Customer Reviews

แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิก่อนกรุงแตกครั้งแรก
5
ประวัติศาตร์ที่เขียนออกมาในแนวนิยาย สนุกมาก ๆ ครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน นายแพทย์ วิบูล วิจิตรวาทการ
จำนวนหน้าหนังสือ 240 หน้า

ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยนายแพทย์ท่านนี้เหลือเกิน มันเป็นประวัติศาสตร์ที่เขียนออกมาในแนวของนิยายครับ ซึ่งมันก็ออกมาอย่างลงตัวและสนุกมาก ๆ (ต่างกันกับผู้ชนะสิบทิศ ที่เขียนจากประวัติศาสตร์ 7 บรรทัดนะครับ) อย่างเล่มนี้เป็นเรื่องของก่อนการเสียกรุงครั้งที่ 1 ครับ หลาย ๆ ท่านคงจะเคยผ่านตามากับในสุริโยทัยแล้ว ใช่ครับ คล้าย ๆ แบบนั้นเลย เริ่มเรื่องจากเรื่องราวของพระแก้วฟ้า ยุวกษัตริย์ที่ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ก่อนจะเข้าสู่การครองราชย์ของพระมหาจักรพรรดิ์ และการให้กำเนิดวีรสตรีพระสุริโยทัยครับ และเริ่มจากตรงนี้เป็นเรื่องราวของการเสียกรุงอย่างแท้จริง เริ่มในสมัยพระมหินทราธิราช ไปยันท้าวศรีสุดาจันทร์ (ผมเชื่อว่าคนดูสุริโยทัยทุกคนจำตรงนี้ได้แม่น) ที่เพิ่มเติมมาเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาตร์ก็คือเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่กล่าวถึงพระพันวษา ว่าแท้จริงแล้วพระองค์เป็นใครกันแน่ และก็ได้กล่าวถึงพระไชยราชาธิราช มิตรของสยามประเทศอย่างแท้จริง อันนี้ก็เป็นเรื่องราวคร่าว ๆ นะครับ อ่านจริงๆ แล้ววางไม่ลง แต่เนื้อหาสั้นไปสักนิด แค่ 240 หน้าเอง ผมอ่านแค่ชั่วโมงก็จบแล้ว ซึ่งผมว่าการทำประวัติศาสตร์ออกมาให้สนุกและไม่น่าเบื่อด้วยการเขียนกึ่งนิยายแบบนี้ จะทำให้คนไม่ชอบประวัติศาสตร์หันกลับมาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ได้มากขึ้นนะครับ โดยเฉพาะอย่างในช่วงประวัติศาสตร์ก่อนเสียกรุงนี่ น่าสนใจมากทีเดียว อ่านจบแล้วลองเอาเปรียบเทียบกับครั้งที่ 2 ครับ อะไรคือความต่าง อะไรคือความเหมือน ผมเกือบตกหล่นแหน่ะ ยังมีเพิ่มเติมในเรื่องของกบฎที่ไม่ได้ปรากฎในภาพยนตร์ด้วยนะครับ เป็นกบฏจากสุลต่านปัตตานี นี่ก็ดีมาก ๆ ครับ หาอ่านยากจริง ๆ ไม่ค่อยจะได้เห็นในหนังสือประวัติศาสตร์ตอนนี้เลย
แอตแลนติก มหาสมุทรข้ามกาลเวลา
5
เห็นชื่อเรื่องนึกว่าจะเกี่ยวกับยูเอฟโอ แต่ผิดคาดและดีกว่าที่คาดมากเลยครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ไซมอน วินเชสเตอร์
ผู้แปล สุนันทา วรรณสินธิ์
จำนวนหน้าหนังสือ 320 หน้า

ประวัติศาสตร์โลกกลางท้องทะเล ดูน่าสนใจมั้ยครับ สำหรับผมแล้ว เล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าสนใจมาก ๆ เลย จะมีใครที่จะรู้ความลับเกี่ยวกับมหาสมุทรกันบ้างละครับว่า มันมีกำเนิดได้อย่างไร มีชื่อเสียงได้อย่างไร และเคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาแล้วบ้าง มหาสมุทรมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลกอย่างไร นี่แหละครับ คือมันหาอ่านยากจริง ๆ นะเรื่องแบบนี้ นับเป็นโชคดีครับที่มีคนเอามาแปล เรื่องนี้ก็จะเริ่มจากหลังอเมริโก เวปุชชี่ ค้นพบอเมริกา และมหาสมุทรแอตแลนติกครับ รีวิวนี้ผมจะไม่บอกเล่าเนื้อหาในหนังสือมากครับ เพราะอยากให้อ่านกันเอง คุ้มกับราคามาก ๆ ครับ พอเริ่มเรื่องขึ้นแล้วเนี่ย เราก็จะเดินทางไปสู่มหาสมุทรแอตแลนติกกันครับ ในช่วงแรก ๆ ก็จะพูดถึงความงามของมหาสมุทรแห่งนี้ แล้วก็เริ่มไปสู่ความมืดของมนุษย์ นั่นคือการล่าอาณานิคม การเปิดเส้นทางการเดินเรือเพื่อทำการค้า ซึ่งต่อมามันเลยส่งผลให้กลายมาเป็นธุรกิจบนทะเลที่ทำลายความสมบูรณ์และความสวยงามของมหาสมุทรแห่งนี้ อ่านถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสังเวชใจกับมนุษย์ผู้ละโมบอย่างบอกไม่ถูกครับ การหาประโยชน์จากผืนแผ่นน้ำที่เรียกว่ามหาสมุทรนั้น เออ ก็ช่างคิดกันได้เนอะ จากนั้นก็จะเดินเรื่องไปสู่ความตกต่ำของมหาสมุท ไปจนพายุใหญ่ที่เคยเกิดขึ้น จนจบครับ ประทับใจมาก ๆ เป็นประวัติศาสตร์มหาสมุทรโดยแท้จริงและผมไม่เคยอ่านแนวแบบนี้มาก่อน ผมว่าคนชอบประวัติศาสตร์โลกไม่น่าจะพลาดเล่มนี้นะ สนุกจริง ๆ ครับ แต่อย่าสับสนระหว่างแอตแลนติก กับแอตแลนติสของเพลโตนะครับ
บางระจัน (ไม้ เมืองเดิม)
5
เป็นนวนิยายแนวปลุกใจที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 09 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ไม้ เมืองเดิม
จำนวนหน้าหนังสือ 224 หน้า

