Customer Reviews

จดหมายรักจากเพื่อน
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่องรักสุดแสนธรรมดาของเพื่อนแอบรักเพื่อน ที่เมื่ออ่านแล้วกลับรู้สึกไม่ธรรมดา แม้เราต่างรู้ดีว่าความรักมักนำมาซึ่งความยุ่งยากในชีวิตเสมอ แต่เราทุกคนก็ต่างดิ้นรนไขว่คว้ามาใส่ตัว และแน่นอนว่าเมื่อเรารักใครสักคน เราย่อมคาดหวังที่จะได้รักตอบ และมันคงเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก หากจะมีใครสักคนที่พร้อมจะรักข้างเดียวและยอมปล่อยให้คนที่รักไปรักใครอีกคน
จดหมายรักจากเพื่อน บอกเล่าเรื่องราวความรักของอีฟ นิสิตสาวภาควิชาวัสดุศาสตร์ ที่มีต่อเพื่อนสนิทอย่างโต้ง ซึ่งมีแอนเป็นคนรักอยู่แล้ว อีฟเองไม่แน่ใจว่าความรักของเธอเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะเมื่อก่อน เธอมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตวัยเรียนยุ่งยาก เธอคิดว่าควรเอาเวลาไปเก็บเกี่ยวช่วงเวลาในมหาวิทยาลัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอวันเรียนจบ ทำงาน ถึงตอนนั้นจะมีแฟนหรือไม่คงเป็นเรื่องของอนาคตเพราะเธอคงโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว อีฟใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในฐานะเพื่อนสนิทของโต้ง บ่มเพาะความรู้สึก เก็บความทุกข์ ความวุ่นวายใจ ซ่อนไว้กับตัว ดูเหมือนว่าอีฟพยายามใกล้ชิดกับโต้งเพื่อช่วยให้เขาหายเหงา แต่แท้จริงแล้วอีฟกลับรู้สึกเหงาในเวลาที่ไม่เจอหน้าโต้งต่างหาก
ตลอดระยะเวลาของการเรียนร่วมกันในรั้วมหาวิทยาลัย อีฟครุ่นคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่กำลังจะหมดไปพร้อมกับชีวิตนิสิต เธอชั่งใจอยู่ว่าควรจะเสี่ยงบอกความในใจของเธอกับโต้งดีหรือควรพอใจที่ได้แอบชอบเขาอยู่อย่างนี้ การตัดสินใจของอีฟนำมาซึ่งความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกัน แต่อีฟก็เข้มแข็งพอที่จะรับมือกับมันได้ แม้ในใจจะปวดร้าวมากก็ตาม เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ เป็นความรักที่เกิดจากการให้ เป็นความรักที่เกิดจากการที่ได้เห็นคนที่เธอรักมีความสุข
อีฟบันทึกเรื่องราวของเธอลงบนหน้ากระดาษ เพื่อไม่ให้ความทรงจำนี้ลบเลือนหายไปจากใจ เนื้อหาภายในเล่มไม่ได้อ้างอิงจากจดหมายและไม่ได้กล่าวถึงจดหมายเลย หากแต่ถูกเรียบเรียงจากจดหมายที่ตั้งใจจะเขียนหาโต้งแต่ไม่ได้ส่ง
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีช่วงเวลาของการที่ได้แอบรักใครซักคนเหมือนกัน อาจจะเป็นตอนที่ยังเป็นเด็กประถมตัวเล็กๆอยู่ จนถูกเพื่อนในห้องล้อ หรืออาจจะเป็นวัยมัธยม วัยมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในวัยทำงาน หลายคนประสบความสำเร็จในความรักเพราะได้กลายสถานะจากคนแอบรักไปเป็นคนรักของใครซักคน แต่หลายคนก็คงทำได้ดีที่สุดแค่เพียงแอบรักอยู่อย่างนั้นเพราะไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ และคงมีอีกหลายคนที่ผิดหวังกับการตัดสินใจเปิดเผยความในใจของตัวเพราะอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะรักตอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็คือประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจแง่มุมของความรักมากขึ้น อีฟเองก็คงเหมือนตัวแทนของใครอีกหลายคนที่มีประสบการณ์รักในวัยเรียนแบบนี้ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในรายละเอียด เราจะเห็นว่าเดิมอีฟเคยมีมุมมองด้านความรักเป็นลบ แต่พอเวลาผ่านไปแม้เธอจะผิดหวังกับความรักที่ไม่ได้รักตอบ เธอกลับมีมุมมองต่อความรักที่กลายเป็นบวก หรือพูดง่ายๆคือความผิดหวังกลับทำให้เธอเข้าใจความรักมากขึ้น สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้หากจะมองในมุมที่กว้างออกไปก็น่าจะเป็นเรื่องความอดทนต่อความผิดหวัง และใช้มันเป็นบทเรียน ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น และรอคอยเวลาที่จะเติบโตขึ้นด้วยความเข้มแข็ง
ไซด์ไลน์จำเป็น
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำหรือไม่ทำได้ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่เลือกที่จะทำในสิ่งที่จะช่วยผลักดันให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น แต่ในขณะที่บางคนกลับเลือกทำในสิ่งที่จะฉุดให้ชีวิตตกลงไปสู่หุบเหวแห่งความหายนะ แม้เขาจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยเช่นนั้นก็ตาม อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนเราเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้วได้เช่นนั้น คำตอบอาจมีได้ร้อยแปด และก็คงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน
มีน เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวคนจีนที่เพียบพร้อมทุกอย่างจนใครๆต้องอิจฉา แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนถูกแย่งความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่หลังจากที่ครอบครัวมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนคือน้องชายของเธอ หลายต่อหลายครั้งที่มีนมีปัญหากับพ่อแม่ ทะเลาะกับน้องชาย คนที่เธอเลือกที่จะเดินเข้าหาเพื่อปรับทุกข์ด้วยนั่นก็คือเพื่อน
ตามที่สุภาษิตโบราณได้บอกไว้ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล เมื่อมีนตัดสินใจคบเพื่อนไม่ดีและขาดความยับยั้งชั่งใจ ชีวิตของเธอจึงต้องตกไปอยู่ในวังวนของยาเสพติด ปาร์ตี้ยาอี กัญชา ยาไอซ์ และสุดท้ายก็จบลงด้วยการขายบริการแบบไฮโซ พล็อตเรื่องสำหรับหนังสือเล่มนี้ดูธรรมดามาก เป็นพล็อตในแบบฉบับของละครน้ำเน่าเลยก็ว่าได้ การดำเนินเรื่อง ที่มาที่ไปของพฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ดูคุ้นชินและสามารถคาดเดาได้หมด หากใครเคยดูละครหรือภาพยนตร์เรื่องน้ำพุ อารมณ์ของเรื่องราวในหนังสือก็ไม่แตกต่างไปมากจากเรื่องดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นหนังสือสอนใจวัยรุ่นและอาจรวมถึงเตือนสติให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยก็ว่าได้ ในขณะที่อ่านก็มักเกิดคำถามขึ้นมาเรื่อยๆว่า ทำไมมีนต้องทำอย่างนั้น ทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องที่แม้แต่เด็กประถมหลายต่อหลายคนยังคิดได้แต่มีนซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยแล้วกลับคิดไม่ได้ ก็เลยกลับมานึกว่าคงมีวัยรุ่นอีกหลายคนในชีวิตจริงที่เป็นแบบมีน กล่าวคือ มีปัญหาครอบครัว แล้วเลือกเดินเข้าหาเพื่อนเพื่อให้ช่วยแก้ปัญหา แต่สุดท้ายก็พากันไปในทางที่เสีย เชื่อว่าวัยรุ่นในวัยเดียวกับมีนคิดได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ หรือควรจะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างไร แต่ก็เพียงแค่คิดได้เท่านั้นหากไม่ยอมทำก็ไม่มีประโยชน์ พูดง่ายๆก็คือ คิดได้แต่ไม่ทำ
อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นน่าเบื่อหรือเลวร้ายมากนัก เพราะด้วยเจตนาของผู้เขียนย่อมเข้าใจได้ว่ามีเจตนาที่ดีที่ต้องการจะใช้เรื่องราวในหนังสือเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับวัยรุ่นวัยเรียนและพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย ในการที่จะดูแลซึ่งกันและกันช่วยกันประคับประคองลูกหลานให้ผ่านพ้นช่วงชีวิตวัยรุ่นอันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อไปให้ได้ พ่อแม่ควรเอาใจใส่ดูแลลูกอย่างไร เด็กๆควรเลือกคบเพื่อนอย่างไร การหักห้ามใจไม่ให้ทำในสิ่งที่ผิด ผู้อ่านสามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือเล่มนี้
สุดท้ายชีวิตของเราย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจกำหนดทางเดินของตนเอง อนาคตเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับสองมือเรา การตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่ผิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้คุณต้องถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น หากคุณปราศจากสติ
ครอบครัว เพื่อน คือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ชีวิตเติบโตไปในทิศทางที่ควรจะเป็น เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กอาจตัดสินใจพลาดจนเดินหลงทางไปบ้าง แต่คนที่จะช่วยดึงให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้ก็คือเพื่อนและสถาบันครอบครัว
ออกแบบชีวิต Do-it-yourself
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตลิขิตเอง น่าจะเป็นคำจำกัดความอย่างง่ายๆของหนังสือเล่มนี้ ผมเชื่อว่าเราอยากได้ชีวิตในแบบที่เราสามารถออกแบบมันได้เอง ไม่อยากให้ใครมาออกแบบบงการชีวิตของเรา หรือไม่อยากให้ใครมาเป็นต้นแบบที่เราคอยจ้องจะลอกตาม คงเป็นเพราะพื้นฐานของความเป็นคนคือความต้องการเป็นอิสระละมั้งที่ทำให้เราทั้งหลายมีความปรารถนาแบบนี้ แต่แม้เราอยากจะมีชีวิตในแบบที่เป็นตัวของเราเองมากแค่ไหน คำถามสำคัญคือ อะไรคือวิธีการ เริ่มยังไงดี ซึ่งมันก็จะย้อนกลับมาสู่จุดที่ว่าเราต้องหาใครซักคนเป็นตัวอย่าง ในการที่เราจะออกแบบชีวิตของเรา และถ้าเป็นแบบนั้น ยังจะเรียกได้มั้ยว่านั่นคือชีวิตที่เรากำหนดสร้างขึ้นมาเอง ผมว่าหนังสือเล่มนี้สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีเลยทีเดียว
รูปแบบชีวิตของคนส่วนใหญ่ก็คงจะคล้ายๆกัน คือมีความฝัน เรียนรู้ ต่อสู้ดิ้นรน เพื่อให้ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ หลักๆก็คงเป็นแบบนี้ ซึ่งในรายละเอียดที่มันแวดล้อมเส้นทางความฝันของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความฝัน หนังสือเล่มนี้ก็มีวิธีคิดแบบนี้แหละ เพียงแต่ว่าผู้เขียนเค้าไม่ได้มองความฝันเหมือนยอดเขาหรือยอดปิระมิดที่ต้องปีนไปให้ถึง มิติของความฝันมันมีมากกว่านั้น ผู้เขียนเลยบอกว่าเค้าเชื่อว่าชีวิตคือการทดลอง ไม่ใช่การเดินทางเพื่อไปสู่ยอดเขา การเดินทางเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดลองเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากคุณอยากอ่านหนังสือที่สอนวิธีรวย สอนวิธีประสบความสำเร็จ อะไรทำนองนั้น หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่คำตอบของคุณอย่างแน่นอน คือผู้เขียนไม่ได้สอนให้คุณทะเยอะทะยาน ในทางตรงข้ามเขากลับต้องการให้เรามีชีวิตที่ช้าลง ปล่อยวาง แล้วใช้เวลาเพื่อเรียนรู้คนบ้าง เรียนรู้สังคมบ้าง เรียนรู้ตนเองบ้าง ไม่ใช่เรียนแต่หนังสือแล้วออกไปหากิน คนส่วนใหญ่มักออกแสวงหาสิ่งใหม่ๆ แต่กลับหลงลืมการแสวงหาตัวตนของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นหนังสือเล่มนี้บอกอะไร ผมเข้าใจว่าเค้าต้องการบอกวิธีการสร้างสุขอย่างง่ายๆ หรือสอนให้คุณอย่าเยอะกับชีวิตนั่นแหละ แล้วก็เรียนรู้ มีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง อย่าไปสนใจความสุขแบบสำเร็จรูปให้มากนัก ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยประสบการณ์ชีวิตของผู้เขียนที่เค้าเคยลองผิดลองถูกมากับหลายเรื่อง ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้ทำให้เค้าเข้าใจสัจธรรมบางอย่างของชีวิต แล้วอยากเอามาถ่ายทอดให้คนอื่นได้ลองคิดตาม เป็นหนังสือแนวปรัชญาแฝงธรรมะที่ใกล้ตัว อ่านแล้วทำให้ฉุกคิดถึงวิถีชีวิตของตัวเองที่เป็นอยู่ ได้หันกลับมาทบทวนตัวเอง เข้าใจตัวเองมากขึ้น
หุ้นส่วนช่วยให้รุ่งหรือทำให้ร่วง
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หากคุณมีความต้องการอย่างทำกิจการหรือมีธุรกิจอะไรซักอย่างเป็นของตนเอง แต่ติดปัญหาตรงที่คุณไม่มีกำลังทรัพย์หรือเงินทุนมากพอที่จะทำคนเดียว หรือมี แต่คุณก็ขาดประสบการณ์หรือความรู้ความชำนาญบางอย่างที่จะทำธุรกิจนั้นๆ ทางออกของคุณหลายคนก็คงหนีไม่พ้นการหาใครซักคนเข้ามาร่วมหุ้นกันทำ และเมื่อพูดถึงหุ้นส่วนขึ้นมา ผมว่าความกังวลอันดับแรกเลยก็คือจะโกงชั้นมั้ย จะทำงานด้วยกันได้มั้ย คำว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวอาจจะใช้ไม่ได้กับการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจเสมอไป ขนาดว่าเป็นญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันมาก่อน พอมาทำธุรกิจด้วยกันแล้วกลับมีปัญหาแตกคอกัน ไปจนถึงขั้นเกลียดกัน ไม่เผาผีกันเลยก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะไป ดังนั้นการหาใครซักคนที่จะมาร่วมหัวจมท้ายกันในทางธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้เขียนบอกว่า อาจจะยากพอๆกับการเลือกคู่ชีวิตด้วยซ้ำ หนังสือเล่มนี้ก็ช่วยให้คุณได้เรียนรู้ เริ่มต้นกับการทำธุรกิจโดยมีหุ้นส่วน เหมือนกับเป็นไกด์ไลน์ให้คุณในการหาเพื่อนร่วมงาน เริ่มตั้งแต่การถามตัวเองก่อนว่ากิจการที่คุณกำลังจะทำจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องมีหุ้นส่วน การหาคนมาเพิ่มจะกลายเป็นเรื่องมากคนมากความรึเปล่า ซึ่งผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของหนังสือ หมายความว่าคุณต้องตั้งต้นให้ดี อย่าให้ความอยากมีกิจการทำให้คุณด่วนตัดสินใจทำในเรื่องที่อาจจะส่งผลเสียหายในระยะยาวกับกิจการของคุณ เรื่องต่อไปคือคุณก็ต้องคุยกันให้ดีว่าใครจะทำหน้าที่อะไร คือต้องแบ่งงานกันให้ชัดเจนไม่ก้าวก่ายกัน มีกฎกติกาในการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจน มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบตรวจสอบได้ และวิธีการหาหุ้นส่วนในรูปแบบต่างๆ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ใช่เลยสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจร่วมกับคนอื่น เพราะอ่านแล้วทำให้คุณสามารถตัดข้อกังวลใจในการจะหาใครซักคนมาทำงานร่วมกัน ทำให้คุณมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของคุณได้มากขึ้น นอกจากนี้ในตอนท้ายของหนังสือมีการรวบรวมเอาการถามตอบประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหุ้นส่วนบริษัทมาให้ได้อ่าน ซึ่งผมว่าส่วนนี้ก็สำคัญนะ เพราะจะเปิดบริษัททั้งที ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องเลย โอกาสจะถูกหลอก ถูกโกง ถูกเอาเปรียบก็มีสูง แม้ว่าอาจจะไม่ครอบคลุมกฎหมายทั้งหมด แต่ถ้าคุณได้ลองอ่านกรณีตัวอย่าง หรือปัญหาความขัดแย้งที่ผู้เขียนเค้ายกมาให้ศึกษา ก็ให้ความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้นกับคุณได้มากเลยทีเดียว เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ถามว่ามีอะไรรับประกันมั้ยว่าถ้าทำตามอย่างที่หนังสือบอกแล้วจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผมว่าคงไม่มีใครรับประกันได้ เรื่องแบบนี้ยังคงเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่วันยังค่ำ อย่างที่บอกว่าคุณใช้หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงไกด์ไลน์ได้เท่านั้น
