PS3: TALES OF XILLIA 2 (Z3) (JP)

 

รีวิวเกมส์ PS3: Tales Of Xillia 2
บทต่อแห่งตำนาน มหาภูติ ออกเดินทางสู่ช่วงเวลาแห่งการทำลายโลก

 

 

จากผลงานฉลองครบรอบ 15 ปี ของซีรีส์ “Tales of” ใน “Tales Of Xillia” กับเรื่องราวการใช้ชีวิตร่วมกันของมนุษย์กับเหล่าภูติ ในการเดินทางเพื่อหยุดยั้งภัยสงครามจากหอก “Kresnik” และการปกป้องโลกด้วยการเชื่อมโยงผู้ที่อาศัยอยู่ทั้ง 2โลก เข้าด้วยกัน และหลังจากตัวเกมในภาคแรกได้ออกวางจำหน่ายมาได้ปีกว่าๆ ไม่นานนักจากความสำเร็จของ “Tales Of Xillia” ภาคแรกที่สามารถสร้างความสนุกได้เป็นอย่างดี ทางทีมงาน “Namco Tales Studio” ก็ได้ต่อยอดความสนุกนั้นอีกครั้งใน “Tales Of Xillia 2” ที่มาพร้อมกับเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ในโลกคู่ขนานต่างมิติ พร้อมกับตัวละครใหม่และตัวละครเก่าที่คุ้นเคย กับเกมเพลย์ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้สนุกได้มากขึ้นกว่าเดิมไปอีกขั้น และตัวเลือกที่ว่า คุณเลือกที่จะเป็นผู้ปกป้อง หรือเป็นผู้ทำลายล้างโลกใบนี้กันแน่?

 

”Ludger และ Elle สองตัวละครใหม่ที่มีความต่างวัยและต้องร่วมเดินทางไปยังโลกคู่ขนานต่างมิติด้วยกันในภาคนี้”

“Tales Of Xillia 2” เป็นภาคต่อที่มีเนื้อหาเรื่องราวต่อจาก “Tales Of Xillia” สำหรับผู้ที่เล่นตัวเกมในภาคแรกมาแล้วก็น่าจะคุ้นเคยกับตัวละครและสถานที่ต่างๆ กันมาบ้างแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวในภาคแรกได้จบลงมาเป็นปี โลกที่ถูกเชื่อมโยงด้วยกันในตอนนี้ก็ได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรแล้ว แม้แต่โลก Elympios เองก็ได้เริ่มมีการนำเครื่องจักรไอน้ำอย่าง รถไฟ มาใช้ในการเดินทาง และการดำเนินเรื่องในภาคนี้จะเน้นไปที่มุมมองของตัวละคร “Ludger Will Kresnik” ตัวเอกคนใหม่ของเกมภาคนี้ ที่กำลังจะไปเริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นพ่อครัวในสถานีรถไฟ จากการที่เขาไม่สามารถสอบเข้าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Clanspia Inc. (หรือ Spirius Corporation) เพื่อตามรอย “Julius Will Kresnik” ผู้เป็นยอดฝีมือและเป็นพี่ชายของเขาได้ แต่แล้วในระหว่างที่กำลังจะไปเริ่มต้นทำงานวันแรก Ludger ก็ได้พบกับ “Elle Mel Marta” เด็กสาวตัวน้อยที่มีอายุเพียง 8 ขวบ และได้ออกเดินทางคนเดียวตามลำพัง เพื่อตามหา “ดินแดนแห่งคานัน” ดินแดนในตำนานที่พ่อของเธอได้บอกเอาไว้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ทำให้ความปรารถนาของพวกเขาพ่อลูกเป็นจริงได้ และการพบกันนี้ก็ยังเป็นเหตุบังเอิญให้ Ludger ได้เข้าไปพัวกันกับกลุ่มก่อการร้ายที่มาก่อเหตุที่สถานีรถไฟแห่งนี้ ทำให้ Ludger ต้องเข้าไปช่วยเหลือปกป้อง Elle และเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์มากมายที่ไม่คาดคิดหลังจากนี้

 

”ตัวละครหน้าใหม่ กับการร่วมเดินทางไปกับตัวละครหน้าเก่าที่เติบโตขึ้นจากภาคที่แล้ว”

จากเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้คนจากความวุ่นวายของกลุ่มการก่อการร้าย ทำให้ “Bisley Karscy Bakur” ผู้เป็นประธานบริษัทของ Clanspia Inc. รู้สึกประทับใจในฝีมือของ  Ludger แต่ไม่เพียงแค่ฝีมือในการจัดการกลุ่มก่อการร้ายเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจ แต่ Ludger กลับพบว่าเขาได้รับพลังพิเศษมา พร้อมกับความสามารถที่เขาสามารถเดินทางและไปทำลายโลกในมิติคู่ขนานอื่นๆ ได้ ทำให้ Bisley ได้ว่าจ้างเขาให้ทำงานร่วมกับบริษัทของเขา โดยการให้ Ludger เดินทางข้ามมิติไปทำลายโลกคู่ขนานต่างๆ เพื่อไม่ให้โลกจริงของพวกเขาได้รับผลกระทบจนถูกทำลายไปแทน ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ก็ยังรวมจุดประสงค์ถึงการตามหาตัว Julius พี่ชายของ Ludger ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของกลุ่มก่อการร้ายไปด้วย ด้วยเหตุหลายๆ อย่างที่ Ludger ต้องแบกรับไว้นี้เอง ทำให้เข้าต้องร่วมเดินทางกับ Elle และพบเจอกับเหล่าตัวละครเอกที่คุ้นเคยกันดีใน Tales Of Xillia เพื่อร่วมมือกันช่วยเหลือโลกและตามหาดินแดนแห่งคานัน อันเป็นเรื่องราวใน “Tales Of Xillia 2” นี้นั่นเอง

 

”การมีตัวเลือกให้เลือกตอบ ส่งผลต่อบทสนทนาและการกระทำที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะเลือกตอบแบบไหนนั้น ผู้เล่นสามารถเป็นคนกำหนดเลือกได้เอง”

สำหรับการดำเนินเรื่องในภาคนี้ จะมีการใช้ระบบตอบคำถามมาช่วยเปลี่ยนแปลงบทสนทนาและเนื้อหาในระหว่างการเล่นได้เล็กน้อย โดยผู้เล่นจะได้รับบทหลักเป็น Ludger และเลือกตอบในมุมมองของเขาว่ารู้สึกหรือจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนั้น แม้ว่าในการเลือกตอบนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อการดำเนินเรื่องของของเกมมากนัก แต่ก็เป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ให้ผู้เล่นได้แสดงบุคลิกในแบบของตัวเอง และยังมีตัวเลือกสำหรับการพบเจอฉากจบของเกมถึง 3 แบบด้วย แต่ในการเล่นเกมครั้งแรกนั้น Ludger จะยังเป็นตัวละครที่ไม่มีเสียงพูด ทั้งนี้ทีมงานได้ตัดสินใจทำแบบนี้ เพื่อให้รู้สึกถึงการแทนตัวของผู้เล่นเอง แต่กลายเป็นว่าการทำให้ตัวเอกไม่มีเสียงพูดนี้ ทำให้การเล่นรอบแรกนั้นค่อนข้างเงียบเหงาและขาดสีสันไปพอสมควร นอกจากจะเล่นเกมจบรอบแรกแล้ว ผู้เล่นถึงจะสามารถเลือกเปิดเสียงพูดของ Ludger ได้ (และพบว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าจะทำให้มีเสียงพูดได้ตั้งแต่แรก)

 

”เกมเพลย์ที่ถูกต่อยอดจากเดิม กับระบบท่าคู่ที่มีสกิลโจมตีหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม”

มาดูถึงส่วนของเกมเพลย์กันบ้าง เกมเพลย์ในภาคนี้ก็ยังคงต่อยอดมาจากของเดิม ซึ่งในส่วนของตัวละครนั้นนอกจากจะมีตัวละครใหม่อย่าง Ludger แล้ว ก็ยังมีตัวละครหน้าเก่าที่คุ้นเคยกันดีจากภาคที่แล้วมาให้เล่นกันอย่างครบครัน อีกทั้งในภาคนี้ยังมีการเพิ่มตัวละครอย่าง Gaius และ Muzét มาร่วมทีมด้วย ทำให้นอกจากตัวละครเดิมๆ จะมีท่าคู่ “Link-Arts” ที่มากกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้มีท่าคู่กับ Ludger ที่ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องหลากหลายมากขึ้น และตัว Ludger เองก็สามารถเปลี่ยนอาวุธที่ใช้เล่นได้ถึง 3 แบบ ทั้งดาบคู่ ปืนคู่ และค้อนยักษ์ ซึ่งสามารถกดเปลี่ยนได้ง่ายๆ ตลอดเวลา ทำให้เราสามารถทำคอมโบให้กับท่าโจมตีและท่าคู่ได้มากมายหลายแบบ ตามแต่ที่เราจะเปลี่ยนอาวุธหรือคู่ลิงก์ภายในช่วงของเกมเพลย์อันรวดเร็ว

 

”ความสามารถในการเปลี่ยนร่างที่นำมาซึ่งพลังในการทำลายโลก”

สำหรับระบบที่เป็นลูกเล่นใหม่ของภาคนี้ คือระบบ “ไกคาคุ” ที่เป็นความสามารถทางสายเลือดของตระกูล “Kresnik” ของ Ludger ซึ่งนอกจากมันจะช่วยให้เขาเดินทางไปยังโลกคู่ขนานมิติอื่นๆ ได้แล้ว มันยังทำให้เขาเปลี่ยนร่างพร้อมกับใช้ความสามารถที่แตกต่างจากเดิมได้ด้วย ซึ่งเมื่อเปลี่ยนร่างเข้าสู่โหมดนี้ Ludger จะเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง และสามารถโจมตีใช้สกิลทำคอมโบได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าเวลาจะหมด อีกทั้งความสามารถนี้ยังสามารถช่วยต่อคอมโบได้เป็นอย่างดี และยังพัฒนาได้หลายขั้นตามเนื้อเรื่องด้วย

 

”เมื่อความสัมพันธ์กับตัวละครแต่ละคนเต็ม จะทำให้ใช้ท่าไม้ตายคู่ด้วยกันได้ด้วย”

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นระบบเกี่ยวกับการเลือกตอบคำถาม คือระบบความสัมพันธ์ของตัวละครจากภาคที่แล้วกับ Ludger ที่เป็นตัวเอกในภาคนี้ ซึ่งการเลือกคำตอบในบางครั้งหรือการจับคู่ลิงก์ช่วยกันสู้บ่อยๆ จะทำให้ช่วยให้เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับตัวละครนั้นได้มากขึ้น และการเพิ่มความสัมพันธ์นี้ นอกจากจะมีซับสตอรี่เป็นเนื้อเรื่องของแต่ละคนให้ได้ติดตามกันแล้ว ก็ยังสามารถทำให้ใช้ท่าไม้ตาย (Hi Ougi หรือ Mystic Artes) คู่กันเมื่อมีความสัมพันธ์เต็มได้ด้วย

 

”ระบบ ปลดหนี้ ระบบที่จะคอยหลอกหลอนผู้เล่นให้เหมือนลูกหนี้ตอนโดนทวงเงินในชีวิตจริง”

อีกหนึ่งความแปลกใหม่ของเกมยิ่งกว่าระบบเปลี่ยนร่างหรือการต่อท่าคู่ คือการที่เรื่องราวได้บังคับให้ Ludger นั้นเป็นตัวละครที่มีหนี้สินท่วมหัวกว่า 20 ล้าน ทำให้ระหว่างการเดินทางในครั้งนี้นั้น ผู้เล่นจึงต้องคอยหาเงินมาปลดหนี้ให้ Ludger ด้วย และระบบปลดหนี้นี้เองที่น่าจะนับว่าเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีของเกมก็ว่าได้ เพราะว่าเราไม่สามารถเลือกที่จะปลดหนี้เมื่อไหร่เวลาไหนก็ได้ แต่กลับกันแล้วในระหว่างที่เล่นเนื้อเรื่องจบในแต่ละช่วง จะมีช่วงที่ต้องทำการชำระหนี้ตามจำนวนในช่วงนั้นๆ ถึงจะเล่นเนื้อเรื่องต่อได้ด้วย อีกทั้งในหลายๆ ช่วงของการเล่น Ludger ก็ยังโดนทวงตามเงินเป็นระยะๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเล่นแล้วถึงจะได้ความรู้สึกเหมือนเป็นลูกหนี้จริงๆ แต่ก็กลับรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ลดทอนความสนุกของเกมมากกว่า

 

”วิ่งตะลุยไปในโลกที่คุ้นเคย”

สำหรับสิ่งต่างๆ ที่มีให้ทำในเกมภาคนี้ นอกจากการเล่นเนื้อเรื่องหรือการปลดหนี้แล้ว ก็ยังมีการตามหาแมวที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ หรือการใช้แมวของเราให้ไปหาไอเท็มมาให้ในแต่ละวัน และยังมีการเล่นไพ่ Poker เพื่อหาเงินเพิ่ม (หรือเสียเงินเพิ่ม) ได้ ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างเนื้อหาบทสนทนาใน Skit Chat หรือการแต่งตัวละครตามสไตล์ใน Attachments และการลงดันเจี้ยนลับเพื่อเก็บอาวุธสุดยอดของแต่ละคน และการสู้กับบอสลับต่างๆ มากมายก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะบอสลับที่เป็นแขกรับเชิญในภาคนี้ รับรองว่าจะเป็นอะไรที่แฟนๆ Tales of น่าจะต้องชอบกันแน่นอน รวมๆ แล้วถือว่าภาคนี้มีอะไรให้ทำให้ได้เล่นต่อจากเดิมมากขึ้นอีกพอสมควร
 

”การห้ำหั่นกันของสายสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และควรจับตาดูให้ดี”

ในเรื่องภาพคงต้องบอกว่าไม่มีอะไรต่างจาก “Tales Of Xillia” เพราะภาคนี้ยังเป็นการนำของเดิมมาต่อยอดต่ออีกครั้ง ซึ่งการต่อยอดนี้ก็รวมถึงสถานที่และศัตรูมอนสเตอร์เดิมๆ ที่จะได้เจอด้วย ส่วนของคัตซีนอนิเมชั่นก็ยังเป็นหน้าที่ของทาง ufotable เป็นผู้รับผิดชอบอยู่ แต่ทางด้านเสียงประกอบนั้นถือว่าอลังการขึ้นกว่าเดิมในบางส่วน โดยเฉพาะช่วงการเปลี่ยนร่างไกคาคุของ Ludger นั้นนับว่าอลังการงานสร้างสมกับการแสดงถึงพลังที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว

 

”ท้ายที่สุดแล้ว ปลายทางของการเดินทางไปยังช่วงเวลาต่างๆ จะจบลงอย่างไร”

หากมองภาพรวมแล้ว “Tales Of Xillia 2” อาจจะตอบโจทย์ทางด้านเนื้อหาที่ต่อยอดจาก “Tales Of Xillia” ได้ไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นัก ทั้งปมเรื่องที่ทิ้งประเด็นไว้ให้แฟนๆ ตั้งแต่ภาคก่อน และการดำเนินเรื่องที่ดูกระโดดและขาดสีสันไปในรอบแรก แต่เนื้อหาเฉพาะของเรื่องก็ถือว่าปิดปมได้ดีในระดับหนึ่ง ทว่า หากมองในส่วนขององค์ประกอบอื่นๆ แล้ว คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเกมได้เอาของเดิมมาใช้หากินใหม่แทบทั้งหมด นอกเสียจากจะมีส่วนของเกมเพลย์ที่กลับต่อยอดออกมาได้ดีมากขึ้น และทำให้เล่นสนุกได้มากยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก หากคุณเคยได้รับความสนุกจากการเล่น “Tales Of Xillia” ในภาคแรกมาแล้ว “Tales Of Xillia2” จะยิ่งช่วยมอบความสนุกให้กับเกมเพลย์และระบบท่าคู่ให้กับคุณได้มากขึ้นกว่าเดิมได้แน่นอนครับ