Customer Reviews

The Sunken Moon ปริศนาพิภพมายา 2
4
อินซื่อและหลิงซื่อได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยพวกฟั่นถงฆ่าไก่บกเพื่อชิงขน
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ในเล่มสองนี้อินซื่อและหลิงซื่อได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยพวกฟั่นถงฆ่าไก่บกเพื่อชิงขนไปเลื่อนระดับพู่ไหม(จำเป็นต้องให้คนใหญ่คนโตมาช่วยเลยเรอะ) และลั่วซื่อเพื่อนผู้แสนดีเมื่อเห็นว่าฟั่นถ่งและเย่ทุ่ยถูกรังแกบ่อยๆเลยพาทั้งสองไปซื้ออาวุธแต่ไม่นึกเลยว่าเย่ทุ่ยจะได้ดาบพังๆหนึ่งเล่มและฟั่นถงจะได้ไม้ปัดฝุ่นเป็นอาวุธ นี่มันอาวุธแบบไหนกันเนี่ย ในเล่มนี้เนี่ยได้มีการปรากฏตัวของสองในห้าซื่อของเมืองที่มีตำแหน่งสูงรองจากราชินีทีเดียว บอกแล้วไม่เชื่อว่าฟั่นถ่งมีดวงเรื่องเพื่อน(ของเพื่อน)ขนาดไปเก็บแค่ขนไก่ยังได้ซื่อสองคนมาช่วยเก็บเลย อินซื่อเป็นพวกเอ่อมีดีแค่หน้าตาและฝีมือแต่นิสัยสี่มิติหลุดโลกมากและพูดไม่รู้เรื่องสุดๆ ส่วนหลิงซื่อ(ที่สวยจนผู้หญิงยังอาย)เป็นพวกเนี้ยบ เป๊ะ และมักจะต้องอารมณ์เสียเพราะอินซื่อบ่อยๆ จากท่าทางของเย่ทุ่ยที่แปลกไปตอนเจอปี้โหรวก็เดาได้ง่ายๆว่าปี้โหรวน่าจะมาจากแดนสิ้นคืนเหมือนกันและน่าจะมีตำแหน่งสูงไม่ก็เป็นคนสำคัญพอตัวเลยแต่ดันมาที่นี่เพราะชอบอินซื่อซะงั้น ปริศนาอีกเรื่องที่ปรากฏขึ้นที่ร้านขายอาวุธก็คืออาวุธทุกชิ้นกลัวเย่ทุ่ยแบบเดียวกับที่กลัวอินซื่อก็น่าจะเดาได้ว่าสองคนนี้ฝีมือสูงในระดับเดียวกันและน่าจะมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันด้วยอาวุธถึงได้พากันกลัว ส่วนฟั่นถ่งเพราะคำสาปก็เลยได้แส้นักพรต(ไม่ปัดฝุ่น)ชื่อวะฮ่าฮ่ามาครอบครอง ดูจากลักษณะการพูดและการวางตัวที่ถึงจะกวนประสาทไปนิดแต่เดาได้เลยว่าวะฮ่าฮ่านี่เป็นหนึ่งในอาวุธที่เทพที่สุดในเรื่องแน่ (ตอนอ่านครั้งแรกเราคิดแบบนั้น ไม่นึกเลยว่าตอนหลังจะเดาถูกจริงๆด้วย)
The Sunken Moon ปริศนาพิภพมายา 1
4
ปริศนาพิภพมายาเป็นเรื่องของฟั่นถ่ง หมอดูหนุ่มที่ถูกสาป
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปริศนาพิภพมายาเป็นเรื่องของฟั่นถ่ง หมอดูหนุ่มที่ถูกสาปให้พูดสิบประโยคต้องพูดผิดเสียเก้าประโยคที่จู่ๆก็ไปโผล่ที่ พิภพมายา ที่น่าจะเป็นโลกหลังความตายและนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพเคล้าน้ำตาและเสียงหัวเราะของนิยายเล่มนี้ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากเพราะ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ปมปริศนา ฉากหลัง(เมืองสิ้นคืนและแดนเดือนลับ) ปมของตัวละครแต่ละตัวทำออกมาได้พอเหมาะมากถ้าเป็นอาหารก็คงเป็นอาหารรสชาติกลมกล่อมที่ใครๆก็ทานได้ล่ะมั้ง ฟั่นถ่งเป็นพวกขี้เกียจและเพราะคำสาปคำพูดส่วนมากเลยกลายเป็นเรื่องฮาซะส่วนใหญ่ ฟั่นถ่งมักจะบอกว่าตัวเองซวยแต่เราว่าฟั่นถ่งเป็นคนที่โชคดีเรื่องเพื่อนสุดๆคือไม่ว่าเรื่องไหนเพื่อนก็จะเข้ามาช่วย(ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ) ลั่วซื่อเป็นเด็กจิตใจดีที่เฝ้ารอพี่ชายที่หายตัวไป จูซาฉลาดและพูดตรงจนน่ากลัว เย่ทุ่ยเป็นหนุ่มปริศนาเยอะที่เดาได้เลยว่าความเป็นมาต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ(คืออ่านจบแล้วเราเดาได้เลยว่าเป็นใคร)ต่อสู้เก่งหน้าตาดีและติดฟั่นถ่ง ปี้โหรวเป็นสาวน้อยทั่วไปที่มักจะมีดวงและบ้าผู้ชายหล่อ สาระในเล่มนี้ส่วนมากจะเป็นการเปิดตัวละคร เล่าเรื่องระบบต่างๆในโลกใหม่ที่เรียกว่าระบบเลื่อนขั้น(อยากมีชีวิตดีๆก็ต้องเลื่อนขั้น) มีเล่าย้อนไปอดีตของฟั่นถ่งบ้างแต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องของโลกใหม่ที่บอกเล่าผ่านคนรอบๆให้ฟั่นถ่งฟัง เล่มแรกๆออกจะน่าเบื่อแบบบนี้เพราะว่าต้องอธิบายเรื่องโลกใหม่และตัวละครหลักๆให้ครบก่อนไม่งั้นเราจะไม่เข้าใจว่าปัญหาและปมของตัวละครเล่มท้ายๆมันเกิดจากอะไร โดยมีฟั่นถ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างทุกคนเป็นคนเล่าเรื่องไปทีละขั้น ถ้าเป็นคนอื่นเล่ามันอาจจะดราม่าแต่พอฟั่นถงเล่าไม่รู้ทำไมเราถึงฮาทุกที
