สองหัวใจนี้...เพื่อเธอ (จินโจว)

สองหัวใจนี้...เพื่อเธอ (จินโจว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160617173
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 309.00 บาท 77.25 บาท
ประหยัด: 231.75 บาท ( 75.00% )

รายละเอียด

สองหัวใจนี้เพื่อเธอ

 

            “ไม่ เมฆ ฉันไม่ยอมให้เมฆตาย...ฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

            เสียงร่ำไห้คร่ำครวญดังอยู่ในคอคนที่นัยน์ตายังคงปิดสนิท กำลังหลับ

คอมพับคออ่อนพิงกับพนักรถ และค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ เรียกสายตาทุกคู่ของคน

ที่นั่งอยู่ในรถให้เหลียวมองเป็นตาเดียว

                “พวกพี่ว่าพี่เกวกำลังฝันถึงอะไรอยู่” ชายหนุ่มหน้าตี๋ในชุดอาสากู้ภัย

ขยับเข้าสะกิดถามชายอีกสองคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบเดียวกัน เหลียวมอง

รอบรถกู้ภัยที่กำลังนั่งอยู่อย่างหวาด ๆ

                “ก็คงกำลังฝันถึงตอนช่วยชีวิตคนเจ็บมั้ง” กรณ์ถอนใจตอบ พลาง

เอื้อมมือไปหมายเขย่าตัวปลุกน้องสาวที่ดันหลับไม่ถูกเวล่ำเวลา แถมสถานที่

ที่หลับยังเป็นในรถกู้ภัยที่กำลังจะไปช่วยคนซะอีก

                “คุณหลวงฟังไว้นะเจ้าคะ อิฉันสาบาน...ว่าจะชังคุณหลวงไปทุกชาติ

ไม่มีวันคืนคำ!”

            ก่อนมือกรณ์จะเอื้อมถึงตัว เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกก็หลุดออกมาจาก

ปากคนที่ยังละเมอที่ไม่หยุด คนเป็นพี่สะดุ้งเฮือก สูดลมหายใจเข้า ชักมือ

ถอยขยับไปกองรวมกับแมคที่ยิ่งเบียดตัวเข้าหาปู่จนแทบจะแบนติดกับ

ประตูรถ

                “ไม่ใช่แล้วมั้งพี่กรณ์” แมคสั่นหัวดิก เหลียวไปเขย่าแขนปู่ที่หน้าดำ

หน้าแดงเพราะถูกเบียด “พี่ปู่...บอกผมที มีใครขี่คอพี่เกวอยู่รึเปล่า”

            “มี!” คนถูกถามตอบตอบเสียงดังลั่น ถูกเบียดจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว

รวบตัวพลางเบียดเข้าไปกองรวมกันยิ่งขึ้น

                เพราะลองว่าปู่ซึ่งมีสัมผัสที่หก มักมองเห็นอะไร ๆ ที่ไม่ควรเห็นยืนยัน

ขนาดนี้ แสดงว่าที่เกวลินละเมอออกมาเป็นตุเป็นตะต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่

                “มี...มีแกกับพี่กรณ์ที่ยังเบียดจนฉันจะตายกลายเป็นผีมาขี่คอพวกแก

ไง” ปู่ยันสองคนข้างหน้าออกไปสุดแรงจนล้มคว่ำไปทับเกวลินเข้าอย่างจัง

                “อะไร...เกิดอะไรขึ้น เฮ้ย!” แรงทับนั้นทำให้คนที่หลับเป็นตายสะดุ้งตื่น

เกวลินมองจ้องหน้าพี่ชายที่ผวาเข้ามาใกล้จนชิด ตกใจจนยันเขากลับไปชน

แมคล้มทับปู่ไปอีกรอบ

                “โอ๊ย!” สามคนที่ชนก้นล้มอยู่ในพื้นที่จำกัดร้องโอดโอย เป็นนานกว่า

จะลุกขึ้นนั่งกองรวมกันจ้องเกวลินเขม็ง

                “อะไร” เกวลินที่เพิ่งงัวเงียตื่นหาวหวอด เลิกคิ้วถามไม่สบอารมณ์หนัก

                “เกวจ๋า เมื่อกี้คงฝันร้ายมากใช่ไหม มา...เดี๋ยวปู่กอดปลอบ” ปู่ถาม

อย่างอาทร หลังกลับมาหายใจหายคอเป็นปกติก็ฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลัง

งุนงงตกใจ ยิ้มแต้พลางอ้าแขนขยับเข้าหาคนที่เขาแอบมีใจให้

                นัยน์ตาที่ทอดมองหญิงสาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและมั่นคง

เหมือนที่เคยเป็นมานับจากวันแรกที่พบหน้า ตั้งแต่ครอบครัวของเกวลิน

มาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเขาเมื่อหลายปีก่อน

                ยิ่งได้รู้จักพูดคุย ทั้งยังมีอุดมการณ์ชอบช่วยเหลือผู้คนจนเข้าทำงาน

ในอาสากู้ภัยเดียวกัน เขายิ่งหลงรักเกวลินหมดใจ แม้เธอจะไม่มีทีท่ามอง

เขาเป็นคนพิเศษ หรือมีพี่ชายจอมหวงสุด ๆ อย่างกรณ์ตามประกบและ

ขัดขวางเส้นทางรักอยู่ตลอด เขาก็ไม่คิดถอดใจ

                “เลือกเอา...จะหดมือกลับไป หรือจะเอาเบอร์สี่สิบสี่เน้น ๆ กลางยอดอก”

กรณ์เหยียดเท้าออกไปด้วยความเร็ว ขวางหน้าปู่ได้ทัน ก่อนมืออีกฝ่ายจะ

ทันแตะถึงตัวเกวลิน

                ว่าแล้วไหมล่ะ ปู่หน้าเจื่อน รีบเก็บมือตัวเองกลับ กระถดไปนั่งชิดติด

แมคชนิดที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอ้าปากพูดซ้ำ เป็นเพราะรู้ซึ้งถึงความหวง

น้องของกรณ์ดร เขาเลยไม่กล้าเสี่ยง

                ก่อนหน้านี้เพียงแค่คนเมาในวงเหล้าตรงร้านอาหารตามสั่งของ

หมู่บ้านผิวปากแซวเกวลินแค่นิดเดียว กรณ์ก็ฉายเดี่ยวบุกไปเอาเรื่อง

เล่นซะพวกนั้นถูกต่อยยับ ส่วนตัวเองต้องขึ้นโรงพักไปจ่ายค่าปรับข้อหา

ทะเลาะวิวาทมาแล้ว

                นับจากนั้นกิตติศัพท์ความหวงน้องสาวของกรณ์ก็เล่าลือกันไปทั้ง

หมู่บ้าน เล่นเอาไม่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ไหนกล้าเกาะแกะหรือพูดจา

แทะโลมเกวลินอีกเลย

                “หยุด อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ ให้พี่เกวลินตอบก่อนดีไหมว่าเมื่อกี้ฝัน

อะไร” แมครีบห้ามศึก อ้าปากถามเรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุดขึ้นมาก่อน

                “ฝัน?นั่นสิ...เมื่อกี้ฝันอะไรอยู่” นัยน์ตากลมโตกระพริบปริบ ๆ พยายาม

คิดแต่ก็จำไม่ได้จริง ๆ ว่าตัวเองฝันอะไร มีเพียงความรู้สึกว่างโหวงในใจ

ที่ยังคงตกค้างอยู่

                เธอยกมือขึ้นแตะตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ส่ายหน้าตอบเสียงเบา

“จำไม่ได้แล้วล่ะ แต่รู้สึกว่า...มันเป็นฝันที่เศร้ามาก”

                “เมื่อคืนอดหลับอดนอนมารึไง ถึงได้มาหลับในรถแบบนี้” กรณ์

ถอนใจด้วยความโล่งอก หันไปถลึกตาใส่ปู่เป็นเชิงขู่ไม่ให้ยุ่งกับเกวลิน

ชั่วแวบหนึ่ง ค่อยขยับกลับมานั่งที่เดิม

                “ดูหนังน่ะ” นึกถึงหนังย้อนยุคที่เปืดทีวีดูก่อนนอน เกวลินก็รู้สึก

คลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเรื่องที่ฝันมันเกี่ยวกับหนังเรื่องนั้น

