อ่านหนังสือหรือทำจริงดีกว่ากัน

            สำหรับคนที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจอะไรซักอย่างนั้น ก่อนที่จะเริ่มทำควรต้องเริ่มจากการหาความรู้ด้วยการเข้าร้านหนังสือเสียก่อน เพราะการทำธุรกิจนั้นมีความซับซ้อน และต้องใช้องค์ความรู้มากมายเกินกว่าที่คนเพียง 1 คนจะสามารถเข้าใจได้หมดโดยไม่ศึกษาอะไรเลย ยิ่งถ้าเรากระโดดเข้าไปทำอย่างหุนหันพลันแล่นรับรองได้เลยว่าจะต้องเจ็บตัวกลับมา อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องเสียเงินทอง เสียเวลา และเสียความมั่นใจในตัวเอง ล้วนแล้วแต่ทำให้เราพลาดที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่อาจจะดีกว่า คำถามคือ แล้วเราควรเข้าไปทำเลยเพื่อศึกษาจากความผิดพลาด หรือควรที่จะลองเข้าร้านหนังสือเพื่อไปหาหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจมาลองศึกษาดูก่อน ซึ่งจากการศึกษาผู้มีความรู้อย่างนักลงทุนระดับโลกหลายคนก็ทำให้ผมพบว่าเราควรที่จะอ่านหนังสือให้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และยิ่งโดยเฉพาะการอ่านนิตยสารรายสัปดาห์หรือรายเดือนที่เกี่ยวกับนวัตกรรมทางธุรกิจหรือข่าวสารเรื่องราวใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจต่างๆ จะเป็นการเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นอย่างมาก และยิ่งด้วยราคาที่ถูกของสิ่งพิมพ์เหล่านี้นั้น ยิ่งทำให้มันมีค่าควรแก่การลงทุนมากขึ้น เพราะเรื่องบางเรื่องเราทำลงไปเสียเงินไปหลายแสนหลายล้านบาท แต่ถ้าเราได้อ่านก่อนในหนังสือราคา 200 บาท แล้วเจอเรื่องเหล่านี้ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงที่จะผิดพลาดได้ แสดงว่าเราเสียแค่ 200 บาท ไม่ใช่หลายแสนบาท ซึ่งคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่หลายคนกลับไม่ทำเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะการอ่านหนังสือนั้นมันน่าเบื่อมาก หรืออาจจะไม่เชื่อว่าหนังสือหรือนิตยสารต่างๆจะช่วยได้มากขนาดนั้น แต่เราควรฟังผู้ที่ได้อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ใช่หรือ

            ทางที่ดีที่สุดคือให้อ่านไประหว่างที่เราทดลองทำธุรกิจในสเกลเล็กๆ จะได้ไม่เจ็บตัวมากเวลาคาดการณ์ผิด อย่างเช่นถ้าจะซื้อของมาสต็อคไว้ก็ควรซื้อครึ่งนึงของที่คิดว่าจะซื้อทั้งหมด หรือไม่ก็ใช้วิธีทยอยซื้อ และทำการตลาดเพื่อระบายสินค้าไปพร้อมๆกัน และต้องอย่ามั่นใจหรือคาดหวังไว้สูงเกินไป ยิ่งไม่คาดหวังเลยยิ่งดี เพราะจะทำให้เราไม่เสียความมั่นใจเวลาที่สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่เราคิด ซึ่งมันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ ถ้าเราได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวการคาดหวังจากหนังสือบางเล่ม เราอาจจะฝึกตัวเองให้ไม่คาดหวังมากเกินไปได้และนี่เองที่จะทำให้เราทำธุรกิจได้นานขึ้น และประหยัดเวลาแทนที่จะเอาไปลองในสิ่งที่มีคนเคยทำพลาดมาแล้วและได้เขียนให้เราได้อ่านในหนังสือ ใช้เวลาอ่านเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่สามารถได้ความรู้ของคนที่ผ่านโลกมาแล้วเป็นเวลาหลายสิบปี ช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุดแล้วล่ะครับ ถ้าใครได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับวอเร็นบัฟเฟตบ่อยๆจะพบว่า เขาได้พูดถึงหนังสือของเบนเกรแฮมบ่อยครั้ง และยังได้บอกอีกว่ามันเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งการที่เขาได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็ได้นำหลักการไปทดลองกับการลงทุนจริงๆไม่ได้อ่านแล้วไม่ได้ทำตาม จึงทำให้เขาได้ลองผิดลองถูกแต่เป็นการลองผิดลองถูกที่ลดความผิดพลาดและทำให้ไปได้ถูกทางตั้งแต่ต้น แม้ว่าจะมีการลงทุนที่ผิดพลาดบ้างเป็นบางครั้งแต่เนื่องจากหลักการที่ถูกต้อง ทำให้ถูกมากกว่าผิดและกลายเป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุด แม้แต่ชาร์ลีมังเกอร์ที่เป็นคู่หูคนสำคัญของวอเร็นยังได้กล่าวไว้ว่าต้องอ่านให้เยอะอ่านให้กว้างและอ่านอยู่ตลอดเวลา โดยเขาได้เน้นเรื่องการอ่าน periodicals ยิ่งนัก ซึ่งก็คือพวกนิตยสารที่ออกเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนนั่นเอง

