Customer Reviews

Startup เสี่ยยุคใหม่
3
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 23 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เมื่อผมได้เห็นว่าออกมาก็ค่อนข้างตั้งความหวังใว้มาก เพราะหนังสือแนวนี้ผมไม่ค่อยจะเห็นมีการเขียนออกมากันซักเท่าไหร่ เรื่อง startup นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูกับคนไทยซักเท่าไหร่ อาจจะเพราะด้วยเหตุผลหลายประการที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถทำให้ startup ของตนผ่านเข้าสู่ลูกค้า mainstream ได้ จึงไม่ค่อยได้เห็นเรื่องราวความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจที่เกี่ยวกับ internet ในประเทศไทยซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอเมริกาหรือประเทศอื่นๆที่มีธุรกิจ internet ที่มีมูลค่าสูงอย่างไม่น่าเชื่อภายในระยะค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับการสร้างธุรกิจอื่นๆ

เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลงก็ได้พบว่าผมค่อนข้างผิดหวังอยู่พอสมควรเนื่องจากเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวกับ startup ทั้งหมด แต่กลายเป็นมีเรื่องอื่นๆที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันขนาดนั้น และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ startup ก็ไม่ได้ลงลึกเท่าที่ควร แถมเนื้อหาภายในเล่มยังเป็นการนำคน 8 จากหลากอาชีพธุรกิจมาเล่าเรื่องราวที่ตนต้องการจะเล่า ทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (บางคนเล่าเืรื่องการตลาด การสร้างแบรนด์ การดูงบการเงิน ซึ่งเกี่ยวแบบกว้างๆไ่มได้เจาะลึกว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับธุรกิจ startup เลย

แต่ก็มีบางบทที่น่าสนใจเพราะได้นำเอาธุรกิจ startup บางตัวมาแสดงให้เป็นตัวอย่าง ซึ่งก่อนที่ผมจะอ่านมัน ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจพวกนี้เลย เช่น shopspot SOdA PrintinG KHOBKHUN ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บอีคอมเมอร์ซแต่ก็จะไม่ได้ลงรายละเอียดลึกนักครับ

แต่ถ้าผู้อ่านไม่ได้เคยสนใจหรือรู้จักกับธุรกิจ startup มาก่อนก็อาจจะมีข้อมูลที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้อยู่แล้วบ้าง แต่เนื่องจากว่าผมค่อนข้างอ่านมาเยอะอยู่แล้วเลยทำให้พบว่าหนังสือเล่มนี้หลายบทจะค่อยข้างพูดถึงเรื่องที่กว้างเกินไปและไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการศึกษาเรื่องที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปใช้ได้จริงมากกว่า สรุปคือเหมาะกับมือใหม่ที่สนใจเรื่องนี้และไม่มีความรู้เลยมากกว่ามือเก๋าครับ
เรื่องเล่าจากร่างกาย
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 23 กันยายน พ.ศ. 2556

"ทำไมคนถึงมีชู้" "ทำไมผู้หญิงมีนมและสะโพก" "มีเซ็กส์มันดียังไง" "ทำไมคนหล่อถึงหล่อ ทำไมคนสวยถึงสวย" เป็นคำถามที่ถ้าถามคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ก็คงไม่ได้คำตอบหรือได้คำตอบติ๊งต๊องกลับมา หรือไม่แม้แต่จะคิดถามคำถามที่น่าสนใจพวกนี้กันเลย พออ่านเจอหน้าปกหนังสือเล่มนี้ว่า ผู้เขียนจะเขียนอธิบายเกี่ยวกับคำถามพวกนี้ ผมก็รีบซื้อหนังสือเล่มนี้และอ่านจบไปในเวลาไม่นาน ต้องนับว่าเป็นหนังสือแนววิทยาศาสตร์ ( pop science ) ที่ดีมากๆเล่มหนึ่งเพราะไม่ได้ใช้ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เยอะมากจนอ่านไม่รู้เรื่อง และยอมแพ้ไปซะก่อน อ่านจบแล้วทำให้ผมเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์เรามากขึ้น ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนวิวัฒนาการมาเป็นเราอย่างในปัจจุบัน มีเหตุผลอย่างไรที่เรามีรูปร่าง และพฤติกรรมเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ คำตอบทุกคำตอบสามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่พวกเรานั่นแหละได้สะสมมาจนกลายเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในโลก
เถ้าแก่น้อย "ต๊อบ" Story
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ผมเป็นแฟนพันธ์แท้หนังสืออัตชีวประวัติและชีวประวัติและเมื่อเห็นนักธุรกิจเขียนหนังสือแนวนี้ออกมาก็จำเป็นต้องซื้อมาเก็บสะสมใว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมอ่านแล้วได้แรงบันดาลใจที่จะเริ่มทำธุรกิจอะไรซักอย่างที่ถึงแม้อาจจะต้องล้มลุกคลุกคลานก็จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้และต้องไม่ยอมแพ้ ในหนังสือผู้เขียนได้เล่าเรื่องราวตั้งแต่เขายังเป็นวัยรุ่นและได้หาเงินจากการขายของหายากในเกมโดยที่มีเทคนิคที่ทำให้เขาได้เปรียบเรื่องช่วงเวลาที่ต่างกันของแต่ละประเทศ(เกมมีคนจากหลายประเทศเข้ามาเล่น)ต่อมาผู้เขียนก็ได้ทำธุรกิจเอาเครื่องเล่นซีดีจากจีนแดงมาขายซึ่งก็มีปัญหาเพราะถูกลูกค้าบ่นว่าคุณภาพแย่มากจึงต้องเลิกธุรกิจนี้ไปและธุรกิจต่อมาก็คือขายเกาลัดซึ่งธุรกิจนี้แหละที่เป็นตัวต่อยอดไปที่ธุรกิจสาหร่ายที่สร้างความมั่งคั่งอย่างไม่น่าเชื่อให้แก่หนุ่มน้อยคนนี้ ระหว่างเส้นทางการทำธุรกิจของผู้เขียน เขาได้แสดงลักษณะนิสัยที่ยอดเยี่ยมของผู้ที่จะสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงมาตลอดเช่น ความกตัญญู ความไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความช่างสังเกต ความชอบที่จะเสี่ยงเมื่อรู้ว่ามีโอกาสที่จะสำเร็จ และอื่นๆที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลอมรวมใว้ในคนๆเดียวๆเพื่อที่จะสร้างผู้ประกอบการที่ดี ถ้าท่านกำลังคิดที่จะเริ่มทำอะไรซักอย่างเพื่อตัวเองไม่ว่าจะ ทำธุรกิจหรือทำเป้าหมายอื่นๆให้สำเร็จลุล่วง ท่านต้องอ่านเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ให้จบและเริ่มทำมันทันทีโดยนำเอาลักษณะพิเศษของผู้เขียนมาปรับใช้กับเส้นทางของท่าน ผมก็เช่นกัน
ฟรีด้อมเทรดเดอร์ : Freedom Trader
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ด้วยสไตล์การเขียน blog ที่มีความเฉพาะตัวของผู้เขียน เขาจึงตัดสินใจนำบทความต่างๆมารวมเล่มใว้เป็นหนังสือให้ผู้ที่ไม่ต้องการปวดตาจากการอ่านตัวหนังสือในคอมพิวเตอร์นานเกินไป *0* ดูจากชื่อหนังสือท่านคงจะเดาไปว่าเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับนักเก็งกำไรที่มีอิสระแบบทำงานหน้าบังกะโลว์เบื่อๆก็ไปเดินเล่นหน้าชายหาดอะไรอย่างงั้น แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีแค่เรื่องนี้แต่กลายเป็นหนังสือรวมบทความสัพเพเหระทุกเรื่องตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ อย่างเช่นเรื่อง เศรษฐศาสตร์มหภาค การลงทุน นักลงทุนต่างๆ เรื่องผลตอบแทนของการลงทุน เรื่องหุ้นรายตัวบางตัว สรุปว่าหนังสือเล่มนี้กว้างมากๆๆๆๆๆๆ ถ้าท่านต้องการอ่านเพื่อเพิ่มความรู้รอบโต๊ะก็น่าสนใจไม่น้อยที่จะเอาใว้อ่านเล่น (ข้อดีมากๆของผู้เขียนคือเขียนได้สนุกมาก) แต่ถ้าต้องการเจาะลึกให้เป็นเทพด้านการลงทุนอาจจะต้องหาหนังสือเล่มอื่นแทนล่ะ (เช่นของ ดร. อุ๊ย *0*)
วิถีเถ้าแก่
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 21 กันยายน พ.ศ. 2556

