สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ (โสภี พรรณราย)

สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ (โสภี พรรณราย)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789746602303
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 70.00 บาท
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์

ถึงผู้หญิงจะซื่อ … แต่นั่นเป็นความดีของหล่อน

ความซื่อ … กลายเป็นข้อดี

กุ้งแก้ว … น่ารัก  จริงใจ … ไม่แสแสร้ง

หล่อนเป็น ‘ เพชร ‘ ที่ใครๆ ค้นพบ … ถ้าได้ใกล้ชิด

…………………………………

หล่อนเคยฝัน … ฝันพบพีร์ … ก่อนจะพบตัวจริง …

ในวันแรกของการมาทำงานในโรงแรม

คืนนั้น ฝัน … ถึงพีร์ … เป็นเจ้าบ่าว …

หล่อนเป็นเจ้าสาว

กับแหวนเพชรรูปหัวใจ

หล่อนฝันถึงเขาก่อนจะพบตัว

แปลกมาก … จนมาพบ … มารู้จัก … จนวันนี้ …

หล่อนกับเขายังเป็นแค่ความฝัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                กุ้งแก้วมองตัวเองในกระจก โอ้โฮ! หล่อนสวยเหลือเกิน…สวยมาก…แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะเป็นหล่อน

                น.ส.กุ้งแก้ว  คำหมาก
                สาวเปิ่นของเพื่อนๆ
                ไม่น่าเชื่อ…สาวแสนซุ่มซ่ามจะได้เป็นเจ้าสาว จะมีผู้ชายคนไหนหนอต้องการหล่อนเป็นแม่ของลูก
                เชยก็เชย…เปิ่นก็เปิ่น…และที่สำคัญหล่อนไม่ใช่คนสวย แต่มีคนเคยชมว่าหล่อนน่ารัก หล่อนเด่นตรงดวงตาเท่านั้นที่กลมโตใสบริสุทธิ์…ถ้าดวงตาไม่เด่น…ป่านนี้หล่อนคือสาวขี้เหร่นั้นแหละ
                แต่ทำไมหล่อนสวยได้ล่ะ สวยในชุดเจ้าสาวสีขาวหวานผ้าลูกไม้สุดหรู จากสาวขี้เหร่กลายเป็นคนสวย หรือเข้าตำราไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง
                แต่งเป็นเจ้าสาวหล่อนสวยขนาดนี้เชียวหรือ ?
                แล้วเจ้าบ่าวของหล่อนเป็นใคร ?
                ท่ามกลางหมอกควันขาว ลอยละล่อง และเมื่อควันจางลง
               

 

 

เขา…คนนั้นก็ปรากฏกายขึ้น
                เจ้าบ่าวของหล่อนในชุดสูทสง่างาม…รูปหล่อ
                โอ้โฮ…หล่อนอุทานในใจอีกครั้ง
                เขา…มีดวงตาเข้ม…จมูกโด่ง…ผิวเข้ม…หน้าตาหล่อราวกับเทพบุตร
                นี่หรือเจ้าบ่าวของ…กุ้งแก้ว
                หล่อนรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวไม่คู่ควรเสียเลย…
                เขาเดินมาใกล้…ใกล้…หญิงสาวก็ใจเต้นแรง…
                ในมือชายหนุ่มมีแหวนเพชร…เพชรน้ำงามใหญ่สุกสกาวเป็นรูปหัวใจ…
                ริมฝีปากชายหนุ่มแย้มยิ้ม
                กุ้งแก้วเขินอาย…
                เขา…เขา…กำลังจะสวมแหวนเพชรในนิ้วของหล่อน…ใจหล่อนเต้นแรง…เต้นแรงขึ้น… ตื่นเต้น…และมีความสุขที่สุด…ที่ได้เป็นเจ้าสาว
                แหวนเพชร…ยังไม่ทันสวมแหวนเลย…
                กุ้งแก้วก็ตกใจตื่นเสียก่อน

                หล่อนลืมตาแป๋วบนเตียง…มองเห็นเพดานห้อง                                                   

                ใจเต้นแรงอยู่เลย…หล่อนฝันไป…ที่แท้เป็นแค่ความฝัน  กุ้งแก้วรู้สึกตัวแล้ว…

                นั้นไงล่ะ…เทพบุตรรูปงามคนนั้น ไฉนจะแต่งงานกับสาวเปิ่นอย่างหล่อนได้…ในโลกความจริง… มันเป็นไปไม่ได้

                เป็นได้แต่โลกของความฝัน

                โอ๊ย…เสียดายเหลือเกิน…ฝันต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้…กำลังจะได้สวมแหวนเพชรแล้วเชียว…เพราะตื่นเต้นเกินไปจึงตื่น…

                มือของหล่อนว่างเปล่าตามเดิม…สิบนิ้วไม่แหวนสักวง

               

 

 

กี่โมงแล้ว ?

                หล่อนหันมองนาฬิกาข้างเตียง

                ว้าย ! เจ็ดโมงเช้าแล้วหรือ ?

                ก็…ก็…หล่อนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนหกโมงเช้า…นาฬิกาไม่ปลุก…ถ่านหมด !