เป็นนิยายที่ค่อนข้างจะเก่าพอสมควรเลยครับ และถึงแม้ชื่อเรื่องจะชื่อ "บางระจัน" แต่เนื้อหาข้างในก็มีกล่าวถึงเหล่าวีรชนบางระจันน้อยมาก จะเน้นไปที่ตัวเอกของเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ อย่างทัพ และ เฟื่อง แฟง มากกว่า สำนวนที่ใช้ก็ค่อนข้างที่จะโบราณนิดนึงครับ เป็นสไตล์ของไม้ เมืองเดิมเลยก็คือ เอ็ง ข้า กู มึงตลอดทั้งเรื่อง

เนื้อหาก็เป็นเรื่องราวของชาวบ้าน บ้านระจันครับ แต่มีทัพ ที่เป็นทหารหนีทัพเนื่องจากความไม่เข้มแข็งของกษัตริย์ผู้นำ มาเป็นตัวเสริม ซึ่งทัพเนี่ยก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับตัวละคร เสมา จาก ขุนศึกมาก ๆ ครับ คือต้องมีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องด้วยตลอด แต่กรณีของทัพนี่น้อยกว่าเสมามากนัก เพราะมีแค่เฟื่องกับแฟง อีกส่วนหนึ่งที่เหมือนกับเสมาก็คือเรื่องของเพื่อน หรือการซึ้งในน้ำใจที่ได้ไปช่วยในยามขับขัน เสมาได้ไปช่วยหมู่ขัน ทัพพเองก็ได้ไปช่วยขาบกับสังข์เหมือนกัน ตรงนี้น่าจะเป็นจุดขายของไม้ เมืองเดิมครับ

เนื้อหาก็สู้รบกันเกือบทั้งเรื่องครับ แต่ตอนท้าย ๆ เราก็จะรู้กันดีอยู่แล้วว่าจุดจบของชาวบ้านบางระจันเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องราวของตัวเอกก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ซึ่งก็ดราม่าจริง ๆ ครับ อ่านแล้วมันรู้สึกจุกคอหอยแบบบอกไม่ถูก แม้กระทั่งผู้หญิงที่ตั้งท้อง ยังต้องถือดาบออกไปรบกับศัตรูเคียงข้างสามีผู้เป็นที่รัก ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวว่าไม่รอดชีวิตแน่นอน สู้เพื่อแผ่นดินโดยแท้จริง มันเป็นเรื่องที่บอกไม่ถูกเลยครับหลังอ่านจบ อยากให้คนไทยหลาย ๆ คนได้อ่านครับ คงจะเข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ได้ดี
"นายใน" สมัยรัชกาลที่ 6 (ชานันท์ ยอดหงษ์)
3
ประวัติศาสตร์ไทยตอนนี้ น่าจะไม่เคยถูกตีพิมพ์ที่ไหนนะครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 08 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ชานันท์ ยอดหงษ์
จำนวนหน้าหนังสือ 328 หน้า

ลังเลครับว่าจะเขียนรีวิวดีหรือไม่ เพราะหนังสือเล่มนี้ตอนที่ออกมาใหม่ ๆ ก็เป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่พัฒนามาจากวิทยานิพนธ์ของอาจารย์ท่านหนึ่ง ถ้าเราจะมองให้มันเป็นหนังสืออ่านเล่นมันก็เป็นได้ จะมองให้มันหนังสือประวัติศาสตร์วิชาการก็ได้ ซึ่งถ้าเรามองตามเหตุผลที่ 2 หนังสือเล่มนี้มันก็ค่อนข้างจะน่าเบื่อ และอ่านไม่ค่อยจะรู้เรื่องครับ

ชื่อหนังสือ พูดถึงเรื่องของ นายใน ก็จะต้องหมายถึงผู้ชายที่อยู่ในราชสำนักใกล้ชิดกับกษัตริย์มาก ๆ ทีนี้พออ่านไปอ่านมาก็จะพบว่านายในเนี่ย ก้ำกึ่งกับขันทีมากครับ เพียงแต่ไม่ได้โดนตัด ถ้าจะอ่านเอาประวัติศาสตร์ ก็จะได้ข้อมูลในช่วงรอยต่อรัชกาลที่ 6 กับรัชกาลที่ 7 ซึ่งก็จะมีเรื่องของการพัฒนาประเทศให้เหมือนทางตะวันตก และจำเป็นที่จะต้องใช้ผู้ชายเข้ามาช่วยดูงานจริง ๆ อย่างเรื่องของสโมสรกีฬา ฟุตบอล ก็จะคล้าย ๆ ชีวิตของคุณเปรมในสี่แผ่นดินนั่นแหละครับ เทิดทูนกษัตริย์สุดหัวใจ แต่ในช่วงหลัง ๆ ของหนังสือเล่มนี้ก็จะเริ่มกล่าวถึงการรักร่วมเพศที่มีมาแต่สมัยโบราณ ซึ่งผมมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะ เพราะเค้าเขียนจากเอกสารวิชาการที่บ่งบอกว่ามันเคยมีมาจริง ๆ และมีมานานแล้วด้วย ขนาดของผู้หญิงก็ยังมีมาแต่สมัย ร.4 ที่เรียกว่า เล่นเพื่อน เพราะฉะนั้นผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดนะครับ อ่านแล้วได้ความรู้ดี ลักษณะมันก็ไม่ต่างกับราชสำนักจีน ใครช่างประจบ พูดจาดี เป็นที่ถูกใจ ก็ได้พระราชทานบ้าน ยศ เงินทอง ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ ถ้าคุ้นเคยอยู่กับวิชาประวัติศาสตร์