4
เรื่องราวในเล่มนี้เริ่มขึ้นจากการที่นาตัวได้วันหยุดออกไปพักผ่อน
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ถ้าใครชอบดูซีรีย์ the x file ของอเมริกาที่เป็นซีรีย์สืบสวนคดีลึกลับที่มักจะมีอสูรกาย มนุษย์ต่างดาว หรือพลังลึกลับเข้ามาเกี่ยว หนังสือเล่มนี้โดยนักเขียนชาวจีน นาตัว เหมาะกับคุณแน่ๆค่ะ แต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่นาตัวเป็นนักข่าว โดยในไทยหยิบเอามาแปลสามเล่มคือ ธงวิญญาณ รหัสเทพเจ้า และมนุษย์ขนเล่มนี้ โดยเรื่องราวในเล่มนี้เริ่มขึ้นจากการที่นาตัวได้วันหยุดออกไปพักผ่อนที่ชนบทแล้วได้พบกับหนุ่มมนุษย์สัมพันธ์ดีคนหนึ่ง ซึ่งหนุ่มลึกลับคนนี้แหละที่เป็นประเด็นของเรื่องทั้งหมดเพราะจู่ๆวันหนึ่งเขาก็มาหานาตัวในสภาพมีขนงอกออกมาเต็มตัวเหมือนลิงไม่มีผิด แถมพอพยายามโกนขนกลับงอกออกมาใหม่ด้วยความรวดเร็ว นาตัวที่มีเพื่อนเป็นอมนุษย์เยอะพอสมควรเลยตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือโดยให้พ่อหนุ่มคนนี้อยู่กับเขาไปก่อนพร้อมกันนั้นเขาก็เริ่มตามสืบเรื่องนี้จนพบเข้ากับความลับที่น่าตกตะลึงเกี่ยวกับมนุษย์ขน
เล่มนี้เป็นเล่มแรกในซีรีย์เลยค่ะที่เราหยิบมาอ่านและเราก็คิดว่ามันเป็นเล่มที่สนุกที่สุดในสามเล่มละ คือคนแต่งเนี่ยเดินเรื่องไวและวางปมไว้ดีมาก คือปมมันจะค่อยๆคลายไปทีละนิดจนพอปิดหน้าสุดท้ายปมทั้งหมดก็คลายจบแบบไร้ความค้างคาไม่มียืดไปเล่มอื่นแน่นอน เราชอบสไตล์การเขียนแบบนี้มากเพราะเวลาปิดหนังสือคือมันเคลียร์คนอ่านไม่มีความรู้สึกว่าค้างคาหรือต้องมานั่งตีความเองให้เหนื่อย ส่วนความลับของขนนี่ก็ทำให้เราช็อคมากไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเกี่ยวข้องกับนิยายจีนที่เราชอบดูตอนเด็กๆ(ที่สร้างมาจากตำนาน) แล้วตอนคลี่คลายปริศนาก็ระทึกมาก ไม่คิดเลยว่าแค่สัญลักษณ์แปลกๆอันเดียวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้มากขนาดนี้ พูดแล้วก็แอบสงสารพ่อหนุ่มขนเบาๆ สำหรับใครที่ชอบนิยายแนวๆนี้เราแนะนำเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่าติดตาม เดินเรื่องไว จบเคลียร์ ไม่มียืด
5
นาตัวเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตมักจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องลึกลับบ่อยๆ
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นาตัวเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตมักจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องลึกลับบ่อยๆ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเมื่อเขาได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวเรื่องตึกสามชั้น ตึกประหลาดที่เป็นตึกเพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการถูกเครื่องบินญี่ปุ่นทิ้งระเบิด มีเรื่องเล่าว่ามีชาวต่างชาติถือธงประหลาดโบกอยู่บนตึกตอนเกิดเหตุ ธงประหลาดที่เขียนสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจทำให้ผู้ที่มองรู้สึกหวาดกลัว ระหว่างสืบเรื่องนี้เขาได้พบกับเว่ยเซ้าเทียนโจรขุดสุสานหนุ่มที่ตามหาสุสานที่อยู่ตั้งอยู่ใต้ตึกสามชั้นนั่นเอง พวกเขาลอบเข้าไปในสุสานและหลังจากกลับออกมาเว่ยเซ้าเทียนก็กระโดดตึกฆ่าตัวตายและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นอันน่าตกตะลึงของเรื่องราวลี้ลับเรื่องนี้