                หญิงสาวกระโดดขึ้นจากเตียงทันที

                ตายแล้ว…ทำงาน…งาน

                วันนี้เป็นวันแรก !

                ตายแน่…ตายแน่ๆ ยังไม่ทันเริ่มงานเลยจะโดนไล่ออกมั้ยเนี้ย?

                รีบอายน้ำแต่งตัว…และมองตัวเองในกระจก…เชยตามเดิมล่ะ…ยาย

กุ้งแก้ว…เธอไม่สวย  แต่งอย่างไรก็ไม่สวย…แต่ไม่เป็นไรนะ…ยิ้มกับ

กระจกอวดฟันขาวสะอาด…ขอให้เป็นคนดี…เป็นคนสวยที่ ( ใจ ) ก็ดี

แล้ว…

                หล่อนได้ยินเสียงป้ากับแม่เถียงกันตามเดิมที่ชั้นล่าง

                แม่กับป้าเถียงกันทุกวัน…เถียงกันทีไร…กุ้งแก้วกลับรู้สึกขำ เหตุที่

เถียงเพราะเรื่องของลูก…

                แม่หล่อนชื่อ…รัชนี เป็นแม่ม่าย…

                ป้าชื่อยุพิน…ก็เป็นแม่ม่าย ป้ามีลูกคนเดียวชื่อพี่พจมาน

                แม่กับป้ามีกันสองคนพี่น้อง…บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของตากับยาย

เป็นบ้านสองชั้นเก่าๆ บนเนื้อที่ร้อยตารางวาเศษ…ยกให้แม่กับป้า

ครอบครองร่วมกัน

                ต่างเป็นแม่ม่ายและมีลูกกันละคน…ก็หวังพึ่งลูก

                แม่ทำขนมหวานสางขายที่ตลาดทุกเช้าวันละสองหม้อจึงมีรายได้ทุก

วัน…ส่วนป้ารับจ้างซักผ้าให้กับชาวบ้านแถวนี้ที่ไม่เวลา ส่วนพี่

 

 

พจมานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางตามบ้าน

                ทุกคนมีงานทำ…ค่อนข้างเป็นงานอิสระ  มีเวลาว่างมาก  เหลือ

แต่กุ้งแก้ว…ปีนี้อายุยี่สิบสองแล้วจบพาณิชย์แผนกบัญชี  แต่หล่อนยัง

หางานทำไม่ได้เลย

                หล่อนไม่เด่น…และเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้ มีแต่เชิญคนออกจาก

งาน…ไม่รับเพิ่ม

                กุ้งแก้วไม่เลือกงานเลยสักนิด  ตั้งแต่เรียนจบ…ใครจ้างทำงาน

อะไรก็ทำ…ล้วนแต่เป็นงานชั่วคราวทั้งนั้น…จ้างหล่อนสามวันบ้าง

เจ็ดวันบ้าง สิบวันบ้างอย่างมากก็เดือนหนึ่ง

                งานที่รับบ่อยคือแจกเอกสารและเป็นพนักงานต้อนรับในงานที่

ออกร้านจัดนิทรรศการใหญ่ๆ ตามศูนย์แสดงสินค้า…รายได้วันละ

สองสามร้อย…ก็พออยู่ได้  เนื่องจากหล่อนเป็นคนประหยัดและพอใจ

ในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่

                ครอบครัวหล่อนไม่ใช่คนยากจน…บ้านที่อยู่มีคนมาขอซื้อที่ดิน

หลายล้าน…แต่แม่กับป้าไม่ยอมขาย

                มีบ้านอยู่…มีข้าวกิน…หากกุ้งแก้วต้องการทำงาน

                ไม่ทำงาน  ชีวิตจะไม่มีค่า

                แม่รัชนีรักหล่อน…ป้ายุพินก็รักพี่พจมาน  ต่างรักลูกของตัวเอง…

แม่กับป้ามักจะเถียงกันเรื่องลูก  คุยข่มกันเรื่องลูก…ต่างก็ว่าลูกของตน

ดีกว่าลูกของคนอื่น

                หล่อนเดินลงบันได…เสียงป้ายุพินคุยข่มแม่

                “ลูกสาวของพี่สวยกว่าลูกเธอ…ยายพจมานขายเครื่องสำอาง…

แต่งหน้าแต่งตัวสวยทุกวัน…ยายกุ้งของเธอหน้าจืดสนิท”

                นางรัชนีไม่ยอม

               

 

 

“ยายกุ้งแก้วสวยแบบธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องพอกเครื่องสำอางหนา

…แล้ววันนี้…ก็จะเริ่มงานใหม่แล้ว…ที่โรงแรมใหญ่กลางกรุง…เท่ซะ

ไม่มี”

                พจมานช่วยแม่ยุพินของหล่อนกล่าวว่า

                “โถ…เป็นแค่พนักงานชั่วคราวฝึกงาน…ไม่รู้ตำแหน่งเล็กขนาด

ไหน…อาจจะดีกว่าแม่บ้านนิดเดียว…”

