Customer Reviews

1,000 คำศัพท์อังกฤษที่ใช้พูดได้แบบเหนือชั้น เป็นหนังสือที่รวบรวมเอาคำศัพท์ต่างๆที่จะทำให้เรานั้นไว้ใช้เอาไปพูดกับลูกค้าหรือแม้แต่เพื่อนๆชาวต่างชาติให้เค้าฟังแล้วรู้สึกว่าเราก็มีความรู้ความสามารถและชั้นเชิงที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน โดยภายในหนังสือนอกจากจะมีคำศัพท์ให้เราได้เลือกใช้อย่างจุใจแล้วเค้าก็ยังมีสถานการณ์ตัวอย่างที่จะสาธิตในการนำคำศัพท์เหล่านั้นไปใช้ให้ได้อย่างถูกต้องอีกด้วยและได้แบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาไว้อย่างชัดเจนเพื่อความสะดวกและไม่สับสบของเพื่อนๆโดยที่เค้าจะเริ่มต้นด้วยเรื่องจากง่ายๆไปจนถึงระดับที่เราต้องใช้ความเข้าใจค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่เชื่อเถอะถ้าคุณได้นำคำศัพท์เหล่านี้ไปใช่ไม่ต้องห่วงเลยไม่ว่าจะคุยกับชาวต่างชาติวัยไหนเราก็สามารถเข้าถึงเค้าได้อย่างแน่นอน โดยส่วนตัวต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนประเภทที่ไม่ถูกกับการเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆเพราะด้วยความที่ว่าไม่ใช้ภาษาบ้านของตัวเองเลยกลายเป็นเรื่องยากไปผิดกับวิชาอื่นๆที่ใช้ภาษาไทยเพราะถึงยังไงก็ยังอ่านรู้เรื่องล่ะ ยอมรับว่าเป็นเด็กที่ขี้เกียจนะในเรื่องของการท่องจำคำศัพท์เพราะมันมีเยอะแยกมากมายหลายความหมายอ่าจะจำได้ก็แต่พวกคำง่ายๆที่ไว้ใช้เรียกสิ่งของต่างๆและคำที่คนอื่นๆมักจะนิยมพูดกันก็แค่นั้นเอง เลยไม่ว่าจะเข็นจะฉุดยังไงก็ไม่ไหวเลย แต่ถามว่าชอบไหมมันก็ชอบถ้ามันอ่านและพูดสื่อสารได้แต่กว่าที่มันจะได้นี้มันสุดๆแล้วเพราะต้องเอาใจใส่และใช้เป็นประจำแต่อย่างว่าแหละคนไทยเห้นฝรั่งก็วิ่งหนีแล้วยิ่งกว่าเจอผีอีก ไม่อยากเข้าใกล้กลัวเค้าคุยด้วยแล้วตอบไม่ได้ อายจะตาย นั้นก็เลยเป็นเหตุผลที่คนไทยกว่าค่อนประเทศพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่พอโตมาก็เริ่มได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้นเลยทำให้ต้องกลับไปขุดมันขึ้นมาอีกถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับย้อนไปเรียนอนุบาลใหม่เลยสำหรับเรื่องของภาษาแต่ก็อย่างว่าคนเราถ้าทำอะไรแล้วก็ต้องอยากที่จะทำมันให้ดีเลยเป็นที่มาของการเลือกหาหนังสือมาเริ่มในการหัดท่องจำอีกครั้ง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าหนังสือเล่มนี้ซื้อมาแล้วคุ้มมากนะนอกจากจะมีคำศัพท์ให้เราเลือกอ่านกันเยอะแล้วยังมีวิธีการอธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายและจำได้ง่ายดี จะยอมอ่านให้หมดและจำให้ได้เร็วๆละกันเพราะคงทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ถนัดนานไม่ได้อ่า แต่สำหรับใครที่ชอบและกำลังมองหาหนังสือคำศัพท์เทพไปอ่านก็บอกเลยว่าเล่มนี้อ่ะคุ้มและโอเคมากๆจร้า...

1,000 คำศัพท์อังกฤษที่ใช้พูดได้แบบเหนือชั้น เป็นหนังสือที่รวบรวมเอาคำศัพท์ต่างๆที่จะทำให้เรานั้นไว้ใช้เอาไปพูดกับลูกค้าหรือแม้แต่เพื่อนๆชาวต่างชาติให้เค้าฟังแล้วรู้สึกว่าเราก็มีความรู้ความสามารถและชั้นเชิงที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน โดยภายในหนังสือนอกจากจะมีคำศัพท์ให้เราได้เลือกใช้อย่างจุใจแล้วเค้าก็ยังมีสถานการณ์ตัวอย่างที่จะสาธิตในการนำคำศัพท์เหล่านั้นไปใช้ให้ได้อย่างถูกต้องอีกด้วยและได้แบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาไว้อย่างชัดเจนเพื่อความสะดวกและไม่สับสบของเพื่อนๆโดยที่เค้าจะเริ่มต้นด้วยเรื่องจากง่ายๆไปจนถึงระดับที่เราต้องใช้ความเข้าใจค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่เชื่อเถอะถ้าคุณได้นำคำศัพท์เหล่านี้ไปใช่ไม่ต้องห่วงเลยไม่ว่าจะคุยกับชาวต่างชาติวัยไหนเราก็สามารถเข้าถึงเค้าได้อย่างแน่นอน โดยส่วนตัวต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนประเภทที่ไม่ถูกกับการเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆเพราะด้วยความที่ว่าไม่ใช้ภาษาบ้านของตัวเองเลยกลายเป็นเรื่องยากไปผิดกับวิชาอื่นๆที่ใช้ภาษาไทยเพราะถึงยังไงก็ยังอ่านรู้เรื่องล่ะ ยอมรับว่าเป็นเด็กที่ขี้เกียจนะในเรื่องของการท่องจำคำศัพท์เพราะมันมีเยอะแยกมากมายหลายความหมายอ่าจะจำได้ก็แต่พวกคำง่ายๆที่ไว้ใช้เรียกสิ่งของต่างๆและคำที่คนอื่นๆมักจะนิยมพูดกันก็แค่นั้นเอง เลยไม่ว่าจะเข็นจะฉุดยังไงก็ไม่ไหวเลย แต่ถามว่าชอบไหมมันก็ชอบถ้ามันอ่านและพูดสื่อสารได้แต่กว่าที่มันจะได้นี้มันสุดๆแล้วเพราะต้องเอาใจใส่และใช้เป็นประจำแต่อย่างว่าแหละคนไทยเห้นฝรั่งก็วิ่งหนีแล้วยิ่งกว่าเจอผีอีก ไม่อยากเข้าใกล้กลัวเค้าคุยด้วยแล้วตอบไม่ได้ อายจะตาย นั้นก็เลยเป็นเหตุผลที่คนไทยกว่าค่อนประเทศพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่พอโตมาก็เริ่มได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้นเลยทำให้ต้องกลับไปขุดมันขึ้นมาอีกถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับย้อนไปเรียนอนุบาลใหม่เลยสำหรับเรื่องของภาษาแต่ก็อย่างว่าคนเราถ้าทำอะไรแล้วก็ต้องอยากที่จะทำมันให้ดีเลยเป็นที่มาของการเลือกหาหนังสือมาเริ่มในการหัดท่องจำอีกครั้ง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าหนังสือเล่มนี้ซื้อมาแล้วคุ้มมากนะนอกจากจะมีคำศัพท์ให้เราเลือกอ่านกันเยอะแล้วยังมีวิธีการอธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายและจำได้ง่ายดี จะยอมอ่านให้หมดและจำให้ได้เร็วๆละกันเพราะคงทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ถนัดนานไม่ได้อ่า แต่สำหรับใครที่ชอบและกำลังมองหาหนังสือคำศัพท์เทพไปอ่านก็บอกเลยว่าเล่มนี้อ่ะคุ้มและโอเคมากๆจร้า...

ไม่แพ้ แค่ไม่ท้อ เป็นเพียงหนังสือเล่มเล็กๆที่จะทำให้คุณลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนใหม่ที่กล้าและเข้มแข็งกว่าเดิม กล้าที่จะเปลี่ยนความคิดให้ดีและคิดในสิ่งที่ดีอยู่เสมอ และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับทุกชีวิตได้สู้กับทุกปัญหากันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้จะต้องเจ็บจนล้มลุกคลุกคลานแต่ขอเพียงแค่กล้าที่จะลุกขึ้นมาอย่างมีพลังก็จะสามารถเดินต่อไปอย่างสุดความสามารถที่คุณมีแล้ว โดยภายในหนังสือนั้นได้รวบรวมบทความที่ให้แง่คิดและแฝงไปด้วยกำลังใจที่เปี่ยมล้นซึ่งจะทำให้คุณผู้อ่านนั้นเกิดความรู้สึกอยากที่จะลุกขึ้นมาเพื่อสานในสิ่งที่ฝันไว้ได้เลย ด้วยเนื้อหาที่ชวนให้ติดตามพร้อมทั้งยังอ่านง่ายอธิบายสนุกจึงถือว่าเป็นพลังเล็กๆที่จะเข้ามาสานความฝันให้กับทุกชีวิตได้ก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งและมั่งคง โดยไม่ท้อต่อความยากลำบากเลย ดิฉันเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าพ่ายแพ้และหมดหวังกันมาบ้างไม่ว่าจะเป็นสอบตก แฟนทิ้ง สอบเข้าไปเรียนต่อในคณะที่ตัวเองชอบไม่ได้ จบมาหางานทำไม่ได้ หรือตกงานทั้งๆที่ยังไม่พร้อมก็ตามแต่ทุกปัญหาล้วนแต่ทำให้เรานั้นเหนื่อยและอยากที่จะยอมแพ้มันทั้งสิ้น แต่แค่อยากให้คิดว่าเราก็ยังมีลมหายใจล่ะเป็นคุณจะลุกแล้วเดินไปต่อไหมหรือจะยอมแพ้นั่งหายใจอยู่กับเรื่องราวที่มันผ่านไปแล้วโดยที่ไม่ดิ้นรนทำอะไร เชื่อว่าทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิตด้วยกันทั้งนั้นอยู่ที่ว่าใครจะทำให้มันสำเร็จขึ้นมาได้บ้างต่างหาก และคนที่เค้าประสบความสำเร็จในชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องได้เรียนโรงเรียนดีๆ หรือสอบเข้าเรียนในมหาลัยดีๆได้ซะหน่อย คนส่วนมากที่เค้าประสบความสำเร็จเกิดจากที่เค้าเองไม่ย่อท้อและกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความกลัวที่รอเค้าอยู่ข้างหน้าต่างหาก ถึงเค้าล้มเค้าก็แค่ลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอเพียงแค่มีความมานะและพยายามมากพอที่จะผ่านมันไปให้ได้เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ทุกคนได้พบเจอกับความสำเร็จที่มันตั้งหน้าตั้งตารอเรามานานอย่างแน่นอน ขอเพียงเราไม่ล้มเลิกและละทิ้งมันไปซะก่อน เพราะความสำเร็จไม่เคยวิ่งหนีเราไปไหนอยู่ที่ตัวเราทั้งนั้นว่าจะสามารถวิ่งไปหามันได้หรือเปล่า เห็นไหมว่าถ้าเราไม่ท้อและไม่ยอมแพ้นั้นจะทำให้เราสมหวังดั่งที่เราตั้งใจไว้ได้ขนาดไหน วันนี้คุณอาจจะแพ้ แต่เชื่อเถอะถ้ายังมีวันพุ่งนี้ทุกอย่างก็ยังสามารถกลับมาพลิกผันได้อยู่ดี...

ไม่แพ้ แค่ไม่ท้อ เป็นเพียงหนังสือเล่มเล็กๆที่จะทำให้คุณลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนใหม่ที่กล้าและเข้มแข็งกว่าเดิม กล้าที่จะเปลี่ยนความคิดให้ดีและคิดในสิ่งที่ดีอยู่เสมอ และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับทุกชีวิตได้สู้กับทุกปัญหากันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้จะต้องเจ็บจนล้มลุกคลุกคลานแต่ขอเพียงแค่กล้าที่จะลุกขึ้นมาอย่างมีพลังก็จะสามารถเดินต่อไปอย่างสุดความสามารถที่คุณมีแล้ว โดยภายในหนังสือนั้นได้รวบรวมบทความที่ให้แง่คิดและแฝงไปด้วยกำลังใจที่เปี่ยมล้นซึ่งจะทำให้คุณผู้อ่านนั้นเกิดความรู้สึกอยากที่จะลุกขึ้นมาเพื่อสานในสิ่งที่ฝันไว้ได้เลย ด้วยเนื้อหาที่ชวนให้ติดตามพร้อมทั้งยังอ่านง่ายอธิบายสนุกจึงถือว่าเป็นพลังเล็กๆที่จะเข้ามาสานความฝันให้กับทุกชีวิตได้ก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งและมั่งคง โดยไม่ท้อต่อความยากลำบากเลย ดิฉันเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าพ่ายแพ้และหมดหวังกันมาบ้างไม่ว่าจะเป็นสอบตก แฟนทิ้ง สอบเข้าไปเรียนต่อในคณะที่ตัวเองชอบไม่ได้ จบมาหางานทำไม่ได้ หรือตกงานทั้งๆที่ยังไม่พร้อมก็ตามแต่ทุกปัญหาล้วนแต่ทำให้เรานั้นเหนื่อยและอยากที่จะยอมแพ้มันทั้งสิ้น แต่แค่อยากให้คิดว่าเราก็ยังมีลมหายใจล่ะเป็นคุณจะลุกแล้วเดินไปต่อไหมหรือจะยอมแพ้นั่งหายใจอยู่กับเรื่องราวที่มันผ่านไปแล้วโดยที่ไม่ดิ้นรนทำอะไร เชื่อว่าทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิตด้วยกันทั้งนั้นอยู่ที่ว่าใครจะทำให้มันสำเร็จขึ้นมาได้บ้างต่างหาก และคนที่เค้าประสบความสำเร็จในชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องได้เรียนโรงเรียนดีๆ หรือสอบเข้าเรียนในมหาลัยดีๆได้ซะหน่อย คนส่วนมากที่เค้าประสบความสำเร็จเกิดจากที่เค้าเองไม่ย่อท้อและกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความกลัวที่รอเค้าอยู่ข้างหน้าต่างหาก ถึงเค้าล้มเค้าก็แค่ลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอเพียงแค่มีความมานะและพยายามมากพอที่จะผ่านมันไปให้ได้เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ทุกคนได้พบเจอกับความสำเร็จที่มันตั้งหน้าตั้งตารอเรามานานอย่างแน่นอน ขอเพียงเราไม่ล้มเลิกและละทิ้งมันไปซะก่อน เพราะความสำเร็จไม่เคยวิ่งหนีเราไปไหนอยู่ที่ตัวเราทั้งนั้นว่าจะสามารถวิ่งไปหามันได้หรือเปล่า เห็นไหมว่าถ้าเราไม่ท้อและไม่ยอมแพ้นั้นจะทำให้เราสมหวังดั่งที่เราตั้งใจไว้ได้ขนาดไหน วันนี้คุณอาจจะแพ้ แต่เชื่อเถอะถ้ายังมีวันพุ่งนี้ทุกอย่างก็ยังสามารถกลับมาพลิกผันได้อยู่ดี...

