PS3: Final Fantasy XIII

รีวิวเกมส์ PS3: Final Fantasy XIII
ตำนานเรื่องราวของเหล่าผู้ถูกเลือกโดยเทพเจ้า

“Final Fantasy XIII” ได้ถูกเปิดตัวเป็นหนึ่งในไตเติ้ลของ “Fabula Nova Crystallis” ซึ่งเป็นเรื่องราวตำนานบทใหม่ของ “Final Fantasy” ที่ทาง “Square Enix” ได้สร้างโปรเจ็คต์ขึ้นมา และหลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ รอคอยมานานหลายปี ในที่สุด “Final Fantasy XIII” ก็ได้ออกมาให้ผู้เล่นได้พิสูจน์ศรัทธากันแล้วว่า เกมนี้จะเหมาะสมกับเป็นตำนานของ “Final Fantasy” ที่รอคอยมาอย่างยาวนานหรือไม่

ในโลกของ “Final Fantasy XIII” ซึ่งเป็นตำนานของ “Fabula Nova Crystallis” นั้น จะมีโลกที่สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยด้วยกัน 2 โลก โดยโลกที่เหล่าสัตว์ป่าอาศัยอยู่กับธรรมชาติในเบื้องล่างท่ามกลางอารยธรรมที่ล่มสลาย จะถูกเรียกว่า “Pulse” และโลกเบื้องบนที่เหล่ามนุษย์ได้อาศัยอยู่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย จะถูกเรียกว่า “Cocoon” เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “Lighting” ตัวเอกของเกม และ “Sazh” ที่เป็นผู้ร่วมทางมาด้วย ได้ลักลอบเข้าไปในรังไหมของ Cocoon เพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ที่แห่งนั้นก็ได้เกิดเหตุวุ่นวายจากการโจมตีโดยกลุ่มต่อต้านของ “Snow” ที่หวังจะเป็นฮีโร่ช่วยเหลือปลดปล่อยทุกคนให้เป็นอิสระจากรัฐบาล นอกจากนี้ก็ยังมี “Vanille” เด็กสาวปริศนา ที่ได้พบกับ “Hope” หนุ่มน้อยผู้โชคร้ายที่ต้องมาตกอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย จากการพบกันอย่างไม่คาดคิดของทุกคน ทำให้เรื่องราวได้นำพาพวกเขาและเธอมาพบกับเทพที่ถูกเรียกว่า “fal'Cie” และได้รับพลังบางอย่างมาจนกลายเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่า “l'Cie” แม้พวก Lighting จะได้รับพลังของเทพมา แต่พลังนั้นก็ทำให้พวกเขาเหมือนกับโดนคำสาปของเทพเจ้า เพราะ “l'Cie” นั้นต้องค้นหา “หน้าที่” ของตัวเองให้พบและทำมันให้สำเร็จให้ได้ และถ้าหากทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็ต้องกลายเป็นคริสตัลไปแทน นั่นจึงเป็นเรื่องราวการเริ่มต้น ที่ทุกคนต้องร่วมเดินทางหลบหนีจากการจับกุม พร้อมกับการค้นหาทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ

เนื้อหาใน “Final Fantasy XIII” อาจจะเรียกได้ว่ามีส่วนที่น่าติดตาม ในส่วนของเรื่องราวการหลบหนี เรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ต่างๆ และเรื่องราวความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่จะค่อยๆเติบโตขึ้นด้วยกันระหว่างการเดินทาง ซึ่งเนื้อหาจะเน้นและแสดงออกไปที่เรื่องเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่เนื้อหาที่สำคัญในส่วนต่างๆ เช่นเรื่องราวความเป็นมาของเหล่าเทพ กลับถูกนำไปอธิบายในส่วนของ Dialog ของเกมให้ได้อ่านกันแทนซะนี่ จึงน่าเสียดายที่ภาคนี้อาจจะยังนำเสนอในส่วนที่สำคัญได้ไม่ดีนัก แม้ว่าจะมีปมต่างๆให้ได้ติดตามกันก็ตาม