สอนเพื่อนให้รวย
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

คนส่วนใหญ่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือความร่ำรวยและความมั่งคั่ง แต่เส้นทางของแต่ละคนที่จะเดินไปสู่จุดมุ่งหมายดังกล่าวอาจแตกต่างกันออกไป บางคนเส้นทางของเค้าสั้นมาก แถมยังโรยด้วยกลีบกุหลาบ ในขณะที่บางคนกลับมีเส้นทางที่ยาวไกลและยากลำบาก และก็มีอีกหลายคนที่ไม่มีเส้นทางเหล่านั้นเลยหรือมีแต่ก็ต้องล้มหายตายจากไปก่อนที่จะถึงจุดหมาย วิธีการหรือเส้นทางสู่ความร่ำรวยและการมีฐานะที่มั่นคงที่บอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ก็คือการออมและการลงทุน เนื้อหาภายในหนังสือจะเน้นไปที่หลักการมากกว่าปรัชญาการใช้ชีวิต เลยให้ความรู้สึกเหมือนอ่านตำราเศรษฐศาสตร์และการลงทุนอะไรทำนองนั้น แต่ว่าภาษาที่ใช้ก็ไม่ได้ยากถึงขั้นเป็นภาษาวิชาการอะไร ยังคงอ่านเข้าใจง่าย แม้ว่าคุณจะไม่มีพื้นฐานทางการเงินการลงทุนมาก่อนก็ตาม หากคุณกำลังอยู่ในวัยที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะ สร้างครอบครัว สามารถใช้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือได้ ในส่วนแรกของหนังสือ ผู้เขียนก็จะปูเรื่องด้วยแง่คิดและหลักการในการดำเนินชีวิตก่อน เป็นการสร้างความเข้าใจหรือหลักคิดเบื้องต้นก่อนที่จะเข้าสู่โหมดทฤษฎี ในส่วนนี้ผมคิดว่า ยังไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น เพราะหลักการที่นำมาถ่ายทอดเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว ถ้าคุณอ่านหนังสือประเภทนี้บ่อยๆคงทราบดี อย่างเช่นเรื่องการรู้จักใช้ปัญญาหาเงิน ไม่ใช่ใช้แต่แรงงาน การเรียนในสิ่งที่ใช้ทำมาหากินได้ การมีใจนักสู้ การเป็นคนประหยัดอดออม เป็นต้น ในส่วนต่อไปของหนังสือก็จะเป็นการเข้าสู่หลักการ ความรู้ทางการเงิน การออม และการลงทุนต่างๆ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของหนังสือ ผู้อ่านจะได้เรียนรู้เรื่องการลงทุนกับทองคำ เรื่องการลงทุนในหุ้น การลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆ อุปสรรคขัดขวางการลงทุน และผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งนอกจากจะเป็นการแชร์ความรู้ให้ทราบโดยละเอียดแล้ว ยังเป็นการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านมีข้อพึงระวังก่อนตัดสินใจลงทุนในเรื่องต่างๆ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้พอสมควร นอกจากเรื่องการออม และการลงทุนแล้ว เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือหนี้ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของใครหลายคนที่ทำให้ไม่รวยซักที ผู้เขียนก็จะสอนหลักการปฏิบัติตัวเมื่อมีหนี้ การป้องกันตัวเองไม่ให้ก่อหนี้โดยไม่จำเป็น เป็นต้น ในตอนท้ายของหนังสือ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเก็บเอาไปใช้มากที่สุด อาจไม่เกี่ยวกับการออมและการลงทุนโดยตรง แต่เป็นข้อแนะนำที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ดีมาก คือเรื่องของการบริหารเวลาให้เป็น โดยสรุป หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างครบถ้วนทั้งในแง่ของมุมมองการใช้ชีวิต หลักการและเคล็ดลับการออมการลงทุน ข้อคิดและแรงบันดาลใจ ในการก่อร่างสร้างตัวโดยใช้เงินทำงาน
"สุวรรณ วลัยเสถียร" พ่อสอนลูกให้รวย
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่คนๆหนึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีคุณภาพ การอบรมและวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญ พ่อแม่หลายคนเลี้ยงลูกแบบตามใจ ในขณะที่บางคนก็เข้มงวดกับลูกมากเกินไป วิธีการเลี้ยงลูกแบบสุดโต่งอย่างนี้ คงทำให้เด็กคนนั้นยากที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ แน่นอนว่าพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาของลูกเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่หนังสือเล่มนี้จะบอกคุณมากกว่านั้น ผู้เขียนยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเงินๆทองๆและในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งเรื่องคุณธรรมจริยธรรมด้วย จริงๆแล้วหนังสือเล่มนี้น่าจะแบ่งออกได้เป็นสองส่วนหรือสองมุมด้วยกัน มุมแรกเป็นมุมของคนที่เป็นพ่อแม่ต่อลูก คือเป็นเรื่องของการแนะนำว่าจะมีวิธีการสอนลูกยังไง อะไรที่ลูกทำได้ อะไรที่ลูกทำไม่ได้ และอะไรที่ลูกควรเรียนรู้แล้วลงมือทำ มุมที่สองเป็นมุมของการบริหารการเงินในครอบครัว ซึ่งก็จะเน้นไปที่เรื่องการบริหารเงินออมและเรื่องภาษี
ในส่วนของการบริหารการเงิน หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญอยู่สองเรื่องคือเรื่องการออมกับเรื่องภาษี ผมสนใจเรื่องการออมมากที่สุด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวดี และน่าจะทำได้ไม่ยาก คำแนะนำที่เขียนไว้ในหนังสือ ผมว่าเป็นเรื่องที่ทำได้จริง อย่างเช่นเรื่อง การควบคุมรายจ่าย การหลีกเลี่ยงของราคาแพง การไม่ต้องทำตามผู้อื่น ซึ่งผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ต่อให้คนอ่านยังเป็นคนโสดไม่มีครอบครัว ก็สามารถเอาข้อมูลจากหนังสือไปประยุกต์ใช้ได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าคุณมีครอบครัว มีลูกแล้ว เรื่องการออมในหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มากเพราะ เค้าพูดถึงตั้งแต่เรื่องค่าเล่าเรียนลูกของคุณ สุขภาพ การประกันภัย และการกู้ยืม ซึ่งผมว่าครอบคลุมเรื่องที่ควรรู้สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองในการบริหารจัดการการเงินสำหรับลูกๆของคุณแล้ว ในเรื่องภาษี หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากในการทำความเข้าใจ แต่ถ้าได้ลองอ่านแล้วความคิดคุณจะเปลี่ยนไป ตอนท้ายของเล่มจะมีวิธีวางแผนภาษีให้ลองศึกษา ให้ความรู้เบื้องต้นเรื่องภาษีได้ดีโดยเฉพาะเรื่องการประหยัดภาษีและการขจัดภาษีซ้ำซ้อน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้อีกทางหนึ่ง
ผมประทับใจกับภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ เพราะหนังสือมีความลงตัวทั้งในแง่ความรู้ที่เป็นวิชาการในกาบริหารจัดการการเงินของครอบครัวและในแง่ข้อคิดหรือหลักการพื้นฐานในการบริหารชีวิตครอบครัวโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกหลานให้มีคุณธรรมจริยธรรม การสอนให้เขาเห็นคุณค่าของการใช้เงินและการอดออมเพื่ออนาคต
บทเพลงสุดท้ายของหัวใจ
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

นิยายเรื่องนี้จะออกแนวเศร้าๆหน่อย เป็นเรื่องราวความผูกพันแบบเพื่อนที่ก่อตัวเป็นความรัก เป็นเรื่องของพลัดพรากและการกลับมาเจอกันอีกครั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านความคิดและความรู้สึกของนางเอกที่มีต่อพระเอกตั้งแต่ตอนเด็กก่อนที่พระเอกจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาและเป็นความทรงจำดีๆของเธอ แต่พอพระเอกกลับมาก็เหมือนฝันที่เป็นจริง แต่เรื่องราวกลับไม่เหมือนเดิม เพราะว่าทั้งสองกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปซะงั้น พระเอกจำเธอไม่ได้ เรื่องจะออกแนวอึดอัดที่นางเอกไม่กล้าพูดกล้าคุย ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่ตัวเองมี เพราะว่าพระเอกกลับมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน อันนี้แปลกใจนิดนึงว่าทำไมไม่ถามไปเลยว่าจำชั้นไม่ได้หรอ เธอก็เลยได้แต่พร่ำเพ้อถึงชายหนุ่มที่เธอหลงรัก แล้ววันนึงนางเอกก็ได้มีโอกาสกลับไปที่ที่เธอกับพระเอกเคยเรียนด้วยกันตอนเด็ก ซึ่งตอนนี้เรื่องก็จะบรรยายถึงความทรงจำในอดีตของทั้งสอง ซึ่งความน่าสนใจก็คือพระเอกก็เล่าถึงเรื่องนางเอกโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเล่าเรื่องของเธอให้นางเอกฟังอยู่ ตอนนี้ก็ชอบตรงที่การเล่าบรรยากาศ เล่าถึงอดีต การรอคอยคนที่รัก ให้ความรู้สึกเศร้าปนโรแมนติก มีหลายเหตุการณ์ที่พระเอกทำให้นางเอกรู้สึกดี แต่นางเอกก็ได้แต่คิดในใจว่า แค่มิตรภาพแบบเพื่อนก็ยังดี แค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแล้ว เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆบนความทุกข์ที่อยู่ในใจของนางเอก และดูเหมือนจะจบลงด้วยความผิดหวัง แต่คุณกำลังคิดผิด มีจุดเปลี่ยนสำคัญที่เกี่ยวกับพระเอกของเราที่ผู้อ่านอาจคิดว่าเค้าเป็นคนความจำสั้น จุดเปลี่ยนนี้อาจทำให้ใครหลายคนต้องเสียน้ำตามากกว่าความรู้สึกรักที่นางเอกมีก็ได้ เรื่องที่เศร้าอยู่แล้วก็ยิ่งทรมานคนอ่านให้เศร้าขึ้นไปอีก ผมว่ามาถึงตรงนี้เป็นตอนที่น่าประทับใจมากที่สุดของเรื่อง ประทับใจทั้งในแง่บทสรุปตอนจบแบบเศร้าปนซึ้ง ซึ่งผมว่าจบแบบนี้มันทำให้เรื่องติดอยู่ใจคนอ่านได้มากกว่าจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง (ไม่ได้สปอยนะ) แล้วก็ประทับใจในเรื่องความรักที่ตัวละครมีให้แก่กัน ซึ่งเป็นความรักที่เกิดจากการเสียสละความสุขของตนเอง เป็นความรักที่ไม่มีข้อเรียกร้อง เป็นความรักที่ไม่ต้องการการครอบครอง และเป็นความรักที่เกิดจากการที่ได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข บางทีคนที่เรารักมากๆอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป อาจไม่ใช่คนที่ถูกกำหนดมาเพื่อเราก็ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักหวือหวา สำหรับผมการเดินเรื่องดูเนิบๆ เรื่อยๆไปนิดนึง แต่คงเป็นเพราะเพื่อให้เข้ากับอารมณ์ของหนังสือก็ได้
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการประกอบการศึกษาวิชานี้ซึ่งผู้เขียนได้รับมอบหมายให้บรรยายในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2530 โดยได้มีการปรับปรุงเนื้อหาเรื่อยมาโดยตลอด ซึ่งผู้เขียนได้ค้นคว้าคำพิพากษาฎีกาใหม่ๆมาประกอบ ตลอดจนหลักกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ได้เป็นหนังสือกฎหมายที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด
วิชาตั๋วเงินเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับแวดวงธุรกิจ การค้าขาย ถือเป็นวิชาหนึ่งที่มีความสำคัญและถูกนำมาใช้จริงในทางปฏิบัติอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะที่เป็นตราสารเปลี่ยนมือกันได้โดยง่าย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ธุรกรรม ตลอดจนการค้าขายต่างๆ ให้เป็นไปอย่างคล่องตัว จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ศึกษากฎหมายจำเป็นจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ
คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน ประกอบด้วยข้อความเบื้องต้นและ 7 หมวดดังต่อไปนี้
1. ลักษณะทั่วไปของตั๋วเงินที่ใช้บังคับกับตั๋วเงินทั้งสามประเภท
2. ตั๋วแลกเงิน ว่าด้วยลักษณะทั่วไปของตั๋วแลกเงิน การออก การโอน การสลักหลัง การใช้เงิน สิทธิไล่เบี้ยและอื่นๆ
3. ตั๋วสัญญาใช้เงิน ว่าด้วยลักษณะทั่วไปของตั๋วสัญญาใช้เงิน การออก การโอน การสลักหลัง การใช้เงิน สิทธิไล่เบี้ยและอื่นๆ
4. เช็ค ว่าด้วยลักษณะทั่วไปของเช็ค การออก การโอน การสลักหลัง การใช้เงิน สิทธิไล่เบี้ย ความรับผิดของธนาคารผู้จ่าย เช็คขีดคร่อมและอื่นๆ
5. อายุความ ในการใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋ว
6. ตั๋วเงินปลอม ตั๋วเงินถูกลัก และตั๋วเงินหาย ว่าด้วยผลทางกฎหมายและสิทธิต่างๆของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
7. ข้อต่อสู้ของลูกหนี้ตามตั๋วเงิน ว่าด้วยข้อต่อสู้ใดบ้างที่ลูกหนี้สามารถยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องตามตั๋ว
ในแง่ของเนื้อหา ถือเป็นคำอธิบายที่อ่านเข้าใจง่ายพอสมควร การเรียบเรียงเนื้อหาเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอนดี ทำให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายในระดับหนี่ง มีตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาและตัวอย่างจากผู้เขียนเพื่อประกอบความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้น มีการอ้างที่มาที่ไปของหลักกฎหมายต่างๆ ถือเป็นคำอธิบายที่เหมาะกับการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มิได้เน้นการจดจำคำพิพากษาฎีกาแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีแง่มุมของหลักกฎหมายและหลักวิชาประกอบด้วย เนื้อหาสาระก็ไม่ได้ละเอียดจนยากที่จะทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามข้อเสียของหนังสือเล่มนี้ก็คือ การไม่เรียงคำพิพากษาที่ยกมาประกอบให้อ่านง่าย แต่จะเรียงฎีกาต่างๆต่อกันไปในย่อหน้าเดียว ซึ่งเห็นว่าเป็นปัญหามากอ่านและในเวลาที่ต้องการกลับมาค้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้รายละเอียดในแต่ละหน้าดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นอ่านไม่รู้เรื่อง