ไม่มีใครหรืออะไรทำร้ายคุณได้ ถ้าคุณไม่ยินยอม เป็นหนังสือที่มีชื่อเรื่องยาวมากแต่ได้เนื้อหาสาระที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงเชียวล่ะ แถมเนื้อหาภายในหนังสือยังแฝงไปด้วยแง่คิดที่จะทำให้เพื่อนๆทุกคนได้สัมผัสไปกับเรื่องราวที่มันสะท้อนถึงความจริงในชีวิตของเราเองในหลายๆเรื่อง ฟังดูอาจจะเป็นเหมือนหนังสือเครียดๆ แต่พอได้อ่านแล้วกลับรู้สึกว่าสบายใจและเนื้อหาส่วนใหญ่ก็ยังให้กำลังให้อีกเลยทำให้อ่านได้ค่อนข้างเรื่อยๆไม่น่าเบื่อและก็ไม่ชวนให้เครียดอีกด้วยค่ะ พออ่านก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของทุกคนนั้นมักจะมีเรื่องราวที่ต้องพบเจอต่างกัน ต่างที่มา ต่างเหตุผล แต่บทสรุปสุดท้ายคือเรื่องราวนั้นๆมันกลับยังคงสร้างรอยแผลบาดลึกในจิตใจและความทรงจำที่ยังคงชัดเจนอยู่นั้นก็คือความเจ็บช้ำและความทุกที่ได้มา บางคนทุกมากจนไม่อยากที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว จนลืมความจริงบางอย่างที่ว่าทุกเรื่องราว และทุกความรู้สึกนั้นเราเป็นคนที่ไปรับมันให้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราเองต่างหากไม่มีใครเค้ามาหยิบยื่นให้เลย จริงอยู่ที่ว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคุณเป็นต้อนเหตุแต่ผลที่ได้คือคุณก็ต้องมานั่งทุกเหมือนกันใช้ไหมล่ะ เพราะงั้นไม่ว่าจะเกิดจากอะไรและเป็นเรื่องของใครเราก็สามารถเลือกที่จะรับมาหรือไม่รับก็ได้จริงไหม ดังนั้นการใช้ชีวิตให้อยู่บนพื้นฐานของความสุขก็ควรเริ่มจากที่เรานั้นหยุดที่จะทำร้ายตัวเองให้ต้องบอบช้ำไปกับเรื่องราวความเศร้า ความผิดหวัง ความเสียใจ จะเพราะจากตัวเองหรือจากคนอื่นก็ดี และหันกลับมองและสำรวจตัวเองให้ถี่ถ้วนว่าความสุขแท้จริงนั้นของเราอยู่ที่ไหนและคืออะไร ถ้าหาเจอแล้วคุณจะรู้สึกว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุขและอบอุ่นเสมือนได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแน่นอน เห็นไหมค่ะว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราเองนั้นไม่อาจสามารถค้นพบทางออกหรือคำตอบได้ด้วยตนเองจึงทำให้ต้องมีผู้ที่คอยบอกและคอยเตือนสติของคุณอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเชื่อว่าสำหรับอีกหลายๆคนคงจะใช้เวลาอีกไม่น้อยเลยกว่าจะค้นพบวิธีการที่จะนำพาความสุขมาสู่ชีวิตของตนเอง ดิฉันจึงอยากที่จะให้ทุกคนได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิตเสมอ บางครั้งความสุขก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆจากการกระทำที่เรามักจะเห็นว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตามแต่เชื่อเถอะว่าความสุขของคุณมันทำให้ใครบางคนได้พบกับความสุขไปพร้อมๆกันก็ได้ตามตัวอย่างของชื่อหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ....

ไม่มีใครหรืออะไรทำร้ายคุณได้ ถ้าคุณไม่ยินยอม เป็นหนังสือที่มีชื่อเรื่องยาวมากแต่ได้เนื้อหาสาระที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงเชียวล่ะ แถมเนื้อหาภายในหนังสือยังแฝงไปด้วยแง่คิดที่จะทำให้เพื่อนๆทุกคนได้สัมผัสไปกับเรื่องราวที่มันสะท้อนถึงความจริงในชีวิตของเราเองในหลายๆเรื่อง ฟังดูอาจจะเป็นเหมือนหนังสือเครียดๆ แต่พอได้อ่านแล้วกลับรู้สึกว่าสบายใจและเนื้อหาส่วนใหญ่ก็ยังให้กำลังให้อีกเลยทำให้อ่านได้ค่อนข้างเรื่อยๆไม่น่าเบื่อและก็ไม่ชวนให้เครียดอีกด้วยค่ะ พออ่านก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของทุกคนนั้นมักจะมีเรื่องราวที่ต้องพบเจอต่างกัน ต่างที่มา ต่างเหตุผล แต่บทสรุปสุดท้ายคือเรื่องราวนั้นๆมันกลับยังคงสร้างรอยแผลบาดลึกในจิตใจและความทรงจำที่ยังคงชัดเจนอยู่นั้นก็คือความเจ็บช้ำและความทุกที่ได้มา บางคนทุกมากจนไม่อยากที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว จนลืมความจริงบางอย่างที่ว่าทุกเรื่องราว และทุกความรู้สึกนั้นเราเป็นคนที่ไปรับมันให้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราเองต่างหากไม่มีใครเค้ามาหยิบยื่นให้เลย จริงอยู่ที่ว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคุณเป็นต้อนเหตุแต่ผลที่ได้คือคุณก็ต้องมานั่งทุกเหมือนกันใช้ไหมล่ะ เพราะงั้นไม่ว่าจะเกิดจากอะไรและเป็นเรื่องของใครเราก็สามารถเลือกที่จะรับมาหรือไม่รับก็ได้จริงไหม ดังนั้นการใช้ชีวิตให้อยู่บนพื้นฐานของความสุขก็ควรเริ่มจากที่เรานั้นหยุดที่จะทำร้ายตัวเองให้ต้องบอบช้ำไปกับเรื่องราวความเศร้า ความผิดหวัง ความเสียใจ จะเพราะจากตัวเองหรือจากคนอื่นก็ดี และหันกลับมองและสำรวจตัวเองให้ถี่ถ้วนว่าความสุขแท้จริงนั้นของเราอยู่ที่ไหนและคืออะไร ถ้าหาเจอแล้วคุณจะรู้สึกว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุขและอบอุ่นเสมือนได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแน่นอน เห็นไหมค่ะว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราเองนั้นไม่อาจสามารถค้นพบทางออกหรือคำตอบได้ด้วยตนเองจึงทำให้ต้องมีผู้ที่คอยบอกและคอยเตือนสติของคุณอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเชื่อว่าสำหรับอีกหลายๆคนคงจะใช้เวลาอีกไม่น้อยเลยกว่าจะค้นพบวิธีการที่จะนำพาความสุขมาสู่ชีวิตของตนเอง ดิฉันจึงอยากที่จะให้ทุกคนได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิตเสมอ บางครั้งความสุขก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆจากการกระทำที่เรามักจะเห็นว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตามแต่เชื่อเถอะว่าความสุขของคุณมันทำให้ใครบางคนได้พบกับความสุขไปพร้อมๆกันก็ได้ตามตัวอย่างของชื่อหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ....

เรารักกันหรือแค่ผูกพัน หนังสือที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาและปมความรักขมๆที่ไม่อาจปล่อยไปหรือต้องทนอยู่ต่อไปด้วยความเจ็บช้ำ ของคู่รักที่จะนำมาซึ่งคำตอบของหัวใจใครหลายๆคนที่อาจกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นได้ วันนี้จึงอยากที่จะช่วยให้ทุกคู่รักเริ่มหันหน้าเข้าหากันและตรวจดูความสุมพันธ์ของคู่เราว่าเป็นหรือกำลังจะเป็นอย่างเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้หรือไม่ ดิฉันจึงอยากให้เรามาได้พิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมๆกันด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวและเนื้อหาที่อ่านง่ายและชวนให้หลงใหลไปกับเสน่หาของห้วงความรักนั้นจึงทำให้กลายเป็นหนังสือที่ดิฉันสนใจอ่านทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ปัญหาในเรื่องของความรักด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนังสือเล่มนี้ใครๆก็อ่านได้ดีซีกจะได้ศึกษาและนำแง่คิดที่ได้ไปปรับแก้ใช้ให้เข้ากับคู่รักของตัวเองบ้าง โดยในหนังสือก็จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ อารมณ์และคำถามที่มักจะเกิดขึ้นกับคู่รักทุกคู่ที่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่มันไม่เหลือไว้ซึ่งความรักกันอีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงเวลาที่จะทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มันเหลืออยู่ว่ามันยังเป็นสิ่งที่สำคัญหรือไม่เท่านั้นเอง มีคู่รักหลายๆคู่ที่ต่างก็พยายามจะหาเหตุผลมาบอกตัวเองว่าถึงยังไงก็ยังรักกันอยู่โดยที่ลืมนึกถึงความรู้สึกลึกๆข้างในของทั้งคู่ว่าแท้จริงแล้วเราต่างยังรักหรือต้องการกันอยู่อีกหรือเปล่า ดังนั้นเมื่อคู่รักทุกคู่ได้ถึงจุดที่ต่างก็เริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่เหมือนเดิม ทั้งสองควรที่จะหยุดเดินและหันกลับมาหาคนที่เรารักหรือว่ากลายเป้นคนที่เคยรักไปแล้ว ว่าตอนนี้ทั้งคู่นั้นยังอยากที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันและด้วยกันอีกหรือเปล่า ถ้ามีคนใดคนหนึ่งไม่อยากเดินไปต่อแล้วฉะนั้นเรายังจะยื้อและรั้งให้เค้าเดินไปกับเราอีกทำไม อย่าคิดว่ารักแล้วจะรั้งให้เค้านั้นอยู่กับความผูกพันที่เคยมีจะดีกว่าไหม และนอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่สามารถนำไปใช้กับคู่ของเราอีกอย่างเช่นเวลาที่ทะเลาะกันนั้นทุกครั้งต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มักจะท้าเลิกทุกทีไป ซึ่งบางครั้งก็อาจจะพูดออกไปด้วยอารมณ์แต่ไม่ได้รู้สึกว่าอยากที่จะเลิกจริงๆก็ตาม แต่กลับกันอีกฝ่ายที่เป็นคนฟังเค้าเสียใจไปแล้ว ดีไม่ดีเค้าอาจจะตอบกลับมาว่าเลิกก็ได้ ที่นี้ทำไงล่ะ โทษใครได้ไหม? มาถึงตรงจุดนั้นคงไม่อาจที่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เพราะงั้นจึงเป็นอุทาหรสอนใจพวกชอบเอ๊ะอ่ะก็ขอเลิกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ..