                ทว่าน่าแปลกที่เธอเพิ่งดุมาเมื่อคืนแท้ ๆ แต่กลับจำเนื้อหาของหนัง

เรื่องนั้นได้ไม่ละเอียดนัก จำได้ราง ๆ ว่ามันคล้ายเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายหญิง

ในสมัยโบราณคู่หนึ่งที่เข้าใจผิดจนไม่ได้ครองรักกัน นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่

ทำให้เธอเก็บเอามาฝัน แต่ดันจำไม่ได้

                “หนังผีล่ะสิ แถมต้องเป็นผีโบราณด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ละเมออกมา

ซะหลอนขนาดนี้ คราวหลังไม่ต้องดูเลยนะ พี่จะพลอยหลอนไปด้วย

กรณ์บ่นงึกงำ”

                “อืม รู้แล้วน่า”เกวลินพยักหน้าตอบรับ คิดเห็นไม่ต่างจากคนเป็นพี่นัก

                เพราะแค่ดูไปไม่กี่ตอน เธอก็เก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะซะแล้ว เห็นที

คงจะไม่เปิดดูอีกแล้ว...น่ากลัวว่าหนังเรื่องนั้นจะสร้างมาจากเรื่องจริงซะก็ไม่รู้

                “ข้างหลังทำอะไรอยู่ เล่นซะรถสะเทือนเลย ใกล้จะถึงที่เกิดเหตุแล้ว

เตรียมตัวปฎิบัติงานกันด่วนเลย”

                เสียงเอะอะโครมครามหลังรถทำให้ใหญ่ที่นั่งข้างคนขับเลื่อนกระจก

ระหว่างตัวรถออก เอ็งเสียงเบาก่อนกำชับกำชาด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจัง

                “รับทราบ อาสากู้ภัยร่วมใจมิตรพร้อมปฏิบัติงานครับผม”

                สี่เสียงร้องประสานกัน ยกมือขึ้นตะเบ๊ะเป็นท่าเตรียมพร้อมทำงาน

แล้วพากันหัวเราะครืน ในตอนที่รถแล่นชะลอตรงไปยังสี่แยกไฟแดงซึ่งเกิด

อุบัติเหตุขึ้น

                สิบห้านาที!

                นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลานั้นแก่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูท

เรียบหรูผู้เป็นเจ้าของซึ่งนั่งอยู่หลังพวกมาลัยรถด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก

                แม้แอร์ภายในรถจะเย็นฉ่ำ แต่หัวใจธรรณธรเวลานี้ร้อนราวกับไฟลน

ทั้งหงุดหงิดทั้งเกรี้ยวกราด อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมกรรมการ

      อาวุโสภายในบริษัทที่มีขึ้นอย่างเร่งด่วนในตอนเย็น

                วาระการประชุมคือเรื่องที่ตรวจพบว่ามีการโกงเกิดขึ้น จนทำให้เงิน

ของบริษัทหายไปกว่าสิบล้าน และหลักฐานทุกอย่างก็เชื่อมโยงไปถึงทะนง...

กรรมการอาวุโสที่ทำงานตั้งแต่สมัยบิดาเขายังมีชีวิตอยู่

                ทันทีที่การประชุมยุติลง เขาตัดสินใจไล่ทะนงออกโดยไม่ลังเล แต่คน

คนนั้นนอกจากจะไม่ยอมรับ ยังพยายามปัดความผิด ยกเหตุผลต่าง ๆนานา

ขึ้นมาอ้าง ทำเอาเขาโกรธจัดมาจนถึงตอนนี้

                ยิ่งเมื่อต้องมาเผชิญรถติดก็ยิ่งหงุดหงิดจนต้องเปิดกระจกรถ ชะโงก

หน้าชะเง้อออกไปดูความเป็นไปภายนอก เพื่อมองหาสาเหตุที่ทำให้รถ

ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนมานานกว่าสิบห้านาที

                แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ลองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ตราบจนหูแว่วได่ยิน

เสียงหวอดังขึ้นเบื้องหลัง จึงเข้าใจใรทันทีว่ากลางสี่แยกคงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

                เมื่อพอรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว ธรรณธรก็ถอยตัวกลับลงพิงเบาะรถ

กดเลื่อนปิดกระจกขึ้นพร้อมพ่นระบายลมหายใจแห่งความหงุดหงิดปน

เหนื่อยหน่ายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

                นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองกระจกมองข้างไปยังกลุ่มกู้ภัยที่ลงจากรถ

มาพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตและทั้งหมดก็กำลังวิ่งจากด้านหลังรถที่ติดแหง็ก

และกำลังจะผ่านรถเข้าไปยังสี่แยกเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

                “โหย เกิดมาเป็นคนขาสั้นนี่ขาดทุนชะมัดเลย ให้ตายเถอะ”

                เพราะกระจกที่ปิดขึ้นมาไม่สนิท เสียงหวานที่บ่นออกมาด้วยความ

หงุดหงิดนั้นจึงกระทบเข้าหูคนที่นั่งอยู่ในรถเข้าอย่างจัง จากที่ไล่สายตามอง

ตามคนทั้งสี่ไปก็เหลียวกลับมามองข้างตัวทันควัน

                เจ้าของเสียงบ่นเป็นหญิงสาวใบหน้าหวานซึ้งในชุดอาสากู้ภัย เธอถือ

กล่องยามาหยุดยืนกระหืดกระหอบอยู่ไม่ห่างจากรถของเขา

                ทว่าด้วยความรีบร้อน ขณะกำลังตั้งท่าจะวิ่งต่อก็เกิดเฉี่ยวเข้ากับ

กระจกมองข้างของรถเขาพอดิบพอดี แรงชนแม้ไม่มาก แต่ทำเอาเกวลิน

หน้าเสียไปเล็กน้อย เพราะแทนที่ตัวเองจะมาช่วยคนประสบอุบัติเหตุกลับ

ซุ่มซ่ามซะเอง

                นัยต์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากลอกไปมา ขณะนึกโทษให้เป็นความผิด

ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจนทำให้รถติดเป็นแถวยาว รถกู้ภัยของเธอจึงไม่

สามารถแล่นฝ่าเข้าไป

                ใหญ่หัวหน้าทีมอาสากู้ภัยจึงเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ สั่งการให้

ทั้งหมดลงจากรถแล้ววิ่งตรงไปช่วยคนเจ็บ โดยไม่ลืมออกคำสั่งให้ต๋อง

ซึ้งทำหน้าที่คนขับเตรียมความพร้อม เพื่อจะเคลื่อนย้ายคนเจ็บไปส่ง

โรงพยาบาล

                จากนั้นกรณ์ ปู่ แมค และใหญ่ต่างก็ขนอุปกรณ์ช่วยชีวิตวิ่งตรงไป

กลางสี่แยก เร็วจนเธอที่ขาสั้นสุดต้องรีบร้อนคว้ากล่องยาวิ่งตามหลังมาแล้ว

เฉี่ยวเข้ากับกระจกมองข้างของรถคันนี้เข้า

                “ขอโทษค่ะ” แม้จะรีบแต่เธอก็ไม่ลืมหันโค้งตัว กล่าวขอโทษขอโพย

กับเจ้าของรถที่มองเห็นหน้าไม่ชัด

                ไม่ทันรู้ตัวสักนิดว่าในตอนที่เงยหน้าขึ้นมานั้น ภายในรถที่ติดฟิล์มดำ

กั้นสายตาคนภายนอกไม่ให้มองเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ธรรณธรกำลัง

มองจ้องเธออยู่ด้วยความตื่นตะลึง

                พริบตานั้นม่านหมอกสีขาวพร่ามัวพลันโหมซัดเข้าโอบล้อมตัวเขา

พลิกเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบกายจากท้องถนนคลาดคล่ำไปด้วยรถรา

หนาแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่องสูงตระหง่านให้กลับกลายเป็นบรรยากาศ

