Customer Reviews

คำคมเศรษฐี
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้นั้นจะมีเนื้อที่ผสมกันระหว่าง คำคม กับ เรื่องราว(ที่ไม่ทราบว่าจริงหรือแต่งขึ้น)ของเหตุการณ์ทีเ่กี่ยวกับการเก็บเงิน การทำงาน คุณสมบัติของเศรษฐี โดยเรื่องราวจะสั้นๆอ่านง่าย แต่ก็ไม่ได้มีความลึกซึ้งซับซ้อน อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่มีความรู้เยอะอยู่แล้ว แต่กลับเหมาะกับมือใหม่ที่อ่านหนังสือไม่ได้นานๆ หรือไม่ค่อยมีความรู้ด้านการลงทุนหรือเก็บเงินเท่าไหร่นัก

มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมมองไม่ตรงกับเนื้อหาภายในเล่ม เช่นเรื่องการลงทุนในทอง ซึ่งผู้เขียนได้กล่าวว่าไม่มีวันขาดทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จริงเลย(รบกวนผู้อ่านรีวิวดูกราฟทองย้อนหลัง 30 ปี) มีระยะเวลาที่ทองแทบจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนเลย แถมยังไม่มีเงินปันผล ถ้าคำนวนผลตอบแทนทบต้นต่อปีแล้ว แทบจะพอๆกับเงินฝากธนาคารด้วยซ้ำ

และมีเนื้อหาอธิบายบัญชีเล่นหุ้นแบบ มาร์จิ้นซึ่งก็ให้ข้อมูลที่ผิดพลาด (ภายในเล่มจะบอกว่ากู้เงินมาเล่นต้องมีกำหนดการขายหุ้นภายในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งจริงๆแล้วต้องดูที่มูลค่าว่าลดลงเท่าไหร่ ลดลงเกินที่กำหนดหรือไม่ แต่ไม่มีกำหนดเวลาการขาย)

เนื้อหาค่อนข้างน้อย อ่านไม่กี่ชั่วโมงก็จบ เมื่อเทียบกับราคา 220 บาทแล้ว ในความคิดผมคิดว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นความรู้ใหม่ๆ(ที่ถูกต้อง)อาจจะยังไม่สามารถเทียบกับหนังสือเส้นทางสู่เศรษฐี(ไม่ว่าทางไหนก็ตาม)เล่มอื่นๆได้เท่าที่ควรครับ
บันทึกการลงทุน
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 09 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือบันทึกการลงทุนเล่มนี้ เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำบันทึกการลงทุนโดยการใช้โปรแกรม Excel ในคอมพิวเตอร์ เพื่อทีืจะได้ทราบว่าผลการลงทุนของเรานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ มีเงินปันผลรวมแล้วปีนึงๆได้กี่บาท พอร์ตเราโตปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนส่วนใหญ่นั้นอาจจะยังไม่เคยทำอย่างจริงจัง หนังสือเล่มนี้จะอธิบายเทคนิคการสร้างตารางอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ทั้งตารางพอร์ต ตารางเิงินสด และตารางหุ้น

ถ้าเราไม่ทำโดยอาจจะทำแค่คร่าวๆ ก็อาจจะพอไปได้เพียงแต่ไม่ละเอียดเพียงพอ และอาจจะผิดพลาด เพราะหุ้นนั้นมีการจ่ายปันผล และเราอาจจะนำเอาเงินปันผลนั้นไปซื้อหุ้นต่อ อีกอย่างก็คือ เราอาจจะมีการใส่เงินเข้า หรือดึงเงินออกจากพอร์ตของเราหลายครั้งในระยะเวลา 1 ปี ทำให้อาจจะเข้าใจผิดว่าพอร์ตโตขึ้นหรือลดลง ซึ่งจริงๆแล้วเกิดจากการใส่เงินใหม่หรือดึงเงินออกมาใช้จ่าย นี่คือเหตุผลที่ตารางที่ถูกต้องจะช่วยการคำนวนผลตอบแทนได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

สำหรับวัตุประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ในการช่วยบันทึกการลงทุนนั้นผมอาจจะให้คะแนนหนังสือได้สูง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการได้ความรู้ใหม่ๆจากหนังสือเล่มนี้นั้น ต้องขอบอกตรงๆว่ายังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตื้นและง่ายจนเกินไป
คัมภีร์ VI ลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่า
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 09 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ต้องยอมรับว่าผู้เขียนทั้งสองท่านนี้มีประสบการณ์ในการลงทุนแบบ VI มาอย่างโชกโชน และได้ตกผลึกทางความคิดในระดับสูงทีเดียว หนังสือเล่มนี้นั้นมีเนื้อหาเยอะมาก แถมยังละเอียด และอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย แม้ว่าจะมีการคำนวนในระดับนึง แต่ก็ยังไม่ซับซ้อนจนเกินไป และเป็นการคำนวนที่จำเป็นกับการลงทุนในหุ้นอย่างมาก เช่นการ หา ROA ROE ซึ่งค่าต่างๆเหล่านี้เป็นตัวเลขหลักที่จะบอกความสามารถในการนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนในระดับที่ต่างๆกันทั้งสูงและต่ำ

หนังสือหุ้นที่ออกมาอย่างมากมายในปัจจุบันนั้น มีผสมกันไปทั้งแนวเก็งกำไร แนว vi (ลงทุนแบบมองหุ้นเป็นบริษัท) แนวเล่าประสบการณ์ส่วนตัว แนวลงทุนในกองทุน แนวเทคนิคการเก็บเงิน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งอาจจะทำให้ผู้อ่านแต่ละท่านต้องคิดหนักในการเลือกซื้อหนังสือ สำหรับหนังสือ คัมภีร์ VI เล่มนี้ เป็นหนึ่งในหนังสือหุ้นแนว VI เล่มหนึ่ง ที่มีเนื้อหาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้การลงทุนในหุ้น โดยหลักการสำคัญคือ การมองหุ้นเป็นบริษัท โดยผลตอบแทนในการลงทุนจะเป็นไปตามผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจต่างๆของบริษัทนั้นๆ ซึ่งหลักการที่ผู้เขียนได้นำมาใช้ เกิดจากการศึกษาจากนักลงทุนระดับโลกหลายคน เช่นวอเร็น บัฟเฟต ปีเตอร์ลินช์ จอห์น เทมเปิลตัน

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนมี commonsense สูงมากและเป็นนักลงทุน VI แบบ 100% (ดูได้จากเนื้อหา) ทำให้ผู้ที่ต้องการหาหนังสือแนว VI ล้วน แน่ใจได้เลยว่า ท่านจะได้หนังสือแนว VI จริงๆ ซึ่งสำหรับหนังสือบางเล่มที่เขียนใว้ว่าแนว VI แต่แท้จริงแล้วภายในเนื้อหากลับไม่ใช่เต็มร้อย ซึ่งทำให้เสียเงินไปโดยไม่ได้ความรู้จากหนังสือเท่าที่ควร ข้อดีอีกอย่างคือตัวหนังสือไม่ใหญ่ ไม่มีรูปประกอบ ทำให้ได้ความรู้แบบเต็มๆไปเลย เนื้อหาแต่ละบทก็ไม่ค่อยซ้ำกัน การวิเคราะห์หุ้น จะกลายเป็นการวิเคราะห์ทางธุรกิจ ไม่ใช่มัวแต่ไปคิดตัวเลข P/E อะไรต่างๆ ที่จริงๆแล้วเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการดูความถูกแพงของหุ้นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเราควรต้องดูด้าน qualitative (ด้านคุณภาพไม่ใช่ด้านตัวเลข) ให้มากเสียมากกว่า

เนื้อหาที่ผมชอบหลักๆเป็นเรื่องการหามูลค่าของตัวธุรกิจ ซึ่งหาได้หลักๆจากการมอง ROA ซึ่งจะบอกว่าธุรกิจนั้นสามารถทำผลตอบแทนได้สูงหรือไม่ซึ่งต้องดูติดต่อกันหลายปี โดยดู business model ว่ายั่งยืนหรือไม่ รายได้มีการเติบโตหรือไม่ และต้องดูว่าธุรกิจนั้นๆมีคูเืมืองที่แข็งแกร่งใว้คอยป้องกันคู่แข่งให้เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือไม่ สำหรับธุรกิจที่ดีนั้นก็จะทำให้หุ้นดีไปด้วย ซึ่งนักลงทุนไม่ควรดูที่ราคาหุ้นเป็นหลัก แต่ควรคำนวนหามูลค่าโดยประมาณของบริษัทนั้น เพื่อนำไปเทียบดูกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน เพื่อดูว่ายังมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปจนถึงมูลค่าที่เราคิดออกมาได้หรือป่าว

