Customer Reviews

ท่าน ว. วชิรเมธี ได้นำเสนอแนวคิดการใช้ชีวิตทั้ง 9 เรื่อง เพื่อให้ชีวิตเก้าหน้า ไว้อย่างดีสามารถปฏิบัติตามได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสือธรรมะแต่ก็ไม่ได้มีแต่ภาษาบาลีนะค่ะ ท่าน ว. วชิรเมธี ได้ถ่ายทอดเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ยกตัวอย่างแบบว่ากินใจผู้อ่านเลยล่ะค่ะ อีกอย่างนะค่ะไม่อยากให้มองว่าหนังสือธรรมะนั้นน่าเบื่อเพราะว่าหนังสือธรรมมะนี่แหล่ะค่ะ จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ ทั้งนี้จะขอยกบางช่วงบางตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่ากินใจผู้อ่านและให้ข้อคิดเป็นอย่างมากมาบอกเล่าค่ะ
การเรียนรู้ ท่าน ว. วชิรเมธี บอกว่าขอให้เราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนแก้วน้ำที่มีเพียงครึ่งแก้ว เพราะแก้วน้ำเพียงครึ่งแก้วจะสามารถเติมน้ำได้เสมอ แต่หากทำตัวเป็นแก้วที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว ใครๆก็ไม่อยากเติมอะไรให้ ใครๆก็ไม่อยากมาสอนเรา การใฝ่รู้สิ่งที่ยาก ท่านบอกว่าไม่มีอะไรยากแต่ที่ยากเพราะเรายังพิชิตมันไม่ได้ต่างหาก และท่านยังสอนให้รักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ และการเรียนรู้ผ่านการเดินทางข้อนี้ผู้อ่านก็เห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างมากเพราะตรงกับผู้อ่านค่ะ อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ผู้อ่านก็ได้เรียนรู้จากการเดินทางนี่แหล่ะค่ะ
การงาน ด้วยตัวผู้อ่านเองก็เรียนด้านศิลปะอยู่ เวลาทำงานแต่ละชิ้นผู้อ่านจะยึดหลักข้อนี้มาใช้ ท่านบอกว่า ทำอะไรทำให้ดี ริณใจใส่งานจะได้งานชิ้นเอกและงานทุกชิ้นที่เราทำอยู่ในขณะนั้นต้องทำให้ดีที่สุดด้วย ข้อสุดท้าย ท่านบอกว่าอย่าบ้างาน ให้รู้จักพักผ่อนเสียบ้าง พอคิดถึงตัวเองก็แอบหัวเราะอยู่เหมือนกันค่ะคือ ผู้อ่านจะวาดรูปถึง ตี 3 แล้วต้องตื่นไปเรียน ตอน 8 โมง รู้สึกว่าจะหักโหมอยู่เหมือนกัน บางวันถึงกับนั่งหลับในห้องเรียนเลยทีเดียว ไม่ดีนะค่ะ
การใช้ชีวิต ท่านให้ข้อคิดดีดีไว้ 4 เรื่องค่ะ คือ การมองโลกในแง่ดี มีสุขภาพดี คบคนดี มีความดีหรือทำความดีนั่นแหล่ะค่ะ แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วค่ะ
การให้ ท่านบอกว่า คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้ย่อมยากที่จะได้รับ “การให้” มองอย่างธรรมดาดูเหมือนว่าเป็นการสูญเสียแต่ที่จริงแล้วผู้ให้คือผู้ที่ได้รับต่างหาก เพราะเหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินคือ ชีวิตที่ดีงามเพราะอริยมรรคอริยผล
ความรัก ท่านบอกว่ารักแท้คือรักที่มีแต่ให้หรือความกรุณานั่นเองค่ะ
การคิด ท่านบอกว่า เรามีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจสำคัญที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ ใจในที่นี้คือความคิด ฝรั่งเขาว่าคุณคิดเช่นไร คุณจะใช้ชีวิตอย่างนั้น ในมุมมองของผู้อ่าน ความคิดนั้นสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตเพราะความคิดก็เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางให้เรา คิดถูกคิดเป็นชีวิตก็ดี คิดไม่ถูกคิดไม่เป็นชีวิตก็แย่
ความกตัญญู ท่านบอกว่า ร้อยความดี ความกตัญญูมาเป็นที่หนึ่ง ผู้ไม่รู้คุณ ผู้นั้นจะไม่เจริญ โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ การตอบแทนคุณพ่อแม่ เมื่อมีโอกาสจงรีบทำอย่ารอ
ความพลัดพราก อาจจะฟังดูหดหู่ไปหน่อย แต่ลึกซึ้งมากค่ะ ความพลัดพรากทำให้เราคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา อีกนัยหนึ่งก็คือ เรามาตัวเปล่า เราก็ไปตัวเปล่า เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วเวลาพบกับความพลัดพรากจะทำให้เราคลายความเศร้าได้บ้าง
การตื่นรู้ ผู้อ่านเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ ผู้อ่านคิดตามความเข้าใจของผู้อ่านคือการอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนผู้อ่านในหลายๆด้านเลยล่ะค่ะ เหมือนที่ท่านบอกไว้ในข้อแรกถ้าเราไม่อ่านเราก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของเรานั้นก้าวมาอยู่จุดไหนแล้วและจะพัฒนาต่อไปอย่างไรดี หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศของตัวผู้อ่านเองไม่ว่าจะไปที่ไหนผู้อ่านจะพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวเสมอเพราะเป็นเครื่องเตือนใจได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ

ท่าน ว. วชิรเมธี ได้นำเสนอแนวคิดการใช้ชีวิตทั้ง 9 เรื่อง เพื่อให้ชีวิตเก้าหน้า ไว้อย่างดีสามารถปฏิบัติตามได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสือธรรมะแต่ก็ไม่ได้มีแต่ภาษาบาลีนะค่ะ ท่าน ว. วชิรเมธี ได้ถ่ายทอดเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ยกตัวอย่างแบบว่ากินใจผู้อ่านเลยล่ะค่ะ อีกอย่างนะค่ะไม่อยากให้มองว่าหนังสือธรรมะนั้นน่าเบื่อเพราะว่าหนังสือธรรมมะนี่แหล่ะค่ะ จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ ทั้งนี้จะขอยกบางช่วงบางตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่ากินใจผู้อ่านและให้ข้อคิดเป็นอย่างมากมาบอกเล่าค่ะ
การเรียนรู้ ท่าน ว. วชิรเมธี บอกว่าขอให้เราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนแก้วน้ำที่มีเพียงครึ่งแก้ว เพราะแก้วน้ำเพียงครึ่งแก้วจะสามารถเติมน้ำได้เสมอ แต่หากทำตัวเป็นแก้วที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว ใครๆก็ไม่อยากเติมอะไรให้ ใครๆก็ไม่อยากมาสอนเรา การใฝ่รู้สิ่งที่ยาก ท่านบอกว่าไม่มีอะไรยากแต่ที่ยากเพราะเรายังพิชิตมันไม่ได้ต่างหาก และท่านยังสอนให้รักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ และการเรียนรู้ผ่านการเดินทางข้อนี้ผู้อ่านก็เห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างมากเพราะตรงกับผู้อ่านค่ะ อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ผู้อ่านก็ได้เรียนรู้จากการเดินทางนี่แหล่ะค่ะ
การงาน ด้วยตัวผู้อ่านเองก็เรียนด้านศิลปะอยู่ เวลาทำงานแต่ละชิ้นผู้อ่านจะยึดหลักข้อนี้มาใช้ ท่านบอกว่า ทำอะไรทำให้ดี ริณใจใส่งานจะได้งานชิ้นเอกและงานทุกชิ้นที่เราทำอยู่ในขณะนั้นต้องทำให้ดีที่สุดด้วย ข้อสุดท้าย ท่านบอกว่าอย่าบ้างาน ให้รู้จักพักผ่อนเสียบ้าง พอคิดถึงตัวเองก็แอบหัวเราะอยู่เหมือนกันค่ะคือ ผู้อ่านจะวาดรูปถึง ตี 3 แล้วต้องตื่นไปเรียน ตอน 8 โมง รู้สึกว่าจะหักโหมอยู่เหมือนกัน บางวันถึงกับนั่งหลับในห้องเรียนเลยทีเดียว ไม่ดีนะค่ะ
การใช้ชีวิต ท่านให้ข้อคิดดีดีไว้ 4 เรื่องค่ะ คือ การมองโลกในแง่ดี มีสุขภาพดี คบคนดี มีความดีหรือทำความดีนั่นแหล่ะค่ะ แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วค่ะ
การให้ ท่านบอกว่า คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้ย่อมยากที่จะได้รับ “การให้” มองอย่างธรรมดาดูเหมือนว่าเป็นการสูญเสียแต่ที่จริงแล้วผู้ให้คือผู้ที่ได้รับต่างหาก เพราะเหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินคือ ชีวิตที่ดีงามเพราะอริยมรรคอริยผล
ความรัก ท่านบอกว่ารักแท้คือรักที่มีแต่ให้หรือความกรุณานั่นเองค่ะ
การคิด ท่านบอกว่า เรามีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจสำคัญที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ ใจในที่นี้คือความคิด ฝรั่งเขาว่าคุณคิดเช่นไร คุณจะใช้ชีวิตอย่างนั้น ในมุมมองของผู้อ่าน ความคิดนั้นสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตเพราะความคิดก็เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางให้เรา คิดถูกคิดเป็นชีวิตก็ดี คิดไม่ถูกคิดไม่เป็นชีวิตก็แย่
ความกตัญญู ท่านบอกว่า ร้อยความดี ความกตัญญูมาเป็นที่หนึ่ง ผู้ไม่รู้คุณ ผู้นั้นจะไม่เจริญ โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ การตอบแทนคุณพ่อแม่ เมื่อมีโอกาสจงรีบทำอย่ารอ
ความพลัดพราก อาจจะฟังดูหดหู่ไปหน่อย แต่ลึกซึ้งมากค่ะ ความพลัดพรากทำให้เราคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา อีกนัยหนึ่งก็คือ เรามาตัวเปล่า เราก็ไปตัวเปล่า เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วเวลาพบกับความพลัดพรากจะทำให้เราคลายความเศร้าได้บ้าง
การตื่นรู้ ผู้อ่านเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ ผู้อ่านคิดตามความเข้าใจของผู้อ่านคือการอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนผู้อ่านในหลายๆด้านเลยล่ะค่ะ เหมือนที่ท่านบอกไว้ในข้อแรกถ้าเราไม่อ่านเราก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของเรานั้นก้าวมาอยู่จุดไหนแล้วและจะพัฒนาต่อไปอย่างไรดี หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศของตัวผู้อ่านเองไม่ว่าจะไปที่ไหนผู้อ่านจะพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวเสมอเพราะเป็นเครื่องเตือนใจได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ

หัวขโมยแห่งบารามอสกับคทาแห่งพลังเป็นภาคที่สองต่อจากหัวขโมยแห่งบารามอสกับมงกุฎแห่งใจ
ใครที่ชอบเจ้าชายเย็นชาที่แสนอบอุ่นกับเจ้าหญิงจอมกวน จอมทะเล้น จอมเจ้าเล่ห์ แถมกะล่อนอีกตะหาก พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นเลยล่ะค่ะ มีอะไรให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆค่ะเพราะนิยายชุดนี้เขามีถึงสี่เล่มด้วยกันค่ะ ผู้เขียนจะเล่าเรื่องความรักผ่านการผจญภัยไม่ใช่ออกแนวโรแมนติกซะทีเดียว พระเอกนางเอกจะเริ่มรู้ใจตัวเองจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในการเดินทาง
เมื่อชะตาพลิกผลันเจ้าตัวยุ่งเฟรินจากหัวขโมยกลายเป็นถึงเจ้าหญิงเฟริโอน่าแห่งเดมอสทำให้เฟรินและเพื่อนๆต้องเดินทางไปเดมอส ในการเดินทางไปเดมอสครั้งนี้มีจุดประสงค์สองประการ ประการแรกคือพาเฟรินมาพบกับพระบิดาและทำพิธีคืนร่างเดิม ประการที่สองคือนำคทาแห่งพลังที่ได้หักสะบั้นลงนำกลับมาซ่อมยังเดมอส
การจะเข้าไปเมืองหลวงของเดมอสไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะต้องผ่านด่านหลายด่านด่านแรกคือเมืองหน้าด่าน คือเพียงพูดจาสุภาพก็จะผ่านด่านไปได้แล้ว แต่กับเฟรินนี่สิ มีรึเจ้าตัวยุ่งจะไม่ก่อเรื่องจึงทำให้เฟริณต้องถูกส่งไปเมืองยักษ์ ร้อนไปถึงคาโลที่อดห่วงไม่ได้จึงต้องทำผิดไปด้วยอีกคนเพราะเป็นห่วงเฟริณ
เมืองยักษ์เป็นแดนที่นักโทษถูกส่งตัวมา และถ้าไม่อยากเป็นนักโทษมีข้อแลกเปลี่ยนอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการแข่งแกรนด์ชีล อย่างที่สองคือเป็นตุ๊กตาของเจ้าหญิงเบริต้า เมื่อคาโลโดนจับไปทำงานแล้วไม่กลับมามีหรือที่เฟรินจะอยู่เฉยๆได้ อย่างหลังล่ะตัวเลือกของเฟริณ เจ้าหญิงเบริต้าแอบพาเฟริณไปดูการแข่งแกรนด์ชิล ที่นั่นเฟรินจึงได้รู้ว่าคาโลมาท้าประลองการแข่งแกรนด์ชีล
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังการประลองเมื่อคาโลชนะและขอให้เฟรินได้กลับออกไปกับตนด้วยแต่ราชายักษ์ไม่ยอมเพราะคาโลกับเฟรินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน คาโลจึงประกาศออกไปว่าเฟรินหรือเจ้าหญิงเฟริโอน่าแห่งเดมอสคือคู่หมั้นของตนทำให้เฟรินต้องตกกะไดพลอยโจนไปด้วย
ราชายักษ์ผู้ซึ่งเป็นอาของเฟริณยินดีเป็นยิ่งนักและได้มอบคทาพิพากษาให้แก่คาโลแต่คาโลไม่รับเจ้าตัวยุ่งเลยรับไว้เองซะเลยโดยไม่รู้พิษสงของมัน ป่าหลงลืมเฟริณและเพื่อนๆสามารถที่จะผ่านด่านนี้มาได้เพราะคทาพิพากษา หุบเขาหัวกะโหลก ในเมืองที่สวยสง่ามีสิ่งล่อตาล่อใจมีข้อห้ามอยู่สองอย่างคือ ถ้าไม่เป็นพระราชาของเมืองก็จะอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันและห้ามนำสิ่งของใดๆของเมืองนี้ออกมาด้วย
คำท้าทายอย่างหลังไปสะกิดต่อมขโมยในตัวเฟรินอย่างจัง เจ้าตัวก็ก่อเรื่องอีกจนได้เมื่อไปขโมยเพชรเม็ดโตออกมาและเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำเอาทุกคนเกือบตายถ้าไม่ได้คทาช่วยไว้อีก และนครจันทราคือเมืองแห่งการห้ามโกหก เมืองนี้ได้สอนเฟรินในเรื่องคิดก่อนพูด ไม่ใช่สักแต่พูดเพ้อเจ้อ
เมื่อมาถึงพระราชวังพิธิชุบตัวเฟรินก็เริ่มขึ้น ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจนได้เมื่อเฟรินกลับไปเป็นหมาเหมือนเดิม ราชาเอวิเดสจึงทำให้เฟรินกลับกลายเป็นเด็กชายอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าหญิงคืนร่างเดิมแล้วเข้าใจเพียงแต่ว่าเจ้าหญิงกลายเป็นเจ้าชาย นอกจากเรื่องราววุ่นๆ แล้วผู้เขียนยังได้สอดแทรกคุณธรรมผ่าน ด่านทั้งห้าคือ เมืองหน้าด่านสอนเรื่องจริยา เมืองยักษ์สอนเรื่องความเมตตา ด่านป่าหลงลืมทดสอบด้านปัญญา ด่านหุบเขาหัวกะโหลกสอนเรื่องมโนธรรมและเมืองจันทราสอนเรื่องสัตยวาที นอกจากนี้แล้วที่เมืองจันทรายังได้สอนให้คู่ค่าของชีวิตอีกด้วย
อ่านนิยายเรื่องนี้ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้เลยล่ะค่ะ ใช้ในชีวิตจริงได้ด้วยนะค่ะ

หัวขโมยแห่งบารามอสกับคทาแห่งพลังเป็นภาคที่สองต่อจากหัวขโมยแห่งบารามอสกับมงกุฎแห่งใจ
ใครที่ชอบเจ้าชายเย็นชาที่แสนอบอุ่นกับเจ้าหญิงจอมกวน จอมทะเล้น จอมเจ้าเล่ห์ แถมกะล่อนอีกตะหาก พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นเลยล่ะค่ะ มีอะไรให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆค่ะเพราะนิยายชุดนี้เขามีถึงสี่เล่มด้วยกันค่ะ ผู้เขียนจะเล่าเรื่องความรักผ่านการผจญภัยไม่ใช่ออกแนวโรแมนติกซะทีเดียว พระเอกนางเอกจะเริ่มรู้ใจตัวเองจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในการเดินทาง
เมื่อชะตาพลิกผลันเจ้าตัวยุ่งเฟรินจากหัวขโมยกลายเป็นถึงเจ้าหญิงเฟริโอน่าแห่งเดมอสทำให้เฟรินและเพื่อนๆต้องเดินทางไปเดมอส ในการเดินทางไปเดมอสครั้งนี้มีจุดประสงค์สองประการ ประการแรกคือพาเฟรินมาพบกับพระบิดาและทำพิธีคืนร่างเดิม ประการที่สองคือนำคทาแห่งพลังที่ได้หักสะบั้นลงนำกลับมาซ่อมยังเดมอส
การจะเข้าไปเมืองหลวงของเดมอสไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะต้องผ่านด่านหลายด่านด่านแรกคือเมืองหน้าด่าน คือเพียงพูดจาสุภาพก็จะผ่านด่านไปได้แล้ว แต่กับเฟรินนี่สิ มีรึเจ้าตัวยุ่งจะไม่ก่อเรื่องจึงทำให้เฟริณต้องถูกส่งไปเมืองยักษ์ ร้อนไปถึงคาโลที่อดห่วงไม่ได้จึงต้องทำผิดไปด้วยอีกคนเพราะเป็นห่วงเฟริณ
เมืองยักษ์เป็นแดนที่นักโทษถูกส่งตัวมา และถ้าไม่อยากเป็นนักโทษมีข้อแลกเปลี่ยนอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการแข่งแกรนด์ชีล อย่างที่สองคือเป็นตุ๊กตาของเจ้าหญิงเบริต้า เมื่อคาโลโดนจับไปทำงานแล้วไม่กลับมามีหรือที่เฟรินจะอยู่เฉยๆได้ อย่างหลังล่ะตัวเลือกของเฟริณ เจ้าหญิงเบริต้าแอบพาเฟริณไปดูการแข่งแกรนด์ชิล ที่นั่นเฟรินจึงได้รู้ว่าคาโลมาท้าประลองการแข่งแกรนด์ชีล
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังการประลองเมื่อคาโลชนะและขอให้เฟรินได้กลับออกไปกับตนด้วยแต่ราชายักษ์ไม่ยอมเพราะคาโลกับเฟรินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน คาโลจึงประกาศออกไปว่าเฟรินหรือเจ้าหญิงเฟริโอน่าแห่งเดมอสคือคู่หมั้นของตนทำให้เฟรินต้องตกกะไดพลอยโจนไปด้วย
ราชายักษ์ผู้ซึ่งเป็นอาของเฟริณยินดีเป็นยิ่งนักและได้มอบคทาพิพากษาให้แก่คาโลแต่คาโลไม่รับเจ้าตัวยุ่งเลยรับไว้เองซะเลยโดยไม่รู้พิษสงของมัน ป่าหลงลืมเฟริณและเพื่อนๆสามารถที่จะผ่านด่านนี้มาได้เพราะคทาพิพากษา หุบเขาหัวกะโหลก ในเมืองที่สวยสง่ามีสิ่งล่อตาล่อใจมีข้อห้ามอยู่สองอย่างคือ ถ้าไม่เป็นพระราชาของเมืองก็จะอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันและห้ามนำสิ่งของใดๆของเมืองนี้ออกมาด้วย
คำท้าทายอย่างหลังไปสะกิดต่อมขโมยในตัวเฟรินอย่างจัง เจ้าตัวก็ก่อเรื่องอีกจนได้เมื่อไปขโมยเพชรเม็ดโตออกมาและเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำเอาทุกคนเกือบตายถ้าไม่ได้คทาช่วยไว้อีก และนครจันทราคือเมืองแห่งการห้ามโกหก เมืองนี้ได้สอนเฟรินในเรื่องคิดก่อนพูด ไม่ใช่สักแต่พูดเพ้อเจ้อ
เมื่อมาถึงพระราชวังพิธิชุบตัวเฟรินก็เริ่มขึ้น ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจนได้เมื่อเฟรินกลับไปเป็นหมาเหมือนเดิม ราชาเอวิเดสจึงทำให้เฟรินกลับกลายเป็นเด็กชายอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าหญิงคืนร่างเดิมแล้วเข้าใจเพียงแต่ว่าเจ้าหญิงกลายเป็นเจ้าชาย นอกจากเรื่องราววุ่นๆ แล้วผู้เขียนยังได้สอดแทรกคุณธรรมผ่าน ด่านทั้งห้าคือ เมืองหน้าด่านสอนเรื่องจริยา เมืองยักษ์สอนเรื่องความเมตตา ด่านป่าหลงลืมทดสอบด้านปัญญา ด่านหุบเขาหัวกะโหลกสอนเรื่องมโนธรรมและเมืองจันทราสอนเรื่องสัตยวาที นอกจากนี้แล้วที่เมืองจันทรายังได้สอนให้คู่ค่าของชีวิตอีกด้วย
อ่านนิยายเรื่องนี้ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้เลยล่ะค่ะ ใช้ในชีวิตจริงได้ด้วยนะค่ะ

เจ้าหงิญ เป็นอีกเรื่องนะค่ะที่อ่านแล้วประทับใจสุดๆเลยค่ะ ขนาดอ่านจบแล้วยังยิ้มไม่หุบเลยค่ะ เป็นผลงานการเขียนโดย บินหลา สันกาลาคีรี เจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ. 2548 ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 26 กับสำนักพิมพ์อันพูค่ะ
ฉันเองก็เหมือนกับเด็กน้อยที่รอคอยจะฟังนิทานของบินหลาอย่างใจจดใจจ่อเรื่องสั้น 8 เรื่องของเขาที่เริ่มจากชายเดียวดายแห่งภูเขาภาคเหนือ เล่าถึงความหวังของผู้ชายคนหนึ่งที่จะไปฉลองวันเกิดกับหลานสาว และนำของขวัญสุดแสนวิเศษไปมอบให้เธอด้วยแต่ระหว่างเดินทางนั้นมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นทำให้การเดินทางของเขาช้าลง แม้ว่าการเดินทางจะช้าลงแต่ชายเดียวดายก็ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ไว้กับการเดินทางตลอดสายของเขา และแล้วชายเดียวดายก็มาทันงานวันเกิด เพียงแต่ว่าผมที่เคยดำขลับในวันเริ่มต้นเดินทาง กลับกลายเป็นปุยขาวเช่นเดียวกับขนกระต่าย หลานสาวตัวน้อยตอนนี้ก็เติบโตเป็นสาวและมีเจ้าหญิงตัวน้อยๆที่ครบรอบวันเกิดในวันนี้ด้วย หลังจากวันนั้นชายเดียวดาย ไม่สิ เขาไม่เดียวดายอีกต่อไปแล้ว ในทุกๆปีจะมีเด็กๆ มาหาเขามิได้ขาด มาช่วยปลูกผัก มาฟังนิทาน มาให้จูงมือน้อยๆพาไป…
แม้จะก้าวเตาะแตะแท้เท้าเล็กๆหลายคู่นั้นก็ไม่มีวันหลง จะยากอะไร ก็แค่มาตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีต้อยติ่ง สพรั่งสองข้างทางเท่านั้นเอง
นอกจากความหวังแล้วบินหลายังเล่าถึงการรอคอย ความเศร้า คนที่…ใช่ การเติบโตและการเรียนรู้ จุดมุ่งหมาย ความรักของแม่และลูก แต่ที่ชอบที่สุดคือบินหลาใช้การเล่าที่เหมือนเรื่องจะจบแบบให้คิดเองแต่ก็เผลอเฉลยตอนจบจนได้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขันของเขาที่ซ่อนอยู่ในนิทานซ้อนนิทานเล่มนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงติดหนังสือเล่มนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาถ่ายทอดออกมา เขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใช้สไตล์การเล่าที่อ่อนโยน แม้กระทั่งเรื่องราวชีวิตของเขาที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัว และเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละตอนแต่สุดท้ายทุกเรื่องราวก็มาบรรจบกันได้พอดี นอกจากจะอ่านสนุกประทับใจแล้วหนังสือเล่มนี้ยังมีแง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตซ่อนอยู่
บินหลาได้กล่าวทิ้งท้ายในหนังสือเล่มนี้ว่า นิทานของข้าพเจ้ามิใช่แค่เพียงนิทานหลอกเด็ก ทั้งยังหลอกตัวเอง และให้ข้อคิดที่ว่าบางทีการเล่านิทานก็เป็นเสมือนการร้องไห้อย่างหนึ่งกับความสูญเสียที่เขาเคยได้รับ จากสิ่งที่เกิดขึ้นที่สันกาลาคีรี ถ้าเราอ่านดีๆเราก็จะเข้าใจความเหงา ความเศร้าของบินหลาได้มากขึ้น อีกทั้งมุมมองการมองชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่น่านับถือยิ่ง

เจ้าหงิญ เป็นอีกเรื่องนะค่ะที่อ่านแล้วประทับใจสุดๆเลยค่ะ ขนาดอ่านจบแล้วยังยิ้มไม่หุบเลยค่ะ เป็นผลงานการเขียนโดย บินหลา สันกาลาคีรี เจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ. 2548 ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 26 กับสำนักพิมพ์อันพูค่ะ
ฉันเองก็เหมือนกับเด็กน้อยที่รอคอยจะฟังนิทานของบินหลาอย่างใจจดใจจ่อเรื่องสั้น 8 เรื่องของเขาที่เริ่มจากชายเดียวดายแห่งภูเขาภาคเหนือ เล่าถึงความหวังของผู้ชายคนหนึ่งที่จะไปฉลองวันเกิดกับหลานสาว และนำของขวัญสุดแสนวิเศษไปมอบให้เธอด้วยแต่ระหว่างเดินทางนั้นมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นทำให้การเดินทางของเขาช้าลง แม้ว่าการเดินทางจะช้าลงแต่ชายเดียวดายก็ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ไว้กับการเดินทางตลอดสายของเขา และแล้วชายเดียวดายก็มาทันงานวันเกิด เพียงแต่ว่าผมที่เคยดำขลับในวันเริ่มต้นเดินทาง กลับกลายเป็นปุยขาวเช่นเดียวกับขนกระต่าย หลานสาวตัวน้อยตอนนี้ก็เติบโตเป็นสาวและมีเจ้าหญิงตัวน้อยๆที่ครบรอบวันเกิดในวันนี้ด้วย หลังจากวันนั้นชายเดียวดาย ไม่สิ เขาไม่เดียวดายอีกต่อไปแล้ว ในทุกๆปีจะมีเด็กๆ มาหาเขามิได้ขาด มาช่วยปลูกผัก มาฟังนิทาน มาให้จูงมือน้อยๆพาไป…
แม้จะก้าวเตาะแตะแท้เท้าเล็กๆหลายคู่นั้นก็ไม่มีวันหลง จะยากอะไร ก็แค่มาตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีต้อยติ่ง สพรั่งสองข้างทางเท่านั้นเอง
นอกจากความหวังแล้วบินหลายังเล่าถึงการรอคอย ความเศร้า คนที่…ใช่ การเติบโตและการเรียนรู้ จุดมุ่งหมาย ความรักของแม่และลูก แต่ที่ชอบที่สุดคือบินหลาใช้การเล่าที่เหมือนเรื่องจะจบแบบให้คิดเองแต่ก็เผลอเฉลยตอนจบจนได้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขันของเขาที่ซ่อนอยู่ในนิทานซ้อนนิทานเล่มนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงติดหนังสือเล่มนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาถ่ายทอดออกมา เขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใช้สไตล์การเล่าที่อ่อนโยน แม้กระทั่งเรื่องราวชีวิตของเขาที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัว และเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละตอนแต่สุดท้ายทุกเรื่องราวก็มาบรรจบกันได้พอดี นอกจากจะอ่านสนุกประทับใจแล้วหนังสือเล่มนี้ยังมีแง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตซ่อนอยู่
บินหลาได้กล่าวทิ้งท้ายในหนังสือเล่มนี้ว่า นิทานของข้าพเจ้ามิใช่แค่เพียงนิทานหลอกเด็ก ทั้งยังหลอกตัวเอง และให้ข้อคิดที่ว่าบางทีการเล่านิทานก็เป็นเสมือนการร้องไห้อย่างหนึ่งกับความสูญเสียที่เขาเคยได้รับ จากสิ่งที่เกิดขึ้นที่สันกาลาคีรี ถ้าเราอ่านดีๆเราก็จะเข้าใจความเหงา ความเศร้าของบินหลาได้มากขึ้น อีกทั้งมุมมองการมองชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่น่านับถือยิ่ง

โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายแนวแฟนตาซีอยู่แล้วเมื่อมาเจอนิยายเรื่องนี้ถูกใจมากค่ะ
หนังสือนิยายเรื่อง หัวขโมยแห่งบารามอส กับ มงกุฎแห่งใจ ผลงานจากผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า Rabbit ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ เป็นเรื่องราววุ่นๆของเจ้าตัวยุ่งที่ใครๆก็เรียกเขาว่า “เฟริน เดอเบอโรว์ หัวขโมยแห่งบารามอส”
เมื่อแผนการลักพาตัวเจ้าชายของผู้เป็นพ่อ มาดัส เดอเบอโรว์ เริ่มขึ้น เจ้าตัวยุ่งเฟรินจึงถูกส่งตัวเข้าไปเรียนในโรงเรียนพระราชา แห่งเอเดนเบิร์ก ตามข้อตกลงของผู้เป็นพ่อ
ณ ป้อมอัศวินโรงเรียนพระราชาหรือในฉายาป้อมผจญภัย เฟริน เดอเบอโรว์ ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับ คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ออฟคาโนวาล และคิลมัส ฟีลมัส เดอะคิลเลอร์ออฟซาเรส ดูเหมือนว่าเจ้าตัวยุ่งเฟริน จะเข้ากันได้ดีกับคิล ฟีลมัส เจ้าของฉายานักฆ่า มากกว่าคาโล เจ้าชายเย็นชาซะอีก แค่คืนแรกก็ได้เรื่องซะแล้ว เมื่อเสียงประหลาด ในความฝัน ที่เรียกตัวเองว่าคือ มงกุฎแห่งใจ มาก่อกวนในความฝันของ
เฟริน ที่สำคัญเมื่อเฟรินได้รู้ว่าเจ้ามงกุฎแห่งใจได้มาก่อกวนในความฝันของสองเพื่อนร่วมห้องด้วย ยิ่งทำให้เฟรินประหลาดใจขึ้นไปอีก
และแล้วเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อ “โกโดม โคมุส ”แห่งเดมอสปรากฏตัวขึ้น เหตุการณ์ร้ายๆต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้นกับเฟริน ทั้งเฟริน คิล และคาโลเริ่มฉงนใจจึงคาดคั้นเอาความลับจาก โกโดม โคมุส โคมุสได้เล่าความลับเกี่ยวกับสงครามเมื่อห้าร้อยปีก่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมงกุฏแห่งใจให้ทั้งสามฟัง กระนั้นก็ยังไม่หมดเพราะโคมุสกลัวทั้งสามจะได้รับอันตราย แต่เฟริน คิล และคาโลก็คาดคั้นจนรู้ว่า หลานสาวของไฮคิงแอบหนีมาเรียนที่โรงเรียนพระราชา ในวันเดียวกันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีก เมื่อมีบุรุษลึกลับ บุกป้อมอัศวินทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุการณ์มีคนบุกป้อมอัศวินไม่ทันหายก็เกิดเรื่องร้ายๆกับเฟรินอีกจนได้ โคมุสอาสาที่จะรักษาเฟริน แต่เมื่อการรักษาออกมากลับทำให้เจ้าตัวยุ่งเฟริน กลายร่างเป็นเด็กหญิงและสุนัขสลับกัน ถึงแม้ว่าเฟรินจะสลับร่างได้แต่มันก็ไม่น่าสนุกเลยล่ะสิ เมื่อเฟรินและเพื่อนๆต้องไปบุกรังจิ้งจอกเก้าหาง แถมยังไปร่วงรู้ความลับมงกุฏแห่งใจและชายชุดดำเพิ่มอีก นอกจากการร่วงรู้ความลับแล้ว เหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงไม่พ้นกระดานเกียรติยศ ผู้เขียนนำการเล่นหมากรุกในกระดานธรรมทนดามาใช้ตัวเดินหมากเป็นคนแและการเล่นที่ใช้ชีวิตแลกทำให้เรื่องตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้ที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ เจ้าตัวยุ่งเฟรินนี่เอง อ่านไปหัวเราะไปกับความขี้เล่นของเฟริน ยิ่งมีคิลร่วมสบทบด้วยแล้วยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก ปวดหัวแทนคาโลจริงๆเลย ตัวยุ่งสมชื่อและตัวยุ่งนี่แหล่ะเจ้าหญิงตัวจริง

โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายแนวแฟนตาซีอยู่แล้วเมื่อมาเจอนิยายเรื่องนี้ถูกใจมากค่ะ
หนังสือนิยายเรื่อง หัวขโมยแห่งบารามอส กับ มงกุฎแห่งใจ ผลงานจากผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า Rabbit ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ เป็นเรื่องราววุ่นๆของเจ้าตัวยุ่งที่ใครๆก็เรียกเขาว่า “เฟริน เดอเบอโรว์ หัวขโมยแห่งบารามอส”
เมื่อแผนการลักพาตัวเจ้าชายของผู้เป็นพ่อ มาดัส เดอเบอโรว์ เริ่มขึ้น เจ้าตัวยุ่งเฟรินจึงถูกส่งตัวเข้าไปเรียนในโรงเรียนพระราชา แห่งเอเดนเบิร์ก ตามข้อตกลงของผู้เป็นพ่อ
ณ ป้อมอัศวินโรงเรียนพระราชาหรือในฉายาป้อมผจญภัย เฟริน เดอเบอโรว์ ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับ คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ออฟคาโนวาล และคิลมัส ฟีลมัส เดอะคิลเลอร์ออฟซาเรส ดูเหมือนว่าเจ้าตัวยุ่งเฟริน จะเข้ากันได้ดีกับคิล ฟีลมัส เจ้าของฉายานักฆ่า มากกว่าคาโล เจ้าชายเย็นชาซะอีก แค่คืนแรกก็ได้เรื่องซะแล้ว เมื่อเสียงประหลาด ในความฝัน ที่เรียกตัวเองว่าคือ มงกุฎแห่งใจ มาก่อกวนในความฝันของ
เฟริน ที่สำคัญเมื่อเฟรินได้รู้ว่าเจ้ามงกุฎแห่งใจได้มาก่อกวนในความฝันของสองเพื่อนร่วมห้องด้วย ยิ่งทำให้เฟรินประหลาดใจขึ้นไปอีก
และแล้วเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อ “โกโดม โคมุส ”แห่งเดมอสปรากฏตัวขึ้น เหตุการณ์ร้ายๆต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้นกับเฟริน ทั้งเฟริน คิล และคาโลเริ่มฉงนใจจึงคาดคั้นเอาความลับจาก โกโดม โคมุส โคมุสได้เล่าความลับเกี่ยวกับสงครามเมื่อห้าร้อยปีก่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมงกุฏแห่งใจให้ทั้งสามฟัง กระนั้นก็ยังไม่หมดเพราะโคมุสกลัวทั้งสามจะได้รับอันตราย แต่เฟริน คิล และคาโลก็คาดคั้นจนรู้ว่า หลานสาวของไฮคิงแอบหนีมาเรียนที่โรงเรียนพระราชา ในวันเดียวกันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีก เมื่อมีบุรุษลึกลับ บุกป้อมอัศวินทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุการณ์มีคนบุกป้อมอัศวินไม่ทันหายก็เกิดเรื่องร้ายๆกับเฟรินอีกจนได้ โคมุสอาสาที่จะรักษาเฟริน แต่เมื่อการรักษาออกมากลับทำให้เจ้าตัวยุ่งเฟริน กลายร่างเป็นเด็กหญิงและสุนัขสลับกัน ถึงแม้ว่าเฟรินจะสลับร่างได้แต่มันก็ไม่น่าสนุกเลยล่ะสิ เมื่อเฟรินและเพื่อนๆต้องไปบุกรังจิ้งจอกเก้าหาง แถมยังไปร่วงรู้ความลับมงกุฏแห่งใจและชายชุดดำเพิ่มอีก นอกจากการร่วงรู้ความลับแล้ว เหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงไม่พ้นกระดานเกียรติยศ ผู้เขียนนำการเล่นหมากรุกในกระดานธรรมทนดามาใช้ตัวเดินหมากเป็นคนแและการเล่นที่ใช้ชีวิตแลกทำให้เรื่องตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้ที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ เจ้าตัวยุ่งเฟรินนี่เอง อ่านไปหัวเราะไปกับความขี้เล่นของเฟริน ยิ่งมีคิลร่วมสบทบด้วยแล้วยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก ปวดหัวแทนคาโลจริงๆเลย ตัวยุ่งสมชื่อและตัวยุ่งนี่แหล่ะเจ้าหญิงตัวจริง

หนังสือ คือ ไฟจุดประกายฝัน มันเป็นคำที่สะท้อนออกมาจากหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งฉันได้อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์อย่างมากจึงอยากแนะนำให้คนมีฝันได้อ่านกัน หนังสือเล่มนั้นก็คือ รวยด้วยการเขียนบทความ ออนไลน์ ง่ายนิดเดียว ฉบับบพื้นฐาน เป็นผลงานของ ณัฐดนัย อ่วมชำนาญไพร นักขายสินค้าออนไลน์ E-commerce ที่คลุกคลีอยู่กับการขายสินค้าออนไลน์ และในตลาดจริงมาแล้วร่วม 10 ปี
สำหรับหลายคนแล้วหากได้ลองเขียนอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องนั้นๆจะสั้นหรือยาวก็จะบ่นออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ โอย…น่าเบื่อ ให้เขียนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เอา “ นี่คือเสียงจากคนที่ยังไม่รู้หลักการเขียนบทความนั้นคืออะไร มีความยากง่ายมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ จะบอกถึงหลักการทำเงินจากการเขียนบทความต่างๆ ให้เกิดรายได้นับหมื่นบาทต่อเดือน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเลยแม้แต่บาทเดียว ขอเพียงแค่ลงแรง ความขยัน ตั้งใจ เพียงเท่านี้การเป็นนักเขียนบทความก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว
ฉันเชื่อว่าการถ่ายทอดประสบการณ์จริงของผู้เขียนเองสร้างแรงบันดาลใจและไฟฝันให้ใครหลายๆคนมาแล้วรวมถึงตัวฉันด้วย ฉันจึงอยากจะบอกต่อเกี่ยวกับหนังสือดีดีแบบนี้เผื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้อีกคน สำหรับผู้ที่เริ่มอยากศึกษาการเขียนบทความ การเริ่มต้นที่หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีที่สุดเพราะหนังสือเล่มนี้จะมีการเขียนที่ทำให้เราได้รู้ถึงข้อมูลต่างๆเช่น คุณก็สามารถเป็นนักเขียนบทความได้ การเขียนบทความที่ดี การเช็กหาบทความที่เขียนทำอย่างไร ทำ e-book ขายได้อย่างไร การรับงานเขียนแบบฟรีแลนซ์ รับจ้างเขียนบทความตามเว็บบอร์ด หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ และอื่นๆอีกมากมายที่คุณจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ใช้กลวิธีสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้เราอีกทั้งการนำเสนอเนื้อเรื่องในรูปแบบการ์ตูนทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น อ่านแล้วไม่เบื่อด้วยค่ะ ที่สำคัญเลยค่ะผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแก่ผู้อ่านและผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มเขียนบทความด้วยการแนะนำวิธีการรักษาสายตาที่ถูกต้อง ดังนั้นคุณคิดไม่ผิดหรอกค่ะที่ก้าวเล็กๆของคุณจะเริ่มจากหนังสือเล่มนี้