ไม่รู้ว่าเพราะคุณนาตัวคนแต่งเรื่องนี้เป็นนักข่าวเก่ารึเปล่า สำนวนการเขียนเลยสั้นกระชับไม่ยืด เดินเรื่องไวและทุกเรื่องในชุดนี้จบเคลียร์ ถ้าใครชอบนิยายแนวๆสืบสวนผสมลึกลับระทึกขวัญต้องชอบเรื่องนี้แน่ๆ (ตอนอ่านครั้งแรกเราชอบมากขนาดต้องวิ่งไปหาเรื่องอื่นในซีรีย์ชุดนี้มาอ่าน) บางคนอาจจะตั้งกำแพงกับนิยายจีนเพราะชื่อจำยากแถมมักจะมีความเป็นจีนสูงมากแต่นิยายเล่มนี้เป็นจีนแบบยุคใหม่คือไม่ได้ใส่วัฒนธรรมจีนลงไปจนล้นและตัวละครก็มีไม่เยอะ ถึงชื่อจะอ่านยากแต่จำได้แน่ๆ มีข้อติอยู่อย่างหนึ่งคือเราไม่มั่นใจว่ามีเล่มก่อนหน้านี้หรือเปล่าเพราะนาตัวมักจะพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้รู้จักเพื่อนผู้มีพลังวิเศษอยู่บ่อยๆ แต่ที่ไทยเอามาแปลมีแค่สามเล่มซึ่งไม่เกี่ยวกับตอนนั้น เพราะฉะนั้นบางทีอาจจะงงว่าตัวละครตัวนี้ หน่วยงานนี้มาจากไหน แต่ถ้าตัดข้อนี้ไปนิยายเล่มนี้ก็เป็นนิยายที่ดีมากๆเล่มหนึ่งค่ะ
52 เคล็ดวิชาเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ(The Little Book of Talent)
5
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ How to ดีๆอีกเล่ม
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ How to ดีๆอีกเล่มที่จะมาแฉว่าอัจฉริยะกับคนธรรมดามีวิธีการคิดและใช้ชีวิตต่างกันยังไง เนื้อหาข้างในจะแบ่งออกเป็น 52 เคล็ดวิชาตามชื่อเรื่องเป๊ะเลยค่ะ โดยทั้ง 52เคล็ดวิชาเนี่ยจะถูกแบ่งออกเป็นสามหัวเรื่องใหญ่ๆอีกที ส่วนที่ 1 ตั้งต้น จับตาดู ขโมย และยอมโง่ เป็นกลวิธีที่จะบอกให้คุณเลียนแบบการกระทำของไอดอลที่คุณอยากเป็นแบบเขา เลียนแบบ อย่ากลัวความผิดพลาด ส่วนที่ 2 พัฒนาทักษะ ค้นหาจุดกลมกล่อมแล้วดิ้นรนพยายาม จะสอนวิธีการค้นหาจุดกลมกล่อมและการฝึกซ้อม โดยเน้นว่าการใช้เวลาเล็กน้อยฝึกซ้อมทุกวันให้ผลดีกว่าการซ้อมหลายชั่วโมงอาทิตย์ละครั้ง ส่วนที่ 3 รักษาความก้าวหน้า เปิดใจรับการทำซ้ำ บ่มเพาะความทรหด และเก็บเป้าหมายของคุณเป็นความลับ ในส่วนนี้จะสอนวิธีเอาชนะความขี้เกียจ ทำซ้ำ สร้างทักษะใหม่ๆขึ้นมา เหมือนจะเยอะนะแต่ความหนาของหนังสือแค่หนึ่งร้อยห้าสิบกว่าหน้าเองค่ะ ขนาดกำลังพอดีมือถือแล้วไม่หนัก เนื้อหาข้างในก็อ่านง่ายตามสไตล์หนังสือฮาวทูของฝรั่ง(โดยส่วนตัวเราว่าฮาวทูของทางเอเชียเราอ่านยากไปนิด) มีตัวอย่างประกอบตลอดทั้งเรื่อง อ่านแล้วเราจะรู้สึกว่าเฮ้ยคนที่เก่งๆเนี่ยเค้าก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเราแต่เค้าผ่านการฝึกสอนที่ดีและมีวินัยในการฝึกซ้อม ใครๆก็เป็นคนเก่งได้ทั้งนั้นอยู่ที่ว่าใครจะอดทนมากกว่ากัน หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่พอจะรู้ว่าตัวเองชอบอะไรแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนหรือคนที่ยังลอยไปมาไม่มีเป้าหมายชัดเจน หนังสือเล่มนี้จะทำให้คนที่กำลังนั่งเฉื่อยรู้สึกมีพลังอยากลุกขึ้นมาสู้แน่นอน หรือคนที่สนใจอ่านเล่นๆก็ได้ค่ะ เคล็ดลับไม่มีอะไรยาก ภาษาอ่านง่าย เล่มเล็กไม่หนักพกไปอ่านข้างนอกได้สบาย
4
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เราซื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เราซื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คาดหวังว่าจะสนุกแต่พออ่านจบแล้วกลับเป็นหนังสืออีกเล่มที่เรารู้สึกประทับใจกับการมองโลกของของคนเขียนมาก เรามักคิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องเข้าใจยากและยากที่จะเข้าถึง แต่ Mister Tompkin(ผู้เขียน)ได้พาเราไปรู้จักกับวิทยาศาสตร์ในแง่มุมที่ทำให้เรารู้สึกว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย เขาเริ่มจากการเขียนเสนอโปรเจ็คส่งมาให้นิตยสาร a day เพื่อขอเงินทุนไปจัดนิทรรศการก่อนที่ถูกชักชวนให้มาเขียนบทความให้ a day