เรารักกันหรือแค่ผูกพัน หนังสือที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาและปมความรักขมๆที่ไม่อาจปล่อยไปหรือต้องทนอยู่ต่อไปด้วยความเจ็บช้ำ ของคู่รักที่จะนำมาซึ่งคำตอบของหัวใจใครหลายๆคนที่อาจกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นได้ วันนี้จึงอยากที่จะช่วยให้ทุกคู่รักเริ่มหันหน้าเข้าหากันและตรวจดูความสุมพันธ์ของคู่เราว่าเป็นหรือกำลังจะเป็นอย่างเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้หรือไม่ ดิฉันจึงอยากให้เรามาได้พิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมๆกันด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวและเนื้อหาที่อ่านง่ายและชวนให้หลงใหลไปกับเสน่หาของห้วงความรักนั้นจึงทำให้กลายเป็นหนังสือที่ดิฉันสนใจอ่านทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ปัญหาในเรื่องของความรักด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนังสือเล่มนี้ใครๆก็อ่านได้ดีซีกจะได้ศึกษาและนำแง่คิดที่ได้ไปปรับแก้ใช้ให้เข้ากับคู่รักของตัวเองบ้าง โดยในหนังสือก็จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ อารมณ์และคำถามที่มักจะเกิดขึ้นกับคู่รักทุกคู่ที่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่มันไม่เหลือไว้ซึ่งความรักกันอีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงเวลาที่จะทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มันเหลืออยู่ว่ามันยังเป็นสิ่งที่สำคัญหรือไม่เท่านั้นเอง มีคู่รักหลายๆคู่ที่ต่างก็พยายามจะหาเหตุผลมาบอกตัวเองว่าถึงยังไงก็ยังรักกันอยู่โดยที่ลืมนึกถึงความรู้สึกลึกๆข้างในของทั้งคู่ว่าแท้จริงแล้วเราต่างยังรักหรือต้องการกันอยู่อีกหรือเปล่า ดังนั้นเมื่อคู่รักทุกคู่ได้ถึงจุดที่ต่างก็เริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่เหมือนเดิม ทั้งสองควรที่จะหยุดเดินและหันกลับมาหาคนที่เรารักหรือว่ากลายเป้นคนที่เคยรักไปแล้ว ว่าตอนนี้ทั้งคู่นั้นยังอยากที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันและด้วยกันอีกหรือเปล่า ถ้ามีคนใดคนหนึ่งไม่อยากเดินไปต่อแล้วฉะนั้นเรายังจะยื้อและรั้งให้เค้าเดินไปกับเราอีกทำไม อย่าคิดว่ารักแล้วจะรั้งให้เค้านั้นอยู่กับความผูกพันที่เคยมีจะดีกว่าไหม และนอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่สามารถนำไปใช้กับคู่ของเราอีกอย่างเช่นเวลาที่ทะเลาะกันนั้นทุกครั้งต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มักจะท้าเลิกทุกทีไป ซึ่งบางครั้งก็อาจจะพูดออกไปด้วยอารมณ์แต่ไม่ได้รู้สึกว่าอยากที่จะเลิกจริงๆก็ตาม แต่กลับกันอีกฝ่ายที่เป็นคนฟังเค้าเสียใจไปแล้ว ดีไม่ดีเค้าอาจจะตอบกลับมาว่าเลิกก็ได้ ที่นี้ทำไงล่ะ โทษใครได้ไหม? มาถึงตรงจุดนั้นคงไม่อาจที่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เพราะงั้นจึงเป็นอุทาหรสอนใจพวกชอบเอ๊ะอ่ะก็ขอเลิกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ..

หนุ่มมาร์ส & สาววีนัส เดตนี้ไม่มีแห้ว Mars & Venus เป็นอีกหนึ่งของความประทับใจของหนังสือที่ดิฉันชื่นชอบเป็นอย่างมากอีกเล่มหนึ่งซึ่งเป็นผลงานการเขียนของกูรูหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรักที่มีคนยกย่องให้เค้าเป็นเทพแห่งทางด้านนี้กันเลยทีเดียวและหนังสือก่อนหน้านี้ที่ถูกรังสรรค์มาจากประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาปัญหาด้านความรักจนเกิดเป็นหนังสือที่ฮิตฮอตไปทั่วโลกอย่าง"Men are from Mars, Women are from Venus" ที่จะเล่าถึงความแตกต่างและความคิดของแต่ละฝ่ายที่แสดงออกมาซึ่งการกระทำในรูปแบบต่างๆของความรัก ว่าล้วนที่สุดแล้วถึงจะมีอะไรที่ไม่เหมือนกันเลยแต่เราก็สามารถที่จะรักและเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันได้ จนมาถึงผลงานเรื่องล่าสุดของเค้าที่จะนำหนุ่มมาร์สและสาววีนัสกลับมาให้ทุกคนได้เริ่มเดินทางไปค้นหาความรักครั้งใหม่ตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว ว่าจะต้องทำอย่างไร คิดแบบไหน และวิธีไหนที่จะช่วยให้ความรักของเรานั้นประสบผลสำเร็จอย่างที่สุด โดยผ่านสองตัวละครที่เราต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี และด้วยการใช้สำนวนและภาษาที่ไม่ซับซ้อนจึงทำให้เนื้อหาอ่านสนุกและชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงถือว่าไม่ควรพลาดที่จะหามาอ่านเลยเพราะมันจะทำให้คุณได้กลับไปสัมผัสกับช่วงเวลาที่เราอาจจะลืมไปแล้วหรือสำหรับใครอีกหลายๆคนที่กำลังจะเริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะรักอยู่รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังในความรู้และสิ่งดีๆที่คนแต่งเค้าตั้งใจมอบให้กับทุกคนที่หัวใจมีรักเป็นสีชมพูหรือคนโสดที่หัวใจกำลังอ้างว้างอยากจะหาใครสักคนเข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตของเค้าและเธอเป็นอย่างแน่นอน คราวนี้เราจะได้ล่วงรู้ถึงความคิดและทัศนะคติของหญิงชายที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกร้อนๆหนาวๆไปกับคำพูดและการกระทำที่บางครั้งเราอาจจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อนก็ได้ ส่วนคนโสดเค้าก็มีวิธีในการสอนที่จะเลือกเข้าหาหรือลองที่จะกล้าเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิตได้อย่างมีสีสันและชวนให้ขำไปกับวีรกรรมสุดแสบที่บางครั้งมันก็เคยเป็นเรื่องจริงของใครอีกหลายๆคนก็เป็นได้ ฉะนั้นจึงอยากที่จะให้เพื่อนๆได้หามาอ่านและเริ่มเรียนรู้เรื่องราวความรักอีกครั้งไปพร้อมๆกัน สนุกและมีความสุขไปกับความคิดที่ไม่มีปิดกั้นของกันและกัน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนุมมาร์สและสาววีนัสที่จะทำให้คุณได้พบความรักที่สวยงามและสมบูรณ์กันเถอะค่ะ...

หนุ่มมาร์ส & สาววีนัส เดตนี้ไม่มีแห้ว Mars & Venus เป็นอีกหนึ่งของความประทับใจของหนังสือที่ดิฉันชื่นชอบเป็นอย่างมากอีกเล่มหนึ่งซึ่งเป็นผลงานการเขียนของกูรูหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรักที่มีคนยกย่องให้เค้าเป็นเทพแห่งทางด้านนี้กันเลยทีเดียวและหนังสือก่อนหน้านี้ที่ถูกรังสรรค์มาจากประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาปัญหาด้านความรักจนเกิดเป็นหนังสือที่ฮิตฮอตไปทั่วโลกอย่าง"Men are from Mars, Women are from Venus" ที่จะเล่าถึงความแตกต่างและความคิดของแต่ละฝ่ายที่แสดงออกมาซึ่งการกระทำในรูปแบบต่างๆของความรัก ว่าล้วนที่สุดแล้วถึงจะมีอะไรที่ไม่เหมือนกันเลยแต่เราก็สามารถที่จะรักและเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันได้ จนมาถึงผลงานเรื่องล่าสุดของเค้าที่จะนำหนุ่มมาร์สและสาววีนัสกลับมาให้ทุกคนได้เริ่มเดินทางไปค้นหาความรักครั้งใหม่ตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว ว่าจะต้องทำอย่างไร คิดแบบไหน และวิธีไหนที่จะช่วยให้ความรักของเรานั้นประสบผลสำเร็จอย่างที่สุด โดยผ่านสองตัวละครที่เราต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี และด้วยการใช้สำนวนและภาษาที่ไม่ซับซ้อนจึงทำให้เนื้อหาอ่านสนุกและชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงถือว่าไม่ควรพลาดที่จะหามาอ่านเลยเพราะมันจะทำให้คุณได้กลับไปสัมผัสกับช่วงเวลาที่เราอาจจะลืมไปแล้วหรือสำหรับใครอีกหลายๆคนที่กำลังจะเริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะรักอยู่รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังในความรู้และสิ่งดีๆที่คนแต่งเค้าตั้งใจมอบให้กับทุกคนที่หัวใจมีรักเป็นสีชมพูหรือคนโสดที่หัวใจกำลังอ้างว้างอยากจะหาใครสักคนเข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตของเค้าและเธอเป็นอย่างแน่นอน คราวนี้เราจะได้ล่วงรู้ถึงความคิดและทัศนะคติของหญิงชายที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกร้อนๆหนาวๆไปกับคำพูดและการกระทำที่บางครั้งเราอาจจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อนก็ได้ ส่วนคนโสดเค้าก็มีวิธีในการสอนที่จะเลือกเข้าหาหรือลองที่จะกล้าเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิตได้อย่างมีสีสันและชวนให้ขำไปกับวีรกรรมสุดแสบที่บางครั้งมันก็เคยเป็นเรื่องจริงของใครอีกหลายๆคนก็เป็นได้ ฉะนั้นจึงอยากที่จะให้เพื่อนๆได้หามาอ่านและเริ่มเรียนรู้เรื่องราวความรักอีกครั้งไปพร้อมๆกัน สนุกและมีความสุขไปกับความคิดที่ไม่มีปิดกั้นของกันและกัน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนุมมาร์สและสาววีนัสที่จะทำให้คุณได้พบความรักที่สวยงามและสมบูรณ์กันเถอะค่ะ...

สุขแท้จริง คือการอยู่กับปัจจุบัน เป็นหนังสือที่ถูกเขียนและรวบรวมเรื่องราวมาจากชีวิตจริงของผู้แต่งอย่าง คุณปนัดดา ธรรมพาสุข ที่ได้รับคำสั่งสอนและแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตจากพระพุทธ จึงถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลตัวอย่างของเยาวชนรุ่นใหม่ที่รู้จักเข้าหาหลักธรรมคำสั่งสอน และแนวทางในการปฏิบัติให้คงอยู่ในศีลธรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อตัวเองโดยที่ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนคนนึงเลย เพราะเค้าได้ซึมซับและรับแต่สิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีมาตั้งแต่เล็กๆ เลยสามารถนำมาสร้างเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคนได้เป็นอย่างดีและถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก้เยาวชนได้เห็นและนำไปทำตามอีกด้วย การเรียบเรียงและการใช้ภาษาของเค้าก็เป้นภาษาที่เข้าใจง่าย และอ่านง่ายจึงทำให้เรื่องราวออกมาน่าสนใจและชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าประทับใจและทำให้ได้คิดอะไรมากขึ้นหลายอย่างหรือบางอย่างที่เรามักจะมองข้ามไปในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะสอนให้เรากลับไปคิดและนำทุกเรื่องราวมาแก้ไขให้ทุกอย่างมันควรจะเป็นและทำให้เราไม่ทุกเหมือนจากเดิมอีกด้วย สำหรับดิฉันเองต้องยอมรับเลยว่าเป็นคนที่เครียดกับทุกเรื่องและมักจะยึดติดกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วเป็นอย่างมาก ชอบที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านมาว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน ว่าเคยทำอะไรมาบ้าง เคยอยู่และเป็นอย่างไร ก็มักที่จะไปรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆให้กลับมาทำร้ายตัวเองในเวลาปัจจุบันที่มันไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรเลย และนั้นจึงเป็นปัญหาอย่างมากที่มักจะทำให้รู้สึกว่าทำไมชีวิตของตัวเราเองนั้นกลับไม่ค่อยมีความสุขจนพลอยทำให้คนที่อยู่รอบข้างไม่มีความสุขไปด้วย แต่ตั้งแต่ได้อ่านและศึกษาหนังสือเล่มนี้ไปแล้วนั้นก็ทำให้ได้กลับไปคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร เรารู้สึกย่างไร และเรากำลังที่จะทำอะไร พอคิดได้ก็มานั่งทบทวนถึงสาเหตุของความทุกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่ามาจากอะไรและก็ได้พบว่าแท้จริงแล้วนั้นความทุกที่เรานั้นสร้างขึ้นมานั้นมันไม่ได้มีอยู่จริงมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เรามัวแต่ไปยึดติดกับอดีต จนส่งผลมาถึงเรื่องราวในปัจจุบัน และเมื่อหันกลับมาสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าจริงๆแล้วเราก็เป็นคนๆหนึ่งที่มีชีวิตและเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นอยู่มากมายกับตัวเองอยู่เสมอ ไม่เห็นจะมีเรื่องที่ต้องเครียดหรือหนักใจเลย ปัจจุบันที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากเท่าไหร่แล้วไม่เห็นจะต้องดิ้นรนไปหาความสุขจากที่ไหนเลย...

สุขแท้จริง คือการอยู่กับปัจจุบัน เป็นหนังสือที่ถูกเขียนและรวบรวมเรื่องราวมาจากชีวิตจริงของผู้แต่งอย่าง คุณปนัดดา ธรรมพาสุข ที่ได้รับคำสั่งสอนและแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตจากพระพุทธ จึงถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลตัวอย่างของเยาวชนรุ่นใหม่ที่รู้จักเข้าหาหลักธรรมคำสั่งสอน และแนวทางในการปฏิบัติให้คงอยู่ในศีลธรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อตัวเองโดยที่ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนคนนึงเลย เพราะเค้าได้ซึมซับและรับแต่สิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีมาตั้งแต่เล็กๆ เลยสามารถนำมาสร้างเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคนได้เป็นอย่างดีและถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก้เยาวชนได้เห็นและนำไปทำตามอีกด้วย การเรียบเรียงและการใช้ภาษาของเค้าก็เป้นภาษาที่เข้าใจง่าย และอ่านง่ายจึงทำให้เรื่องราวออกมาน่าสนใจและชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าประทับใจและทำให้ได้คิดอะไรมากขึ้นหลายอย่างหรือบางอย่างที่เรามักจะมองข้ามไปในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะสอนให้เรากลับไปคิดและนำทุกเรื่องราวมาแก้ไขให้ทุกอย่างมันควรจะเป็นและทำให้เราไม่ทุกเหมือนจากเดิมอีกด้วย สำหรับดิฉันเองต้องยอมรับเลยว่าเป็นคนที่เครียดกับทุกเรื่องและมักจะยึดติดกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วเป็นอย่างมาก ชอบที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านมาว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน ว่าเคยทำอะไรมาบ้าง เคยอยู่และเป็นอย่างไร ก็มักที่จะไปรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆให้กลับมาทำร้ายตัวเองในเวลาปัจจุบันที่มันไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรเลย และนั้นจึงเป็นปัญหาอย่างมากที่มักจะทำให้รู้สึกว่าทำไมชีวิตของตัวเราเองนั้นกลับไม่ค่อยมีความสุขจนพลอยทำให้คนที่อยู่รอบข้างไม่มีความสุขไปด้วย แต่ตั้งแต่ได้อ่านและศึกษาหนังสือเล่มนี้ไปแล้วนั้นก็ทำให้ได้กลับไปคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร เรารู้สึกย่างไร และเรากำลังที่จะทำอะไร พอคิดได้ก็มานั่งทบทวนถึงสาเหตุของความทุกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่ามาจากอะไรและก็ได้พบว่าแท้จริงแล้วนั้นความทุกที่เรานั้นสร้างขึ้นมานั้นมันไม่ได้มีอยู่จริงมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เรามัวแต่ไปยึดติดกับอดีต จนส่งผลมาถึงเรื่องราวในปัจจุบัน และเมื่อหันกลับมาสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าจริงๆแล้วเราก็เป็นคนๆหนึ่งที่มีชีวิตและเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นอยู่มากมายกับตัวเองอยู่เสมอ ไม่เห็นจะมีเรื่องที่ต้องเครียดหรือหนักใจเลย ปัจจุบันที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากเท่าไหร่แล้วไม่เห็นจะต้องดิ้นรนไปหาความสุขจากที่ไหนเลย...

