โซ่เวรี (ณารา)

โซ่เวรี (ณารา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001632
ผู้แต่ง: ณารา
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ครรภ์ที่นูนใหญ่คือสาเหตุที่ทำให้ปารมิตาต้องมานอนโรงพยาบาล

ก่อนกำหนดคลอดเกือบสัปดาห์ สูตินรีแพทย์เคยบอกแล้วว่าบางทีเธออาจ

จะต้องผ่าตัดคลอดเพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและเด็กในท้อง หลังการ

ตรวจครั้งสุดท้าย นายแพทย์หนุ่มใหญ่พบว่าเด็กทั้งสองไม่กลับหัว จึง

ตัดสินใจให้เธอนอนโรงพยาบาลจนกระทั้งถึงวันผ่าตัด

หากคนที่กำลังจะเป็นแม่เบือนหน้าหนีจากท้องที่โตราวกับลูกแตงโม

ด้วยความรังเกียจ...ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เธอมองเห็นสภาพร่างกายของตนแล้ว

จะไม่กัดฟันกรอดออกมาด้วยความคับแค้นใจ และไม่วายคิดถึงคํ่าคืนนั้น...

ซึ่งหากทุกอย่างไม่เกิดขึ้น ปานนี้เธอคงกำลังรํ่าเรียนปริญญาโทอย่างที่ควรจะ

เป็นไม่ใช่ต้องมานั่งจับเจ่าเฝ้าบ้านอย่างตลอดห้าเดือนที่ผ่านมา

พอคิดถึงคํ่าคืนแห่งความอดสูใจ...น้ำตาก็พานจะรินไหลทุกครั้งไป... ตลอดแปดเดือน...เธอทบทวนความทรงจ่าครั้งแล้วครั้งเล่า จ่าไม่ได้เลยว่า ผู้ชายคนนั้นตามเข้ามาในห้องได้อย่างไร แล้วเธอปล่อยให้เขาล่วงเกินได้อย่างไร เธอสรุปว่าถูกเขาวางยาอย่างแน่นอน เพราะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น

เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน...ในฝันเธอช่างอาจหาญเหลือเกิน เรียก ร้องเขาไม่มีสิ้นสุด และเขาก็ไม่เคยขัดใจเธอเลย...แต่แล้ว ความฝันอันอาจหาญ กลับกลายเป็นความจริงอันน่าอดสู ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง และท้องที่โตตรงหน้า คือพยานแห่งความอัปยศนั้น

สามเดือนหลังจากเดินทางมาถึงนิวยอร์ก เธอเป็นลมในห้องเรียนภาษา อังกฤษ จนเพื่อนต้องพาไปนอนพักที่ห้องพยาบาล ตื่นเช้าขึ้นมาก็อาเจียน

โอ้กอ้าก จนวาสินีตัดสินใจถามในวันที่เธอเกือบตัดสินใจที่จะเลือกทำลาย

เด็กในท้อง...

ปารมิตาร้องห่มร้องไห้ เล่าความจริงทั้งหมดให้ผู้เป็นน้าฟัง ท่านเสียใจ

กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะพยาบาลผู้มีหน้าที่รักษาชีวิตคนไข้ ท่านไม่เห็นด้วย

กับสิ่งที่เธอตัดสินใจ และขอร้องให้เก็บชีวิตน้อยๆ เอาไว้ พร้อมกับ'จะเป็นผู้นำ

ไปมอบให้ครอบครัวที่ต้องการบุตรบุญธรรมซึ่งมือยู่มากมายในอเมริกาแทน

ส่วนครอบครัวของเธอไม่จำเป็นต้องรู้ ท่านสัญญาจะช่วยปิดบังความ

ลับนี้เอาไว้เพียงแค่สองคน เพราะรู้ว่าวิธีนี้จะไม่ท่าให้บิดาและมารดาของเธอ เสียใจ ปารมิตาถึงได้ยอมอุ้มท้องลูกไม่มีพ่อมาจนถึงห้าเดือน จึงรู้ว่าในครรภ์