เล่มนี้ผมได้ซื้อมาอ่านหลังจากได้อ่าน วิถีเถ้าแก่ Episode 3 ซึ่งถือว่าเป็นหนังสือธุรกิจที่ยอดเยี่ยมติดอันดับ 1 ใน 5 ที่ผมเคยอ่านมาทั้งหมด (น่าจะเป็ร้อยเล่มแล้วครับ) เนื้อเรื่องในเล่ม 1 นี้มีความแตกต่างกับ เล่ม 3 พอสมควร ซึ่งถือว่าไม่น่าเชื่อเลยอย่างยิ่ง เพราะว่าถ้านักเขียนคนหนึ่งๆจะเขียนหนังสือที่ยาวและมีเนื้อหาที่ยอดเียี่ยมได้ขนาดนี้ และสามารถเขียนออกมาได้ ถึง 3 เล่ม (ตอนที่เขียนรีวิวนี้ผมยังไม่ได้อ่านเล่ม 2 แต่จะอ่านอย่างแน่นอน) โดยที่เนื้อหาแตกต่างกันแต่ว่าเป็นเนื้อหาที่สุดยอดทั้งหมด

เล่มนี้จะกล่าวถึงเรื่องราวแทบจะทั้งหมดในการสร้างธุรกิจเล็กๆให้ขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ด้วยศาสตร์ทุกประเภท คือ การตลาด การเงิน บุคลากร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี การบริหารเงินสด การคำนวนกำไร การลดต้นทุน การสร้างคนที่ยอดเยี่ยมในองค์กร การสร้าง model ธุรกิจ ซึ่งแต่ละเรื่องราวนั้น จะมีการอธิบายแบบลึกอย่างมาก ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายสุดๆ อ่านรอบเดียวก็เก็ตแล้ว(อ่านหลายๆรอบก็ไม่น่าเบื่อครับเพราะอ่านสนุกมากๆ) แต่ที่ผมชอบที่สุดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ก็คือเรื่องของความตรงไปตรงมาของเนื้อหาโดยผู้เขียนได้เจออะไรก็เล่าอย่างนั้นโดยไม่ได้เอาแต่หลักการมาพูดแบบนกแก้วนกขุนทองแบบพวกนักวิชาการ

เนื้อหาที่น่าสนใจที่ผมอ่านเจอก็เช่น
- เรื่องร้านสะดวกซื้อที่ตอนเปิดสาขาแรกๆจะไม่กำไร(ขาดทุนนั่นเอง)แต่พอเปิดไปถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะสามารถมาทำกำไร และตอนนี้คือเวลาที่ต้องเร่งเปิดร้านเพราะสามารถนำกำไรไปเปิดร้านต่อได้ง่ายขึ้นมาก(ไม่กินเงินเ้จ้าของแล้วคือกลายเป็น cash cow นั่นเอง)
- 10 กฎทองของ entrepreneur คือ

1. ชัดเจนใน DOs and DONTs
2. เมื่อโอกาสมาถึงต้องกดคันเร่ง
3. เจ้าของธุรกิจต้องรู้คุณคน
4. คบเพื่อนที่มีความเห็นต่าง
5. หักตั้งคำถามเพื่อแก้ปัญหา
6. อย่ารีรอ Just do it
7. สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบก่อน
8. มองอย่างพินิจพิเคราะห์ สรุปรูปแบบให้ได้
9. เมื่อตัดสินใจทำแล้ว จงลุยให้เต็มที่
10. วิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อย