วางลงก็เป็นสุข Just let it go หนังสือที่จะมาช่วยให้คุณนั้นมีการวางแผนและรู้จักที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกทิศถูกทางไม่หลงไปมัวเมากับสิ่งยั่วยุ หรือกิเลสตัณหา มากมายหลายๆอย่างที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ภายในหนังสือเล่มนี้จะเต็มไปด้วยวิธีการที่จะทำให้เราได้รู้จักการที่จะวางตัวและเลือกที่จะทำตัวให้เป็นกลาง คิดให้เป็นกลาง และเรียนรู้ที่จะพัฒนาฟื้นฟูจิตใจตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่ามันเป็นประโยชน์และอาจจะช่วยให้เพื่อนๆหลายๆคนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกและความสับสนได้พบทางออกของทุกเรื่องราวด้วยตัวเอง ด้วยภาษาที่อ่านง่ายและกินใจดิฉันเชื่อว่ามันจะทำให้หลายคนๆได้ซาบซึ้งไปกับรสชาติของชีวิตที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายอยู่เสมอ และสามารถเลือกนำความรู้ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลต่อตนเองให้มากที่สุด เพราะถ้าเราค้นพบแล้วว่าความสุขที่เรามักจะตามหากันมาโดยตลอดชีวิตมันไม่ได้หายากหรือต้องไปตามหาจากใครที่ไหนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนดให้มันเป็นทั้งนั้น บางครั้งเราอาจจะคิดว่าชีวิตของเรานั้นไม่เห็นจะรวยหรือเก่งหรือสวยอย่างคนอื่นๆเลยเพียงแค่คิดและเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่สูงกว่าเราเพียงเท่านี้ก็ทำให้เกิดทุกล่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้เกิดทุกและเราจะไปยุ่งกับมันทำไม อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราทุกเพราะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกันคนอื่นนั้น เพียงเท่านี้เราก็รู้แล้วว่าต้นเหตุของทุกมันอยู่ที่ไหน สาเหตุที่ทำให้บุคคลที่คิดเช่นนี้นั้นต้องเป็นทุกก็คือ เจ้าความคิดอยากได้อยากมีซึ้งมันก้คือกิเลส อย่างหนึ่งที่เข้ามารบกวนจิตใจของเราให้หวั่นไหว ถ้าเราไม่คิดเราจะทุกไม่ก็ไม่ เห็นไหมว่ามันไม่มีอะไรที่นำความทุกมาให้เรานอกจากตัวเราไปรับมันมาใส่ตัวทั้งนั้นฉะนั้นถ้าเราไม่อยากเป็นทุกก็ควรที่จะรู้จักการปล่อยวางความเครียดทั้งหลาย ความกดดันจากสิ่งรอบข้าง ความเลวร้ายของสังคม ความอยากได้อยากมีอย่างคนอื่น แล้วให้กลับมามองตนเองว่าแท้จริงแล้วนั้นเราก็มีเหมือนๆกันทุกอย่างสิ่งต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นเพียงวัตถุใช้วัดค่าความดีงามที่อยู่ในตัวไม่ได้หรอก ดังนั้นเราก็ควรที่จะใช้ความดีที่มีเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพิเศษและเป็นคนที่น่าอิจฉาในสายตาของผู้อื่นที่เค้าพบเห็นบ้าง นั้นเพียงเพราะเค้าไม่มีความสุขอย่างที่เรามี ความไม่รู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆอย่างที่เรารู้ เค้าไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของความทุกอย่างที่เราเข้าใจ เมื่อคิดและปฏิบัติตนได้เช่นนี้คุณทุกท่านก็จะกลายเป็นคนที่น่าเป็นแบบอย่างและเป้นที่อิจฉาของคนหมู่มากได้เช่นกัน ขอให้ทุกชีวิตจึงอย่ายึดติดและตั้งมั่นทำในสิ่งที่ถูกที่ควรและมีความสุขก็พอ..

วางลงก็เป็นสุข Just let it go หนังสือที่จะมาช่วยให้คุณนั้นมีการวางแผนและรู้จักที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกทิศถูกทางไม่หลงไปมัวเมากับสิ่งยั่วยุ หรือกิเลสตัณหา มากมายหลายๆอย่างที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ภายในหนังสือเล่มนี้จะเต็มไปด้วยวิธีการที่จะทำให้เราได้รู้จักการที่จะวางตัวและเลือกที่จะทำตัวให้เป็นกลาง คิดให้เป็นกลาง และเรียนรู้ที่จะพัฒนาฟื้นฟูจิตใจตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่ามันเป็นประโยชน์และอาจจะช่วยให้เพื่อนๆหลายๆคนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกและความสับสนได้พบทางออกของทุกเรื่องราวด้วยตัวเอง ด้วยภาษาที่อ่านง่ายและกินใจดิฉันเชื่อว่ามันจะทำให้หลายคนๆได้ซาบซึ้งไปกับรสชาติของชีวิตที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายอยู่เสมอ และสามารถเลือกนำความรู้ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลต่อตนเองให้มากที่สุด เพราะถ้าเราค้นพบแล้วว่าความสุขที่เรามักจะตามหากันมาโดยตลอดชีวิตมันไม่ได้หายากหรือต้องไปตามหาจากใครที่ไหนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนดให้มันเป็นทั้งนั้น บางครั้งเราอาจจะคิดว่าชีวิตของเรานั้นไม่เห็นจะรวยหรือเก่งหรือสวยอย่างคนอื่นๆเลยเพียงแค่คิดและเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่สูงกว่าเราเพียงเท่านี้ก็ทำให้เกิดทุกล่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้เกิดทุกและเราจะไปยุ่งกับมันทำไม อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราทุกเพราะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกันคนอื่นนั้น เพียงเท่านี้เราก็รู้แล้วว่าต้นเหตุของทุกมันอยู่ที่ไหน สาเหตุที่ทำให้บุคคลที่คิดเช่นนี้นั้นต้องเป็นทุกก็คือ เจ้าความคิดอยากได้อยากมีซึ้งมันก้คือกิเลส อย่างหนึ่งที่เข้ามารบกวนจิตใจของเราให้หวั่นไหว ถ้าเราไม่คิดเราจะทุกไม่ก็ไม่ เห็นไหมว่ามันไม่มีอะไรที่นำความทุกมาให้เรานอกจากตัวเราไปรับมันมาใส่ตัวทั้งนั้นฉะนั้นถ้าเราไม่อยากเป็นทุกก็ควรที่จะรู้จักการปล่อยวางความเครียดทั้งหลาย ความกดดันจากสิ่งรอบข้าง ความเลวร้ายของสังคม ความอยากได้อยากมีอย่างคนอื่น แล้วให้กลับมามองตนเองว่าแท้จริงแล้วนั้นเราก็มีเหมือนๆกันทุกอย่างสิ่งต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นเพียงวัตถุใช้วัดค่าความดีงามที่อยู่ในตัวไม่ได้หรอก ดังนั้นเราก็ควรที่จะใช้ความดีที่มีเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพิเศษและเป็นคนที่น่าอิจฉาในสายตาของผู้อื่นที่เค้าพบเห็นบ้าง นั้นเพียงเพราะเค้าไม่มีความสุขอย่างที่เรามี ความไม่รู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆอย่างที่เรารู้ เค้าไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของความทุกอย่างที่เราเข้าใจ เมื่อคิดและปฏิบัติตนได้เช่นนี้คุณทุกท่านก็จะกลายเป็นคนที่น่าเป็นแบบอย่างและเป้นที่อิจฉาของคนหมู่มากได้เช่นกัน ขอให้ทุกชีวิตจึงอย่ายึดติดและตั้งมั่นทำในสิ่งที่ถูกที่ควรและมีความสุขก็พอ..

รักมากแค่ไหน เข้าใจก็สำคัญกว่า หนังสือดีๆที่ดิฉันนำมาอ่านเพื่อไว้ใช้ในการทำความเข้าใจและเรียนรู้ถึงความจริงบางอย่างที่คนส่วนมากมักจะมองข้ามกันและเพื่อนำไปใช้กับชีวิตคู่ของตัวเองและเห็นว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคู่รักทุกคู่เลยอยากที่จะมานำเสนอและแนะนำให้หามาอ่านกันเยอะๆค่ะ โดยที่ภายในหนังสือจะเป็นการอธิบายถึงเรื่องราวความรู้สึกที่คนมีรักจะต้องเผชิญและผ่านมันไปให้ได้อาทิเช่น การยอมรับในความต่างของกันและกัน เพราะการที่คนเราจะคบกันได้นั้นจะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของกันและกันอย่างถ่องแท้เพื่อที่จะได้ไม่ใช้มันเป็นเรื่องที่จะหยิบยกความผิดให้แก่กัน และก็ยังมีอีกหลายๆเรื่องราวที่เชื่อว่าทุกคนที่มีรักได้อ่านนั้นจะต้องเข้าใจในคนรักและทำให้ความรักของคุณทั้งคู่ดีขึ้นและรักกันมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยส่วนมากปัญหาที่มักจะพบเจอบ่อยๆในคู่รักก็คงจะหนีไม่พ้น การที่ไม่เข้าใจและยอมรับฟังความคิดของกันและกัน เพราะมัวแต่คิดแทนกันว่าอีกฝ่ายต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยลืมที่จะถามเค้าหรือฟังในสิ่งที่เค้านั้นคิด เพียงแค่นี้ก็สามารถทำลายความรู้สึกดีๆที่มีให้แก่กันและอาจจะร้ายแรงถึงขั้นเลิกรากันไปเลยก็มี ฉะนั้นเมื่อมีรักหรือตัดสินใจที่จะเปิดใจให้ใครได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว ก็ควรที่จะหันหน้าเข้าหากันและต่างฝ่ายต่างพรีเซนความเป็นตัวเองของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ดีกว่าเพื่อที่จะได้มานั่งคุยกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ต่างฝ่ายเห็นตรงกันหรือไม่ชอบเลยที่เค้าเป็นอย่างนี้โดยที่ไม่ลืมว่าเรารักกันที่ความเป็นตัวเค้าอย่างนั้นก็อย่าได้คิดที่จะไปเปลี่ยนให้เค้านั้นเป็นอย่างที่คุณต้องการโดยเด็ดขาดเพราะคงไม่มีใครนั้นชอบที่จะให้คนอื่นมาบ่งการชีวิตของตัวเองนักหรอก เมื่อรักในความเป็นเค้าฉะนั้นก็ต้องรับได้ในสิ่งที่เค้านั้นเป็นจริงๆทั้งสองฝ่าย ถ้าทำได้มันก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์นั้นดำเนินไปได้ดีและไม่มีปัญหา โดยที่ก็ยังไม่ลืมว่าการที่เราสองคนนั้นตกลงที่จะมาคบกันนั้นมันมาจากความรู้สึกดีๆด้วยกันทั้งสองฝ่ายดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรหรือคิดอะไรก็ควรทำไปพร้อมๆกันคนละครึ่งทางอย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวิ่งนำไปซะเรานั้นแทบจะตามไม่ทันฉะนั้นความรักมันเลยจะต้องรู้จักที่อาศัยถึงความเข้าใจของกันและกันและจับมือเดินเคียงข้างไปพร้อมๆกัน แบบนี้ซิถึงจะพูดได้เต็มปากว่าเรารักเค้าจริงๆ ....

