ลงทุนอย่าง VI พันธุ์แท้ 2 : วัดพลังหุ้น

Tepnoparit |
18/09/2015

ในเล่มจะเป็น checklist ต่างๆสำหรับตรวจสอบหุ้นแล้วให้คะแนน ผมว่าบางมุมมองมันซ้ำกันไปหน่อย อ่านแล้วเอาเป็นแค่แนวทางก็พอครับ ตัดลงลงให้เหลือน้อยหน่อย ใช้งานง่ายๆ น่าจะดีกว่า อ่านเก็บ idea ครับเล่มนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ใช้การวัดแบบนี้

ภาสกร |
23/08/2013

โอ้วววววววววววววววววววว ไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดก็ได้เจอหนังสือ vi พันธ์แท้ (สมชื่อจิงๆ) ที่กล้าบอกว่าคำว่า "เล่นหุ้น" นั้นเป็นเหมือนการ เล่น ไม่ได้จริงจัง ทั้งๆที่ใช้เงินจริง มันควรที่จะเป็นการลงทุนในธุรกิจมากกว่า เพราะฉะนั้นหนังสือทุกเล่มที่ใช้คำว่า "เล่นหุ้น" นั้นล้วนแล้วแต่ไม่ใช่หนังสือการลงทุนที่แท้จริง แต่กลับแค่เล่นๆเสียมากกว่า XD ผู้เขียนได้บอกว่าการศึกษาแนว vi ในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถหามูลค่าหุ้นให้ออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นักลงทุนแนวนี้ส่วนใหญ่ก็จะดูข้อมูลเยอะมากแต่ไม่สามารถนำมาประมวลให้เป็นคะแนนได้ โดยภายในหนังสือเทพเล่มนี้ได้แนะนำวิธีการใหม่ล่าสุดที่บอกได้เลยว่าถ้าอ่านแล้วต้องนับว่าเป็นเทคนิคในการหามูลค่าธุรกิจที่น่าสนใจที่สุดวิธีหนึ่ง วิธีดังกล่าวคือการแบ่งคุณภาพหลักของหุ้นออกเป็น 4 ข้อ คือ 1. ความแข็งแกร่งของธุรกิจ 2. การเติบโตของธุรกิจ 3. การบริหารจัดการ 4. ความดึงดูดของราคา และได้แบ่งย่อยออกมาอีกเป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนอีก 46 ข้อภายใต้ 4 ข้อใหญ่นี้ 1. ความแข็งแกร่งของธุรกิจ สภาพและแนวโน้มของอุตสาหกรรม สถานการณ์การแข่งขัน ความเป็นผู้นำตลาด อำนาจในการกำหนดราคา ความสามารถในการต่อรองต้นทุน ไม่มีสินค้าหรือบริการทดแทน แบรนด์ อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด ภัยคุกคามจากกฏข้อบังคับต่างๆ ระยะเวลาที่อยู่ในธุรกิจ ไม่ขยายธุรกิจแบบไม่เหมาะสม การกระจายตัวของลูกค้า การกระจายตัวของทำเลขาย การกระจายตัวของทำเลการผลิต อันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศ การสนับสนุนจากบริษัทแม่ โครงสร้างเงินทุนของบริษัท ความสามารถในการจ่ายหนี้ สภาพคล่องของบริษัท สัญญาณเิชิงลบในงบดุล กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน การลงทุนขนาดใหญ่ 2. การเติบโตของธุรกิจ การเติบโตของยอดขาย การเติบโตของกำไร อัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ อัตราส่วน roe ส่วนแบ่งตลาด การจ่ายเงินปันผล ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา สิทธิประโยชน์ทางภาษี นโยบายและศักยภาพในการเติบโต การซื้อหุ้นคืน การเพิ่มทุนหรือออกวอแร็นต์ การซื้อหรือตัดขายธุรกิจ 3. การบริหารจัดการ การฉ้อฉลของผู้บริหาร ผลประโยชน์ทับซ้อน พฤติกรรมน่าสงสัย โครงสร้างการถือหุ้น การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น โครงสร้างการบริหารและบทบาทของผู้บริหาร คุณภาพของผู้บริหาร การจัดการในภาวะวิกฤต