จริงตนาการเล่มนี้เป็นรวมบทความสั้นๆที่อ่านทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ละเรื่องจะเป็นการนำเอาแนวคิดทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายผ่านเรื่องเล่าที่เขาตกตะกอนทางความคิดได้ เราจะขอรีวิวเรื่องที่เราชอบมากที่สุดในเล่มแล้วกันค่ะ ‘เปลวเทียนไหวหรือใจเคลื่อน’ เรื่องนี้ได้หยิบยกทฤษฎีของไอสไตน์มาเล่ากล่าวได้สั้นๆว่า ‘อัตราเร็วเป็นสิ่งเปรียบเทียบ’ นั่นหมายความว่าเวลาเราพูดว่าอัตราเร็วนั้นนั้นเราเปรียบเทียบความเร็วของสิ่งที่เคลื่อนที่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ ดังนั้น ‘หากเราอยู่เพียงลำพังในจักรวาลเราจะไม่มีทางรู้ว่าเรากำลังเคลื่อนที่หรือหยุดนิ่ง’ ผู้เขียนได้ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่าเพราะมันคือการเปรียบดังนั้นมันจึงไม่ใช่สิ่งสากลที่ทุกคนจะเห็นตรงกัน รวมไปถึงหลายสิ่งหลายอย่างในโลกก็เช่นเดียวกัน เพียงแค่ยึดหลักต่างกันโลกก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง ‘เพราะเรายึดหลักอ้างอิงคนละอย่าง อาจไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสมบูรณ์’ เราคิดว่าคนเขียนสรุปออกมาได้ดีทีเดียว เราชอบการสรุปของเขาที่ดึงทฤษฎีเข้าใจยากมาอธิบายการใช้ชีวิต สำหรับใครที่อยากหาหนังสือที่มีสาระแต่เนื้อหาไม่หนักเกินไป หรือคนที่เริ่มอ่านงานทางวิทยาศาสตร์เราคิดว่าจริงตนาการเป็นจุดเริ่มต้นในการอ่านที่ดีค่ะ แถมยังเล่มเล็กพกพาง่าย อ่านง่าย แล้วยังมีคุณภาพของนักเขียน a day มาการันตีอีกด้วย

5
เล่มนี้เป็นหนังสือแต่งหน้าเล่มที่สองของโพนี่หรือพักฮเยมิน
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เล่มนี้เป็นหนังสือแต่งหน้าเล่มที่สองของโพนี่หรือพักฮเยมินบล็อกเกอร์และช่างแต่งหน้าชื่อดังของเกาหลี โพนี่เคยออกหนังสือสอนแต่งหน้ามาแล้วเล่มหนึ่งชื่อ เสกปุ๊บสวยปั๊บสไตล์เกาหลี ที่เน้นพื้นฐานการแต่งหน้าสำหรับมือใหม่ ส่วนหนังสือเล่มนี้ที่เป็นเล่มที่สองนั้นจะเน้นสไตล์การแต่งหน้าที่เปลี่ยนลุคไปโดยสิ้นเชิง โดยส่วนแรกของหนังสือจะเป็นเรื่องพื้นฐานการล้างหน้าบำรุงผิวเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผิวหน้า ทีเคล็ดลับการบำรุงผิวจากโพนี่โดยใช้น้ำมันมะกอกทาผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น(อันนี้เราทดลองดูแล้วพบว่าเวิร์คมากๆสำหรับผิวขาดความชุ่มชื้นค่ะ ตื่นมาหน้านิ่มและเด้งมาก) การใช้ผงชาเขียวผสมกับโฟมล้างหน้าเพื่อช่วยให้ขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วและทำให้ล้างหน้าสะอาดมากยิ่งขึ้น ส่วนฮาวทูการแต่งหน้าในเล่มนี้จะต่างกับเล่มก่อนที่ใช้ฤดูกาลแบ่งธีมมาเป็นการแต่งหน้าโดยการกำหนดลุค อย่างเช่น การใช้บรัชออนสีส้มเพื่อทำให้ใบหน้าดูน่ารักสดใสแบบแองเจล่าเบบี้(ดาราและนางแบบชื่อดังชาวฮ่องกง) ลุคบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อย การแต่งหน้าสำหรับสาวสวมแว่นเป็นต้น อย่างเล่มก่อนเนี่ยจะเหมาะกับมือใหม่หัดแต่งที่ยังเลือกสีเลือกลุ้คไม่เก่ง โทนสีที่ใช้จะกลางๆแต่งตามได้ง่าย ส่วนเล่มนี้จะแต่งตามลุคที่กำหนดเหมาะกับคนที่ต้องการลุคพิเศษในโอกาสพิเศษ แล้วที่เราชอบหนังสือเล่มนี้มากคือโพนี่สวยน่ารักมาก เวลาแต่งหน้าออกมามันเหมือนกับเธอกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย คือแค่ภาพก็คุ้มแล้วค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้รักการแต่งหน้าหรือเป็นแฟนโพนี่เราว่าเล่มแรกก็พอแล้ว คือมีทุกอย่างที่มือใหม่จำเป็นต้องรู้ แต่งตามง่ายด้วย ส่วนเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลุคพิเศษ ตอนนี้มีเล่มสามออกมาด้วยนะคะ เป็นการแต่งหน้าตามไอดอลคนดัง เราเปิดผ่านๆดูในร้านหนังสือคือถ้าใครชอบแต่งตามไอดอลที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยค่ะ
ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน
5
สำหรับใครที่หัวไม่แล่น อยากได้แรงผลักดัน เราแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เลยค่ะ
