Customer Reviews

มาพูดถึงประเทศใหม่ที่ไม่ใหม่ อย่างประเทศออสเตรเลียกันดีกว่าค่ะ กับหนังสือ ซิดนีย์ไม่มีเหงา เล่มนี้ ว่าถ้าเปิดอ่านหนังสือตามแนวทางแล้วจะไม่มีเหงาอย่างที่หนังสือกล่าวไว้หรือป่าว? เจ้าของรีวิวเองก็เคยไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียอยู่ 6 เดือนค่ะ แต่อยู่อีกรัฐนึง แต่ก็มีโอกาสได้บินไปเที่ยวที่ซิดนีย์อยู่ 2 ครั้งค่ะ เพราะบ้านคุณน้าอยู่ที่เมืองนั้น พอกลับมาถึงไทยเรียบร้อยก็ได้มีโอกาสซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้เยอะค่ะ ในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะบอกหมดเลย วิธีการไปที่ซิดนีย์ การทำความรู้จักกับเมืองซิดนีย์ การหาสถานที่พักที่ซิดนีย์ การเที่ยวและการเซฟเงินในกระเป๋า เนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศใหม่ จึงไม่ต้องสงสัยนะค่ะเวลาที่ไปแล้วจะเจอคนทุกชาติ เอเชียเนี่ยจะเจอบ่อยที่สุด แต่ที่เยอะไม่แพ้กันคือพวกชนเผ่าอะบอริจิ้นค่ะ เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย อันนี้ในหนังสือก็จะมีบอกค่ะ ว่าเวลาเจอคนพวกนี้ต้องทำอย่างไร เจ้าของรีวิวเคยไปเจอกับตัวค่ะ น่ากลัวมาก เหมือนคนป่า พวกเค้ามีรัฐบาลเลี้ยงค่ะ เพราะว่าไปยึดประเทศเค้ามา ทีนี้เรื่องวุ่นๆที่คนพวกนี้ทำเยอะมาก อย่างที่เคยเจอตอนไปนี่ก็ พวกเผ่าเข้าไปในห้างแล้วเอามีดไปเจาะถุงซีเรียลแล้วเอาปากรองกิน เอิ่ม! ก็ไม่มีใครจับนะค่ะ ให้ความดูแลเป็นอย่างดี ก่อนไปยังคิดเลยว่าน่าจะเอาหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนไป เพราะหมดไปหลายบาทเหมือนกันค่ะ ตอนเที่ยวที่ซิดนีย์ เพราะว่าขึ้นรถเมย์ไม่เป็น แท๊คซี่อย่างเดียวเลย

มาพูดถึงประเทศใหม่ที่ไม่ใหม่ อย่างประเทศออสเตรเลียกันดีกว่าค่ะ กับหนังสือ ซิดนีย์ไม่มีเหงา เล่มนี้ ว่าถ้าเปิดอ่านหนังสือตามแนวทางแล้วจะไม่มีเหงาอย่างที่หนังสือกล่าวไว้หรือป่าว? เจ้าของรีวิวเองก็เคยไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียอยู่ 6 เดือนค่ะ แต่อยู่อีกรัฐนึง แต่ก็มีโอกาสได้บินไปเที่ยวที่ซิดนีย์อยู่ 2 ครั้งค่ะ เพราะบ้านคุณน้าอยู่ที่เมืองนั้น พอกลับมาถึงไทยเรียบร้อยก็ได้มีโอกาสซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้เยอะค่ะ ในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะบอกหมดเลย วิธีการไปที่ซิดนีย์ การทำความรู้จักกับเมืองซิดนีย์ การหาสถานที่พักที่ซิดนีย์ การเที่ยวและการเซฟเงินในกระเป๋า เนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศใหม่ จึงไม่ต้องสงสัยนะค่ะเวลาที่ไปแล้วจะเจอคนทุกชาติ เอเชียเนี่ยจะเจอบ่อยที่สุด แต่ที่เยอะไม่แพ้กันคือพวกชนเผ่าอะบอริจิ้นค่ะ เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย อันนี้ในหนังสือก็จะมีบอกค่ะ ว่าเวลาเจอคนพวกนี้ต้องทำอย่างไร เจ้าของรีวิวเคยไปเจอกับตัวค่ะ น่ากลัวมาก เหมือนคนป่า พวกเค้ามีรัฐบาลเลี้ยงค่ะ เพราะว่าไปยึดประเทศเค้ามา ทีนี้เรื่องวุ่นๆที่คนพวกนี้ทำเยอะมาก อย่างที่เคยเจอตอนไปนี่ก็ พวกเผ่าเข้าไปในห้างแล้วเอามีดไปเจาะถุงซีเรียลแล้วเอาปากรองกิน เอิ่ม! ก็ไม่มีใครจับนะค่ะ ให้ความดูแลเป็นอย่างดี ก่อนไปยังคิดเลยว่าน่าจะเอาหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนไป เพราะหมดไปหลายบาทเหมือนกันค่ะ ตอนเที่ยวที่ซิดนีย์ เพราะว่าขึ้นรถเมย์ไม่เป็น แท๊คซี่อย่างเดียวเลย

ใครที่ทำงานเกี่ยวกับพวกกราฟฟิคดีไซน์ การออกแบบ หรือการทำงานโปรแกรมต่างๆ คงปวดหัวอยู่ไม่น้อยค่ะ เวลาที่จะต้องเลือกสีเพื่อมาใช้ในการทำงานหรือตกแต่ง ชิ้นงานของตัวเองให้ออกมาสวยและสมบูรณ์แบบ เราเองก็ปวดหัวอยู่บ่อยๆค่ะ เพราะเราก็ทำงานออกแบบอยู่เหมือนกัน รับหลายที่ทำหลายแบบ ออกแบบคลินิก ออกแบบป้ายฉลากสินค้า แต่ก็ไม่อยากให้สีในโปรแกรมมันมาซ้ำกับงานอื่น ตอนแรกๆที่ทำนี่ 3 เจ้าที่จ้างงาน เรามองงานตัวเองยังรู้เลยว่าสีออกมาโทนเดียวกันหมด สุดท้ายไม่ไหวค่ะกลัวไม่มีคนจ้างเลยต้องไปซื้อหนังสือที่สอนการผสมสีบนโปรแกรมมาช่วยก็ได้หนังสือ ชุดสีโดนใจ เล่ม 2 Creative Color Schemes 2 เล่มนี้แหละค่ะมาช่วยชีวิตไว้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ฝีมือของเราก็ยังไม่ขั้นเทพถึงขนาดผสมสีเองได้ เพราะมันยากมากๆเลยนะค่ะถ้าไม่มีหนังสือ ใช้เวลาอยู่นานทีเดียว แต่พอได้หนังสือมาก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะค่ะ หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ในการผสมสีได้ดีจริงๆ เน้นแค่เรื่องสีนี่ก็เนื้อหาแน่นแล้วค่ะ แถมยังมีสอนวิธีเทคนิคอีกด้วย อันนี้ก็ถือว่าคุ้มกับราคา 300 ต้นๆค่ะ ถ้าเทียบกันงานที่ถูกจ้างราคาหลายพันบาท ถือว่าเป็นหนังสือที่น่าหยิบมาต่อยอดกับงานของตัวเองค่ะ ส่วนเจ้าของรีวิวก็ได้หนังสือเล่มนี่แหละค่ะ มาช่วยในการทำงานอีกแรง ผสมสีเองตามใจ ไม่ต้องกลัวซ้ำงานใครแน่นอน ถือเป็นหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับคนทำงานออกแบบค่ะ

ใครที่ทำงานเกี่ยวกับพวกกราฟฟิคดีไซน์ การออกแบบ หรือการทำงานโปรแกรมต่างๆ คงปวดหัวอยู่ไม่น้อยค่ะ เวลาที่จะต้องเลือกสีเพื่อมาใช้ในการทำงานหรือตกแต่ง ชิ้นงานของตัวเองให้ออกมาสวยและสมบูรณ์แบบ เราเองก็ปวดหัวอยู่บ่อยๆค่ะ เพราะเราก็ทำงานออกแบบอยู่เหมือนกัน รับหลายที่ทำหลายแบบ ออกแบบคลินิก ออกแบบป้ายฉลากสินค้า แต่ก็ไม่อยากให้สีในโปรแกรมมันมาซ้ำกับงานอื่น ตอนแรกๆที่ทำนี่ 3 เจ้าที่จ้างงาน เรามองงานตัวเองยังรู้เลยว่าสีออกมาโทนเดียวกันหมด สุดท้ายไม่ไหวค่ะกลัวไม่มีคนจ้างเลยต้องไปซื้อหนังสือที่สอนการผสมสีบนโปรแกรมมาช่วยก็ได้หนังสือ ชุดสีโดนใจ เล่ม 2 Creative Color Schemes 2 เล่มนี้แหละค่ะมาช่วยชีวิตไว้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ฝีมือของเราก็ยังไม่ขั้นเทพถึงขนาดผสมสีเองได้ เพราะมันยากมากๆเลยนะค่ะถ้าไม่มีหนังสือ ใช้เวลาอยู่นานทีเดียว แต่พอได้หนังสือมาก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะค่ะ หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ในการผสมสีได้ดีจริงๆ เน้นแค่เรื่องสีนี่ก็เนื้อหาแน่นแล้วค่ะ แถมยังมีสอนวิธีเทคนิคอีกด้วย อันนี้ก็ถือว่าคุ้มกับราคา 300 ต้นๆค่ะ ถ้าเทียบกันงานที่ถูกจ้างราคาหลายพันบาท ถือว่าเป็นหนังสือที่น่าหยิบมาต่อยอดกับงานของตัวเองค่ะ ส่วนเจ้าของรีวิวก็ได้หนังสือเล่มนี่แหละค่ะ มาช่วยในการทำงานอีกแรง ผสมสีเองตามใจ ไม่ต้องกลัวซ้ำงานใครแน่นอน ถือเป็นหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับคนทำงานออกแบบค่ะ

ใครที่กำลังอยากจะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง English Diary เก่ง พูด อ่าน เขียน เรียนสร้างประโยค ช่วยคุณผู้อ่านที่ต้องการเรียนด้วยตัวเองได้ค่ะ เจ้าของรีวิวก็ซื้อมาอ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน มีประมาณ 50 เล่มได้ เกี่ยวกับหนังสือที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ให้ไปซื้อคอร์สเรียนคงไม่ไหว ตอนที่ซื้อหนักๆเลยก็เป็นตอนที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียค่ะ เพราะศัพท์อังกฤษผิดเว้นวรรคแค่นิดหน่อยก็สร้างความเสียหายในประโยคได้ พอๆกับที่เรียนเว้นวรรคในภาษาไทยค่ะ เหมือนกันเลย ก็เลยซื้อหนังสือพวกนี้เก็บไว้มากเอาไว้อ่านเอาไว้ศึกษาด้วยตัวเอง สำหรับเล่มนี้เนื้อหาส่วนมากในหนังสือก็จะสอนให้เรามิกซ์ประโยคให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ค่ะ อันนี้สำคัญมากนะค่ะ พูดแบบงูๆ ปลาๆ อย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องถูกตามหลักภาษาด้วย พออ่านแล้วก็โอเคค่ะ ทำตามหนังสือเวลาที่คุยกับเพื่อนเก่าๆตอนที่เรียนเมืองนอก โอเคเลยค่ะ ทุกคนเข้าใจประโยคที่เราสื่อสารออกไป จดๆจำๆ ลองประกอบประโยคดูทำให้เก่งในการใช้ภาษามากขึ้นค่ะ เพราะปกติส่วนมากเวลาที่เราซื้อหนังสือพวกนี้ จะมีแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษเยอะแยะเต็มไปหมด ทำให้ไม่ค่อยน่าสนใจในการอ่านหรือการศึกษาเท่าไหร่นัก แต่ในหนังสือเล่มนี้ขอบอกเลยว่ามีภาษาประกอบท่าทางน่ารักๆกับประโยคให้เราได้ดูด้วยค่ะ ถือว่าทำออกมาเอาใจผู้ที่ต้องการศึกษาแต่พอเห็นตัวหนังสือยั้วเยี๊ยะก็พากันเมินหน้าหนีไปหมด อันนี้ก็ขอชมผู้จัดทำค่ะ ว่าทำออกมาเอาใจใส่ลูกค้าดีมากๆเลยทีเดียว เพราะทำให้ผู้อ่านอยากจะอ่านแล้วก็ไม่น่าเบื่อกับตัวหนังสือด้วยค่ะ