ถ้าจะให้ผมเขียนอธิบายแต่ละหัวข้อก็คงยาวเหยียด แต่บอกได้ว่าคุณค่าของมันหาที่เปรียบมิได้ แล้วก็ยังมี สิ่งที่ถ้าเแก่อย่าทำก็คือ
- ใช้อารมณ์เอาแต่ใจ
- ชักช้าไม่กล้าตัดสินใจ
- ขี้ระแวง หูเบา ขาดความมั่นใจ
- โทษคนอื่นร่ำไป
- เห็น "คน" เป็นค่าใช้จ่าย (อันนี้ผมชอบมาก)
- บริษัทนี้เป็นของข้าฯ
- เงินบริษัทคือเงินข้า
ซึ่งเรื่องเหล่านี้บางคนอาจจะรู้แต่ก็ยังทำซึ่งในระยะยาวแล้วเป็นสิ่งที่จะพาให้เจ้าของธุรกิจทุกคนที่ทำสิ่งแย่ๆพวกนี้ต้องเิจ๊งอย่างแน่นอนถึงไม่ตายก็ไม่โต ผมรับประกันได้ ในหนังสือเล่มนี้จะมีบทใหญ่ตามนี้ทั้งหมด 8 บทคือ
1. คิดอย่างไรจึงได้เป็นเถ้าแก่
2. บุคลิกพิเศษของเถ้าแก่
3. เถ้าแ่ก่อย่าทำ(ดูข้างบนจ้า)
4. การตลาด
5. กลยุทธ์
6. บัญชีและการเงิน
7. บริหารกิจการ
8. 10 กฎทองของ Entrepreneur (ดูข้างบนจ้า)

จะให้เล่าคร่าวๆยังยาวเลยครับ เอาเป็นว่าหนังสือเล่มนี้ถ้าคนที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเถ้าแก่แบบไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเองให้เสียเวลาและเงินทอง ดีไม่ดีอาจจะหมดตัวได้ ต้องงงงงงงงงง อ่านหนังสือเล่มนี้ให้ได้ก่อนที่จะเริ่มครับ
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 21 กันยายน พ.ศ. 2556

เริ่มเล่นหุ้นอย่างไรให้รวย เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีความรู้ในการเล่นหุ้นมาก่อนเลยเป็นอย่างมาก เพราะมันอัดแน่นไปด้วยความรู้แบบตั้งแต่เริ่มสุดๆ ตั้งแต่คำถามที่ว่า ทำไมเราควรที่จะลงทุนในหุ้น หุ้นคืออะไร(โหเจอคำถามนี้เข้าไป)FAQs สำหรับนักลงทุนมือใหม่ จะเริ่มลงทุนต้องทำอย่างไรบ้าง เล่นหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง หุ้นขึ้นลงเพราะอะไร กลยุทธ์การลงทุน ตัวอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ วิธีลดความเสี่ยงในการซื้อหุ้น และเทคนิคการใช้กราฟในการซื้อหุ้น ในความคิดของผมหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงเหมาะแค่แต่กับมือใหม่เท่านั้นแต่มันยังสามารถช่วยให้มือเก่าสามารถทบทวนวิธีการลงทุนของตัวเองได้เป็นอย่างดีเช่นกันเพราะแม้หัวข้อส่วนใหญ่จะเขียนใว้สำหรับมือใหม่แต่ก็มีการสอดแทรกความรู้ขั้นสูงเป็นช่วงๆ (ก็ไม่ควรจะเรียกว่าความรู้ขึ้นสูงที่มือใหม่จะไม่มีทางรู้ได้แต่มันเป็นเหมือนหลักการที่มือเก่าก็ควรต้องอ่านซ้ำๆเพื่อที่จะสามารถจำและเตือนใจตัวเองอยู่เสมอโดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอารมณ์ในการลงทุน)หนังสือเล่มนี้จะไม่หนักไปในทางเก็งกำไรหรือ VI อย่างสุดขั้วแต่จะอธิบายว่าการลงทุนนั้นมีอยู่หลายวิธีและจะแยกแยะว่ามีนักลงทุนประเภทไหนบ้างในตลาดหุ้นซึ่งอันนี้เราคงต้องเลือกเอาหล่ะว่าควรจะทำยังไงกับชีวิตการลงทุนของเราดี
โดยรวมเป็นหนังสือที่ค่อนข้างเหมาะสำหรับมือใหม่ อ่านง่าย เป็นทางการ แต่มีการสอดแทรกความรู้ที่มือเก๋ายังต้องทบทวนอยู่เสมอ
อ่านงบการเงินให้เป็น
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 20 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ นักลงทุน นักวิเคราะห์ นักบัญชี อาจารย์และนักศึกษา โดยเนื้อหาภายในเล่มจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1. หลักการทั่วไปของงบการเงิน 2. งบดุล 3. งบกำไรขาดทุน 4. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น 5. งบกระแสเงินสด และยังมีส่วนที่สำคัญอย่างมากของหนังสือเล่มนี้ คือส่วนสารบัญเกร็ดความรู้ถึง 72 ข้อ เหมือนกับ FAQs ซึ่งก็คือคำถามที่จะถูกถามบ่อยที่สุดเกี่ยวกับเรื่องบัญชี ซึ่งผมดูแต่ละคำถามแล้ว มันครอบคลุมแทบจะทุกอย่างที่เป็นปริศนาของการทำบัญชีเลย ทุกคำถามล้วนมีความสำคัญ ตรงประเด็น และจัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มุ่งมั่นที่จะศึกษาทางด้านบัญชีต้องรู้ทั้งสิ้น โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็เป็นนักลงทุน ซึ่งการอ่านงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ถือเป็นการเปิดประตูสู่การทำความเข้าใจในสถานะทางการเงินของบริษัทหนึ่งๆ ถ้าอ่านงบการเงินแล้วเกิดคำถามอะไรขึ้นมา ผมก็จะกลับมาเปิดหนังสือเล่มนี้ แล้วก็จะได้คำตอบกลับมาทุกครั้ง ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะดูงบการเงินผิดพลาด และตัดสินใจลงทุนในบริษัทที่อ่อนแอได้มากทีเดียวครับ
คัมภีร์หุ้น (ปกเหลือง)
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 20 กันยายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่ค่อนข้างเก่า (ก่อนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) แต่ยังใช้ได้สำหรับมือใหม่ เพราะอธิบายตั้งแต่พื้นฐานเลย สำหรับมือเก่าแล้วช่วงแรกๆ ของหนังสือเล่มนี้อาจจะข้ามไปทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะเป็นพื้นฐานเกินไป เช่น ตลาดหุ้นคืออะไร วิธีเปิดบัญชีอะไรพวกนี้ ส่วนอื่นในเล่มก็เป็นการผสมปนเปกันไประหว่างแนวพื้นฐาน แนวเก็งกำไร แนวเทคนิค ซึ่งสรุปได้คร่าวๆว่า เป็นหนังสือที่มองหุ้นแบบเล่นหุ้นมากกว่าจะมองมันเป็นการลงทุนในธุรกิจ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการศึกษาในแนวทาง VI แต่เหมาะสมกับมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีความรู้เรื่องหุ้นมาก่อนเลย
ผมรวยออนไลน์ได้ยังไง
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 18 กันยายน พ.ศ. 2556

จะหาเงินจากโลกออนไลน์ได้จริงหรือ หนังสือเล่มนี้จะตอบว่าได้! ในขณะที่คนไม่เคยอ่านจะตอบว่ามันทำไม่ได้จริง นั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นคิดว่ามันจะสามารถทำได้ง่ายและเร็ว แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆโดยไม่ต้องออกแรง หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมหลากหลายวิธีทางในการหาเงินผ่านโลกออนไลน์ที่สามารถหาเงินได้จริง โดยผู้เขียนที่มีประสบการณ์จริง โดยรวมแล้วจะมีทั้งหมด 7 วิธีหลักๆที่ได้อธิบายอยู่ในเล่มนี้ ได้แก่ 1. การอัปโหลดไฟล์ 2. การขายภาพถ่าย 3. การทำ affiliate 4. การทำ e-commerce 5. การทำ drop shipping 6. การทำงานฟรีแลนซ์ผ่านเน็ต 7. การทำ google adsense ซึ่ง 7 วิธีการนี้น่าจะแทบครอบคลุมทุกวิธีการหาเงินผ่านอินเตอร์เนตแทบจะหมดแล้ว และแต่ละหัวข้อก็ค่อนข้างที่จะเจาะลึกพอสมควร หนังสือเล่มนี้จึงคุ้มมากเพราะซื้อเล่มเดียวได้ศึกษาถึง 7 วิธี
วิถีเถ้าแก่ Episode 3
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 18 กันยายน พ.ศ. 2556

สุดยอดอีกแล้วครับ หนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจเล่มนี้ ต้องบอกได้เลยว่าเล่มนี้เป็นหนังสือที่นักธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ทุกคนไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหนังสือเล่มนี้นั้นมีเนื้อหาที่เกิดจากประสบการณ์ของผู้เขียนล้วนๆ และแทบจะไม่ได้มีการนำเอาหลักการจากในตำรามาเล่าเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นการนำเอาสิ่งที่ผู้เขียนได้เคยพบเจอมาก่อนแล้วทั้งนั้น ซึ่งมีเรื่องผิดพลาดเยอะมากๆ ซึ่งยิ่งดีเข้าไปใหญ่เพราะอ่านแล้วจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำตาม โดยเดี๋ยวผมจะทำรีวิวของแต่ละบทให้ลองอ่านกันคร่าวๆครับ

1. ธุรกิจคุณคือตัวคุณเอง

บทนี้จะเล่าว่าธุรกิจของคุณนั้นจะมีลักษณะที่เหมือนๆกับตัวคุณซึ่งเมื่อยังมีคนน้อยอยู่คุณจะสามารถนำทางบริษัทให้เป็นไปได้ตามอย่างที่คุณต้องการและเมื่อเิริ่มมีคนมากขึ้นๆ ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกกันว่าวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการผสมผสานของคนแต่ละคนที่คุณได้จ้างเข้ามา และมันจะดำรงต่อไปกลายเป็นลักษณะพิเศษของแต่ละองค์กร

2. ใครๆก็รักลูกตัวเองมากที่สุด

บทนี้จะเล่าว่าคุณจะรักธุรกิจของคุณมากที่สุด แล้วใครล่ะจะไม่รักธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าเป็นพนักงานที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ(ถือหุ้น)บริษัทล่ะ เขาจะรักบริษัทไหม? แน่นอนว่าอาจจะรักนิดหน่อยแต่ไม่มีทางรักบริษัทเท่าคุณอย่างแน่นอน ความหมายของบทนี้จะบอกว่าแต่ละคนจะมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน อย่างพนักงานแค่ต้องการได้รับเงินเดือน ทำงานเสร็จก็จบๆไป ไ่ม่ได้มีความรู้สึกหรือผลประโยชน์มากเท่าเจ้าของบริษัท เพราะฉะนั้นเราควรดูที่ความต้องการของแต่ละฝ่ายให้ดีๆ supplier หรือลูกค้าก็เช่นกัน เราควรมองให้ออกว่าพวกเขาต้องการอะไร และใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุด

3. ทำธุรกิจต้องมีกำไร

บทนี้เป็นบทที่ผมชอบมาก เพราะมีเนื้อหาที่ตรงใจแบบสุดขีดและเป็นสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึง(แม้จะทำธุรกิจมาตลอดชีวิต)เช่นเรื่อง ตัวเลขของบริษัท เรื่องการทำให้บริษัทมีกำไร ซึ่งมีรายได้ไม่ได้หมายความว่ามีกำไร หรือแม้แต่มีเงินสดก็ไม่ได้หมายความว่ามีกำไร (งงล่ะสิต้องอ่านเอาในเล่มจ้า) วิธีทีู่ธุรกิจจะเจ๊งมีได้หลายวิธีเช่น การสร้างงานให้พนักงานมีงานทำ(แต่บริษัทขาดทุน) เน้นสร้างปริมาณมากกว่าคุณภาพ ขายตะบี้ตะบันไม่สนใจทวงหนี้ ขายขาดทุนเพื่อกำจัดคู่แข่ง(ขายขาดทุนตั้งนานแล้วคู่แข่งมันก็ยังทนอยู่ได้) ขาดทุนจุกจิก(สินค้าบางตัวขาดทุนบางตัวกำไร แต่ตัวเล็กๆขาดทุนหลายๆตัวก็ทำให้แย่ได้เหมือนกัน) เอาใจลูกค้ามากเกินไป (ตามใจมากเกินไปต้นทุนค่อยเพิ่มขึ้นทีละนิดโดยไม่รู้ัตัว) คำนวนต้นทุนผิด(เอิ่มอันนี้เหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้แต่จริงๆแล้วพลาดกันเยอะสุดๆ)