เรื่องการคำนวนต่างๆ ไม่เยอะจนเกินไปและไม่ยากจนเกินไป ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่นักเก็งกำไรไม่สนใจเพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าหุ้นเป็นธุรกิจ แต่สำหรับนักลงทุนแล้วถือเป็นพื้นฐานของพื้นฐานเลยทีเดียว

ภายในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งออกเป็นบทย่อยๆ บทละ 2-4 หน้า ทำให้แบ่งการอ่านเป็นวันละบทได้อย่างสบาย เหมาะสำหรับคนที่อ่านหนังสือไม่ได้นาน

ให้เงินทำงาน
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 06 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ถ้าดูจากชื่อหนังสือเล่มนี้แล้ว (ให้เงินทำงาน) และดูจากการออกแบบหน้าปกที่เป็นรูปการ์ตูนอีก คงจะทำให้ผู้อ่านหลายๆท่านคิดไปว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเรื่องการลงทุนที่มีภาพเป็นการ์ตุน ตัวหนังสือน้อย ไม่ค่อยมีตัวเลข อ่านเข้าใจง่ายๆ เหมือนหนังสือลงทุนหรือการเก็บเงินเล่มอื่นๆที่มีขายกันเยอะแยะในปัจจุบัน

แต่ต้องบอกว่าคิดผิดครับ!!! หนังสือเล่มนี้นั้นเป็นหนังสือที่อ่านยากสุดๆ(ในความคิดผม)และนอกจากอ่านยากแล้ว ยังเป็นหนังสือที่ค่อนข้างเฉพาะทางมาก ยิ่งถ้าใช้ชื่อหนังสือว่า ให้เงินทำงาน คนส่วนใหญ่ก็ต้องคิดว่าเป็หนังสือการเอาเงินไปลงทุนกองทุน เอาเงินไปเล่นหุ้น เอาเงินไปทำธุรกิจ หรือเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเอาเงินไปลงทุน

แต่เนื้อหาที่แท้จริงของหนังสือเล่มนี้กลับเป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยงของ balance sheet ซึ่งจะเน้นเรื่อง ของสองด้านคือ asset กับ liabilities โดยทั้งสองสิ่งนี้จะมีความเสี่ยงหลายๆอย่างเข้ามาทำให้การดำเนินธุรกิจนั้น ต้องระมัดระวังเป้นอย่างยิ่ง เช่นความเสี่ยงด้านดอกเบี้ย ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้านการนำเงินไปลงทุน ความเสี่ยงด้านค่าเิงิน และอื่นๆอีกมากมาย

ซึ่งถ้าถามว่าเรื่องเหล่านี้นั้น คนธรรมดาสามัญชนอย่างพวกเราจำเป็นต้องรู้หรือไม่ ก็ขอบอกว่าไม่จำเป็น(แต่ถ้ารู้ใว้ก็ดี) เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่สามารถนำไปใช้ได้กับบริษัทการเงิน โดยเฉพาะบริษัทประกันต่างๆ เช่น บริษัทประกันภัย หรือประกันชีวิตเป็นต้น โดยบริษัทประกันจะสามารถคำนวนเงินเข้าเงินออกจากทั้งฝั่ง asset และฝั่ง liabilities ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำกว่าธุรกิจประเภทอื่น จึงทำให้ต้องมีการวางแผนการเงินที่เรียกว่า Asset Liability Management (ALM) ซึ่งเป็เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้นี่เอง

