Customer Reviews

3
เป็นนิทานที่น่ารักมากๆค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจริงๆนะคะ เด็กๆมีแม่เป็นทุกๆอย่างของเค้า อย่างหลานตัวเล็กของเราก็ติดแม่มากๆเหมือนกัน ไปไหนมาไหนก็ต้องมีแม่ตลอด ใครจะขออุ้มนี่ก็ร้อง อุ้มได้แต่ต้องให้แม่อยู่ใกล้ๆ ต้องอยู่ในสายตาของเค้าตลอด ทำอย่างกับแม่จะทิ้งไปไหนซะอย่างนั้น แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะอยากใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรัก คนที่ตัวเองไว้ใจใช่มั้ยคะ เด็กๆคงจะเป็นแบบนี้กันแทบทุกคนอยู่แล้ว สำหรับนิทานเรื่องผมรักแม่ที่สุดเลยครับ เป็นนิทานในชุดนิทานสร้างครอบครัวอบอุ่น ที่เล่าเรื่องราวง่ายๆของเจ้าหมีน้อยที่ต้องอยู่บ้านกับพี่ชายรอเวลาที่แม่หมีกลับมาจากการออกไปเก็บฟืนในป่า นิทานจะพูดถึงความรัก ความคิดถึงที่หมีน้อยมีต่อแม่ ความเป็นห่วงเป็นใหญ่กลัวว่าแม่จะเจออันตรายตอนที่อยู่ในป่า เป็นนิทานที่ใช้สำหรับการปลูกฟังให้น้องๆรักและเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ให้มากขึ้น จริงๆแล้วเรื่องราวในนิทานไม่มีอะไรเลย แต่แปลกที่สามารถทำให้ผู้อ่านที่โตแล้วอย่างเรารู้สึกดีกับนิทานเรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะเป็นเรื่องที่ตรงกับประสบการณ์ในวัยเด็กของเราและอาจะรวมไปถึงเด็กๆหลายคนที่เฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกก็เป็นได้ หนังสือเล่มนี้ช่วยตอกย้ำความรู้สึกของการรอคอยนี้ได้ดี เข้าถึงเด็กๆ อย่างเจ้าตัวเล็กนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ตรงกับตัวเค้ามากๆเพราะแม่เค้ากลับบ้านดึกเกือบทุกวัน
3
เป็นนิทานที่เน้นการปลูกฝังคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การปลูกฝังคุณธรรมให้กับเด็กๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยนะคะ ช่วงเวลานี้เป็นเวลาทองที่มีค่ามากๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกำลังเรียนรู้ เปิดรับข้อมูลทุกอย่างเข้ามา เพราะฉะนั้นถ้าเราป้อนข้อมูลที่ดีเข้าไปเด็กๆก็จะรับเอาสิ่งดีๆติดตัวไว้ ในทางตรงกันข้ามถ้าเราป้อนข้อมูลที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องให้เค้า เด็กๆก็จะซึมซับความเชื่อ ความคิดผิดๆ ส่งผลต่อพฤติกรรมของเค้าที่ไม่ดีตามมาในอนาคต สำหรับนิทานเรื่องตังค์ทอนเล่มนี้ เป็นนิทานที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากโครงการ Nanmeebooks Award ปี 2553 ค่ะเป็นนิทานที่เน้นการปลูกฝังคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์ เนื้อหาก็เป็นเรื่องราวของโจ้ เด็กน้อยที่คุณแม่วานให้ไปซื้อผักที่ร้านค้าของป้าอ้วนแล้วบังเอิญว่าป้าอ้วนทอนเงินเกินมา 5 บาทเพราะกำลังวุ่นอยู่กับลูกค้า นิทานจะชี้ให้เห็นโทษของการที่โจ้ไม่ซื่อสัตย์โดยการเก็บเงิน 5 บาทนั้นไว้ไม่นำไปคืน เด็กๆจะรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว้าวุ่นใจยังไง ถ้าไม่นำเงินไปคืน และที่สำคัญคือเด็กๆจะไม่เป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่ ในทางตรงกันข้ามนิทานก็จะบอกว่าหากนำเงินไปคืนแล้วเด็กๆจะรู้สึกดียังไง มีประโยชน์ยังไง เนื้อหาตรงๆแบบนี้เลย คิดว่าน่าจะเป็นการสอนที่ได้ผลดีนะคะ ถ้าเด็กๆเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกับโจ้ น่าจะทำให้เค้าเข้าใจสิ่งที่กำลังสอนมากขึ้น ตัวการ์ตูนวาดออกมาได้ค่อนข้างแปลกตา ไม่รู้ว่าจะน่ารักหรือว่าน่ากลัวดี แต่ที่แน่ๆไม่ได้น่ารักแบบแบ๊วๆเลย ถ้าใครที่ชอบนิทานที่อ่านง่าย สอนกันแบบตรงๆเลยแล้วละก็ แนะนำเลยสำหรับเรื่องตังค์ทอน
3