ผู้เขียนยังได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจอีกว่า ถ้าสถานการณ์มันบังคับแล้วเราควรลดราคาให้ลูกค้าหรือไม่ คำตอบคือไม่ลด เพราะอาจจะโดนต่อรองต่อไปเรื่อยๆจนกลายเป็นเราแพ้ลูกค้าชนะ แต่ถ้าเรายืนยันว่าจะไม่ลด ลูกค้าก็จะรู้ว่าเราต่อรองไม่ได้และก็อาจจะเลิกต่อรองไปเอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ถ้าบริษัทขาดทุนติดต่อกันนานๆ สรรพากรก็จะเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า ทำธุรกิจขาดทุนแล้วทำไปทำไม อ้าวว่าเข้าไปนั่น แล้วก็จะขอให้ตัดขาดทุนสะสมทิ้งอีก เพราะงั้นผู้เขียนจึงบอกว่า ทำธุรกิจต้องมีกำไร!

4. ถ้าไ่ม่เติบโตก็คือกำลังหดตัว

เหตุผลเพราะ เงินเฟ้อ เพราะเจอศึกสองด้าน(รายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม) เงินเดือนพนักงานเพิ่มเร็วกว่าเงินเฟ้อ ราคาถูกกดดันจากทุกด้าน(เช่นสินค้าจากจีนอินเดีย) เหตุผลที่ธุรกิจควรต้องมีการขยายตัวคือ ทำให้เป็นที่กล่าวขวัญของสื่อ(โฆษณาฟรี) มีเงินมากขึ้น(ดูยิ่งใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นทำให้ทำธุรกิจสนุกขึ้น) มีของขายมากขึ้น(กระจายความเสี่ยง) พนักงานมากขึ้น(ทำให้ทำงานได้หลากหลายขึ้น) ลูกค้ามากขึ้น(กระจายความเสี่ยง) สาขามากขึ้น(economy of scale ทำให้สาขาต่อไปขยายง่ายขึ้น)

***ผู้เขียนได้กล่าวอีกเรื่องที่แทบจะน่าสนใจที่สุดในหนังสือเล่มนี้เลยคือ เงินนั้นไม่ได้ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเลย มันเป็นเพียงแค่ตัวเร่งให้อะไรซักอย่างเร็วขึ้นเท่านั้น ถ้าธุรกิจนั้นไม่ดีแต่แรก ใส่เงินเข้าไปก็จะทำให้เจ๊งเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ดีมาก ถ้าใส่เงินเข้าไปก็จะทำให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น***(น่าคิดใช่มั๊ย)

5. ขออีกนิดเดียว

บทนี้ก็น่าสนใจอีกเช่นกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายอีกนิดเดียวซึ่งเป็นการค้นหาสิ่งที่ัยังลดได้ให้เจอแม้แต่แค่ 5% ซึ่งคำนวนดูแล้วเยอะมาก(ถึงจะดูเหมือนน้อย)ทำให้กำไรพุ่งได้เลยทีเดียว(ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นน้อยเช่นค้าปลีก)

6. ใส่ใจเงินสด

เงินสดคือความอยู่รอด และสำคัญยิ่งกว่ากำไร เพราะขาดกำไรยังอยู่ได้ถ้ามีเงินสด แต่ถ้าขาดเงินสดคือม่องเท่ง ณ บัดนาว และเงินสดคือโอกาส ถ้ามีโอกาสวิ่งเข้ามาไม่มีเงินสดคือจบ แต่ถ้ามีเงินสดเราก็จะคว้ามันใว้ได้ เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจต้องมีเงินสดสำรองใว้หลายขั้นยิ่งดี นอกจากนี้การซื้อสินค้าเป็นเงินสดยังได้ส่วนลดมากกว่าปรกติ และส่วนวิธีการต่อรองเวลาไม่มีเงินก็เช่น ชะลอการจ่ายหนี้ หยุดจ่ายค่าเช่า

7. CFO ขี้กลัว

ความหมายของบทนี้คือ CFO ไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไปเพราะคุมส่วนสำคัญมากของบริษัทคือคุมการไหลของเงิน ซึ่งถ้าพลาดหมายถึงตายแหงแก๋(อีกแล้ว) ยิ่งถ้า CEO มองโลกในแง่ดีบุกตะลุยทุกสถานการณ์ด้วยแล้วยิ่งต้องมี CFO คู่ใจคอยทำัตัวเป็นเบรกที่จะคอยทำให้ชลอการลงทุนลงบ้าง(ไม่ให้เร็วเกินจนพุ่งตกเขาไปเสียก่อน)

8. หน้าปัดขับเคลื่อนธุรกิจ

บทนี้เกี่ยวกับเครื่องมีต่างๆที่ใช้ในการวัดสุขภาพบริษัท(เยอะมากอ่านในเล่มเอาเองจ๊ะ)

9. ธุรกิจคือเกม

จะพูดถึงเรื่องที่ธุรกิจจริงๆแล้วคล้ายกับเกมออนไลน์ที่ต้องเก็บแต้มเพื่อเอาไปซื้ออาวุทใหม่ๆ ก็เหมือนกับเก็บกำไรเอาไปต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มเลเวล(ทุนสะสม)ให้สูงขึ้นๆเพื่อที่จะแข่งกับบริษัทอื่นๆ(เพื่อนๆในเกม)นั่นเองซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เกมซะทีเดียว เพราะมีอีกหลายคนต้องพึ่งเรา เช่น ลูกน้อง ซึ่งถ้าเราพลาดในเกมก็ reset ใหม่ได้หรือกลับไป load save ใหม่ แต่ถ้าพลาดในการทำธุรกิจนั่นอาจจะแก้ไม่ได้หรือแก้ได้แต่เจ็บตัวหนักและต้องใช้เวลานานมาก ผู้เขียนกล่าวว่า ให้ศึกษาจากประสบการณ์ความผิดพลาดของคนอื่นให้มาก อย่าไปลองผิดพลาดเอง(ถ้าเป็นไปได้)