รักมากแค่ไหน เข้าใจก็สำคัญกว่า หนังสือดีๆที่ดิฉันนำมาอ่านเพื่อไว้ใช้ในการทำความเข้าใจและเรียนรู้ถึงความจริงบางอย่างที่คนส่วนมากมักจะมองข้ามกันและเพื่อนำไปใช้กับชีวิตคู่ของตัวเองและเห็นว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคู่รักทุกคู่เลยอยากที่จะมานำเสนอและแนะนำให้หามาอ่านกันเยอะๆค่ะ โดยที่ภายในหนังสือจะเป็นการอธิบายถึงเรื่องราวความรู้สึกที่คนมีรักจะต้องเผชิญและผ่านมันไปให้ได้อาทิเช่น การยอมรับในความต่างของกันและกัน เพราะการที่คนเราจะคบกันได้นั้นจะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของกันและกันอย่างถ่องแท้เพื่อที่จะได้ไม่ใช้มันเป็นเรื่องที่จะหยิบยกความผิดให้แก่กัน และก็ยังมีอีกหลายๆเรื่องราวที่เชื่อว่าทุกคนที่มีรักได้อ่านนั้นจะต้องเข้าใจในคนรักและทำให้ความรักของคุณทั้งคู่ดีขึ้นและรักกันมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยส่วนมากปัญหาที่มักจะพบเจอบ่อยๆในคู่รักก็คงจะหนีไม่พ้น การที่ไม่เข้าใจและยอมรับฟังความคิดของกันและกัน เพราะมัวแต่คิดแทนกันว่าอีกฝ่ายต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยลืมที่จะถามเค้าหรือฟังในสิ่งที่เค้านั้นคิด เพียงแค่นี้ก็สามารถทำลายความรู้สึกดีๆที่มีให้แก่กันและอาจจะร้ายแรงถึงขั้นเลิกรากันไปเลยก็มี ฉะนั้นเมื่อมีรักหรือตัดสินใจที่จะเปิดใจให้ใครได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว ก็ควรที่จะหันหน้าเข้าหากันและต่างฝ่ายต่างพรีเซนความเป็นตัวเองของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ดีกว่าเพื่อที่จะได้มานั่งคุยกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ต่างฝ่ายเห็นตรงกันหรือไม่ชอบเลยที่เค้าเป็นอย่างนี้โดยที่ไม่ลืมว่าเรารักกันที่ความเป็นตัวเค้าอย่างนั้นก็อย่าได้คิดที่จะไปเปลี่ยนให้เค้านั้นเป็นอย่างที่คุณต้องการโดยเด็ดขาดเพราะคงไม่มีใครนั้นชอบที่จะให้คนอื่นมาบ่งการชีวิตของตัวเองนักหรอก เมื่อรักในความเป็นเค้าฉะนั้นก็ต้องรับได้ในสิ่งที่เค้านั้นเป็นจริงๆทั้งสองฝ่าย ถ้าทำได้มันก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์นั้นดำเนินไปได้ดีและไม่มีปัญหา โดยที่ก็ยังไม่ลืมว่าการที่เราสองคนนั้นตกลงที่จะมาคบกันนั้นมันมาจากความรู้สึกดีๆด้วยกันทั้งสองฝ่ายดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรหรือคิดอะไรก็ควรทำไปพร้อมๆกันคนละครึ่งทางอย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวิ่งนำไปซะเรานั้นแทบจะตามไม่ทันฉะนั้นความรักมันเลยจะต้องรู้จักที่อาศัยถึงความเข้าใจของกันและกันและจับมือเดินเคียงข้างไปพร้อมๆกัน แบบนี้ซิถึงจะพูดได้เต็มปากว่าเรารักเค้าจริงๆ ....

มีคนเศร้ากว่าเราตั้งเยอะ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวจากประสบการณ์ความรักและเรื่องราวของชีวิตของผู้คนมากมายที่โทรเข้ามาในรายการทางวิทยุอย่างคลับไฟล์เดย์ เพื่อจะใช้เป็นบทเรียนและนำไปสอนชีวิตตัวเองให้เดินอยู่บนเส้นทางที่เราเลือกทำอย่างมีสติและเข้าใจถึงชีวิตว่าอย่างน้อยๆก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่เค้านั้นมีปัญหาและเศร้ากับชีวิตมากกว่าเรา เพียงเท่านี้เราก็จะได้หันกลับมาสร้างกำลังให้ตัวเองโดยนำเอาเรื่องราวของคนอื่นมาเป็นเครื่องเตือนใจอยู่เสมอและเป้นบทเรียนเพื่อสอนให้เราเรียนรู้ต่อไปโดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ถูกถ่ายทอดโดยสองดีเจชื่อดังอย่างพี่อ้อยและพี่ฉอดที่จะมาไขทุกปัญหาในเรื่องราวของความรักที่ผ่านเข้ามาแวะเวียนให้หัวใจดวงน้อยได้เต้นอย่างผิดจังหวะบ้าง ซึ่งถ้าใครที่ได้ติดตามฟังคลื่นวิทยุรายการนี้นั้นจะรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองดีเจเค้ามีวิธีการให้คำแนะนำที่ค่อนข้างตรงประเด็นและเข้าถึงอารมณ์ของผู้ฟังอย่างเสมอ ฉะนั้นหลายเรื่องราวที่เค้านั้นคัดสรรค์เลือกลงมาไว้ภายในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเพียงบางเรื่องราวที่ถือว่าน้อยอยู่มากถ้าเทียบกับทุกปัญหาที่มีเข้ามาหาพี่ๆทั้งสองในแต่ละวัน แต่แค่ได้อ่านเรื่องราวภายในเล่มก็ทำให้หลายๆคนได้คิดและเข้าใจแล้วว่าอย่างน้อยๆก็ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้นที่ต้องพบเจอแต่เรื่องที่ทำให้ผิดหวังและเศร้าเสียใจอยู่ ณ ตอนนี้ บางทีบางเรื่องราวที่เราจะได้รับรู้มันอาจทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องที่เราเผชิญอยู่นั้นและเราคิดว่ามันหนักหนาสำหรับเราแล้วแต่พอได้อ่านเรื่องของคนอื่นจะทำให้คุณรู้สึกว่าบางทีเรื่องของเรามันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆไปเลยก้ได้ ดิฉันเองก็เป็นแฟนรายการของพี่ๆทั้งสองเป็นอย่างมากเพราะติดตามฟังและรับชมซี่รี่ย์ที่เค้านำมาสร้างเป็นเหมือนละครตัวอย่างเพื่อให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวความรักที่ไม่ได้มีแต่สุขหรือทุกแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่มันรวมไปถึงความผูกพันและความสำคัญของทุกเรื่องราวที่มันได้เกิดขึ้นมาและทำให้รู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะนำไปใช้ในชีวิตของตัวเองให้ก้าวต่อไปด้วยความไม่ประมาทและไม่ยึดติดกับสิ่งที่มันทำให้ชีวิตเศร้าหมองอีกต่อไป เห็นไหมค่ะบางครั้งเราก็สามารถที่จะเรียนรู้ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและค่อยๆตัดสินว่าเรื่องราวที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นมันยากหรือง่ายมากแค่ไหนก่อนที่จะตัดสินใจไปเลยว่ามันหนักมากฉันรับไม่ไหว อย่างน้อยๆก็ยังมีอีกหลายๆชีวิตที่เค้าผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้และยังคงมีชีวิตอยู่ต่อมาถึงทุกวันนี้ได้ค่ะ..

มีคนเศร้ากว่าเราตั้งเยอะ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวจากประสบการณ์ความรักและเรื่องราวของชีวิตของผู้คนมากมายที่โทรเข้ามาในรายการทางวิทยุอย่างคลับไฟล์เดย์ เพื่อจะใช้เป็นบทเรียนและนำไปสอนชีวิตตัวเองให้เดินอยู่บนเส้นทางที่เราเลือกทำอย่างมีสติและเข้าใจถึงชีวิตว่าอย่างน้อยๆก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่เค้านั้นมีปัญหาและเศร้ากับชีวิตมากกว่าเรา เพียงเท่านี้เราก็จะได้หันกลับมาสร้างกำลังให้ตัวเองโดยนำเอาเรื่องราวของคนอื่นมาเป็นเครื่องเตือนใจอยู่เสมอและเป้นบทเรียนเพื่อสอนให้เราเรียนรู้ต่อไปโดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ถูกถ่ายทอดโดยสองดีเจชื่อดังอย่างพี่อ้อยและพี่ฉอดที่จะมาไขทุกปัญหาในเรื่องราวของความรักที่ผ่านเข้ามาแวะเวียนให้หัวใจดวงน้อยได้เต้นอย่างผิดจังหวะบ้าง ซึ่งถ้าใครที่ได้ติดตามฟังคลื่นวิทยุรายการนี้นั้นจะรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองดีเจเค้ามีวิธีการให้คำแนะนำที่ค่อนข้างตรงประเด็นและเข้าถึงอารมณ์ของผู้ฟังอย่างเสมอ ฉะนั้นหลายเรื่องราวที่เค้านั้นคัดสรรค์เลือกลงมาไว้ภายในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเพียงบางเรื่องราวที่ถือว่าน้อยอยู่มากถ้าเทียบกับทุกปัญหาที่มีเข้ามาหาพี่ๆทั้งสองในแต่ละวัน แต่แค่ได้อ่านเรื่องราวภายในเล่มก็ทำให้หลายๆคนได้คิดและเข้าใจแล้วว่าอย่างน้อยๆก็ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้นที่ต้องพบเจอแต่เรื่องที่ทำให้ผิดหวังและเศร้าเสียใจอยู่ ณ ตอนนี้ บางทีบางเรื่องราวที่เราจะได้รับรู้มันอาจทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องที่เราเผชิญอยู่นั้นและเราคิดว่ามันหนักหนาสำหรับเราแล้วแต่พอได้อ่านเรื่องของคนอื่นจะทำให้คุณรู้สึกว่าบางทีเรื่องของเรามันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆไปเลยก้ได้ ดิฉันเองก็เป็นแฟนรายการของพี่ๆทั้งสองเป็นอย่างมากเพราะติดตามฟังและรับชมซี่รี่ย์ที่เค้านำมาสร้างเป็นเหมือนละครตัวอย่างเพื่อให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวความรักที่ไม่ได้มีแต่สุขหรือทุกแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่มันรวมไปถึงความผูกพันและความสำคัญของทุกเรื่องราวที่มันได้เกิดขึ้นมาและทำให้รู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะนำไปใช้ในชีวิตของตัวเองให้ก้าวต่อไปด้วยความไม่ประมาทและไม่ยึดติดกับสิ่งที่มันทำให้ชีวิตเศร้าหมองอีกต่อไป เห็นไหมค่ะบางครั้งเราก็สามารถที่จะเรียนรู้ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและค่อยๆตัดสินว่าเรื่องราวที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นมันยากหรือง่ายมากแค่ไหนก่อนที่จะตัดสินใจไปเลยว่ามันหนักมากฉันรับไม่ไหว อย่างน้อยๆก็ยังมีอีกหลายๆชีวิตที่เค้าผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้และยังคงมีชีวิตอยู่ต่อมาถึงทุกวันนี้ได้ค่ะ..

ความสุข ณ ปัจจุบัน เป็นหนังสือที่รวบรวบเรื่องราวของคำคมต่างๆที่สอดแทรกธรรมะที่จะช่วยให้ทุกคนได้เห็นถึงแสงสว่างและค้นพบวิถีทางแห่งชีวิตรวมไปถึงให้กำลังใจแก่ทุกคนให้มีสติและรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ ดิฉันเลยอยากที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการนำเรื่องราวดีๆมาเผยแพร่ต่อสารณชนเพื่อให้ไวเป็นธรรมทานที่จะช่วยชี้นำทางให้กับทุกคนที่กำลังมีปัญหาหรืออาจกำลังคิดหาทางออกให้ชีวิตอยู่ให้ได้พบความจริงที่ทุกชีวิตนั้นต้องหันกลับมาตระหนักถึงและเริ่มที่จะเรียนรู้ถึงสัจธรรมของการดำเนินชีวิตกันได้แล้ว เนื่องจากว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้ประเทศชาติบ้านเมืองหรือแม้แต่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เคยอยู่รอบๆตัวเรานั้นมันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งกาลเวลาทำให้ทุกชีวิตนั้นยิ่งต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองก้าวตามทันของสิ่งยั่วยุที่มันมักจะมาเร็วกว่าความรู้สึกของเราเสมอ ซึ่งตัวอย่างเรื่องราวที่เค้ายกมาให้เราได้อ่านกันนี้ก็จะเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราเข้าใจถึงทุกเรื่องราวเกี่ยวกับความจริงของชีวิตว่าต้องมีที่มาที่ไปและการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาทำให้ชีวิตต้องผกผันไปตามกาลเวลาซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักที่วิธีการแก้ปัญหาหรือความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองได้เจอในทางที่แตกต่างกันออกไป บางคนที่ต้องพบเจอเรื่องราวที่ทำร้ายความรู้สึกอยู่มากๆเลยทำให้ชีวิตไม่เคยมีความสุขและมักจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่มันทำให้เศร้าหมองอยู่เสมอ และเลือกที่จะอยู่กับตัวเองและสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปตามวิถีทางที่มันสมควรจะเป็น โดยมากคนที่เป็นอย่างนี้มักจะมีอยู่ทั่วไปเพราะเป้นบุคคลที่ยังไม่เข้าใจการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้งว่าทุกสิ่งในโลกที่เราต้องเจอนั้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาที่ผ่านเข้ามาสร้างสีสันให้กับชีวิตในช่วงระยะเวลาสั้นและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างที่เคยมีมามันก็จะค่อยๆเลือนหายไปจากชีวิตคงเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยของความทรงจำและตัวเราเองที่ยังคงนึกถึงและยึดติดกับสิ่งที่ไม่มีแล้ว ดังนั้นเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้จะทำให้บุคคลพวกนั้นได้พบถึงการปล่อยวางเรื่องราวที่มันจากไปแล้ว และทำให้หันกลับมายังสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไรและทำให้เราสามารถที่จะดำรงชีวิตต่อไปด้วยความมีสติ หยั่งรู้เท่าทันถึงความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่ง ถ้าทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะทำให้เพื่อนๆเข้าใจในความเป็นจริงทุกอย่างของชีวิตและสามารถนำสิ่งที่ได้ไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองเพื่อทำให้เราไม่เป้นหนึ่งในบุคคลที่ยังโง่เขลาอีกต่อไปแล้วค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกคนให้มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าและมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความมีสติและเข้าใจค่ะ..