                นางรัชนีค่อนหลานสาว

                “น้องจะได้งานทำ…แทนที่จะช่วยกันดีใจ…กลับพูดเยาะเย้ย”

                พจมานแต่งหน้าจัด…และเป็นคนสวยแบบฉูดฉาด หล่อนเฝ้าฝันว่า

จะมีชายกลางมาหลงรักอย่างในนิยาย…หล่อนจึงต้องสวยเสมอและ

มักจะข่มกุ้งแก้ว…ญาติผู้น้อง…

                เชย…เปิ่น …เฉิ่ม …ชาตินี้ทั้งชาติหาแฟนไม่ได้หรอก

                กุ้งแก้วลงบันไดมาแล้ว…อย่างรีบเร่ง

                พจมานเห็นญาติผู้น้องก็หัวเราะเยาะ

                “จะไปเริ่มงานวันแรกที่โรงแรมใหญ่…แหม…ดูแต่งตัวสิ…เชยจัง

…นี่มันยุคไหนแล้ว… แต่งตัวซะมิดชิด”

                กุ้งแก้วมองตัวเอง

                ตายแล้วหล่อนเชยมากหรือ?

                หล่อนคิดว่าหล่อนจะแต่งให้เรียบร้อยสักหน่อย…เสื้อสีขาวแขน

ยาว…ปกเชิ้ต…กับกระโปรงสีน้ำเงินเข้ม ดูๆแล้วคล้ายกับชุดที่หล่อน

ใส่ตอนเรียนพาณิชย์…

                ผมยาวของหล่อนรวบตึง และมัดด้วยโบสวยๆ เส้นหนึ่ง

                ผิดกับพจมานที่แต่งตัว…มักสวมเสื้อสายเดี่ยวและเสื่อเอวลอย …

                “ทำไมแกไม่ใส่แบบฉันล่ะ…ยายกุ้ง?”

               

 

 

กุ้งแก้วตาเหลือก

                “ว้าย! โป๊…กุ้งไม่กล้า…อย่าเพิ่งพูดเลย…กุ้งต้องรีบไปแล้ว แม่…กุ้ง

ไปล่ะ…” ตอนท้ายหันไปบอกมารดา

                นางรัชดาคว้าแขนลูกสาว

                “จะรีบไปทำไม กินข้าวเช้าก่อน”

                “กินไม่ทันค่ะ…เมื่อเช้ากุ้งลืมตื่น  นาฬิกาปลุกเกิดตาย…กุ้งไป

สายแน่เลย…”

                “ไหนๆ ก็สายแล้วกินซะหน่อย กองทัพเดินด้วยท้อง…จะได้เริ่ม

งานใหม่อย่างมีแรง”

                “กุ้งกินไม่ลงค่ะ”

                “งั้น…นมแก้วหนึ่งก็ยังดี”

                คนเป็นแม่นี่ล่ะ เป็นคนพูดเสียงดังฟังชัดเสมอ…ว่าแล้วรีบเทนม

ในตู้เย็นใส่แก้วนำมาให้ลูกสาวคนเดียว

                “ขอบคุณค่ะ…แม่”

                เสียงป้ายุพินลอยมาตามลลม

                “อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาหุงข้าวต้มให้ลูก…สักคำลูกมันยังไม่ยอม

กิน”

                นางรัชนีหันไปต่อปากต่อคำกับพี่สาวอย่างไม่ยอมกัน

                “เพราะยายกุ้งมันมีความรับผิดชอบ…มันตื่นสาย…มันเลยรีบ”

                ป้าหัวเราะ

                “แค่เป็นพนักงานชั่วคราว…ทำเป็นตื่นเต้น”

                “โรงแรมชั้นหนึ่งเชียวนะ…พี่ยุพิน”

                “อย่างมากจ้างแค่เดือนเดียว…เป็นเด็กฝึกงาน…ไม่รู้จะได้บรรจุ

หรือเปล่า”

               

 

 

“ฉันไปดูดวงให้ยายกุ้งมาแล้ว…ดวงปีนี้ของมันจะรุ่งโรจน์ชัชวาล

จะประสบความสำเร็จทั้งการงานและความรัก”

                ทั้งยุพินกับพจมานหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

                “เออ…ยายกุ้งนะ…เปิ่นขนาดนี้นะ จะรุ่งโรจน์ชัชวาลทั้งการงาน

และความรัก ให้มันได้สักอย่างก่อนเถ้อะ …”

                กุ้งแก้วไม่สนใจหรอก…หล่อนคว้ากระเป๋าถือเดินออกมา…

สวมรองเท้าหน้าบ้าน…

                รัชนีเหลือบไปเห็นกระเป๋าเงินใบเล็กของลูกสาววางอยู่บนโต๊ะ…

                เด็กคนนี้ลืมอีกแล้ว…

                “กุ้งแก้ว…ลูกจะไปได้อย่างไร ไม่เอาเงินไป”

                หญิงสาววิ่งกลับมาทางมารดา

                “ขอบคุณค่ะแม่ กุ้งจะนั่งแท็กซี่แล้วค่ะ…เพราะสายมาก ขืนไม่

มีเงิน…ถึงที่หมายคงหน้าแตก”