10. แค่ชนะก็พอแล้ว

อ่านเองในเล่มจ้า ><

11. อย่าขี้เหนียวกับข้าว

ให้เลี้ยงข้าวผู้เกี่ยวข้องและใช้เวลาตอนกินคุยเรื่องธุรกิจเยอะๆ(ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์)

12. อ่านเพื่อชนะ

หนังสือเล่มนี้ดีที่สุดเพราะเป็นหนังสือที่แนะนำให้อ่านหนังสือ!? ล้อเล่น ต้องบอกว่าเป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะผู้นำระดับโลกทุกคนล้วนเป็นผู้อ่าน(เยอะโคตร)ทั้งสิ้น

13. จ้างคนผิดคิดจนตัวตาย

บทนี้สำคัญมากแต่ยาวมากเช่นกันและมีสิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้ต้องอ่านต้องจำเยอะสุดๆต้องอ่านเองนะจ๊ะ บทที่ 13-16 ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเรื่องคนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หุ้นส่วน การให้พนักงานออกซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญแต่เถ้าแก่น้อยคนนักจะมีความกล้าในการเอาพนักงานออกเหตุผลที่ผู้เขียนให้ในเล่มก็คือ ไม่ต้องการเป็นคนใจร้าย เป็นห่วงพนักงาน เสียดายประสบการณ์ ไม่รู้จะหาใครมาแทนได้ ไม่ต้องการยอมรับว่าจ้างคนผิดพลาด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อแก้ตัวทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วถ้าพนักงานทำงานไม่ได้จริงๆอย่างไรก็ต้องให้ออก บทที่ 13-16 นั้นสำคัญมากๆต้องอ่านในครบทุกตัวอักษรนะครับ

14. คนเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า(แต่ไม่ใช่ทุกคน)
15. ให้ออกเสียบ้าง
16. แล้วหุ้นส่วนก็จากไป

หนังสือเล่มนี้เป็นสุดยอดหนังสือทำธุรกิจที่ไม่มีหนังสือเล่มอื่นมาเทียบได้เนื่องจากเขียนได้ตรงใจแบบแทงใจสุดๆ เขียนไม่เอาแต่หลักการแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีการเขียนเพื่อความสวยงามใดๆทั้งสิ้นและล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผมเองก็เคยผ่านมาบ้างแล้ว(บางส่วน) เขียนอ่านง่าย เข้าใจง่าย คือไม่รู้จะบอกอย่างไรดีเอาเป็นว่าถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้รับรองว่าคุณต้องไปลองผิดลองถูกเองและจะเสียเงินและเวลาไปอีกมาก เีทียบไม่ได้กับเวลาและเงินทองที่เพียงแค่ไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านซัก 1 วันครับ
ADVISOR ที่ปรึกษา
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 16 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่แปลกมากเพราะเนื้อหาเป็นเนื้อหาที่ผสมหลายแนวสุดๆทั้งเกี่ยวกับธุรกิจ เกี่ยวกับทางธรรมะพุทธศาสนาหลักธรรมต่างๆ เกี่ยวกับกฎหมายเยอะอีกต่างหาก และเกี่ยวกับเรื่องการลงหุ้นทางธุรกิจเยอะด้วย ซึ่งทำให้กลายเป็นหนังสือที่มีความหลากหลายสุดๆซึ่งสะท้อนออกมาจากประสบการณ์ของผู้เขียนที่น่าจะทำธุรกิจที่ปรึกษาจนมีประสบการณ์มากได้เป็นอย่างดี

โดยเนื้อหาจะเกี่ยวกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเทคนิคการขายของตัวเองด้วยวิธีการให้คำปรึกษากับลูกค้าฟรี เช่น ให้คำปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับว่าจะลงทุนกับเพื่อนเท่าไหร่ดี? ควรจะถือหุ้นเท่าไหร่เพื่อจะได้ไม่ถูกผู้ถือหุ้นรายใหญ่เอาเปรียบ? ถ้าไม่มีเงินสามารถใช้อย่างอื่นในการลงทุนในหุ้นครั้งแรกตอนตั้งบริษัทได้หรือไม่? ซึ่งการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าแบบนี้อาจจะสามารถทำให้เราขายสินค้าได้ก็เป็นได้ซึ่งเป็นเรื่องที่คนที่ไม่สามารถให้คำปรึกษาจะสามารถทำได้เลย (คือคำปรึกษาถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างนึงนั่นเอง)

เนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะที่มีการนำเอาหลักธรรมต่างๆมาสอดแทรกทำให้ท่านผู้อ่านที่ชอบเรื่องหลักธรรมต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนเพราะล้วนแล้วแต่เป็นหลักธรรมที่สามารถนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจต่างๆได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ส่วนเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเกี่ยวกับการถือหุ้นภายในบริษัท การประชุมผู้ถือหุ้น การมีมติประชุมต่างๆ การดูว่าถือหุ้นเท่าไหร่จะสามารถทำอะไรกับบริษัทได้บ้าง การป้องกันการเพิ่มทุนอย่างไม่เป็นธรรม การใช้ทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ (Intangible assets) ในการลงทุนแทนการใช้เงิน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนแต่เรื่องที่ควรรู้เป็นอย่างยิ่งในการลงทุนทำธุรกิจกับคนอื่นๆ เพื่ออย่างน้อยที่สุดเราจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบจากเพื่อนร่วมลงทุน

เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ผู้เขียนได้บอกว่าสำหรับการให้คำปรึกษานั้น เรา***ห้าม***ไปพยายามให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าประเภท ***บัวใต้น้ำ*** เพราะคนประเภทนี้จะไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นมาได้เลยถึงแม้ว่าจะได้คำปรึกษาที่ยอดเยี่ยมจากเราไปมากมายแค่ไหนก็ตาม และควรอยู่ให้ห่างจากคนประเภทบัวใต้น้ำให้มากที่สุด และจะทำให้เราไม่เสียเวลาและต้องเสียอารมณ์ไปกับคนประเภทนี้