รวม ๆ ผมว่าหนังสือทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก ตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด ๆ เหมือนตำราเรียนจริง ๆ ตรงนี้เลยทำให้หนังสือดูน่าเบื้อ แม้จะสนุกก็ตาม
จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
5
เป้นหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุขและแรงบันดาลใจมาก ๆ ครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ลัดดาวรรณ หลวงอาจ
จำนวนหน้าหนังสือ 216 หน้า

ผมชอบหนังสือเล่มนี้เป็นพิเศษครับ ไม่ใช่ว่าเพราะผมอยากเป็นผู้พิพากษา แต่เธอเป็นแรงบันดาลใจของพวกเราเด็กรามทุกคน ชีวิตของเธอลำบากกว่าใครหลาย ๆ คนมากครับ ซึ่งผมอยากจะแนะนำว่า หนังสือเล่มนี้ควรจะอ่านอย่างช้า ๆ คิดตามให้เห็นภาพ อ่านจบจะมมีแรงฮึด มีกำลังใจขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึงเลยครับ

หนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของท่านผู้พิพากษาลัดดาวรรณ หลวงอาจเลยครับ เริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่มีอะไร เกิดที่ต่างจังหวัด ครอบครัวเป็นชาวไร่ชาวนา ยากจนมาก ๆ แต่ความใฝ่ดีของเธอ ทำให้ตอนเรียนประถมม เธอเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก ๆ อ่านทุกอย่างที่ในห้องสมุดมี อ่านหลาย ๆ รอบ แต่แล้วเมื่อจบชั้นประถม พ่อกับแม่ก็ไม่มีเงินจะส่งให้เธอเรียนต่อในชั้นมัธยมได้ เธอจึงต้องไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา แต่ตรงนี้ก็แปลกดีนะครับ ความที่ยายรักมาก เธอจึงทำงานไม่เป็น เธอจึงได้แต่ปลูกฝังให้กับตัวเองว่า อยากเรียนหนังสือสูง ๆ ทำงานดี ๆ พ่อแม่จะได้ไม่เหนื่อย เธอจึงได้ไปเรียนกศน.เอาครับ ซึ่งระยะทางจากบ้านเธอไปยังศูนย์นั้น ต้องขึ้นเขาลงห้วยกันดารมาก แต่สุดท้ายเธอก็เรียนจบ แล้วจากนั้นชีวิตเธอก็เจอจุดพลิกผันอะไรหลาย ๆ อย่าง ท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ต้องทำงานทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็สามารถเรียนจบนิติรามได้ในเวลาเพียงแค่ 3 ปี แล้วก็สอบเนติได้เป็นผู้พิพากษาในเวลาอีก 1 ปี อ่านจบตรงนี้แล้วอึ้งมาก ๆ ครับ สูงสุดความฝันของเธอแล้ว

อีกจุดหนึ่งที่ประทับใจมาก คือตอนที่เธอถวายสัตย์เข้าเฝ้าในหลวง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาชั้นต้น อ่านแล้วรู้สึกแบบปลาบปลื้มใจไปกับเธอมากครับ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกทุกข์ตาม มีความสุขตาม และปลาบปลื้มไปกับเธอ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยจริง ๆ อ่านแล้วมีความสุขมาก ๆ ครับ
หมอปลัดเล
5
คุณหมอมหัศจรรย์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ส.พลายน้อย
จำนวนหน้าหนังสือ 208 หน้า

เป็นหนังสือที่คุ้มค่ากับราคาครับ ราคาไม่แพงมาก รายละเอียดในหนังสือเยอะมาก ๆ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนไม่รู้จักหมอบรัดเลย์ หรือหมอปลัดเลตามที่คนไทยสมัยนั้นเรียก ถ้ารู้จักก็อาจจะจำได้เพียงแค่ว่า เป็นผู้ตั้งโรงพิมพ์และพิมพ์หนังสือในไทยเป็นคนแรก และได้ออกหนังสือชื่อ บางกอกรีคอเดอร์ เท่านั้น ผมจึงได้บอกว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจครับ

หมอปลัดเลเข้ามาอยู่ในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 3 สมัยนั้นก็เฟื่องฟูด้วยต่างชาติมากครับ ( คนอ่านนิยายจะจำได้จาก ข้าบดินทร์ ) หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นชีวประวัติตั้งแต่หมอบรัดเลย์เกิดมาจนถึงเหตุผลที่มาอยู่ที่ประเทศไทยครับ ที่ผมชอบก็คือ การออกเสียงเพี้ยนไปจนน่าขันของคนไทยสมัยนั้น มิสเตอร์ฮันเตอร์ แต่เรียกนายหันแตร ก็แปลก ๆ ดีครับ ฝรั่งก็คงจะขำ ผมจำได้ว่าเล่มนึง ฝรั่งชื่อแมทธิว แต่เรียก มาตยู ครับ จากนั้นก็เป็นเรื่องราวของการแพทย์และการผ่าตัดครับ ถ้าผมไม่ลืมไปนานแล้ว หรือไม่เคยสนใจ ผมก็พึ่งจะรู้นี่แหละครับว่าหมอบรัดเลย์เป็นผู้ริเริ่มการผ่าตัดในบ้านเรา สมัยก่อนคนไทยขี้กลัวครับ ผ่าตัดก็คิดว่าผ่าออก ไม่รอดแน่ เจาะเลือดก็หาว่าเอาเลือดไปหมดตัวจนแห้งตาย ถ่ายรูปก็ว่าดูดวิญญาณ ผมละยังสงสัยว่าหมอบรัดเลย์ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร พอเรื่องผ่าตัดไปได้ด้วยดีพร้อมกับชื่อเสียงที่โด่งดัง ทีนี้ก็มาเรื่องปลูกฝีครับ และได้ตั้งโรงพิมพ์และพิมพ์หนังสือเป็นผลงานในช่วงสุดท้าย ต้องยกให้เป็นคุณหมอมหัศจรรย์เลยนะครับในสมัยนั้น ผมว่าท่านคงจะโด่งดังน่าดู ผลงานก็มากมาย แต่ไม่เห็นมียศศักดิ์ทางไทย คนอื่นได้เป็นหลวงเป็นอะไรมากมาย หรือผมจำไม่ได้ไม่รู้ อยากให้อ่านกันครับ ประวัติศาสตร์ไทย ไม่ได้อ่านยากเลย สนุกพอ ๆ กับต่างชาติแหละครับ
50 คนดังนอกตำรา (ชานันท์ ยอดหงษ์)
5
คือดีมากจริง ๆ ครับ ไม่ดีอย่างเดียวตรงที่มันน้อยไป
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ชานันท์ ยอดหงษ์
จำนวนหน้าหนังสือ 128 หน้า

เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากครับ เห็นทีแรกผมเค้าใจว่ารวมทั้งโลกเสียอีก ที่แท้แค่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เล่มนี้นำเสนอออกมาเป็นการ์ตูนครับ อ่านแล้วเข้าใจง่ายมาก ๆ แถมยังมีมุขตลกแทรกอีกด้วย เสียดายเพียงอย่างเดียวครับ มันน้อยไปหน่อย น้อยไปมาก ยังอ่านไม่จุใจเลย คนที่ชอบประวัติศาสตร์ก็น่าจะชอบหนังสือเล่มนี้กันนะครับ

หนังสือเล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ยุคครับ รวม ๆ แล้วก็ 50 คนพอดีแหละ ประวัติของแต่ละคนก็น่าสนใจมากน้อย แตกต่างกันไปครับ บางคนก็ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อเลยจริง ๆ นะ บางคนก็ยังพอหาอ่านได้ แต่ไม่ได้มีบรรจุอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ไทยสักเท่าไร อย่างยุคสุโขทัยเนี่ย พ่อขุนศรีนาวนำถม พญาลิไท พระนางจามเทวียังพอจะหาอ่านได้อยู่บ้างครับ แต่คนอื่น ๆ นี่ผมไม่เคยได้ยินชื่อเลยนะ ในยุคอยุธยานี่เริ่มสนุก พระเจ้าอู่ทองคนไม่ได้ลืมกันนะครับ แต่ไม่ค่อยได้เห็นแค่นั้นเอง ออกญาเสนาภิมุขที่ชื่อยามาดะนี่ก็ถ้าจะอ่านประวัติเค้านี่ เล่มหนาเลยครับ สนุกด้วย อยากให้ลองหาแยกดู แต่คนอื่น ๆ นี่โอเคครับ อ่านแล้วยังงง ๆ เออ มีจริงหรือเนี่ย ไม่เคยได้ยินชื่อเลย

ที่ดีที่สุดคือสมัยรัตนโกสินทร์ครับ คัดมาแต่ละคนนี่แบบ เออใช่ ถูกลืมจริง ๆ เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ เวลาอ่านเจอชื่อในหนังสือก็ไม่ได้สนใจ อย่างเจ้าฟ้าเหม็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า อ่านเล่มนี้จบ ผมคิดว่าตัวเองมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์น้อยลงกว่าเดิมไปมาก เพราะครึ่งนึงในการ์ตูนเล่มนี้ ผมไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ แนะนำครับ แนะนำเลยทั้งคอประวัติศาสตร์และไม่ชอบประวัติศาสตร์ อ่านแล้วเผื่อจะเปลี่ยนมุมมองที่มีอยู่แต่เดิมครับ
คลีโอพัตรา มหาราชินีแห่งอียิปต์
5
ฉีกประวัติศาสตร์ของพระนางคลีโอพัตราเดิม ๆ ไปเกือบหมดเลยครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน Stacy Schiff
ผู้แปล อลิสา สันตสมบัติ
จำนวนหน้าหนังสือ 484 หน้า

คุ้มค่ากับราคามาก ๆ นะครับหนังสือเล่มนี้ หนาเกือบ 500 หน้าเลยทีเดียว ที่ดีอีกอย่างคือเป็นหนังสือแปลมาจากต่างประเทศครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่าเอกสารและหลักฐานน่าจะแน่นกว่าหนังสือที่คนไทยเป็นผู้เขียนเองแน่ ๆ ก็ตามปกครับ หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของพระนางคลีโอพัตรา ราชินีผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินมาว่าเป็นราชินี 2 ผัว ประมาณนี้ แต่หนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอมุมมองของพระนางต่างออกไป ซึ่งมันก็ทำให้รู้จักตัวตนจริง ๆ ของพระนางมากกว่าที่เราเห็นในละคร หรือสารคดีครับ