                กุ้งแก้วเปิดประตูรั้วและวิ่งออกไป…

                หล่อนรีบร้อน…อยู่ในซอยแท็กซี่ไม่ค่อยมีเท่าไหร่นอกจากวิ่งเข้า

มาส่งผู้โดยสารเข้าในหมู่บ้านซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีก

                หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่ง…มาเรียกรถแท็กซี่หน้าปากซอย…

                รถคันหนึ่งแล่นออกมา หล่อนกวักเรียก…และเปิดประตูเข้า

ไปนั่ง บอกจุดหมายปลายทาง

                “โรงแรม…”

                “แถวนั้นรถติดน่าดูเลย” เสียงโชเฟอร์นพลางเอื้อมมือไปกด

มิเตอร์

                รถแล่นไปแล้ว…จริงอย่างว่า…รถติดน่าดู กุ้งแก้วเครียดเลยล่ะ

เพราะจะไปทำงานไม่ทัน

               

 

 

 เริ่มงานวันแรก…ได้เรื่อง

                ตัวเลขมิเตอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…

                เสียดายเงินค่ารถแท็กซี่จัง…

                โชเฟอร์เองก็เริ่มหงุดหงิดกับการจราจร บ่นใหญ่

                “เด็กก็รีบไปโรงเรียน…คนก็รีบไปทำงาน รถก็ขายดี แต่ถนน

ไม่มีเพิ่ม เพิ่มแต่รุ วันๆหาเงินลำบากไม่รู้จะทำมาหากินอะไรแล้ว”

                ใจของกุ้งแก้วอยากให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วๆ…แต่จะต้องบอก

เบาๆ

                “ใจเย็นๆ”

                ปลอบคนขับ…แล้วใครจะปลอบหล่อน

                เลี้ยวไปก็จะถึงโรงแรมแล้ว…แต่รถติดไม่ขยับเสียเลย นานร่วม

สิบนาที

                ถ้าหล่อนลงไปเดินจะเร็วขึ้นมั้ยหนอ?

                มองๆ ไป…ราวสองป้ายรถเมล์…ไม่เกินสามป้าย

                อา…เดินก็เดิน

                “ฉันจะลงตรงนี้…” หล่อนนับเงินจ่าย

                “อ้าว…คุณ”

                “ขืนรถติดไม่ขยับแบบนี้ ฉันไปทำงานไม่ทัน” ส่งเงินให้คนขับ

แล้ว…หล่อนลง

                ทั้งเดินทั้งวิ่ง…

                ไม่ทันไร…ตำรวจปล่อยรถแล้ว หลักจากกักไม่ขยับเป็นนานสอง

นาน

                ว้า…เหมือนกับแกล้งกันเลย…ไหนๆ ลงมาเดินแล้วก็ต้องเดิน...

พอปล่อยรถก็แย่งกันออกเป็นการใหญ่

               

 

 

ตรงนั้น…บนถนน…

                กุ้งแก้วเห็นเด็กขายพวงมาลับตัวเล็กๆ … อายุไม่น่าจะเกินหก

ขวบ…เดินเร่ขาย

                เจ้ากรรม…รถมอเตอร์ไซค์แล่นแซงรถเก๋งอย่างรีบร้อน…หวังจะ

ไปให้พ้นทางแยก เพราะถ้าติดไฟแดงอีกครั้ง ไม่รู้อีกนานแค่ไหน

                เป็นจังหวะ…ทั้งเด็ก…ทั้งรถ…

                เด็กจะเดินกลับมาบนฟุตบาท รถมอเตอร์ไซค์ใจร้อนตัดหน้ารถ

เก๋งคันงาม…ชนโครม

                ชนเด็ก!

                กุ้งแก้วเห็นกับตา…เพราะหล่อนกำลังมองเด็กอยู่พอดี…กำลังนึก

สงสารเด็ก…ตัวเล็กยังต้องออกมาทำมาหากิน

                พวงมาลัยในมือกระจายพื้น

                มอเตอร์ไซค์ไม่ได้หยุดดูสักนิด…กลับบิดเร่งหนี

                ว้าย…กุ้งแก้วรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็ก…ตามสัญชาตญาณที่เห็นอก

เห็นใจเด็กคนนั้น

                รถเก็งที่ถูกตัดหน้าเบรกกะทันหัน…

                หญิงสาววิ่งมาประคองเด็ก…

                เด็กหญิงยังรู้สึกตัว…แต่ร้องเจ็บขาและร้องไห้

                “ขา…ขา…หนู…ขาเจ็บ…โอ๊ย…โอ๊ย…”

                เด็กคนนี้อาจจะขาหัก

                “หนู…ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร…พี่จะพาไปส่งโรงพยาบาล”

                แล้วหล่อนก็หันซ้ายหันขวา หวังจะหาคนช่วย ต้องมีรถส่งเด็ก

ไปโรงพยาบาล

                บุรุษบนรถเก๋งราคาแพงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างกับตาตัวเอง

 

 

เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

                รถมอเตอร์ไซค์หนี…เขาจำทะเบียนรถได้ แต่ตอนนี้เขาต้องลงไป

ช่วยเด็กก่อน…มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปช่วยเด็กก่อนหน้านี้แล้ว