ใครที่กำลังอยากจะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง English Diary เก่ง พูด อ่าน เขียน เรียนสร้างประโยค ช่วยคุณผู้อ่านที่ต้องการเรียนด้วยตัวเองได้ค่ะ เจ้าของรีวิวก็ซื้อมาอ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน มีประมาณ 50 เล่มได้ เกี่ยวกับหนังสือที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ให้ไปซื้อคอร์สเรียนคงไม่ไหว ตอนที่ซื้อหนักๆเลยก็เป็นตอนที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียค่ะ เพราะศัพท์อังกฤษผิดเว้นวรรคแค่นิดหน่อยก็สร้างความเสียหายในประโยคได้ พอๆกับที่เรียนเว้นวรรคในภาษาไทยค่ะ เหมือนกันเลย ก็เลยซื้อหนังสือพวกนี้เก็บไว้มากเอาไว้อ่านเอาไว้ศึกษาด้วยตัวเอง สำหรับเล่มนี้เนื้อหาส่วนมากในหนังสือก็จะสอนให้เรามิกซ์ประโยคให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ค่ะ อันนี้สำคัญมากนะค่ะ พูดแบบงูๆ ปลาๆ อย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องถูกตามหลักภาษาด้วย พออ่านแล้วก็โอเคค่ะ ทำตามหนังสือเวลาที่คุยกับเพื่อนเก่าๆตอนที่เรียนเมืองนอก โอเคเลยค่ะ ทุกคนเข้าใจประโยคที่เราสื่อสารออกไป จดๆจำๆ ลองประกอบประโยคดูทำให้เก่งในการใช้ภาษามากขึ้นค่ะ เพราะปกติส่วนมากเวลาที่เราซื้อหนังสือพวกนี้ จะมีแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษเยอะแยะเต็มไปหมด ทำให้ไม่ค่อยน่าสนใจในการอ่านหรือการศึกษาเท่าไหร่นัก แต่ในหนังสือเล่มนี้ขอบอกเลยว่ามีภาษาประกอบท่าทางน่ารักๆกับประโยคให้เราได้ดูด้วยค่ะ ถือว่าทำออกมาเอาใจผู้ที่ต้องการศึกษาแต่พอเห็นตัวหนังสือยั้วเยี๊ยะก็พากันเมินหน้าหนีไปหมด อันนี้ก็ขอชมผู้จัดทำค่ะ ว่าทำออกมาเอาใจใส่ลูกค้าดีมากๆเลยทีเดียว เพราะทำให้ผู้อ่านอยากจะอ่านแล้วก็ไม่น่าเบื่อกับตัวหนังสือด้วยค่ะ

ใครที่ชอบอ่านวรรณกรรม ก็อยากแนะนำอีกเรื่องหนึ่งค่ะ เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่อ่านแล้วคิดตามไปพอสมควรเลยทีเดียว กับวรรณกรรมวิทยาศาสตร์แต่ออกแนวแฟนตาซีมากกว่า ถ้าพูดถึงเรื่องเหนือมนุษย์ ใครที่ทันปี 2546 คงจะทันดูละครเรื่องกาเหว่าที่บางเพลง ตอนเย็นๆ เนื้อเรื่องก็ประมาณว่า เกิดเรื่องประหลาดภายในหมู่บ้านบางเพลง มีเรื่องแบบเหนือธรรมชาติลึกลับเกิดขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านสลบแล้วก็อยู่ดีๆ ผู้หญิงในหมู่บ้านทุกคน ทุกอาชีพ ก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาซะงั้น อันนี้ก็สร้างความเหนือจินตนาการเข้าไปอีกนะค่ะ อ่านแล้วแบบว่าก็ถือว่าดีค่ะ นิยายวรรณกรรม ก็เป็นเรื่องที่ต้องปรุงแต่งขึ้นมาเพื่ออรรถรถของผู้อ่านอยู่แล้ว ใครที่ชอบเรื่องแนวนี้ก็ไม่ควรพลาดค่ะ เพราะว่าได้จัดทำขึ้นมาเป็นละครถึงสองครั้งแล้ว เราจะได้ยินกันบ่อยๆเวลาที่เรียกคนที่คิ้วบาง หรือ คนที่ไม่มีคิ้วว่ากาเหว่าที่บางเพลง จำได้ไหมค่ะ สมัยนี้ก็ยังใช้คำนี้อยู่ค่ะ นึกแล้วบางทีก็ขำ กลายเป็นคำติดบางที่ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัยเสียแล้ว แถมหนังสือก็ทำออกมาดี ในด้านของภาพยนตร์ก็ไม่แพ้กันค่ะ เพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาวรรณกรรมอ่านอยู่ ลองหันมาสนใจวรรณกรรมชื่อฮิตติดปากเรื่องนี้ดูบ้างนะค่ะ ลองซื้อไปอ่านกกันดู เจ้าของรีวิวอ่านจบแล้วค่ะ สนุกดีค่ะให้อารมณ์แตกต่างจากตอนดูหนังประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่มากค่ะ เพราะเนื้อเรื่องจะเหมือนในหนังเกือบทั้งหมดเลยค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก

ใครที่ชอบอ่านวรรณกรรม ก็อยากแนะนำอีกเรื่องหนึ่งค่ะ เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่อ่านแล้วคิดตามไปพอสมควรเลยทีเดียว กับวรรณกรรมวิทยาศาสตร์แต่ออกแนวแฟนตาซีมากกว่า ถ้าพูดถึงเรื่องเหนือมนุษย์ ใครที่ทันปี 2546 คงจะทันดูละครเรื่องกาเหว่าที่บางเพลง ตอนเย็นๆ เนื้อเรื่องก็ประมาณว่า เกิดเรื่องประหลาดภายในหมู่บ้านบางเพลง มีเรื่องแบบเหนือธรรมชาติลึกลับเกิดขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านสลบแล้วก็อยู่ดีๆ ผู้หญิงในหมู่บ้านทุกคน ทุกอาชีพ ก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาซะงั้น อันนี้ก็สร้างความเหนือจินตนาการเข้าไปอีกนะค่ะ อ่านแล้วแบบว่าก็ถือว่าดีค่ะ นิยายวรรณกรรม ก็เป็นเรื่องที่ต้องปรุงแต่งขึ้นมาเพื่ออรรถรถของผู้อ่านอยู่แล้ว ใครที่ชอบเรื่องแนวนี้ก็ไม่ควรพลาดค่ะ เพราะว่าได้จัดทำขึ้นมาเป็นละครถึงสองครั้งแล้ว เราจะได้ยินกันบ่อยๆเวลาที่เรียกคนที่คิ้วบาง หรือ คนที่ไม่มีคิ้วว่ากาเหว่าที่บางเพลง จำได้ไหมค่ะ สมัยนี้ก็ยังใช้คำนี้อยู่ค่ะ นึกแล้วบางทีก็ขำ กลายเป็นคำติดบางที่ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัยเสียแล้ว แถมหนังสือก็ทำออกมาดี ในด้านของภาพยนตร์ก็ไม่แพ้กันค่ะ เพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาวรรณกรรมอ่านอยู่ ลองหันมาสนใจวรรณกรรมชื่อฮิตติดปากเรื่องนี้ดูบ้างนะค่ะ ลองซื้อไปอ่านกกันดู เจ้าของรีวิวอ่านจบแล้วค่ะ สนุกดีค่ะให้อารมณ์แตกต่างจากตอนดูหนังประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่มากค่ะ เพราะเนื้อเรื่องจะเหมือนในหนังเกือบทั้งหมดเลยค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก

7 วันอันตรายหักเหลี่ยมหัวใจนายยากูซ่า เป็นผลงานของคุณพี่ โซแซดเลิฟค่ะ So Sad Love ใครเคยอ่านเรื่องราวจากฝีมือของที่คุณพี่แกแต่งมาบ้างแล้วก็คงจะรู้ดีว่า สนุก แถมตลกอีกต่างหาก พี่โซแซดเนี่ยแกเขียนแนวนี้ออกมาได้น่าอ่านจริงๆนะค่ะ ไม่รู้ว่าเอาฝีมือมากจากไหนให้เขียนได้โหดมันส์ฮาขนาดนี้ อ่านตอนแรกก็คิดว่าจะไปรอดหรอ? อ่านไปเรื่อยๆก็โป๊ะเช๊ะค่ะ สนุกสุดเหวี่ยง ในเรื่องนี้ก็เป็นภาคต่อค่ะ ภาคต่อจากเรื่อง รักอันตรายของคุณชายมาเฟีย เป็นเรื่องของแก๊งค์ยากูซ่า แล้วก็ต้องสืบทอดเชื้อสายด้วย มีทั้งเรื่องของการปกป้องดูแลเจ้าสาว เรื่องของการต่อสู้ นัวเนียๆกันพลันวันเลยทีเดียว ออกแนวติ๊งต๊องๆหน่อยๆ ตามประสาผู้หญิงที่แบบโก๊ะๆ ซื้อบื้อๆ อ่านไปก็ตลกไปค่ะ น่ารักดี ส่วนผู้ชายก็โหดเหลือร้ายแต่ก็มีเรื่องตลกๆแทรกไม่แพ้กัน พี่แกเขียนได้แบบ ทุกตัวละครในเรื่องมีบทบาททั้งหมดเลย อ่านแล้วน่าติดตาม ถ้าได้อ่านหน้าแรกแล้วก็ยาวไปเรื่อยๆเลยค่ะ เจ้าของรีวิวเป็นมาแล้ว 3 ชม. รวดเดียวจบ สมใจ แต่ไม่ค่อยชอบปกหนังสือค่ะ ตัวการ์ตูนไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ไม่เหมือนเรื่องๆอื่นๆที่สำนักพิมพ์เดียวกัน และจะสดใสกว่านี้ อันนี้ถ้าไม่ใช่ผลงานของคุณพี่โซแซดเลิฟ มองผ่านๆก็ไม่คิดที่จะหยิบขึ้นมาจ่ายตังค์แน่นอน เพราะมองๆแล้วหน้าปกไม่ค่อยดึงดูดใจให้เสียเงินเลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่มีชื่อของนักเขียนกำกับไว้ ทำให้แน่ใจประมาณหนึ่งว่าเรื่องจะออกมาสนุก

7 วันอันตรายหักเหลี่ยมหัวใจนายยากูซ่า เป็นผลงานของคุณพี่ โซแซดเลิฟค่ะ So Sad Love ใครเคยอ่านเรื่องราวจากฝีมือของที่คุณพี่แกแต่งมาบ้างแล้วก็คงจะรู้ดีว่า สนุก แถมตลกอีกต่างหาก พี่โซแซดเนี่ยแกเขียนแนวนี้ออกมาได้น่าอ่านจริงๆนะค่ะ ไม่รู้ว่าเอาฝีมือมากจากไหนให้เขียนได้โหดมันส์ฮาขนาดนี้ อ่านตอนแรกก็คิดว่าจะไปรอดหรอ? อ่านไปเรื่อยๆก็โป๊ะเช๊ะค่ะ สนุกสุดเหวี่ยง ในเรื่องนี้ก็เป็นภาคต่อค่ะ ภาคต่อจากเรื่อง รักอันตรายของคุณชายมาเฟีย เป็นเรื่องของแก๊งค์ยากูซ่า แล้วก็ต้องสืบทอดเชื้อสายด้วย มีทั้งเรื่องของการปกป้องดูแลเจ้าสาว เรื่องของการต่อสู้ นัวเนียๆกันพลันวันเลยทีเดียว ออกแนวติ๊งต๊องๆหน่อยๆ ตามประสาผู้หญิงที่แบบโก๊ะๆ ซื้อบื้อๆ อ่านไปก็ตลกไปค่ะ น่ารักดี ส่วนผู้ชายก็โหดเหลือร้ายแต่ก็มีเรื่องตลกๆแทรกไม่แพ้กัน พี่แกเขียนได้แบบ ทุกตัวละครในเรื่องมีบทบาททั้งหมดเลย อ่านแล้วน่าติดตาม ถ้าได้อ่านหน้าแรกแล้วก็ยาวไปเรื่อยๆเลยค่ะ เจ้าของรีวิวเป็นมาแล้ว 3 ชม. รวดเดียวจบ สมใจ แต่ไม่ค่อยชอบปกหนังสือค่ะ ตัวการ์ตูนไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ไม่เหมือนเรื่องๆอื่นๆที่สำนักพิมพ์เดียวกัน และจะสดใสกว่านี้ อันนี้ถ้าไม่ใช่ผลงานของคุณพี่โซแซดเลิฟ มองผ่านๆก็ไม่คิดที่จะหยิบขึ้นมาจ่ายตังค์แน่นอน เพราะมองๆแล้วหน้าปกไม่ค่อยดึงดูดใจให้เสียเงินเลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่มีชื่อของนักเขียนกำกับไว้ ทำให้แน่ใจประมาณหนึ่งว่าเรื่องจะออกมาสนุก

ถ้าพูดถึงนิยายวรรณกรรมเยาวชนแบบแปลก็ขอแนะนำอีก 1 เล่มดีๆให้ผู้อ่านค่ะ เป็นเรื่องที่เหมาะกับคนที่ไม่โลกสวยซักเท่าไหร่ กับวรรณกรรมเรื่อง พระจันทร์เน่าหนอน แค่ชื่อก็ให้ความรู้สึกว่า Dark เอามากๆ ไม่ใช่แค่ Dark เพียงอย่างเดียวนะค่ะ ตอนอ่านนี่ให้ความรู้สึกแบบ Deep เอามากๆด้วย ถ้าท่านผู้อ่านลองได้อ่านแล้วจะสัมผัสความเน่าหนอนจากตัวหนังสือของเรื่องนี้ได้เลยค่ะ สื่อออกมาทางตัวหนังสือได้เน่าหนอนดีจริงๆ โลกสวยแนะนำว่าอย่าอ่านค่ะ อาจจะมีติดใจไปทั้งเรื่องก็ได้ ส่วนตัวเจ้าของรีวิวเองโลกไม่ค่อยสวยค่ะ อ่านแล้ว Dark ยิ่งชอบค่ะ ยิ่ง Deep ยิ่งชอบมากค่ะ อ่านไปแล้วก็ได้คิดตามเรื่องไปด้วยว่าสังคมสมัยก่อนมันโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เนื้อเรื่องของวรรฯกรรมเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ในยุคที่ประเทศอังกฤษ เป็นยุคที่เผด็จการ เหมือนกับว่าดิ่งลงต่ำที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังมีคนที่มี่สิ้นหวัง คนที่มีแนวทางและความคิดเป็นของตัวเอง คนที่มีความฝันและอยากจะต่อสู้กับเรื่องที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่ต้องมาอยู่ในยุคของการตกต่ำ วัยรุ่นที่พลุ่งพล่านไม่ได้หายไปตามระบบเผด็จการนั้น คนที่มุ่งมั่นอยู่เสมอว่าจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ อ่านไปอ่านมาก็ให้อารมณ์ฮึกเหิมดีค่ะ คิดว่าเป็นเรื่องจริงจากเรื่องเล่าในสมัยก่อนซะด้วยซ้ำ ใครที่ชอบวรรณกรรมแนวนี้ หรือ ชอบอ่านวรรณกรรมอยู่แล้ว ลองอ่านดูค่ะ เป็นอีก 1 เรื่องที่ดี ที่น่าอ่านมากๆ

ถ้าพูดถึงนิยายวรรณกรรมเยาวชนแบบแปลก็ขอแนะนำอีก 1 เล่มดีๆให้ผู้อ่านค่ะ เป็นเรื่องที่เหมาะกับคนที่ไม่โลกสวยซักเท่าไหร่ กับวรรณกรรมเรื่อง พระจันทร์เน่าหนอน แค่ชื่อก็ให้ความรู้สึกว่า Dark เอามากๆ ไม่ใช่แค่ Dark เพียงอย่างเดียวนะค่ะ ตอนอ่านนี่ให้ความรู้สึกแบบ Deep เอามากๆด้วย ถ้าท่านผู้อ่านลองได้อ่านแล้วจะสัมผัสความเน่าหนอนจากตัวหนังสือของเรื่องนี้ได้เลยค่ะ สื่อออกมาทางตัวหนังสือได้เน่าหนอนดีจริงๆ โลกสวยแนะนำว่าอย่าอ่านค่ะ อาจจะมีติดใจไปทั้งเรื่องก็ได้ ส่วนตัวเจ้าของรีวิวเองโลกไม่ค่อยสวยค่ะ อ่านแล้ว Dark ยิ่งชอบค่ะ ยิ่ง Deep ยิ่งชอบมากค่ะ อ่านไปแล้วก็ได้คิดตามเรื่องไปด้วยว่าสังคมสมัยก่อนมันโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เนื้อเรื่องของวรรฯกรรมเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ในยุคที่ประเทศอังกฤษ เป็นยุคที่เผด็จการ เหมือนกับว่าดิ่งลงต่ำที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังมีคนที่มี่สิ้นหวัง คนที่มีแนวทางและความคิดเป็นของตัวเอง คนที่มีความฝันและอยากจะต่อสู้กับเรื่องที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่ต้องมาอยู่ในยุคของการตกต่ำ วัยรุ่นที่พลุ่งพล่านไม่ได้หายไปตามระบบเผด็จการนั้น คนที่มุ่งมั่นอยู่เสมอว่าจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ อ่านไปอ่านมาก็ให้อารมณ์ฮึกเหิมดีค่ะ คิดว่าเป็นเรื่องจริงจากเรื่องเล่าในสมัยก่อนซะด้วยซ้ำ ใครที่ชอบวรรณกรรมแนวนี้ หรือ ชอบอ่านวรรณกรรมอยู่แล้ว ลองอ่านดูค่ะ เป็นอีก 1 เรื่องที่ดี ที่น่าอ่านมากๆ

บันทึกแดนประหารคุกบางขวาง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คุมและนักโทษคดีต่างๆ ซึ่งเป็นคดีเล็กๆ ไปยันถึงคดีประหารชีวิต ใครที่ชอบเรื่องราวชีวิตจริงถ่ายถอดผ่านทางตัวหนังสือ คดีสำคัญๆที่เกิดขึ้นในเมืองไทยของเรา ได้ถูกถ่ายถอดจากผู้คุมและนักโทษชั้นดี ไปจนถึงนักโทษประหาร มายังหนังสือเล่มนี้ให้เราได้อ่านกัน เพราะเชื่อว่าไม่มีใครที่อยากจะเข้าไปเรียนรู้เหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองแน่นอน ถือว่าเป็นเรื่องจริงที่ถูกตีพิมพ์ออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ เรื่องในหนังสือก็จะประมาณว่าความเป็นมาของเรือนจำแห่งนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ การดูแลนักโทษคดีเล็กๆไปจนถึงคดีประหาร การเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำ ทะเลาะวิวาท ฆาตกรรมนักโทษ และกิจวัตรประจำวันของนักโทษในการใช้ชีวิตในกำแพงสูงค่ะ อ่านแล้วนึกภาพไม่ออกว่าคนหลายร้อยคน เยอะแยะมากมายขนาดนั้น อยู่กันได้ยังไง มาเล่าในส่วนของนักโทษประหารบ้างดีกว่าเพราะเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นของนักโทษประหารเกือบทั้งหมดค่ะ อ่านแล้วไม่ต้องทำใจตาม เพราะไม่ค่อยน่ากลัวซักเท่าไหร่ แต่ก็หวาดเสียวอยู่ไม่ใช่น้อย ในหนังสือไม่ได้บรรยายจนออกมาเป็นภาพเหมือนในหนังสือสยองขวัญอะไรทำนองนั้นค่ะ พออ่านได้ เป็นความรู้ใหม่ๆกับมนุษย์ที่ใช้ชีวิตเหมือนเรา แต่การดำเนินชีวิตของเค้าต่างกับเรามาก เราจะได้รู้ในอีกแง่มุมของสังคม ได้เจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้มาอยู่ในจุดๆที่ว่าแย่ที่สุดก็ว่าได้ นักโทษประหารไม่รู้วันตายของตัวเอง แต่ถ้าถูกเอ่ยชื่อเรียกไป ก็เตรียมใจไว้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เค้าทำใจกันได้อย่างไรกับการรอวันตาย กับการใช้ชีวิตที่ผิดพลาดและไม่อาจจะหวนคืนมาได้ ส่วนมากเค้าก็จะถามค่ะว่าทำใจได้ไหมๆ และส่วนมากก็ตอบว่า ไม่ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อ่านไปแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจนะค่ะ กับหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดีค่ะ แต่มัน Dark มากเลย แล้วก็ Deep มากด้วย แต่อ่านไปก็ไม่ค่อยลุ้นนะค่ะ เพราะรู้คำว่าโทษประหารอยู่แล้ว แต่จะออกแนวอ่านไปเรื่อยๆมากกว่า อ่านศึกษา อ่านเสพเรื่องราวภายในเรือนจำ อ่านเพลินเอาสาระค่ะ ไม่ได้ออ่านเพลินเอาสนุก เพราะชีวิตในคุกคงไม่ได้สนุกอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แนะนำค่ะ ให้เสพการใช้ชีวิต มากกว่าเสพสนุกนะค่ะ อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ อ่านไว้กันความผิดพลาดของตัวเองค่ะ เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆที่ชอบอ่านเรื่องราวชีวิตจริง ส่วนเจ้าของรีวิวเองก็อานจบนานแล้วค่ะ ได้อะไรเยอะจากหนังสือเล่มนี้ เอาง่ายๆคือได้รู้มุมมองชีวิตของคนอื่นที่เราไม่เคยสัมผัสค่ะ

บันทึกแดนประหารคุกบางขวาง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คุมและนักโทษคดีต่างๆ ซึ่งเป็นคดีเล็กๆ ไปยันถึงคดีประหารชีวิต ใครที่ชอบเรื่องราวชีวิตจริงถ่ายถอดผ่านทางตัวหนังสือ คดีสำคัญๆที่เกิดขึ้นในเมืองไทยของเรา ได้ถูกถ่ายถอดจากผู้คุมและนักโทษชั้นดี ไปจนถึงนักโทษประหาร มายังหนังสือเล่มนี้ให้เราได้อ่านกัน เพราะเชื่อว่าไม่มีใครที่อยากจะเข้าไปเรียนรู้เหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองแน่นอน ถือว่าเป็นเรื่องจริงที่ถูกตีพิมพ์ออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ เรื่องในหนังสือก็จะประมาณว่าความเป็นมาของเรือนจำแห่งนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ การดูแลนักโทษคดีเล็กๆไปจนถึงคดีประหาร การเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำ ทะเลาะวิวาท ฆาตกรรมนักโทษ และกิจวัตรประจำวันของนักโทษในการใช้ชีวิตในกำแพงสูงค่ะ อ่านแล้วนึกภาพไม่ออกว่าคนหลายร้อยคน เยอะแยะมากมายขนาดนั้น อยู่กันได้ยังไง มาเล่าในส่วนของนักโทษประหารบ้างดีกว่าเพราะเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นของนักโทษประหารเกือบทั้งหมดค่ะ อ่านแล้วไม่ต้องทำใจตาม เพราะไม่ค่อยน่ากลัวซักเท่าไหร่ แต่ก็หวาดเสียวอยู่ไม่ใช่น้อย ในหนังสือไม่ได้บรรยายจนออกมาเป็นภาพเหมือนในหนังสือสยองขวัญอะไรทำนองนั้นค่ะ พออ่านได้ เป็นความรู้ใหม่ๆกับมนุษย์ที่ใช้ชีวิตเหมือนเรา แต่การดำเนินชีวิตของเค้าต่างกับเรามาก เราจะได้รู้ในอีกแง่มุมของสังคม ได้เจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้มาอยู่ในจุดๆที่ว่าแย่ที่สุดก็ว่าได้ นักโทษประหารไม่รู้วันตายของตัวเอง แต่ถ้าถูกเอ่ยชื่อเรียกไป ก็เตรียมใจไว้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เค้าทำใจกันได้อย่างไรกับการรอวันตาย กับการใช้ชีวิตที่ผิดพลาดและไม่อาจจะหวนคืนมาได้ ส่วนมากเค้าก็จะถามค่ะว่าทำใจได้ไหมๆ และส่วนมากก็ตอบว่า ไม่ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อ่านไปแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจนะค่ะ กับหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดีค่ะ แต่มัน Dark มากเลย แล้วก็ Deep มากด้วย แต่อ่านไปก็ไม่ค่อยลุ้นนะค่ะ เพราะรู้คำว่าโทษประหารอยู่แล้ว แต่จะออกแนวอ่านไปเรื่อยๆมากกว่า อ่านศึกษา อ่านเสพเรื่องราวภายในเรือนจำ อ่านเพลินเอาสาระค่ะ ไม่ได้ออ่านเพลินเอาสนุก เพราะชีวิตในคุกคงไม่ได้สนุกอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แนะนำค่ะ ให้เสพการใช้ชีวิต มากกว่าเสพสนุกนะค่ะ อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ อ่านไว้กันความผิดพลาดของตัวเองค่ะ เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆที่ชอบอ่านเรื่องราวชีวิตจริง ส่วนเจ้าของรีวิวเองก็อานจบนานแล้วค่ะ ได้อะไรเยอะจากหนังสือเล่มนี้ เอาง่ายๆคือได้รู้มุมมองชีวิตของคนอื่นที่เราไม่เคยสัมผัสค่ะ

ใครที่ชอบอ่านเรื่องสยองขวัญ แนวสั่นประสาท หลอน น่ากลัว ต้องขอบอกเลย Apartment ชั้น 9 ห้องเช่าเขย่าขวัญ นี่แบบไม่เหมาะสำหรับคนที่อยู่ห้องเช่าคนเดียวเลยจริงๆ เจ้าของรีวิวเพิ่งอ่านจบไปเมื่อวานนี้เองค่ะ ถ้าไม่ได้อยู่บ้านตัวเองคงหลอนจริงๆไปแล้ว นิยายเรื่อง Apartment ชั้น 9 ห้องเช่าเขย่าขวัญ ทุกตอนที่อ่านลุ้นหมดเลยค่ะ น่าอ่านน่าติดตามทุกตอนจริงๆ อันนี้ไม่ขอเล่าในส่วนของเนื้อเรื่องนะค่ะ ขอรีวิวกับสปอยดีกว่า เนื้อเรื่องนี้ผู้อ่านต้องอ่านเองค่ะ ใครที่ชอบหนังสือเขย่าขวัญแนวนี้ลองหามาอ่านกันซักตอนสองตอนค่ะแล้วจะวางไม่ลงกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบหลอนชอบจินตนาการถ้าได้อ่านเรื่องนี้รับรองว่า จินตนาการจะพลุ่งพล่านไปอีกไกลเลยค่ะ เจ้าของรีวิวนี่ถึงกับเปิดไฟนอนหลังอ่านจบเลยค่ะ ไม่ไหวจริงๆ ตอนอาบน้ำนี่จะต้องรีบล้างหน้าให้ลืมตาให้ไวที่สุด มันหลอนอยู่ในหัวจริงๆ ผู้เขียนเก่งมากค่ะ บรรยายในส่วนของบรรยากาศ การฆ่า การตาย วิญญาณ เรื่องหลอนๆนี่ เค้าบรรยายผ่านตัวหนังสือได้ดีจริงๆ อันนี้ต้องขอชื่นชมจริงๆ กับ นิยายของคุณ ภาคินัย แต่ในเรื่องนี้เป็นในส่วนของรวมนักเขียนค่ะ รวมไม่รวมเราไม่รู้นะ ซื้อมาเสพความกลัว ซื้อมาเสพความหลอน ใครเขียนก็ไม่สำคัญ (ยิ้ม) เรื่องนี้ ไม่ค่อยจะมีจุดให้สปอยค่ะ เรื่องแต่งส่วนมากจะออกมาจากจินตนาการล้วนๆ แต่ชอบในส่วนของชื่อเรื่องค่ะ ส่วนมากถ้าให้เดาเรื่องผีๆ จะต้องเป็น Apartment ชั้น 13 ห้องเช่าเขย่าขวัญ แน่นอน แต่เรื่องนี้เป็น ชั้น 9 แปลกแยกดีค่ะ ประมาณว่า ไม่จำเป็นต้อง 13 แค่ 9 ก็หลอนแล้วอะไรประมาณนี้ แล้วก็หลอนจริงๆค่ะ ลบคำว่าเลข 13 ไปได้หมดสิ้นเลย อ่านแล้วแบบเอิ่ม เอิ่ม น่ากลัวจริงไรจริง น่ากลัวสมราคาค่าหนังสือจริงๆ แค่หน้าปกก็หลอนแล้วค่ะ ตอนแรกที่ไปซื้อหนังสือโดนห่อพลาสติกไว้ แต่หน้าปกชวนหลอน ชวนอ่านซะเหลือเกิน เลยจัดมาซะ 1 เล่ม แล้วก็หลอนตามที่คิดไว้จริงๆค่ะ ตอนนี้ก็เก็บเข้ากล่องไปแล้วเรียบร้อย ไม่กล้าวางไว้ตามที่ธรรมดาค่ะ ไม่อยากเห็นปกแล้วจะนึกถึงเนื้อเรื่อง พาลให้เปิดไฟนอนอีก แต่ส่วนมากนิยายของ ภาคินัย ถ้าใครติดตามบ่อยๆเนี่ย พี่แกเค้าจะมีจุดพีคจุดหักมุมเกือบทุกเรื่องเลยนะ แล้วหักมุมได้แบบดีจริงๆ พออ่านแล้วแบบ อ้าว! ทำไมแบบนี้นะ 55 แต่สนุกค่ะ ชื่นชมในการเขียนหักมุมของพี่เค้าจริงๆ อันนี้ผู้อ่านต้องหาอ่านเองนะ เราไม่กล้าบอกจุดพีคของเรื่องเดี๋ยวจะไม่สนุก (ยิ้ม)

ใครที่ชอบอ่านเรื่องสยองขวัญ แนวสั่นประสาท หลอน น่ากลัว ต้องขอบอกเลย Apartment ชั้น 9 ห้องเช่าเขย่าขวัญ นี่แบบไม่เหมาะสำหรับคนที่อยู่ห้องเช่าคนเดียวเลยจริงๆ เจ้าของรีวิวเพิ่งอ่านจบไปเมื่อวานนี้เองค่ะ ถ้าไม่ได้อยู่บ้านตัวเองคงหลอนจริงๆไปแล้ว นิยายเรื่อง Apartment ชั้น 9 ห้องเช่าเขย่าขวัญ ทุกตอนที่อ่านลุ้นหมดเลยค่ะ น่าอ่านน่าติดตามทุกตอนจริงๆ อันนี้ไม่ขอเล่าในส่วนของเนื้อเรื่องนะค่ะ ขอรีวิวกับสปอยดีกว่า เนื้อเรื่องนี้ผู้อ่านต้องอ่านเองค่ะ ใครที่ชอบหนังสือเขย่าขวัญแนวนี้ลองหามาอ่านกันซักตอนสองตอนค่ะแล้วจะวางไม่ลงกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบหลอนชอบจินตนาการถ้าได้อ่านเรื่องนี้รับรองว่า จินตนาการจะพลุ่งพล่านไปอีกไกลเลยค่ะ เจ้าของรีวิวนี่ถึงกับเปิดไฟนอนหลังอ่านจบเลยค่ะ ไม่ไหวจริงๆ ตอนอาบน้ำนี่จะต้องรีบล้างหน้าให้ลืมตาให้ไวที่สุด มันหลอนอยู่ในหัวจริงๆ ผู้เขียนเก่งมากค่ะ บรรยายในส่วนของบรรยากาศ การฆ่า การตาย วิญญาณ เรื่องหลอนๆนี่ เค้าบรรยายผ่านตัวหนังสือได้ดีจริงๆ อันนี้ต้องขอชื่นชมจริงๆ กับ นิยายของคุณ ภาคินัย แต่ในเรื่องนี้เป็นในส่วนของรวมนักเขียนค่ะ รวมไม่รวมเราไม่รู้นะ ซื้อมาเสพความกลัว ซื้อมาเสพความหลอน ใครเขียนก็ไม่สำคัญ (ยิ้ม) เรื่องนี้ ไม่ค่อยจะมีจุดให้สปอยค่ะ เรื่องแต่งส่วนมากจะออกมาจากจินตนาการล้วนๆ แต่ชอบในส่วนของชื่อเรื่องค่ะ ส่วนมากถ้าให้เดาเรื่องผีๆ จะต้องเป็น Apartment ชั้น 13 ห้องเช่าเขย่าขวัญ แน่นอน แต่เรื่องนี้เป็น ชั้น 9 แปลกแยกดีค่ะ ประมาณว่า ไม่จำเป็นต้อง 13 แค่ 9 ก็หลอนแล้วอะไรประมาณนี้ แล้วก็หลอนจริงๆค่ะ ลบคำว่าเลข 13 ไปได้หมดสิ้นเลย อ่านแล้วแบบเอิ่ม เอิ่ม น่ากลัวจริงไรจริง น่ากลัวสมราคาค่าหนังสือจริงๆ แค่หน้าปกก็หลอนแล้วค่ะ ตอนแรกที่ไปซื้อหนังสือโดนห่อพลาสติกไว้ แต่หน้าปกชวนหลอน ชวนอ่านซะเหลือเกิน เลยจัดมาซะ 1 เล่ม แล้วก็หลอนตามที่คิดไว้จริงๆค่ะ ตอนนี้ก็เก็บเข้ากล่องไปแล้วเรียบร้อย ไม่กล้าวางไว้ตามที่ธรรมดาค่ะ ไม่อยากเห็นปกแล้วจะนึกถึงเนื้อเรื่อง พาลให้เปิดไฟนอนอีก แต่ส่วนมากนิยายของ ภาคินัย ถ้าใครติดตามบ่อยๆเนี่ย พี่แกเค้าจะมีจุดพีคจุดหักมุมเกือบทุกเรื่องเลยนะ แล้วหักมุมได้แบบดีจริงๆ พออ่านแล้วแบบ อ้าว! ทำไมแบบนี้นะ 55 แต่สนุกค่ะ ชื่นชมในการเขียนหักมุมของพี่เค้าจริงๆ อันนี้ผู้อ่านต้องหาอ่านเองนะ เราไม่กล้าบอกจุดพีคของเรื่องเดี๋ยวจะไม่สนุก (ยิ้ม)

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้ก็มีอีก 1 รีวิว มาให้เพื่อนๆอ่านแล้วลองหยิบจับหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดูนะค่ะ หนังสือ ประสบการณ์ชีวิต Work & Travel WOW ก็เป็นอีกเรื่องค่ะที่เจ้าของรีวิวขอหยิบขึ้นมาแชร์ประสบการณ์นิดนึง สมัยตอนที่ไป Work & Travel ที่ประเทศออสเตรเลีย สมัยมหาลัยค่ะ อันนี้ไปพร้อมมหาลัยที่ไทยนะค่ะ ไปทั้งหมด 6 เดือน เวิคร์หรือทำงาน 5 เดือน อีก 1 เดือนคือเที่ยวค่ะ แต่จริงๆแล้วบางคนไปก็ ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วยเก็บเงินไปด้วย และเจ้าของรีวิวไม่ได้ทำเช่นนั้นค่ะ ทำงานอย่างเดียวเลยเพราะว่า ชาวต่างชาติเค้าเป็นพวกที่ตรงต่อเวลามาก ถ้าใครที่เคยไปทำ Work & Travel จะรู้ดีเลย อย่างเช่นว่าเราไปสาย เค้าถามว่าทำไมถึงมาสาย ถ้าตอบว่ารถติดหรือรถช้านี่หมดสิทธิจะแก้ตัวเลยนะค่ะ ถ้าบอกไปแบบนั้นเค้าตอกกลับทันทีเลยค่ะ ว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ความผิดของรถแต่เป็นความผิดของเราเองที่ไม่ยอมออกก่อนเวลา เจ้าของรีวิวซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านหลังจากที่ไป Work & Travel เรียบร้อยและกลับมาถึงไทยแล้ว ซึ่งแบบน่าเสียดายมาก คิดเลยว่าทำไมไม่เจอหนังสือเล่มนี้ก่อนที่จะไปออสเตรเลีย ซึ่งแบบว่ามีบอกทุกอย่างครบจริงๆค่ะ อย่างเช่น อย่างหนึ่งที่พลาดไปนะค่ะ ตอนไปเนี่ยไปหาเช่าบ้านอยู่เองแบบว่า 10 วันต้องจ่ายค่าบ้านทีค่ะ เค้าไม่ได้แบบว่า เก็บเป็นรายเดือนเหมือนบ้านเรานะ ส่วนเงินที่เราไปทำงานก็ออกทุกๆ 10 วันเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วเราไม่ต้องไปหาบ้านอยู่เองก็ได้ เราก็ไปหาโฮสต์ โฮสต์นี่คือ คนที่รับเราไปอยู่ด้วย แบบประมาณว่าเค้าจะโควกับบริษัทหาบ้านพวกนักเรียนต่างชาติกำหนดเวลาไปอยู่แล้วทำสัญญาค่ะ ส่วนในเรื่องของภาษาในหนังสือเค้าก็จะมีบอกเหมือนกันว่าควรใช้ยังไงและปฏิบัติตัวยังไง พูดยังไง มันได้ภาษาจริงๆนะค่ะ แบบว่ากลับมาแล้วคล่องเลย ตอนไปนี่พูดอังกฤษออสเตรเลีย 90 % ค่ะ 10 % นั้นพูดไทยกับเพื่อนเด็กไทยที่ไปด้วยกัน ในหนังสือเค้าก็จะบอกตั้งแต่การเดินทางไปถึงการทำงาน ควรทำอะไร หางานอะไร และควรไปกับใคร ควรไว้ใจใคร อย่าหวังผลกำไรในการทำงานด้วย ขนาดเจ้าของรีวิวไปเอง ตอนกลับมาก็มีเงินกลับมาแค่ 2 หมื่นบาทเองค่ะ จากการทำงาน ขนาดแบบเก็บสุดๆแล้ว เพราะว่าเราไปแค่ฝึกงานค่ะ เราไม่ใช่คนของเค้า และก็ไม่ใช่คนที่นั่นด้วย อย่าไปเพื่อหวังกำไรเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ไปเก็บประสบการณ์อย่างเดียว ในส่วนของเพื่อนๆที่กำลังจะไป Work & Travel เนี่ย ก็หาหนังสืออ่านซักเล่มก่อนไปนะค่ะ เพราะไปต่างบ้านต่างเมืองมันลำบากจริงๆ เจ้าของรีวิวยังเคยโดนขึ้นศาลเลยค่ะ ข้อหาอะไรขออุบไว้นะ ไม่ค่อยดี แต่ไม่ถูกส่งตัวกลับค่ะ ถือว่าโชคดีสุดๆแล้ว

