Customer Reviews

ผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย ที่ให้มาทั้งหมด 3 ภาษาเลย คือ ไทย จีน และอังกฤษ โดยเนื้อหาของทั้งเล่มก็จะเป็นบทสนทนาที่มักจะได้ใช้พูดคุยในชีวิตประจำวันทั้งหมดค่ะ

สำหรับในส่วนของการนำเสนอเนื้อหาก็จะแบ่งเป็น 7 บทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ บทประโยคฮิตควรรู้ ชีวิตประจำวัน การเดินทาง เวลาว่าง คำทักทาย การแสดงความคิดเห็น และความรู้สึก ในแต่ละบทก็จะแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ ที่ประกอบไปด้วยตัวอย่างวลี หรือประโยคที่มีคำพูดภาษาไทยขึ้นก่อน ตามด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาจีนปิดท้ายอีกที จากนั้นก็จะมีคำศัพท์ และวิธีการพูดเป็นภาษาอังกฤษที่คล้ายกันเพิ่มเติมให้ ถือว่าครบถ้วนสำหรับหนังสือรวมบทสนทนาจริงๆ ค่ะ

เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ ผู้รีวิวจะชอบที่เขามีตัวอย่างประโยคที่คล้ายๆ กัน หรือมีตัวอย่างคำตอบและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่จำเป็นมาแทรกให้ทุกๆ บทเป็นพิเศษ ตรงส่วนนี้จะมีประโยชน์มากกว่าแค่อ่านบทสนทนาอย่างเดียวค่ะ อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างบทสนทนาที่ยกมาให้บางส่วนก็ถือว่าง่ายมาก (คืออาจเป็นเพราะเป็นคำพูดในชีวิตประจำวันล่ะนะ) แต่บางส่วนก็เป็นคำพูดใหม่ๆ ที่น่าลองเอาไปใช้ดีค่ะ

โดยรวมแล้วก็เป็นหนังสือฝึกพูดภาษาอังกฤษ (และภาษาจีนด้วย) ที่จะมีประโยชน์มากๆ สำหรับกลุ่มผู้อ่านทุกเพศ ทุกวัย ที่อยากจะพูดภาษาอังกฤษให้ได้ ถ้าได้ลองอ่านทำความเข้าใจ และฝึกพูดบ่อยๆ โดยจะพูดกับคนใกล้ตัว หรือพูดกับตัวเองในกระจกก็จะทำให้พูดสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ไม่ยากเลย

นอกจากนี้ การจัดองค์ประกอบต่างๆ ภายในเล่มก็เป็นระเบียบเรียบร้อย มีภาพประกอบช่วยเสริมความเข้าใจ และมีการเรียงเนื้อหาแบบที่จะค่อยๆ อ่านไปทีละบท หรือจะข้ามไปอ่านบทอื่นก่อนก็ได้แล้วแต่ความชอบของผู้อ่านเลย ถือว่าสะดวกในการใช้มากๆ ค่ะ

ผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย ที่ให้มาทั้งหมด 3 ภาษาเลย คือ ไทย จีน และอังกฤษ โดยเนื้อหาของทั้งเล่มก็จะเป็นบทสนทนาที่มักจะได้ใช้พูดคุยในชีวิตประจำวันทั้งหมดค่ะ

สำหรับในส่วนของการนำเสนอเนื้อหาก็จะแบ่งเป็น 7 บทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ บทประโยคฮิตควรรู้ ชีวิตประจำวัน การเดินทาง เวลาว่าง คำทักทาย การแสดงความคิดเห็น และความรู้สึก ในแต่ละบทก็จะแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ ที่ประกอบไปด้วยตัวอย่างวลี หรือประโยคที่มีคำพูดภาษาไทยขึ้นก่อน ตามด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาจีนปิดท้ายอีกที จากนั้นก็จะมีคำศัพท์ และวิธีการพูดเป็นภาษาอังกฤษที่คล้ายกันเพิ่มเติมให้ ถือว่าครบถ้วนสำหรับหนังสือรวมบทสนทนาจริงๆ ค่ะ

เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ ผู้รีวิวจะชอบที่เขามีตัวอย่างประโยคที่คล้ายๆ กัน หรือมีตัวอย่างคำตอบและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่จำเป็นมาแทรกให้ทุกๆ บทเป็นพิเศษ ตรงส่วนนี้จะมีประโยชน์มากกว่าแค่อ่านบทสนทนาอย่างเดียวค่ะ อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างบทสนทนาที่ยกมาให้บางส่วนก็ถือว่าง่ายมาก (คืออาจเป็นเพราะเป็นคำพูดในชีวิตประจำวันล่ะนะ) แต่บางส่วนก็เป็นคำพูดใหม่ๆ ที่น่าลองเอาไปใช้ดีค่ะ

โดยรวมแล้วก็เป็นหนังสือฝึกพูดภาษาอังกฤษ (และภาษาจีนด้วย) ที่จะมีประโยชน์มากๆ สำหรับกลุ่มผู้อ่านทุกเพศ ทุกวัย ที่อยากจะพูดภาษาอังกฤษให้ได้ ถ้าได้ลองอ่านทำความเข้าใจ และฝึกพูดบ่อยๆ โดยจะพูดกับคนใกล้ตัว หรือพูดกับตัวเองในกระจกก็จะทำให้พูดสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ไม่ยากเลย

นอกจากนี้ การจัดองค์ประกอบต่างๆ ภายในเล่มก็เป็นระเบียบเรียบร้อย มีภาพประกอบช่วยเสริมความเข้าใจ และมีการเรียงเนื้อหาแบบที่จะค่อยๆ อ่านไปทีละบท หรือจะข้ามไปอ่านบทอื่นก่อนก็ได้แล้วแต่ความชอบของผู้อ่านเลย ถือว่าสะดวกในการใช้มากๆ ค่ะ

เล่มนี้เป็นผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย ซึ่งหากมองในภาพรวมทั้งเล่มแล้วถือเป็นผลงานแปลที่ดีเยี่ยมมากๆ ค่ะ

ในส่วนเนื้อหาภายในเล่มมีการแบ่งหมวดหมู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จะต้องได้ใช้ หรือได้เจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันเอาไว้อย่างครบถ้วน คือ เป็นคำศัพท์ในหมวดท่องเที่ยว (Travel) การจับจ่ายซื้อของ (Shopping) อาหารรสเลิศ (Food) การพักผ่อนหย่อนใจ (Recreation) ที่อยู่อาศัย (Housing) และ คน (People) ซึ่งแต่ละหมวดก็จะแบ่งกลุ่มคำศัพท์แยกย่อยลงไปอีกเป็นบทๆ แต่ละบทจะประกอบไปด้วยกลุ่มคำศัพท์ที่มีความคิดเชื่อมโยงกัน จากนั้นก็จะมีเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่ลิสต์เอาไว้ มีตัวอย่างวลีที่ควรรู้ ตัวอย่างบทสนทนา เกร็ดความรู้ภาษาไทยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับประเด็นคำศัพท์ที่นำเสนอ และปิดท้ายด้วยแบบทดสอบอีกทีค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้ผู้รีวิวจะชอบที่เขามีการจัดกลุ่มความคิดของคำศัพท์ได้อย่างชัดเจน มีตัวอย่างบทสนทนา และมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาให้อ่านเป็นพิเศษค่ะ เวลาอ่านจึงไม่รู้สึกเหมือนกำลังท่องศัพท์แบบฮาร์ดคอร์ที่ท่องเท่าไหร่ก็จำไม่ได้เลยล่ะ ในส่วนของคำศัพท์เองก็เป็นคำศัพท์ที่ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายแบบศัพท์อนุบาลอะไรแบบนั้น และคำแต่ละคำก็เป็นคำศัพท์ที่เราควรรู้เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ เลยล่ะ