                เป็นคันเดียวที่จอดรถ…

                เขาก้าวลงมา…ในชุดสูท…ถอดชุดสูทโยนเข้าไปหลังรถ…แล้ว

บอกกับผู้หญิงที่ประคองเด็ก

                “ต้องรีบส่งเด็กไปโรงพยาบาล…ไปรถผมก็ได้…”

                กุ้งแก้วมองหน้าผู้มีน้ำใจ

                และแล้วหล่อนก็ชาวูบไปทั้งตัว

                เขา…เขา…ช่างคล้ายกับ…คล้ายกับ…เทพบุตร…เทพบุตรในฝัน

ของหล่อน…

                เทพบุตร…ที่ฝัน…เช้าวันนี้เอง

                เจ้าบ่าวในฝัน…

                เป็นไปได้อย่างไร…จะมีคนเหมือนกันขนาดนี้

                หล่อนมัวแต่มองหน้าเขา…ตกตะลึง

                เสียงเขาดุๆ

                “เร็วสิ…คุณไปเปิดประตูรถ…ผมจะอุ้มเด็กเอง…”

                “เอ้อ…ค่ะ…ค่ะ…” หล่อนละล่ำละลักตื่นเต้นตกใจ…และปฏิบัติ

ตามคำสั่งของเขา

                เด็กตัวเล็กนิดเดียว…อุ้มตัวปลิวมาที่หลังรถ

                “คุณขึ้นรถไปด้วยสิ…ต้องไปเป็นพยานให้ผม…ผมช่วยเด็กไม่ใช่

คนขับรถชนเด็ก”

                จะเป็นพลเมืองดี…ต้องระวังตัวเองด้วยเหมือนกัน

               

 

 

หญิงสาวละล่ำละลัก พะวงหน้าพะวงหลัง…ไหนจะเด็กที่ถูกรถชน

ไหนจะผู้ชายคนนี้…และไหนจะงานที่รอหล่อนอยู่

                หากสุดท้ายหล่อนก้าวขึ้นรถ

                เป็นคนดีก่อน…ช่วยเด็กก่อน

                ส่วนเรื่องงาน…ถ้าจะหางานใหม่อีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของ

นางสาวกุ้งแก้วเลย

 

 

                และแล้วในเวลาต่อมา...

                เมื่อส่งเด็กถึงแพทย์...กุ้งแก้วโล่งอก...บอกกับชายหนุ่มหน้า

เข้มว่า

                “ฉันต้องรีบไปทำงานแล้วค่ะ”

                เขาพูดว่า

                “เดี๋ยวสิคุณ...อยู่รอตำรวจก่อน...ผมโทร.แจ้งความแล้ว...ให้สกัดจับ

รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันนั้นด้วย...คุณอยู่ช่วยเป็นพยานให้ผม...”

                “ค่ะ...” จำต้องรับคำเสียงอ่อย...

                ผู้ชายคนนี้ดูใจเย็นนะ...แต่กุ้งแก้วร้อนใจ...

                เขานั่งรอตำรวจอย่างสบาย ผิดกับหญิงสาว...แม้แอร์ในโรง

พยาบาลจะเย็นจัด...หล่อนกลับร้อน...เดินไปเดินมาอย่างกังวล

                ตกงานอีกครั้ง...ป้ายุพินกับพี่พจมานคงหัวเราะเยาะและคงว่ายาย

เปิ่นเอ๊ย...ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง

                รอไม่นานหรอก...ตำรวจมาจัดการเรื่อง หล่อนได้ยินเขาแนะนำ

ตัวกับเจ้าหน้าที่

               

 

 

“ผมชื่อพีร์ครับ…เป็นคนแจ้งความ”

                ตำรวจขอบคุณเป็นการใหญ่…ในฐานะพลเมืองดี…และแจ้งว่า

สามารถสกัดจับผู้ทำผิดได้อย่างรวดเร็ว

                สำหรับกุ้งแก้วแล้ว…เจ้าหน้าที่ถามอะไรอยู่สองสามประโยค…

ไม่ยุ่งยากเลยเพราะคนทำผิดยอมรับสารภาพ

                พอหมดหน้าที่…หล่อนบอกกับชายหนุ่มอีกครั้ง

                “ฉันไปแล้วนะคะ…”

                “คุณรีบขนาดนี้ผมไปส่งคุณมั้ย?” เขาอาสา

                กุ้งแก้วใจเต้นแรง…

                ไม่ล่ะ…ไม่…ตอนนั่งรถพาเด็กมาส่งโรงพยาบาลหล่อนก็ใจเต้น

แทบตาย

                ช็อกที่เจอกับเทพบุตรในฝัน…แล้วยังมานั่งรถของเขา…ซึ่งเป็นรถ

ราคาร่วมสิบล้าน…นุ่ม…กว้าง…สบาย…

                หล่อนเขินแทบแย่ กลัวจะแสดงอะไรเปิ่นๆออกไป

                “ไม่ต้องค่ะ”

                “เดี๋ยวสิคุณ…”