มาไขข้อสงสับเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว์กันค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เชื่อว่าเด็กๆหลายคนคงมีคำถามมากมายเมื่อได้พบเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว ทั้งนี้คงเป็นเพราะว่าพวกเค้าอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากเห็น หรืออยู่ในวัยของการตั้งคำถาม คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็คงจะปวดหัวเมื่อเจอคำถามที่ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บางเรื่องที่ไม่รู้ ถ้ามีเวลาได้ชวนกันไปหาคำตอบกับลูกๆก็น่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ จะได้ถือโอกาสใช้เวลาร่วมกันไปด้วย เรื่องความช่างสงสัยของเด็ก เราก็เจอมากับตัวเองโดยตรง เป็นประสบการณ์จากการอ่านนิทานให้คุณหลานฟังอยู่เป็นประจำ ไม่มีครั้งไหนที่เราอ่านนิทานให้เค้าฟังแล้ว เค้าจะไม่ถาม หนังสือเล่มนี้ก็เลยจัดคำถามมาตอบให้เสร็จเลย ทำไมนะ เป็นหนังสือภาพที่จะให้ความรู้กับเด็กๆเกี่ยวกับเหตุผลที่สัตว์แต่ละชนิดมีรูปร่างหน้าตา สีสัน แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทำไมม้าลายถึงมีลายขาวดำเป็นทางๆ ทำไมแรดถึงมีนออยู่บนจมูก ทำไมสิงโตถึงมีแผงคอ ทำไมอูฐถึงมีโหนก ทำไมปลาวาฬจึงพ่นน้ำ ทำไมจิงโจ้ถึงมีกระเป๋าหน้าท้อง ฯลฯ เป็นคำถามที่เราคิดว่าไม่ใช่เฉพาะเด็กๆเท่านั้นหรอกค่ะที่อยากรู้ ผู้ใหญ่อย่างเราๆก็อยากรู้ไม่แพ้กัน รูปสัตว์ต่างๆในหนังสือจะเป็นรูปวาดอะค่ะ น่ารักดี คำตอบต่างๆก็จะมีทั้งคำตอบที่เป็นมุขหรือแก๊กขำๆแล้วก็มีคำตอบจริงๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้เล่มนี้ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้นให้ลูกฟังไปพร้อมๆกันด้วยได้เลย การใช้การ์ตูนแทนรูปสัตว์จริงก็มีข้อดีตรงที่เด็กๆจะได้ใช้จินตนาการเต็มที่ แต่ก็อาจจะมีข้อเสียตรงที่เค้าจะไม่เห็นว่าของจริงๆเป็นยังไง
3
มาเรียนรู้วัฏจักรของหมีกันค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตุ๊กตาหมีที่พึ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนก่อน กลายเป็นสาเหตุที่เราซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านให้คุณหลานฟังค่ะ เพราะอยากให้เค้าได้รู้จักว่าหมีตุ๊กตาที่เค้ามีอยู่นั้น ถ้าเป็นหมีตัวจริงจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ก็เลยถือเป็นโอกาสดีที่จะสอนเค้าให้รู้จักซะเลย ภายในหนังสือเล่มนี้น้องๆจะได้เรียนรู้ว่าหมีมีชีวิตยังไงตั้งแต่เกิดจนโต จากหมีน้อยน่ารัก กลายเป็นหมีใหญ่ที่ดูเข้มแข็ง แข็งแรง และอาจดุร้ายในบางเวลา น้องๆจะได้เห็นว่าหมีมีรูปร่างลักษณะยังไง มีอวัยวะที่ใช้ในการล่าเหยื่อหรือหาอาหารอะไรบ้าง การสืบพันธ์ของมันจนได้หมีน้อยน่ารักออกมาเป็นยังไง ชีวิตประจำวันพวกมันทำอะไรบ้าง วิธีที่พวกมันจับปลามาเป็นอาหาร การจำศีลในฤดูหนาว เรียกว่าน้องๆจะได้เรียนรู้วัฏจักรชีวิตของหมีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ รูปภาพประกอบก็ใช้รูปหมีจริงๆนะคะ อาจจะน่ารักสำหรับเด็กบางคน แต่สำหรับเจ้าตัวเล็กของเราแล้ว เค้าบอกว่าน่ากลัวซะงั้น ไม่เห็นเหมือนตุ๊กตาที่มีเลย 555 (จะเหมือนได้ยังไงล่ะเนอะ ตุ๊กตาก็ต้องน่ารักกว่าอยู่แล้ว)นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเกร็ดความรู้เกี่ยวกับหมีประเภทต่างๆ ขน การจำศีล อาหารของมันอย่างเช่นปลาแซลม่อน เป็นต้น เล่มนี้อ่านแล้วได้อารมณ์แบบดูสารคดีสัตว์โลกเลยค่ะ ถ้าใครเคยดูคงจะพอนึกภาพออก เพียงแต่เปลี่ยนจากภาพเคลื่อนไหวมาเป็นภาพนิ่งเท่านั้นเอง เนื้อหาน่าสนใจดี ไม่น่าเบื่อ สำหรับเด็กๆที่รักสัตว์อยู่แล้วน่าจะชอบเล่มนี้นะคะ
