ลายมนุษย์ 02 (โสภี พรรณราย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742461089-2
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 170.00 บาท 42.50 บาท
ประหยัด: 127.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

๓๙

 

                โชคดีที่พิมพิกานึกถึงประเด็นนี้ก่อน…หล่อนมีคำตอบแล้ว…และเป็นคำตอบ…เท็จ…

เพื่อวัชรพล…เพื่อคนรัก…รักและซื่อสัตย์ต่อเขาคนเดียวแม้จะตระหนักว่า…ไม่มีวันได้ร่วมชีวิตก็จะขอซื่อสัตย์จงรักภักดีเช่นเดียวกับที่บิดามีต่อเสี่ยฉัตร

“พิม…พิม…มีเรื่องจะสารภาพ…”

“บอกพ่อมาซิ…เรื่องอะไร?”

“พิม…ผิด…”

“ไม่มีข้อแก้ตัว…พ่อ…เสียใจ…”

นายปัญญาขบกรามแน่น…หน้าเครียดจัด

“เรื่องในบ้านเจ้านายวุ่นวายไม่สิ้นสุด…เสี่ยฉัตรก็อาการทรุดโดยที่ยังหาเกลือเป็นหนอนไม่ได้…ลูกก็มาก่อเรื่อง…ตามด้วยคุณศิลา…”

“พิมขอโทษค่ะ” ริมฝีปากสั่นระริก

“ลูกเอาความซื่อสัตย์ตรงไหตรงมา…ไปทิ้งไว้ที่ไหน?”

“พิมยอมรับผิด…”

บิดาโคลงศีรษะช้า ๆ

“ลูกจะดูแลการเงินไม่ได้อีกแล้ว…”

“คะ?”

“ไปลาออกซะ!”

นี่คือบิดา…ผู้ซื่อตรงและมีความละอายต่อความผิด

พิมพิกากลืนน้ำลายยากเย็น

ลาออก!

หล่อนยังต้องการทำงาน…ยังอยากอยู่ใกล้ชิดวัชรพล ถึงเขาไม่รักหล่อนขอเพียงเห็นหน้าก็ยังดี

“จำเป็นหรือคะ?”

“จำเป็น!”

“พิม…พิม…”

“เชื่อพ่อเถอะ…พิม…ลูกทำแบบนี้กรรมการทุกท่านจะต้องตำหนิลูก…”

“แต่พิมผิดครั้งเดียวนี่คะ”

“ใครรู้เรื่องนี้บ้าง?”

“คุณพล…”

“นานหรือยัง?”

“เกือบเดือนแล้วค่ะ”

“ทำไมคุณพลไม่พูด?” ประโยคนี้นายปัญญาพึมพำกับตัวเอง กลับปกปิดเป็นความลับให้ศิลา…

ผิดปกติ…นิสัยของวัชรพล

วัชรพลต้องโวยวายแน่ยิ่งกับศิลา…ผู้เป็นน้อง…

ทำไมปกปิดเป็นความลับ?

ไม่ใช่นิสัยคุณพล…ไม่ใช่…

“คุณพลจะให้โอกาสน้องชายค่ะ”

พิมพิกา…เพื่อวัชรพล หล่อนสามารถพูดปด…แต่ไม่ใช่พูดปดหน้าตาเฉย ใจหล่อนสั่นระริกตลอดเวลา ทั้งหวาดกลัว หวาดหวั่น เกรงความจริงจะหลุดปากทำให้หล่อนต้องเป็นคนคิดก่อนพูด

การพูดปดช่างทรมานหล่อนเหลือเกิน…

นายปัญญาโคลงศีรษะ

“บ้านชโยดมชักมีปัญหามาก…พ่อจะต้องสืบหาความจริงให้ได้!”

บุตรสาวสะดุ้ง…

สืบหาความจริงให้ได้!

พิมพิกาซึม…บ้านชโยดมมีปัญหา…ลูกของพ่อก็มีปัญหา…ไหนจะท้องที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ไหนจะเรื่องที่หล่อนโป้ปดมดเท็จใส่ร้ายคุณศิลาล้วนเป็นปัญหาที่หล่อนขบคิดไม่ตก

 

ปานวาดก้าวขึ้นสถานีตำรวจเกือบพร้อม ๆ กับนายปัญญา

“อ้าว…คุณปัญญา…”

“คุณปาน” นายปัญญาก้มศีรษะลงเล็กน้อยถึงอายุจะมากกว่าก็ให้เกียรติในฐานะ และตำแหน่งของปานวาดที่เหนือกว่าตน

“มาเรื่องคุณศิลาใช่มั้ยคะ?”