เป็นทารกฝาแฝดหญิงและชาย ข่าวนี้!ม1ได้สร้างความตื่นเต้นให้เธอแม้แต่น้อย

หากน้าของเธอกลับดีอกดีใจราวกับเป็นลูกของตัวเอง ทั้งยังยํ้าให้กินอาหาร

บำรุงครรภ์มากๆ เพราะต้องเลี้ยงเด็กถึงสองคน แถมน้ำหนักตัวของเธอยัง

ตํ่ากว่ามาตรฐาน ด้วยคนท้องแทบจะกินอะไรไม่ลงเพราะความตรอมใจ

ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง แปดเดือนแห่งความมืดมนที่สุด

ในชีวิตกำลังจะจบลงในอีกไม่ช้า ทันทีที่เด็กหลุดออกไปจากท้อง เธอก็จะเป็น อิสระจากความอัปยศในอดีตที่ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ...

ปารมิตาจมจ่อมอยู่ในความคิดของตนเองจนไม่ได้ยินเสียงประตูห้อง

เปิดออก แต่พอได้ยินเสียงทักทาย หันไปก็เห็นใบหน้าสดใสของวาสินีก้าวเข้ามา

 “จวนได้เวลาแล้ว ตื่นเต้นไหมคุณแม่คนใหม่”

คนธรรมะธัมโมและมองโลกสดใสเสมออย่างผู้เป็นน้าถามขึ้น โดย

ไม่คำนึงถึงจิตใจเธอเลย

“ตื่นเต้นสิคะ ตื่นเต้นที่จะได้มีชีวิตใหม่เสียที มันจะจบสิ้นลงเร็วๆ นี้”

เธอตอบเสียงขื่น แล้วก็เห็นท่านทำหน้ายิ้มปลอบใจ

“ไม่เอาน่า อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ทำใจให้สบายนะ มานี่

น้าเอาบทสวดมนต์มาด้วย มาสวดมนต์และกรวดน้ำกัน พระจะได้คุ้มครอง

ให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก”

เธอไม่คัดค้าน เมื่อวาสินีเปิดหนังสือท่องบทสวดมนต์ไปเรื่อยๆ แต่

ไม่ได้ท่องตาม นอกจากนอนฟังเสียงอ่อนโยนของท่าน และปล่อยใจให้สบาย เท่านั้น

“เอ้า กรวดน้ำได้แล้ว มิตาต้องกรวดเอง พูดตามน้านะ”

เธอรับขวดน้ำเล็กๆ จากน้า และรินลงขันที่ท่านถือเอาไว้

“อีทัง เม มาตาปิตุนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตา ปิตะโร ขอส่วนบุญนี้

จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้าจงมีความสุข” เธอพึมพำตาม มือก็'ริน'นา-จาก'ขวด'ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

“อีทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้

จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง...ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

ศัตรูทั้งปวง...จงมีความสุข”

คนท้องเงียบกริบ...หากเธอมีศัตรูจริง คนคนนั้นก็คือผู้ชายที่ทำลาย

เธอเมื่อแปดเดือนก่อน ผู้ก่อเวรก่อกรรมให้เธอ...แล้วจะให้อภัยเขาได้อย่างไร เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้เธอต้องตกนรกทั้งเป็นมาแสนนาน...

“เอ้า ทำไมไม่พูดตามน้าล่ะ”

“ทำไมต้องให้ศัตรูมีความสุขด้วยล่ะคะ” เธอย้อนถามด้วยแรงอารมณ์ “เขาทำร้ายมิตา ทำไมมิตาต้องให้อภัย ทำไมต้องอวยพรให้เขามีความสุข”

“ไม่เอาน่ามิตา...เราพูดกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้วนะหนูต้องท่าใจให้สบาย อย่าจองเวรจองกรรม ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหนูท้อง”

เธอเบือนหน้าหนี...ด้วยความแค้นใจ

 

ก็ใช่น่ะสิ...เขาไม่มีทางรู้ และ-จะไม่มีวันรู้

เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน...แต่ถึงกระนั้น เธอก็จะไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่เขา ทำกับเธอ

“เอาเถอะจ้ะ เว้นข้อนี้ไป...” วาสินีพึมพำ และกล่าวต่อจนจบ...โดย

ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนไข้อีกเลย

สาวใหญ่กำลังจะนำน้ำไปเทด้านนอกโรงพยาบาล หากยังไม่ทันได้เปิด ประตู ก็ได้ยินเสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้นเสียก่อน จึงเอื้อมมือไปเปิด พอ