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงวัยทำงานค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านได้แบบสบายๆ อาศัยว่าอ่านบ่อยๆ ทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ลองฝึกพูดตามบทสนทนาและลองทำแบบทดสอบของเขาไปด้วยก็จะทำให้จำคำศัพท์ได้ในที่สุดจริงๆ ค่ะ

เล่มนี้เป็นผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย ซึ่งหากมองในภาพรวมทั้งเล่มแล้วถือเป็นผลงานแปลที่ดีเยี่ยมมากๆ ค่ะ

ในส่วนเนื้อหาภายในเล่มมีการแบ่งหมวดหมู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จะต้องได้ใช้ หรือได้เจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันเอาไว้อย่างครบถ้วน คือ เป็นคำศัพท์ในหมวดท่องเที่ยว (Travel) การจับจ่ายซื้อของ (Shopping) อาหารรสเลิศ (Food) การพักผ่อนหย่อนใจ (Recreation) ที่อยู่อาศัย (Housing) และ คน (People) ซึ่งแต่ละหมวดก็จะแบ่งกลุ่มคำศัพท์แยกย่อยลงไปอีกเป็นบทๆ แต่ละบทจะประกอบไปด้วยกลุ่มคำศัพท์ที่มีความคิดเชื่อมโยงกัน จากนั้นก็จะมีเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่ลิสต์เอาไว้ มีตัวอย่างวลีที่ควรรู้ ตัวอย่างบทสนทนา เกร็ดความรู้ภาษาไทยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับประเด็นคำศัพท์ที่นำเสนอ และปิดท้ายด้วยแบบทดสอบอีกทีค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้ผู้รีวิวจะชอบที่เขามีการจัดกลุ่มความคิดของคำศัพท์ได้อย่างชัดเจน มีตัวอย่างบทสนทนา และมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาให้อ่านเป็นพิเศษค่ะ เวลาอ่านจึงไม่รู้สึกเหมือนกำลังท่องศัพท์แบบฮาร์ดคอร์ที่ท่องเท่าไหร่ก็จำไม่ได้เลยล่ะ ในส่วนของคำศัพท์เองก็เป็นคำศัพท์ที่ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายแบบศัพท์อนุบาลอะไรแบบนั้น และคำแต่ละคำก็เป็นคำศัพท์ที่เราควรรู้เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ เลยล่ะ

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงวัยทำงานค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านได้แบบสบายๆ อาศัยว่าอ่านบ่อยๆ ทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ลองฝึกพูดตามบทสนทนาและลองทำแบบทดสอบของเขาไปด้วยก็จะทำให้จำคำศัพท์ได้ในที่สุดจริงๆ ค่ะ

หนังสือเล่มนี้สวยสมเป็นหนังสือที่จะกรุยทางสู่ความฝันบนเส้นทางการวาดภาพมังงะจริงๆ ค่ะ ทั้งหน้าปก ภาพประกอบ รวมถึงการจัดองค์ประกอบภายในเล่มสวยงามและลงตัวมากทีเดียวเชียวล่ะ
ในส่วนของเนื้อหาเองก็มาแบบสบายๆ โดยจะกล่าวถึงประสบการณ์การเรียนม. ปลายที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเป็นนักวาดมังงะของผู้เขียน คือ คุณหมอก ธมนธร อมรธีรสรรค์ ค่ะ วิธีการเล่าก็คือจะเริ่มเล่าความเป็นมาของความฝันตั้งแต่เด็กๆ ไปจนกระทั่งได้สมัครเข้ามาเรียนม. ปลายที่โรงเรียนที่เปิดสอนวาดภาพมังงะของญี่ปุ่น จากนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ว่าตลอด 3 ปีที่เรียนนั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไร และได้ลงมือทำกิจกรรมอะไรบ้าง โดยจะมีตัวอย่างผลงาน และภาพประกอบต่างๆ แทรกในเนื้อหาตลอด ไม่ได้อัดเนื้อหาแน่นเสียจนอึดอัด

อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงการนำประสบการณ์มาเล่าเท่านั้น ยังไม่ได้แนะนำแบบฮาร์ดคอร์ว่าถ้าจะเป็นนักวาดการ์ตูนมังงะจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ต้องฝึกทำอะไร และทำอย่างไร ต้องเตรียมพร้อมเรื่องอะไรบ้าง ไม่ได้แนะนำช่องทางการติดต่อเพื่อสมัครงาน หรือนำเสนอผลงานเอาไว้ชัดเจน จึงยังไม่เหมาะกับคนที่ต้องการจะประกอบอาชีพเป็นนักวาดมืออาชีพเท่าใดนัก แต่จะเหมาะกับคนที่ต้องการจะเริ่มต้นก้าวเข้าสู่สายอาชีพนี้เป็นพิเศษค่ะ เพราะหนังสือเล่มนี้จะถ่ายทอดเป็นภาพกว้างๆ ให้เห็นชัดเจนเลยว่า งานวาดภาพนั้นมีแยกย่อยอีกกี่สาขา แต่ละสาขาทำอะไร หรือมีอะไรน่าสนุกให้ทำบ้าง ดังนั้นหากใครกำลังฝันที่จะวาดรูปเป็นอาชีพอยู่ และยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ที่จะช่วยตอบโจทย์นั้นเอาไว้อีกเล่มหนึ่งค่ะ

หนังสือเล่มนี้สวยสมเป็นหนังสือที่จะกรุยทางสู่ความฝันบนเส้นทางการวาดภาพมังงะจริงๆ ค่ะ ทั้งหน้าปก ภาพประกอบ รวมถึงการจัดองค์ประกอบภายในเล่มสวยงามและลงตัวมากทีเดียวเชียวล่ะ
ในส่วนของเนื้อหาเองก็มาแบบสบายๆ โดยจะกล่าวถึงประสบการณ์การเรียนม. ปลายที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเป็นนักวาดมังงะของผู้เขียน คือ คุณหมอก ธมนธร อมรธีรสรรค์ ค่ะ วิธีการเล่าก็คือจะเริ่มเล่าความเป็นมาของความฝันตั้งแต่เด็กๆ ไปจนกระทั่งได้สมัครเข้ามาเรียนม. ปลายที่โรงเรียนที่เปิดสอนวาดภาพมังงะของญี่ปุ่น จากนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ว่าตลอด 3 ปีที่เรียนนั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไร และได้ลงมือทำกิจกรรมอะไรบ้าง โดยจะมีตัวอย่างผลงาน และภาพประกอบต่างๆ แทรกในเนื้อหาตลอด ไม่ได้อัดเนื้อหาแน่นเสียจนอึดอัด

อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงการนำประสบการณ์มาเล่าเท่านั้น ยังไม่ได้แนะนำแบบฮาร์ดคอร์ว่าถ้าจะเป็นนักวาดการ์ตูนมังงะจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ต้องฝึกทำอะไร และทำอย่างไร ต้องเตรียมพร้อมเรื่องอะไรบ้าง ไม่ได้แนะนำช่องทางการติดต่อเพื่อสมัครงาน หรือนำเสนอผลงานเอาไว้ชัดเจน จึงยังไม่เหมาะกับคนที่ต้องการจะประกอบอาชีพเป็นนักวาดมืออาชีพเท่าใดนัก แต่จะเหมาะกับคนที่ต้องการจะเริ่มต้นก้าวเข้าสู่สายอาชีพนี้เป็นพิเศษค่ะ เพราะหนังสือเล่มนี้จะถ่ายทอดเป็นภาพกว้างๆ ให้เห็นชัดเจนเลยว่า งานวาดภาพนั้นมีแยกย่อยอีกกี่สาขา แต่ละสาขาทำอะไร หรือมีอะไรน่าสนุกให้ทำบ้าง ดังนั้นหากใครกำลังฝันที่จะวาดรูปเป็นอาชีพอยู่ และยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ที่จะช่วยตอบโจทย์นั้นเอาไว้อีกเล่มหนึ่งค่ะ