“ครับ…ผมเพิ่งรู้เรื่องจากพิม…”

“ปานก็เพิ่งรู้จากลิตาค่ะ ลิตาโทร.ไปบอก”

“งั้นเราไปเยี่ยมคุณสิลาด้วยกัน”

เมื่อขึ้นมาบนสถานีแล้วก็เห็นเชาวลิต ทนายความประจำบริษัทกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังแจ้งวัตถุประสงค์ขอพบศิลา

“คุณเชาวลิตครับ” นายปัญญาเรียก

ทนายความอาวุโสหันมาทักทาย

“อ๋อ…คุณปัญญา…คุณปานวาด…”

“เราจะขอเยี่ยมคุณศิลาด้วย…”

“ครับ…เดี๋ยวผมจัดการให้…”

เพียงครู่เดียว…ทั้งสามก็มีโอกาสพบกับศิลา…เพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ที่ทำให้อำนวยความสะดวกทำให้การติดต่อรวดเร็วและง่ายดาย

ศิลามองหน้าทีละคน…

เชาวลิต นายปัญญา และปานวาด

ใจของเขาปวดแปลบ ขบกรามแน่น…เขากลายเป็นผู้ต้องหาในสายตาทุกคน

เขาเชื่อว่าทุกคนทราบความผิดของเขาแล้ว…

ทั้งเล่นการพนัน ทำร้ายคนบาดเจ็บและเบิกเงินบริษัทโดยไม่ถูกระเบียบ

ศิลาสมเพชตัวเอง…

รับผิดแทนพี่ชาย!

“ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมผม” ศิลากล่าวเรียบ ๆ

ชั่วข้ามวันเดียว…ใบหน้าศิลาหมองคล้ำ…หนึ่งวันที่ไม่ได้โกนหนวดเคราที่เคยเรียบ…เริ่มเป็นสีเขียว…

แลดูแปลกตา…

ปานวาดพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นสภาพ…

คุณศิลา…คุณเปลี่ยนไป…

หล่อนอยากร้องไห้…แต่ทนระงับอารมณ์ตัวเอง…นั่งนิ่งเป็นผู้ฟังที่ดีฟังศิลาสนทนากับทนายความและนายปัญญา ล้วนแต่เป็นข้อกฎหมายที่ทนายความจะพยายามช่วยศิลา

ศิลายอมรับทุกอย่าง…

เล่นการพนัน…และยิงคนในบ่อน…!

เชาวลิตพยายามซักถาม…

คำตอบ…ที่ไม่หนักแน่น…

คำตอบ…ที่เบาหวิว

คนตอบไม่อยู่ในเหตุการณ์จะทราบได้อย่างไร…

ตอบตามจินตนาการ…

เชาวลิตงง…ปานวาดก็จับคำพูดได้หลายครั้ง…ที่เขากำกวมชวนให้เคลือบแคลงสงสัย

“ที่ว่าคนในบ่อนโกงคุณ…เขาโกงเท่าไหร่?” เชาวลิตถาม

ศิลานิ่ง…

ไม่รู้!

“ผมไม่แน่ใจ…”

“คุณไม่แน่ใจ…?”

“ครับ”

“แล้วก็มีเรื่องทะเลาะวิวาท?”

“ตอนนั้นชุลมุน”

“คุณชักปืนตอนไหน?”

“ตอน…ตอน…ผมถูกรุม…ผมป้องกันตัว…”

ปานวาดขมวดคิ้ว…

คำตอบที่ไม่มีน้ำหนัก ลังเล…และไม่แน่ใจ…

เชาวลิตป้อนคำถาม…คำถาม คำถาม

ศิลากดขมับ…หน้าเครียด…ตอบ ตอบ ตอบ

คำถามดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด…จนศิลาทนไม่ได้

“เลิกถามผมสักทีได้มั้ย!” เขาขมวดคิ้ว

ทนายความ นายปัญญา และปานวาดตะลึง

เป็นครั้งแรกที่เห็นศิลาหงุดหงิด จากคนสุขุมรอบคอบสุภาพ เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่…

“ผมจำเป็นต้องถามครับ” เชาวลิตชี้แจง “เพื่อหาทางช่วยประกันตัวและช่วยคุณสู้คดีในศาล”

ศิลาโบกมือ

“ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้นละ”

“ผมต้องทำตามหน้าที่”

“ข้อมูลที่ให้ก็พอแล้ว”

“ยังครับ ผมยังสงสัยอีกหลายประเด็น” ทนายอาวุโสสุภาพมาก เขาถือว่าศิลาเป็นเจ้านาย

ชายหนุ่มกลับโบกมือ

“ผมว่า…พอ…ก็พอ!”