อ่านจบแล้วเนี่ย คือมันเป็นประวัติศาสตร์ เราก็ไม่สามารถรู้ข้อเท็จจริงแท้ ๆ ได้ใช่มั้ยครับ แต่หนังสือเล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วเธอก็เก่งกล้าสามารถไม่แพ้บุรุษ รูปโฉมของเธอก็เป็นเพียงแค่อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอสามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น พระนางมีความสามารถทางด้านการเมืองมาก และพระนางก็ได้ใช้สิ่งนี้บวกกับรูปโฉม ทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ 2 คนในประวัติศาสตร์ มาสยบอยยู่ใต้อำนาจของเธอได้ จุดนี้ตั้งหากครับที่มันน่าสนใจว่าเธอทำได้อย่างไร แต่นั่นแหละครับ เพราะเหตุนี้เธอจึงกลายเป็นพระนางจอมอื้อฉาว ซึ่งเธอไม่มีสิทธิ์แก้ตัว อย่างไรเสียการมีสามีถึง 2 คนคงไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่ผมคิดว่าพระนางเก่งมากเลยแหละครับ นาน ๆ จะได้เห็นราชินีที่มีความสามารถและผู้ชายยอมรับ แต่วีรสตรีส่วนมากก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีนัก พระนางก็เช่นเดียวกันครับ
4
หนังสือสะท้อนสังคมครับ โหดร้ายแต่มันก็คือเรื่องจริง
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน ธนัดดา สว่างเดือน
จำนวนหน้าหนังสือ 237 หน้า

หนังสือแนวนี้น่าอ่านมากนะครับ เพราะว่ามันค่อนข้างหาได้ยาก กับการที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอาชีพโสเภณีจะมาเล่าเรื่องจริงของตัวเองให้ฟังโดยไม่เสียดสีสังคม เอรี่ หรือ หนิงเป็น 1 ในนั้น ซึ่งเธอมีเหตุผลที่ต้องมาขายตัวก็คือ เหตุผลทางครอบครัว และเธอก็เลือกที่ทำอาชีพนี้ที่ต่างแดนด้วยเหตุผลที่ว่าได้เงินมากกว่าทำอาชีพเดียวกันที่ประเทศนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายครับ เราคงปฏฺเสธไม่ได้หลังจากอ่านจบแล้วว่า ผู้หญิงเหล่านี้มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่นั่นล้ะครับ ความต่างของหนังสือเล่มนี้ก็คือ การนำเสนอในเรื่องที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง คือ จรรยาบรรณของอาชีพโสเภณี ใครจะไปนึกล้ะใช่มั้ยครับว่าอาชีพนี้ต้องมีจรรยาบรรณด้วยหรือ ซึ่งไอ้คำว่าจรรยาบรรณนี่แหละที่ทำให้แม้กระทั่งยากูซ่า ทหารต่างชาติ หรือแม้กระทั่งภรรยาของผู้ชายที่เอรี่หลงรัก ต่างก็อดเอ็นดูเธอไม่ได้ ชีวิตเธอที่เหมือนอยู่ในด้านมืดตลอดมีจุดสว่างบ้างเพราะการยึดมั่นในคุณธรรมของเธอ แต่มันก็ยังไม่ใช่จุดเลวร้ายที่สุด เพราะเธอยังต้องไปติดคุกอีกถึง 4 ปี แล้วในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีแค่ชีวิตของผู้หญิงเพียงคนเดียวนะครับ ยังมีอีกหลายคนที่เธอเรียกว่าเป็นเพื่อน ซึ่งแต่ละคนก็ไปกันคนละทิศละทาง บางคนได้ดีถึงขั้นมีผู้ชายมาขอรับตัวไปเป็นภรรยา ก็ถือว่าเธอคนนั้นคงโชคดีมากจริง ๆ บางคนติดโรค และบางคนก็ติดคุก ถ้าเราอ่านเอาสนุกมันจะไม่ได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าานเอาข้อคิด เอาเป็นคติเตือนใจ ผมว่ามันเป็นหนังสือที่โหดร้ายแต่อยู่บนหลักความจริงที่ดีมาก ๆ
ไฟมาร (ละครทางช่อง 7)
4
เป็นนิยายสะท้อนสังคมเรื่องความเห็นแก่ได้ของมนุษย์ที่ใช้ได้เลยครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 05 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้เขียน เกตุวดี
สำนักพิมพ์ แสงดาว
จำนวนหนังสือ 376 หน้า

เป็นนิยายที่ถูกนำมาทำเป็นละครทางช่อง 7 ครับ และค่อนข้างได้รับความนิยมมากทีเดียว ก็เป็นนิยายแนวแก้แค้นครับ ไม่ถูกกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่มารักกันในรุ่นลูก ถ้าอ่านดี ๆ ก็จะเห็นว่านิยายแนวนี้ รวมถึงเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะสะท้อนในเรื่องของความอยากได้ไม่รู้จบของมนุษย์ จนส่งผลกรรมย้อนมาทำร้ายตัวเองในที่สุด

แปลกดีครับ นางเอกเรื่องนี้ชื่อ กาว เป็นนักข่าว ชื่อแปลกและอาชีพแปลกดี ที่แปลกกว่าคือพระเอก สรวง ไม่ใช่ดาราครับ (เห็นปกติมักจะคู่กัน) นายสรวงเนี่ย เป็นลูกนายพล ชีวิตเพอร์เฟ็กต์มาก ๆ แต่เพราะนายพลผู้เป็นพ่อมีเมียน้อย เลยทำให้ชีวิตของสรวงหลังกลับมาจากการเรียนปริญญาโทที่เมืองนอกไม่ค่อยดีนัก

เมียน้อยของพ่อสรวงก็ไม่ใช่ใคร เป็นแม่ของกาวนั่นเอง นั่นแหละครับแค่นี้ก็วุ่นวายพอดูแล้ว พระนางไม่น่าจะรักกันได้เลย แล้วยังมีเรื่องของพี่ชายของกาวที่เป็นพวกไม่แยแสกับความรักอีก ในช่วงท้าย ๆ เลยต้องมาลุ้นหนักกับความรักของทั้งคู่หลักคู่รองครับ พระเอกคือเป็นลูกคุณหนูจัด เลยเอาแต่ใจตัวเองค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ซึ่งนางเอกก็สามารถรับมือได้และมันเลยกลายเป็นความรัก (?)