เห็นแขกเท่านั้นก็ต้องฉีกยิ้มสดใสทันที

“ได้เวลาแล้วค่ะ” พยาบาลร่วมอาชีพบอกรุ่นพี่

“คนไข้ก็พร้อมแล้วเหมือนกันค่ะ” วาสินีตอบ และเปิดประตูออกกว้าง

เพื่อให้รถเข็นผ่านประตูเข้ามา แล้วจึงเดินไปบอกหลานสาว “ไม่ต้องกลัวนะ

ทุกอย่างจะเรียบร้อย หมอจะบล็อกหลัง มิตาจะไม่รู้สึกอะไรเลย”

เธอพยักหน้ารีบทั้งที่รู้สึกหวาดกลัวแทบขาดใจ...ราวยี่สิบนาทีหลังจากนั้น เธอก็ถูกยกขึ้นเตียงอันเย็นยะเยือก...ผ้าสีเชียวถูกปิดลงมาบนร่างกาย น้ำตา

แห่งความเดียวดายไหลริน...หากเป็นผู้หญิงคนอื่น จะต้องมีสามีคอยให้กำลัง

ใจอยู่ข้างๆ แต่นี่ เธอไม่มีใครเลย...และเด็กสองคนในท้อง ก็เปรียบเสมือน

คนแปลกหน้าสำหรับเธอ

เวลาทุกวินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับปารมีตา ที่ได้แต่นอนมอง

เข็มนาฬิกาค่อยๆ ขยับไปทีละนิด ทีละนิด ราวกัปกัลป์ ทุกคนรอบตัวเธอพูด

คุยกันสัพเพเหระ ดูเหมือนการผ่าตัดจะเรียบร้อยดี และเธอก็ได้แต่เหลียวมอง

ไปมารอบกา ย.. .จนกระทั้ง

“เอาละ จับตัวได้คนหนึ่งแล้ว” เสียงแพทย์หนุ่มใหญ่พูดกลั้วหัวเราะ

บอกเพื่อนร่วมงาน “จะพาออกมาสู่โลกใหม่ของหนูละนะ”สิ้นคำพูด ท้องของเธอก็โล่งวูบ...เหมือนบางอย่างหายไปอย่างรวดเร็ว

เสียงเด็กร้องไห้จ้า...กุมารแพทย์สาวคนแรกรับตัวเด็กน้อยไป...เธอได้ รับการบอกกล่าวไว้แล้วว่า การผ่าตัดครั้งมีกุมารแพทย์ถึงสองคนคอยรับ

เด็กฝาแฝด เพื่อความปลอดภัยของเด็กเป็นสำคัญ

ปารมิตามองตาม...นั่นหรือลูกของเธอ...เด็กตัวเล็กกระจิ๋วหลิวมีเลือด เกาะเต็มตัว ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ กำลังดิ้นรนไปมาเมื่อถูกจับพลิกซ้าย

พลิกขวาบนที่นอนเล็กๆ ไม่ห่างไปจากเธอ

“พร้อมหรือยัง อีกคนเตรียมตามพี่สาวมาแล้วนะ” สูตินรีแพทย์

หนุ่มใหญ่ถามกุมารแพทย์อีกคนหนึ่งที่รอคอยเด็กอยู่

“พร้อมค่ะ...” เธอตอบรับแข็งขัน

“ยินดีต้อนรับสู่โลกสีฟ้าของเรา...หนุ่มน้อย” แพทย์หนุ่มอารมณ์ดี

หัวเราะเบาๆ ลมวูบที่สองในท้องหายวับไป เสียงร้องไห้ของน้องชายดังแข่งกับ

พี่สาวระงมเต็มห้องผ่าตัด...ช่างกังวานใสเหมือนระฆังแก้วบริสุทธิ์...น้ำตา

ผู้เป็นแม่ไหลริน นอนมองลูกทั้งสองถูกทำความสะอาดตัว ภาพนั้นประทับอยู่ ฃ

ในความทรงจำโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่นานแพทย์สาวทั้งสองก็นำร่างกระจ้อยร่อย

ในห่อผ้ามาอวดข้างตัว

“สวยหล่อทั้งคู่เลยค่ะ สุขภาพสมบูรณ์ดี ทุกอย่างเรียบร้อย คุณแม่จะ จูบรับขวัญพวกแกหน่อยไหมคะ?”

