล์ฟที่นี่น่ะสิ มากับเพื่อนหญิงชายของเธอ เจอคุณเชสโดยบังเอิญ จากนั้นไม่นาน พวกเราก็เห็นเธอมาที่นี่บ่อยๆ” เอ่ยพลางไหวไหล่เบาๆ มีนาเดินตามร่างสูงกว่าของอิซาเบลล่าไปอย่างครุ่นคิด นึกอิจฉาคนมีเงินเสียจริง ว่างๆ ก็มาตีกอล์ฟเล่น วันดีคืนดี ก็ได้พบคนถูกใจเหมือนกับคนที่เด็บบี้คลั่งไคล้ หรือไม่ก็จินนี่ หญิงสาวคิดเพลินไปจนกระทั่งถึงมุมตึก จึงเลี้ยวไปอย่างรวดเร็วไม่ทันคิดอะไร ทว่าสิ่งที่ทำให้คนตัวเล็กต้องร้องเสียงหลงก็คือร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากหลังประตูข้างมุมตึกได้ชนร่างของหล่อนเข้าอย่างจังเบ้อเร่อ เป็นเหตุให้คนผอมบางร่างเล็กกระเด็นลงไปกองกับพื้นทันที...

“โอ๊ย!” ในวินาทีที่มีนาอุทานด้วยความเจ็บ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงที่อุทานออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน

“โอ๊ะ!!”

เสียงทุ้มที่ประสานเสียงหวานแหลม ทำให้คนที่คล้อยหลังไม่ไกลหันขวับกลับมา

“มินนี่!” อิซาเบลล่าอุทาน แล้วต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ร่างที่กำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยมีอันชะงัก ริมฝีปากเผยอปากค้าง เมื่อพบกับร่างสูงที่กำลังประคองร่างเล็กของหญิงสาวลุกขึ้นยืน มีนาลุกขึ้นตามแรงดึงของชายหนุ่มก่อนจะพึมพำขอบคุณเขาอย่างอายๆ ที่ตนซุ่มซ่าม

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ คือฉันซุ่มซ่ามไปหน่อย” ริมฝีปากเต็มอิ่มสีเรื่อเผยอค้างนิดๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองหล่อนอย่างตรวจสอบ จริงจังและพินิจพิจารณาอย่างตะลึงลาน...

รายละเอียด

อ้อมกอดนักรัก

ผู้เขียน : ประวีวัลย์ (นิราอร)

ราคาปก 330 บาท

จำนวนหน้า 400 หน้า

พิสูจน์อักษร : ศิริพร ผิวอ่อน

ออกแบบปก : นิราอร

 

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือสแกนเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเท่านั้น

 

ติดต่อนักเขียนได้ที่...

อีเมล [email protected]

แฟนเพจ นิราอร บุ๊คส์

 

คำนำ

 

กลับมาแก้ไขข้อมูลและบางอย่างเพื่อควบรวมกับนามปากกานิราอร โดยเฉพาะค่ะ ดังนั้น นิราอร บุ๊คส์ในตอนนี้จะมี 2 ไอดีนะคะ คือ NIRAON BOOKS กับ NIRAON BOOK. ต่างกันตรงมีจุดเพิ่มเข้ามาค่ะ

อ้อมกอดนักรัก เป็นนิยายที่นิราอรใช้เวลาเขียนนานมาก เหตุผลไม่ใช่อะไรค่ะ แต่เป็นเพราะจินตนาการดับไปเสียดื้อๆ ที่สำคัญเป็นแนวที่ไม่ถนัดเลย (แต่ก็ยังพยายาม) จนในที่สุดก็สามารถกลับมาต่อได้จนจบ

ไม่ว่าอย่างไร นิราอรขอฝากนิยายอีบุ๊คในนาม ประวีวัลย์ ซึ่งเป็นนามปากกาใหม่เอี่ยม (พี่ๆ น้องๆ แซวว่าแม่นางร้อยนาม) ไว้ในอ้อมใจอีกสักหนึ่งนามปากกานะคะ นามปากกานี้ตอนแรก แตกมาจากวิลัลวลี วิลัลลา เจตคมน์ ใช้ออกกับสำนักพิมพ์ เพื่อเขียนโรมานซ์โดยเฉพาะ เน้นอีบุ๊คเป็นหลัก แต่เพราะดูแลไม่ทั่วถึง ประมาณทิ้งขว้างให้เคว้งคว้างน่าสงสารมาก เลยเอามารวมกันเสียเลย

สุดท้ายไม่ท้ายสุด ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามและสนับสนุนผลงานของปูด้วยดีมาโดยตลอดนะคะ หากพบข้อบกพร่องสามารถแจ้งได้ที่ แฟนเพจ นิราอร บุ๊คส์ ค่ะ

 

ประวีวัลย์ (วิลัลวลี วิลัลลา เจตคมน์)

[นิราอร]

พฤศจิกายน ๒๕๕๘

 

 

 

 

 

 

 

 

เชส บัฟเฟตต์ ถูกชนโครมจากสาวไทยร่างเล็ก

ที่เป็นพนักงานของเขาเองจังเบ้อเร่อ

หลังจากนั้น เขาก็ลืมหล่อนไม่ได้อีกเลย

มีวิธีเดียวที่จะทำให้เขาเลิกคิดถึงก็คือ

ทำให้ผู้หญิงน่ารักคนนั้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา

นั่นคือการยื่นข้อเสนอที่แสนร้ายกาจให้กับหล่อน

ข้อเสนอที่ว่าคือการข่มขู่แกมบังคับสารพัด

แล้วผู้หญิงตัวเล็กๆ ไร้ญาติมิตรจะสู้รบตบมือกับผู้ชายตัวโตมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวได้อย่างไร…


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (80 รายการ)

www.batorastore.com © 2024