พฤติกรรมการอ่านและซื้อหนังสือ ภาค 2


ซื้อหนังสือ ตอนที่2

            มาต่อจากคราวที่แล้วหลังจากที่ผมได้ติดใจการสั่งซื้อหนังสือจาก amazon เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็จะมาบอกเล่าถึงพฤติกรรมการสั่งต่อไปครับ โดยผมจะค่อยๆเลือกหนังสือที่ผมจะซื้อแล้วใส่ในตะกร้าทีละเล่มสองเล่มครับ ถามว่าแล้วไปทราบชื่อหนังสือที่อยากจะซื้อได้จากที่ไหนน้า? คำตอบคือจากหลายที่ครับ เช่น การอ่านหนังสือภายในเล่มจะมี reference ไปหนังสือเล่มอื่นครับ เช่นอ่านหนังสือของวอเร็นบัฟเฟต์ภายในก็จะมีกล่าวถึงหนังสือของ เบน เกรแฮม เป็นต้นครับ นอกจากนี้ amazon ก็ยังมีระบบ recommendation (ที่น่าจะตรงมากๆ) อีกด้วยครับ เช่น ถ้าเราจะซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ระบบมันจะช่วยจับคู่กับหนังสืออีกเล่มที่มีเนื้อหาคล้ายๆกันครับ ทำให้เวลาผมจะซื้อหนังสือเล่มนึง อาจจะลองกดคลิกไปดูเนื้อหาของหนังสืออีกเล่มได้ไม่ยากครับ นอกจากนี้ยังมีแถบเลื่อนไว้ใช้ดูหนังสือที่เขาแนะนำว่าลูกค้าคนอื่นชอบซื้อ ไปพร้อมกับหนังสือที่ผมดูอยู่ครับ ตรงนี้ก็ทำให้ผมเห็นหนังสือที่คล้ายๆกับหนังสือที่ผมกำลังสนใจจะซื้ออยู่ เยอะมากครับ เวลาผมจะสั่ง 1 ครั้งนั้น ผมจะรวบรวมหนังสือให้ได้อย่างน้อย 8 เล่มครับ ค่อยสั่ง โดยบางทีนั้นอาจจะมากถึง 20 เล่มเลยก็ได้ ซึ่งสั่งบางทีเฉียดหมื่นครับ ถามว่าทำไมถึงสั่งเยอะขนาดนั้น ไม่ทยอยสั่งล่ะ คำตอบคือเพราะค่าส่งครับ สั่งเล่มเดียวโดนค่าส่งไม่คุ้ม ถ้าสั่งเยอะขึ้นจะคุ้มกว่าครับ สำหรับคนไทยที่ไม่ได้มีเว็บยอดเยี่ยมแบบ amazon มาเปิดให้บริการในประเทศนั้นคาดว่าเสียโอกาสมากๆ เพราะถ้าสั่งจากเมืองไทยไป amazon ไม่มีบริการส่งฟรีครับ ตอนนี้เราก็คงต้องใช้บริการบางเว็บที่อาจจะยังสู้ทางต่างประเทศไม่ได้ไปก่อน แต่ถ้าวันนั้นมาถึง วันที่มีเว็บสุดยอดมาเปิดในประเทศเราบ้าง ผมจะต้องไปเป็นลูกค้าอย่างแน่นอน โหะๆ โดยเฉลี่ยแล้วปีนึงผมจะสั่งประมาณ 3-4 รอบเลยทีเดียว ครับ และเรื่องราวมันก็จะกลับมาพลิกผันอีกรอบแล้วครับ โปรดติดตามย่อหน้าต่อไปนะครับ