ในส่วนของเกมเพลย์ ระบบเกมเพลย์ของภาคนี้จะใช้ระบบ “Active Time Battle (ATB)” โดยการให้ผู้เล่นเลือกคำสั่งโจมตีต่างๆ และตัวละครจะโจมตีออกไปต่อเมื่อเกจ ATB เต็ม ว่ากันตามตรงแล้วตัวเกมค่อนข้างมีความรวดเร็วขึ้นกว่าซีรี่ย์ที่ผ่านๆมามาก การจะใช้การดจมตีแบบไหนก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วด้วยเหมือนกัน อีกทั้งตัวเกมยังมีระบบ “Paradigm” ซึ่งเป็นการตั้งค่ารูปแบบการเลือกใช้ท่าโจมตีของตัวละครในแต่ละสายได้ เช่นการตั้งค่าตัวละครเป็นสาย “Commando” ก็จะเป็นการเน้นการโจมตีในสายกายภาพ สาย “Ravager” ก็เป็นการโจมตีด้วยเวทมนตร์ที่ทำให้ศัตรูติดสภาวะ Break ได้เร็วขึ้น หรือสาย “Medic” ก็เป็นสายสำหรับเวทมนตร์ฟื้นฟูช่วยเหลือทีม ในส่วนนี้จะเลือกตั้งค่าให้ใครเลือกใช้รูปแบบไหนก็สามารถทำหรือเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามแต่สถานการณ์การเล่นในตอนนั้น ส่วนระบบมนตร์อสูรซึ่งเป็นสเน่ห์ประจำซีรี่ย์ก็ยังพอมีอยู่บ้าง โดยจะสามารถนำมาใช้ได้ตามเนื้อเรื่องและตามแต่ตัวละคร แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ตัวละครที่ผู้เล่นสามารถบังคับเล่นได้ก็มีคนเดียว ส่วนตัวละครอื่นๆจะโจมตีตามรูปแบบ Paradigm ที่ได้ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติแทน

ในส่วนกราฟฟิกของเกมก็ได้มีการพัฒนาจากเดิม โดยรวมแล้วก็ถือว่าสวยในระดับหนึ่ง ส่วนฉากคัตซีนหรือฉาก CG Movie ก็เรียกได้ว่ามีกันให้ดูเยอะแยะมากมายตลอดทั้งเกม เพลงประกอบก็มีเพลงที่เพราะๆ อยู่บ้างประปราย แต่โดยรวมอาจจะไม่ได้ติดหูมากนัก นอกจากเพลงประกอบหลักของเกมในภาคนี้อย่าง “Kimi ga iru kara” ที่น่าจะเป็นเพลงที่ทำให้ใครหลายคนประทับใจและเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของเกมในภาคนี้

เรื่องที่น่าเสียดายมากที่สุดของ “Final Fantasy XIII” คือการที่ตัวเกมไม่ได้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรจะเป็น ในการเล่นนั้นตัวเกมจะดำเนินไปในรูปแบบการเดินเส้นตรง ผู้เล่นจะได้พบกับการนั่งดูเนื้อเรื่อง ดูเสร็จแล้วก็เดินไปต่อตามทาง แล้วก็กลับมาดูเนื้อเรื่องอีก เป็นแบบนี้วนไปวนมาแทบจะทั้งเกม แม้จะเล่นไปถึงส่วนที่เป็นโลกกว้าง แต่โลกที่เราสามารถไปได้ก็ไม่ได้กว้างใหญ่อย่างที่เห็น มันมีพื้นที่จำกัดที่เราไม่สามารถไปได้อยู่ การขาดเสน่ห์หลายๆอย่างในส่วนนี้จึงนับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับแฟนๆของ “Final Fantasy”

ดูแล้ว “Final Fantasy XIII” อาจจะไม่ใช่การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย หรืออาจจะไม่ใช่เกมที่ถูกใจใครหลายคนนัก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นแฟนตัวยงของเกมซีรีส์ “Final Fantasy” เนื่องด้วยตัวเกมที่เป็นเส้นตรงและขาดความหลากหลายในแบบที่ “Final Fantasy” ควรจะเป็น แต่สำหรับใครที่ชอบติดตามเนื้อเรื่องและไม่มีปัญหากับเกมเพลย์ดังที่กล่าวไว้  “Final Fantasy XIII” ก็ยังคงมีเนื้อหาใน่ส่วนของเรื่องราวการเดินทางและการเติบโตของตัวละครให้คุณได้สัมผัสด้วยความประทับใจอยู่พอสมควร