ในแง่ของผู้เขียน ท่านเป็นอาจารย์ที่สอนหนังสือเข้าใจง่ายอยู่แล้ว และมีประสบการณ์ในสายงานกฎหมายที่หลากหลาย เคยทำงานเป็นทั้งนิติกรในหน่วยงานราชการ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีผลงานทางวิชาการมากมาย เช่น คำอธิบายกฎหมายธุรกิจเปรียบเทียบ คำอธิบายกฎหมายประนีประนอมยอมความ ศาลรัฐธรรมนูญและปัญหาในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทตามรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัยเล่มนี้ ได้เริ่มเขียนและพิมพ์ใช้ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 เมื่อท่านอาจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้บรรยายในวิชานี้ในหลักสูตรปริญญาตรีเพื่อใช้เป็นคู่มือในการศึกษา โดยอาศัยเปรียบเทียบกับตำราต่างประเทศและคำบรรยายของท่านอาจารย์แต่ก่อนๆที่ได้บรรยายไว้เป็นหลัก ตลอดจนคำพิพากษาฎีกาต่างๆด้วย
หนังสือเล่มนี้ได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นมาแล้วกว่าสิบครั้งด้วยเหตุที่เป็นหนังสือที่ทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางวิชาการด้านการศึกษากฎหมายประกันภัย และตลอดทุกครั้งของการพิมพ์ก็จะมีการแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
ในแง่ของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ สำหรับท่านที่ศึกษากฎหมายคงทราบดีว่า ท่านอาจารย์จิตติ ติงศภัทิย์
นั้นได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านกฎหมายของประเทศจบการศึกษาทั้งในระดับเนติบัณฑิต และระดับมหาบัณฑิตจากสหรัฐอเมริกา เป็นอดีตองคมนตรี ประธานวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2521 ชุดแรก ดังนั้นท่านจึงเป็นที่ยอมรับในแวดวงวิชาการว่าเป็นนักกฎหมายที่มีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งในหลักกฎหมาย สามารถถ่ายทอดแง่มุมต่างๆทางกฎหมายได้อย่างครบถ้วน แม้หนังสือของท่านจะถูกจัดพิมพ์มานานแล้วก็ตามแต่ด้วยความที่ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือมีความครบถ้วนถูกต้อง หนังสือของท่านจึงยังถูกนำมาใช้อ้างอิงในการเรียนการสอนของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ และในงานเขียนทางวิชาการอีกมากมายในปัจจุบัน
ข้อดีของหนังสือเล่มนี้คือผู้อ่านจะได้ศึกษากฎหมายจากภาษาทางกฎหมายจริงๆ ภาษาที่ผู้เขียนใช้ในหนังสือแม้จะอ่านยากซักหน่อยแต่ก็มีข้อดีตรงที่มีความสละสลวย เป็นภาษาทางวิชาการ สามารถนำไปใช้เขียนคำตอบทางกฎหมายได้ดี การลำดับคำอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนเข้าใจง่าย มีคำพิพากษาฎีกาประกอบ พร้อมทั้งหมายเหตุท้ายฎีกาสำคัญๆและความคิดเห็นของผู้เขียนที่อาจแตกต่างจากศาลในบางเรื่อง แต่ก็เป็นความคิดเห็นที่มีเหตุมีผลมีหลักวิชารองรับ น่ารับฟัง ดังนั้นสำหรับท่านที่อยากหาหนังสือที่ให้ความรู้ทางกฎหมายมากกกว่าการเอาฎีกามาพิมพ์ให้อ่าน หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ของท่านได้แน่นอน
ส่วนข้อเสียก็ดังที่กล่าวไปแล้วว่าภาษาที่ใช้อาจเข้าใจยากสักหน่อย การจัดหน้า รูปเล่ม ยังทำได้ไม่ค่อยดี กล่าวคือยังขาดเรื่องการจัดเรียงหัวข้อที่ชัดเจน คำพิพากษาฎีกาที่ถูกนำมาอ้างก็ถูกวางเรียงต่อๆกันไปในย่อหน้าเดียวกัน ไม่ได้แบ่งให้ชัดเจน อาจจะดูลายตาสักหน่อย และหากท่านต้องการกลับมาสืบค้นอีกครั้งก็อาจจะทำได้ลำบาก
เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย
1. ข้อความทั่วไป
2. วิเคราะห์ศัพท์
3. ลักษณะของสัญญาประกันภัย
• เป็นสัญญาต่างตอบแทน
• เป็นสัญญาเสี่ยงโชค
• เป็นสัญญาที่ต้องสุจริตต่อกันอย่างยิ่ง
• เป็นสัญญาที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
4.ประกันวินาศภัย
5.ประกันชีวิต
คนรักหมา
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หมาคือเพื่อนที่ซื่อสัตย์กับเรามากที่สุด ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีวันทรยศคุณ หลายคนอาจเลี้ยงหมาเพราะเห็นว่ามันน่ารักบ้าง อยากเลี้ยงตามตนอื่นบ้าง เลี้ยงเพราะอยากมีเพื่อนเล่นแก้เหงาบ้าง แต่ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงมันเพราะเหตุผลใดก็ตาม รับประกันได้เลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักเพื่อนหน้าขนของคุณอย่างแน่นอน และยิ่งถ้าคุณเป็นคนรักสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วละก็ คุณคงต้องพยายามเสาะหาความรู้ในการเลี้ยงดู ประคบประหงมมัน ไม่ต่างอะไรจากการที่คุณจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเลย นอกจากนี้คุณก็จะกลายเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น อ่อนโยนขึ้น และเวลาที่คุณเห็นคนที่เลี้ยงหมาแบบตามยถากรรมแล้วละก็ คุณก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ผมว่านี่เป็นอาการของคนตกหลุมรักหมาทุกคน การอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุณได้คุยกับคนคอเดียวกัน หมายถึงคุณได้คุยกับคนรักหมาเหมือนกัน ย้ำว่าคนรักหมานะครับ เพราะความหมายของคำว่าคนรักหมากับคนเลี้ยงหมามันแตกต่างกันมาก แต่ว่าผู้เขียนไม่ได้มาสอนวิธีการเลี้ยงหมานะ แต่เป็นการที่เค้าเล่าประสบการณ์การเลี้ยงหมาของเขามากกว่า แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะไม่ได้สาระจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะหนังสือเล่มนี้นอกจากจะเป็นการเขียนเล่าเรื่องของคนเลี้ยงหมาถึง 21 ตัวแล้ว ความรู้ในการเลี้ยงดูเจ้าตูบของคุณก็ถูกถ่ายทอดไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย ซึ่งเป็นทั้งความรู้จากประสบการณ์ตรง และความรู้ที่ได้จากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ได้เป็นวิชาการอะไร ผู้เขียนเป็นทหารนะครับ ซึ่งเวลาเรานึกภาพทหารเลี้ยงหมา เราคงนึกภาพการฝึกพวกมันแบบโหดๆ ฝึกเป็นสุนัขทหารอะไรทำนองนั้น แต่ความจริงกลับตรงข้ามเลยครับ ผมรู้สึกว่าผู้เขียนเค้าเป็นคนรักหมามาก เป็นคนละเอียดอ่อน ดูแลเอาใจใส่หมาที่เค้าเลี้ยงอย่างละเอียด แล้วก็เป็นคนรู้ลึกรู้จริง อ่านแล้วถ้าไม่บอกว่าทหารเขียน คงนึกว่าเป็นหมอเขียนเองซะมากกว่า ยิ่งตอนอ่านบทท้ายๆที่พูดถึงการที่คนเลี้ยงหมาต้องหัวใจสลาย เวลาที่หมาที่เลี้ยงต้องตายจากไปแล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่าเค้าเข้าใจความรู้สึกของคนรักหมาจริงๆ ผมชอบที่เค้าบอกว่า ทั้งหมาและคนเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไป อีกฝ่ายที่ยังอยู่หัวใจสลายเสมอ แต่ต่างกันตรงที่ว่า หมานั้นหัวใจสลายแล้วสลายเลย ไม่ยอมไปหานายใหม่ ส่วนคนอาจหาหมาตัวใหม่มาทดแทนตัวที่จากไปได้ โดยสรุปก็คือหากคุณอยากอ่านหนังสือของคนที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงหมามานาน แล้วได้ทั้งความรู้และความบันเทิง รับรองว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ผิดหวัง
มหัศจรรย์แบล็คเบอรี่ THE MAGIC BLACKBERRY