                “คุณทำฉันเสียเวลามามากแล้วค่ะ…ฉันไปทำงานไม่ทันแล้ว

ตายแน่…วันแรกก็คงถูกไล่ออกแล้ว…โอ๊ย…ไม่ได้แล้ว…ฉันต้องรีบไป

แล้วค่ะ”

                กุ้งแก้วผละไปทันที…

                เขา…ชื่อ…พีร์…โคลงศีรษะ…

                กุ้งแก้วหน้าเสีย…เมื่อพบกับหัวหน้า…

                “วันแรกก็สายเลย” หัวหน้าเป็นสาวใหญ่วัยห้าสิบ…รูปร่าง

อ้วน…

               

 

 

หล่อนจะมาฝึกงานอยู่ในครัว

                กุ้งแก้วชี้แจงว่า

                “ขอโทษค่ะ…มาสายเพราะตื่นสาย…ตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้ว…สงสัย

ถ่านอ่อน…เลยไม่ปลุกค่ะ…”

                หล่อนซื่อเหลือเกินที่บอกความจริง…

                กุ้งแก้วถือคติ…ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนี่นา จะให้หล่อน

โกหก…หล่อนโกหกไม่เป็น

                หัวหน้าสาวใหญ่ถลึงตา

                “ตื่นสาย…ฉันรับเธอไม่ได้!”

                “และยังมีอีกเรื่องนะคะ…ฉันเจอเด็กถูกรถชน…เลยช่วยนำส่ง

โรงพยาบาล…เพื่อมนุษยธรรม ให้ฉันได้ฝึกงานที่นี่นะคะ…”

                “ไม่ได้…ที่นี่เข้มงวด”

                หัวหน้าเดินออกจากห้อง…

                กุ้งแก้วเดินตามออกมา…ขอร้องว่า

                “คุณไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเล่าใช่มั้ยคะ…ฉันช่วยเด็กจริงๆนะคะ…เลยมา

สายเป็นชั่วโมง…”

                หญิงวัยกลางคนหัวเราะ

                “อย่ามาสร้างเรื่องเป็นพลเมืองดี…ฉันไม่เชื่อ…คนที่ไม่มีความรับ

ผิดชอบทำงานโรงแรมชั้นหนึ่งที่นี่ไม่ได้…คุณก็เห็น…ที่นี่หรูหรา มีแขก

ต่างประเทศมาพัก”

                ใช่สิ…กุ้งแก้วจึงอยากทำงานที่นี่มาก

                โรงแรมใหญ่ที่มีชื่อเสียง

                ตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้ว หล่อนก็อยากมีส่วนร่วม…เป็นพนักงาน

 

 

เล็กๆคนหนึ่ง…หัวหน้าจะส่งหล่อนไปช่วยแผนกไหน…หล่อนก็พร้อม…

ได้พบกับแขกต่างชาติก็ดี...หล่อนจะได้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย…

เพราะกุ้งแก้วเป็นคนชอบเรียนรู้…และสนใจภาษาอังกฤษ

                กุ้งแก้วขอร้องหัวหน้า…ซึ่งเดินหนี…

                “ฉันช่วยเด็กขายพวงมาลัยจริงๆ…ไม่เชื่อไปสอบถาม

ที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะ…”  

                “ฉันเกลียดคนโกหก…ยิ่งโกหกให้ตัวเองเป็นคนดี…ยิ่งเป็นคน

น่ารังเกียจมาก”

                “ฉันเป็นคนซื่อค่ะ…ซื่อสัตย์…ฉันถือศีลห้า…ฉันโกหกไม่เป็น…

ดูหน้าฉันสิ…คนโกหกกับไม่โกหกอ่านออกนะคะ”

                “ไม่รับ…ไม่รับ”

                “หัวหน้าคะ”

                “มีคนต้องการทำงานมากมาย…และรู้จักรับผิดชอบมากกว่าคุณ”

                “ฉัน…”

                กุ้งแก้วอ้อนวอน เดินตามหัวหน้าสาวใหญ่…

                “ทำไมตื้อเก่งอย่างนี้…”

                ขณะนั้นพีร์…กำลังโทรศัพท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์บริเวณล็อบบี…เขา

เห็น…

                นั้น…ผู้หญิงคนนั้น…

                เพิ่งแยกกันที่โรงพยาบาลหยกๆ…

                หล่อนรีบมาทำงาน…หล่อนทำงานที่โรงแรมหรือ

                เด็กใหม่…เดินตามตื้อคุณนวล…ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกทั่วไป

                เขา…เป็นลูกชายเจ้าของโรงแรม…

                คุณอรสา…มารดาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้

               

 

 

