Customer Reviews

เก่งภาษา 50 ล้าน
4
อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจใหม่ๆในการเรียนภาษาอังกฤษค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เราอยากเก่งภาษาอังกฤษค่ะ แต่เก่งในแบบที่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้นะคะ ไม่ใช่เก่งในแบบที่ทำข้อสอบแล้วได้คะแนนเยอะๆ แบบนั้นเราว่าอาจจะไม่ต้องหาหนังสือนอกเวลามาอ่านก็ได้ แค่ตั้งใจเรียนในห้องเรียน ขยันท่องศัพท์ จำแกรมม่าแม่นๆ เอาข้อสอบมาฝึกทำบ่อยๆก็ได้คะแนนเยอะแล้วค่ะ แต่วิธีที่ว่าน่าจะไม่การันตีว่าจะสามารถสื่อสารได้เหมือนเจ้าของภาษานะคะ เราว่าภาษาน่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสารมากกว่าเป็นเรื่องของการทำข้อสอบ ถ้าจะพูดถึงจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ในมุมของเราน่าจะเป็นเรื่องการได้เรียนจากคนที่สามารถสื่อสารได้ถึง 6 ภาษาซึ่งหมายถึงตัวคุณบัณฑิตเองที่เป็นผู้เขียนและก็ภรรยาของเค้าคือคุณแมรี่ที่เป็นฝรั่งสามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย และเกาหลี การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนการได้เรียนจากประสบการณ์ตรงของทั้งสองคนว่าทำยังไงถึงจะสามารถเรียนภาษาเพื่อการสื่อสารให้ได้ผลดี ได้เร็วด้วย ส่วนที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นสองเรื่องแรกค่ะก็คือเรื่อง mindset หรือการสร้างวิธีคิดแบบใหม่ในการเรียนภาษาอย่างเช่นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง การสนุกกับการเรียน การลองหาต้นแบบในการเรียนรู้ แล้วก็การที่เราหลงใหลในวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เราอยากเรียนมากขึ้น ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเรียนภาษาให้เก่งให้เร็วที่สุดค่ะ เท่าที่เราพอสรุปได้ก็จะเป็นเรื่องของการหมั่นฝึกฝนค่ะ คือเหมือนเราเล่นดนตรีถ้าจะเก่งก็ต้องขยันซ้อม ภาษาก็เหมือนกัน ส่วนเทคนิคที่เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยก็เช่น การอ่านหนังสือสองภาษา การใช้ดนตรีมาช่วยเสริม เรียนภาษาจากเพลง อย่าท่องแกรมม่า การฝึกเลียนแบบสำเนียง เป็นต้นค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้แง่มุมดีๆในการเรียนภาษาค่ะ ที่สำคัญก็คือได้แรงบันดาลใจในการฝึกฝนตามแบบฉบับของคุณบัณฑิตที่เน้นการเขียนหนังสือแนวนี้อยู่แล้ว
5
เป็นหนังสือสอนการอ่านคำภาษาอังกฤษที่อ่านสนุกค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 10 กันยายน พ.ศ. 2557

ภาษาอังกฤษกับคนไทยเป็นของคู่กัน ไม่ได้พูดผิดนะคะ ^^ เพราะอย่าลืมว่าคนไทยเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยคือตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่เด็กมหาลัยก็ยังพูดภาษาอังกฤษแบบเด็กอนุบาลอยู่ 555ปัญหาของคนไทยก็คงมีอยู่สองอย่างมั้งคะคือไม่กล้าพูดกับพูดไม่ชัด เรื่องไม่กล้าพูดนี่แก้ยากซักหน่อยแต่เรื่องพูดไม่ชัด พูดผิดๆถูกๆ สำเนียงและการออกเสียงแบบไทยๆจนฝรั่งเจ้าของภาษางงกันเป็นแถบนี่น่าจะแก้ง่ายกว่านิดนึง เพราะว่าอย่างน้อยถ้ามีคนที่รู้จริงมาบอก มาพูดให้ฟังว่าเค้าอ่านออกเสียงกันยังไงถึงจะถูก คนไทยก็น่าจะพอปรับเปลี่ยนพูดตามได้ไม่ยากเท่าไหร่ หนังสือเล่มนี้ของคุณคริส พิธีกรและครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดังเลยได้รวบรวมบรรดาคำศัพท์หลายร้อยหลายพันคำ มาอ่านให้ฟังกันแบบชัดๆว่าที่ถูกเป็นยังไง แล้วที่คนไทยอ่านออกเสียงผิดๆเป็นยังไง แล้วไม่ต้องห่วงนะคะว่าถ้าอ่านตามวิธีที่บอกไว้ในหนังสือจะแน่ใจได้ยังไงว่าออกเสียงถูกแล้ว เพราะถ้ายังไม่แน่ใจเค้าก็มีซีดีสอนการออกเสียงกันแบบชัดแจ๋วให้คุณได้ฟังกันเต็มๆหูเลยทีเดียว หนังสือไม่ได้เหมือนพจนานุกรมแบบนั้นนะคะ นอกจากการบอกวิธีการอ่านที่ถูกของคำๆนั้นแล้วก็จะมีการอธิบายเพิ่มเติมด้วยค่ะว่าคำที่ลงท้ายแบบนี้ต้องออกเสียงยังไง คำที่สะกดด้วยตัวนี้ต้องออกเสียงยังไง เรียกได้ว่าเอาไปประยุกต์ใช้กับคำที่มีลักษณะใกล้เคียงได้ด้วย อ่านไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ถ้าพอคุ้นกับคุณคริสในรายการทีวีการอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ให้ความรู้สึกสนุกคล้ายๆกันค่ะ
5
หนังสือภาพน่ารักๆเหมาะสำหรับเด็กค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้จากใครเอ่ยเป็นหนังสือภาพค่ะเหมาะสำหรับเด็กๆอายุ 3-8 ขวบ เราอ่านให้หลานอายุ 5 ขวบฟังเมื่อสองสามวันก่อน หลานชอบมากค่ะ เค้าบอกว่าตัวการ์ตูนในเรื่องเหมือนเค้าเลย (จริงๆไม่เหมือนนะคะ แค่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน อิอิ) ดอกไม้จากใครเอ่ยเป็นการเล่าเรื่องง่ายๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อคานาเอะค่ะ คานาเอะกับครอบครัวต้องย้ายบ้านใหม่มาอยู่ในเมืองที่ใกล้กับภูเขา การย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่และเมืองที่เธอไม่รู้จัก ทำให้คานาเอะรู้สึกไม่คุ้นเคยและรู้สึกเหงาตามประสาเด็กค่ะ ในวันแรกๆที่ย้ายเข้ามา ตอนที่คานาเอะกำลังช่วยพ่อแม่จัดข้าวของอยู่ ก็ได้ยินเสียง ก๊อก แก๊ก มาจากประตูหน้าบ้าน เธอเดินไปดูก็เห็นดอกไม้วางอยู่แต่กลับไม่เห็นว่าใครนำมาวางไว้ วันต่อมาก็มีดอกไม้กับข้อความและของขวัญอยู่เรื่อยๆอีก ทำให้เธอสงสัยว่าคนที่นำมาให้เป็นใคร จนในที่สุดเธอก็ได้พบกับเพื่อนคนนั้น เรื่องราวมีแค่นี้ค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเป็นหนังสือภาพเหมาะกับเด็กอายุ 3-8 ขวบ เราก็เลยคิดว่าผู้แต่งเค้าต้องการสื่อสารด้วยภาพมากกว่า แล้วใช้เรื่องราวกับภาษาง่ายๆเป็นตัวเสริม เป็นการสอนให้เด็กๆได้ใช้จินตนาการตามภาพ ได้รู้จักคำว่าเพื่อน ได้เห็นประสบการณ์ใหม่ๆ ประมาณนี้ค่ะ แล้วก็ได้ฝึกการฟังกับการอ่านไปในตัวด้วย เป็นหนังสือที่น่ารักดีค่ะ เน้นการสร้างจินตนาการและทักษะเบื้องต้นให้กับเด็ก ไม่ได้เน้นการสอนมากมายค่ะ (แต่เห็นราคาแล้วแอบตกใจนิดนึงเพราะว่าแพงอยู่เหมือนกัน ^^)
ตำนานเศรษฐีไทย
4
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้กับแรงบันดาลใจดีเลยทีเดียวค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 04 กันยายน พ.ศ. 2557