ขอให้คะแนน 10 เต็มค่ะ
4
กระต่ายมีเรื่องน่ารู้มากกว่าที่คิด
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนแรกกะว่าจะไม่ซื้อเล่มนี้แล้วเพราะกลัวว่าจะไปซ้ำกับเรื่องหมีที่พึ่งอ่านไป แต่ก็ลังเลอยู่นานเพราะว่าเราเองก็ชอบกระต่าย เพราะมันน่ารักดี คิดว่าหลานน่าจะชอบเหมือนกัน ก็เลยลองเปิดอ่านดูเพื่อความแน่ใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อเล่มนี้มาค่ะ เหตุผลไม่ใช่เพราะว่ากระต่ายน่ารัก เด็กๆคงชอบเท่านั้นนะคะ เหตุผลหลักเลยที่ถูกใจเล่มนี้ก็คือเรื่องของกระต่าย เป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าศึกษามากกว่าที่คิดค่ะ ที่ผ่านมาเราเห็นกระต่ายที่คนเลี้ยงกันก็คิดว่าพวกมันก็แค่น่ารักไปวันๆ นั่งๆนอนๆ กินผักกินแครอทอะไรก็ว่าไปตามเรื่อง ในหนังสือเล่มนี้ น้องๆจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ตอนแรกเลยว่าลักษณะของกระต่ายเป็นยังไง ในตัวของพวกมันมีส่วนต่างๆที่น่าสนใจอะไรบ้าง เราพึ่งรู้ว่ากระต่ายมีเล็บที่แข็งแรงมาก ซึ่งช่วยในการขุดดินได้ดี และพึ่งรู้อีกเหมือนกันว่าพวกมันขุดดินเป็นอุโมงค์หรือโพรงเพื่อใช้เป็นที่อยู่ เวลาที่พวกมันทักทายกันก็จะใช้การดมและเอาจมูกมาชนกันถ้าได้เห็นรูปโพรงกระต่ายแล้วจะทึ่งค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าตัวแค่นี้จะขุดโพรงได้ลึกแล้วก็ซับซ้อนไม่ใช่เล่นเลย พวกลูกกระต่ายจะอาศัยอยู่ในโพรงนานกว่า 3 สัปดาห์เลยทีเดียวกว่าที่จะออกมาสู่โลกภายนอก หลายๆคนคงเคยสงสัยเหมือนกับที่เจ้าตัวเล็กสงสัยมั้ยคะว่าทำไมบางทีกระต่ายก็จะทำหูตั้งขึ้น ที่มันทำยังงั้นก็เพราะว่ามันจะทำเพื่อฟังเสียงที่ไม่ชอบมาพากลต่างๆนั่นเอง เป็นไงคะ แค่ที่เราเล่ามาก็เป็นเรื่องน่ารู้แล้วก็น่าสนุกสำหรับเด็กๆนะคะ ยังมีอีกหลายเรื่องเลยเกี่ยวกับกระต่าย ต้องลองอ่านกันดูนะคะ
3
น้องๆจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์สองประเภทไปในเวลาเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมีหรือหมา
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สำหรับนิทานเรื่องหมาน้อยตัวใหม่ของผม My lovely new pet เล่มนี้เป็นหนังสือนิทานที่แต่งขึ้นจากประสบการณ์จริงของเพื่อนผู้เขียนที่ลูกชายของเธอไปซื้อหมามาจากตลาดนัดจตุจักรแล้วนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน ต่อมาปรากฏว่าหมาที่เธอซื้อมากลับไม่ใช่หมาแต่เป็นหมีซะงั้น เรื่องประหลาดๆแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้นะคะ แต่ก็ต้องชมผู้เขียนที่ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ 555 ด้วยการดัดแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็นนิทานสอนใจ ปลูกฝังคุณธรรมในการรักและดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ทิ้งขว้างพวกเค้า นอกจากนี้น้องๆก็ยังจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์สองประเภทไปในเวลาเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมีหรือหมา น้องๆจะได้เห็นว่าหมีมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากหมายังไง กินอะไร ไม่กินอะไร ชอบวิ่งเล่นและแทะกระดูกเหมือนกันรึเปล่า เป็นนิทานน่ารักๆค่ะสำหรับเล่มนี้ แต่เราว่าถ้าจะพูดถึงความน่าสนใจจริงๆของนิทานเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่การสอนภาษาอังกฤษให้กับน้องๆมากกว่านะคะ การเรียนภาษาอังกฤษของน้องๆจากนิทานเรื่องนี้ สำหรับเราคิดว่าน่าจะได้ผลดีค่ะ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆประกอบกับความน่ารักของเจ้าหมีและเจ้าหมาในเรื่องน่าจะช่วยเพิ่มความสนใจของน้องๆได้มาก คำศัพท์ที่ใช้ค่อนข้างง่าย คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เก่งภาษาสามารถอ่านให้ลูกๆฟังได้เลย ผู้เขียนเค้าก็แนะนำให้อ่านให้ลูกฟังเป็นภาษาอังกฤษก่อนนะคะ แล้วค่อยแปลเป็นภาษาไทยซ้ำอีกทีหนึ่ง เราอ่านเรื่องนี้ซ้ำสองรอบแล้วเจ้าตัวเล็กก็ยังไม่เบื่อเลย
