จูนิเบียวคืออะไร ?

จูนิเบียวคืออะไร ?

จูนิเบียวคืออะไร ?

เด็กๆใกล้ตัวที่คุณรู้จักเคยมีอาการเหล่านี้ไหมคะ?

- คิดว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร ประมาณว่าอาจจะมีพลังจิตในการควบคุมคนอื่น อะไรแบบนี้?

- อยู่ดีๆ ก็หันมาฟังเพลงสากล อย่างเพลงฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี และปฏิเสธที่จะฟังเพลงไทย เพราะคิดว่าเพลงไทยมันดูไม่กิ๊บเก๋เอาซะเลย?

- อยู่ ๆ ก็หัดดื่มกาแฟดำ หรือเครื่องดื่มอะไรที่ดื่มแล้วดูผู้ใหญ๊ ผู้ใหญ่?

- ไปๆมาๆเกิดอารมณ์ติสท์ (แตก) หัดแต่งกลอนเอาดื้อๆ  อาจจะไม่เป็นสัมผัสถูกฉันทลักษณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็อยากจะแต่ง เพื่อระบายอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะเวลามีความรัก?

-  ทั้งๆที่เมื่อก่อนติดกับแม่หนึบเป็นตังเม วันดีคืนร้ายกลับทำตัวเย็นชากับแม่ซะเฉยๆ จนบางทีแม่ก็อาจจะเก็บกลับไปคิดมาก หรือสงสัยว่าทำอะไรไม่ถูกพระหฤทัยลูกรึเปล่า??

- คิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่างหากตั้งใจจริง (อันนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ดีนะ)

- โอ้อวดความรู้ที่ได้จากสื่อต่างๆ หรืออินเตอร์เน็ตราวกับเป็นปรมาจารย์ผู้ค้นพบความรู้เหล่านี้ด้วยตัวเอง (ดีที่ไม่วิ่งแก้ผ้า ร้อง ยูเรก้า แบบอาคีเมดิส)

- โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อพ่อแม่เข้ามาในยุ่มย่ามห้องส่วนตัว แต่เมื่อถามหาเหตุผลที่โกรธ ก็มักจะบอกไม่ได้ รู้แต่ว่าโกรธ (อ้าว)

- แอบจิ้นและฟินว่าดาราหรือตัวการ์ตูนในละครหรืออนิเมะที่ตนชื่นชอบจะชอบตัวเองด้วย (อะหือ...)

อันนี้เป็นอาการของบรรดาเด็กๆวัยรุ่นที่เข้ามาบอกอาการ จูนิเบียว ที่แปลมาจากทางรายการวิทยุ "Ijuuin Hikaru no UP'S " ของคุณ อิจูอิน ซูบารุ นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ค่ะ และถ้าเขามีอาการแบบนี้มากกว่าครึ่ง ขอให้สบายใจว่าลูกหลานหรือคนรู้จักท่านยังสบายดีค่ะ แต่แอดมินขอฟันธงว่า เธอหรือเขาเหล่านั้นมีอาการที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ป่วย ม.2 หรือ จูนิเบียว อย่างแน่นอน!! (โบกสะบัดธงเหมือนหมอลักษณ์)

ซึ่งคำว่า จูนิเบียว (中二病) มาจากคำว่า 中二 (ชูนิ) ที่แปลว่าระดับชั้น ม.2 กับ 病 (เบียว) ที่แปลว่า โรค ซึ่งแปลตามตรงว่า "โรค ม.2"  ซึ่งหลายคนมักลงความเห็นว่ามักเกิดในช่วงวัยรุ่นชั้น ม.2  ที่เป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่น แต่ถึงอย่างไรก็ตามอาการนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เด็กวัย ม.2 อย่างเดียวเท่านั้น ขนาดคนอายุขึ้นเลข 3 ไปแล้วแต่ยังมีลักษณะของจูนิเบียวอยู่ และถึงมีคำว่า โรค หรือคำว่า ป่วย รวมอยู่ในชื่ออาการ แต่ก็ไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บนะคะ แต่สำหรับพวกผู้ใหญ่ชาวญี่ปุ่น (รวมทั้งชาวไทยด้วยนั่นล่ะ) กลับมองว่าการที่เด็กๆหรือประชากรของเขาที่มีอาการจูนิเบียวเป็นเรื่องที่ไม่น่าชื่นชมเลยสักนิด มันคือคำพูดแซวกึ่งดูถูกที่เอาไว้เรียกพวกทำพฤติกรรมประหลาดต่าง ๆ เช่น การมองโลกแง่ร้าย ต่อต้านสังคม หรือพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพราะไม่อยากถูกมองเป็นเด็ก ซึ่งสำหรับตัวสาวกป่วยม.2 อาจจะมองการกระทำนี้ว่าสุดเท่ แต่สำหรับคนทั่วไปอาจจะมองดูไม่ดีก็เป็นได้

ต้นกำเนิดของคำนี้ ว่ากันว่า คำนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยคุณอิจูอิน ฮิคารุ ที่บอกว่า ว่าตัวเขาเองนั้นยังไม่หลุดพ้นจากอาการป่วย ม.2 นี่ซะที และรายการวิทยุในสัปดาห์ต่อมาก็มีคอร์เนอร์ใหม่ชื่อว่า  "Kakatta kana? to omottara Chuuni-byou" 

ซึ่งในความจริงคำนี้จะถูกนำไปใช้เรียกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่น แต่ในปัจจุบันเหมือนจะเอาไปใช้ในวงการโอตาคุในเชิงลบเสียมากกว่า เช่น การมีพฤติกรรมเลียนแบบอนิเม มังงะ หรือเกมที่ชอบอย่างสุดโต่ง

ตัวอย่างตัวละครในการ์ตูนหรืออนิเมะที่มีลักษณะของจูนิเบียว

 

Chuuni-byou demo Koi ga Shitai! 

ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อ ทากานาชิ ริกกะ ป่วยเป็นโรคม.2 ผู้มีความสามารถพิเศษที่ใช้พลังจินตนาการสร้างโลกแห่งเวทมนต์ขั้นสุดยอด (ซึ่งนั่นนางมโนเอาเองทั้งนั้น) ชอบพูดจาแปลกๆ ฟังแล้วเข้าใจได้ยาก ทั้งยังชอบออกท่าทางโอเวอร์แอ็คติ้ง เธอตั้งฉายาในตัวเองว่า นัยน์ตาทรราชที่แท้จริง (邪王真眼 = Jaō Shingan) และมีร่มคันเล็กๆ ที่ชื่อตั้งว่า Schwarz Sechs Prototype Mk.II เป็นอาวุธคู่ใจการกระทำแบบตัวละครในเรื่อง Chuuni-byou demo Koi ga Shitai! เป็นการแสดงออกที่ออกแนวโอตาคุติงต๊องซะมากกว่า แต่เรื่องนี้ดูแล้วทำให้แอดมินเกลียดจูนิเบียวเรื่องนี้ไม่ลง ถึงแม้พวกสาวเรียกว่าชื่อเรื่องชูนิเบียว แต่ไม่ค่อยจะมีความเป็นชูนิเบียวออกมาเลยสักนิด แต่โดยรวมเรื่องนี้ก็สนุก ดูได้เรื่อยๆค่ะ แนะนำว่าใครถ้าจะดูเรื่องนี้ แนะนำว่าเสพนางเอกน่ารักๆดีกว่าค่ะ ส่วนเรื่องความเป็นหรือไม่เป็นชูนิเบียวนั้นโยนมันทิ้งไปเสียเถิด

 

ไซคิหนุ่มพลังจิตอลเวง

เรื่องราวกล่าวถึงหนุ่มน้อยไซคิ ที่เป็นเด็กมีพลังจิตมาตั้งแต่เกิด ทั้ง ทำให้ของลอยได้ หายตัว สะกดจิตหมู่ เรียกว่าความสามารถด้านพลังจิตจากในโลกมีเท่าไหร่ มากองรวมเป็นตัวเขาน่าจะเรียกได้ถูกต้องมากกว่า แต่ใช้ว่าการมีพลังจิตแบบนี้จะทำให้เขาชอบนะคะ มันกลับทำให้เขารำคาญตัวเองเข้าไปอีก เพราะในความจริง เขาอยากใช้ชีวิตปกติเยี่ยงสามัญชนมากกว่านี้ ดังนั้นเขาก็เลยพยายามทำตัวให้เป็นปกติ (ทั้งที่มีเรดาห์สองอันติดบนหัว?) เรื่องออกแนวเรื่องสั้นจบในตอนที่แต่ละตอนจะสะท้อนให้เห็นความยากลำบากในการปกปิดการมีพลังจิตของตนเอง หรือไม่ก็การแอบใช้พลังจิต ที่ให้ผลดีเกินคาดเดา (ส่วนใหญ่จบไม่ค่อยสวย) ในเรื่องนอกจากมีไซคิเป็นตัวสร้างเสียงฮา (แบบหน้าตาย) แล้ว ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่มาช่วยสร้างความป่วนฮาเขาไปได้อีก ตามประสาฉบับวัยรุ่นชูนิเบียว (วัยที่ชอบทำอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านแล้วคิดว่ามันเป็นการกระทำที่สุดแทนจะเท่ ทั้งที่จริงมันสุดแสนจะแย่) ในเรื่องนี้จะเห็นได้ชัดจาก ไคโด ชุน เพื่อน (ที่ไซคิไม่เคยนับว่า) สนิทของไซคิ ที่เรียกว่าครบสูตรความชูนิเบียวในตัว ไม่ว่าจะทำผมแนวขัดใจฝ่ายห้องปกครองหนาวมากก ตั้งวงดนตรี เชื่อฝังหัวว่าตัวเองมีพลังพิเศษ (ทั้งๆที่มโนเอาเองทั้งดุ้นแท้ๆ) และพฤติกรรมอีกหลายอย่างค่ะ แต่อ่านแล้วก็รู้สึกขำดี เป็นความบ้าบอที่ลงตัวดีค่ะ

สำหรับอาการป่วย ม.2 (จะเรียกจูนิเบียวหรือชูนิเบียวก็ได้แล้วแต่คุณผู้อ่านสะดวกเรียก) ถือว่าเป็นความเปลี่ยนทางด้านอารมณ์และสภาพจิตใจในช่วงวัยรุ่น แม้จะดูผิดแปลก แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกเขาต้องการหาเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของตนเอง และต้องการเป็นจุดเด่นของคนรอบข้างเท่านั้นเองค่ะ อาจจะมองดูว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่นั่นถือว่าเป็นการแสดงออกในช่วยที่ยังเป็นวัยรุ่น (มีแค่ไม่กี่รายที่พฤติกรรมนี้ติดตัวไปจนโต) เมื่อพวกเขาหล่านั้นโตเป็นผ็ใหญ่แล้วมองย้อนกลับไปเราคงอาจจะรู้สึกขำตัวเองก็ได้ที่มีพฤติกรรมสุดโต่งแบบนี้

ขอบคุณข้อมูลบางส่วน จาก  http://sunburn.in.th/coreanime/4/50841bf3725635b707000001.html


www.batorastore.com © 2024