วิถีเถ้าแก่ Episode 3

วิถีเถ้าแก่ Episode 3

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169025795
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 180.00 บาท
ประหยัด: 20.00 บาท ( 10.00% )

รายละเอียด

หนังสือภาคต่อของ "วิถีเถ้าแก่ 1" และ "วิถีเถ้า 2" ที่ถูกอัดแน่นด้วยเรื่องที่เถ้าแก่ต้องรู้ ว่าด้วยเรื่องของ "คน" โดยเนื้อหาในเล่มนี้ ผู้เขียน "สุธี พนาวร" ได้รวบรวมเอาประสบการณ์ที่ส่วนใหญ่เจ็บปวดมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเจ้าของกิจการด้วยกัน เป็นชีวิตจริง ชีวิตที่ต้องสู้ ต้องคิด ต้องลงมือทำ ทั้งผลักทั้งดัน ด้วยเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายที่คุณเองเป็นคนตั้งเอาไว้ และสำหรับคนที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ จะได้มองภาพออกก่อนจะตัดสินใจเลือกหนทางการเป็นเจ้าของธุรกิจว่าชีวิตการเป็นเถ้าแก่เป็นอย่างไร เป็นหนทางที่คุณต้องการจริงหรือไม่ คุณควรจะเลือกเดินทางนี้หรือเปล่า อย่าให้ใครเอาภาพสวยๆ มาหลอกให้คุณเสียเวลาอันมีค่าของชีวิตไปในหนังสือ "วิถีเถ้าแก่ 3" เล่มนี้ 
 
208 หน้า
 
 
สารบัญ
Chapter 1 ธุรกิจคุณคือตัวคุณเอง
Chapter 2 ใครๆ ก็รักลูกตัวเองมากที่สุด
Chapter 3 ทำธุรกิจต้องมีกำไร
Chapter 4 ถ้าไม่เติบโต ก็คือกำลังหดตัว
Chapter 5 ขออีกนิดเดียว
Chapter 6 ใส่ใจเงินสด
Chapter 7 CFO ขี้กลัว
Chapter 8 หน้าปัดขับเคลื่อนธุรกิจ
Chapter 9 ธุรกิจคือเกม
Chapter 10 แค่ชนะก็พอแล้ว
 

รีวิว (1)

เขียนรีวิว

ภาสกร | 1 รีวิว
18/09/2013

สุดยอดอีกแล้วครับ หนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจเล่มนี้ ต้องบอกได้เลยว่าเล่มนี้เป็นหนังสือที่นักธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ทุกคนไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหนังสือเล่มนี้นั้นมีเนื้อหาที่เกิดจากประสบการณ์ของผู้เขียนล้วนๆ และแทบจะไม่ได้มีการนำเอาหลักการจากในตำรามาเล่าเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นการนำเอาสิ่งที่ผู้เขียนได้เคยพบเจอมาก่อนแล้วทั้งนั้น ซึ่งมีเรื่องผิดพลาดเยอะมากๆ ซึ่งยิ่งดีเข้าไปใหญ่เพราะอ่านแล้วจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำตาม โดยเดี๋ยวผมจะทำรีวิวของแต่ละบทให้ลองอ่านกันคร่าวๆครับ 1. ธุรกิจคุณคือตัวคุณเอง บทนี้จะเล่าว่าธุรกิจของคุณนั้นจะมีลักษณะที่เหมือนๆกับตัวคุณซึ่งเมื่อยังมีคนน้อยอยู่คุณจะสามารถนำทางบริษัทให้เป็นไปได้ตามอย่างที่คุณต้องการและเมื่อเิริ่มมีคนมากขึ้นๆ ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกกันว่าวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการผสมผสานของคนแต่ละคนที่คุณได้จ้างเข้ามา และมันจะดำรงต่อไปกลายเป็นลักษณะพิเศษของแต่ละองค์กร 2. ใครๆก็รักลูกตัวเองมากที่สุด บทนี้จะเล่าว่าคุณจะรักธุรกิจของคุณมากที่สุด แล้วใครล่ะจะไม่รักธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าเป็นพนักงานที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ(ถือหุ้น)บริษัทล่ะ เขาจะรักบริษัทไหม? แน่นอนว่าอาจจะรักนิดหน่อยแต่ไม่มีทางรักบริษัทเท่าคุณอย่างแน่นอน ความหมายของบทนี้จะบอกว่าแต่ละคนจะมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน อย่างพนักงานแค่ต้องการได้รับเงินเดือน ทำงานเสร็จก็จบๆไป ไ่ม่ได้มีความรู้สึกหรือผลประโยชน์มากเท่าเจ้าของบริษัท เพราะฉะนั้นเราควรดูที่ความต้องการของแต่ละฝ่ายให้ดีๆ supplier หรือลูกค้าก็เช่นกัน เราควรมองให้ออกว่าพวกเขาต้องการอะไร และใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุด 3. ทำธุรกิจต้องมีกำไร บทนี้เป็นบทที่ผมชอบมาก เพราะมีเนื้อหาที่ตรงใจแบบสุดขีดและเป็นสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึง(แม้จะทำธุรกิจมาตลอดชีวิต)เช่นเรื่อง ตัวเลขของบริษัท เรื่องการทำให้บริษัทมีกำไร ซึ่งมีรายได้ไม่ได้หมายความว่ามีกำไร หรือแม้แต่มีเงินสดก็ไม่ได้หมายความว่ามีกำไร (งงล่ะสิต้องอ่านเอาในเล่มจ้า) วิธีทีู่ธุรกิจจะเจ๊งมีได้หลายวิธีเช่น การสร้างงานให้พนักงานมีงานทำ(แต่บริษัทขาดทุน) เน้นสร้างปริมาณมากกว่าคุณภาพ ขายตะบี้ตะบันไม่สนใจทวงหนี้ ขายขาดทุนเพื่อกำจัดคู่แข่ง(ขายขาดทุนตั้งนานแล้วคู่แข่งมันก็ยังทนอยู่ได้) ขาดทุนจุกจิก(สินค้าบางตัวขาดทุนบางตัวกำไร แต่ตัวเล็กๆขาดทุนหลายๆตัวก็ทำให้แย่ได้เหมือนกัน) เอาใจลูกค้ามากเกินไป (ตามใจมากเกินไปต้นทุนค่อยเพิ่มขึ้นทีละนิดโดยไม่รู้ัตัว) คำนวนต้นทุนผิด(เอิ่มอันนี้เหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้แต่จริงๆแล้วพลาดกันเยอะสุดๆ) ผู้เขียนยังได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจอีกว่า ถ้าสถานการณ์มันบังคับแล้วเราควรลดราคาให้ลูกค้าหรือไม่ คำตอบคือไม่ลด เพราะอาจจะโดนต่อรองต่อไปเรื่อยๆจนกลายเป็นเราแพ้ลูกค้าชนะ แต่ถ้าเรายืนยันว่าจะไม่ลด ลูกค้าก็จะรู้ว่าเราต่อรองไม่ได้และก็อาจจะเลิกต่อรองไปเอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ถ้าบริษัทขาดทุนติดต่อกันนานๆ สรรพากรก็จะเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า ทำธุรกิจขาดทุนแล้วทำไปทำไม อ้าวว่าเข้าไปนั่น แล้วก็จะขอให้ตัดขาดทุนสะสมทิ้งอีก เพราะงั้นผู้เขียนจึงบอกว่า ทำธุรกิจต้องมีกำไร! 4. ถ้าไ่ม่เติบโตก็คือกำลังหดตัว เหตุผลเพราะ เงินเฟ้อ เพราะเจอศึกสองด้าน(รายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม) เงินเดือนพนักงานเพิ่มเร็วกว่าเงินเฟ้อ ราคาถูกกดดันจากทุกด้าน(เช่นสินค้าจากจีนอินเดีย) เหตุผลที่ธุรกิจควรต้องมีการขยายตัวคือ ทำให้เป็นที่กล่าวขวัญของสื่อ(โฆษณาฟรี) มีเงินมากขึ้น(ดูยิ่งใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นทำให้ทำธุรกิจสนุกขึ้น) มีของขายมากขึ้น(กระจายความเสี่ยง) พนักงานมากขึ้น(ทำให้ทำงานได้หลากหลายขึ้น) ลูกค้ามากขึ้น(กระจายความเสี่ยง) สาขามากขึ้น(economy of scale ทำให้สาขาต่อไปขยายง่ายขึ้น) ***ผู้เขียนได้กล่าวอีกเรื่องที่แทบจะน่าสนใจที่สุดในหนังสือเล่มนี้เลยคือ เงินนั้นไม่ได้ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเลย มันเป็นเพียงแค่ตัวเร่งให้อะไรซักอย่างเร็วขึ้นเท่านั้น ถ้าธุรกิจนั้นไม่ดีแต่แรก