2
ลองอ่านให้เจ้าตัวเล็กฟังแล้วก็ไม่สนุกด้วยกันทั้งคนอ่านแล้วคนฟังค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สำหรับนิทานเรื่องนี้ ฮาร์วี่เย็บผ้า เป็นนิทานที่เราได้มาโดยบังเอิญค่ะ ลองอ่านให้เจ้าตัวเล็กฟังแล้วก็ไม่สนุกด้วยกันทั้งคนอ่านแล้วคนฟังค่ะ เราพยายามหาสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ค่อยสนุก ก็คิดว่าคงเป็นเพราะเด็กๆเข้าไม่ถึงเนื้อหาของหนังสือนั่นเอง เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการสอนเด็กๆเย็บผ้าอะค่ะ เราว่านิทานที่เด็กๆชอบอ่านน่าจะเป็นนิทานที่เข้ารู้สึกได้ว่าตัวเองมีส่วนร่วมได้นะคะ เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนอื่นจะคิดแบบนี้รึเปล่า แต่สำหรับเจ้าตัวเล็กของเราเป็นแบบนี้ค่ะ พอเค้าฟังแล้วไม่รู้สึกสนุก เค้าก็จะเริ่มไม่สนใจ เราต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการทำให้เค้าทนฟังเรื่องนี้จนจบ ที่ต้องอ่านให้เค้าฟังจนจบก็เพราะคิดว่าอย่างน้อยเค้าก็จะได้เรื่องของศัพท์ภาษาอังกฤษจากเรื่องนี้ ศัพท์ที่ให้ไว้ค่อนข้างโอเคเลยค่ะ เป็นคำศัพท์ที่ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป เป็นคำศัพท์ที่จำเป็นต้องรู้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว สำหรับเล่มนี้คิดว่าเรื่องภาษาโอเค แต่เรื่องเนื้อหาไม่ค่อยโอเค วิธีการเย็บผ้าที่สอนก็ก้ำกึ่งอะค่ะ หมายความว่าคนอ่านพออ่านแล้วก็ไม่แน่ว่าจะทำตามได้รึเปล่า โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะว่าต้องใช้ทักษะในเรื่องการเย็บ การเนาอะไรแบบนี้ด้วย คิดว่าน่าจะยากไปหน่อย ถ้าจะสอนเด็กๆให้รู้จักเรื่องการเย็บผ้าก็น่าจะหาอะไรที่ง่ายกว่าการทำผ้ากันเปื้อนก็ได้ จริงๆผ้ากันเปื้อนก็ไม่ใช่ของที่เด็กเค้าได้ใช้ทุกวันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ
4
ประทับใจกับกลอนในเล่มนี้มากค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ก่อนอื่นต้องขอชมผู้แต่งนิทานเรื่องนี้ก่อนเลยว่ามีความสามารถมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 เท่านั้นนิทานเรื่องนี้น่ารักทั้งบทกลอนและรูปภาพประกอบ เป็นนิทานที่มีความสวยงามทางภาษาโดดเด่นเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยอ่านนิทานมาเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่น้องๆจะได้รับจากนิทานเรื่องนี้เลยก็คือการฝึกทักษะทางภาษานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการที่น้องๆอ่านเองหรือมีคุณพ่อคุณแม่อ่านให้ฟังก็ได้ประโยชน์ไม่ต่างกัน สำหรับเรื่องร้อยกรองนั้นอย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคะว่าจะอ่านยาก อ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะผู้เขียนใช้คำศัพท์ง่ายๆทั้งนั้น เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการเขียนมาเป็นร้อยกรองให้มีความสละสลวยมากขึ้นเท่านั้นเอง สิ่งที่ประทับใจอย่างที่สองของเรื่องนี้ก็คือเรื่องเนื้อหาที่พูดถึงความเป็นเพื่อนที่ต้องทำงานร่วมกันค่ะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเพื่อนที่ดีนั้น ในเวลาที่ต้องทำงานร่วมกันจะต้องมีความสามัคคีกัน ไม่แตกคอ มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ไม่ฟังคำพูดให้ร้ายของคนอื่น อย่างในเรื่องเจ้าเสือสองตัวต้องประกวดร้องเพลงคู่กันก็ต้องเชื่อใจกันค่ะ ไม่ฟังคำให้ร้ายของคนอื่น (ในเรื่องคือเจ้ากระรอก) เรื่องสุดท้ายที่ประทับใจในนิทานเรื่องนี้คือความน่ารักของตัวละครค่ะ เป็นตัวละครที่วาดออกมาได้แปลกตาดี ดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนนิทานเล่มอื่นๆ เด็กๆน่าจะชอบกัน โดยรวมเป็นอีกเล่มนึงที่ชอบมากทั้งคนอ่านคนฟัง แนะนำเลยค่ะสำหรับเล่มนี้ เพื่อนซี้ไม่ทิ้งกัน ^^
3
เพื่อนรักในป่าใหญ่เป็นนิทานคุณธรรมอีกเล่มหนึ่งค่ะที่ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังคุณธรรมแบบง่ายๆตรงไปตรงมา
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เพื่อนรักในป่าใหญ่เป็นนิทานคุณธรรมอีกเล่มหนึ่งค่ะที่ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังคุณธรรมแบบง่ายๆตรงไปตรงมา สำหรับเราที่อ่านนิทานมาเยอะพอสมควรคิดว่าเล่มนี้เป็นนิทานที่ไม่ค่อยจะโดดเด่นเรื่อกลวิธีในการเขียนหรือวิธีในการสอดแทรกคุณธรรมลงไปเท่าไหร่ค่ะ เป็นเรื่องที่เดาได้เลยว่าจะลงเอยยังไง เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ชอบนิทานประเภทนี้ก็อาจต้องเลือกเล่มอื่นแทน สำหรับเด็กๆถ้าเค้าเป็นเด็กเล็ก เล่มนี้เหมาะค่ะเพราะเข้าใจง่าย แต่ถ้าเค้าเป็นเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยอันนี้เด็กๆอาจจะเบื่อได้เพราะไม่ค่อยมีความแปลกใหม่ซักเท่าไหร่ ในส่วนของคุณธรรมที่ผู้เขียนต้องการบอกน้องๆ ประการแรกเลยก็คือเรื่องความสามัคคีระหว่างเพื่อนค่ะ ในเวลาที่ต้องเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ความสามัคคีคือสิ่งเดียวที่จะทำให้ผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้ ในเรื่องเพื่อนสัตว์ได้ร่วมมือกันปลูกป่ากันขึ้นมาใหม่หลังจากที่ป่าผืนเดิมถูกทำลายโดยพายุ ประการที่สองก็คือน้องๆจะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติ เรียนรู้ถึงความจำเป็นที่เราต้องอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่กับเราให้นานที่สุดและเมื่อธรรมชาติถูกทำลายไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดหรือจากใครก็ตามก็เป็นหน้าที่ของน้องๆที่จะต้องฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ดังเดิม อีกเรื่องนึงก็คือนิทานสอนให้น้องๆรู้จักประชุมวางแผนในการแก้ปัญหาว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังด้วยค่ะ ในส่วนของภาพประกอบก็ดูดีมีเอกลักษณ์ เป็นลายเส้นที่ดูแปลกตา สีสันก็สดใสสะดุดตามากๆค่ะ เราชอบนิทานที่มีลายเส้นประมาณนี้ดูเรียบง่ายแต่สวย
3
การรูั้จักรีไซเคิลช่วยให้น้องๆรู้จักรักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมื่อพูดถึงกิจกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมที่สามารถทำร่วมกันได้ง่ายระหว่างสมาชิกภายในครอบครัว กิจกรรมการคัดแยกขยะก็น่าจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมนั้นนะคะ เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร แล้วอีกอย่างขยะก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วไม่ว่าจะในครอบครัวใดก็ตาม แถมประโยชน์ที่ได้รับจากการคัดแยกขยะนั้นก็มีมากมาย ไม่ใช่แค่เพียงเป็นการปลูกฝังเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับลูกๆเท่านั้น สำหรับหนังสือฉันคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นหนึ่งในหนังสือชุดรวมพลังปกป้องโลกซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 เล่มค่ะ จุดประสงค์ของหนังสือชุดนี้ก็คือการปลูกฝังเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ สำหรับเล่มนี้จะพูดถึงเรื่องราวของการรีไซเคิลเป็นหลัก มีเรื่องที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น วิธีการกำจัดขยะ วิธีการคัดแยกขยะพร้อมเหตุผลว่าทำไมเราต้องคัดแยกขยะ การคัดแยกขยะมีความจำเป็นอย่างไร วิธีการลดปริมาณขยะ เป็นต้น ในแต่ละหัวข้อจะเน้นการดึงรูปออกมาอธิบายให้เห็นเป็นเรื่องๆไปค่ะ คำอธิบายก็เน้นความกระชับ สั้นๆ เข้าใจง่าย ตรงประเด็น เน้นการสื่อสารแบบใกล้ตัวอะค่ะ ก็เลยอ่านเข้าใจง่ายดี ในส่วนของภาพประกอบอาจจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่ก็น่ารักและสวยตามแบบฉบับของหนังสือภาพที่พบเห็นได้ทั่วไป ที่โดดเด่นน่าจะเป็นเรื่องที่รูปภาพช่วยให้อธิบายเรื่องที่ต้องการสื่อสารได้ดี เข้ากันดี ความรู้ที่น้องๆจะได้รับค่อนข้างครบถ้วน แถมมีพจนานุกรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่รวบรวมคำศัพท์มาอธิบายเพื่อเสริมความเข้าใจ และมีเกร็ดความรู้ให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกเรื่องขยะกับเกมสนุกๆปิดท้ายอีกด้วย
3
รู้จักอึ ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจนะคะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมื่อพูดถึงอุจจาระ ขอเรียกว่าอึตามหนังสือดีกว่าง่ายดี เราเชื่อว่า 99 % คิดว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่แค่เพียงเด็กเท่านั้นนะคะ ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังมีความคิดแบบนั้นอยู่ เหตุผลที่คิดแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการมองว่าอึเป็นของเสียจากร่างกาย เป็นของน่ารังเกียจ แค่เอาออกจากร่างกายไปแค่นั้นไม่เห็นจะต้องคิดอะไรมากมาย ความเชื่อแบบนี้กลายเป็นสิ่งซึ่งถูกถ่ายทอดไปยังเด็กๆว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขยะแขยง เด็กหลายคนคงมีประสบการณ์ตรงกันว่าตอนที่ปวดท้องที่โรงเรียนก็ไม่กล้าที่จะไปเข้าห้องน้ำเพราะกลัวเพื่อนล้อ หนังสือเล่มนี้จึงเขียนขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงความเชื่อและความคิดที่ผิดๆเหล่านี้เสียใหม่ ให้เด็กๆคิดว่าเรื่องอึเป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่เป็นเรื่องน่ารังเกียจหรือน่าอายแต่อย่างใด นอกจากการเปลี่ยนแปลงอย่างที่กล่าวไปในหนังสือจะมีการพูดถึงเรื่องการสังเกตอึของตัวเองด้วย เพราะอึจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงลักษณะการกินอาหารของเรา การพักผ่อนและการออกกำลังกาย อึแต่ละประเภทมีลักษณะยังไง รวมไปถึงการให้น้องๆสังเกตลักษณะของอึด้วยการจดบันทึกเอาไว้ด้วย เพราะการจดบันทึกลักษณะของอึก็เท่ากับว่าน้องๆได้จดบันทึกอาหารที่ตัวเองกินเข้าไปในแต่ละวัน วันไหนกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็จะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเองให้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ช่วยเสริมสร้างการมีสุขภาพที่ดีของน้องๆเล่มหนึ่งเลย
3
สำหรับเรื่องของการสร้างเสริมคุณธรรมความซื่อสัตย์นั้น เรื่องนี้ดูธรรมดาไปหน่อยค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เงินที่หายของใครเอ่ย เป็นนิทานส่งเสริมความรู้คู่คุณธรรมค่ะ ที่ว่าส่งเสริมความรู้ก็คือเป็นการสอนให้น้องๆรู้จักเงินตราของประเทศต่างๆ และส่วนที่เป็นการส่งเสริมคุณธรรมก็คือเป็นการสอนให้น้องๆมีความซื่อสัตย์นำของที่เก็บได้ไปคืนเจ้าของที่แท้จริง เงินสกุลต่างประเทศในหนังสือเล่มนี้ก็จะเน้นไปที่เงินสกุลหลักที่รู้จักกันดีอย่างเช่นเงินเยนของญี่ปุ่น เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินหยวนของจีน เงินรูปีของอินเดียและเงินปอนด์ของประเทศอังกฤษ ตอนท้ายมีปริศนาให้น้องลองทายกันดูว่ารูปเงินที่ให้มานั้นเป็นเงินของประเทศใดบ้าง ซึ่งเป็นเงินของประเทศในกลุ่มอาเซียน สำหรับเรื่องของการสร้างเสริมคุณธรรมความซื่อสัตย์นั้น เรื่องนี้ดูธรรมดาไปหน่อยค่ะ เดาได้ตั้งแต่ก่อนอ่านแล้วว่าจะเป็นเรื่องในทำนองนี้ ซึ่งถ้าจะเอาไปสอนเด็กโตคงจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ น่าจะเน้นไปที่เด็กเล็กมากกว่า เพราะน่าจะยังเปิดรับเรื่องแบบนี้อยู่ ในส่วนของลายเส้นการ์ตูน เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราชอบเพราะดูแปลกตา มีเอกลักษณ์ดีค่ะ เป็นการ์ตูนที่ใช้ลายเส้นแบบแนวๆ น่ารักและก็เท่ดี มีความเข้ากันกับรูปจริงซึ่งเป็นรูปแบงก์ของประเทศต่างๆ เป็นนิทานที่เน้นความเรียบง่ายของเนื้อหาและภาพประกอบค่ะ ที่สำคัญอีกอย่างคือเป็นนิทาน 2 ภาษา ทำให้น้องๆได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว จะอ่านภาษาอังกฤษก่อนแล้วค่อยแปลเป็นภาษาไทยหรือจะอ่านภาษาไทยแล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ไม่ผิดกติกา คำศัพท์ก็ง่ายๆ เบๆ คุณพ่อคุณแม่ที่พื้นฐานอังกฤษไม่ดีก็อ่านให้ลูกๆฟังได้
3
น้องๆจะได้เรียนรู้ความสำคัญของการใช้น้ำอย่างประหยัดค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ฉันปิดก๊อกน้ำเพื่อประหยัดน้ำ เป็นหนึ่งในหนังสือชุดรวมพลังปกป้องโลก ซึ่งเป็นชุดหนังสือภาพมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 เล่ม หนังสือภาพชุดนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้น้องๆตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และช่วยกันในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่กับเราตลอดไป การสร้างลักษณะนิสัยการใช้น้ำอย่างประหยัดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กเพื่อให้น้องๆได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพราะเห็นว่าต่อให้ใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด น้องๆจะได้เรียนรู้ว่าน้ำมีความจำเป็นกับชีวิตของเรายังไง ทำไมเราต้องใช้น้ำอย่างประหยัด มีวิธีการประหยัดน้ำยังไงบ้าง การป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษกับน้ำต้องทำยังไง อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษกับน้ำ ในส่วนของภาพประกอบอาจจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่ก็น่ารักและสวยตามแบบฉบับของหนังสือภาพที่พบเห็นได้ทั่วไป ที่โดดเด่นน่าจะเป็นเรื่องที่รูปภาพช่วยให้อธิบายเรื่องที่ต้องการสื่อสารได้ดี เข้ากันดี ความรู้ที่น้องๆจะได้รับค่อนข้างครบถ้วน แถมมีพจนานุกรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่รวบรวมคำศัพท์มาอธิบายเพื่อเสริมความเข้าใจ และมีเกร็ดความรู้ให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกเรื่องการประหยัดน้ำปิดท้ายอีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าไม่ควรซักเพียง 2-3 ชิ้น เวลารดน้ำต้นไม้ควรใช้ฝักบัวรด ถ้ามีน้ำดื่มที่เหลือก็ควรนำไปใช้ประโยชน์ต่อเช่นรดน้ำต้นไม้หรือนำไปใช้ทำความสะอาด เป็นต้น ในส่วนของเกมชวนลูกมาใช้น้ำอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นเหมือนแบบฝึกหัดเติมคำในช่องว่างให้น้องๆเติมคำตอบที่คิดว่าถูกต้องลงไป
3