งานบุญภายในวัดอันวิจิตรงดงาม เต็มไปด้วยผู้คนนุ่งโจงห่มสไบ จูงลูกเด็ก

เล็กแดงมาเดินเที่ยวชมงานกันขวักไขว่

                ทั่วทั้วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่จากพ่อค้าแม่ขายที่ป้องปาก

ยกมือกวักเรียกลูกค้า บางแห่งมีเสียงต่อรองราคาดังขรม บนใบหน้าทุก

ผู้คนล้วนประดับรอยยิ้มแห่งความสุข ต่างโอภาปาศรัยกันอย่างมี

น้ำมิตรไมตรี

                ในช่วงเวลานั้นที่มุมหนึ่งภายในงาน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้หนึ่ง

นุ่งโจงกระเบนไหม ใส่เสื้อผ้าแพรสีเข้ม แม้เห็นเพียงเบื้องหลัง ทว่าท่วงท่า

การเยื้องย่างเต็มไปด้วยความองอาจมีสง่าราศี

                แผ่นหลังเขายืดตรง แลเห็นผมรองทรงสีดำขลับ กำลัพุ่งความสนใจ

ไปยังร้านผ้าไหมของพ่อค้าชาวจีนร้านหนึ่งอย่างตั้งใจ

                เป้าสายตาของเขาคือสตรีรูปร่างบอบบางผู้หนึ่ง นางไว้ผมทรง

ดอกกระทุ่ม นุ่งโจงห่มสมไบแพรเนื้อดีไว้นอกเสื้อ กำลังเลือกผ้าไหมอยู่ด้วย

ความสนอกสนใจ หารู้ไม่ว่ามีคนกำลังเฝ้าจดจ่อรอคอยให้นางผินหน้า

กลับมามองเขา แม้เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง

                และคล้ายกับฟ้าเป็นใจ ด้วยวินาทีต่อมาเด็กน้อยเกล้าผมจุกสามคน

ก็วิ่งไล่กันมาจากคุ้งน้ำ เฉี่ยวชนหญิงสาวเข้าพอดี

                แรงเฉี่ยวบางเบาเรียกความสนใจของนางให้หันมอง เผยให้เห็นวงหน้า

รูปไข่งดงามจับตา รอยยิ้มอ่อนหวานคลี่เปิดออกอย่างแช้มช้อย ตรึงความ

สนใจทั้งหมดทั้งมวลของชายผู้ยืนจับจ้องมองอยู่เบื้องหลังให้จบสู่ห้วงแห่ง

ภวังค์อย่างยากจะไถ่ถอนสายตาและหัวใจตนคืนกลับมา

                ‘งดงามยิ่งนัก ลุกสาวบ้านใดหนอเจ้า’

                ยามเมื่อชายผู้นั้นเอื้อนเอ่ยถ้อยประโยคหนึ่งออกมา เสียงทุ้มกังวาน

คุ้นเคยความรู้สึกกระตุกหัวใจของธรรณธรให้สะท้านไหวราวถูกระลอก

คลื่นใหญ่โหมซัด

                พริบตานั้นหัวใจเขาบีบรัดเข้าหากันจนแน่น เจ็บปวดขึ้นมาอย่าง

ไร้เหตุผล ก่อนถูกฉุดกระชากกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง!

                ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากภวังค์และตระหนักรู้ได้ใน

ทันทีว่าภาพอันงดงามที่เพิ่งพานพบมา แท้จริงแล้วเป็นเพียงฝันเหมือนเช่น

ทุกครั้ง

                และในเวลานี้หญิงสาวในชุดกู้ภัยผู้สะกดหัวใจเขาให้ถูกภาพกึ่งจริง

กึ่งฝันมอมเมา ก็กำลังวิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเกือบลับหายไปจากสายตา

                นับเป็นอีกครั้งที่ธรรมธรรู้สึกคล้ายกับหัวใจตนถูกมือที่มองไม่เห็น

ฉุดกระชากอกไปจากอก เจ็บปวดจนผลักไสเขาให้เคลื่อนตัว เปิดประตู

ถลาลงจากรถ สืบเท้าออกวิ่งตามไปติด ๆ

 