ใส่เงินเข้าไปก็จะทำให้เจ๊งเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ดีมาก ถ้าใส่เงินเข้าไปก็จะทำให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น***(น่าคิดใช่มั๊ย) 5. ขออีกนิดเดียว บทนี้ก็น่าสนใจอีกเช่นกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายอีกนิดเดียวซึ่งเป็นการค้นหาสิ่งที่ัยังลดได้ให้เจอแม้แต่แค่ 5% ซึ่งคำนวนดูแล้วเยอะมาก(ถึงจะดูเหมือนน้อย)ทำให้กำไรพุ่งได้เลยทีเดียว(ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นน้อยเช่นค้าปลีก) 6. ใส่ใจเงินสด เงินสดคือความอยู่รอด และสำคัญยิ่งกว่ากำไร เพราะขาดกำไรยังอยู่ได้ถ้ามีเงินสด แต่ถ้าขาดเงินสดคือม่องเท่ง ณ บัดนาว และเงินสดคือโอกาส ถ้ามีโอกาสวิ่งเข้ามาไม่มีเงินสดคือจบ แต่ถ้ามีเงินสดเราก็จะคว้ามันใว้ได้ เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจต้องมีเงินสดสำรองใว้หลายขั้นยิ่งดี นอกจากนี้การซื้อสินค้าเป็นเงินสดยังได้ส่วนลดมากกว่าปรกติ และส่วนวิธีการต่อรองเวลาไม่มีเงินก็เช่น ชะลอการจ่ายหนี้ หยุดจ่ายค่าเช่า 7. CFO ขี้กลัว ความหมายของบทนี้คือ CFO ไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไปเพราะคุมส่วนสำคัญมากของบริษัทคือคุมการไหลของเงิน ซึ่งถ้าพลาดหมายถึงตายแหงแก๋(อีกแล้ว) ยิ่งถ้า CEO มองโลกในแง่ดีบุกตะลุยทุกสถานการณ์ด้วยแล้วยิ่งต้องมี CFO คู่ใจคอยทำัตัวเป็นเบรกที่จะคอยทำให้ชลอการลงทุนลงบ้าง(ไม่ให้เร็วเกินจนพุ่งตกเขาไปเสียก่อน) 8. หน้าปัดขับเคลื่อนธุรกิจ บทนี้เกี่ยวกับเครื่องมีต่างๆที่ใช้ในการวัดสุขภาพบริษัท(เยอะมากอ่านในเล่มเอาเองจ๊ะ) 9. ธุรกิจคือเกม จะพูดถึงเรื่องที่ธุรกิจจริงๆแล้วคล้ายกับเกมออนไลน์ที่ต้องเก็บแต้มเพื่อเอาไปซื้ออาวุทใหม่ๆ ก็เหมือนกับเก็บกำไรเอาไปต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มเลเวล(ทุนสะสม)ให้สูงขึ้นๆเพื่อที่จะแข่งกับบริษัทอื่นๆ(เพื่อนๆในเกม)นั่นเองซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เกมซะทีเดียว เพราะมีอีกหลายคนต้องพึ่งเรา เช่น ลูกน้อง ซึ่งถ้าเราพลาดในเกมก็ reset ใหม่ได้หรือกลับไป load save ใหม่ แต่ถ้าพลาดในการทำธุรกิจนั่นอาจจะแก้ไม่ได้หรือแก้ได้แต่เจ็บตัวหนักและต้องใช้เวลานานมาก ผู้เขียนกล่าวว่า ให้ศึกษาจากประสบการณ์ความผิดพลาดของคนอื่นให้มาก อย่าไปลองผิดพลาดเอง(ถ้าเป็นไปได้) 10. แค่ชนะก็พอแล้ว อ่านเองในเล่มจ้า >< 11. อย่าขี้เหนียวกับข้าว ให้เลี้ยงข้าวผู้เกี่ยวข้องและใช้เวลาตอนกินคุยเรื่องธุรกิจเยอะๆ(ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์) 12. อ่านเพื่อชนะ หนังสือเล่มนี้ดีที่สุดเพราะเป็นหนังสือที่แนะนำให้อ่านหนังสือ!? ล้อเล่น ต้องบอกว่าเป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะผู้นำระดับโลกทุกคนล้วนเป็นผู้อ่าน(เยอะโคตร)ทั้งสิ้น 13. จ้างคนผิดคิดจนตัวตาย บทนี้สำคัญมากแต่ยาวมากเช่นกันและมีสิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้ต้องอ่านต้องจำเยอะสุดๆต้องอ่านเองนะจ๊ะ บทที่ 13-16 ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเรื่องคนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หุ้นส่วน การให้พนักงานออกซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญแต่เถ้าแก่น้อยคนนักจะมีความกล้าในการเอาพนักงานออกเหตุผลที่ผู้เขียนให้ในเล่มก็คือ ไม่ต้องการเป็นคนใจร้าย เป็นห่วงพนักงาน เสียดายประสบการณ์ ไม่รู้จะหาใครมาแทนได้ ไม่ต้องการยอมรับว่าจ้างคนผิดพลาด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อแก้ตัวทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วถ้าพนักงานทำงานไม่ได้จริงๆอย่างไรก็ต้องให้ออก บทที่ 13-16 นั้นสำคัญมากๆต้องอ่านในครบทุกตัวอักษรนะครับ 14. คนเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า(แต่ไม่ใช่ทุกคน) 15. ให้ออกเสียบ้าง 16. แล้วหุ้นส่วนก็จากไป หนังสือเล่มนี้เป็นสุดยอดหนังสือทำธุรกิจที่ไม่มีหนังสือเล่มอื่นมาเทียบได้เนื่องจากเขียนได้ตรงใจแบบแทงใจสุดๆ เขียนไม่เอาแต่หลักการแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีการเขียนเพื่อความสวยงามใดๆทั้งสิ้นและล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผมเองก็เคยผ่านมาบ้างแล้ว(บางส่วน) เขียนอ่านง่าย เข้าใจง่าย คือไม่รู้จะบอกอย่างไรดีเอาเป็นว่าถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้รับรองว่าคุณต้องไปลองผิดลองถูกเองและจะเสียเงินและเวลาไปอีกมาก เีทียบไม่ได้กับเวลาและเงินทองที่เพียงแค่ไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านซัก 1 วันครับ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024