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้กลายไปเป็นปัจจัยที่ห้าของมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่าเราขาดมันไม่ได้ เราเสพติดมัน เราใช้มันทำทุกอย่างตั้งแต่ตื่นยันนอน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน คุยกับเพื่อน เล่นเกมส์ ฯลฯ และ แม้ยามนอนเราก็ยังฝันถึงเรื่องราวเกี่ยวกับมัน ทั้งอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ ได้กลืนเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมันเรียบร้อยแล้ว มันเชื่อมโยงทุกคนให้เข้ามาสู่สังคมเดียวกันทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ และแน่นอนที่สุดว่าเราโทรศัพท์เพื่อการติดต่อกับคนรอบข้างเรามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงาน เพราะมันเป็นวิธีการที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วที่สุด และด้วยความที่คุณอาจต้องสื่อสารกับคนอื่นมากเกินไป ตลอดเวลา จนแทบไม่ได้พัก มันอาจนำมาซึ่งความเครียด ความน่ารำคาญ ความหงุดหงิด หลายต่อหลายครั้งในเวลาที่อารมณ์ของเรากำลังเดือดอยู่ เรามักจะพิมพ์อะไรลงไปในมือถือโดยที่ไม่ทันได้คิด จนอาจทำให้ตัวคุณเองและคนรอบข้างของคุณไม่สบายใจโดยไม่รู้ตัว และก็อาจส่งผลเสียหายไปถึงงานที่คุณทำอยู่ หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของแจ็ค ที่บังเอิญได้พบว่าโทรศัพท์แบล็คเบอรี่ของเค้าเกิดมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่เค้าส่งอีเมล์ฉบับหนึ่งออกไป แบล็คเบอรี่ เครื่องนี้เป็นเหมือนตัวแทนอารมณ์ของเขาในช่วงเวลาต่างๆในขณะที่เค้าใช้แบล็คเบอรี่พิมพ์ข้อความออกไป ผู้เขียนให้โทรศัพท์มีชีวิตขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เตือนพวกเราให้ระวังเรื่องการใช้คำพูดผ่านโลกออนไลน์ สำหรับในความรู้สึกผม พล็อตเรื่องแบบนี้ดูจะหน่อมแน้มไปนิดนึง เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิทานสอนใจสำหรับเด็กที่มีตัวเอกเป็นการ์ตูนน่ารักๆ คอยมาบอกมาเตือนว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ทำแล้วจะได้รับผลอย่างไร ผมเลยไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้อ่านวัยไหนกันแน่ คือในส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องราวของผู้ใหญ่ แต่การเอาตัวละครแบล็คเบอรี่มีชีวิตมาใช้ ทำให้ผมรู้สึกว่าทำให้หนังสือกลายเป็นหนังสือสำหรับเด็กไปเลย
ที่บอกว่าเนื้อหาเป็นเรื่องราวของผู้ใหญ่ก็เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เป็นการเตือนสติของคนที่ทำงานอยู่ในองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะหน้าที่ใดก็ตามให้มีความรอบคอบก่อนจะพูดอะไรออกไป เพราะมันอาจย้อนมาทำลายตัวคุณเองได้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือสำหรับเตือนสติ ทำให้ผู้อ่านฉุกคิด แล้วกลับมาทบทวนตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ และยังช่วยพัฒนามุมมองและทัศนคติในการทำงานของคุณให้ดีขึ้น โดยการชี้ให้เห็นถึงผลเสียที่จะตามมาจากการทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ผ่านตัวละครแจ็ค ซึ่งนั่นจะทำให้คุณทำงานในหน้าที่ของคุณได้อย่างมืออาชีพ ก็เป็นหนังสือที่ให้แนวคิดในการทำงานอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจในเชิงเนื้อหาสาระ การเอาตัวละครแบล็คเบอรี่มีชีวิตมาใช้ก็สามารถช่วยให้เรื่องเครียดๆดูซอฟท์ลง ทำให้อ่านง่ายมากขึ้น
เขียนรายงานและโครงงานแบบมืออาชีพ
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจหรือทำงานในแวดวงธุรกิจค้าขายต่างๆ ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณจะต้องเขียนแผนธุรกิจ เขียนแผนการตลาด นำเสนอองค์กรและลูกค้าของคุณ และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเขียนรายงานและแผนโครงงานมันส่งผลหลายอย่างต่อทั้งตัวคนเขียนและต่อองค์กรที่คุณสังกัดอยู่ หมายความว่าตัวคุณเองก็จะเสียประวัติ และองค์กรของคุณก็จะเสียลูกค้า สูญเสียกำไรและโอกาสทางธุรกิจ ถ้าคุณเรียนมาทางด้านนี้หรือทำงานด้านนี้มานาน ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเขียนเรื่องพวกนี้ได้ แต่คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณจะเขียนเป็นและเขียนได้ดี หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนคู่มือที่จะช่วยสอนทั้งมือใหม่ที่ยังไม่เคยเขียนให้เขียนเป็นและมือเก๋าที่เคยเขียนมาแล้วให้เขียนได้ดียิ่งขึ้น ผมคิดว่าสำหรับมือใหม่ปัญหาสำคัญก็คือไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนยังไง แบบนี้ถูกมั้ย ใช้ได้รึเปล่า คือคิดได้แต่เขียนออกมาเป็นภาษาเขียนไม่ได้ หนังสือเล่มนี้สามารถสอนคุณตั้งแต่นับหนึ่งเลย คือตั้งแต่การจัดระเบียบความคิดของคุณ ให้สิ่งที่อยู่ในหัวคุณเป็นระบบเป็นระเบียบก่อน ไล่ไปเรื่องการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นถ้อยคำภาษาเขียน การใช้ภาษาที่สามารถสร้างความชัดเจนและความประทับใจต่อผู้อ่าน และเทคนิควิธีการนำเสนองานเขียนของตน ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ถือเป็นหัวใจของการเขียนรายงานและโครงงานแบบมืออาชีพให้ประสบความสำเร็จ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีแค่หลักการอย่างเดียวนะครับ แต่ยังมีตัวอย่างและแบบฝึกหัดให้ได้ศึกษากันด้วย ที่สำคัญมากกว่าทฤษฎีการเขียนก็คือหนังสือเล่มนี้ยังแนะนำเทคนิคดีๆ เช่น การแนะนำเทคนิคการโน้มน้าวใจผู้อ่าน สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ สิ่งที่ผู้อ่านไม่ชอบ สอนเรื่องสิ่งที่คุณจะต้องให้ความสำคัญในการเขียนรายงานและโครงงาน คือบางคนเขียนเน้นแต่เนื้อหาสาระ เลยทำให้งานที่ออกมาขาดเสน่ห์ดึงดูดใจ ในหนังสือก็จะบอกคุณว่ามีเรื่องอะไรอีกบ้างที่คุณต้องให้ความสำคัญ นอกจากเนื้อหา อย่างเช่นรูปร่างหน้าตาของโครงงานและแผนนำเสนอโครงการ สไตล์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร กลวิธีในการนำเสนอผลงานเพื่อจูงใจลูกค้า ซึ่งทุกเทคนิคจะมีหลักการรองรับเสมอ แถมท้ายด้วยกำลังใจในการฝึกฝนการเขียนของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ตำรา ภาษาที่ใช้จึงมีลักษณะกึ่งทางการ ข้อดีคืออ่านแล้วเข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากมือโปรทางธุรกิจ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปใช้จริงได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่เป็นแค่ทฤษฎีท่องจำ ที่เอาไปใช้ทำงานจริงๆไม่ได้
