500 ล้านปีของความรัก เล่ม 1 วิทยาศาสตร์ของอารมณ์ ความรัก และความเกลียดชัง

แมวอ้วนสีส้ม |
11/02/2015

เป็นผลงานของคุณหมอ ชัชพล ได้เล่าเรื่องราวความรักความรู้สึกซึ่งแฝงไปด้วยความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยละว่ามันจะไปด้วยกันได้ ถ้าคิดว่ามันน่าเบื่อเราบอกเลยว่าไม่ เนื้อหาน่าอ่านมากเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เพราะมีเรื่องเพศที่สามมาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ว่าทำไมเราต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ทำไมเราต้องรู้สึก มีการอธิบายความต่างระหว่างเพศที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ต่างกัน หรือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทั้งเรื่องโซเชียลมีเดีย ว่าทำไมผู้หญิงต้องโพสเรื่องส่วนตัวในเฟสบุ๊ค มาถึงเรื่องนี้ต้องชะงักกันเลยทีเดียว ต้องมีขอบเขตในการใช้งานเพราะผลที่ตามมามีแน่นอน รวมไปถึง ทำไมเราต้องจูบ ถ้าอยากรู้ทำว่าทำไมแนะนำว่าต้องอ่าน และยังมีเรื่องทำไมผู้หญิงจึงทาลิปสติกสีแดง บางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์เราทำลงไปจนเป็นปกติ อาจจะทำให้เราไม่รู้ว่า สิ่งที่เราทำนั้นทำไมเราต้องทำ หรือเป็นแค่ความเคยชิน ผู้เขียนได้เราเรื่องราวให้เราเข้าใจง่ายและสนใจที่จะติดตาม เนื้อหาเป็นเรื่องราวที่เราสงสัยและคิดว่า นั่นนะสิ ทำไมนะ ทำไม มีการใช้เรื่องวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องและไม่น่าเบื่อกับเรื่องที่อ่าน ภาษาที่ใช้ก็สนุกอดที่จะอมยิ้มไม่ได้เลย เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่ขี้สงสัยแบบเราจริงๆเลย ฮ่าๆสมองคนเรามีอะไรมากกว่าที่เรารู้เยอะแยะวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพราะได้นำเรื่องที่เราสนใจมาอธิบายความคู่ไปกับวิทยาศาสตร์

paepae |
14/11/2014

เป็นหนังสือฉีกแนวมาก(ในความคิดเรานะ)เป็นหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางอารมณ์ที่เล่มค่อนข้างหนาตอนที่คิดว่าจะอ่านยังคิดว่าจะอ่านรู้เรื่องไหมแต่ความที่เล่มนี้เป็นBest Sellerก็เลยอยากลองอ่านพอเปิดอ่านจากบทแรกไล่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าสนุกดีนะบางอย่างเราไม่เคยรู้เหตุผลว่าทำไมเพราะอะไรพอได้อ่านเล่มนี้ก็ไขปัญญาเราให้สว่างมากขึ้นและหนังสือก็ไม่ได้อ่านยากอย่างที่คิดอ่านได้เรื่อยๆสบายเพลิดเพลินไม่เครียดหรือใช้ศัพท์ที่ดูฟังยากซับซ้อนจนเกินไปผู้เขียนคือ นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าท่านผู้เขียนคงเขียนเรื่องยากๆศัพท์วิทย์ศัพท์หมอฟังรู้เรื่องเฉพาะกลุ่มแน่นอนแต่ปรากฎว่าท่านผู้เขียนสามารถเขียนได่เข้าใจง่ายค่ะอ่านได้ทุกกลุ่มจริงๆค่ะจากที่เคยไม่ชอบอ่านแนววิทยาศาสตร์ก็เริ่มรู้สึกสนใจอ่านแนววิทยาศาสตร์มากขึ้นคงเพราะความประทับใจส่วนตัวที่ได้อ่านหนังสือ500ล้านปีของความรักแน่ๆเลยพอพูดถึงจุดนี้แล้วเราก็แอบคิดนะว่าทำไมตั้งชื่อหนังสือว่า500ล้านปีของความรักกันนะทั้งๆที่ในเล่มก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรักมากมายซะเท่าไรเพราะจริงๆเนื้อหาในเล่มมีหลากหลายเรื่องราวมาก(แต่เพราะชื่อเล่มแบบนี้ดูน่าสนใจมากกว่านะ)ในหนังสือได้แบ่งเป็นตอนๆไม่ว่าจะเกี่ยวกับอารมณ์เกี่ยวกับความรักวิวัฒนาการทางเพศในแง่วิทยาศาสตร์คือคำตอบจะดูเป็นหลักวิชาการแต่ก็ไม่หนักจนเกินไปนะค่ะเอาเป็นว่าถ้าอยากหาหนังสือสักเล่มที่เป็นแนววิทยาศาสตร์อ่านแล้วได้ความรู้ในหลักการที่พิสูจน์ได้อ่านแล้วไม่เครียดกับเนื้อหาที่ดูหนักจนเกินไปอ่านแล้วเปิดโลกให้กว้างขึ้นขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะเป็นอาหารสมองชั้นเลิศมีเนื้อหาสาระที่ดีมากอ่านแล้วฉลาดรอบรู้ขึ้นได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมเพลินๆอ่านแป๊บเดียวก็จบเล่มแล้วค่ะ(มันเพลินจริงค่ะถึงเล่มจะหนา)เด็กรุ่นใหม่ก็เหมาะสมควรอ่านนะค่ะหนังสือเขาดีจริงๆค่ะ