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้ก็มีอีก 1 รีวิว มาให้เพื่อนๆอ่านแล้วลองหยิบจับหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดูนะค่ะ หนังสือ ประสบการณ์ชีวิต Work & Travel WOW ก็เป็นอีกเรื่องค่ะที่เจ้าของรีวิวขอหยิบขึ้นมาแชร์ประสบการณ์นิดนึง สมัยตอนที่ไป Work & Travel ที่ประเทศออสเตรเลีย สมัยมหาลัยค่ะ อันนี้ไปพร้อมมหาลัยที่ไทยนะค่ะ ไปทั้งหมด 6 เดือน เวิคร์หรือทำงาน 5 เดือน อีก 1 เดือนคือเที่ยวค่ะ แต่จริงๆแล้วบางคนไปก็ ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วยเก็บเงินไปด้วย และเจ้าของรีวิวไม่ได้ทำเช่นนั้นค่ะ ทำงานอย่างเดียวเลยเพราะว่า ชาวต่างชาติเค้าเป็นพวกที่ตรงต่อเวลามาก ถ้าใครที่เคยไปทำ Work & Travel จะรู้ดีเลย อย่างเช่นว่าเราไปสาย เค้าถามว่าทำไมถึงมาสาย ถ้าตอบว่ารถติดหรือรถช้านี่หมดสิทธิจะแก้ตัวเลยนะค่ะ ถ้าบอกไปแบบนั้นเค้าตอกกลับทันทีเลยค่ะ ว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ความผิดของรถแต่เป็นความผิดของเราเองที่ไม่ยอมออกก่อนเวลา เจ้าของรีวิวซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านหลังจากที่ไป Work & Travel เรียบร้อยและกลับมาถึงไทยแล้ว ซึ่งแบบน่าเสียดายมาก คิดเลยว่าทำไมไม่เจอหนังสือเล่มนี้ก่อนที่จะไปออสเตรเลีย ซึ่งแบบว่ามีบอกทุกอย่างครบจริงๆค่ะ อย่างเช่น อย่างหนึ่งที่พลาดไปนะค่ะ ตอนไปเนี่ยไปหาเช่าบ้านอยู่เองแบบว่า 10 วันต้องจ่ายค่าบ้านทีค่ะ เค้าไม่ได้แบบว่า เก็บเป็นรายเดือนเหมือนบ้านเรานะ ส่วนเงินที่เราไปทำงานก็ออกทุกๆ 10 วันเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วเราไม่ต้องไปหาบ้านอยู่เองก็ได้ เราก็ไปหาโฮสต์ โฮสต์นี่คือ คนที่รับเราไปอยู่ด้วย แบบประมาณว่าเค้าจะโควกับบริษัทหาบ้านพวกนักเรียนต่างชาติกำหนดเวลาไปอยู่แล้วทำสัญญาค่ะ ส่วนในเรื่องของภาษาในหนังสือเค้าก็จะมีบอกเหมือนกันว่าควรใช้ยังไงและปฏิบัติตัวยังไง พูดยังไง มันได้ภาษาจริงๆนะค่ะ แบบว่ากลับมาแล้วคล่องเลย ตอนไปนี่พูดอังกฤษออสเตรเลีย 90 % ค่ะ 10 % นั้นพูดไทยกับเพื่อนเด็กไทยที่ไปด้วยกัน ในหนังสือเค้าก็จะบอกตั้งแต่การเดินทางไปถึงการทำงาน ควรทำอะไร หางานอะไร และควรไปกับใคร ควรไว้ใจใคร อย่าหวังผลกำไรในการทำงานด้วย ขนาดเจ้าของรีวิวไปเอง ตอนกลับมาก็มีเงินกลับมาแค่ 2 หมื่นบาทเองค่ะ จากการทำงาน ขนาดแบบเก็บสุดๆแล้ว เพราะว่าเราไปแค่ฝึกงานค่ะ เราไม่ใช่คนของเค้า และก็ไม่ใช่คนที่นั่นด้วย อย่าไปเพื่อหวังกำไรเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ไปเก็บประสบการณ์อย่างเดียว ในส่วนของเพื่อนๆที่กำลังจะไป Work & Travel เนี่ย ก็หาหนังสืออ่านซักเล่มก่อนไปนะค่ะ เพราะไปต่างบ้านต่างเมืองมันลำบากจริงๆ เจ้าของรีวิวยังเคยโดนขึ้นศาลเลยค่ะ ข้อหาอะไรขออุบไว้นะ ไม่ค่อยดี แต่ไม่ถูกส่งตัวกลับค่ะ ถือว่าโชคดีสุดๆแล้ว

ถ้าพูดถึงนิยายรักกุ๊กกิ๊กวัยรุ่น ก็คงมีหลายสำนักพิมพ์ค่ะ แต่ถ้าที่จะเป็นสาวกของเจ้าของรีวิวก็เห็นจะเป็นของสำนักพิมพ์ชูการ์เรนนี่แหละค่ะ เป็นที่ประทับใจมากที่สุด ตามอ่านจากทุกเรื่องเพราะว่าชอบหน้าปกค่ะ แล้วก็เนื้อหาข้างใน 179-192 หน้า ก็กำลังดีค่ะ ไม่ยืดเยื้อมากเกินไป วันนี้ก็ขอมารีวิวเจ้าเล่มนี้ค่ะ FOR MONEY คิดบัญชีร้ายนายมาเฟียสุดเท่ เป็นของ คุณหนูจีนี่ เป็นคนเขียนค่ะ เอาจริงๆก็ขอสปอยหน่อยนึงนะค่ะ อ่านแล้วยังงงๆค่ะ แต่ก็สนุกดีนะ ไอ้ที่บอกงงๆเนี่ยก็คือว่า บทมีน้อยมาก นางเอกก็ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ พออ่านจบแล้วก็แบบ อ่อ เออกำลังอ่านไรอยู่ ขึ้นเรื่องง่าย แต่ก็จบง่ายเกินไป พออ่านถึงหน้าสุดท้ายก็อ้าวรักกันแล้วหรอ จบแล้วหรออะไรทำนองเนี่ย อยากให้เด็ดๆมันส์ๆมากกว่านี้ ง่าส์ขอโทษคุณหนูจีนี่ด้วยนะ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของรีวิวเอง แต่ก็ขอยอมรับว่าอ่าน FOR MONEY คิดบัญชีร้ายนายมาเฟียสุดเท่ เล่มนี้จบเล่มนะค่ะ ไม่ได้วางทิ้งไว้แต่อย่างใด เห็นหน้าปกมันดูเท่ห์ค่ะ พอเห็นรูปพระเอกหน้าปกก็ซื้อเลย อันนี้เป็นขอดีของสำนักพิมพ์ชูการ์เรนค่ะ หน้าปกชวนหยิบให้อ่านแทบจะทุกเรื่อง แต่ส่วนมากเจ้าของรีวิวก็ขอบอกเลยว่า 99.99% สนุกทุกเรื่องค่ะ ขอคอนเฟริม น้อยครั้งมากค่ะที่ซื้อไปอ่านแล้วจะบ่นว่าไม่สนุก ถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่ผ่านกอง บก. จนได้ตีพิมพ์หรอกจริงไหมค่ะ? แต่เราก็ยังซื้ออ่านหนังสือต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เสพมันไปเรื่อยๆค่ะ เพราะที่มารีวิวก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ เพื่อนๆคนไหนที่ติดตาม คุณหนูจีนี่อยู่ ก็ติดตามต่อไปนะค่ะ เรื่องอื่นๆก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ เรื่องนี้ก็สนุกนะ แต่ก็เป็นแค่รีวิวของคนที่คิดต่างคนหนึ่ง อ่านแล้วก็อย่าคิดมากค่ะ ซื้อไปเสพนิยาย ซื้อไปอ่าน แค่นี้ก็ได้ความสุขขอให้คิดแค่นั้นพอนะ อย่ายึดติดรีวิวค่ะ ต้องลองด้วยตัวเองดีที่สุด ในส่วนของการวางโครงเรื่องก็ถือว่าดีค่ะ แต่ยังไม่สุด และก็ไม่ได้รู้สึกแย่จนไม่อยากอ่านต่อ ส่วนใครที่ชอบอ่านแนวมาเฟียเท่ห์ๆ ยากูซ่าตัวร้าย ก็ลองซื้อไปอ่านค่ะ แต่ในหนังสือจะเป็นมาเฟียแบบ ยังเป็นมาเฟียไม่สุด เพราะคำว่ามาเฟียมันจะต้องโหดเถื่อนบ้า ป่าดิบ อันนี้ก็จะออกแบบมาเฟียตัวน้อยๆไปหน่อย ไม่ค่อนตรงตามคอนเซปที่เจ้าของรีวิวอ่านด้วยมั้งค่ะ เลยรู้สึกไม่ค่อยอินเท่าไหร่อยากได้มาเฟียที่ดิบมากกว่านี้ (ยิ้ม)

ถ้าพูดถึงนิยายรักกุ๊กกิ๊กวัยรุ่น ก็คงมีหลายสำนักพิมพ์ค่ะ แต่ถ้าที่จะเป็นสาวกของเจ้าของรีวิวก็เห็นจะเป็นของสำนักพิมพ์ชูการ์เรนนี่แหละค่ะ เป็นที่ประทับใจมากที่สุด ตามอ่านจากทุกเรื่องเพราะว่าชอบหน้าปกค่ะ แล้วก็เนื้อหาข้างใน 179-192 หน้า ก็กำลังดีค่ะ ไม่ยืดเยื้อมากเกินไป วันนี้ก็ขอมารีวิวเจ้าเล่มนี้ค่ะ FOR MONEY คิดบัญชีร้ายนายมาเฟียสุดเท่ เป็นของ คุณหนูจีนี่ เป็นคนเขียนค่ะ เอาจริงๆก็ขอสปอยหน่อยนึงนะค่ะ อ่านแล้วยังงงๆค่ะ แต่ก็สนุกดีนะ ไอ้ที่บอกงงๆเนี่ยก็คือว่า บทมีน้อยมาก นางเอกก็ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ พออ่านจบแล้วก็แบบ อ่อ เออกำลังอ่านไรอยู่ ขึ้นเรื่องง่าย แต่ก็จบง่ายเกินไป พออ่านถึงหน้าสุดท้ายก็อ้าวรักกันแล้วหรอ จบแล้วหรออะไรทำนองเนี่ย อยากให้เด็ดๆมันส์ๆมากกว่านี้ ง่าส์ขอโทษคุณหนูจีนี่ด้วยนะ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของรีวิวเอง แต่ก็ขอยอมรับว่าอ่าน FOR MONEY คิดบัญชีร้ายนายมาเฟียสุดเท่ เล่มนี้จบเล่มนะค่ะ ไม่ได้วางทิ้งไว้แต่อย่างใด เห็นหน้าปกมันดูเท่ห์ค่ะ พอเห็นรูปพระเอกหน้าปกก็ซื้อเลย อันนี้เป็นขอดีของสำนักพิมพ์ชูการ์เรนค่ะ หน้าปกชวนหยิบให้อ่านแทบจะทุกเรื่อง แต่ส่วนมากเจ้าของรีวิวก็ขอบอกเลยว่า 99.99% สนุกทุกเรื่องค่ะ ขอคอนเฟริม น้อยครั้งมากค่ะที่ซื้อไปอ่านแล้วจะบ่นว่าไม่สนุก ถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่ผ่านกอง บก. จนได้ตีพิมพ์หรอกจริงไหมค่ะ? แต่เราก็ยังซื้ออ่านหนังสือต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เสพมันไปเรื่อยๆค่ะ เพราะที่มารีวิวก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ เพื่อนๆคนไหนที่ติดตาม คุณหนูจีนี่อยู่ ก็ติดตามต่อไปนะค่ะ เรื่องอื่นๆก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ เรื่องนี้ก็สนุกนะ แต่ก็เป็นแค่รีวิวของคนที่คิดต่างคนหนึ่ง อ่านแล้วก็อย่าคิดมากค่ะ ซื้อไปเสพนิยาย ซื้อไปอ่าน แค่นี้ก็ได้ความสุขขอให้คิดแค่นั้นพอนะ อย่ายึดติดรีวิวค่ะ ต้องลองด้วยตัวเองดีที่สุด ในส่วนของการวางโครงเรื่องก็ถือว่าดีค่ะ แต่ยังไม่สุด และก็ไม่ได้รู้สึกแย่จนไม่อยากอ่านต่อ ส่วนใครที่ชอบอ่านแนวมาเฟียเท่ห์ๆ ยากูซ่าตัวร้าย ก็ลองซื้อไปอ่านค่ะ แต่ในหนังสือจะเป็นมาเฟียแบบ ยังเป็นมาเฟียไม่สุด เพราะคำว่ามาเฟียมันจะต้องโหดเถื่อนบ้า ป่าดิบ อันนี้ก็จะออกแบบมาเฟียตัวน้อยๆไปหน่อย ไม่ค่อนตรงตามคอนเซปที่เจ้าของรีวิวอ่านด้วยมั้งค่ะ เลยรู้สึกไม่ค่อยอินเท่าไหร่อยากได้มาเฟียที่ดิบมากกว่านี้ (ยิ้ม)

ใครที่ชอบอ่านหนังสือที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงต้องเรื่องนี้เลย OUT LAW PLATOON หมวดเถื่อน เพื่อนตาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทหารของประเทศอเมริกาค่ะ ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอัฟกานิสถาน ไปปราบพวกก่อการร้ายค่ะ คือทุกคนจะต้องทำงานเป็นทีม ทุกครั้งที่มีงานเข้ามาไม่ใช่แค่งานค่ะ แต่นั่นมันคือภารกิจ อ่านไปก็ตื่นเต้นไปค่ะ เลยหยิบมารีวิวซักหน่อย บอกเลยต้องแต่หัวเรื่องรีวิวว่า เต็ม 10 ให้ 10 ให้ใจไปเลยค่ะ ลุ้นพอๆกับดูหนัง Black Hawk Down อีก เพราะมันคือเรื่องจริง ของหมวดเอาต์ลอว์ หัวหน้าชุดที่จะต้องนำลูกน้องไปปฏิบัติงานด้วย อยู่ทั้งภายใต้สถานการณ์กดดัน สถานการณ์บังคับ ลุ้นยิ่งกว่าดูหนัง Behind enemy lines อีก เพราะนั่นมันคือเรื่องจริง มันไม่ง่ายเลยนะค่ะ พอได้สัมพัสกับบุคคลในหนังสือแล้วรู้สึกว่าการกระทำของคนตัวเล็กๆนั้นมันยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ สำหรับเจ้าของรีวิวแล้วใช้เวลาเพียงสามวันนั้นก็อ่านจบค่ะ พออ่านจบก็นึกสงสัยว่าคนธรรมดาเก่งอะไรปานนั้น เค้าก็คนธรรมดาเหมือนเราๆนี่แหละค่ะ มีบ้านมีครอบครัว มีพ่อแม่พี่น้อง เพียงแต่ได้รับการฝึกมาอย่างดีภายใต้สถานการณ์กดดันเท่านั้นเอง แต่ถือว่าเก่งมากๆเลยค่ะ เพราะว่าทหารที่ถูกส่งไปในอัฟกันเนี่ย ไม่มีกำหนดกลับบ้านนะค่ะ นานมากค่ะ จนกว่าสงครามจะสงบ บางทีก็อยู่กันเป็นปีๆนั่นแหละ บางคนโชคดีหน่อย 6 เดือนก็ได้กลับ อ่านไปแล้วซึ้งแทนค่ะ ให้ความรู้สึกว่าคนที่ไปเหมือนไปตายอ่ะค่ะ ไม่รู้นะความคิดเห็นส่วนตัว เหมือนกับว่าต้องไปเสียสละเพื่อช่วยคนอื่นแล้วคนของตัวเองก็ต้องคอยลุ้นว่าจะกลับมาในสภาพไหน แต่ก็ขอยอมรับค่ะ ว่าถ่ายถอดความรู้สึกและคำพูดออกมาได้ดี และขอชมคนแปลหนังสือด้วยนะค่ะ ทำให้อ่านเข้าใจมากขึ้น พออ่านแล้วได้รู้อะไรอีกเยอะเลยค่ะว่าอีกซีกโลกหนึ่งยังมีสงครามอยู่ทั้งๆที่เคยคิดว่าสงครามนั้นมันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ทำให้รู้อีกนะว่าถ้าสงครามจบนั้นหมายความว่า ธุรกิจผลิตอาวุธจะเจ๊ง เอาจริงๆสงครามก็ว่าด้วยเรื่องธุรกิจล้วนๆค่ะ ส่วนเรื่องศาสนาก็เป็นส่วนน้อยนิด ขนาดทีมนี้ไม่ใช่หน่วยซีลนะค่ะยังเก่งขนาดนี้เลย แอบลุ้นค่ะว่าจะมีหนังสือเขียนตอนที่ไปบินลาเดนบ้างหรือเปล่า ชอบอ่านหนังสือที่อ้างมาจากชีวิตจริงด้วยค่ะ รู้สึกว่าได้อะไรเยอะดี ก็เพื่อนๆคนไหนที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ให้คะแนนเต็ม 10 ค่ะ เอามาแนะนำ เอามาแบ่งกันอ่านหรือซื้อเก็บไว้อ่านตอนว่างๆก็ดีนะค่ะ