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ความนิยมในการถ่ายรูปในปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันหลายคนนิยมถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก กล้องที่นำมาใช้ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามงบประมาณและลักษณะการใช้งาน ในช่วง 10 ปีมานี้จะเห็นว่ากระแสการถ่ายรูปเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยความเติบโตของการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและโทรศัพท์มือถือ การถ่ายรูปจึงเป็นเรื่องที่หลายต่อหลายคนทำเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว แม้ว่าโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันจะมีฟังก์ชั่นการถ่ายรูปเป็นพื้นฐานติดมาด้วยแทบทุกเครื่องและทุกยี่ห้อ แถมยังมีคุณสมบัติที่ไม่แพ้กล้องราคาแพง การถ่ายรูปจึงกลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้ความนิยมการใช้งานกล้อง compact ยิ่งลดน้อยลงไปทุกที แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ความนิยมในการใช้งานกล้อง DSLR ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม และอาจมากขึ้นด้วยซ้ำ โดยเราจะเห็นว่ามีกล้องรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดถี่ขึ้นกว่าแต่ก่อน คนหันมาใช้กล้อง DSLR มากขึ้นเพราะราคาถูกลงและมีฟังก์ชั่นความสามารถในการใช้งานที่มากขึ้น สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ ด้วยความละเอียดระดับ High Definition เทียบเท่ากล้องวิดีโอจริงๆเลยทีเดียว ส่งผลให้มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหันมาเล่นกล้อง เลือกที่จะซื้อกล้อง DSLR เป็นกล้องตัวแรก แทนที่จะซื้อกล้อง compact
อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่ากล้อง DSLR เป็นกล้องที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ละเอียดซับซ้อน ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าการทำงานได้หลากหลายโหมด ผู้ที่จะเลือกใช้งานกล้อง DSLR จึงจำเป็นจะต้องศึกษา ทำความเข้าใจกล้องของเรา ทั้งนี้ก็เพื่อสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากเราซื้อกล้องราคาหลายหมื่นบาทมาใช้แล้วไม่เคยปรับตั้งค่าอะไรเลย เลือกใช้งานแค่โหมดอัตโนมัติตลอด กล้องที่เรามีก็คงไม่ต่างอะไรจากกล้อง compact ธรรมดาๆทั่วไป กลายเป็นว่าซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ให้เต็มที่ ขาดทุนไปเสียเปล่าๆ เป็นเรื่องน่าเสียดาย
หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นคู่มือการใช้งานกล้อง DSLR ที่สมบูรณ์แบบ all in one เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้กลับกล้องได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ คู่มือเล่มนี้จะช่วยแนะนำส่วนประกอบต่างๆของกล้อง การควบคุมกล้อง วิธีการใช้งาน เทคนิคการถ่ายภพ การจัดองค์ประกอบ ตลอดจนการโพรเซสภาพ และแน่นอนย่อมมีภาพประกอบการสอนที่จะช่วยเพิ่มความเข้าใจตามสไตล์หนังสือคู่มือ เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผู้อ่านจะสามารถใช้งานกล้อง DSLR ของท่านได้ง่ายขึ้น ถ่ายภาพได้สวยกว่าเดิม และที่สำคัญคือ สามารถใช้กล้องได้คุ้มค่ากับเงินหลายหมื่นที่ต้องเสียไป
ผู้เขียนจบการศึกษาด้านกราฟฟิกดีไซน์และมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการถ่ายภาพ ตัดต่อ ถ่ายวิดีโอ น่าจะช่วยการันตีหนังสือเล่มนี้ได้ว่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานกล้อง DSLR ได้
เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย
1. รู้จักกับกล้อง DSLR กันก่อน เป็นบทนำที่จะอธิบายความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกล้อง DSLR เช่นประเภท เลนส์ รูรับแสง ทางยาวโฟกัส อุปกรณ์เสริม
2. เริ่มต้นใช้งานกล้อง DSLR สอนการจับกล้อง การปรับค่าต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงกับสปีดชัตเตอร์
3. เทคนิคการใช้งานกล้อง DSLR ให้ได้อย่างโปร เช่นการกำหนดค่าแสง สี เคล็ดลับการถ่ายภาพต่างๆ
4. เทคนิคการใช้งานแฟลช
5. แสงและการจัดองค์ประกอบภาพ ทิศทางของแสง แสงในช่วงเวลาต่างๆ จะจัดองค์ประกอบภาพอย่างไรให้สวย
6. สูตร(ไม่)สำเร็จของการถ่ายภาพแบบต่างๆ เช่นการถ่ายภาพมาโคร การถ่ายภาพทิวทัศน์ การถ่ายภาพอาหาร การถ่ายภาพบุคคล การถ่ายภาพกีฬา เป็นต้น
7. กระบวนการจัดการภาพถ่าย การโหลดภาพลงคอม การปรับแต่งไฟล์ raw เบื้องต้น การตกแต่งภาพด้วย Adobe Photoshop เป็นต้น
Illustrator CS6 Professional Guide ฉ. สมบูรณ์
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาด้านกราฟฟิค ดีไซน์ ของผู้เขียน ที่ใช้งานโปรแกรมนี้มาเกือบทุกเวอร์ชั่นตั้งแต่เวอร์ชั่น 10 , cs , cs2 , cs3 , cs4 , cs5 จนมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง CS6 ย่อมเป็นเครื่องรับประกันอย่างหนึ่งว่าผู้อ่านจะสามารถเก็บเกี่ยวเอาข้อมูลในการใช้งานโปรแกรมผ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างครบถ้วนแน่นอน
เมื่อพูดถึงโปรแกรม Illustratrator หลายคนเข้าใจว่าเป็นโปรแกรมวาดรูป ซึ่งอาจจะเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด เนื่องจากแท้ที่จริงแล้วนอกจากการวาดเส้น หากมีการแต่งภาพ วาดลวดลาย หรือทำกราฟฟิคประกอบ นักออกแบบมืออาชีพส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกใช้ Illustrator ในการทำงานด้วยกันทั้งนั้น
ในแง่ของลูกเล่นหรือฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้ ก็เช่น
• Adobe Mercury Performance System ระบบประมวลผลแบบใหม่
• การปรับปรุแผงสีใหม่จากพาแนล color
• การปรับปรุงแผง Coontrol Panel ให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้นการนำเครื่องมือที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้งาน
• ประสิทธิภาพของ Gaussian Blur ที่เพิ่มขึ้น
• การไล่โทนสีบนเส้นขอบภาพ (Gardients on Strokes)
• การแก้ไขแบบอินไลน์ ใน พาแนล
• New Image Trace
• Pattern Creation สร้างลวดลายง่ายและสะดวกขึ้น
• แก้ไขรูปทรงบนทรานสฟอร์ม พาแนล แบบใหม่
• เครื่องมือใหม่ใน Type Panel
• กำหนดพื้นที่และเครื่องมือการทำงานได้ง่ายขึ้น
• หน้าต่าง Preferances กำหนดค่าของโปรแกรมได้ง่ายและสะดวกขึ้น
เนื้อหาภายในเล่มประกอบไปด้วย 13 chapters ได้แก่
1. ฟีเจอร์ใหม่ของ Illustrator
2. การทำงานเบื้องต้นกับ Illustrator CS6 เช่น ส่วนประกอบหน้าจอของ Illustrator, กล่องเครื่องมือ
3. วางภาพด้วยเครื่องมือพื้นฐาน เช่น การใช้งานเครื่องมือกลุ่มวาดเส้น, วาดรูปทรงเรขาคณิต
4. วางภาพและสร้างงานกราฟฟิคแบบโปร เช่น วาดรูปทรงด้วยเครื่องมือ Pen tool, แปลงภาพถ่ายเป็นภาพวาดด้วย Image Trace
5. พื้นฐานการใช้งานสีใน Illustrator CS6 เช่น การเลือกใช้สีและสร้างชุดสีด้วยพาแนลต่างๆ, การลงสีแบบละเอียด, การผสานสี
6. ตกแต่งเส้นขอบแบบต่างๆ เช่น การวาดและรวมเส้น, การสร้างหัวแปรงใหม่เก็บไว้ใช้งาน
7. Layer และการจัดการรูปทรง เช่น การจัดลำดับชั้นให้วัตถุ, การเลือกทำงานกับ object,
การรวมกลุ่มวัตถุ, การจัดระเบียบให้วัตถุ, การหมุนและกลับด้านให้วัตถุ, การทำซ้ำวัตถุ
8. ปรับแต่งและแก้ไขรูปทรง เช่น การบิดรูปทรงด้วยเครื่องมือกลุ่ม Liquify, การดัดรูปทรงด้วยเอฟเฟค, การตัดเจาะรูปทรง, การรวมรูปทรง, การวาดรูปทรง Perspective
9. ตกแต่งภาพด้วยเอฟเฟ็ค เช่น การปรับมุมมองวัตถุให้สมจริง, การใส่เอฟเฟคพิเศษให้ภาพ, เทคนิคการใช้งานเอฟเฟค
10. ใช้งาน Symbol และ Graph เช่น การจัดการกับ Symbol ด้วยเครื่องมือพิเศษ, การสร้างกราฟด้วยกลุ่มเครื่องมือกราฟ
11. ทำงานกับตัวอักษร เช่น การสร้างข้อความด้วยเครื่องมือต่างๆ, การพิมพ์ตัวอักษรให้พลิ้ว, เทคนิคตกแต่งตัวอักษร