ภาสกร |
23/08/2013

เนื่องจากผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง "เรื่องเล่าจากร่างกาย" และทำให้ติดเนื้อหาแนวนี้มากๆ (เอาเรื่องวิทยาศาสตร์มาอธิบายพฤติกรรมคนเรา) เมื่อมีหนังสือเล่มนี้ออกมาก็ยิ่งต้องตามอ่าน (เนื้อหาแน่นเอี๊ยด คุ้มราคาสุดๆ) เนื้อหาภายในเล่มจะเป็นการตั้งคำถาม เช่น ทำไมคนเราถึงจูบกัน ทำไมคนเราต้องมีอารมณ์ และการใช้อารมณ์ทำไมทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ทำไมถึงมีเกย์และเลสเบี้ยน โดยนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาพยายามตอบคำถามเหล่านี้ โดยจะเน้นหลักการของชาร์ลส์ดาร์วิน เป้นหลัก (คือหลักการ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือ Natural selection อันโด่งดัง) บทแรกๆจะพยายามศึกษาเรื่องของสมองของคนเรา ว่าทำไมคนบางคนถึงทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ เช่นอยู่ดีๆก็หยิบปืนมาฆ่าแม่ ฆ่าเมียตัวเอง และฆ่าคนไม่รู้จักไปหลายสิบคน และทำไมการที่เราได้รับบาดเจ็บที่สมองบางส่วนจำทำให้นิสัยเปลี่ยนไปจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ จากคนที่เก่งสุดๆ กลายเป็นคนห่วยสุดๆที่ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้เลย แม้แต่เรื่องที่ง่ายสุดๆ ว่าเย็นนี้จะกินอะไร ผุ้เขียนจะนำหลักการมาเชื่อมโยงกับคำถาม จนสามารถอธิบายได้ว่า อะไรเป็นต้นกำเนิดของพฤติกรรมดังกล่าว ทุกๆอย่างนั้นได้ถูกอธิบายโดย หลักการ Natural selection หรือ การคัดเลือกตามธรรมชาติ ตัวอย่างก็เช่น เพราะว่าผู้ชายที่หวงถิ่นจะมีทรัพยากรมากกว่าผุ้ชายที่ไม่หวงถิ่น ก็จะสามารถสืบพันธ์ได้มากกว่าทำให้ลูกหลานนั้นมีนิสัยเดียวกันและก็ถูกส่งผ่านกันมารุ่นต่อรุ่น นิสัียที่ชอบนินทาและพยายามดึงให้ผุ้หญิงคนอื่นลงมาแย่กว่าตัวเองก็เพื่อที่จะ ทำให้ตัวเองมีโอกาสหาคู่ได้มากก่วานั่นเอง และเมื่อสามารถหาคู่ได้ ลูกหลายของเธอก็ได้รับนิสัยเดียวกันนี้มานั่นเอง ฟังดูเหมือนว่าจะพูดทำไมเนี่ย ใครๆก็รุ้ใช่ไหม่ครับ แต่คนส่วนใหญ่ในวันธรรมดาๆคงไม่เคยพยายามคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในเมื่อเราสามารถศึกษาถึงเหตุผลที่เราเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ เราก็ควรจะศึกษามันบ้างครับ ยิ่งได้หลักการนี้มาทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเนี่ย กระจ่างแจ้งมากเลยครับ มีบทนึงที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ของคนเรา ว่ามนุษย์เรานั้นมีสมองหลักๆอยู่สองส่วนคือ ส่วนที่ใช้อารมณ์กับส่วนที่ใช้เหตุผล และสองส่วนนี้ทำงานแบบส่งข้อมูลให้กันไปมาระหว่างกัน ซึ่งผมคิดว่าส่วนของเหตุผลนั้นควรจะต้องสำคัญกว่าส่วนของอารมณ์มาก เพราะจะทำให้ตัดสินใจได้แม่นยำ รอบคอบ และรวดเร็ว แต่กลับไม่ใช่ครับ!! เพราะถ้าขาดสมองส่วนอารมณ์แล้วจะทำให้เรากลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกไปเลยทีเดียว (พูดจริง) เพราะจริงๆแล้ว การตัดสินใจที่ใช้เหตุผลทุกครั้งนั้นจริงๆแล้วมีอารมณ์เข้ามามีส่วนด้วยอยู่เสมอ แม้จะน้อยขนาดไหนก็ตาม มีหลักฐานมารองรับครับ(ภายในหนังสือ) มีึผุ้ชายคนหนึ่งที่ได้รับอุบัติเหตุทางสมอง และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ นิสัยเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ คือก่อนหน้าที่จะได้รับอุบัติเหตนั้น เขาเป้นคนที่มีหน้าที่การงานดี ตัดสินใจได้ดี แต่หลังจากที่สมองมีปัญหา เขาก็เปลี่ยนไปอีกคนที่ไม่สามารถตัดสินใจได้แม้แต่เรื่องเล็กๆอย่างเช่น ควรจะอาบน้ำก่อนหรือแปรงฟันก่อนดี!!! น่าสนใจมากเพราะสมองส่วนที่ได้รับความเสียหายเป็นส่วนที่ดูแลเรื่องอารมณ์ของเรา คือถ้าสมองส่วนนี้มีปัญหา ต่อให้เรามีเหตผลแค่ไหนก็ตาม ก็จะเกิดปัญหากับการตัดสินใจในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเกย์และเลสเบี้ยนด้วยครับ น่าสนใจมาก เกี่ยวกับเรื่องว่าทำไมเพศสองเพศนี้ถึงได้รับการคัดเลือกมา ทั้งที่ไม่น่าจะมีประโยชน์กับการดำรงชีวิตเลย อันนี้ต้องลองอ่านดุนะครับ ยาวมากๆ อิอิ ต้องบอกก่อนว่าอ่านไม่ง่ายครับ แต่ผมก็คิดว่าก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับทุกคน เพียงแต่ต้องคิดตาม และพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาแต่ละบทอย่างละเอียด อ่านทุกบรรทัดอย่างช้าๆ และจะทำให้คุณได้เปิดโลกกว้าง ได้ทำความเข้าใจว่า ทำไมเราถึงได้ทำอย่างที่เราทำทุกวันนี้ ทำไมผู้หญิงถึงได้มีนิสัยชอบนินทา ชอบอิจฉา ชอบแอบกัดลับหลัง และทำไมผุ้ชายถึงได้ หวงถิ่น และไม่ยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีได้ง่ายๆ