ความสุข ณ ปัจจุบัน เป็นหนังสือที่รวบรวบเรื่องราวของคำคมต่างๆที่สอดแทรกธรรมะที่จะช่วยให้ทุกคนได้เห็นถึงแสงสว่างและค้นพบวิถีทางแห่งชีวิตรวมไปถึงให้กำลังใจแก่ทุกคนให้มีสติและรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ ดิฉันเลยอยากที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการนำเรื่องราวดีๆมาเผยแพร่ต่อสารณชนเพื่อให้ไวเป็นธรรมทานที่จะช่วยชี้นำทางให้กับทุกคนที่กำลังมีปัญหาหรืออาจกำลังคิดหาทางออกให้ชีวิตอยู่ให้ได้พบความจริงที่ทุกชีวิตนั้นต้องหันกลับมาตระหนักถึงและเริ่มที่จะเรียนรู้ถึงสัจธรรมของการดำเนินชีวิตกันได้แล้ว เนื่องจากว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้ประเทศชาติบ้านเมืองหรือแม้แต่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เคยอยู่รอบๆตัวเรานั้นมันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งกาลเวลาทำให้ทุกชีวิตนั้นยิ่งต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองก้าวตามทันของสิ่งยั่วยุที่มันมักจะมาเร็วกว่าความรู้สึกของเราเสมอ ซึ่งตัวอย่างเรื่องราวที่เค้ายกมาให้เราได้อ่านกันนี้ก็จะเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราเข้าใจถึงทุกเรื่องราวเกี่ยวกับความจริงของชีวิตว่าต้องมีที่มาที่ไปและการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาทำให้ชีวิตต้องผกผันไปตามกาลเวลาซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักที่วิธีการแก้ปัญหาหรือความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองได้เจอในทางที่แตกต่างกันออกไป บางคนที่ต้องพบเจอเรื่องราวที่ทำร้ายความรู้สึกอยู่มากๆเลยทำให้ชีวิตไม่เคยมีความสุขและมักจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่มันทำให้เศร้าหมองอยู่เสมอ และเลือกที่จะอยู่กับตัวเองและสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปตามวิถีทางที่มันสมควรจะเป็น โดยมากคนที่เป็นอย่างนี้มักจะมีอยู่ทั่วไปเพราะเป้นบุคคลที่ยังไม่เข้าใจการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้งว่าทุกสิ่งในโลกที่เราต้องเจอนั้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาที่ผ่านเข้ามาสร้างสีสันให้กับชีวิตในช่วงระยะเวลาสั้นและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างที่เคยมีมามันก็จะค่อยๆเลือนหายไปจากชีวิตคงเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยของความทรงจำและตัวเราเองที่ยังคงนึกถึงและยึดติดกับสิ่งที่ไม่มีแล้ว ดังนั้นเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้จะทำให้บุคคลพวกนั้นได้พบถึงการปล่อยวางเรื่องราวที่มันจากไปแล้ว และทำให้หันกลับมายังสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไรและทำให้เราสามารถที่จะดำรงชีวิตต่อไปด้วยความมีสติ หยั่งรู้เท่าทันถึงความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่ง ถ้าทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะทำให้เพื่อนๆเข้าใจในความเป็นจริงทุกอย่างของชีวิตและสามารถนำสิ่งที่ได้ไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองเพื่อทำให้เราไม่เป้นหนึ่งในบุคคลที่ยังโง่เขลาอีกต่อไปแล้วค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกคนให้มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าและมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความมีสติและเข้าใจค่ะ..

คำตอบของชีวิต ที่ต้องคิดและเลือกเอง อีกหนึ่งหนังสือดีๆที่อยากจะนำมาแนะนำให้กับเพื่อนๆทุกคนได้อ่านกันเพราะว่าภายในหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ทุกคนได้คิดและเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าต้องการอะไรและอยากที่จะให้ชีวิตของตัวเองดำเนินไปแบบไหน ด้วยเนื้อหาและการใช้ภาษาที่อ่านและเข้าใจง่ายจึงเหมาะที่จะหามาอ่านเพื่อเป็นคู่มือในการค้นหาคำตอบให้กับชีวิตของตัวเองกันค่ะ เพราะส่วนมากคนส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตกันอย่างให้สิ่งแวดล้อมต่างๆและบุคคลรอบข้างเข้ามาเป็นตัวตัดสินว่าชีวิตควรจะเป็นหรือทำในสิ่งที่คนอื่นนั้นเห็นว่าดีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม บางคนไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสุขและชอบที่จะทำอะไรเพียงแค่ทำตามอย่างที่คนอื่นเค้าทำและเห็นว่ามันเท่ไปก็แค่นั้น วิถีชีวิตที่ต้องเดินตามคนอื่นมันจะทำให้เรานั้นได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงของชีวิตเราได้อย่างไรล่ะ ดังนั้นเราควรจะหยุดความคิดและการกระทำต่างๆที่มันผ่านเข้ามาเพื่อคิดไตร่ตรองถึงความรู้สึกและหาความชัดเจนให้กับตัวเองได้แล้วว่ามีสิ่งไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าชอบและเมื่อได้อยู่กับมันแล้วมีความสุขชีวิตแลดูแฮปปี้ ยกตัวอย่างเช่นเด็กวัยรุ่นที่ถึงวัยต้องเลือกคณะที่ตัวเองต้องเรียนต่อไปในระดับที่สูงขึ้นแต่เพราะด้วยพ่อแม่หรือญาติเห็นว่าเรียนบริหารนั้นมันดีจึงอยากให้เค้าเรียนดังนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่รู้จักที่จะคิดละเพราะว่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นเป็นผู้ตัดสินใจให้ แต่เค้าอาจจะไปค้นพบตอนที่มันได้เข้าไปอยู่ในช่วงของการเรียนรู้สิ่งนั้นๆก็เป็นได้ว่าแท้จริงแล้วเค้าอาจจะไม่ได้ชอบหรืออยากที่จะเรียนบริหารเลยก็ได้แล้วเป็นไงรู้ตัวเอาตอนเมื่อสายจะกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบก็ไม่ได้บางรายถึงขั้นมีปัญหากับครอบครัวเพราะไม่กล้าขัดในสิ่งที่เค้าเหล่านั้นเลือกไว้ให้แล้ว แต่เอาเข้าจริงแล้วทุกชีวิตไม่มีใครที่จะมาบ่งการหรือบังคับชีวิตของเราได้มีเพียงแต่ตัวเราเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเลือกว่าจะทำตามหรือไม่ทำตามเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจงอย่าให้กาลเวลาเป็นตัวตัดสินชีวิตของเราแต่จึงใช้สมองและหัวใจของตัวเองเป็นฝ่ายที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตให้ก้าวเดินไปอย่างมีเหตุและผลและขึ้นอยู่บนความสุขของชีวิตของเราด้วย ถ้าคุณทำได้ความสำเร็จและทุกสิ่งที่คุณนั้นปรารถนาจะเข้ามาหาคุณไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน อย่างมัวแต่รอให้ใครมาหยิบยื่นโอกาสให้เรา แต่จงเป็นเราที่วิ่งเข้าไปหยิบแล้วคว้ามันมาเป็นของเราให้ได้จะดีกว่าค่ะ..ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสิ่งที่ทุกคนเป็นผู้กำหนดเองค่ะ...

คำตอบของชีวิต ที่ต้องคิดและเลือกเอง อีกหนึ่งหนังสือดีๆที่อยากจะนำมาแนะนำให้กับเพื่อนๆทุกคนได้อ่านกันเพราะว่าภายในหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ทุกคนได้คิดและเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าต้องการอะไรและอยากที่จะให้ชีวิตของตัวเองดำเนินไปแบบไหน ด้วยเนื้อหาและการใช้ภาษาที่อ่านและเข้าใจง่ายจึงเหมาะที่จะหามาอ่านเพื่อเป็นคู่มือในการค้นหาคำตอบให้กับชีวิตของตัวเองกันค่ะ เพราะส่วนมากคนส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตกันอย่างให้สิ่งแวดล้อมต่างๆและบุคคลรอบข้างเข้ามาเป็นตัวตัดสินว่าชีวิตควรจะเป็นหรือทำในสิ่งที่คนอื่นนั้นเห็นว่าดีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม บางคนไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสุขและชอบที่จะทำอะไรเพียงแค่ทำตามอย่างที่คนอื่นเค้าทำและเห็นว่ามันเท่ไปก็แค่นั้น วิถีชีวิตที่ต้องเดินตามคนอื่นมันจะทำให้เรานั้นได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงของชีวิตเราได้อย่างไรล่ะ ดังนั้นเราควรจะหยุดความคิดและการกระทำต่างๆที่มันผ่านเข้ามาเพื่อคิดไตร่ตรองถึงความรู้สึกและหาความชัดเจนให้กับตัวเองได้แล้วว่ามีสิ่งไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าชอบและเมื่อได้อยู่กับมันแล้วมีความสุขชีวิตแลดูแฮปปี้ ยกตัวอย่างเช่นเด็กวัยรุ่นที่ถึงวัยต้องเลือกคณะที่ตัวเองต้องเรียนต่อไปในระดับที่สูงขึ้นแต่เพราะด้วยพ่อแม่หรือญาติเห็นว่าเรียนบริหารนั้นมันดีจึงอยากให้เค้าเรียนดังนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่รู้จักที่จะคิดละเพราะว่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นเป็นผู้ตัดสินใจให้ แต่เค้าอาจจะไปค้นพบตอนที่มันได้เข้าไปอยู่ในช่วงของการเรียนรู้สิ่งนั้นๆก็เป็นได้ว่าแท้จริงแล้วเค้าอาจจะไม่ได้ชอบหรืออยากที่จะเรียนบริหารเลยก็ได้แล้วเป็นไงรู้ตัวเอาตอนเมื่อสายจะกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบก็ไม่ได้บางรายถึงขั้นมีปัญหากับครอบครัวเพราะไม่กล้าขัดในสิ่งที่เค้าเหล่านั้นเลือกไว้ให้แล้ว แต่เอาเข้าจริงแล้วทุกชีวิตไม่มีใครที่จะมาบ่งการหรือบังคับชีวิตของเราได้มีเพียงแต่ตัวเราเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเลือกว่าจะทำตามหรือไม่ทำตามเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจงอย่าให้กาลเวลาเป็นตัวตัดสินชีวิตของเราแต่จึงใช้สมองและหัวใจของตัวเองเป็นฝ่ายที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตให้ก้าวเดินไปอย่างมีเหตุและผลและขึ้นอยู่บนความสุขของชีวิตของเราด้วย ถ้าคุณทำได้ความสำเร็จและทุกสิ่งที่คุณนั้นปรารถนาจะเข้ามาหาคุณไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน อย่างมัวแต่รอให้ใครมาหยิบยื่นโอกาสให้เรา แต่จงเป็นเราที่วิ่งเข้าไปหยิบแล้วคว้ามันมาเป็นของเราให้ได้จะดีกว่าค่ะ..ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสิ่งที่ทุกคนเป็นผู้กำหนดเองค่ะ...

ขอบคุณความรัก อีกหนึ่งในหนังสือที่จะนำให้ทุกคนนั้นย้อนกลับไปคิดถึงความหลังครั้งเก่าและทุกเรื่องราวของความรักที่ได้ผ่านแวะเวียนกันเดินทางเข้ามาหาเราอยู่ทุกวี่วัน วันนี้ขอนำหนังสือที่จะทำให้ทุกคนตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของความรักของมนุษย์ว่าไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงและผู้ชายเพียงเท่านั้นแต่ความรักที่แท้จริงคือสิ่งที่ทุกคนรอบข้างที่หวังดีต่อเราเค้ามอบให้เราในฐานะคนในครอบครัวก็ตาม เพื่อนฝูงก็ตาม พี่น้องญาติสหายเอย และไหนจะความรักที่เกิดขึ้นกับทุกสิ่งที่มันอยู่ในชีวิตของเราอีกล่ะ ทั้งคน สัตว์ หรือแม้แต่สิ่งของเองก็ตาม ต้องบอกเลยว่าแท้จริงแล้วความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและชวนให้หลงใหลมันได้อยู่เสมอด้วยรสชาติที่ละมุนละไม มีกลิ่นหอมคละคลุ้งลอยล่องไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าอยู่ที่ใดเราก็สามารถที่จะพบกับรักแท้ได้ตลอดเวลาเสียอีก เลยทำให้รู้สึกว่าบางครั้งเราก็มัวแต่ไปเที่ยวไล่ตามหาความรักในแบบหนุ่มสาวเพราะรู้สึกว่าเหงาใจจะขาด อ้างว้างเมื่อไม่มีใครอยู่ข้างๆ รู้สึกเดียวดาบอยากที่จะมีคนมาอยู่เคียงข้างด้วยก็แค่เท่านั้นเอง จนบางทีเราอาจที่จะมองข้ามความรักที่ผู้อื่นมอบให้กับเราอยู่เสมอก็เป็นได้ถ้าเพียงเราทุกคนคิดและรู้สึกได้อย่างนี้กันนะคงไม่ต้องมีใครที่ต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย หรือเศร้าโศกทำร้ายตัวเองให้ยิ่งดูหมดสภาพกันไปอีก แต่ตรงกันข้ามถ้าเราเรียนรู้ว่าที่แท้จริงนั้นความรักมันแฝงตัวอยู่ทั่วทุกอะณูของตัวเรานั้น ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าตัวของเราเองเนี้ยช่างเป็นคนที่มีความสุขและความสดใสอยู่เสมอก็เป็นได้ อยู่ที่เราเลือกที่อยากจะให้ชีวิตของเรานั้นดำเนินและเดินไปในทางใดก็เท่านั้นเอง จากการที่ดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบก็เลยเกิดความรู้สึกที่ว่าในบางครั้งเราก็มัวแต่วิ่งตามหาคำตอบในสิ่งที่มันทำให้เราต้องเหนื่อยและล้าอยู่เสมอ ทำไมเราไม่ลองหยุดวิ่งและเปลี่ยนเป็นค่อยๆเดินไปเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งที่มันอยู่รอบๆตัวหรือระหว่างสองข้างทางที่เราเดินผ่านนั้นว่ามันมีใครอะไรที่พอจะทำให้เรานั้นเลือกที่จะหยุดเดินคนเดียวก่อนเพื่อจะหันไปจับมือคนข้างๆแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันล่ะจริงไหม ดังนั้นดิฉันเองเลยอยากที่จะแนะนำให้ทุกคนได้ลองอ่านกันดูเผื่อจะช่วยทำให้หลายๆคนเกิดความคิดอะไรที่เปลี่ยนไปและลองหันมองคนที่อยู่รอบกายไม่แน่นะว่าคนๆนั้นเค้าอาจจะยังยืนมองคุณอยู่ที่เดิมโดยที่คุณเองไม่เคยเห็นเค้าในสายตามาก่อนก็เป้นได้ค่ะ...