สรุปสั้นๆว่าหนังสือเล่ืมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินเช่นบริษัทประกันต่างๆ โดยเนื้อหาค่อนข้างซับซ้อน มีการคำนวนในระดับหนึ่ง และมีศัพท์ที่นักลงทุนธรรมดาจะไม่เคยเห็นเยอะ ต้องใช้ความลึกในการอ่านระดับหนึ่งครับ (นักลงทุนที่ต้องการศึกษาบริษัทประกันชีิวิตหรือประกันภัยก็อาจจะหาความรุ้เพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้ได้ครับ)
ลงทุนให้รวยสไตล์ วอร์เรน บัฟเฟตต์
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 06 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือวอเรนเล่มนี้นั้นอาจจะทำให้แฟนๆวอเรนเข้าใจผิดถึงเนื้อหาที่อยู่ข้างในหนังสือได้ เพราะว่าแท้จริงแล้วเนื้อหาภายในเล่มจะเน้นเรื่องการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง การลงทุนในกองทุน เสียมากกว่าโดยไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของวอเรนซักเท่าไหร่ ไม่ได้พูดถึง เบิร์กไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทของวอเรน ไม่ได้พูดถึงหุ้นที่วอเรน ได้ลงทุนแต่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในตราสารรูปแบบต่างๆ และการลงทุนในกองทุนเยอะมากๆ รวมทั้งเทคนิคการกระจายเงินไปในการลงทุนต่างเป็นเปอร์เซ็น การคำนวนผลตอบแทนที่คาดหวังจากรูปแบบพอร์ตฟอลิโอต่างๆ

สิ่งที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้นั้นมีอยู่อย่างหนึ่่งที่ผู้เขียนจะเน้นย้ำหลายครั้งมากๆ และยังเป็นสิ่งที่วอเรนก็ได้ทำด้วย และก็เป็นหลักการที่ผมคิดว่าใช้ได้ผล และจะดีกับนักลงทุนทุกคนในระยะยาวนั่นก็คือ "ไม่ซื้อขายบ่อยครั้ง" ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการที่ผมเองก็ใช้ตั้งแต่เริ่มลงทุน และทำให้สามารถได้ผลตอบแทนสูงอย่า่งไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
จากศูนย์สู่พันล้าน มหาเศรษฐีคิดและทำอย่างไร
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 03 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า จากศูนย์สู่พันล้าน แต่เนื้อหาข้างในกลับกลายเป็นเรื่องการเก็บสะสมเงิน วิธีประหยัดเงิน วิธีทำงานให้ได้เลื่อนขั้น วิธีแต่งตัวให้ดีเพื่อสร้างบุคลิก โดยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนหรือทำธุรกิจน้อยมาก ทำให้ยากที่จะหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเงินระดับพันล้านได้ ผมจึงให้คะแนนน้อยกว่าหนังสือเล่มอื่นๆเนื่องจากเนื้อหาผิดไปจากชื่อหนังสือ และอาจจะทำให้ผู้อ่านต้องผิดหวังว่าซื้อมาผิดเล่ม ซึ่งภายในเล่มมีจุดที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ่สวนที่เห็นด้วยก็เช่น เรื่องการแต่งตัวให้ดูดี ซึ่งบางทีความเกี่ยวข้องกับความสำเร็จนั้นอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากมายเลย โดยเฉพาะสมัยนี้ที่สามารถทำเงินได้มากโดยที่ไม่ต้องอาศัยภาพลักษณ์ภายนอก เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถภายในมากกว่า และเนื้อหาที่ผมเห็นว่าออกจะไม่เข้ากับผู้ที่ต้องการสร้างเงินระดับพันล้านนั้น คือเรื่องที่ให้ประหยัดมากๆๆๆๆๆ และผู้เขียนได้เขียนละเอียดจนเกินไป เช่นเรื่องการซื้อของ หรือช็อปปิ้งของสาวๆ การดูโทรทัศน์มากเกินไปอะไรพวกนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำเงินเท่าไหร่ ส่วนที่ผมเห็นด้วย เช่นเรื่องเวลาเป็นทรรพยากรที่สำคัญที่สุด ซึ่งผู้เขียนได้บอกว่าสำคัญยิ่งกว่าเงินหลายเท่า ซึ่งผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้ไม่ค่อยเหมาะกับผมเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างไปในทางบอกให้เก็บๆๆๆเงิน ประหยัดๆๆๆ แต่ไม่ค่อยบอกว่าวิธีสร้างความมั่งคั่งที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง และไ่มค่อยให้ตัวอย่างที่ดีๆซักเท่าไหร่ครับ
พ่อไม่รวยก็รวยได้
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 03 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือพ่อไม่รวยก็รวยได้หรืออีกชื่อหนึ่งคือ The 21 Success Secrets of Self-Made Millionaire เป็นหนังสือแปล ที่จะนำ เคล็ดลับ 21 ข้อที่จะช่วยพลิกชีวิต คนธรรมดา (บ้านไม่รวย) ให้กลายเป็นมหาเศรษฐี ด้วยสมองและสองมือของตนเอง โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 21 ข้อ แต่ละข้อมีเนื้อหาประมาณ 2-4 หน้า แต่ละบทจะกระชับและเป็นเรื่องที่ควรรู้ในการเดินทางสู่เส้นทางเศรษฐีเงินล้าน โดยบางบทอาจจะเป็นเรื่องที่เมื่อผู้อ่านได้ลองอ่านแล้วอาจจะคิดว่า โอ๊ยแบบนี้ใครๆก็รู้ จะเอามาพูดซ้ำทำไม ซึ่งบางทีผมก็คิดเ่ช่นนั้น แต่บางบทนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ซ้ำๆกับหนังสือเล่มอื่นจนหมดซะทีเดียว กลับมีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเพชรในหนังสือเลยทีเดียว โดยบทที่ผมคิดว่าน่าสนใจนั้นก็มีดังนี้