ใครที่ชอบอ่านหนังสือที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงต้องเรื่องนี้เลย OUT LAW PLATOON หมวดเถื่อน เพื่อนตาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทหารของประเทศอเมริกาค่ะ ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอัฟกานิสถาน ไปปราบพวกก่อการร้ายค่ะ คือทุกคนจะต้องทำงานเป็นทีม ทุกครั้งที่มีงานเข้ามาไม่ใช่แค่งานค่ะ แต่นั่นมันคือภารกิจ อ่านไปก็ตื่นเต้นไปค่ะ เลยหยิบมารีวิวซักหน่อย บอกเลยต้องแต่หัวเรื่องรีวิวว่า เต็ม 10 ให้ 10 ให้ใจไปเลยค่ะ ลุ้นพอๆกับดูหนัง Black Hawk Down อีก เพราะมันคือเรื่องจริง ของหมวดเอาต์ลอว์ หัวหน้าชุดที่จะต้องนำลูกน้องไปปฏิบัติงานด้วย อยู่ทั้งภายใต้สถานการณ์กดดัน สถานการณ์บังคับ ลุ้นยิ่งกว่าดูหนัง Behind enemy lines อีก เพราะนั่นมันคือเรื่องจริง มันไม่ง่ายเลยนะค่ะ พอได้สัมพัสกับบุคคลในหนังสือแล้วรู้สึกว่าการกระทำของคนตัวเล็กๆนั้นมันยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ สำหรับเจ้าของรีวิวแล้วใช้เวลาเพียงสามวันนั้นก็อ่านจบค่ะ พออ่านจบก็นึกสงสัยว่าคนธรรมดาเก่งอะไรปานนั้น เค้าก็คนธรรมดาเหมือนเราๆนี่แหละค่ะ มีบ้านมีครอบครัว มีพ่อแม่พี่น้อง เพียงแต่ได้รับการฝึกมาอย่างดีภายใต้สถานการณ์กดดันเท่านั้นเอง แต่ถือว่าเก่งมากๆเลยค่ะ เพราะว่าทหารที่ถูกส่งไปในอัฟกันเนี่ย ไม่มีกำหนดกลับบ้านนะค่ะ นานมากค่ะ จนกว่าสงครามจะสงบ บางทีก็อยู่กันเป็นปีๆนั่นแหละ บางคนโชคดีหน่อย 6 เดือนก็ได้กลับ อ่านไปแล้วซึ้งแทนค่ะ ให้ความรู้สึกว่าคนที่ไปเหมือนไปตายอ่ะค่ะ ไม่รู้นะความคิดเห็นส่วนตัว เหมือนกับว่าต้องไปเสียสละเพื่อช่วยคนอื่นแล้วคนของตัวเองก็ต้องคอยลุ้นว่าจะกลับมาในสภาพไหน แต่ก็ขอยอมรับค่ะ ว่าถ่ายถอดความรู้สึกและคำพูดออกมาได้ดี และขอชมคนแปลหนังสือด้วยนะค่ะ ทำให้อ่านเข้าใจมากขึ้น พออ่านแล้วได้รู้อะไรอีกเยอะเลยค่ะว่าอีกซีกโลกหนึ่งยังมีสงครามอยู่ทั้งๆที่เคยคิดว่าสงครามนั้นมันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ทำให้รู้อีกนะว่าถ้าสงครามจบนั้นหมายความว่า ธุรกิจผลิตอาวุธจะเจ๊ง เอาจริงๆสงครามก็ว่าด้วยเรื่องธุรกิจล้วนๆค่ะ ส่วนเรื่องศาสนาก็เป็นส่วนน้อยนิด ขนาดทีมนี้ไม่ใช่หน่วยซีลนะค่ะยังเก่งขนาดนี้เลย แอบลุ้นค่ะว่าจะมีหนังสือเขียนตอนที่ไปบินลาเดนบ้างหรือเปล่า ชอบอ่านหนังสือที่อ้างมาจากชีวิตจริงด้วยค่ะ รู้สึกว่าได้อะไรเยอะดี ก็เพื่อนๆคนไหนที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ให้คะแนนเต็ม 10 ค่ะ เอามาแนะนำ เอามาแบ่งกันอ่านหรือซื้อเก็บไว้อ่านตอนว่างๆก็ดีนะค่ะ

Notebook Windows 8.1 สำหรับผู้เริ่มต้น เป็นหนังสือคู่มือการใช้งานของวินโดว 8.1 ค่ะ รวมไปถึงการใช้งานอัลตร้าบุ๊คด้วย ความล้ำในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น Windows 8.1 และ อัลตร้าบุ๊คเครื่องบางนี่แหละค่ะ เพราะว่าตอนนี้ Windows XP ก็เป็นที่ตกกระป๋องไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า Windows 7 ก็คงจะตามกันไปติดๆค่ะ ส่วนที่จะมารีวิวในหนังสือเล่มนี้เนี่ยมีเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ไม่มีสปอยนะค่ะสำหรับหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือคู่มือการใช้งาน และการใช้งานเบื้องต้น เพราะว่า Windows 8 และ 8.1 ถ้าใครที่เคยใช้ XP และ W7 พอกระโดดมาใช้ Windows 8.1 รับรองได้เลย งงตาแตกกันเป็นแถวแน่ค่ะ เจ้าของรีวิวก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ หลังจากที่ใช้ W7 มานาน ก็เลยตัดสินใจไปลง Windows 8.1 มาซะหน่อย เห็นของใหม่มาก็อดใจไม่ได้ สุดท้ายพอลงโปรแกรมเสร็จ (โปรแกรมของแท้นะค่ะ) เปิดมาตาแตกเลยจ้า ท้ายสุดก็หนีไม่พ้นต้องไปหาหนังสือคู่มือมา ก็ได้เจ้าหนังสือ Notebook Windows 8.1 สำหรับผู้เริ่มต้น นี่แหละค่ะ ช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะว่า Wordsก็เป็น 2013 ไปซะแล้ว ตอนนี้ก็ลบภาพ W7 ไปจนเกลี้ยงแล้วค่ะ หนังเล่มนี้ดีค่ะ มีประโยชน์สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้ Windows 8.1 ต้องขอบอกเลยว่างงจริงๆสำหรับ วินโดว์ตัวใหม่นี้ แต่เพราะว่าเจ้าของรีวิวใช้มือถือเป็น Window Phone 8.1 ด้วยล่ะมั้งค่ะ เลยทำให้เข้าใจง่ายขึ้นในส่วนของอัลตร้าบุ๊คเนี่ย เจ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องบาง ในหนังสือก็จะบอกข้อดีของมันค่ะ ในรุ่นของ Gen4 CPU รุ่นล่าสุด ในหนังสือก็จะบอกว่าอัลตร้าบุ๊คดียังไง อย่างเช่น ประมวลผลได้เร็วกว่าไวกว่า แต่ว่ากินไปน้อยกว่า ใช้งานได้นานขึ้นเป็นต้น ในการใช้งานเชื่อมต่อในหนังสือนี้ก็มีบอกนะค่ะ ว่าเวลาเราจะใส่อุปกรณ์เสริมเนี่ยต้องทำอะไรบ้าง การเชื่อมต่อใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งการโหลดแอฟค่ะ เราสามารถโหลดแอฟยอดฮิตที่อยู่บนสมาทร์โฟนมาไว้ที่คอมพ์พิวเตอร์ได้เลย นี่คือจุดแข็งของ Windows 8.1 นี้ หนังสือเล่มนี้จะบอกการใช้งานหมดเลยค่ะ เราก็จะมีสโตร์ติดตั้งอยู่ในเครื่อง เพื่อนๆคนไหนที่เล่น Viber whattapps ก็มีให้โหลดลงเครื่องค่ะ ถ้าเป็นวินดดว์อื่นก็จะไม่มี ก็ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน Notebook Windows 8.1 นี้ หนังสือเล่มนี้เค้าบอกถึงการเปิดปิดโปรแกรม กลับหน้าซ้ายขวา หรือการลากโปรแกรมทิ้งเพื่อออกจากโปรแกรมค่ะ ทริกเล็กๆน้อยแล้วก็ประหยัดเวลา ไม่งงด้วยค่ะ อ่านแป๊ปเดียวก็เข้าใจดีกว่ามานั่งงมทำเอง ใครที่ยังงงๆกับระบบวินโดว์โฟน ก็คงต้องพึ่งหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ดีที่สุดสะดวกเข้าใจง่ายประหยัดเวลาเรียนรู้ไว

Notebook Windows 8.1 สำหรับผู้เริ่มต้น เป็นหนังสือคู่มือการใช้งานของวินโดว 8.1 ค่ะ รวมไปถึงการใช้งานอัลตร้าบุ๊คด้วย ความล้ำในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น Windows 8.1 และ อัลตร้าบุ๊คเครื่องบางนี่แหละค่ะ เพราะว่าตอนนี้ Windows XP ก็เป็นที่ตกกระป๋องไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า Windows 7 ก็คงจะตามกันไปติดๆค่ะ ส่วนที่จะมารีวิวในหนังสือเล่มนี้เนี่ยมีเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ไม่มีสปอยนะค่ะสำหรับหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือคู่มือการใช้งาน และการใช้งานเบื้องต้น เพราะว่า Windows 8 และ 8.1 ถ้าใครที่เคยใช้ XP และ W7 พอกระโดดมาใช้ Windows 8.1 รับรองได้เลย งงตาแตกกันเป็นแถวแน่ค่ะ เจ้าของรีวิวก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ หลังจากที่ใช้ W7 มานาน ก็เลยตัดสินใจไปลง Windows 8.1 มาซะหน่อย เห็นของใหม่มาก็อดใจไม่ได้ สุดท้ายพอลงโปรแกรมเสร็จ (โปรแกรมของแท้นะค่ะ) เปิดมาตาแตกเลยจ้า ท้ายสุดก็หนีไม่พ้นต้องไปหาหนังสือคู่มือมา ก็ได้เจ้าหนังสือ Notebook Windows 8.1 สำหรับผู้เริ่มต้น นี่แหละค่ะ ช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะว่า Wordsก็เป็น 2013 ไปซะแล้ว ตอนนี้ก็ลบภาพ W7 ไปจนเกลี้ยงแล้วค่ะ หนังเล่มนี้ดีค่ะ มีประโยชน์สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้ Windows 8.1 ต้องขอบอกเลยว่างงจริงๆสำหรับ วินโดว์ตัวใหม่นี้ แต่เพราะว่าเจ้าของรีวิวใช้มือถือเป็น Window Phone 8.1 ด้วยล่ะมั้งค่ะ เลยทำให้เข้าใจง่ายขึ้นในส่วนของอัลตร้าบุ๊คเนี่ย เจ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องบาง ในหนังสือก็จะบอกข้อดีของมันค่ะ ในรุ่นของ Gen4 CPU รุ่นล่าสุด ในหนังสือก็จะบอกว่าอัลตร้าบุ๊คดียังไง อย่างเช่น ประมวลผลได้เร็วกว่าไวกว่า แต่ว่ากินไปน้อยกว่า ใช้งานได้นานขึ้นเป็นต้น ในการใช้งานเชื่อมต่อในหนังสือนี้ก็มีบอกนะค่ะ ว่าเวลาเราจะใส่อุปกรณ์เสริมเนี่ยต้องทำอะไรบ้าง การเชื่อมต่อใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งการโหลดแอฟค่ะ เราสามารถโหลดแอฟยอดฮิตที่อยู่บนสมาทร์โฟนมาไว้ที่คอมพ์พิวเตอร์ได้เลย นี่คือจุดแข็งของ Windows 8.1 นี้ หนังสือเล่มนี้จะบอกการใช้งานหมดเลยค่ะ เราก็จะมีสโตร์ติดตั้งอยู่ในเครื่อง เพื่อนๆคนไหนที่เล่น Viber whattapps ก็มีให้โหลดลงเครื่องค่ะ ถ้าเป็นวินดดว์อื่นก็จะไม่มี ก็ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน Notebook Windows 8.1 นี้ หนังสือเล่มนี้เค้าบอกถึงการเปิดปิดโปรแกรม กลับหน้าซ้ายขวา หรือการลากโปรแกรมทิ้งเพื่อออกจากโปรแกรมค่ะ ทริกเล็กๆน้อยแล้วก็ประหยัดเวลา ไม่งงด้วยค่ะ อ่านแป๊ปเดียวก็เข้าใจดีกว่ามานั่งงมทำเอง ใครที่ยังงงๆกับระบบวินโดว์โฟน ก็คงต้องพึ่งหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ดีที่สุดสะดวกเข้าใจง่ายประหยัดเวลาเรียนรู้ไว