ปารมีตามองใบหน้ายับย่นสีแดงกํ่าที่มีผมดกดำเต็มศีรษะแล้วไม่เห็น ความหล่อสวยอย่างที่หมอบอกเลย แต่ไม่ว่าเด็กจะขี้เหร่อย่างไร...ความรู้สึก

หนึ่งก็ท่วมท้นเต็มหัวใจ...คือความเป็นเจ้าของที่ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เธอพยักหน้ารับ แล้วแพทย์สาวก็ยื่นเด็กทั้งสองคนเข้ามาใกล้ๆ ให้เธอ

ชื่นใจ

“...ลูกแม่...” เธอกระซิบเมื่อแพทย์หญิงถอยห่าง มองรถเข็นเด็กถูก

เข็นออกจากห้องไป...และเป็นความรู้สึกสุดท้าย ก่อนสติทั้งมวลจะดับลง

เพราะยาที่วิสัญญีแพทย์เพิ่งฉีดเข้าไปทางสายน้ำเกลือ...หากภาพทารกแรก

เกิดทั้งสองยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ...

เสียงนาฬิกาปลุกช่างน่ารำคาญจริงๆ มือใหญ่เอื้อมกดปิดอย่าง

เกียจคร้านไม่อยากลุกแม้แต่น้อยเพราะกำลังฝันดีเหลือเกิน

อีกครั้งแล้วที่เขาฝันถึงผู้หญิงคนนั้น...แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน

แต่เธอยังคอยหลอกหลอนเขาในความฝันแทบทุกคืน ทว่าคืนนี้ต่างออกไป

เขาฝันว่ากำลังอุ้มลูกที่เธอหยิบยื่นให้พร้อมรอยยิ้ม และเขาก็รับมา...เด็กน้อย น่ารักน่าชัง หากยังไม่ทันจะได้ก้มลงหอมแก้มให้ชื่นใจ เสียงนาฬิกาก็ดังขึ้น เสียก่อน

ปรินทร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตัดใจจากความฝันอันแสนจะ อ่อนหวาน และอดคิดไม่ได้อีกครั้งว่า หากเช้าวันนั้น เธอยังคงนอนอยู่ในอ้อม

กอดของเขา ป่านนี้ ทั้งสองอาจจะมีลูกน้อยด้วยกันอย่างในความฝันไปแล้ว

ก็เป็นได้

ซึ่งถ้าเธอจะตั้งครรภ์ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เมื่อเขาร่วมรักกับเธอจน

นับครั้งไม่ถ้วน และเขาไม่ได้พกเจ้าซองคุมกำเนิดไปมากขนาดนั้นเสียด้วย

เพียงแค่รู้ว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ และเขาก็มีสุขภาพดีเยี่ยม ครั้งหลังๆ เขา

ก็หลงลืมความปลอดภัยไปเสียสนิทเพราะไม่สามารถต้านทานแรงพิศวาสที่

มีต่อเธอได้เลย

เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเด้งตัวลุกจากเตียง...แปดเดือนแล้ว สินะ...นับตั้งแต่เช้าของวันที่ตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่บนเตียงตามลำพัง เขา รู้ดีว่าไม่ได้ฝันไป เพราะเตียงที่ยับย่นและ'ร่อง'รอย,ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของ เธอยังประทับอยู่ตรงนั้น เพียงแต่เธอหายตัวไปรวมทั้งเพื่อนตัวดีของเธอด้วย

เขายังคงค้างอยู่ที่โรงแรมนั้นอีกหลายวัน และแน่นอนว่าลงไปที่

ไนต์คลับทุกคืน เพื่อหวังว่าจะได้พบเธออีกครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แวว...ถามใคร ก็

ไม่มีใครให้คำตอบได้ลักคน จนเขาตัดสินใจกลับเพราะเกินเวลาทำงานมามาก แล้ว และทั้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังอย่างที่เธอผู้นั้นต้องการ หากเวลาที่ผ่านมา

แม้อยากจะลืม แต่ความฝันยังคอยตามหลอกหลอนเขาเสมอ จนกระทั่ง

เมื่อคืนที่ผ่านมา

 