                ข้างฝ่ายเกวลินที่ไม่ทันรู้ตัวแม้แต่น้อยว่าใบหน้าตัวเองไปสะกดหัวใจ

ของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาหอบกล่องยาวิ่งไปหยุดอยู่

หน้าสี่แยกที่ตำรวจเพิ่มมาถึง และกำลังขยับเข้าประจำที่โบกรถให้เริ่ม

เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ

                ใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจ ร่างเล็กบางจึงก้าวผ่านรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวตรง

ไปสมบทกับคนอื่น ๆ ที่ข้างรถตู้ซึ่งไถลจากสี่แยกไปจอดอยู่ริมทาง และที่

ใต้ท้องรถนอกจากจะมีมอเตอร์ไซค์ถูกทับจนมีสภาพคล้ายเศษเหล็กแก้ว

ยังมีร่างของคนขี่ที่ยังติดอยู่อีกด้วย

                เดินไปสมทบได้ไม่นาน กรณ์ ปู่ แมค และใหญ่ก็สามารถช่วยกันนำ

ร่างผู้เคราะห์ร้ายออกจากใต้ท้องรถ เห็นอย่างนั้นแล้วเกวลินก็ไม่รอช้า

ตรงเข้าไปช่วยจนทั้งหมดสามารถนำร่างที่เลือดไหลอาบทั้งตัวของคนเจ็บ

ใส่เปล พาขึ้นรถที่ต๋องขับมาจอดรถรออยู่ พร้อมกับรีบร้อนก้าวขึ้นด้านหลัง

                เพียงพริบตาเดียวรถก็พุ้งทะยานจากสี่แยกมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลอย่าง

เร่งด่วน

                กว่าภารกิจช่วยเหลือคนจะเสร็จสิ้นจนหน่วยอาสากู้ภัยสามารถพา

เกวลินกลับมาส่งที่บ้าน ก็เมื่อเวลาล่วงไปจนเกือบครึ่งค่อนคืน

                ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท หญิงสาวก็กระโดดลงจากด้านหลัง โบกไม้

โบกมือล่ำลาคนทั้งหมดแล้วเปิดประตูรั้วเข้าบ้านตามปกติ

                ใช้เวลาอาบน้ำสระผมไม่นานก็เปิดประตูเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ

พร้อมกับที่หูแว่วได้ยินเสียงหมาเห่าหอนดังรับกันเป็นทอด ๆ แต่เพราะเธอ

เคยชินซะแล้วกับการที่พี่ชายต้องไปทำงานที่ผับต่อ แล้วเธอต้องอยู่บ้าน

คนเดียวมาตลอด จึงไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

                ต่อให้ระหว่างกินข้าวต้มมื้อดึกกับพวกเพื่อน ๆ อาสาฯ ปู่ซึ่งมี

ประสาทสัมผัสที่หกจะเห็นวิญญาณของผู้เคราะห์ร้ายที่ทนพิษบาดแผล

ไม่ไหว ไปเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลมานั่งอยู่ข้าง ๆ

                ทำเอาวงข้าวแตก ต้องแยกย้ายกันกลับด้วยความหวาดกลัวไปตาม ๆ

กัน เธอก็เพียงขวัญหนีดีฝ่อไปชั่วขณะเท่านั้น ไหนเลยจะเก็บมาคิดให้

ตัวเองหลอนตามไปด้วย

                เสียงหมาที่ยังหอนไม่หยุดจึงไม่อาจเขย่าขวัญเกวลินได้ เธอเหวี่ยง

ผ้าเช็ดผมในมือไปพาดลงที่ราวอย่างแม่นยำ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียง

ควานมือหยิบการ์ตูนที่อ่านค้างไว้มาเปิดดู และจมดิ่งลงไปกับฉากต่อสู้

เมามันในนั้น

                เคร้ง!