เป็นนิทานที่สอนเรื่องคุณธรรมแบบตรงไปตรงมาดีค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีและถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาคนและพัฒนาสังคมค่ะ เราจะเห็นได้ว่ามีนิทานทำนองนี้ออกมามากมายที่พูดถึงเรื่องของความซื่อสัตย์ ส่วนใหญ่ก็จะมีลักษณะคล้ายๆกันทั้งในด้านเนื้อหาและค่านิยมที่แฝงอยู่ เราขอวิจารณ์ในมุมของคนอ่านที่อ่านหนังสือนิทานมาพอสมควร เราคาดหวังจะเห็นนิทานที่มีกลวิธีในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ มีความแยบยลในการสื่อสารสิ่งที่ผู้เขียนต้องการไปยังผู้อ่านมากกว่าหนังสือนิทานที่มุ่งสร้างสังคมอุดมคติที่ในความรู้สึกลึกๆของคนอ่านที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเราก็รู้สึกว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ สตางค์ของใครครับ ยังไม่ใช่นิทานในแบบที่เราต้องการค่ะ ถึงแม้ว่าตัวละครอย่างโหน่งจะเป็นตัวละครที่เราทุกคนฝันอยากให้มีอยู่ในโลกของความจริงคือเป็นเด็กที่มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง เป็นเด็กดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เราอยากให้นิทานคุณธรรมเป็นนิทานที่สอนให้เด็กได้ใช้ความคิดตัดสินใจด้วยตัวเองในสถานการณ์ที่ต้องการคุณธรรม มากกว่าที่จะสอนให้เด็กจดจำความดีแบบสำเร็จรูปอะค่ะ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคาดหวังจะมากเกินไปรึเปล่า ยอมรับเลยว่าจากการที่ได้อ่านนิทานมาหลายเรื่องก็เริ่มจะเบื่อกับนิทานบางประเภท เบื่อเพราะเริ่มจำเจ แต่ยังไงก็เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ นิทานเรื่องนี้ก็มีข้อดีอยู่ซึ่งเหมาะกับการอ่านให้เด็กเล็กๆฟังเพราะเค้าอาจจะยังไม่ได้คิดซับซ้อนมากเท่ากับเด็กโต ใช้นิทานเล่มนี้เป็นเรื่องที่จะปูพื้นฐานทางคุณธรรมให้กับเด็กก็ได้
3
หนังสือดีๆที่ช่วยให้น้องๆรู้จักรักสิ่งแวดล้อม
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เล่มก่อนหน้านี้เราได้รีวิวเรื่องการปิดก๊อกน้ำเพื่อประหยัดน้ำไปแล้ว ซึ่งเล่มนี้ก็จะพูดถึงเรื่องการประหยัดเช่นเดียวกันแต่เปลี่ยนจากประหยัดน้ำมาเป็นประหยัดไฟแทน เช่นเดียวกับเล่มที่แล้ว ฉันปิดไฟเพื่อประหยัดพลังงาน เป็นหนึ่งในหนังสือชุดรวมพลังปกป้องโลก ซึ่งเป็นชุดหนังสือภาพที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 เล่มความสำคัญของไฟฟ้าในยุคสมัยนี้แทบจะไม่แตกต่างจากน้ำเลย เพราะว่าเราใช้ไฟกันตลอด 24 ชั่วโมงทั้งเวลานอนและเวลาตื่น ทั้งกลางวันและกลางคืน เจ้าตัวเล็กของเราเมื่อก่อนก็เป็นเด็กขี้กลัวต้องเปิดโคมไฟที่หัวเตียงนอนทั้งคืน เล่มนี้ก็เป็นนิทานที่เราถือโอกาสลองเอามาอ่านให้เค้าฟังเผื่อว่าจะช่วยแก้อาการขี้กลัวได้ทางอ้อม ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ผลรึเปล่า แต่ตอนนี้ไม่ต้องเปิดไฟนอนแล้ว ในเล่มนี้น้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของพลังงาน ที่มาของพลังงานที่เราใช้อยู่ทุกวัน ประเภทของพลังงาน การประหยัดพลังงานมีวิธีการยังไงบ้าง เป็นต้น ขอถือโอกาสบอกไว้ในรีวิวเรื่องนี้เลยละกันว่า หนังสือภาพชุดรวมพลังปกป้องโลกทั้ง 6 เล่มนั้น เนื้อหาของหนังสือน่าจะเหมาะกับเด็กโตมากกว่าเด็กเล็กนะคะ น้องๆจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นิทานนำเสนอมาบ้างพอสมควร ไม่อย่างนั้นก็จะอ่านไม่เข้าใจ และรู้สึกเบื่อได้ อย่างเช่นมีการบอกว่าถ้าเราใช้หลอดไฟฮาโลเจนหนึ่งหลอดในหนึ่งเดือนจะกินไฟเท่ากับเราใช้เครื่องซักผ้าถึงสองเครื่อง น้องๆก็ต้องมีความรู้เบื้องต้นว่าหลอดฮาโลเจนคืออะไรด้วยค่ะ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานในหนังสือก็ล้วนเป็นกิจกรรมที่เด็กต้องทำได้ เพราะฉะนั้นถ้าน้องๆอายุน้อยเกินไปมาอ่านเล่มนี้ก็จะไม่มีประโยชน์
www.batorastore.com © 2024