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สำหรับใครที่หัวไม่แล่น ความคิดตัน อยากได้แรงผลักดัน เราแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เลยค่ะ คลามลับ 10 ข้อที่จะช่วยให้สมองแล่น หนังสือเล่มนี้ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่อย่างแท้จริง ทุกสิ่งล้วนสร้างมาจากสิ่งก่อนหน้าที่เกิดขึ้นมาแล้วเสมอ โดยมีกฎง่ายๆสิบข้อคือ 1.ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน โลกนี้ไม่มีอะไรใหม่อย่างแท้จริง ไอเดียใหม่ล้วนเกิดจากไอเดียเก่ามาผสมกันทั้งนั้น 2.อย่ามัวแต่รอค้นพบตัวเองแล้วค่อยลงมือ ถ้ารอจนกว่าจะค้นพบตัวเองแล้วค่อยทำบางทีเราอาจจะต้องรอต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นลงมือทำสมมุติว่าตัวเองทำได้จนกว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการได้จริงๆ 3.เขียนหนังสือที่คุณอยากอ่าน ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหนให้ลงมือทำในสิ่งที่คุณชอบ 4.ใช้มือของคุณ ออกห่างจากหน้าจอคอมบ้างและลองใช้สองทำงานดู 5.งานคั่นเวลาและงานอดิเรกเป็นสิ่งสำคัญ งานที่คุณทำคั่นเวลาแก้เบื่ออาจจะเป็นงานที่ควรทำตลอดชีวิตก็ได้ 6.สร้างผลงานที่ดีและแบ่งปันให้คนอื่นเห็น สร้างผลงานที่ดีและเผยแพร่ให้คนอื่นดูทางอินเตอร์เน็ต 7.ระยะทางไม่ใช่ข้อจำกัด ลองทำงานเงียบๆอย่างสันโดษดู 8.ทำตัวดีๆ ผูกมิตร มองข้ามศัตรู 9. ใช้ชีวิตแบบน่าเบื่อ ศัตรูตัวฉกาจของความคิดสร้างสรรค์คือความเฉื่อยชา 10.ความคิดสร้างสรรค์คือการตัดทอน ถ้าคุณมีทุกอย่างที่คุณต้องการและใส่มันลงไปจนหมดมันจะทำลายความคิดสร้างสรรค์จนป่นปี้ ตัดทอนมันทิ้งและเก็บไว้เฉพาะสิ่งสำคัญ จริงๆมันเป็นเรื่องง่ายๆนะแต่บางทีก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา เราต้องรอให้ใครสักคนมาสะกิดถึงจะมองเห็นได้ เราชอบเรื่องขโมยความคิดมาก การขโมยที่ดีคือการขโมยหลายๆชิ้นมารวมกันตัดทอนมันลงทำให้มันดีขึ้นและนำเสมอในรูปแบบใหม่และให้เครดิตคนที่เราขโมย การขโมยที่แย่คือการทำให้มันแย่ลงหรือโมเมว่าเป็นของตัวเอง อีกเรื่องคือลงมือทำเลยอย่ารอให้ค้นหาตัวเองจนเจอแล้วค่อยทำ เพราะถ้าถึงตอนนั้นคุณอาจไม่มีกำลังเหลือพอที่จะทำมันแล้วก็ได้ หนังสือเล่มนี้เหมาะจะเอาไว้อ่านกระตุ้นตัวเองมากๆ ทำให้มีกำลังใจลงมือทำงานได้อีกเยอะ ใครที่ต้องการความคิดใหม่ๆลองหาอ่านดูนะคะ
เสกปุ๊บ สวยปั๊บ สไตล์เกาหลี
5
พักฮเยมินหรือโพนี่เป็นบล็อกเกอร์และช่างแต่งหน้าชื่อดังของเกาหลี
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พักฮเยมินหรือโพนี่เป็นบล็อกเกอร์และช่างแต่งหน้าชื่อดังของเกาหลีที่ดังในหมู่สาวไทยพอสมควรโดยเฉพาะคนที่ชอบสไตล์การแต่งหน้าแบบเกาหลี หน้าตาน่ารักบวกกับความสามารถแต่งหน้าได้หลากหลายแนวทำให้หนังสือของโพนี่ติดอันดับหนังสือขายดีตลอด เราเองก็ไม่พลาดที่จะหยิบมาเป็นของตัวเอง สำหรับคนที่เพิ่งฝึกแต่งหน้าหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ควรจะมีไว้เป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะโพนี่สอนอย่างละเอียดตั้งแต่รูปหน้าแบบต่างๆ การใช้เมคอัพเบส คอนซีลเลอร์ในรูปแบบต่างๆ การทารองพื้นแบบละเอียดรวมไปถึงชิดของรองพื้นที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิวด้วยนะ แล้วยังมีแทรกวิธีการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆไว้พร้อมกับภาพประกอบที่เข้าใจง่ายอีกด้วย ส่วนต่อมาคือเรื่องตาที่เป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคน โพนี่สอนตั้งแต่พื้นฐานการแต่งตาอย่างการกรีดอายไลเนอร์เพื่อแก้ไขรูปแบบตา(เช่น หางตาตก) ประเภทอายไลเนอร์และวิธีการกรีดแบบต่างๆ การเขียนคิ้วขั้นพื้นฐานการเลือกสีเขียนคิ้ว ไปจนถึงการเลือกมาสคาร่าให้เหมาะกับดวงตา วิธีการปัดแบบต่างๆการติดขนตาปลอมยันอธิบายเรื่องอุปกรณ์แต่งตา เรียกได้ว่าต่อให้คนที่ไม่เข้าใจการแต่งหน้ามาอ่านก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายๆ ส่วนหลังจากนี้จะเป็นการสอนแต่งหน้าโดยแบ่งธีมออกเป็นฤดูกาลค่ะ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ซึ่งทั้งหมดเป็นการแต่งหน้าแบบกลางๆที่สามารถแต่งออกไปไหนมาไหนได้สบาย การแต่งหน้าทุกแบบบอกอุปกรณ์ คำอธิบายเข้าใจง่ายและมีภาพประกอบโดยละเอียดรวมไปถึงมีทิปแทรกไว้ตลอดเลยด้วย โพนี่สวยน่ารักมากๆแค่มองยังเพลินเลยค่ะ ส่วนท้ายเล่มก็มีบอกวิธีการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างละเอียดอีกด้วย เรียกได้ว่าเล่มเดียวสอนตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนแต่งไปจนถึงแต่งเสร็จเลยทีเดียว