ขอบคุณความรัก อีกหนึ่งในหนังสือที่จะนำให้ทุกคนนั้นย้อนกลับไปคิดถึงความหลังครั้งเก่าและทุกเรื่องราวของความรักที่ได้ผ่านแวะเวียนกันเดินทางเข้ามาหาเราอยู่ทุกวี่วัน วันนี้ขอนำหนังสือที่จะทำให้ทุกคนตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของความรักของมนุษย์ว่าไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงและผู้ชายเพียงเท่านั้นแต่ความรักที่แท้จริงคือสิ่งที่ทุกคนรอบข้างที่หวังดีต่อเราเค้ามอบให้เราในฐานะคนในครอบครัวก็ตาม เพื่อนฝูงก็ตาม พี่น้องญาติสหายเอย และไหนจะความรักที่เกิดขึ้นกับทุกสิ่งที่มันอยู่ในชีวิตของเราอีกล่ะ ทั้งคน สัตว์ หรือแม้แต่สิ่งของเองก็ตาม ต้องบอกเลยว่าแท้จริงแล้วความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและชวนให้หลงใหลมันได้อยู่เสมอด้วยรสชาติที่ละมุนละไม มีกลิ่นหอมคละคลุ้งลอยล่องไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าอยู่ที่ใดเราก็สามารถที่จะพบกับรักแท้ได้ตลอดเวลาเสียอีก เลยทำให้รู้สึกว่าบางครั้งเราก็มัวแต่ไปเที่ยวไล่ตามหาความรักในแบบหนุ่มสาวเพราะรู้สึกว่าเหงาใจจะขาด อ้างว้างเมื่อไม่มีใครอยู่ข้างๆ รู้สึกเดียวดาบอยากที่จะมีคนมาอยู่เคียงข้างด้วยก็แค่เท่านั้นเอง จนบางทีเราอาจที่จะมองข้ามความรักที่ผู้อื่นมอบให้กับเราอยู่เสมอก็เป็นได้ถ้าเพียงเราทุกคนคิดและรู้สึกได้อย่างนี้กันนะคงไม่ต้องมีใครที่ต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย หรือเศร้าโศกทำร้ายตัวเองให้ยิ่งดูหมดสภาพกันไปอีก แต่ตรงกันข้ามถ้าเราเรียนรู้ว่าที่แท้จริงนั้นความรักมันแฝงตัวอยู่ทั่วทุกอะณูของตัวเรานั้น ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าตัวของเราเองเนี้ยช่างเป็นคนที่มีความสุขและความสดใสอยู่เสมอก็เป็นได้ อยู่ที่เราเลือกที่อยากจะให้ชีวิตของเรานั้นดำเนินและเดินไปในทางใดก็เท่านั้นเอง จากการที่ดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบก็เลยเกิดความรู้สึกที่ว่าในบางครั้งเราก็มัวแต่วิ่งตามหาคำตอบในสิ่งที่มันทำให้เราต้องเหนื่อยและล้าอยู่เสมอ ทำไมเราไม่ลองหยุดวิ่งและเปลี่ยนเป็นค่อยๆเดินไปเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งที่มันอยู่รอบๆตัวหรือระหว่างสองข้างทางที่เราเดินผ่านนั้นว่ามันมีใครอะไรที่พอจะทำให้เรานั้นเลือกที่จะหยุดเดินคนเดียวก่อนเพื่อจะหันไปจับมือคนข้างๆแล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันล่ะจริงไหม ดังนั้นดิฉันเองเลยอยากที่จะแนะนำให้ทุกคนได้ลองอ่านกันดูเผื่อจะช่วยทำให้หลายๆคนเกิดความคิดอะไรที่เปลี่ยนไปและลองหันมองคนที่อยู่รอบกายไม่แน่นะว่าคนๆนั้นเค้าอาจจะยังยืนมองคุณอยู่ที่เดิมโดยที่คุณเองไม่เคยเห็นเค้าในสายตามาก่อนก็เป้นได้ค่ะ...

ของขวัญกินได้ ที่ทำมาจากหัวใจ เป็นหนังสือที่จะมาช่วยคิดและนำเสนอไอเดียในการสร้างหรือทำของขวัญให้กับคนพิเศษของเราที่มีมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ แฟน พี่น้อง เพื่อนๆเป็นต้น และเชื่อว่าหลายๆคนนั้นต้องเคยประสบปัญหาอย่างเดียวกับดิฉันแน่นอนนั้นคือว่าไม่รู้ว่าจะเลือกของขวัญให้ถูกใจคนรับได้ยังยัง เกิดความลังเลระหว่างของที่เราชอบ กับของที่น่าจะเหมาะกับผู้รับ เพราะว่าบางทีเราอาจจะคิดว่าสิ่งที่เราเลือกเพื่อเป็นของขวัญให้คนๆนึงนั้นมันเหมาะสมและโอเคแล้วแต่จริงๆใครจะรู้ว่าคนที่เค้าได้รับอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกับเราก็ได้นะ โดยส่วนตัวจะเป็นคนเลือกของขวัญให้คนพิเศษโดยการซื้อในสิ่งที่เค้าชอบไปให้ แต่ถ้าเค้าได้อย่างเดิมซ้ำๆบ่อยๆมันก็ไม่น่าประทับใช่ไหมล่ะเลยเกิดความคิดที่อยากจะหาของขวัญที่คนรับได้รับไปแล้วเห็นถึงความตั้งใจของเราและซาบซึ้งกับการได้รับของขวัญชิ้นนี้เป็นอย่างมากอ่ะ แต่ติดนิดเดียวจริงๆคือไม่รู้ที่จะซื้ออะไร จนระหว่างที่เดินหาของขวัญก็เลยลองแวะเข้าร้านหนังสือเพื่อหาไอเดียเก๋ๆในการเลือกของขวัญให้ถูกใจ จนมาเจอกับหนังสือเล่มนี้ที่ทำคิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆแล้วของขวัญที่ถูกใจคนรับมันอาจจะไม่ต้องซื้อมาราคาแพงมากมายก็ได้ บางครั้งการที่เราตั้งใจที่จะลงมือทำอะไรเพื่อใครสักคนแค่นี้มันก็คือของขวัญที่พิเศษที่สุดสำหรับคนที่ได้รับแล้วล่ะ จึงได้หนังสือเล่มนี้กลับบ้านมาแทนของขวัญที่ตั้งใจจะไปหาซื้อในตอนแรก เมื่อได้ลองเปิดอ่านดูแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่จะได้ลงมือทำของขวัญด้วยตนเองทุกขั้นตอน ภายในหนังสือก็จะมีไอเดียการแนะนำและสาธิตการทำของขวัญอย่าง พวกขนมเค้ก คุ้กกี้และขนมอีกต่างๆมากมายให้เราได้เลือกทำกันนอกจากนั้นเค้ายังมีไอเดียในการออกแบบกล่องของขวัญเพื่อให้เราสามารถทำเองได้ง่ายๆและไม่ต้องไปหาซื้อให้เสียดายตังมากมาย แถมยังได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท และตั้งใจที่จะมอบของขวัญชิ้นพิเศษที่มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นไหนๆอย่างแน่นอน สำหรับตัวดิฉันเองต้องบอกเลยว่ารู้สึกว่าชอบและหลงใหลในการที่จะทำของขวัญด้วยตัวเองแทนการใช้เงินเพื่อไปหาซื้อของขวัญที่ใครๆต่างก็สามารถซื้อและมีเหมือนๆกันได้ แต่ดิฉันรับรองว่าถ้าคุณได้ทำตามไอเดียของหนังสือเล่มนี้นะของขวัญของคุณจะกลายเป็นของขวัญที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงชิ้นเดียวในโลกและไม่เหมือนกับใครอย่างแน่นอน ขอให้สนุกกับการนำไอเดียดีๆแบบนี้ไปใช้และดับแปลงให้เข้ากับความเป็นตัวเองกันนะคะ..

ของขวัญกินได้ ที่ทำมาจากหัวใจ เป็นหนังสือที่จะมาช่วยคิดและนำเสนอไอเดียในการสร้างหรือทำของขวัญให้กับคนพิเศษของเราที่มีมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ แฟน พี่น้อง เพื่อนๆเป็นต้น และเชื่อว่าหลายๆคนนั้นต้องเคยประสบปัญหาอย่างเดียวกับดิฉันแน่นอนนั้นคือว่าไม่รู้ว่าจะเลือกของขวัญให้ถูกใจคนรับได้ยังยัง เกิดความลังเลระหว่างของที่เราชอบ กับของที่น่าจะเหมาะกับผู้รับ เพราะว่าบางทีเราอาจจะคิดว่าสิ่งที่เราเลือกเพื่อเป็นของขวัญให้คนๆนึงนั้นมันเหมาะสมและโอเคแล้วแต่จริงๆใครจะรู้ว่าคนที่เค้าได้รับอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกับเราก็ได้นะ โดยส่วนตัวจะเป็นคนเลือกของขวัญให้คนพิเศษโดยการซื้อในสิ่งที่เค้าชอบไปให้ แต่ถ้าเค้าได้อย่างเดิมซ้ำๆบ่อยๆมันก็ไม่น่าประทับใช่ไหมล่ะเลยเกิดความคิดที่อยากจะหาของขวัญที่คนรับได้รับไปแล้วเห็นถึงความตั้งใจของเราและซาบซึ้งกับการได้รับของขวัญชิ้นนี้เป็นอย่างมากอ่ะ แต่ติดนิดเดียวจริงๆคือไม่รู้ที่จะซื้ออะไร จนระหว่างที่เดินหาของขวัญก็เลยลองแวะเข้าร้านหนังสือเพื่อหาไอเดียเก๋ๆในการเลือกของขวัญให้ถูกใจ จนมาเจอกับหนังสือเล่มนี้ที่ทำคิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆแล้วของขวัญที่ถูกใจคนรับมันอาจจะไม่ต้องซื้อมาราคาแพงมากมายก็ได้ บางครั้งการที่เราตั้งใจที่จะลงมือทำอะไรเพื่อใครสักคนแค่นี้มันก็คือของขวัญที่พิเศษที่สุดสำหรับคนที่ได้รับแล้วล่ะ จึงได้หนังสือเล่มนี้กลับบ้านมาแทนของขวัญที่ตั้งใจจะไปหาซื้อในตอนแรก เมื่อได้ลองเปิดอ่านดูแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่จะได้ลงมือทำของขวัญด้วยตนเองทุกขั้นตอน ภายในหนังสือก็จะมีไอเดียการแนะนำและสาธิตการทำของขวัญอย่าง พวกขนมเค้ก คุ้กกี้และขนมอีกต่างๆมากมายให้เราได้เลือกทำกันนอกจากนั้นเค้ายังมีไอเดียในการออกแบบกล่องของขวัญเพื่อให้เราสามารถทำเองได้ง่ายๆและไม่ต้องไปหาซื้อให้เสียดายตังมากมาย แถมยังได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท และตั้งใจที่จะมอบของขวัญชิ้นพิเศษที่มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นไหนๆอย่างแน่นอน สำหรับตัวดิฉันเองต้องบอกเลยว่ารู้สึกว่าชอบและหลงใหลในการที่จะทำของขวัญด้วยตัวเองแทนการใช้เงินเพื่อไปหาซื้อของขวัญที่ใครๆต่างก็สามารถซื้อและมีเหมือนๆกันได้ แต่ดิฉันรับรองว่าถ้าคุณได้ทำตามไอเดียของหนังสือเล่มนี้นะของขวัญของคุณจะกลายเป็นของขวัญที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงชิ้นเดียวในโลกและไม่เหมือนกับใครอย่างแน่นอน ขอให้สนุกกับการนำไอเดียดีๆแบบนี้ไปใช้และดับแปลงให้เข้ากับความเป็นตัวเองกันนะคะ..