            แล้วอ่านแล้วต้องทำอะไรต่องั้นหรือ ก็ต้องทำและก็ทำนั่นเองโดยการทำนั้นควรนำเอาสิ่งสำคัญจากการอ่านมาทดลองทำดู ถ้าทำได้ดีก็ให้อ่านมากกว่าเก่าเพื่อจะได้นำหลักการที่ดีต่อไปมาลองดูต่อ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อ่านแล้วก็ทำ อ่านแล้วก็ทำ อ่านแล้วก็ทำ จนสุดท้ายได้คัดเลือกเอาสิ่งที่สามารถนำมาใช้จริงได้มาผสมรวมกันกลายเป็นสไตล์การทำธุรกิจหรือการลงทุนที่ได้ผลสำหรับตัวเอง การอ่านนั้นนอกจากจะได้ความรู้แล้วยังทำให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้นซึ่งจะมีผลทางอ้อมทำให้เราไม่ท้อง่ายๆเวลาธุรกิจเกิดปัญหาขึ้นมา นอกจากนี้การอ่านสิ่งที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจนั้นอาจจะมีผลดีกว่าที่คิดก็ได้เพราะถ้าลองคิดดูดีๆว่าไอเดียต่างๆที่เราทำอยู่ในตอนนี้นั้นมันมาจากเหตุบังเอิญหรือว่าเราวางแผนมันตั้งแต่ต้น น่าจะพบว่ามีหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เราไ่มเคยรู้มาก่อนว่าต้องทำหรือสามารถทำได้ และส่วนใหญ่จะเกิดจากการดูดซึมไอเดียหรือความรู้ใหม่ๆจากการอ่านนั่นเองไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือแม้แต่บิลบอดร์ข้างทาง ยิ่งเรื่องการลงทุนนั้น การอ่านยิ่งสำคัญเพราะเป็นกิจกรรมที่สำเร็จจากการใช้แรงงานน้อยมาก แต่กลับต้องใช้สมองอย่างสูง และการใช้สมองนี้เองยิ่งทำให้เราต้องหาสิ่งที่มากระตุ้นสมองเพื่อให้เกิดการพัฒนามากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าอ่านน้อยรับรองว่าลงทุนอ่อนหัดแน่นอน นักลงทุนเก่งๆที่ผมรู้จักทุกคนไม่มีใครไม่อ่านหนังสือเลยแม้แต่คนเดียว นี่ยิ่งเป็นสิ่งที่รับรองได้ว่า ถ้าคุณไม่อ่านหนังสือเยอะนั้น (หนังสือมีประโยชน์ทีเ่กี่ยวข้องกับธุรกิจการลงทุน) แทบจะการันตีได้แน่นอนเลยว่าโอกาสที่จะีมีอิสรภาพทางการเงินนั้นจะน้อยลงอย่างแน่นอนครับ


www.batorastore.com © 2024