บรรษัทภิบาล 4. ความดึงดูดของราคา ความน่าสนใจของราคา โดยวิธีคิดก็คือจะให้คะแนนแต่ละหัวข้อ ว่า ได้คะแนน หรือ ไม่ได้คะแนน เท่านั้นแล้วก็นำเอาจำนวนหัวข้อที่ได้คะแนนมาหารจำนวนหัวข้อทั้งหมดในหมวด ทำทั้งหมด 4 หัวข้อหลัก ก็จะได้ออกมาเป็นคะแนนของแต่ละหัวข้อ เช่น 1. ความแข็งแกร่งของธุรกิจ ได้คะแนน 12 จาก คะแนนเต็ม 23 2. การเติบโตของธุรกิจ ได้คะแนน 7 จาก คะแนนเต็ม 13 3. การบริหารจัดการ ได้คะแนน 8 จาก คะแนนเต็ม 9 4. ความดึงดูดของราคา อันนี้ลองอ่านดูภายในเล่มครับ เพราะเยอะมาก (อันนี้ผมให้ตัวอย่างคร่าวๆ)ว่ามันน่าสนใจอย่างไร เราก็นำมาพล็อตเป็นแท่งเทียนให้สวยงามก็เหมือนกับเกจวัดพลังในเกมภาษาเลย (โอ้วววว่าเข้าไปนั่น) วิธีนี้ดีตรงที่เราได้นำเอาสิ่งที่สำคัีญส่วนใหญ่ในการหามูลค่าหุ้นแล้วให้น้ำหนักกับมันเท่าๆกัน แล้วคิดคำนวนออกมาให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ไม่ใช่ดูข้อมูลแล้วก็มึนส์ๆ สรุปว่าบริษัทนี้ดีจริงๆหรือป่าว เพราะแต่ละบริษัทก็มีข้อดีข้อด้อยต่างๆกันไป บางบริษัทดีตรงที่คู่แข่งน้อย บางบริษัทดีตรงรับเงินก่อนจ่ายทีหลัง บางบริษัทดีตรงมีลูกค้าหลากหลาย แล้วเราจะคำนวนคะแนนรวมได้อย่างไร วิธีนี้อาจจะแก้ปัญหาโลกแตกของ vi หลายๆคนได้ครับ ทางที่ดีที่สุดต้องลองครับ ^^" ที่เขียนรีวิวมานี้เป็นเพียงแค่หัวข้อของเกณฑ์แต่ละอันเท่านั้นครับ ภายในหนังสือเทพเล่มนี้(อีกแว้วอิอิ)จะมีคำอธิบายอย่างละเอียดและตรงประเด็นสุดๆสำหรับแต่ละเกณฑ์ด้วยครับ บางข้อน่าสนใจมาก เพราะนักลงทุนมีโอกาสมองข้ามสูงมากครับ อย่างเ่ช่นผมเอง มองข้ามพวกนี้บ่อยมากๆครับ - อำนาจในการกำหนดราคา ข้อนี้น่าสนใจมากว่าพวกเราจะดูมันออกได้แค่ไหน ส่วนผมบอกได้ว่ายังดูไม่ค่อยออกเลยครับ ว่าสินค้าตัวไหนขึ้นราคาแล้วคนยังต้องใช้ (ยกเว้นคอมโมนะครับ) -ความสามารถในการต่อรองต้นทุน ข้อนี้ผมก็ดูไม่ค่อยออกเหมือนกันครับ อาจจะดูได้คร่าวๆว่าเป็นเจ้าใหญ่หรือป่าว แต่สุดท้ายแล้วบางเจ้าอาจจะมี leverage ที่เราอาจจะไม่รู้กับ supplier ก็ได้ครับ - ไม่มีสินค้าหรือบริการทดแทน อันนี้ก็ดูยากอีก เพราะตอนนี้ไม่มี ในอนาคตอาจจะมี >< - อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด ข้อนี้ต้องดูให้ดีเชียวบางธุรกิจเหมือนจะขายสินค้าที่เป็นที่ต้องการมากแต่ไปๆมาๆคู่แข่งเริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด หรือมีเจ้าใหญ่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาตัดราคากันกระจายเพราะเข้ามาแ่ข่งง่ายมากๆ คิดแล้วสยองครับ = = - ภัยคุกคามจากกฏข้อบังคับต่างๆ ยอมรับว่าไม่เคยศึกษาเรื่องกฏหมายของอุตสาหกรรมที่ธุรกิจที่เราลงทุนอยู่ต้องทำตาม ถ้ามีปัญหาขึ้นมาล่ะก็อาจจะเปลี่ยนพื้นฐานได้อย่างมโหฬารบานตะไทเลยทีเดียว - การกระจายตัวของทำเลการผลิต อันนี้ในภาวะปรกติอาจจะไม่มีใครสนใจแต่ถ้าน้องน้ำมาอีกรอบละ็ก็(ซึ่งรอบหน้าอาจเป็นแผ่นดินไหวครับ ^^") โดยรวมแล้วเป็นหนังสือแนว vi ที่ต้องบอกว่าพันธ์แท้ 120% ที่ดีมากๆอีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียวครับ