PS3: Metal Gear Rising Revengeance

 

รีวิวเกมส์ PS3: Metal Gear Rising Revengeance

สะบัดดาบสายฟ้าฟาดฟันชำระแค้น ตัดให้ขาดเลย ฉับ! ฉับ! ฉับ!

“Metal Gear” เป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกมที่ได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วโลก จากฝีมือทีมงานของ คุณฮิเดโอะ โคจิม่า กับเรื่องราวอันซับซ้อนของสงครามโลกอันเป็นเอกลักษณ์ และรูปแบบเกมแนวลอบเร้นที่สร้างความสนุกตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากตัวเกมได้หยิบเอกลักษณ์ส่วนหนึ่ง ของหนึ่งในตัวเอกผู้มีสเนห์ในการใช้ดาบอย่าง “Raiden” มาทำเป็นเกมแล้วล่ะก็ งานนี้คงต้องยกหน้าที่ให้ทาง Platinum Game พร้อมทีมงานผู้เคยฝากผลงานเกมแอ็คชั่นสุดระห่ำครองใจใครหลายคนมาแล้วอย่างเกมแอคชั่นต้นตำรับ “Devil May Cry” และ “Bayonetta” มาเป็นผู้รับผิดชอบนำเสนอความมันส์ให้ได้สนุกกันใน “Metal Gear Rising: Revengeance” แล้ว

 

”Raiden หนุ่มไซบอร์กสุดหล่อผู้ผ่านศึกมาอย่างโชกโชตตั้งแต่วัยเยาว์”

4 ปีผ่านไป หลังจากเหตุการณ์วีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของ “Liquid Ocelot” ใน “Metal Gear Solid 4 Guns of the Patriots” ได้จบลง ทว่า แม้ในตอนนี้ก็ยังคงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าโลกได้รับความสงบสุขกลับคืนมาแล้ว เพราะยังคงมีกลุ่มองค์กรก่อการร้ายมากมายที่จ้องจะใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นมาแสดงอำนาจของตนเพื่อนำพาโลกคืนสู่ยุคสงครามอยู่ตลอดเวลา นั่งจึงเป็นสาเหตุให้ “Raiden” ชายหนุ่มผู้ผ่านศึกสงครามมามากมายตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ และมีเหตุให้ร่างกายของเขาต้องกลายเป็นหุ่นยนตร์ไซบอร์ก ได้เข้าร่วมกับกลุ่ม “Maverick Security Consulting” กลุ่มองค์กรทางการทหารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชน เพื่อปกป้องบุคคลสำคัญต่างๆ ที่เป็นผู้ว่าจ้างพวกเขา ในการฟื้นฟูโลกที่เคยเสียหายไปให้หวนกลับคืนมา

 

”กองกำลังของศัตรูที่เหนือกว่า ทำให้เกิดการต่อสู้อันยิ่งใหญ่อลังการในภาคนี้”

แต่แล้ววันหนึ่ง ในขณะที่ Raiden กำลังอารักขา “N'mani” ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศแอฟริกา พวกเขาก็ได้ถูกกลุ่มทหารรับจ้าง “Desperado Enforcement LLC.” บุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน แม้ว่าไรเด็นจะเป็นหุ่นไซบอร์กที่มีความสามารถและมีประสบการณ์โชกโชนสูง แต่ฝ่ายศัตรูกลับมีทั้งความสามารถและกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือมากกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังทหารมากมายที่เป็นหุ่นไซบอร์กเหมือนกัน รวมถึงการมีหุ่นสังหาร “Gekko” และอาวุธร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง “Metal Gear Ray” เอาไว้ในครอบครองด้วย ทำให้ Raiden ที่เพลี่ยงพล้ำ ต้องเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองใหม่ และหยิบดาบสายฟ้าฟาดขึ้นมาฟาดฟันชำระแค้นความชั่วร้ายทั้งหลายอีกครั้งใน “Metal Gear Rising: Revengeance”

 

”Raiden ในโฉมใหม่ ที่มาพร้อมความเท่โฉบเฉี่ยวและความสามารถที่มากกว่าเดิม”

Raiden ในภาคนี้ได้มีเหตุให้เขาต้องพัฒนาตัวเอง ทำให้เราจะได้เล่นเขาในรูปร่างใหม่ที่ไม่ใช่แค่ความเท่ที่มากขึ้นกว่าเดิม แต่รวมถึงความสามารถที่พัฒนามากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว การสแกนหาศัตรูโดยรอบ รวมถึงการฟันศัตรูให้ขาดเป็นชิ้นๆ อย่างสวยงามได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกมเพลย์ในภาคนี้ไม่ได้เป็นแค่แนวลอบเร้นเหมือนกับซีรีส์ Metal Gear ที่ผ่านมา แต่กลับกลายมาเป็นเกมแอคชั่นเต็มสูบแทน ซึ่งเราจะได้ควบคุม Raiden ไปฟาดฟันศัตรูด้วยคอมโบต่างๆ ที่แตกต่างกันตามจังหวะปุ่มกดในเกมเพลย์ที่มีความรวดเร็วมาก ซึ่งท่าโจมตีก็มีท่าเท่ๆ ให้เลือกใช้เลือกกดได้หลายแบบ ทั้งท่าบนพื้นหรือท่ากลางอากาศ อีกทั้งเรายังสามารถอัพเกรดท่าโจมตีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีได้มากขึ้น ทำให้ผู้เล่นสามารถโชว์ลีลาในแบบของตัวเองได้ตามแต่ศัตรูและสถานการณ์ที่เจอได้ตามใจชอบ และแม้จะมีแต่เรื่องแอคชั่นไล่ฟันศัตรูให้พูดถึง แต่ถ้าพูดถึงแนวทางของเกมลอบเร้นในแบบของ Metal Gear แล้วก็ยังมีอยู่เหมือนกัน โดยจะมีบางด่านที่ผู้เล่นอาจจะต้องหลบกล้องวงจรปิดเข้าไป หรือใช้ความสามารถใหม่นี้ลอบเร้นไปสังหารศัตรูด้วยความเร็วสูงด้วยเหมือนกัน

 

”ทั้งการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทั้งการปัดป้องที่ต้องใช้ฝีมือ เป็นระบบการเล่นที่เอื้ออำนวยต่อเกมเพลย์อันรวดเร็ว และทำให้เล่นได้สนุกมากขึ้นเป็นอย่างดี”

ไม่เพียงแต่การรัวปุ่มกดไล่ฟันศัตรูเท่านั้น ตัวเกมยังมีระบบ “Ninja Run” ที่ทำให้ Raiden สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มวิ่งเพียงปุ่มเดียวด้วย ซึ่งนอกจากมันจะทำให้ Raiden วิ่งเข้าไปโจมตีศัตรูได้อย่างรวดเร็วแล้ว มันก็ยังสามารถกระโดดและสไลด์ลอดสิ่งกีดขวางหรือปัดกระสุนของศัตรูที่ยิงมาได้อัตโนมัติ และในระหว่างการต่อสู้นั้น เมื่อเรามีจังหวะหรือโจมตีศัตรูถึงระดับหนึ่งก็ยังมีการกดปุ่ม QTE ที่จะทำให้เกิดท่าพิชิตศัตรูแต่ละตัวด้วยวิธีที่แตกต่างกันไปด้วย และอีกระบบที่สำคัญที่สุดคือการ “Parry” ซึ่งเป็นการกดปุ่มป้องกันให้ถูกจังหวะที่ศัตรูโจมตีเข้ามา จะทำให้เราสามารถป้องกันและโจมตีสวนกลับได้อย่างรุนแรงทันที ระบบนี้อาจจะเป็นระบบที่ยากสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไม่ชินกับการกะจังหวะโจมตี แต่ถ้าลองฝึกให้ชินและใช้ให้คล่องดูแล้ว ขอบอกเลยว่านี่จะเป็นระบบสำคัญที่จะช่วยให้คุณสนุกขึ้น และสามารถสู้กับศัตรูหรือบอสเก่งๆ ได้ดีขึ้นแน่นอน

 

”การใช้อาวุธและอุปกรณ์ที่คุ้นเคยในซีรีส์ Metal Gear ยังคงมีอยู่”

นอกจากนี้ Raiden ก็ยังสามารถเปลี่ยนดาบของตัวเองได้ ซึ่งดาบแต่ละเล่มก็มีความสามารถและพลังโจมตีแตกต่างกันไป และอาวุธของเขาก็ยังไม่ได้มีแค่ดาบคาตาน่าเพียงเล่มเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการใช้อาวุธอื่นๆ ที่ได้จากการสู้ชนะ Boss ในโหมดเนื้อเรื่องด้วย ซึ่งอาวุธแต่ละอย่างก็มีรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกันไปด้วยเหมือนกัน แถมตัวเกมก็ยังไม่วายมีอาวุธหรือไอเท็มต่างๆ ที่คุ้นเคยกันดีในซีรีส์ Metal Gear ให้ได้ใช้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นปืน RPG หรือลังกล่องกระดาษที่มีไว้แอบศัตรู ก็ยังคงมีให้ใช้เป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ งานนี้อยากเล่นด้วยอาวุธแบบไหนก็สามารถเล่นได้หลากหลายตามใจชอบเลย อีกทั้งบอดี้สูทของ Raiden เองก็ยังเปลี่ยนเป็นชุดในสีสันรุปแบบอื่นเพื่อเพิ่มความสามารถที่ต่างกันไปได้ และสำหรับแฟนๆ Metal Gear จะได้เจอกับชุดของตัวละครตัวหนึ่งที่คุ้นเคยชื่อกันดีแน่นอน

 

”ไม่ต้องปราณีกับศัตรูที่เป็นไซบอร์ก เลือกมุมที่จะฟันได้อิสระตามใจชอบไปเลย”

สำหรับจุดเด่นและจุดขายของเกมนี้คือการที่เราสามารถใช้ดาบคาตาน่า ฟันได้ “เกือบ” ทุกอย่าง ซึ่งของบางอย่างอย่างลวดกรงเหล็กหรือลังไม้ เราสามารถกดฟันให้ขาดได้ตามปกติได้เลย และเมื่อมันถูกฟันขาดแล้วก็ยังส่งผลต่อฉากด้วย เช่นการฟันบันไดหรือฟันเสาให้ถล่มลงมา แต่นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกฟันแบบเจาะจงได้ด้วยการกดใช้ “Blade Mode” ซึ่งจะเป็นการฟันแบบภาพสโลว์โมชั่น และทำให้เราสามารถเลือกปรับมุมองศาต่างๆ ที่จะฟันได้ในช่วงเวลาของโหมดนี้จนกว่าเกจของโหมดจะหมด ทีนี้เราก็สามารถเลือกฟันได้ตั้งแต่การฟันแตงโมเป็นส่วนๆ อย่างสวยงาม หรือฟันรถออกเป็นเสี่ยง หรือการตัดแขนตัดขาของเหล่าไซบอร์กก็สามารถทำได้ และเรายังสามารถเลือกฟันส่วนที่เป็นเหมือนหัวใจพลังงานของหุ่นไซบอร์คแต่ละตัว เพื่อนำพลังงานมาเติมให้กับเกจ Blade Mode นี้ให้ใช้ต่อได้อย่างต่อเนื่องด้วย นับเป็นอีกโหมดที่ผู้เล่นควรจะฝึกใช้ให้ถูกตามสถานการณ์มาก

 

”การหาทางต่อสู้กับบอสแต่ละตัว คือการท้าทายความสนุกของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี”

อีกส่วนหนึ่งที่เป็นจุดสำคัญและทำให้เกมสนุกขึ้นมากๆ จนต้องขอเอ่ยปากชม ก็คือการต่อสู้กับ Boss ต่างๆ ภายในเกม ซึ่งบอสแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งนอกจากเครื่องจักรทำลายล้างอย่าง “Metal Gear Ray” แล้ว ก็ยังมีบอสอื่นๆ อย่าง “Mistral” สาวไซบอร์กผู้ใช้แส้เป็นอาวุธ, “Monsoon” ผู้สามารถแยกชิ้นส่วนของร่างกายได้, “Sundowner” ปราการผู้แข็งแกร่งทรงพลัง และ “Jetstream Sam” ยอดนักดาบหัวใจซามูไร อีกทั้งในการสู้กับบอสแต่ละตัวก็ยังมีเพลงประกอบที่ไพเราะและเร้าใจเข้ากับตัวละครบอสแต่ละคนมากๆ ทำให้ช่วยเพิ่มอารมณ์ความตื่นเต้นในการต่อสู้ในแต่ละครั้งได้เป็นอย่างดีมาก และการสู้กับบอสแต่ละตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ยังเป็นการท้าทายฝีมือของผู้เล่นมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้เล่นต้องศึกษาทั้งรูปแบบการเคลื่อนไหว การโจมตี และวิธีการรับมือป้องกันของบอสแต่ละตัวด้วย ขอบอกเลยว่างานนี้แค่ชนะได้เฉยๆ นั้นยังไม่เพียงพอเหมือนกัน แต่การชนะบอสแต่ละตัวโดยไม่ให้โดนโจมตีได้เลยต่างหาก คือการท้าทายความสามารถและการพิสูจน์ฝีมืออย่างแท้จริงของเกมนี้

 

”พิสูจน์ฝีมือของตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการผ่านเงื่อนไขของ VR Mission ทั้งหมดให้ได้”

ถ้าหากว่าการเล่นในโหมดเนื้อเรื่องยังท้าทายความสามารถไม่พอ ตัวเกมก็ยังมี “VR Missions” ให้ได้ทำเงื่อนไขต่างๆ เพื่อวัดฝีมือกันได้อีกมากมายหลายภารกิจ ซึ่งแต่ละภารกิจก็รับประกันเลยว่าไม่สามารถผ่านกันได้ง่ายๆ แน่นอน เพราะนอกจากต้องใช้ฝีมือแล้วก็ยังต้องอาศัยการใช้จังหวะที่จะทำให้ไปถึงเส้นชัยได้ด้วย แต่ถ้าหากยังไม่จุใจ ตัวเกมนอกจากนี้ก็ยังมีมิชชั่นเพิ่มเติม รวมถึงการเล่นเป็น Jetstream และ Bladewolf จากการซื้อ DLC อีกด้วย ซึ่งทั้งสองตัวละครก็จะทำให้เราพบกับเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันไป ในช่วงก่อนที่เราจะมาเล่นเป็น Raiden ในเนื้อเรื่องหลักด้วย

 

”พลังงานของศัตรูที่สามารถเพิ่มพลังของ Raiden ได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกับความสนุกสุดมันส์ที่เติมเต็มได้ตลอดทั้งเกม”

ความสนุกสุดมันส์ใน “Metal Gear Rising: Revengeance” ได้แสดงให้เห็นว่า Platinum Game ยังคงเป็นจ้าวแห่งเกม Action อยู่ทุกยุคทุกสมัย แม้รูปแบบการเล่นของเกมเพลย์ที่รวดเร็ว อย่างการโจมตีด้วยท่าเท่ๆ และการป้องกันสวนกลับนี้ จะเป็นพื้นฐานและเอกลักษณ์ของเกมค่ายนี้ไปแล้ว แต่มันก็ยังมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสนุกเข้าไปได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นผู้ที่เล่นเกมแอ็คชั่นไม่เก่ง ก็ยังสามารถสนุกกับการรัวปุ่มในโหมดง่ายๆ หรือค่อยๆ ลองฝึกฝนพัฒนาฝีมือของตัวเองเพื่อพบกับความท้าทายในระดับที่ยาดขึ้นไปได้ด้วย อีกทั้งตัวเกมก็ยังคงสีสันของความเป็น “Metal Gear” อยู่ ซึ่งไม่เพียงแค่อาวุธหรือองค์ประกอบเนื้อหาที่ต่อเนื่องกันเท่านั้น แต่ถ้าหากจะเล่นแบบลอบเร้นไม่ให้ศัตรูจับได้ ตัวเกมก็ยังสามารถทำได้อยู่ ซึ่งนั่นก็อยู่ที่ฝีมือในการลอบเร้นแบบนินจาอันรวดเร็วของผู้เล่นด้วยนั่นเอง เพราะงั้นไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของเกม Metal Gear หรือไม่ แต่ถ้าโหยหาอยากเล่นเกมแอคชั่นที่มันส์ระห่ำสะใจ “Metal Gear Rising: Revengeance” ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่น่าจะตอบโจทย์ความสนุกที่คุณต้องการได้