            มาถึงแล้วคร้าบบบบ พฤติกรรมการอ่านและซื้อหนังสือ ภาค 2 ตอนที่ 2 ครับ ผมได้ทำการสั่งซื้อนังสือผ่านทางอินเตอร์เน็ตมาเป็นเวลาประมาณ 2-3 ปีก็ได้ถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกรอบหนึ่งครับ รอบนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียวครับ หลังจากที่ต้องซื้อหนังสือจากต่างประเทศและต้องเสียค่าส่งทีละถึง 2,000-3,000 บาท! สุดยอดเลยแถมสั่งไปแล้วตั้งน่าจะเกือบๆ 10 ครั้งได้ครับ รอก็นานอีกต่างหาก สรุปว่าเรื่องราวมันก็เกิดจากความบังเอิญอีกแล้วครับ คือว่ามีอยู่วันหนึ่งผมได้ไปสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวและได้เจอญาติ คนหนึ่งได้นำสมุดดำๆอันหนึ่งติดไปด้วยผมเลยถามดูว่ามันคือสมุดอะไรน้อ... ปรากฎว่ามันไม่ใช่สมุดครับ มันคือเครื่องอ่าน ebook ที่ชื่อว่า kindle ที่เป็นของ amazon (อีกแล้ว) ผมเลยขอลองดูหน่อยสิมันเป็นยังไงบ้าง ปรากฎว่าสุดยอดเลยครับ เปิดดูแล้วตัวหนังสือที่โผล่ขึ้นมามันไม่เหมือนกับใน ipad ซักนิดเดียว ซึ่งเวลาอ่านใน ipad นานๆมันจะแสบตา และปวดตาอีกต่างหาก แต่ใน kindle นั้นจะเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ตัวอักษรเหมือนกับหมึกที่เราอ่านบนหนังสือจริงๆ เลยครับ เห็นแล้วตะลึงกันไปเลยทีเดียว คราวนี้ผมเลยไปหาข้อมูลเพิ่ม เกี่ยวกับเครื่องอ่าน ebook ของ amazon ครับ! และได้ศึกษาเกี่ยวกับไอ้เจ้าเครื่องอ่านตัวนี้อย่างละเอียดพอสมควรเลยที เดียว ทั้งเรื่องความสะดวกในการอ่าน อ่านนานๆแล้วแสบตาหรือไม่ ทั้งเรื่องราคา และการซื้อ ebook เพื่อดาวน์โหลดมาอ่านใน kindle ว่าต้องไปโหลดจากที่ไหน (โหลดใน amazon) รวมไปถึงราคาของ ebook แต่ละเล่ม (ซึ่งบางเล่มก็ขายแพงกว่าหนังสือปรกติ และบางเล่มก็ขายถูกกว่ามาก) จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจสั่งซื้อไอ้เจ้าเครื่อง kindle นี้ผ่านทางร้านบนอินเตอร์เน็ตอีกเช่นเคย... ราคาจำไม่ค่อยได้แล้วครับ แต่อยู่ที่ประมาณ 3,000-4,000 บาท เท่านั้นถือว่าถูกมาก เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วแค่ไม่ต้องเสียค่าส่งหนังสือที่สั่งครั้งละ 2,000 บาท สั่งแค่ 2 ครั้งก็เกินมูลค่าเครื่อง kindle แล้ว เมื่อได้ เครื่อง kindle นี้มา ผมก็ไม่รีรอครับ รีบลองสั่งซื้อ ebook บน amazon มาลองอ่านดูเลยทันที ปรากฏว่ามันง่ายมากจอร์จ เพราะกดปุ่มเดียว เอาเครื่อง kindle ไปวางไว้ใกล้ๆกับ wifi มันก็จะโหลดหนังสือเล่มที่ผมเพิ่งซื้อไปเมื่อ 10 วินาทีที่แล้วเข้าเครื่อง kindle โดยอัตโนมัติ สรุปรวมเวลาตั้งแต่สั่งซื้อหนังสือกับตอนได้อ่านหนังสือคิดอย่างไรก็ไม่เกิน 5 นาทีครับ! จากที่เมื่อก่อนต้องรอถึงประมาณ 3 สัปดาห์ ที่สำคัญถูกกว่าด้วยทั้งค่าส่ง ทั้งค่าหนังสือ นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านและซื้อหนังสือไปอย่าง สิ้นเชิงโดยแต่ละช่วงใช้เวลาการเปลี่ยนผ่านไม่นานนักครับ เนื่องจากมีตัวกระตุ้นอย่าง amazon นี่เองที่ทำให้หนอนหนังสืออย่างผมต้องกลายพัฒนากลายเป็นผีเสื้อหนังสือไป อย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ

            สรุปแล้วพัฒนาการมีสองช่วงหลักๆครับ คือเริ่มจากการซื้อหนังสือผ่านหน้าร้านหนังสือ แล้วกลายเป็นการสั่งซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ต สุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นการซื้อในรูปแบบ ebook ครับ คราวหน้าเราจะมาลองวิเคราะห์ดูกันว่า ทำไมที่ต่างประเทศเค้าเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านและซื้อหนังสือกันอย่างโครม คราม แต่ทำไมบ้านเรายังต้วมเตี้ยมตามเขากันไม่ทันซะทีนะครับ ผมกำลังคิดว่าถ้าพฤติกรรมของผมเปลี่ยนไปในทางการสั่งซื้อของออนไลน์นั้นแล้วคน อื่นๆ หล่ะ? คาดว่าไม่ช้าก็เร็วครับจะต้องมีการเปลี่ยนข้างมาซื้อแบบผมกันพอสมควร ยิ่งถ้ามีเว็บไหนที่ทำได้ดีมากๆ อย่างไรก็ต้องขายดีแน่ๆครับ โดยเฉพาะถ้าทำ 3 สิ่งที่ผมจะชั่งน้ำหนักเวลาเลือกระหว่างการซื้อทางหน้าร้านกับการซื้อทางออนไลน์ได้ดีละก็ ยิ่งไม่ต้องคิดเลย 3 สิ่งที่ผมว่านั้นก็คือ ตัวเลือกที่เยอะ ราคาที่ถูกกว่า และการส่งที่รวดเร็วและไม่ผิดพลาด


www.batorastore.com © 2024