ไม่ว่าพรสวรรค์ของคุณจะถูกให้มามากหรือน้อยเพียงใด ขอเพียงคุฯตั้งใจสร้างพรแสวง เพียงแค่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วลงมือทำ ไม่แน่ว่านักเขียนออนไลน์ชื่อดังคนต่อไปของเมืองไทย อาจเป็นคุณ
คุณคงไม่สงสัยเลยว่าสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้มันบอกอะไรกับคุณบ้าง เฉลยก็ได้ค่ะสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คือประโยชน์อย่างมหาศาลของหนังสือเล่มนี้ไงค่ะ จำได้ไหมว่าหนังสือ คือ ไฟจุดประกายฝัน ตอนนี้ฉันเองกำลังใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้อยู่ ฉันเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มนี้เองค่ะ ก้าวเล็กๆของฉันเองก็เริ่มจากหนังสือเล่มเหมือนกันค่ะ อยากให้คุณมาลองอ่านดู เพราะผลของมันอยู่ตรงนี้แล้วไงค่ะ

หนังสือ คือ ไฟจุดประกายฝัน มันเป็นคำที่สะท้อนออกมาจากหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งฉันได้อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์อย่างมากจึงอยากแนะนำให้คนมีฝันได้อ่านกัน หนังสือเล่มนั้นก็คือ รวยด้วยการเขียนบทความ ออนไลน์ ง่ายนิดเดียว ฉบับบพื้นฐาน เป็นผลงานของ ณัฐดนัย อ่วมชำนาญไพร นักขายสินค้าออนไลน์ E-commerce ที่คลุกคลีอยู่กับการขายสินค้าออนไลน์ และในตลาดจริงมาแล้วร่วม 10 ปี
สำหรับหลายคนแล้วหากได้ลองเขียนอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องนั้นๆจะสั้นหรือยาวก็จะบ่นออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ โอย…น่าเบื่อ ให้เขียนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เอา “ นี่คือเสียงจากคนที่ยังไม่รู้หลักการเขียนบทความนั้นคืออะไร มีความยากง่ายมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ จะบอกถึงหลักการทำเงินจากการเขียนบทความต่างๆ ให้เกิดรายได้นับหมื่นบาทต่อเดือน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเลยแม้แต่บาทเดียว ขอเพียงแค่ลงแรง ความขยัน ตั้งใจ เพียงเท่านี้การเป็นนักเขียนบทความก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว
ฉันเชื่อว่าการถ่ายทอดประสบการณ์จริงของผู้เขียนเองสร้างแรงบันดาลใจและไฟฝันให้ใครหลายๆคนมาแล้วรวมถึงตัวฉันด้วย ฉันจึงอยากจะบอกต่อเกี่ยวกับหนังสือดีดีแบบนี้เผื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้อีกคน สำหรับผู้ที่เริ่มอยากศึกษาการเขียนบทความ การเริ่มต้นที่หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีที่สุดเพราะหนังสือเล่มนี้จะมีการเขียนที่ทำให้เราได้รู้ถึงข้อมูลต่างๆเช่น คุณก็สามารถเป็นนักเขียนบทความได้ การเขียนบทความที่ดี การเช็กหาบทความที่เขียนทำอย่างไร ทำ e-book ขายได้อย่างไร การรับงานเขียนแบบฟรีแลนซ์ รับจ้างเขียนบทความตามเว็บบอร์ด หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ และอื่นๆอีกมากมายที่คุณจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ใช้กลวิธีสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้เราอีกทั้งการนำเสนอเนื้อเรื่องในรูปแบบการ์ตูนทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น อ่านแล้วไม่เบื่อด้วยค่ะ ที่สำคัญเลยค่ะผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแก่ผู้อ่านและผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มเขียนบทความด้วยการแนะนำวิธีการรักษาสายตาที่ถูกต้อง ดังนั้นคุณคิดไม่ผิดหรอกค่ะที่ก้าวเล็กๆของคุณจะเริ่มจากหนังสือเล่มนี้
ไม่ว่าพรสวรรค์ของคุณจะถูกให้มามากหรือน้อยเพียงใด ขอเพียงคุฯตั้งใจสร้างพรแสวง เพียงแค่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วลงมือทำ ไม่แน่ว่านักเขียนออนไลน์ชื่อดังคนต่อไปของเมืองไทย อาจเป็นคุณ
คุณคงไม่สงสัยเลยว่าสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้มันบอกอะไรกับคุณบ้าง เฉลยก็ได้ค่ะสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คือประโยชน์อย่างมหาศาลของหนังสือเล่มนี้ไงค่ะ จำได้ไหมว่าหนังสือ คือ ไฟจุดประกายฝัน ตอนนี้ฉันเองกำลังใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้อยู่ ฉันเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มนี้เองค่ะ ก้าวเล็กๆของฉันเองก็เริ่มจากหนังสือเล่มเหมือนกันค่ะ อยากให้คุณมาลองอ่านดู เพราะผลของมันอยู่ตรงนี้แล้วไงค่ะ