คุณอรสามีลูกชายสองคน…กับลูกสาวอีกหนึ่งคน

                ภาส…ลูกชายคนโต…พีร์คนรอง…และสุนิสาเป็นคนเล็ก

                พีร์เห็นกุ้งแก้วเดินตามคุณนวลไปรอบๆ

                สุดท้าย…คุณนวลชนะ…

                กุ้งแก้วหน้าเสีย…ยอมแพ้เดินไปทรุดกายนั่งที่ล็อบบี เพื่อตั้งสติ

ว่ากลับบ้านจะบอกแม่และป้าอย่างไร

                ถ้าบอกกับแม่…แม่ก็ว่าไม่เป็นไรหรอก อยู่บ้านเรา…ไม่ต้อง

ห่วง ทำงานก็มีข้าวกินสามมื้อ…แต่ป้ากับพี่พจมานคงหัวเราะเยาะ

                ยายเปิ่นเอ๊ย…ตกงานตามเดิม

                งานหายากจริงๆ…กุ้งแก้วอยากมีคุณค่า…อยากทำงาน…ไม่

อยากอยู่บ้านเฉยๆขนาดไม่เกี่ยงกับงานแล้ว…รับมาฝึกงานที่นี่ จะ

ส่งหล่อนไปแผนกไหนเป็นตัวสำรองหล่อนก็ยอม

                ส่วนพีร์เขาเดินไปใกล้นวล

                “คุณนวล…”

                นวลเพิ่งจะเห็นเจ้านาย รีบพนมมือไหว้

                “สวัสดีค่ะ…คุณพีร์”

                ชายหนุ่มบุ้ยปากไปทางหญิงสาว…ซึ่งนั่งหันหลังให้ไม่เห็นพีร์คุย

กับนวล

                “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

                “อ๋อ…ชื่อกุ้งแก้วค่ะ…เป็นเด็กฝึกงาน…ดิฉันรับไว้แล้วนัดให้มา

วันนี้มาทำงานวันแรก…วันแรกก็มาสายเลยรับไม่ได้ค่ะ…แถมยังโกหก

อีกว่าไปช่วยเด็กขายพวงมาลัยที่ถูกรถชนส่งโรงพยาบาล…”

                “ถ้ารับจะให้ทำงานแผนกไหน?”

                “ส่งไปแผนกที่ขาดคนค่ะ…เป็นตัวสำรอง”

 

 

                “งั้นรับไว้…” เป็นคำสั่งสั้นๆ

                “คุณพีร์!”

                “ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก…ไม่ได้เกเร…ช่วยเด็กขายพวงมาลัยจริงๆ

ผมเห็นกับตา!”

                สั่งแล้วพีร์ก็ขึ้นลิฟต์ไปทำงาน…

                นวลงง…แต่ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย…เดินกลับมาที่ล็อบบีตรง

ที่กุ้งแก้วนั่งซึม

                หญิงสาวเงยหน้ามองสาวใหญ่…

                สองสาวมาขอพบในเวลาเดียวกัน

                เช่นเย็นนี้ เขาก็ต้องหนีก่อน            

                เหนื่อยกับงานทั้งวัน อยากพักสบายๆ จึงให้พนักงานชั้นล่างบอก

ว่าติดประชุม…ไม่ว่าง…และไปธุระ…

                สองสาวกลับจะรอ…

                พีร์จึงหนี

                เขาลงลิฟต์มาชั้นล่าง เจอกับสองสาวพอดี ต้องแก้ตัว

                “ขอโทษครับ ผมลงไปห้องน้ำ…”

                แวบเดียว…ชายหนุ่มหลบไปมุมไหนแล้ว…

                กุ้งแก้วเห็นพีร์ชัดเจน แต่อีกสองสาวเห็นแวบๆ เพราะ…พอ

สองสาวเอะใจ…ก็จะรีบตาม…

                ศศินากับลีลานุชแยกกันไปคนละทาง

                ศศินาไปถูกทาง ไปทางเดียวกับที่พีร์จะออกประตูข้าง…เพราะ

รถจอดอยู่ตรงนั้น

                พีร์เห็นศศินาก็รีบหลบ และตรงนั้นเขาพบกับกุ้งแก้ว หญิงสาว

 

 

ที่ช่วยเด็กขายพวงมาลัยที่ประสบอุบัติเหตุ

                ชายหนุ่มรีบบอกกับกุ้งแก้ว

                “ถ้ามีผู้หญิงตามมาละถามหาผม ให้บอกว่าผมไปแล้ว ไปทาง

โน้น…”

                สั่งเสร็จก็หลบเข้าข้างๆตึก ที่อยู่ห่างจากกุ้งแก้วไม่ถึงสองเมตร

                หล่อนยังเห็นเขาเลย

                เขายืนหลบเหมือนเล่นซ่อนหา

                ศศินาวิ่งตามมาแล้ว

                “เอ…เห็นหลังไวๆ แป๊บเดียวหายตัวไปไหน” บ่นพึมพำ

                มีแต่ผู้หญิงแต่งตัวเชยๆ ยืนอยู่

                ศศินาหันซ้ายหันขวาและตัดสินใจถามผู้หญิงคนนี้

                “นี่เธอ…เห็นผู้ชายหล่อๆ สง่าๆ มาทางนี้บ้างมั้ย?”

                หล่อและสง่า…

                นั่นล่ะ…เทพบุตรในฝันของกุ้งแก้วเชียว

                ทำอย่างไรดี ผู้ชายคนนั้นสั่งให้หล่อนโกหก…

                หล่อนโกหกไม่เป็น…

                โกหกก็ผิดศีลห้า

                แย่แล้ว จะทำอย่างไร?