เชาวลิตสบตากับนายปัญญา…

คนหลังพยักหน้า

“คุณศิลาคงเครียด ซักถามตอนนี้ก็คงเปล่าประโยชน์…เรากลับกันเถอะครับ พรุ่งนี้ประกันตัวได้ค่อยคุยที่บ้าน บางทีคุณศิลาอาจดีขึ้นในสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่ใช่ที่นี่!”

ทนายความอาวุโสเห็นด้วย

“ตกลง…งั้นเราลาคุณศิลา…”

ทั้งสองเดินออกไปก่อนโดยที่ศิลานั่งเงียบขรึมไม่พูดไม่จา

ปานวาดลุกขึ้นยืน…

ใบหน้าเครียดตวัดมองหล่อน…ปานวาดไม่เคยเห็นแววตากร้าวเครียดจัดเช่นนี้มาก่อน

“ทำไมคุณยังไม่กลับ?”

ปานวาดเชิดหน้าเข็มแข็งไม่แสดงให้เห็นว่าหล่อนสงสารเขา

“ปานขอพูดกับคุณสองสามประโยคเท่านั้นค่ะ”

ศิลาขมวดคิ้ว

“กับ…คนผิดอย่างผมยังมีเรื่องพูดเรอะ?”

“คุณเปลี่ยนแปลง…”

“ผมทำให้ทุกคนผิดหวังใช่มั้ย?” เขากัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือดแดงช้ำ

ปานวาดโคลงศีรษะ

“นั่น…ไม่ใช่ตัวคุณเลย!”

“ผม!”

“ปานไม่เชื่อ!”

ศิลาแค่นหัวเราะประชดตัวเอง

“ภาพพจน์ผมดีมาก…จนทุกคนไม่เชื่อ…ผมเป็นของผมแบบนี้…แบบที่แสนเลว…เล่นการพนัน ทำร้ายคน คุณจะเอาอย่างไรกับผมอีก ในเมื่อเห็นธาตุแท้ของผมแล้ว!”

แววตาปานวาดสงบ แม้ใจจะทุรนทุราย

“อย่าโทษตัวเองได้มั้ยคะ?”

“โทษตัวเองเรอะ…ผมทำ…ทำตัวเอง…ผมจึงต้องรับกรรม!”

“แต่ไม่ใช่คุณ!”

“ไม่ใช่ผมแล้วเป็นใคร?”

“เอ้อ…”

เขาแค่นหัวเราะอีกครั้ง

“ผมไม่ใช่คนดีนักหรอก…”

“คุณจะทำให้ลิตาผิดหวังหรือคะ…ลิตาโทร.ไปหาปาน เธอสับสนและร้องไห้…”

ศิลากัดฟัน…สะเทือนวูบ

ร้องไห้…

เขาทำให้คนรักต้องเสียน้ำตา…

อา…เจ็บปวด…

แววตาชายหนุ่มสะเทือนใจขบกรามแน่น…ไหนจะมารดา…ไหนจะคนรัก

ลิตาร้องไห้…แม่ล่ะ จะเสียน้ำตาแค่ไหน

ใจแข็งไว้…ศิลา…ก้าวมาถึงขั้นนี้ รับปากช่วยวัชรพลแล้ว ถือว่าวาจาสัตย์เป็นสิ่งสำคัญ

“คุณลิตาต้องยอมรับความจริงว่าผมเป็นคนอย่างไร!”

“คุณเป็นคนดี…”

“ดี…เอาอะไรมาวัดครับ?”

“คนภายนอกที่มองคุณ…”

“มองผมผิด…”

“ถามหน่อยเถอะค่ะ ทำไมคุณถึงเล่นการพนัน?”

“อยากเล่น”

“กรุณาอย่าประชดได้มั้ยคะ?”

“อยากเล่น…ไม่เห็นประชดตรงไหน”

“คุณศิลา…”

“กลับไปเถอะ…แค่นี้ผมก็ซาบซึ้งพอแล้ว!”

ปานวาดมองเขาอย่างคนแปลกหน้า…

ไม่ใช่…ไม่ใช่ศิลา…คนเดิมไม่ใช่…

 

“อะไรกัน!”