Resident Evil พลิกแฟ้ม...ผีชีวะ
4
ถ้าพูดถึง Resident Evil หรือ ผีชีวะ คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จักชื่อนี้
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ถ้าพูดถึง Resident Evil หรือ ผีชีวะ คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จักชื่อนี้ ก่อนจะถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์จนดังถล่มทลายผีชีวะเป็นเกมแนว Survival Horror ชื่อดังมาก่อนโดยใช้ชื่อว่า Biohazard โดยส่วนตัวเราไม่ชอบเกมแนวหลอนๆเท่าไหร่คะ ทนเล่นไปไม่ได้เท่าไหร่ก็ต้องวางแต่เนื้อเรื่องของเกมนี้มีความน่าสนใจมากดังนั้นการซื้อไกด์บุ้คมาอ่านจึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่กลัวแต่อยากรู้เรื่องในเกมค่ะ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเกมเกิดขึ้นที่ทวีปแอฟริกา ชนเผ่าเล็กๆแห่งหนึ่งบูชาดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ต้องปลูกและดูแลภายใต้สภาพแวดล้อมแบบพิเศษเท่านั้นและดอกไม้ชนิดนี้นี่เองที่เป็นต้นกำเนิดของ โปรเจนิเตอร์ไวรัส อันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องทั้งหมด สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนไม่ต้องกังวลว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องค่ะเพราะไกด์บุ้คเล่มนี้เรียงลำดับเรื่องราวตามระยะเวลาโดยไล่มาตั้งแต่ดอกไม้ที่ชนเผ่าพื้นเมืองบูชา ปีเกิดของตัวละครสำคัญพร้อมประวัติย่อ ผู้บริหารของบริษัทอัมเบลล่า(ที่เป็นคนเอาไวรัสมาใช้)มาพบกับดอกไม้ชนิด เหตุการณ์การแพร่กระจายเชื้อที่เมืองแรคคูนซิตี้ไปจนถึงการล่มสลายของอัมเบรลล่า เรียกได้ว่าย่อรายละเอียดสำคัญของทุกภาคแล้วเอามาจัดเรียงตามระยะเวลาโดยมีการแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยด้วย(อย่างเรื่องสัญลักษณ์ไบโอฮาร์ซาด) รับรองว่าถ้าไม่อ่านข้ามจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแน่ๆค่ะ แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่คู่มือเกมนะคะอย่าเข้าใจผิด จะเรียกว่าเป็นหนังสือรวมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมทุกภาคก็ว่าได้ ให้อารมณ์เหมือนอ่านนิยายเลยค่ะ มีหักเหลี่ยมเฉือนคม มีตัวร้าย(ที่บางทีก็สงสัยว่าเทพขนาดนั้นแพ้พระเอกได้ไง)มีทีมพระเอกที่เป็นเหยื่อจากการกระทำของอัมเบรลล่า เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนติดตามมากๆ สำหรับคนที่เคยเล่นเกมและอ่านทุกอย่างในเกมก็คงไม่จำเป็นเท่าไหร่แต่สำหรับคนที่เล่นเกมนี้แต่กดข้ามคำอธิบายหรืออ่านไม่เข้าใจหรือคนที่สนใจแต่กลัวเหมือนเราแนะนำให้อ่านเลยค่ะ รับรองว่าคุณจะเข้าใจโลกของเกม resident evil มากขึ้น
Harry Potter เล่ม 03 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน (ปกแข็ง)
4
ปีสามก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายเหมือนเดิมเมื่อ ซีเรียส แบล็ค ได้แหกคุกอัซคาบันออกมาและเขาต้องการชีวิตแฮร์รี่