                “แหม การ์ตูนสมัยนี้มันทันสมัยเว้ย อ่านแล้วมีซาวนด์ออกมาซะด้วย

เอ๊ะ เสียงเหรอ! เกวลินไม่ทันฉุกใจคิดเมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น

ในคราวแรก เพราะมัวแต่อินไปกับเนื้อเรื่องชวนลุ้นระทึกอยู่”

                “แก๊ง!

ทว่าเมื่อเสียงขอหล่นตรงชั้นล่างดังขึ้นอีกครั้ง หนังสือก็ถูกวางลง

บนเตียง เริ่มมั่นใจไปมาอย่างใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ก็สูดลมหายใจเรียก

ความกล้าให้ตัวเอง ลุกจากเตียงไปคว้าหยิบโทรศัพท์มากำไว้ในมือ จากนั้น

ก็เหลียวมองซ้าวขวาจนไปพบเข้ากับไม้เบสบอลที่พิงอยู่ตรงมัมห้อง

ตรงไปคว้ามันมาถือไว้แล้วค่อย ๆ เปิดประตูไปที่บันไดอย่างเงียบกริบ

                “มาเลย จะเป็นขโมยหรือผี แม่จะฟาดให้หนีออกจากบ้านแทบไม่ทัน

เลย” หญิงสาวงึกงำปลุกปลอบใจตัวเองไปพลาง ตาก็เบิกกว้างไม่กะพริบ

กวาดมองฝ่าความสลัวรางภายในบ้านที่เปิดแค่ไฟหรี่ไว้ตรงหัวบันได

                แต่ละย่างเท้าที่ก้าวเดิน แต่ละมุมที่สองตากวาดมองไปล้วนทำให้

หัวใจเกวลินเต้นรัวแรงด้วยความระทึกขวัญ คล้ายตัวเองกำลังเดินสำรวจ

อยู่ในบ้านผีสิงห์ที่มีฆาตกรร้ายซ่อนตัวอยู่ก็ไม่ปาน

                ยิ่งเดินใกล้ถึงชั้นล่าง หัวใจก็เต้นรัวยิ่งขึ้น สองมือชื้นเหงื่อกำไม้เบสบอล

แน่น ยกสูงเตรียมพร้อมจะหวดอยู่ทุกขณะ ทว่าท่ามกลางความสลัวราง

ภายในห้องโถง...ที่ชั้นล่างว่างเปล่า!

                “เมี้ยว...เมี้ยว”

                ขณะตัดสินใจจะเดินเข้าไปดูในห้องครัว เสียงแมวร้องอยู่นอกบ้านก็

ทำเอาเกวลิสะดุ้งเฮือก หันขวับไปดูแล้วถึงกับพรูลมหายใจแห่งความโล่งอก

โล่งใจออกมา...ที่แท้ก็เป็นจ้าสีนวลนั่นเอง คงหิวแล้วมาขอข้าวกินอีกแล้ว

                “เจ้าสีนวลนะเจ้าสีนวล ทำเอาตกใจขวัญหนีดีฝ่อไปหมด ฟาดด้วย

ไม้เบสบอลซะดีไหมเนี่ย”

                ถึงปากจะบ่น แต่เอาเข้าจริงเกวลินใจอ่อน เดินไปหยิบถุงอาหารแมว

บนโต๊ะในห้องโถงแล้วเปิดประตูบ้านออกไปด้านนอก เพื่อให้อาหารเจ้าแมวจร

ที่มักมาขอข้าวบ้านเธอกินเป็นประจำ

                ที่หน้าบ้านแมวตัวอ้วนกลมยังคงส่งเสียงร้องอยู่บนกำแพงรั้ว เพียง

มองสบสายตาอ้อนขออาหารของมัน เกวลินก็อมยิ้ม เดินไปเทอาหารให้

และมองดูมันกินเอา ๆ อย่างมีความสุข จากนั้นก็หมุนตัวหันหลังตั้งใจ

จะเดินกลับเข้าบ้านเพื่อขึ้นไปนอนพักผ่อนซะที

                เปรี้ยง!   อยู่ ๆ สายฟ้าพลันฟาดเปลี้ยงลงมาใกล้กับต้นไม้หน้าบ้านอย่างไม่มีปี่         

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (12 รายการ)

www.batorastore.com © 2024