12. การพิมพ์และการ Export art work
13. Workshops สไตล์มืออาชีพ เช่น การสร้างอักษร 3D แบบสมจริง, การตกแต่งภาพถ่ายด้วย
กราฟฟิค, การวาดวัตถุแบบสมจริง, การสร้างลวดลายกราฟฟิคด้วยเปียโน, การสร้างข้อความเป็นลวดลายทุ่งหญ้า, การสร้างโลโก้ นามบัตร และเมนูอาหารสำหรับสินค้าของตัวเอง

ผู้เขียนได้พยายามอธิบายเนื้อหาความสามารถของโปรแกรมอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเบื้องต้น เช่น การใช้เครื่องมือต่างๆ การเลือกใช้สี การพิมพ์ข้อความ จนถึงการใช้งานจริง เช่น ออกแบบโลโก้ นามบัตร หัวจดหมาย ซองจดหมาย โบรชัวร์ ออกแบบหน้าเว็บไซต์ โดยมีภาพประกอบอธิบายการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ผู้อ่านสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่ายแม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน แถมยังมีคอนเซปของเครื่องมือในแต่ละกลุ่มรวมถึงเทคนิคที่จะช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย ท้ายเล่มมี DVD Tutorial สอนการทำ work shop ระดับมืออาชีพ ทั้งนี้จากประสบการณ์ของทีมงานในการฝึกอบรมโปรแกรมมายาวนานพบว่าการใช้โปรแกรมนี้ให้เป็นจะต้องฝึกบ่อยๆ จนคล่อง จึงได้มีเนื้อหาส่วน workshop และ DVD ประกอบ เพื่อให้ผู้อ่านได้ลองทำงานที่มืออาชีพต้องพบเจอบ่อยๆ
อาชีพอินเทรนด์ เปลี่ยนโลก คุณเองก็เป็นได้
5
โดย: ปุณิกา วันที่เขียนรีวิว: 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เคล็ดลับของคนที่ประสบความสำเร็จ ร้อยทั้งร้อยมาจากการที่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักและมีความสุข อรรถวิทได้เป็นพิธีกรรายการ ห้องแนะแนว ทำให้เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน พูดคุยกับบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆ มากกว่า 50 อาชีพ เขาได้รับแง่คิดและแรงบันดาลใจมากมายจากบุคคลเหล่านั้น และอยากส่งต่อแรงบันดาลใจดังกล่าวให้กับใครอีกหลายๆคน จึงได้เกิดเป็นหนังสือเล่มนี้ที่ได้รวบรวมประสบการณ์จากไอดอล 10 คน 10 อาชีพ ที่น่าสนใจ มาบอกเล่าให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน
สิ่งที่ประทับใจในหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนมีบทปิดท้ายที่เป็นการนำเสนอสิ่งที่ตัวเองได้จากการพูดคุยกับไอดอลเหล่านั้น ซึ่งเป็นการชวนให้ผู้อ่านได้คิดตามด้วย แต่โดยภาพรวมของหนังสือยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ขอให้คะแนนแค่ 6 เต็ม 10 เหตุผลคือ ไม่มีอะไรใหม่ เนื้อหาทั้งสิบเรื่องสิบคนก็วนเวียนอยู่แค่ความรักในสิ่งที่ตัวเองทำ ความพยายาม ความอดทนมุ่งมั่น ความขยัน อะไรทำนองนี้ เหมือนกับหนังสือสูตรสร้างความสำเร็จทั่วไป พูดตรงๆคืออ่านแล้วรู้สึกเอียน เลี่ยน เหมือนกินขนมหวานซ้ำกันสิบชามติดต่อกัน แต่ถ้าคุณเป็นผู้อ่านที่ไม่เคยสัมผัสกับหนังสือแนวนี้มาก่อน แล้วอยากเริ่มต้นอ่าน ก็ลองอ่านเล่มนี้เป็นเล่มแรกก็ได้ ไม่เสียหายอะไร
ต่อไปเป็นข้อความบางส่วนที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมอ่านแล้วรู้สึกประทับใจ ย้ำว่านี่คือการยกเอาประโยคจากหนังสือมาให้อ่าน เพราะต้องการให้เห็นสิ่งที่ไอดอลเหล่านั้นคิด เลยอยากเอามาส่งต่อบ้างบางส่วน เผื่อจะช่วยจูงใจให้คุณอยากอ่านเนื้อหาข้างในที่มากกว่านี้มากขึ้น
1. ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ ยอดนักวิทยาศาสตร์หญิงไทยยุคใหม่ : เสน่ห์ของการเป็นนักวิทยาศาสตร์คือ ทุกวันมีอะไรใหม่ๆ ให้เราลองทำ มีอะไรให้เราได้คิดตลอด เธอฝากข้อคิดสำหรับคนที่อยากเรียนเก่งคือให้เรากล้าคิดกล้าถามในเรื่องที่เราไม่เข้าใจ ปิดท้ายด้วยการพูดถึงเรื่องความสำคัญของงานวิจัย
2. ดร.วิวัฒน์ ศัลยกรรมธร ต้นแบบเศรษฐกิจพึ่งตนเอง : เมื่อหวนนึกถึงการดำเนินชีวิตในวัยเด็กก็คิดได้ว่าพ่อแม่ใช้วิธีการตามที่ในหลวงมีพระราชดำริว่า การสอนมีสองอย่างคือการสอนความรู้ให้สามารถเลี้ยงชีพได้และช่วยเหลือผู้อื่นได้กับการสอนคุณธรรมในสามารถดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี เลี้ยงดูทุกชีวิตให้อยู่ได้พอมีพอกิน เราอยากพิสูจน์ให้ดูว่าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงทำได้จริง ก็ออกมาทำให้ดูว่ามันอยู่ได้จริง ปิดท้ายด้วยการอธิบายด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3. ผศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวแถวกรีนดีไซน์ : ความภูมิใจของเขาคือการทำให้ผู้คนในสังคมเห็นว่านักออกแบบสามารถเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ไม่ใช่เป็นพวกฟุ่มเฟือย หรูหรา แฟนซี ขับรถพอร์ช ชอปปิ้ง กินหรู ที่สำคัญกว่านั้นคือการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ปิดท้ายด้วยประโยชน์ของการทำธุรกิจรีไซเคิล
4. ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นักปั้นธุรกิจ e-commerce : พยายามเปิดตากว้าง เรียนรู้ลองอะไรเยอะๆ พอเราลองอะไรเยอะๆ เราจะเห็นว่าเราชอบอันนี้ ใช่หรือไม่ใช่ และที่เหลือคือความรู้ไม่ได้อยู่ในมหาลัยเท่านั้น ปิดท้ายด้วยการวางหลักว่าเมื่อโลกเปลี่ยน แนวคิดในการทำธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย
5. วีรภัทร ชินะนาวิน แอนนิเมเตอร์มือระดับฮอลลิวูด : แค่ชอบอย่างเดียวไม่พอ ขยันอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความต่อเนื่องอย่าหยุดเดิน ปิดท้ายว่างานศิลปะบางทีก็ต้องเพิ่งวิทยาศาสตร์เหมือนกัน
6. อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง โลกหลังเลนส์....คนสร้างภาพ : ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนจบช่างภาพ ผมต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง หาอ่านตามสื่อต่างๆ ไม่มีโอกาสได้เรียนในระบบ ปิดท้ายว่างานศิลป์ต้องโดนใจ
7. ปฐมา หรุ่นรักวิทย์ สถาปนิกบนขีดจำกัด : คนที่พบว่าตัวเองชอบอะไรแล้วไปทางนั้นมักจะประสบความสำเร็จทุกราย ปิดท้ายด้วยการยกย่องฮีโร่คนดี
8. สุนิต มืออาชีพเพื่อสังคม : คำว่าผู้ประกอบการที่ผมเรียนรู้ไม่ใช่ประกอบการที่เป็นเถ้าแก่อย่างเดียว แต่เป็นผู้ประกอบการที่เห็นโอกาสแล้วไปทำมันให้สำเร็จและขยายผลได้ ปิดท้ายด้วยการบอกว่าถึงเวลาธุรกิจเพื่อสังคม
9. พิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินนักรำไทยร่วมสมัย : ศิลปะจะดำรงอยู่ได้ หนึ่งคือต้องใช้ได้ สองต้องมีคุณค่า สามต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคน ปิดท้ายว่ากฎของความสนใจ ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจและผู้บริโภคสนใจด้วย
10. รักกิจ ควรหาเวช ความแตกต่างบนเส้นทางกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ : กราฟฟิกดีไซน์อยู่รอบตัวเรา เรียนจบด้านนี้ไม่มีวันอดตาย ปิดท้ายว่าปัจจัยที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ไทยมีผลงานติดอันดับโลกน่าจะมาจากความโดดเด่นด้วยความเป็นไทย
www.batorastore.com © 2024