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เริ่มเรื่องมาแฮร์รี่ก็ต้องหนีออกจากบ้านเพราะพี่สาวลุงเวอร์นอนถูกเขาทำให้กลายเป็นลูกโป่ง แฮร์รี่ได้พบกับหมาสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งก่อนจะเจอกับรถเมล์อัศวินราตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ที่มารับเขาถึงที่ด้วยท่าทีมีพิรุธ ก่อนที่เขาจะได้รู้ความจริงว่า ซีเรียส แบล็ค ได้แหกคุกอัซคาบันและเขาต้องการชีวิตแฮร์รี่ ที่โรงเรียนแฮร์รี่มักจะพบหมาดำตัวใหญ่อยู่เนืองๆ จนวันหนึ่งแฮร์รี่ก็ได้ยินว่าแบล็คเคยเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเขาและเป็นคนเอาข้อมูลของพ่อเขาไปให้โวลเดอมอร์ทำให้แฮร์รี่แค้นใจ แต่ทว่ารอนกลับถูกหมาสีดำตัวใหญ่ลากเข้าไปในโพรงต้นไม้ แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ตามเข้าไปและพบว่าหมาสีดำตัวนั้นคือร่างแปลงของแบล็คอีกทั้งความจริงทั้งหมดนั้นตรงกันข้ามกับที่เขารู้โดยสิ้นเชิง
เราชอบเล่มนี้รองจากเล่มหนึ่งเลยเพราะซีเรียสค่ะ ในบรรดาคนรอบตัวแฮร์รี่ทั้งหมดซีเรียสนี่แหละคือพ่อคนที่สองของแฮร์รี่ เราชอบบุคลิกแบบเก่ง ฉลาด ถ้าซีเรียสไม่ถูกใส่ร้ายจนต้องเข้าคุกอัซคาบันเราเชื่อว่าแฮร์รี่จะมีชีวิตวัยเด็กที่ดีกว่านี้แน่ นอกจากนี้เล่มนี้เรายังเห็นพัฒนาการของเฮอร์ไมโอนี่ที่ฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกันมากในขณะที่รอนกับแฮร์รี่ยังคิดอะไรเหมือนเด็กๆอยู่เลย เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนบอกให้เอาไม้กวาดด้ามใหม่ของแฮร์รี่ไปตรวจก็เพราะเป็นห่วงจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกัน ทั้งที่เรียนหนักก็ยังหาเวลาไปช่วยคดีบัคบัค ส่วนมัลฟอยนี่เหมือนเด็กโดนพ่อแม่สปอยไม่รู้จักโต ตัวเองทำผิดแต่โทษคนอื่นทุกเรื่อง ตอนนี้ก็เป็นอีกตอนที่จบดีและแฮร์รี่มีผู้ปกครองเพิ่มอีกหนึ่งคน โดยรวมแล้วเราชอบเล่มสามมากค่ะ

Harry Potter เล่ม 02 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ (ปกแข็ง)
4
การขึ้นชั้นปีที่สองของแฮร์รี่เริ่มต้นมาก็เต็มไปด้วยอุปสรรคเมื่อ ด็อบบี้ เข้ามาเตือนแฮร์รี่ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การขึ้นชั้นปีที่สองของแฮร์รี่เริ่มต้นมาก็เต็มไปด้วยอุปสรรคเมื่อ ด็อบบี้ เข้ามาเตือนแฮร์รี่ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นและพยายามขัดขวางเขาทุกวิถีทางไม่ให้กลับไปโรงเรียน จนทำให้แฮร์รี่กับรอนต้องขโมยรถของพ่อรอนขับไปโรงเรียนจนทำให้พวกเขาเกือบถูกไล่ออก ไม่นานก็บังเกิดเหตุร้ายขึ้นที่ฮอกวอร์ต แมวของภารโรงถูกทำให้กลายเป็นหินพร้อมกับมีคนเขียนกำแพงเอาไว้ว่า ห้องแห่งความลับได้เปิดออกแล้ว ห้องลับที่ว่าถูกสร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้งบ้านสลิธิลีนและเชื่อกันว่าสัตว์ร้ายถูกขังเอาไว้ในนั้น และในชมรมการต่อสู้ตัวต่อตัวแฮร์รี่ก็ค้นพบว่าเขาสามารถพูดภาษางูได้ ซึ่งความสามารถนี้มีแต่ทายาทของสลิธิรินเท่านั้นที่จะทำได้ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย รวมไปถึงการหายตัวไปของจินนี่น้องสาวของรอนทำให้พวกเขาต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดเหตุร้ายในครั้งนี้
เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่สนุกมาก เราจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆในโลกพ่อมดและคำว่าเลือดสีโคลนที่เป็นคำเหยียด ในโลกของพ่อมดเองก็มีคนบางกลุ่มที่แบ่งชนชั้นและเหยียดคนอื่นอยู่เหมือนกัน มันไม่ใช่โลกที่สวยงามจริงๆแล้วอาจจะตรงข้ามด้วยซ้ำ ภาคนี้เราชอบดอฟฟี่ เอลฟ์หัวใหม่ที่ไม่อยากมีเจ้านาย ส่วนแฮร์รี่ก็เป็นพระเอกที่มักจะมาพร้อมกับความซวยกลายเป็นเป้าโจมตีของคนรอบข้างอยู่ๆเนืองๆบางทีก็แอบสงสารนะ แฮร์รี่เป็นแค่เด็กธรรมดาแต่เพราะสามารถจัดการโวลเดอมอร์ได้คนเลยคาดหวังในตัวเขา และเขาก็มักจะมีความสามารถแปลกๆที่ทำให้ต้องกลายเป็นคนแก้ปัญหาให้คนอื่นบ่อยๆ เล่มนี้ปริศนาเข้มข้น มีเรื่องลึกลับมาข้องเกี่ยวแถมยังได้รู้ความสามารถใหม่ของแฮร์รี่ อ่านเพลินดีค่ะ
Harry Potter เล่ม 01 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ (ปกแข็ง)
5
แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองเป็นพ่อมดจนกระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งได้ถูกส่งมาให้เขา