The 69 Love Notes ความลับของหัวใจและสายใยความผูกพัน เป็นหนังสือที่ชื่อยาวจนทำให้สะดุดตาไม่พอ ชื่อเรื่องแถมหน้าปกยังทำให้ต้องมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว โดยปกติแล้วเป็นคนที่กว่าจะได้หนังสือที่ถูกใจนั้นต้องเดินหาแล้วหาอีก เปิดอ่านก็แล้วถ้าไม่ถูกใจจริงๆยังไงก็ไม่มีทางซื้อกลับมาอ่านอย่างแน่นอน และตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เคยคิดที่จะตัดสินใจซื้อหนังสือเพียงเพราะชอบชื่อเรื่องและหน้าปกโดยที่ยังไม่อ่านเรื่องราวข้างในเลยสักตัวเลย ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่ยอมให้อารมณ์มาทำหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องของการเลือกหาหนังสือมาอ่าน แต่พอกลับมาบ้านนั่งคิดไปคิดว่าพร้อมทั้งพิจารณาหนังสือแปลที่อยู่มนมือเล่มนี้ก็ยังไม่พบว่ามันจะแปลกหรือแตกต่างไปจากหนังสือเล่มอื่นๆตรงไหนเลย จึงตัดสินใจเปิดอ่านดูเลยได้รู้ว่าอ่อที่จริงแล้วเนื้อหาภายในหนังสือก็จะพูดถึงเรื่องราวของความรักในแบบต่างๆนี้แหละ แต่เค้าจะนำเสนอำอเดียและเทคนิคต่างๆออกมาที่ละหัวข้อของเค้าในรูปแบบที่กระชับและตรงประเด็นเป็นอย่างมากซึ่งในทุกๆไอเดียที่เค้านำเสนอออกมาก็ได้มีการยกอ้างเรื่องราวจากประสบการณ์ของคู่รักหลายๆคู่เอามาให้ได้อ่านและศึกษาไปในคราเดียวกันด้วย ก็เลยทำให้รู้ว่าอ่ออย่างน้อยๆไอ้เจ้าหนังสือเล่มนี้มันก็ยังมีความต่างที่อยู่ในความเหมือนกันของหนังสือเป็นเภทนี้ละหว่า บางทีหนังสือเล่มนี้มันอาจจะช่วยให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดที่หลายๆคนรู้สึกหรือเข้าใจในเรื่องราวของความรักที่แตกต่างกันเพื่อแลกเปลี่ยนและแชร์ประสบการณ์ของกันและกันเพื่ออ่านแล้วจะได้นำเอาแง่คิดหรือข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไขใช้ให้เหมาะกับเรื่องราวหรือคู่รักของตัวเองก็ดีเหมือนกัน โดยส่วนตัวดิฉันถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้อกหักหรือมีปัญหาเรื่องของความรักก็ตามแต่ที่ชอบอ่านหนังที่เกี่ยวกับมุมมองความรักที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าจะได้ศึกษาเรื่องราวของเพื่อนๆคนอื่นว่าเค้ามีวิธีในการรับมือและจัดการกับปัญหาความรักที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะในอนาคตเราก็ไม่อาจที่จะรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความรักของเรา ดังนั้นมันก็ไม่เสียหลายที่จะศึกษาเพื่อจะได้เก็บข้อคิดดีๆไว้ใช้กับตัวเองบ้างในวันนึงที่อาจจะต้องเจอเหตุการณ์อย่างในตัวอย่างที่เค้าหยิบยกมานี้ ดิฉันหวังว่าหนังสือที่นำมาฝากเพื่อนๆนั้นจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องราวความรักของเพื่อนๆได้บ้างนะคะและเดี๋ยวดิฉันจะนำหนังสือดีๆมาฝากให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกเช่นเคย ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ..

The 69 Love Notes ความลับของหัวใจและสายใยความผูกพัน เป็นหนังสือที่ชื่อยาวจนทำให้สะดุดตาไม่พอ ชื่อเรื่องแถมหน้าปกยังทำให้ต้องมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว โดยปกติแล้วเป็นคนที่กว่าจะได้หนังสือที่ถูกใจนั้นต้องเดินหาแล้วหาอีก เปิดอ่านก็แล้วถ้าไม่ถูกใจจริงๆยังไงก็ไม่มีทางซื้อกลับมาอ่านอย่างแน่นอน และตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เคยคิดที่จะตัดสินใจซื้อหนังสือเพียงเพราะชอบชื่อเรื่องและหน้าปกโดยที่ยังไม่อ่านเรื่องราวข้างในเลยสักตัวเลย ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่ยอมให้อารมณ์มาทำหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องของการเลือกหาหนังสือมาอ่าน แต่พอกลับมาบ้านนั่งคิดไปคิดว่าพร้อมทั้งพิจารณาหนังสือแปลที่อยู่มนมือเล่มนี้ก็ยังไม่พบว่ามันจะแปลกหรือแตกต่างไปจากหนังสือเล่มอื่นๆตรงไหนเลย จึงตัดสินใจเปิดอ่านดูเลยได้รู้ว่าอ่อที่จริงแล้วเนื้อหาภายในหนังสือก็จะพูดถึงเรื่องราวของความรักในแบบต่างๆนี้แหละ แต่เค้าจะนำเสนอำอเดียและเทคนิคต่างๆออกมาที่ละหัวข้อของเค้าในรูปแบบที่กระชับและตรงประเด็นเป็นอย่างมากซึ่งในทุกๆไอเดียที่เค้านำเสนอออกมาก็ได้มีการยกอ้างเรื่องราวจากประสบการณ์ของคู่รักหลายๆคู่เอามาให้ได้อ่านและศึกษาไปในคราเดียวกันด้วย ก็เลยทำให้รู้ว่าอ่ออย่างน้อยๆไอ้เจ้าหนังสือเล่มนี้มันก็ยังมีความต่างที่อยู่ในความเหมือนกันของหนังสือเป็นเภทนี้ละหว่า บางทีหนังสือเล่มนี้มันอาจจะช่วยให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดที่หลายๆคนรู้สึกหรือเข้าใจในเรื่องราวของความรักที่แตกต่างกันเพื่อแลกเปลี่ยนและแชร์ประสบการณ์ของกันและกันเพื่ออ่านแล้วจะได้นำเอาแง่คิดหรือข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไขใช้ให้เหมาะกับเรื่องราวหรือคู่รักของตัวเองก็ดีเหมือนกัน โดยส่วนตัวดิฉันถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้อกหักหรือมีปัญหาเรื่องของความรักก็ตามแต่ที่ชอบอ่านหนังที่เกี่ยวกับมุมมองความรักที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าจะได้ศึกษาเรื่องราวของเพื่อนๆคนอื่นว่าเค้ามีวิธีในการรับมือและจัดการกับปัญหาความรักที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะในอนาคตเราก็ไม่อาจที่จะรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความรักของเรา ดังนั้นมันก็ไม่เสียหลายที่จะศึกษาเพื่อจะได้เก็บข้อคิดดีๆไว้ใช้กับตัวเองบ้างในวันนึงที่อาจจะต้องเจอเหตุการณ์อย่างในตัวอย่างที่เค้าหยิบยกมานี้ ดิฉันหวังว่าหนังสือที่นำมาฝากเพื่อนๆนั้นจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องราวความรักของเพื่อนๆได้บ้างนะคะและเดี๋ยวดิฉันจะนำหนังสือดีๆมาฝากให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกเช่นเคย ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ..

Love's seen นี้ไม่ใช่คำพูดที่ใช้เรียกบทรักในละครหรือภาพยนตร์หรอกนะแต่เป็นชื่อหนังสือที่จะมานำเสนอเรื่องราวความรักในหลายๆรูปแบบให้เข้าใจอย่างง่ายๆด้วยภาพการ์ตูนน่ารักสดใส ที่ใครได้อ่านนั้นจะต้องประทับใจไปกับเรื่องราวและความหมายของความรักที่งานนี้ไม่ได้ผ่านมาเจอกันบ่อยๆซะด้วยซิ วันนี้ได้มีโอกาสไปหาหนังสืออ่านเลยทำให้ไปเจอหนังสือเล่มนี้แค่เห้นชื่อเรื่องก็ทำให้คิดไปไกลไหนถึงไหนล่ะ โดยที่ไม่ทันฉุกคิดเลยว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องราวอย่างที่เราคิดก็ได้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเพราะเมื่อได้เปิดดูภายในหนังสือก็พบว่ามันเป็นเรื่องราวความรักที่ถูกนำเสนอผ่านตัวการ์ตูนที่พอได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวนั้นเข้าใจง่ายและสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ภาพที่ใช้ประกอบเรื่องราวก็ดูสวยงามและสบายตาเพราะว่าฉากไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อเด่นกว่าตัวละคร ดังนั้นจึงทำให้อ่านได้อย่างสนุกและมีสาระไปในตัวอีกด้วยแถมยังเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกของคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือที่มีเรื่องราวหรือเนื้อหาที่เยอะแยะมากมายจนอ่านแล้วลายตา แต่ชอบที่จะเลือกใช้ภาพเพื่อเป็นสื่อในการเข้าถึงเรื่องราวได้ดีกว่าแถมในหนังสือเล่มนี้ใช้ภาพสีทั้งเล่มเลยยิ่งทำให้ดูน่าสนใจและน่าอ่านไม่ใช่น้อยเลย น่าจะเป็นที่สนใจและเข้าถึงในหมู่วัยรุ่นทั้งหลายได้อย่างง่ายๆนะเพราะว่าด้วยเรื่องราวของความรักที่เค้าหยิบยกว่าวาดเพื่อสร้างเป็นตอนนั้นเหมือนจะแค่สื่อให้เราเห็นถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเพราะคำๆเดียวนั้นก็คือความรัก หลายคนอาจจะเคยเป็นทั้งคนที่ไปแอบรัก หรือถูกแอบรักก็เป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งในหลายๆฉากในหนังสือเล่มนี้มันอาจจะไปโดนใจของใครหลายคนเพียงเพราะว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อนนั้นเอง และสำหรับตอนไหนๆที่เรายังไม่เคยรู้หรือเคยเจอมามันก้จะยิ่งทำให้เราได้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนอื่นๆที่เค้านั้นเศร้า เสียใจ และทุกข์ทรมานมากกว่าสิ่งที่เราเจอเป็นไหนๆ เราจะได้เข้าใจถึงการรู้จักที่จะยอมรับในความเป็นจริงที่ตัวเราเองนั้นจะต้องเผชิญอยู่ทุกวันไปให้ได้เหมือนที่เคยผ่านมา พอทำได้ครั้งนึงแล้วทีนี้คุณก็จะไม่กลัวถ้าต่อไปอาจจะต้องพลาด หรือเจ็บแบบเดิมอีกครั้ง เพราะว่าในครั้งนี้เราได้เรียนรู้ไปแล้วว่าฉันเคยผ่านมาได้แล้วครั้งนึงแล้วทำไมครั้งนี้ฉันจะผ่านมันไปไม่ได้อีก และนี้เองที่มันจะทำให้ทุกคนรู้จักที่จะเข้มแข็งและรักตัวเองให้มากๆกว่าครั้งที่เคยผ่านมาอย่างแน่นอน..

Love's seen นี้ไม่ใช่คำพูดที่ใช้เรียกบทรักในละครหรือภาพยนตร์หรอกนะแต่เป็นชื่อหนังสือที่จะมานำเสนอเรื่องราวความรักในหลายๆรูปแบบให้เข้าใจอย่างง่ายๆด้วยภาพการ์ตูนน่ารักสดใส ที่ใครได้อ่านนั้นจะต้องประทับใจไปกับเรื่องราวและความหมายของความรักที่งานนี้ไม่ได้ผ่านมาเจอกันบ่อยๆซะด้วยซิ วันนี้ได้มีโอกาสไปหาหนังสืออ่านเลยทำให้ไปเจอหนังสือเล่มนี้แค่เห้นชื่อเรื่องก็ทำให้คิดไปไกลไหนถึงไหนล่ะ โดยที่ไม่ทันฉุกคิดเลยว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องราวอย่างที่เราคิดก็ได้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเพราะเมื่อได้เปิดดูภายในหนังสือก็พบว่ามันเป็นเรื่องราวความรักที่ถูกนำเสนอผ่านตัวการ์ตูนที่พอได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวนั้นเข้าใจง่ายและสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ภาพที่ใช้ประกอบเรื่องราวก็ดูสวยงามและสบายตาเพราะว่าฉากไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อเด่นกว่าตัวละคร ดังนั้นจึงทำให้อ่านได้อย่างสนุกและมีสาระไปในตัวอีกด้วยแถมยังเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกของคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือที่มีเรื่องราวหรือเนื้อหาที่เยอะแยะมากมายจนอ่านแล้วลายตา แต่ชอบที่จะเลือกใช้ภาพเพื่อเป็นสื่อในการเข้าถึงเรื่องราวได้ดีกว่าแถมในหนังสือเล่มนี้ใช้ภาพสีทั้งเล่มเลยยิ่งทำให้ดูน่าสนใจและน่าอ่านไม่ใช่น้อยเลย น่าจะเป็นที่สนใจและเข้าถึงในหมู่วัยรุ่นทั้งหลายได้อย่างง่ายๆนะเพราะว่าด้วยเรื่องราวของความรักที่เค้าหยิบยกว่าวาดเพื่อสร้างเป็นตอนนั้นเหมือนจะแค่สื่อให้เราเห็นถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเพราะคำๆเดียวนั้นก็คือความรัก หลายคนอาจจะเคยเป็นทั้งคนที่ไปแอบรัก หรือถูกแอบรักก็เป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งในหลายๆฉากในหนังสือเล่มนี้มันอาจจะไปโดนใจของใครหลายคนเพียงเพราะว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อนนั้นเอง และสำหรับตอนไหนๆที่เรายังไม่เคยรู้หรือเคยเจอมามันก้จะยิ่งทำให้เราได้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนอื่นๆที่เค้านั้นเศร้า เสียใจ และทุกข์ทรมานมากกว่าสิ่งที่เราเจอเป็นไหนๆ เราจะได้เข้าใจถึงการรู้จักที่จะยอมรับในความเป็นจริงที่ตัวเราเองนั้นจะต้องเผชิญอยู่ทุกวันไปให้ได้เหมือนที่เคยผ่านมา พอทำได้ครั้งนึงแล้วทีนี้คุณก็จะไม่กลัวถ้าต่อไปอาจจะต้องพลาด หรือเจ็บแบบเดิมอีกครั้ง เพราะว่าในครั้งนี้เราได้เรียนรู้ไปแล้วว่าฉันเคยผ่านมาได้แล้วครั้งนึงแล้วทำไมครั้งนี้ฉันจะผ่านมันไปไม่ได้อีก และนี้เองที่มันจะทำให้ทุกคนรู้จักที่จะเข้มแข็งและรักตัวเองให้มากๆกว่าครั้งที่เคยผ่านมาอย่างแน่นอน..