สรุปว่าอ่านจบก็โอเคครับ แต่ผมว่ามันออกจะดูง่ายไปสักนิด ถ้าชีวิตจริงเป็นแบบนี้ พระนางคงตบกันตายแล้วคงไม่มีวันญาติดีกันแบบนี้หรอกครับ แต่เพราะมันคือนิยายที่จะสร้างความจรรโลงใจให้แก่ผู้อ่าน มันเลยกลายเป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยมุมมองความเห็นแก่ได้ของแต่ละครที่สะท้อนออกมาได้เข้ากับปัจจุบันมาก
คำมั่นสัญญา
5
นิยายที่เศร้าที่สุดที่เคยอ่านเล่มหนึ่งเลยครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ทมยันตี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
จำนวนหน้าหนังสือ 408 หน้า

เป็นหนังสือที่เรียกว่าเป็นฝาแฝดกันเลยกับหนังสือ พี่เลี้ยง สำหรับคำมั่นสัญญาครับ ต่างกันที่ตอนจบที่บีบคั้นอารมณ์สุด ๆ ซึ่งนิยายเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นิยมนำมาทำเป็นละครครับ

เรื่องนี้ คือเห็นชื่อนิยายก็พอจะเดาได้ว่าจะต้องผูกพันกันมาแต่เด็ก เนื้อหาจริง ๆ ก็เป็นเช่นนั้นครับ เป็นเรื่องของชลันดา และสาริน ที่เติบโตมาด้วยกัน ผูกพันกันด้วยใจบริสุทธิ์ เมื่อโตขึ้นต่างก็มีใจให้กัน แต่เป็นไปไม่ได้เพราะสารินเป็นลูกชายของจ่าในบ้าน ต่างชนชั้นกับชลันดาที่เป็นถึงลูกสาวผู้การ

ชลันดาพี่ชายหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวยมาติดพัน เมื่อสารินต้องไปรับราชการทหาร ชลันดาจึงจำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับบุรณะ ชายหนุ่มรูปหล่อผู้นั้น และความที่ไม่เต็มใจและไม่ได้รักบุรณะ ทำให้ชีวิตคู่ของชลันดากับบุรณะมีปัญหากันอยู่เสมอ แม้ว่าชลันดาจะท้องอยู่ด้วยก็ตาม

ชลันดาอ่อนแอและป่วยด้วยโรคร้าย ด้วยคำมั่นสัญญาที่สารินให้ไว้ว่าจะดูแลเธอตลอดชีวิต สารินจึงกลับมาดูแลชลันดาตามคำมั่นนั้นจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

เฮ้อ เป็นนิยายที่เศร้าที่สุดที่ผมเคยอ่านเลยครับ คู่กรรมยังไม่เศร้าขนาดนี้เลย เศร้าใจตั้งแต่ความต่างชนชั้นระหว่างสารินและชลันดาแล้ว เมื่อแต่งงานชลันดาก็ไม่มีความสุข เกลียดบูรณะกับแม่มาก ๆ ที่ทำกับชลันดาแบบนี้ ยิ่งตอนจบยิ่งแล้วใหญ่ นั่งอ่านไป ตาพร่าไป กว่าจะจบได้ก็ปวดกระบอกตาเพราะกลั้นน้ำตาไว้นานมากครับ การที่เราไดเห็นความผูกพันของใครสักคนในวัยเด็ก จวบจนกระทั่งตายจากกันไป มันเป็นอะไรที่ทรมานความรู้สึกมากครับ
ลูกทาส (รพีพร)
5
นิยายแนวพีเรียดของไทย ที่ถูกนำมาทำเป็นละครครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน รพีพร
สำนักพิมพ์ แสงดาว
จำนวนหน้าหนังสือ 576 หน้า

หนังสือนิยายแนวพีเรียดที่เพิ่งถูกนำมาสร้างเป็นละครครับ เรื่องนี้เบลล่า ราณ๊ ขวัญใจผมเล่นเป็นคุณน้ำทิพย์เสียด้วย เลยนั่งดูแบบไม่พลาดสักตอนเลย ก็อยากจะบอกว่าหนังสือกับละครไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไรสำหรับพล็อตเรื่อง ที่แตกต่างคือความละเอียดลึกซึ้งในส่วนของความคิดนึกของตัวละคร และการแสดงออกที่แก้วมีต่อคุณน้ำทิพย์ที่ถูกตัดออกไปบ้างครับ

ผมรักนิยายเรื่องนี้มากเลย เป็นพีเรียดแท้ ๆ จริง ๆ ใช้ประโยคที่มีคำโบราณ ถึงจะอ่านยากแต่ก็สนุกครับ โดยจะเน้นไปที่เรื่องราวของการเลิกทาสและปลดแอกความเป็นไท อ่านแล้วก็เข้าใจชีวิตความเป็นทาสมากครับ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองแม้กระทั่งชีวิต นายจะเอาอย่างไรก็ต้องได้ และเรื่องนี้จะเริ่มโดย แก้ว ลูกชายของนางทาสที่ชื่อว่ากิ่งครับ แก้วเป็นคนฉลาด และได้เรียนรู้จนสามารถอ่านออกเขียนได้จากแม่ผู้เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านายสาว ทำให้สามารถอ่านออกเขียนได้ ผิดจากทาสในวัยเดียวกัน แก้วจึงกลายเป็นที่ไม่พอใจของนายทาสอย่างพระยาไชยานุกรสักเท่าไร