สวัสดีเพื่อนทุกคนค่ะ เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมาลินดามีแพลนกับเพื่อนๆจะไปเที่ยวจังหวัด กาญจนบุรีกัน 5 วันค่ะ ก็เลยหาหนังสือเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรีมา ตึ๊ง!!! ก็ได้เป็นหนังสือเล่มนี้ในที่สุด และก็รีบดูให้จบอ่านให้จบ เที่ยวให้จบ และก็รีบมารีวิวในทันทีเลย เผื่อจะมีเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะไปจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นมาบ้าง ครั้งนี้ก็ตื่นเต้นค่ะเช่นเคยค่ะ ไปตามที่หนังสือบอกมาแต่ด้วยระยะทางและเวลาทำให้เที่ยวได้ไม่ครบค่ะ ไม่ได้ไปในทุกๆที่อันนี้ขอสารภาพตามตรงเลยค่ะ อายุเยอะแล้ว ไฟเลยไม่แรงเท่าตอนสาวๆเท่าไหร่นัก ก็คือจะรีวิวให้เพื่อนๆที่กำลังจะไปกาญจนบุรีนะค่ะ หรือ เพื่อนๆที่หาหนังสือซักเล่มที่จะไปเที่ยวภายในประเทศ ถึงจะประเทศของเรา แต่ถ้าต่างเมืองก็แอบหวั่นๆอยู่เหมือนกันนะค่ะ ในเมื่อถามใครไม่ได้ ก็พึ่งตัวเองจะดีกว่าโดยการเปิดหนังสือมันนี่แหละ สบายใจด้วย ก็อย่างแรกที่จะรีวิวเลยไปเมืองกาญจะไม่ไปเที่ยวที่แพรเมืองกาญได้อย่างไร นั่นคือที่แรกในหนังสือค่ะที่เจ้าของรีวิวไป ก็สวยสมคำล่ำลืมตามที่ในหนังสือสปอยมา ถือว่าเป็นที่น่าประทับใจของคนที่ไม่ชอบเที่ยวป่าเขาซักเท่าไหร่อย่างเจ้าของรีวิวนี่แหละค่ะ ที่ได้ไปอีกก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควยอดฮิตค่ะ ไปแล้วทั้งทีก็ต้องไปขอสัมผัสบรรยากาศสงครามโลกซักหน่อย พร้อมกับถ่ายรูปคู่อัพลงอินสตาแกรมเก๋ๆ แต่ขอสปอยหน่อยนะค่ะ ก็ไปตามหนังสือนี่แหละค่ะ แต่พอไปถึงก็ไม่ต่างจากสะพานธรรมดาตรงไหน พอไปเห็นก็ได้ Feel แบบว่าเออเหมือนในหนังสือเลย ดูเอาตามหนังสือก็ได้ไม่เห็นจะต้องลำบากมา (ยิ้ม) แต่ส่วนในเรื่องของล่องแพรที่กล่าวไปข้างต้นนั้นก็ขอบอกว่าเด็ดจริงๆนะค่ะ ทั้งกินทั้งร้องรำทำเพลงสนุกมากค่ะ เพราะว่าอยู่บนแพรก็ใช้เวลาตั้งสามวันสองคืนแล้วค่ะ วันที่สี่ก็เลยได้ไปสะพานแทน วันที่ 5 ก็เดินทางกลับบ้าน แต่ว่าเนื้อหาในหนังสือมีเยอะกว่านี้นะค่ะสำหรับเพื่อนๆที่อยากจะไปเที่ยวชมบรรยากาศของธรรมชาติป่า แต่ที่เจ้าของรีวิวมาบอกเนี่ยเพราะเวลาในการเดินทางและเวลาในการท่องเที่ยวนั้นมีจำกัดมากค่ะ เลยเที่ยวได้แค่สองที่เท่านั้นเอง ถ้าเพื่อนๆคนไหนที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปงั้นลินดาของแนะนำว่าไปเที่ยวที่อื่นๆให้ครบก่อนนะค่ะแล้วที่สุดท้ายที่จะพักผ่อนก็คือการล่องแพรค่ะ อันนี้เป็นเคล็ดลับสำหรับเพื่อนๆที่อยากไปแต่ว่ามีเวลาจำกัดค่ะ ไปบีบสถานที่เที่ยวอื่นๆก่อนแล้วค่อยลงแพรค่ะจะเวิคร์กว่า

สวัสดีเพื่อนทุกคนค่ะ เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมาลินดามีแพลนกับเพื่อนๆจะไปเที่ยวจังหวัด กาญจนบุรีกัน 5 วันค่ะ ก็เลยหาหนังสือเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรีมา ตึ๊ง!!! ก็ได้เป็นหนังสือเล่มนี้ในที่สุด และก็รีบดูให้จบอ่านให้จบ เที่ยวให้จบ และก็รีบมารีวิวในทันทีเลย เผื่อจะมีเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะไปจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นมาบ้าง ครั้งนี้ก็ตื่นเต้นค่ะเช่นเคยค่ะ ไปตามที่หนังสือบอกมาแต่ด้วยระยะทางและเวลาทำให้เที่ยวได้ไม่ครบค่ะ ไม่ได้ไปในทุกๆที่อันนี้ขอสารภาพตามตรงเลยค่ะ อายุเยอะแล้ว ไฟเลยไม่แรงเท่าตอนสาวๆเท่าไหร่นัก ก็คือจะรีวิวให้เพื่อนๆที่กำลังจะไปกาญจนบุรีนะค่ะ หรือ เพื่อนๆที่หาหนังสือซักเล่มที่จะไปเที่ยวภายในประเทศ ถึงจะประเทศของเรา แต่ถ้าต่างเมืองก็แอบหวั่นๆอยู่เหมือนกันนะค่ะ ในเมื่อถามใครไม่ได้ ก็พึ่งตัวเองจะดีกว่าโดยการเปิดหนังสือมันนี่แหละ สบายใจด้วย ก็อย่างแรกที่จะรีวิวเลยไปเมืองกาญจะไม่ไปเที่ยวที่แพรเมืองกาญได้อย่างไร นั่นคือที่แรกในหนังสือค่ะที่เจ้าของรีวิวไป ก็สวยสมคำล่ำลืมตามที่ในหนังสือสปอยมา ถือว่าเป็นที่น่าประทับใจของคนที่ไม่ชอบเที่ยวป่าเขาซักเท่าไหร่อย่างเจ้าของรีวิวนี่แหละค่ะ ที่ได้ไปอีกก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควยอดฮิตค่ะ ไปแล้วทั้งทีก็ต้องไปขอสัมผัสบรรยากาศสงครามโลกซักหน่อย พร้อมกับถ่ายรูปคู่อัพลงอินสตาแกรมเก๋ๆ แต่ขอสปอยหน่อยนะค่ะ ก็ไปตามหนังสือนี่แหละค่ะ แต่พอไปถึงก็ไม่ต่างจากสะพานธรรมดาตรงไหน พอไปเห็นก็ได้ Feel แบบว่าเออเหมือนในหนังสือเลย ดูเอาตามหนังสือก็ได้ไม่เห็นจะต้องลำบากมา (ยิ้ม) แต่ส่วนในเรื่องของล่องแพรที่กล่าวไปข้างต้นนั้นก็ขอบอกว่าเด็ดจริงๆนะค่ะ ทั้งกินทั้งร้องรำทำเพลงสนุกมากค่ะ เพราะว่าอยู่บนแพรก็ใช้เวลาตั้งสามวันสองคืนแล้วค่ะ วันที่สี่ก็เลยได้ไปสะพานแทน วันที่ 5 ก็เดินทางกลับบ้าน แต่ว่าเนื้อหาในหนังสือมีเยอะกว่านี้นะค่ะสำหรับเพื่อนๆที่อยากจะไปเที่ยวชมบรรยากาศของธรรมชาติป่า แต่ที่เจ้าของรีวิวมาบอกเนี่ยเพราะเวลาในการเดินทางและเวลาในการท่องเที่ยวนั้นมีจำกัดมากค่ะ เลยเที่ยวได้แค่สองที่เท่านั้นเอง ถ้าเพื่อนๆคนไหนที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปงั้นลินดาของแนะนำว่าไปเที่ยวที่อื่นๆให้ครบก่อนนะค่ะแล้วที่สุดท้ายที่จะพักผ่อนก็คือการล่องแพรค่ะ อันนี้เป็นเคล็ดลับสำหรับเพื่อนๆที่อยากไปแต่ว่ามีเวลาจำกัดค่ะ ไปบีบสถานที่เที่ยวอื่นๆก่อนแล้วค่อยลงแพรค่ะจะเวิคร์กว่า

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดเพจ Little Monster บนหน้าเฟสบุ๊คแล้ว ใครๆที่เล่นเฟสบุ๊คแล้วเป็นคุณแม่ไฮเทค คงจะไม่พลาดที่จะกดไลค์หน้าเพจนี้นะค่ะ https://www.facebook.com/littlemonsterrocknroll และในที่สุดเพจ Little Monster ก็ได้คลอดหนังสือ คู่มืออร่อย พิชิตใจเจ้าตัวน้อยให้อยู่หมัด ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เจ้าของรีวิวยังไม่มีเจ้าตัวน้อยนะค่ะ แต่ก็ขอหยิบจับและซื้อมาอ่านซักหน่อย เพราะว่าติดตามมาตั้งแต่เป็นหน้าเพจเฟสบุ๊คแล้วค่ะทำตัวการ์ตูอิราสเตเตอร์ได้น่ารักดี ทำสื่ออกมาได้ตรงประเด็นดีค่ะ เพื่อนๆคนไหนอยากเห็นหน้าเพจก็ดูตามลิ้งค์ข้างบนเอาเลยนะค่ะส่วนในเรื่องเนื้อหาของหนังสือนั้นก็จะการประกอบอาหาร เป็นเนื้อหาสำหรับอาหารของเจ้าตัวน้อยล้วนๆเลยค่ะ ไม่ค่อยมีเนื้อหาอื่นเสริมเข้ามามากนัก ก็จะมีแต่คู่มือโภชนาการล้วนๆเลย แต่ก็เป็นแนวทางที่ดีค่ะ สำหรับคุณแม่ที่ห่วงใยในอาหารการกินของเจ้าตัวเล็ก แต่สำหรับคุณแม่บ้านๆธรรมดาๆ ก็จะไม่ค่อยสำคัญนักในส่วนนี้ เพราะว่าจริงๆแล้ว ในสมัยที่รุ่นของเรายังเด็ก ก็ไม่ค่อยมีหนังสือพวกนี้ให้หยิบจับเพื่ออ่านมากมายนัก ก็สามารถโตมาด้วยข้าวกับผักและตับซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะค่ะว่าจะโตมาได้ถึงขนาดนี้ (ยิ้ม) แต่หนังสือเล่มนี้มีอะไรที่มากกว่าตับบดในวัยเด็กของพวกเราเยอะค่ะ เนื้อหาก็จะเป็นอาหารสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป จริงๆแล้ว อยากจะให้เสริมตั้งแต่แรกเกิดด้วยซ้ำนะค่ะ เอาเป็นตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปจะถือว่าดีมากเลยค่ะ แต่ด้วยที่คงจะเป็นแค่น้ำนมแม่อย่างเดียวล่ะมั้งค่ะ เลยทำเมนูอาหารตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปมากกว่า ก็ถือว่าโอเคค่ะ สำหรับคุณแม่ในรายที่นึกเมนูอาหารให้เจ้าตัวน้อยไม่ค่อยออก มีเมนูให้เลือกอยู่ไม่น้อยค่ะ พอที่จะสลับสับเปลี่ยนได้ทุกๆวัน แต่ก็ยังดีค่ะที่ส่วนผสมและวัตถุดิบในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหาง่ายมาก หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป จึงไม่ค่อยเป็นอุปสรรคในการทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กค่ะ บางทีคุณแม่ซื้อหนังสือมาแล้ว ไปๆมาๆ เมนูที่อยากจะทำให้ลูกน้อยกินวัตถุดิบไม่ครบอีก อันนี้ไม่ไหวๆ ก็สรุปให้รวมๆค่ะ หน้าปกสวยชวนอ่าน เนื้อหาข้างในไม่มีอะไรมาก เหมาะสำหรับคุณแม่ทำอาหารให้ลูกน้อยเท่านั้น มีบอกคุณค่าและประโยชน์ทางโภชนาครบ อันนี้ถือว่าดีค่ะเพราะเราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้าตัวเล็กทานไปเนี่ย ให้คุณค่ากับเค้ามากแค่ไหน อำนวยความสะดวกให้ทั้ง บิสซิเนสมัม และ ซิงเกิ้ลมัมดีค่ะ ในกรณีที่เลี้ยงลูกลำพัง