อรรถโวยวายกับพี่สาว…เมื่อเขาขับรถบรรทุกมาเหนื่อย ๆ และแวะมาดื่มน้ำในบ้านคุณดวงแก้ว…ทำให้ทราบเรื่องของศิลา

คุณดวงแก้วเล่าไปก็ร้องไห้ไป

อรรถโวยวายตามนิสัย

“มันไม่ใช่คนบ้าการพนันนี่หว่า และไม่ใช่คนเลือดร้อนเหมือนน้าของมันจะเที่ยวเอาปืนยิงคนเล่น”

“พี่ก็ไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจลูก…พี่ไม่สบายใจเลย…อรรถ…อาการท่านก็ทรุด…ศิลาก็มามีเรื่อง…”

อรรถบีบบ่าพี่สาวหน้าเครียด

“ถ้ามันบ้าการพนันจนถึงกับยิงคนล่ะก็ ผมจะชกมันเอาเลือดมันออก…ให้สำนึก!”

“อรรถ!”

“แต่ผมว่าหลานผมไม่เป็นคนเลวครบสูตรแบบนี้…หรือมันถูกเพื่อนเลวชักชวนไปในทางที่ผิด”

“อรรถ…ช่วยหลานด้วยนะ…ศิลาต้องถูกขังคุกมั้ย?”

“โอ้ผมก็ไม่รู้เรื่องกฎหมายซะด้วย แต่คนของเสี่ยฉัตรเยอะแยะ รู้จักกับนายตำรวจใหญ่ ๆ คงมีการประกันตัวมาสู้คดีในศาล แค่ทำร้ายคนบาดเจ็บ และเป็นการมอบตัวเองด้วย ก็เจรจากับคนเจ็บและให้ตำรวจช่วยทำคดีอ่อน ๆ หน่อย”

คุณดวงแก้วซับน้ำตา

“พี่กลุ้มใจเหลือเกิน”

“พยายามอย่ากลุ้ม…” อรรถหน้าขรึม “มันไม่ควรมีเรื่องในบ่อนเลย…เหม็นหน้าใครบอกน้ามันคำเดียว…เดี๋ยวน้ามันจะจัดการแทนให้ก็หมดเรื่อง…” เขาใจนักเลงอยู่แล้ว “ไอ้ผมเป็นคนไม่มีอนาคต จะถูกตำรวจจับก็ไม่เสียหายเท่ากับศิลา”

พี่สาวโบกมืออ่อนแรง

“อรรถ…อย่าก่อเรื่องอย่าทำให้พี่กลุ้มอีกคนนะ…พี่รับไม่ไหว…”

 

ปานวาดทานอาหารเย็นไม่ลง ข้าวในจานถูกเขี่ยไปมาจนเสี่ยชลัมนั่งร่วมโต๊ะถามขึ้น

“กลับจากเยี่ยมศิลา พ่อก็เห็นลูกไม่สบายใจ…ทำไมเรอะ ได้คุยกับเขาว่าไงล่ะ?”

บุตรสาวรวบช้อนตอบเบา ๆ

“เขาไม่เหมือนคุณศิลาคนเดิม…พูดจาเลื่อนลอยชอบกล พอถูกคุณทนายซักถามก็อารมณ์เสียหงุดหงิดค่ะ”

ท่านพยักหน้าช้า ๆ

“คงเป็นเพราะถูกคุมตัวมัง คนเราพอขาดอิสรภาพก็เป็นแบบนี้ พฤติกรรมจะเปลี่ยนไป”

“เร็วขนาดนี้เชียงหรือคะ?”

“เขาคงรับสภาพไม่ได้…”

“แต่คุณศิลาที่ปานเคยรู้จักเป็นลูกผู้ชายที่น่านับถือ น่ายกย่องชื่นชม”

“แล้วเขาก็ทำให้ลูกผิดหวัง”

ปานวาดเบ้ปากแววตาเหมือนตรองไม่ตก

“ความรู้สึกของปานยังชื่นชมเขา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ปานลังเล…ลังเลการเปลี่ยนแปลงกะทันหันซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นง่าย ๆ กับคนอย่างคุณศิลา”

“เพราะใจลูกยังค้านกันอยู่ลึก ๆ ลูกคงผิดหวัง แต่ก็พยายามแย้ง…พยายามจะคิดว่าเขาเป็นคนเดิมน่ะสิ”

“ปานรู้สึกเรื่องนี้มีเบื้องหลังค่ะ…”

“ปาน…อย่าชื่นชมศิลาจนลืมนึกถึงความผิดชอบชั่วดี และการกระทำที่เป็นตัวบ่งบอก…ศิลากำลังแสดงธาตุแท้ออกมา…เราจะได้รู้นิสัยแท้ ๆ ของเขาสักที”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024