เราอ่านหนังสือเล่มนี้หลังจากที่ได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่ง ที่พูดถึงการสู้ชีวิตของเศรษฐีหนุ่มไฟแรงจากที่ไม่มีอะไรติดตัวเลยจนตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้าน ก็เลยทำให้นึกถึงคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆว่าสร้างตัวจากการมีแค่เสื่อผืน หมอนใบเท่านั้น และเมื่อนึกถึงคำพูดนี้ก็ต้องนึกถึงคนจีนแน่นอน เพราะในบรรดาเศรษฐีเมืองไทย เราว่ามีเกินครึ่งที่มีเชื้อสายจีน แล้วก็สร้างฐานะมาจากศูนย์ทุกคน หนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาที่เยอะพอสมควร (หมายถึงเยอะกว่าที่เราอยากรู้ไปมาก 555) เพราะนอกจากจะมีเรื่องความเป็นมาของชาวจีนโพ้นทะเลว่าเข้ามาในประเทศไทยได้ยังไง ทำไมถึงเข้ามา เข้ามาแล้วต้องทำอะไรบ้าง ยังมีเรื่องของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย จีน อีกด้วย อ่านแล้วทำให้เราลืมภาพของชีวิตที่หรูหราไฮโซไปเลยค่ะ เพราะว่าหนังสือทำให้เราเห็นเบื้องหลังก่อนที่จะมาร่ำรวยแบบทุกวันนี้ เราคิดว่าชาวจีนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยกล้ามากๆค่ะ กล้าแบบไปตายเอาดาบหน้าก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ทำให้เค้าไม่ตายก็คือความอดทน เอาการเอางาน และความซื่อสัตย์ค่ะ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวจีนเลย ต่างกับคนชาติอื่นอย่างเห็นได้ชัด (ไม่ได้ว่าใครนะ อิอิ) อย่างนายเตียง แซ่เจ็ง หรือ เตียง จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งห้างเซ็นทรัลก็ต้องผ่านความลำบากมาก่อนเหมือนกัน ถ้าใครอยากรู้ประวัติของเซ็นทรัล ก็สามารถอ่านได้จากเล่มนี้ค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องแนวคิดที่เกี่ยวกับการสร้างความร่ำรวยของบรรดาชาวจีนที่ตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านพันล้านมากมาย แต่เค้าไม่ได้เขียนออกมาชัดเป็นข้อๆนะคะต้องอ่านแล้วดึงเอาวิธีคิดออกมาอีกที เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้กับแรงบันดาลใจดีเลยทีเดียวค่ะ
บนฟ้ามีช้าง
4
หนังสืออ่านเพลิน เล่าเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 04 กันยายน พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เราอ่านมานานแล้วเหมือนกันค่ะ เหตุผลที่เราเลือกอ่านเป็นเหตุผลที่ซีเรียสมากเลยค่ะ คือเพราะหนังสือเล่มนี้บางมาก (555) ล้อเล่นค่ะ (แต่บางจริงๆนะคะ แค่ 70 กว่าหน้าเอง) เห๖ผลจริงๆที่เราอ่านเรื่องนี้ก็เพราะชื่อของหนังสือก่อนเลยค่ะ “บนฟ้ามีช้าง” งงเลยค่ะ อะไรคือบนฟ้ามีช้าง ลองอ่านตรงคำนำก็ยังงงอยู่ดีค่ะ เพราะผู้เขียนบอกแค่ว่าเมื่อหลายปีก่อน เคยมีเด็กอนุบาลคนหนึ่งชี้ให้ผู้เขียนดูก้อนเมฆบนฟ้าแล้วบอกว่ามันคือช้างตัวใหญ่ที่กำลังกินก้อนเมฆเป็นอาหาร ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าจินตนาการของเด็กนั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆผู้เขียนก็จะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อแบงก์ค่ะ ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 54 แบงก์กับครอบครัวก็เหมือนคนไทยอีกหลายคนที่ต้องอพยพจากบ้านของตัวเองออกมาอาศัยอยู่รวมกับคนอื่นที่ศูนย์อพยพที่ทางราชการจัดไว้ให้ แบงก์ประทับใจประสบการณ์ที่ได้ไปดูการแสดงโชว์ของช้างที่ปางช้างด้วยกันกับตา แต่พอน้ำท่วมทำให้แบงก์อดไปดูช้าง แล้วก็ไม่ได้ทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนที่โรงเรียน ผู้เขียนก็จะเล่าถึงชีวิตของแบงก์ในระหว่างที่น้ำท่วมว่าต้องเจออะไรบ้าง