1. ค้นหาสิ่งที่สำคัญที่สุดและโฟกัสไปในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าหลายๆคนนั้นยังขาดอยู่ ซึ่งทำให้ทำเป็นหลายอย่าง แต่กลับไม่เก่งที่สุดซักอย่าง กลายเป็นไม่สามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของตัวเองให้โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งได้ในด้านใดด้านหนึ่ง

2.มุ่นมั่นที่จะเป็นเลิศ

หลายๆคนไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้มีความทะเยอทะยาน แต่ถ้าเกิดความคิดว่าต้องการจะรวยแล้วละก็ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำเลยทีเดียว(ความเป็นเลิศ)

3. ตัดสินใจให้เด็ดขาดและเน้นที่การลงมือทำ

เรื่องที่ต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อที่จะได้ซึมซับและสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ

4.ผ่านบททดสอบความเพียรพยายาม

บทนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้ เพราะมันจะบอกเราว่าไม่มีใครสามารถเป็นคนรวยมากได้โดยพึ่งแต่พรสวรรค์ของตนซึ่งผมเห็นด้วยมาก แม้แต่คนที่ฉลาดสุดๆอย่างบิลเกตส์ ก็ต้องทำงานหนักมากในาช่วงที่ microsoft เพิ่งก่อตั้งใหม่ๆ

5.ดูแลสุขภาพ

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องนี้ในหนังสือการทำให้ตัวเองรวยซึ่งทำให้เราตอ้งมามองย้อนหลังเหมืทอนกันว่าถ้าเกิดเราทำงานหนักจนม่องเท่งไปตั้งแต่ยังหนุ่ม แล้วเราจะมีเวลาทำเงินได้นานๆได้อย่างไรกัน

โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้ได้ทำให้เราทุกคนที่มีความหวังว่าจะรวยได้ซักวัน ต้องมาทบทวนว่าเรายังต้องมีสิ่งใดที่จำเป็นในการเดินไปสู่เส้นทางแห่งความมั่งคั่งที่เราตอ้งการบ้าง และได้ซึมซับสิ่งต่างๆภายในหนังสือเล่มนี้ด้วยเวลาไม่มากนัก
คิดต้องทำ คันต้องเกา
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 03 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือให้กำลังใจเล่มนี้เป็นหนังสือแปลที่ดีอีกเล่มนึงที่นักอ่านหนังสือแนวจิตวิทยาและพัฒนาตนเองควรหามาอ่านเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าเป็นหนังสือแปลที่แปลได้อย่างยอดเยี่ยม อ่านได้เข้าใจประมาณ 95% ซึ่งในความคิดผมถือว่าุเป็นหนังสือแปลระดับต้นๆ โดยเนื้อเรื่องหลักก็จะตามชื่อหนังสือคือ ถ้าเราคิดแล้ว เราต้องทำ ถ้าเราคัน เราต้องเกา ซึ่งก็มีความหมายว่า เราไม่ควรคิดอย่างเดียว แต่ต้องลงมือทำ โดยภายในเล่มจะอธิบายว่าเราควรต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะลงมือทำได้จริง และสามารถเห็นผลงานของเราได้จริง วิธีต่างๆก็เช่น การแบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ แล้วเมื่อทำไปเรื่อยๆมันก็จะประกอบกันกลายเป็นสามารถบรรลุเป้าหมายใหญ่ๆของเราได้ ในแต่ละหน้าของหนังสือเล่มนี้จะแทรกคำคมของ นักทำผู้ยิ่งใหญ่จากต่างอาชีพ ต่างชนชาติ ต่างอายุ ซึ่งแล้วแต่คมกริบอย่างน่ากลัวเลยทีเดียว คำคมก็จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการทำนั่นแหละ ผมชอบตรงที่เค้าบอกว่า อีก 20 ปีถัดจากนี้ไป คุณอาจจะต้องเสียดายมากกว่าเสียใจ ที่ไม่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณคิดใว้ ณ วันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าน่าสนใจในเชิงจิตวิทยามาก เพราะคนส่วนใหญ่ในโลกเราล้วนแล้วแต่ไม่ชอบที่จะเสี่ยง โดยที่มีโอกาสที่จะล้ม แต่ก็อาจจะเสียใจในอีกหลายปีข้างหน้าว่า ทำไมถึงไม่ลองทำดูนะ โดยรวมแล้ว หนังสือแปลเรื่องคิดต้องทำ คันต้องเกา หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า STOP TALKING, START DOING เล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มที่สุดยอดมาก ขอให้ผู้อ่าน อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วลงมือทำสิ่งที่ตนเองต้องการจะทำให้ประสบผลสำเร็จตามที่ตนต้องการนะครับ
แมคโดนัลด์ แฮมเบอร์เกอร์ไม่ธรรมดา
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 09 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