ที่ผมสงสัยจริง ๆ จัง ๆ ก็คือ แก้วมีสเน่ห์เหลือล้นมากขนาดนั้นเลยหรือครับ นอกจากนายสาว คุณน้ำทิพย์ที่แก้วหลงรัก และเธอก็หลงรักแก้วเช่นกัน ยังมีบุญเจิม ทาสด้วยกัน สาวแก่แม่หม้ายสารพัดอีก อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรจะมารุมรักแต่ไอ้แก้วคนเดียวเท่านั้น ซึ่งตรงนี้จะชี้ให้เห็นค่อนข้างชัดว่า แม้เราจะปลดแอกความเป็นไทได้ มีอีกอย่างที่ยังไม่สามารถปลดได้ และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปคือเรื่องของความรักครับ ซึ่งผู้ชายในเรื่องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแก้ว พระยานิติธรรมลือชา พระยาไชยานุกร ต่างก็ทำให้ผู้หยิงเจ็บช้ำน้ำใจด้วยความรักทั้งนั้น โดยเฉพาะแก้วนี่ไม่น้อยเลย หลอกใช้ผู้หญิงก็มี

ตอนดูละครก็ไม่ค่อยชอบบุญเจิมสักเท่าไร แต่มาอ่านหนังสือก็เข้าใจและเห็นใจครับ ยอมแก้วทุกอย่างจริง ๆ รักก็บอกว่ารัก กอดจูบลูบคลำ จนแก้วเกือบจะเสียที แต่สุดท้ายด้วยความรักของบุญเจิมที่ต้องการจะช่วยแก้ว ก็ทำให้บุญเจิมต้องยอมเสียสิ่งที่เธอรักมากที่สุด อ่านแล้วก็ประทับใจในตัวบุญเจิมครับ

สรุปว่าเป็นหนังสือนิยายดี ๆ ที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่งครับ ผมไม่เล่าเรื่องย่อมาก เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนได้ดูละครกันมาแล้ว อยากให้มาอ่านหนังสือจะได้อรรถรสและความประทับใจมากกว่าครับ
เพชฌฆาตคนสุดท้าย ล.2
5
เหมาะสำหรับเยาวชน และทุกคนที่อยากรู้ความเป็นมาของโทษประหารครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน เชาวเรศน์ จารุบุณย์ , นคร พนมชัย
สำนักพิมพ์ ดอกหญ้ากรุ๊ป
จำนวนหน้าหนังสือ 304 หน้า

เล่มสองนี้ดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าเล่มแรกครับ (สำหรับผมนะ) เพราะเล่มนี้จะกล่าวถึงวิธีประการชีวิตในยุคต่าง ๆ ซึ่งผมว่ามันก็เป็นความรู้ทีดีอย่างหนึ่งครับ โดยจะเริ่มจากความเป็นมาของคุก "สยามประเทศ" และเรือนจำกลางบางขวางว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ก็สนุกดีครับ เก่าแก่ดี จากนั้นเราก็จะเริ่มเข้าสู่โหมดเพชฌฆาตกันบ้างแล้วว่า ก่อนประหารเนี่ย คนที่เป็นเพชฌฆาตต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งเยอะมากครับ พิธีกรรมต่าง ๆ นี้ ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าคนที่เค้ารับทำหน้าที่ตำแหน่งนี้ในสมัยก่อนและปัจจุบันเค้าคิดอย่างไรกัน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมของเพชฌฆาตแล้ว ทีนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่วิธีการประหารด้วยดาบก่อนเลยครับ จากนั้นจึงต่อด้วยปืน และยาพิษ

ผมอยากจะบอกว่าวิธีประหารด้วยดาบเนี่ย เวลาดูในหนังในละครเหมือนไม่เห็นมีอะไรเลย เอานักโทษมานั่ง เพชฌฆาตรำดาบแล้วก็ตัดคอเอาหัวเสียบประจาน แต่มาดูวิธีการจริง ๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะครับ ต้องทำพิธี ต้องรำ เวลาจะประหารต้องกระทืบเท้า ถ้านักโทษสะดุ้งก็ประหารไม่ได้ ในส่วนของปืนก็เหมือนกันครับ ต้องมีเป้าตาวัว มีทรายโรย กว่าจะเอาเข้าสู่หลักยิงได้ นักโทษจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ที่ผมชอบจริง ๆ คือในส่วนของยาพิษครับ ซึ่งดูเหมือนจะไปสบายที่สุด แต่แท้จริงแล้ว ถ้าได้อ่านจะเห็นเลยว่าอวัยวะภายในของนักโทษไม่ได้ไปสบายเหมือนสภาพศพครับ ซึ่งตรงนี้อธิบายได้ดีมากทั้ง 3 วิธีเลยครับ

ในส่วนของบทหลัง ๆ ก็จะเป็นเรื่องราวของการขอพระราชทานอภัยโทษครับ การจะขอพระราชทานอภัยโทษจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งผมเห็นว่าคดีอุจฉกรรจ์ อำมหิต หรือพวกยาเสพติดเนี่ย ไม่ควรจะขอด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจครับ บางทีคนเราทำผิดก็สำนึกได้จริง ๆ ออกมาก็อยากจะทำความดีชดเชยความผิด ก็จะถือว่าเป็นผลิตผลที่ดีของประเทศต่อไป

ผมว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนครับ โดยเฉพาะเยาวชน เพื่อที่จะได้เห็นว่าการประหารชีวิตมันน่ากลัวขนาดไหน โดยเฉพาะคดียาเสพติดที่ถ้าได้เข้าไปในแดนประหารแล้ว น้อยคนที่จะรอดออกมา
ผมคือนักบิน
5
หาอ่านยากนะครับหนังสือแนวนี้ หนึ่งในอาชีพที่ผู้ชายใฝ่ฝันครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน Flamingo
สำนักพิมพ์ Busy-Day
จำนวนหน้าหนังสือ 224 หน้า