บางอย่างที่แบงก์เจอก็คล้ายๆกับที่เราเคยเจอค่ะ ก็ทำให้นึกย้อนกลับไปตอนนั้นเหมือนกัน สิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะบอกผู้อ่านก็คือผู้เขียนพยายามจะให้แบงก์เป็นตัวแทนของเด็กๆที่ต้องเผชิญกับภาวะที่มีมีความทุกข์ ความอึดอัด ที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเด็กๆก็เครียดไม่ต่างจากผู้ใหญ่ อ่านแล้วก็รู้สึกสงสารแบงก์มากๆ แล้วก็รู้สึกว่าเวลาเด็กเค้าผูกพันกับอะไรซักอย่าง จะเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งมากอย่างที่แบงก์ผูกพันกับช้าง ในศูนย์อพยพก็จะเล่าถึงผู้ใหญ่ใจดีที่พยายามหากิจกรรมต่างๆมาช่วยฟื้นฟูจิตใจของเด็กๆ สุดท้ายแล้วพออ่านจบก็ได้เข้าใจความหมายของคำว่า บนฟ้ามีช้างว่าคืออะไร รับประกันได้ว่าต้องประทับใจความน่ารักของหนังสือเล่มนี้แน่นอนค่ะ
เด็กน้อย Dek-Noi (ปกแข็ง)
5
กลอนสั้นๆ อ่านง่าย ได้ข้อคิดสำหรับเด็กๆค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 04 กันยายน พ.ศ. 2557

เราเลือกหนังสือเล่มนี้มารีวิวเพราะเมื่อวันก่อนเราพึ่งไปเดินหาซื้อหนังสือนิทานให้หลาน ตอนนี้เรารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงจำเป็น ต้องอ่านนิทานให้หลานตัวเล็กสองคนฟัง คนพี่ 8 ขวบ ส่วนคนน้อง 5 ขวบ เพราะว่าพ่อกับแม่ของเจ้าตัวเล็กเลิกงานดึกทุกวัน กว่าจะกลับเข้าบ้านก็ปาเข้าไป 2-3 ทุ่ม ทำให้ตอนนี้เราอ่านหนังสือนิทานมากกว่าหนังสือเรียนของตัวเองอีกค่ะ (T T) แต่ไม่เป็นไรอ่านไปอ่านมาก็สนุกดีนะคะ นิทานบางเรื่องถ้าดูแค่ปกจะคิดว่าเป็นนิทานเฉพาะของเด็กเท่านั้น แต่พอได้เปิดอ่านดูข้างใน ตรงกันข้ามเลยค่ะ ผู้ใหญ่ก็อ่านได้เหมือนกันแถมสนุกด้วยค่ะ (ไม่รู้ว่าสนุกเฉพาะเราคนเดียวรึเปล่า 555) อย่างหนังสือเล่มนี้ เด็กน้อย เป็นหนังสือสำหรับเด็ก หน้าปกน่ารักดีนะคะ เราชอบมาก ตอนแรกนึกถึงหลานก่อนเลย แต่พอเปิดอ่านดูข้างใน ก็ลังเลนิดหน่อยค่ะว่าเจ้าตัวเล็กคนน้อง 5 ขวบ จะรู้เรื่องมั้ยถ้าไปอ่านให้ฟัง เพราะว่าเราคิดว่าเนื้อหาน่าจะเหมาะกับเด็ก 8-9 ขวบขึ้นไปนะคะ คือผู้เขียนเค้าเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจากเรื่องใกล้ตัวค่ะ อย่างเช่นเรื่องครอบครัว เรื่องคุณครู เรื่องคุณธรรมจริยธรรมต่างๆสำหรับเด็กอะค่ะ เป็นการเขียนเชิงสอนใจให้เด็กๆได้รู้จักรักคุณพ่อคุณแม่ รู้จักหน้าที่ของตัวเองแล้วก็มีคุณธรรมจริยธรรม ประมาณนี้ โดยผู้เขียนเค้าจะแบ่งออกเป็นเรื่องๆนะคะ อย่างเช่นเรื่องแม่ เรื่องพ่อ การแบ่งปัน การอ่านหนังสือ การขอโทษ ความดี ความเกรงใจ ฯลฯ รวมๆแล้วก็ 20 เรื่องค่ะ ที่สำคัญคือเขียนออกมาเป็นกลอนนะคะ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะว่าจะอ่านยาก เพราะอ่านง่ายมากแล้วก็เป็นกลอนสั้นๆ ชวนให้คิด เราว่าอ่านสนุกมากเลยค่ะ ไม่คิดว่ากลอนแค่ไม่กี่บรรทัด จะสอนอะไรเด็กๆได้หลายอย่าง แล้วก็เป็นการสอนที่ไม่น่าเบื่อด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีภาพวาดการ์ตูนลายเส้นน่ารักๆประกอบด้วย เราชอบหนังสือแบบนี้มากกว่าที่มีสีสันเยอะๆ ดูมีเสน่ห์ดีค่ะ ทั้งในเรื่องของเนื้อหาแล้วก็วิธีการเขียน แนะนำเลยค่ะ กลอนน่ารัก สั้นๆ อ่านง่าย ได้ข้อคิด
www.batorastore.com © 2024