ผมได้พบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมมาก อ่านง่าย เข้าใจง่าย และตรงไปตรงมามาก (เข้าใจได้ด้วยเพียงการใช้ commonsense) โดยผู้เขียนได้ให้เหตุผลในความสำเร็จของแม็คโดนัลด์ 7 ประการ ดังนี้
1.ความซื้อสัตย์
2.ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างผู้ร่วมงาน
3.การรักษาสแตนดาร์ด
4.การเป็นผู้นำด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
5.การมีพลังใจในการพูดความจริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องบวกหรือลบ
6.การสื่อสารที่ยอดเยี่ยม
7.การให้เครดิตแก่พนักงานแต่ละคนอย่างตรงไปตรงมา
ภายในหนังสือจะให้แง่คิดสั้นๆแต่ฟังแล้วตรงใจสุดจาก ray crock เยอะมาก และสำหรับนักธุรกิจหรือนักลงทุนก็อาจจะได้เรียนรู้เรื่องประวัติความเป็นมาของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดได้ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว
เศรษฐีสอนรวย : The Science of Getting Rich
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 09 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่ค่อนข้างสั้น แต่สั้นเพราะได้รวบรวมเอาหลักการสำคัญเท่านั้นมาใว้ภายในเล่มโดยหลักการจะเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่ง โดยเนื้อหาจะกล่าวเกี่ยวกับการกระทำที่มีประสิทธิภาพ พลังงานของโลก และความเกี่ยวข้องของสิ่งเหล่านี้กับใจของเราโดยจะทำให้เราสร้างภาพขึ้นมาภายในใจของเรา เนื้อหาบางส่วนได้กล่าวถึงความเชื่อ การทำธุรกิจที่ถูกต้อง และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าเทียบกับหนังสือแนวทำเงินเล่มอื่นๆแล้วต้องบอกว่าเป็นคนละแนว โดยเล่มนี้จะไปทางหลักการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความมั่งคั่งและจะเขียนด้วยภาษาที่อาจจะค่อนข้างเข้าใจยากสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าอ่านแล้วคิดตามไปอย่างระมัดระวังแล้วก็จะได้อะไรดีๆไม่น้อยเลยทีเดียว
เอสซีจี โมเดล:ถอดบทเรียนกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตมหาอุทกภัย
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 09 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่ค่อนข้างเจาะจงมาก (เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการฝ่าช่วงน้ำท่วมของเอสซีจี)ทำให้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจขนาดใหญ่นั้นอาจจะได้สิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการ แต่ภายในเล่มก็มีบางตอนหรือบางประโยคที่นับว่าน่าสนใจอยู่บ้างเช่นกัน
สร้างธุรกิจส่วนตัวด้วยไอเดียสร้างสรรค์
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หนังสือ how to เล่มนี้ต้องจัดว่าไม่ใช่หนังสือ how to ธรรมดา แต่เปี่ยมไปด้วย แนวคิดของนักคิดชั้นนำของโลกหลากหลายคนที่ได้ถูกนำมารวบรวมใว้ภายในหนังสือเล่มเดียวเช่น ที่ไอน์สไตน์ที่กล่าวว่า "ผมไม่มีสุดยอดของพรสรรค์ แต่ผมมีหัวใจที่เปิดรับทุกๆสิ่งอย่างด้วยความกระหายที่จะเข้าใจมันอย่างแท้จริง" โดยที่เนื้อหาภายในเล่มจะถูกซอยย่อยออกเป็นบทสั้นๆ ( บางบทมีเพียงแค่ 10 หน้าเท่านั้นเอง ) ทำให้อ่านง่ายมากๆ และเพียงแค่ดูสารบัญก็เหมือนได้เรียนรู้ไปในตัวอยู่แล้ว
ใช้เงินแบงค์มาทำธุรกิจดีกว่า + CD
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้ถ้าดูแค่จากชื่อก็อาจจะคิดว่าเนื้อหาทั้งเล่มเป็นการสอนการกูเงินจากธนาคารเพื่อทำธุรกิจ แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้นเพราะ ประมาณครึ่งเล่มเป็นเรื่องการทำธุรกิจให้สำเร็จซึ่งก็เชื่อมโยงกับการกู้เงินเพราะยิ่งธุรกิจประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่โอกาสที่จะได้เงินกู้ก็ง่ายยิ่งขึ้น โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการกู้เงินมีทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องขั้นตอนในการขอเงินกู้กับธนาคารซึ่งละเอียดในระดับนึง ทำให้อ่านไม่ยากจนเกินไป มีเรื่องประเภทของเงินกู้ เรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกัน เรื่องการประเมินของธนาคาร การทำแผน cash flow หรือแผนธุรกิจเพื่อยื่นกู้และเทคนิคที่น่าสนใจค่อนข้างเยอะ โดยทั่วไปแล้วหนังสือที่เกี่ยวกับการกู้เงินแบบอ่านง่ายมีไม่เยอะ เล่มนี้ถือเป็นเล่มหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนทั่วไปอย่างยิ่ง
ประสบการณ์แอปเปิล : The Apple Experience
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่จะ focus ไปที่เรื่องประสบการณ์ลูกค้าในร้าน applestore หรือร้านรีเทลของแอปเปิล โดยจะเล่าเรื่องราวว่าทำอย่างไรถึงได้สร้างแบรนด์ด้วยร้านได้อย่างดี โดยจะพูดถึงเรื่องต่างๆโดยเฉพาะพนักงานในร้านว่าทำอย่างไรถึงได้สามารถทำให้ผู้ที่เข้าไปในร้านได้รับประสบการณ์และบริการอย่างยอดเยี่ยมจนช่วยทำให้สินค้าของแอปเปิลยิ่งสามารถขายได้มากขึ้น ข้อเสียของหนังสือเล่มนี้คือถ้าอ่านๆไปแล้วอาจจะดูเหมือนผู้เขียนเชียร์อย่างเดียวโดยไม่ได้พูดถึงข้อเสียเท่าไหร่
เล่นหุ้นสไตล์มนุษย์เงินเดือน
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนทั้งในด้านการเป็นมนุษย์เงินเดือนและประสบการณ์จากการเล่นหุ้นในช่วงต่างๆของเขา โดยเนื้อหาแบ่งออกเป็นบทสั้นๆหลายๆบททำให้อ่านแล้วไม่ยาวจนเบื่อ ผู้เขียนสามารถเล่าเรื่องด้วยภาษาของตัวเองทำให้ค่อนข้างเป็นกันเองกับคนอ่าน ส่วนเรื่องความมีประโยชน์ของเนื้อหานั้นเป็นอีกเรื่องเพราะไม่ค่อยให้ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเท่าไหร่(ในความเห็นของผม)ถึงมีก็ออกเป็นแนวเทคนิคอลเกือบทั้งหมด แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสนุกในการอ่านต้องขอบอกว่าเป็นหนังสือหุ้นอีกเล่มที่อ่านสนุกเลยทีเดียว
www.batorastore.com © 2024