เป็นหนังสือที่มีจำนวนหน้าที่น่าสนใจมากครับสำหรับ ผมคือนักบิน หนังสือที่สามารถตอบโจทย์คนที่สนใจอยากเป็นนักบิน หรือมีแฟนเป็นนักบิน ซึ่งผมเองก็เคยใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักบินเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ( มาดูรักต้องอุ้มยิ่งอยากเป็นเลยครับ เสียดายสายตาสั้นไปแล้ว) อ่านจบแล้วหลาย ๆ รอบก็ยังชอบ น้อยมากที่จะมีหนังสือแนวนี้ออกมาครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของกัปตันเครื่องบินโดยสารท่านหนึ่ง ที่มาบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ กว่าที่จะได้เป็นนักบิน จะต้องสอบอะไรบ้าง เรียนจบอะไรมา มีเกรดเฉลี่ยเท่าไร ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ผมอ่านแล้วชอบมาก ๆ ครับ กว่าจะได้เป็นนักบินจะต้องสอบอะไรบ้าง มีขั้นตอนและกฎเกณฑ์อย่างไร ซึ่งผมตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นผมคงไม่มีปัญญาครับ หลังจากนาทีระทึกผ่านไปกับการประกาศผลสอบ ผู้เขียนก็ได้เป็นนักบินสมใจ ซึ่งจะต้องผ่านการอบรมเรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากมายพอ ๆ กับการสอบเข้า จากนั้นจึงได้ลองสนามจริงครับ ซึ่งตรงนี้ผมก็ชอบเช่นเดียวกัน ดูมันเป็นอะไรที่ท้าทายและตื่นเต้นพอ ๆ กับผู้เขียนครับ จะต้องทำอย่างไรบ้าง จับคันบังคับตรงไหน และเมื่อได้บรรจุเป็นนักบินแล้ว มีชั่วโมงบินพอสมควรแล้ว ทีนี้ก็เริ่มปฏิบัติการคล้าย ๆ เด็กม.ปลาย คือเริ่มหนีบินบ้างแล้วครับ ซึ่งตรงนี้ผมก็แอบขำ ๆ นะ

ภาษาที่ใช้ค่อนข้างเป็นกันเอง เลยรู้สึกว่าอ่านง่ายครับ กว่าจะเป็นนักบินได้ก็ไม่ใช่ง่ายเหมือนกัน คัดแล้วคัดอีก คัดอย่างถี่ถ้วนจริง ๆ ว่ามีความรู้พอที่จะรับผิดชอบผู้โดยสารได้ ติอยู่อย่างหนึ่งคือ พอได้เป็นนักบินแล้วไม่ค่อยมีรายละเอียดมากเท่าที่ควร ผมก็ยังอยากรู้ต่อนะครับว่า ได้เป็นนักบินแล้วต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งผู้เขียนดูเหมือนจะข้ามตรงนี้ไปเยอะเหมือนกันครับ

สรุปว่า วัยรุ่นอ่านได้ ผู้ใหญ่ก็ยังอ่านดีครับ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ผู้ชายใฝ่ฝัน ผู้หญิงก็อ่านได้นะครับ บางสายการบินเริ่มรับนักบินหญิงแล้ว คุ้มราคาครับ เพราะได้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องบินเยอะเลย
คำสารภาพสุดท้ายก่อนเข้าห้องประหาร
5
เป็นเรื่องราวชีวิตของนักโทษในแดนประหารครับ อ่านแล้วได้อะไรหลาย ๆ อย่างดี
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ภุมริน ภมรตราชูกุล
สำนักพิมพ์ แพรว
จำนวนหน้าหนังสือ 165 หน้า

เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากครับเล่มนี้ ซึ่งโดยปกติผมก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือแนวนี้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของชาวเขาเผ่าลีซอ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา กลายมาเป็นเอเย่นต์ค้าผงขาวใหญ่ระดับประเทศ และโทษที่เค้าได้รับนั่นก็คือการ "ประหารชีวิต"

ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริง ๆ นะครับ ผู้เขียนได้เล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองตั้งแต่แรก ๆ ว่าทำไมถึงกลายมาเป็นเอเย่นต์ค้าผงขาวรายใหญ่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี่เพราะความประมาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มองว่าเด็กชาวเขาคนหนึ่งไม่มีพิษสงอะไร ทุกครั้งที่มีการขนถ่ายสินค้า ก็ไม่มีใครมาสนใจเค้า ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เค้ารวยมากถึงมากที่สุด มีเงินเยอะแยะ แต่ไม่มีความสุข อยู่กับความหวาดระแวงว่าตำรวจจะจับ แล้วก็โดนจับจริง ๆ ในเวลาต่อมา พร้อมคำพิพากษาประหารชีวิต

ผู้เขียนได้เล่าต่อไปถึงช่วงชีวิตที่อยู่ในแดนประหาร ดูคนนู้นคนนี้ไปรับโทษประหารเกือบทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคดียาเสพติด และคดีฆาตกรรมอย่างอำมหิตผิดมนุษย์ ซึ่งในช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่เค้าสำนึกได้ และได้หันกลับมานั่งบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตท่ามกลางเสียงโซ่ตรวน ผู้เขียนได้กลายเป็นคนรักการอ่าน เข้าห้องสมุด เรียนกศน.จวบจนกระทั่งได้รับปริญญาหลายใบตลอดเวลาที่อยู่ในคุก และวันหนึ่ง สิ่งที่เค้าปรารถนาไว้ก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเค้าได้รับการอภัยโทษและพ้นโทษไปในที่สุด (ซึ่งจริง ๆ ผมว่ายากนะครับ โดนจับพร้อมยาเสพติดสามแสนเม็ด)

อ่านแล้วก็ได้แง่คิดดีครับ ได้อะไรหลาย ๆ อย่างเลย ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปอยู่ในคุกเป็นเพื่อนคนเขียนจริง ๆ เพราะเค้าเล่าบรรยากาศในนั้นออกมาได้ดีมาก และสำคัญหลัก ๆ คือเรื่องของยาเสพติดที่ผู้เขียนย้ำมากถึงมากที่สุดว่าอย่าไปเข้าใกล้ครับ
www.batorastore.com © 2024