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดเพจ Little Monster บนหน้าเฟสบุ๊คแล้ว ใครๆที่เล่นเฟสบุ๊คแล้วเป็นคุณแม่ไฮเทค คงจะไม่พลาดที่จะกดไลค์หน้าเพจนี้นะค่ะ https://www.facebook.com/littlemonsterrocknroll และในที่สุดเพจ Little Monster ก็ได้คลอดหนังสือ คู่มืออร่อย พิชิตใจเจ้าตัวน้อยให้อยู่หมัด ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เจ้าของรีวิวยังไม่มีเจ้าตัวน้อยนะค่ะ แต่ก็ขอหยิบจับและซื้อมาอ่านซักหน่อย เพราะว่าติดตามมาตั้งแต่เป็นหน้าเพจเฟสบุ๊คแล้วค่ะทำตัวการ์ตูอิราสเตเตอร์ได้น่ารักดี ทำสื่ออกมาได้ตรงประเด็นดีค่ะ เพื่อนๆคนไหนอยากเห็นหน้าเพจก็ดูตามลิ้งค์ข้างบนเอาเลยนะค่ะส่วนในเรื่องเนื้อหาของหนังสือนั้นก็จะการประกอบอาหาร เป็นเนื้อหาสำหรับอาหารของเจ้าตัวน้อยล้วนๆเลยค่ะ ไม่ค่อยมีเนื้อหาอื่นเสริมเข้ามามากนัก ก็จะมีแต่คู่มือโภชนาการล้วนๆเลย แต่ก็เป็นแนวทางที่ดีค่ะ สำหรับคุณแม่ที่ห่วงใยในอาหารการกินของเจ้าตัวเล็ก แต่สำหรับคุณแม่บ้านๆธรรมดาๆ ก็จะไม่ค่อยสำคัญนักในส่วนนี้ เพราะว่าจริงๆแล้ว ในสมัยที่รุ่นของเรายังเด็ก ก็ไม่ค่อยมีหนังสือพวกนี้ให้หยิบจับเพื่ออ่านมากมายนัก ก็สามารถโตมาด้วยข้าวกับผักและตับซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะค่ะว่าจะโตมาได้ถึงขนาดนี้ (ยิ้ม) แต่หนังสือเล่มนี้มีอะไรที่มากกว่าตับบดในวัยเด็กของพวกเราเยอะค่ะ เนื้อหาก็จะเป็นอาหารสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป จริงๆแล้ว อยากจะให้เสริมตั้งแต่แรกเกิดด้วยซ้ำนะค่ะ เอาเป็นตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปจะถือว่าดีมากเลยค่ะ แต่ด้วยที่คงจะเป็นแค่น้ำนมแม่อย่างเดียวล่ะมั้งค่ะ เลยทำเมนูอาหารตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปมากกว่า ก็ถือว่าโอเคค่ะ สำหรับคุณแม่ในรายที่นึกเมนูอาหารให้เจ้าตัวน้อยไม่ค่อยออก มีเมนูให้เลือกอยู่ไม่น้อยค่ะ พอที่จะสลับสับเปลี่ยนได้ทุกๆวัน แต่ก็ยังดีค่ะที่ส่วนผสมและวัตถุดิบในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหาง่ายมาก หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป จึงไม่ค่อยเป็นอุปสรรคในการทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กค่ะ บางทีคุณแม่ซื้อหนังสือมาแล้ว ไปๆมาๆ เมนูที่อยากจะทำให้ลูกน้อยกินวัตถุดิบไม่ครบอีก อันนี้ไม่ไหวๆ ก็สรุปให้รวมๆค่ะ หน้าปกสวยชวนอ่าน เนื้อหาข้างในไม่มีอะไรมาก เหมาะสำหรับคุณแม่ทำอาหารให้ลูกน้อยเท่านั้น มีบอกคุณค่าและประโยชน์ทางโภชนาครบ อันนี้ถือว่าดีค่ะเพราะเราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้าตัวเล็กทานไปเนี่ย ให้คุณค่ากับเค้ามากแค่ไหน อำนวยความสะดวกให้ทั้ง บิสซิเนสมัม และ ซิงเกิ้ลมัมดีค่ะ ในกรณีที่เลี้ยงลูกลำพัง

100 สาเหตุที่ทำให้ลูกวัยทารกร้องไห้ งอแง (การเจ็บป่วยเบื้องต้น) เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งในบ้านที่ไม่พลาดที่จะเอามาลงรีวิวให้ลูกค้าได้อ่านรีวิวและตัดสินใจซื้อกันค่ะ เป็นหนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ รวมไปถึงคุณแม่มือเก่าด้วย อันนี้ต้องขอบอกก่อนนะค่ะว่าควรจะมีติดบ้านไว้สักเล่มในเมื่อเจ้าตัวเล็กยังไม่สามารถพูดได้ค่ะ ดังนั้นสำคัญมาก เจ้าตัวน้อยพูดไม่ได้ได้แต่ร้องงอแง มันสร้างความทุกข์ใจให้คนเป็นพ่อเป็นแม่จริงๆนะค่ะ ร้องอย่างเดียว บอกก็บอกไม่ได้ว่าเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณแม่มือเก่า และคุณแม่มือใหม่เข้าใจเจ้าตัวน้อยได้มากยิ่งขึ้นค่ะ เจ้าของรีวิวเคยได้รับมอบหมายหน้าที่อันใหญ่ยิ่งนี้ค่ะ โดยการถูกให้เลี้ยงหลานชายตัวน้อยๆ 1 วัน โอ้โห! บอกตรงๆเลยว่าทำโปรเจคจบตอนเรียนยังง่ายซะกว่า ไอ้เราลูกก็ยังไม่เคยมี ตายๆๆๆๆ วันนี้ตายแน่ๆ หลานชสยตัวแสบก็เริ่มร้องแล้วค่ะ นึกว่าป้อนนมเสร็จแล้วจะนอนหลับที่ไหนได้ ร้องๆ ร้องจนบ้านเกือบแตก โทรหาพี่สาวนางก็บอกให้เปิดหนังสือดู อยู่ในห้องประชุมคุยไม่ได้ พอพี่สาววางสายถึงกับกุมขมับเลยทีเดียวค่ะ สุดท้ายแล้วก็ถือเป็นความโชคดีค่ะ หลานชายหยุดร้องเพราะได้หนังสือเล่มนี้ช่วยไว้แท้ๆ แต่ก็ต้องเดาอาการกันซักพักค่ะ ก็เด็กร้องอย่างเดียวนี่ค่ะ ในหนังสือไม่ได้มีบอกถึงขนาดว่า ร้องแบบไหนแล้วเป็นอาการอะไร เปิดไปเปิดมาสุดท้ายก็มาจบลงด้วยหลานชายท้องอืดค่ะ เพราะเราป้อนนมอย่างเดียวแล้วก็ให้นอนดิ้นขาไปดิ้นขามาอยู่อย่างนั้น ก็เลยหายาแก้ท้องอืดมาให้ทานเป็นยาน้ำเด็กยี่ห้อไกรป์วอเตอร์ค่ะ ค่อยโล่งใจ เข็ดเลยค่ะ ไม่ขอรับอาสาเลี้ยงเด็กอีกแล้ว ก็สรุปอีกเช่นเคยว่าคุณแม่มือใหม่มือเก่า ไม่ควรจะละเลยในพฤติกรรมการร้องของลูกน้อยนะค่ะ บางอาการถ้าไม่สนใจนี่ก็ถึงกับมีอันตรายเลยนะ รักษากันระยะยาวอีก ซื้อติดบ้าน ซื้อติดตะกร้านมไว้ไม่เสียหายค่ะ เอาไว้อ่านเพลินๆตอนเจ้าตัวเล็กนอนหลับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดอ่านเวลาเจ้าตัวน้อยร้องไห้ค่ะ อย่างน้อยก็ได้รู้อาการและแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ทันก่อนที่จะไปหาคุณหมอค่ะ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปในตัว อย่างน้อยๆใครที่มีหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นแนวทางในการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเนี่ยก็ไม่เสียหายนะค่ะ เพื่อลูกน้อยก็ต้องดูแลเค้าเป็นอย่างดีที่สุด มีตั้ง 100 อาการบอกสาเหตุในการร้องไห้ ลูกเราอาจจะไม่เป็นถึง 100 อาการหรอกค่ะ อาจจะเป็นอาการซ้ำๆกันก็ได้ แต่เพื่อความสบายใจหลังจากรู้อาการแล้วก็อย่าลืมพาไปหาคุณหมอนะค่ะ ในหนังสือก็ไม่ได้บอกทั้งหมดค่ะ

100 สาเหตุที่ทำให้ลูกวัยทารกร้องไห้ งอแง (การเจ็บป่วยเบื้องต้น) เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งในบ้านที่ไม่พลาดที่จะเอามาลงรีวิวให้ลูกค้าได้อ่านรีวิวและตัดสินใจซื้อกันค่ะ เป็นหนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ รวมไปถึงคุณแม่มือเก่าด้วย อันนี้ต้องขอบอกก่อนนะค่ะว่าควรจะมีติดบ้านไว้สักเล่มในเมื่อเจ้าตัวเล็กยังไม่สามารถพูดได้ค่ะ ดังนั้นสำคัญมาก เจ้าตัวน้อยพูดไม่ได้ได้แต่ร้องงอแง มันสร้างความทุกข์ใจให้คนเป็นพ่อเป็นแม่จริงๆนะค่ะ ร้องอย่างเดียว บอกก็บอกไม่ได้ว่าเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณแม่มือเก่า และคุณแม่มือใหม่เข้าใจเจ้าตัวน้อยได้มากยิ่งขึ้นค่ะ เจ้าของรีวิวเคยได้รับมอบหมายหน้าที่อันใหญ่ยิ่งนี้ค่ะ โดยการถูกให้เลี้ยงหลานชายตัวน้อยๆ 1 วัน โอ้โห! บอกตรงๆเลยว่าทำโปรเจคจบตอนเรียนยังง่ายซะกว่า ไอ้เราลูกก็ยังไม่เคยมี ตายๆๆๆๆ วันนี้ตายแน่ๆ หลานชสยตัวแสบก็เริ่มร้องแล้วค่ะ นึกว่าป้อนนมเสร็จแล้วจะนอนหลับที่ไหนได้ ร้องๆ ร้องจนบ้านเกือบแตก โทรหาพี่สาวนางก็บอกให้เปิดหนังสือดู อยู่ในห้องประชุมคุยไม่ได้ พอพี่สาววางสายถึงกับกุมขมับเลยทีเดียวค่ะ สุดท้ายแล้วก็ถือเป็นความโชคดีค่ะ หลานชายหยุดร้องเพราะได้หนังสือเล่มนี้ช่วยไว้แท้ๆ แต่ก็ต้องเดาอาการกันซักพักค่ะ ก็เด็กร้องอย่างเดียวนี่ค่ะ ในหนังสือไม่ได้มีบอกถึงขนาดว่า ร้องแบบไหนแล้วเป็นอาการอะไร เปิดไปเปิดมาสุดท้ายก็มาจบลงด้วยหลานชายท้องอืดค่ะ เพราะเราป้อนนมอย่างเดียวแล้วก็ให้นอนดิ้นขาไปดิ้นขามาอยู่อย่างนั้น ก็เลยหายาแก้ท้องอืดมาให้ทานเป็นยาน้ำเด็กยี่ห้อไกรป์วอเตอร์ค่ะ ค่อยโล่งใจ เข็ดเลยค่ะ ไม่ขอรับอาสาเลี้ยงเด็กอีกแล้ว ก็สรุปอีกเช่นเคยว่าคุณแม่มือใหม่มือเก่า ไม่ควรจะละเลยในพฤติกรรมการร้องของลูกน้อยนะค่ะ บางอาการถ้าไม่สนใจนี่ก็ถึงกับมีอันตรายเลยนะ รักษากันระยะยาวอีก ซื้อติดบ้าน ซื้อติดตะกร้านมไว้ไม่เสียหายค่ะ เอาไว้อ่านเพลินๆตอนเจ้าตัวเล็กนอนหลับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดอ่านเวลาเจ้าตัวน้อยร้องไห้ค่ะ อย่างน้อยก็ได้รู้อาการและแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ทันก่อนที่จะไปหาคุณหมอค่ะ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปในตัว อย่างน้อยๆใครที่มีหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นแนวทางในการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเนี่ยก็ไม่เสียหายนะค่ะ เพื่อลูกน้อยก็ต้องดูแลเค้าเป็นอย่างดีที่สุด มีตั้ง 100 อาการบอกสาเหตุในการร้องไห้ ลูกเราอาจจะไม่เป็นถึง 100 อาการหรอกค่ะ อาจจะเป็นอาการซ้ำๆกันก็ได้ แต่เพื่อความสบายใจหลังจากรู้อาการแล้วก็อย่าลืมพาไปหาคุณหมอนะค่ะ ในหนังสือก็ไม่ได้บอกทั้งหมดค่ะ