                หล่อนจะช่วยใครดี ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย…

                “เอ้อ…เอ้อ” กุ้งแก้วตะกุกตะกัก “ไปแล้ว…ไปโน่นแล้ว…”

                สุดท้ายกุ้งแก้วโกหก…แล้วไม่สบายใจ

                ไม่มีคำว่าขอบใจสักนิด…แต่กุ้งแก้วก็ไม่อยากได้ยินคำนี้ เพราะหล่อนพูดไม่จริง

                ศศินาผละไปทันทีที่ได้คำตอบ

 

 

                กุ้งแก้วโล่งอก…

                พีร์จึงเดินออกมา เขาได้ยินทุกคำพูด…เขาเป็นคนขอบใจหล่อน

                “ขอบใจนะที่ช่วยผม”

                กุ้งแก้งเบ้ปาก สีหน้าอึดอัด

                “คุณทำให้ฉันผิดศีลห้า สั่งให้ฉันโกหก…ฉันโกหกไม่ได้ คุณรับ

ศีลห้าหรือเปล่า ข้อพูดปด…ฉันไม่ควรเลย…คุณเป็นใครก็ไม่รู้…แต่ฉัน

ต้องมาโกหกเพื่อคุณ”

                หล่อนพูดยืดยาวเพราะไม่สบายใจ…

                ท่าทางหล่อนแปลกมาก…

                พีร์ขำ…เออ…คนแบบนี้ก็มีด้วย

                “ผมแค่จะหนีผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น…โกหกไม่มีอะไรเสียหาย ถ้า

โกหกแล้วเสียหายถึงจะบาป”

                หล่อนค้อนเขา

                “ขึ้นชื่อว่าโกหกไม่ดีทั้งนั้นแหละ…เป็นคนไม่ดีแล้ว”

                ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

                “ผมผิดเอง”

                “ฉันเป็นคนพูด…ฉันผิด”

                “ผมขอโทษคุณ”

                สีหน้าหล่อนยังไม่ดีขึ้น…ขณะนั้นพีร์เห็นศศินากำลังย้อนกลับ

มาทางนี้…

                เขาตัดสินใจคว้าข้อมือกุ้งแก้วพลางกล่าวว่า…

                “ไปกับผม…คุณจะได้ไม่ต้องโกหกอีกครั้ง…”


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

Doraemon | 1 รีวิว
26/09/2014

กุ้งแก้ว แม่สาวจอมเปิ่นที่คนเขียนพยายามจะเน้นว่าเธอช่างเป็นคนดีเลยทำให้มีเสน่ห์เหลือเกิน คือความดีของเธอนั่นแหละเป็นเสน่ห์ เป็นแก่นเรื่องของสาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ซึ่งคนเขียนพยายามจะเสนอการยึดหลักความดีของผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงเธอจะไมได้สวยเลิศเลอ แต่เธอมีความดีที่สามารถเอาชนะใจผู้ชายในฝันของหลายๆคนได้ โสภี พรรณราย เป็นนักเขียนที่เราจะเห็นว่านิยายได้ทำเป็นละครบ่อยๆ ทำให้ตัวนักเขียนเองมีชื่อเสียงขึ้นมา สำหรับสาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์นั้นเดินเรื่องค่อนข้างเร็วกระชับ ฉับไว แม้จะเล่มหนา แต่ก็ไม่ยืดยาดอืดอาดบรรยายเยอะ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบ เพราะไม่ชอบอะไรที่ยืดเยื้อ พอเดินเรื่องเร็วก็รู้สึกว่านิยายมันแคล่วคล่องว่องไวอ่านง่าย สนุกสนานดี เนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้ต้องเคร่งเครียด เพราะเป็นนิยายเบาๆ อ่านเอาเพลิน ไม่ต้องดราม่าให้วุ่นวาย เนื้อเรื่องนั้นก็สนุกตามประสา โดยนางเอกนั้นก็ช่างแสนดี แม้จะเปิ่นๆเอ๋อๆ (แต่พอมาทำละครเอานุ่น ศิรพันธ์มาเล่นนี่ก็นะ แอบรู้สึกว่านางเอกเปิ่นๆ ห้าวๆ) กุ้งแก้วเองก็ถือว่าเป็นนางเอกที่น่ารักเป็นคนดี ดี๊ดี แบบฉบับนางเอก คือถ้าชอบนางเอกดีนี่จะไม่มีอะไรให้ขัดใจเลย แต่บางทีพระเอกก็ดูลอยๆ เหมือนว่าในชีวิตจริงคงไม่เจอคนอย่างนี้ง่ายๆแต่ก็นั่นแหละ นิยายก็ดีตรงที่มีชายในฝันนั่นแหละ ฮ่าๆ โดยรวมถือว่าสนุกดีใช้ได้ เหมาะแก่วันพักผ่อน และคนที่ไม่ชอบอะไรหนักๆ มีพระเอกนางเอกตัวร้ายและตอนจบที่สวยงาม

สินค้าที่ใกล้เคียง (63 รายการ)

www.batorastore.com © 2024