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่สำคัญอย่างมากอยู่ภายในเล่ม เป็นหนังสือที่คนต้องการจะร่วมหุ้นกับคนอื่นไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนในครอบครัวต้องอ่านก่อนที่จะแบ่งสันปันส่วนหุ้นกัน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมาเสียใจทีหลัง และมาบอกว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เพราะตอนนั้นอาจจะต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินทองไปมากจนอาจจะไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาทำธุรกิจใหม่อีกครั้งได้เลย...
ชำแหละพอร์ตโฟลิโอของวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ : The Warren Buffett Stock Portfolio
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 16 กันยายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่จะแงะเอาหุ้นที่อยู่ในพอร์ตหุ้นของวอเรนบัฟเฟตมาวิเคราะห์ถึงข้อมูลทั้งเชิงตัวเลข และเชิงคุณภาพ จากการสังเกตุของผม ผมได้พบว่าหุ้นเกือบทุกตัวได้มีการเติบโตอยู่ในช่วงประมาณ 10-15% ต่อปี เป็นระยะเวลาหลายๆปี บางบริษัทสามารถทำให้กำไรโตได้ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 10 ปี เรื่องนี้บอกอะไรให้เราได้บ้าง? หลายแง่มุมครับ เช่น บริษัทที่มีขนาดใหญ่ สามารถโตได้ในระดับ 10-15% เท่านั้น เราจึงไม่ควรหวังผลตอบแทนเกิน 20% หรือ วิธีเลือกหุ้นของวอเรนนั้นจะคัดเลือกแต่บริษัทที่มีกำไรเติบโตทุกๆปี ในระดับที่ค่อนข้างสูง (15% คือสูงสำหรับผมแล้ว) และไม่มีปีไหนที่ขาดทุน หรือถ้าขาดทุนก็แค่ปีเดียว และปีต่อมาก็สามารถกลับไปทำกำไรให้สูงกว่าเดิมได้อีก หุ้นพวกนี้ยังบอกวิธีการเลือกหุ้นของวอเรนได้อีกว่า เขาเลือกเฉพาะบริษัทที่มีข้อมูลเชิงตัวเลขที่มีให้เราสามารถย้อนกลับไปศึกษาได้หลายๆปี เขาอาจจะย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็ได้ ซึ่งถ้าผมมีข้อมูลของบริษัทเมื่อนานมาแล้ว มันก็น่าสนใจไม่ใช่หรือที่เราควรจะศึกษาอดีตของมันให้เยอะที่สุด
จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร?
4
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ผมเป็นนักลงทุนมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในประเทศอเมริกา และได้เริ่มศึกษาการลงทุนเกี่ยวกับหุ้นมาก็หลายปีซึ่งหนังสือที่ผมซื้อนั้นก็เยอะมากๆ และได้กระจายไปในหลายๆประเภท ทั้งการบริหาร ธุรกิจ ชีวประวัติ การลงทุน นอกจากหนังสือภาษาไทยก็ได้ซื้อหนังสือจากต่างประเทศมาไม่ใช่น้อยเพราะนักลงทุนต่างประเทศนั้นต่างก็มีการเขียนหรือออกหนังสือที่เกี่ยวกับเทคนิควิธีการในการลงทุนของตัวเองมาอย่างมากมาย ส่วนในบ้านเรานั้นช่วงไม่นานมานี้ก็มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้นมาก อาจจะเนื่องจากว่าตลาดเป็นขาขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังจากเกิดวิกฤต ซึ่งช่วงนี้ที่มีหนังสือออกมามากนั้นต้องถือว่าเป็นประโยชน์กับผมอย่างมากที่จะได้ซึมซับความรู้จากนักลงทุนท่านอื่นๆ เช่นคุณกี๊ด กิตติชัย เตชะงามเลิศ เป็นต้น หนังสือเล่มนี้กระทัดรัดและมีการใช้ภาษาที่เป็นกันเอง อ่านง่าย และได้ความรู้แบบโดยตรงมากๆ นอกจากนี้ยังละเอียดยิบว่า ซื้อขายหุ้นตัวไหนที่ราคาเท่าไหร่ เวลาเมื่อไหร่ และยังมีประสบการณ์ชีวิตที่ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการลงทุนอีกไม่ใช่น้อย นอกจากหุ้นยังมีเรื่องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การกระจายพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยง เทคนิควิธีการลงทุนส่วนตัวที่มาจากคุณกี๊ดที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้มาเขียนหนังสือ how to ซึ่งทำให้ผู้อ่านไม่มีความมั่นใจว่ามันจะใช้ได้จริงๆหรือปล่าว ผมซึ่งติดตามรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างๆก็ได้เห็นเทคนิควิธีการลงทุนของคุณกี๊ด ว่าชอบบริษัทแบบไหนและซื้อกี่ตัว จะซื้อจะขายมีเหตุผลอย่างไร ต้องนับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในหนังสือ ที่นักลงทุนมือฉมังเขียนเองที่ดีมากๆ เล่มหนึ่ง ควรซื้อเก็บใว้เพิ่มความรู้หรือจะอ่านเพื่อศึกษาเกี่ยวกับตัวหุ้นเฉพาะตัวๆไปเลยก็ยังได้ เพราะพูดถึงค่อนข้างเฉพาะตัวหุ้นอยู่เหมือนกัน เช่นหุ้นประกันชีวิตเป็นต้น
Facebook billionaire MARK ZUCKERBERG วิชาความสำเร็จยิ่งใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยไม่มีสอน มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 14 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเกี่ยวกับเฟซบุ๊คและนายมาร์คเล่มนี้นั้นเป็นหนังสือเล่มเล็กๆที่มีเนื้อหาไม่มากมายซักเท่าไหร่ โดยช่วงต้นของเล่มจะเป็นการพูดเรื่องเกี่ยวกับลักษณะที่บุคคลที่ประสบความสำเร็จมีกันโดยจะนำเอาตัวอย่างแปลกๆอย่างเช่นจิตกรชื่อดังของโลกเช่นดาวินชีหรือแวนโก๊ะมาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขาเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาได้อุทิตย์ตนไปกับการวาดรูปโดยที่มีสภาพการเป็นอยู่ยากจนเป็นอันมาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้และไม่ทิ้งสิ่งเดียวที่พวกเขารักและต้องการจะทำไปตลอดชีวิต สุดท้ายแล้วรูปภาพของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาได้เสียชีวิตไปแล้วก็กลายเป็นหนึ่งในรูปที่มีราคาสูงที่สุดในโลก