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองเป็นพ่อมดจนกระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งได้ถูกส่งมาให้เขาโดยชายร่างยักษ์ที่ชื่อว่าแฮกริดทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาและพ่อแม่ของเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุแต่ตายด้วยฝีมือของพ่อมดศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายที่สุด ลอร์ดโวลเดอมอร์ จดหมายแจ้งว่าเขาต้องเข้าเรียนที่ฮอกวอร์ตโรงเรียนของเหล่าพ่อมดแม่มด สถานที่ๆจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราประทับใจเล่มหนึ่งมาก อ่านกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ มันมหัศจรรย์เหมือนกับเจเคโรลลิ่งร่ายมนต์ใส่หนังสือไม่มีผิด ฉากที่เราประทับใจที่สุดคือฉากที่แฮกริดพาแฮร์รี่ไปเดินซื้อของในตรอกไดแอกอน มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินไปพร้อมกับแฮร์รี่เข้าไปยังโลกใหม่ที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน วิชาเรียน ปราสาทฮอกวอร์ต รถไฟ เป็นอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นทุกอย่าง (จะว่าไปแล้วแฮร์รี่นี่เป็นตัวจุดกระแสนิยายแฟนตาซีประเภทโรงเรียนในไทยเลย ยุคนั้นมีแต่นิยายแนวโรงเรียนออกมา) เล่มหนึ่งเป็นเล่มที่เราชอบที่สุดในเจ็ดเล่ม ทุกอย่างมันพอดีมันกลมกล่อม มันเต็มไปด้วยมนต์วิเศษ มีพ่อมด มีปราสาท มีสัตว์วิเศษ มีปีศาจร้าย สำหรับแฮร์รี่ที่ถูกเลี้ยงมาแบบโดนกดขี่จากลุงกับป้า เพื่อนก็ไม่มี ญาติก็พึ่งพาไม่ค่อยได้ การที่ได้เข้ามาอยู่ในสังคมพ่อมดที่เขาเป็นคนดังเป็นที่ยอมรับ มีอิสระ มีเพื่อนที่อยู่ข้างๆมันต้องเป็นยิ่งกว่าโชคดีแน่ๆ
Harry Potter เล่ม 03 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน (ปกแข็ง)
5
แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองเป็นพ่อมดจนกระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งได้ถูกส่งมาให้เขา
โดย: vanillasky วันที่เขียนรีวิว: 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองเป็นพ่อมดจนกระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งได้ถูกส่งมาให้เขาโดยชายร่างยักษ์ที่ชื่อว่าแฮกริดทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาและพ่อแม่ของเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุแต่ตายด้วยฝีมือของพ่อมดศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายที่สุด ลอร์ดโวลเดอมอร์ จดหมายแจ้งว่าเขาต้องเข้าเรียนที่ฮอกวอร์ตโรงเรียนของเหล่าพ่อมดแม่มด สถานที่ๆจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราประทับใจเล่มหนึ่งมาก อ่านกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ มันมหัศจรรย์เหมือนกับเจเคโรลลิ่งร่ายมนต์ใส่หนังสือไม่มีผิด ฉากที่เราประทับใจที่สุดคือฉากที่แฮกริดพาแฮร์รี่ไปเดินซื้อของในตรอกไดแอกอน มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินไปพร้อมกับแฮร์รี่เข้าไปยังโลกใหม่ที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน วิชาเรียน ปราสาทฮอกวอร์ต รถไฟ เป็นอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นทุกอย่าง (จะว่าไปแล้วแฮร์รี่นี่เป็นตัวจุดกระแสนิยายแฟนตาซีประเภทโรงเรียนในไทยเลย ยุคนั้นมีแต่นิยายแนวโรงเรียนออกมา) เล่มหนึ่งเป็นเล่มที่เราชอบที่สุดในเจ็ดเล่ม ทุกอย่างมันพอดีมันกลมกล่อม มันเต็มไปด้วยมนต์วิเศษ มีพ่อมด มีปราสาท มีสัตว์วิเศษ มีปีศาจร้าย สำหรับแฮร์รี่ที่ถูกเลี้ยงมาแบบโดนกดขี่จากลุงกับป้า เพื่อนก็ไม่มี ญาติก็พึ่งพาไม่ค่อยได้ การที่ได้เข้ามาอยู่ในสังคมพ่อมดที่เขาเป็นคนดังเป็นที่ยอมรับ มีอิสระ มีเพื่อนที่อยู่ข้างๆมันต้องเป็นยิ่งกว่าโชคดีแน่ๆ
www.batorastore.com © 2024