ช่วงต่อมาจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของเฟซบุ๊คอย่างคร่าวๆพร้อมไปถึงประวัติของผู้ก่อตั้งแต่ละคนโดยเฉพาะมาร์คซักเกอร์เบิร์ก และเล่าว่าจริงๆแล้วเฟซบุ๊คต้องผ่านเหตุการณ์ที่ย่ำแย่มาบ้างไม่ใช่ว่าทำปุ๊ปแล้วจะประสบความสำเร็จเลย เช่นโดนผู้ก่อตั้งด้วยกันฟ้อง หรืออยู่ดีๆก็โดนฟ้องจากใครก็ไม่รู้ และยังต้องมีความขัดแย้งระหว่างผู้ก่อตั้งด้วยกันเองอีกจนทำให้บริษัทเกือบจะย่ำแย่เพราะไม่มีเงินไปซื้อเซิฟเวอร์เพื่อรองรับการเติบโต หรือแม้แต่ตอนที่เพิ่งนำฟีเจอร์นิวส์ฟีด (news feed) เข้ามาใช้ใหม่ๆก็โดนผู้ใช้หลายแสนคนประท้วงอีกต่างหาก แต่สุดท้ายผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ชอบและยอมรับกับฟีเจอร์นี้

กลางๆเล่มยังมี quotes หรือการนำเอาคำพูดที่เจ๋งๆของนายมาร์คมารวบรวมให้เราได้อ่านกันอย่างจุใจอีกด้วยที่ผมชอบก็เช่น
- หากคุณต้องการที่จะได้ผลตอบรับอันยิ่งใหญ่กลับมา แนวทางที่ดีที่สุดในการทำให้ไปสู่ผลตอบรับนั้นก็ึคือ การมุ่งมั่นแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุด
-Facebook ไม่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการก่อตั้งเป็นบริษัท มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรลุเป้าหมายของการสื่อสารทางสังคม เพื่อที่จะช่วยให้โลกมีการติดต่อกันได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น เราไม่ได้สร้างบริการนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลกำไรทางการเงิน แต่เราใช้เงินเพื่อทำการสร้างบริการที่ดียิ่งๆขึ้นไปต่างหาก

ส่วนท้ายของเล่มจะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับประวัิติของบริษัทหรือผู้ก่อตั้งซักเท่าไหร่แต่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้เฟซบุ๊คในการทำการตลาดสินค้าหรือการสร้างแบรนด์ หรือแม้แต่วิธีการสร้างโฆษณาอย่างคร่าวๆและข้อดีข้อเสียของการโฆษณาบนเฟซบุ๊คครับ

สำหรับหนังสือเล่มเล็กนี้ๆเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเรื่องราวคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทนี้และผู้ที่ก่อตั้งมันขึ้นมาเพราะหนังสือเล่มนี้เขียนโดยคนไทยจึงอ่านได้ง่ายกว่าหนังสือแปลค่อนข้างมาก และมีเนื้อหาไม่เยอะแต่ค่อนข้างตรงประเด็นอ่านจบได้เร็วและทำให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของเฟซบุ๊คในระดับเบื้องต้นได้อย่างไม่ยากเย็นนักครับ

(แถมเรื่องของมาร์คซักเกอร์เบิร์กที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนครับ
- เขาทีเพื่อนทั้งบหมด 879 คน (ณเวลาที่เขียนหนังสือ)
- เขามีฉายาว่า ซัก เดอะ โรบอท เพราะเขาชอบพูดเหมือนโปรแกรม Instant Message คือพูดห้วนๆ เรียบๆ เป็นโทนเดียวกันหมด
- เหตุผลที่เฟซบุ๊คเป็นสีฟ้า???อันนี้ลองอ่านดูเอาเองน้าาาอิอิ)
ผู้หญิงหน้าโง่กับผู้ชายหน้าด้าน
5
โดย: ลักกี้แมน วันที่เขียนรีวิว: 14 กันยายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้หญิงโง่ๆหลายคนๆจะทำเช่นการไปรักผู้ชายหน้าด้านคนนึงอย่างกับคนตาบอดที่แม้จะเห็นว่าไอผู้ชายคนนี้มันแย่ขนาดไหน ไปมีเมียน้อยใว้กี่คน ตบตีเราเท่าไหร่ และเห็นเราเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์และความไคร่ แต่ก็ยังไปรักเค้าโดยทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่ไอผู้ชายเลวๆคนนี้ทำ ผู้เขียนก็จะบอกว่าเป็นผู้หญิงหน้าโง่ และภายในเล่มจะให้กำลังใจผู้หยิงประเภทนี้และพยายามอธิบายต่างๆนาๆว่าทำไมผู้หญิงจึงควรตัดใจและเลิกยอมพวกผู้ชายหน้าด้านเหล่านี้เสียที พูดง่ายๆคือเิลิกโง่นั่นเอง == โดยอ่านแล้วบางทีก็ใช้ศัพท์แรงในความคิดผม แต่ก็มันส์ดีครับ เล่มนี้อ่านแล้วยังคิดเลยว่าถ้าผู้หญิงที่กำลังตกในสถานการณ์ที่ประมาณว่าสามีนอกใจ ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยมาอ่านละก็ รับรองว่าคงต้องตรงใจเป๊ะ!!! แต่จะทำตามสิ่งที่ผู้เขียนบอกมาได้หรือป่าวก็อีกเรื่อง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอารมณ์ความรักที่ถ้ายิ่งรักมาก ก็ยิ่งตัดใจได้ยากครับ

สรุปคือเป็นหนังสือให้กำลังใจสาวๆทั้งหลายที่กำลังตกหลุมรักพวกผู้ชายหน้าด้านและกำลังมีความทุกข์กับความรักของตัวเองอย่างมากครับ
www.batorastore.com © 2024