ปรินทร์อาบนํ้าเตรียมตัวไปทำงาน และเพิ่งจะหยิบขนมปังออกจาก เครื่องปังเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ศัลโหล” เขากรอกเสียงลงไป มือยังทาเนยไปบนขนมปังร้อนๆ เพื่อ

จะได้ละลายหอมกรุ่นบนเนื้อขนมปังนุ่มๆ

“อรุณสวัสดิ์จ้า นี่แม่เองนะ”

“อ้อ สายัณห์สวัสดิ์ครับแม่” เขาตอบไป เพราะเวลานี้ที่นิวยอร์กก็คํ่า

แล้ว “ผมเดาแล้วว่าต้องเป็นแม่ เพราะ'ไม่มี'ใคร่โทร. มา'หาผมตอน'นี้สักคน”

เขาบอกกลั้วเสียงหัวเราะ

“จ้าพ่อคนเก่ง เป็นไงมั่งล่ะตอนนี้ ปัญหาที่บริษัทค่อยยังชั่วขึ้นหรือยัง

ช่วยอะไรพ่อได้บ้างหรือเปล่า”

“ช่วยเงียบๆ แล้วไม่ต้องเข้าไปก้าวก่ายงานของคุณชัชกับคุณเชนจะ

ดีกว่ามั้งครับ จะได้ไม่ปวดหัว” เขาตอบเสียงออกจมูก หมายถึงชัชชัยและ

ชนาธิป บิดาและน้องชายต่างมารดาของเขา “เห็นเอาโครงการโน่นนี่มาโยน

ให้วิเคราะห์ปวดหัวกันได้ทุกวัน”

“ทำไมไปว่าพ่อกับน้องอย่างนั้นล่ะจ๊ะ พ่อก็หวังพึ่งลูก เกรงว่าน้อง

คนเดียวจะบริหารบริษัทไม่ไหวในอนาคต”

“ผมก็อยากจะรู้เหมือนก้นว่า ถ้าผมช่วยเขาแล้ว ผมจะได้อะไรตอบแทน กลับมาบ้าง ดูเหมือนว่า อะไรก็ตามที่ผมทำให้บริษัทได้กำไร ทุกอย่างจะตก

เป็นของคุณชนาธิปแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น”

“พ่อไม่ใช่คนใจแคบ แม่เชื่อว่าเขาจะต้องหาทางออกให้ลูกไร้แล้ว ส่วน ของบริษัทนั่นมันเป็นของครอบครัวคุณนันทิมา และพ่อก็เข้าไปช่วยบริหาร จนกิจการเติบโต พ่อคงไม่อยากจะให้วุ่นวาย ตอนนี้ก็แค่อยากให้ลูกช่วยสอน

น้องบริหารงานให้เก่ง ในอนาคตจะได้สู้กับคู่แข่งได้”

ปรินทร์ลอบถอนใจ ไม่อยากให้มารดาได้ยิน เพราะสำหรับท่านแล้ว

บิดาคือผู้ที่ท่านคอยห่วงใยอยู่เสมอ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ภรรยานอกสมรส

ที่มีลูกด้วยก้น คือเขา ที่บิดาของเขาอ้างว่าแต่งงานกับแม่เพราะความรัก

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"โซ่เวรี" ถ่ายทอดเรื่องราวของ 2 ครอบครัวในธุรกิจโรงแรมระดับประเทศแก่งแย่งแข่งขันกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ จากมิตรต้องกลายเป็นศัตรู "ปรินทร์" ไม่เคยรู้ว่าตนจะเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ตระกูล เมื่อบิดาของเขาเป็นเพียงเขยแห่งสิริมันตรา และมารดาเป็นเมียเก็บที่ถูกทอดทิ้งไว้ที่อเมริกา จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่ม คำว่า "พ่อ" จึงไม่ใช่คำที่เขาคุ้นเคย "ปารมิตา" ทายาทเพียงคนเดียวของดิเอ็มเพอเรอร์ถูกดึงเข้าสู่งวังวนแห่งความขัดแย้ง เมื่อเธอถูกวางยาและส่งตัวไปให้เขา เพื่อแลกกับเงินก้อนโต 4 ปีต่อมา เธอกลับมาเมืองไทยมาพร้อมเด็กฝาแฝดชายหญิงที่บอกกล่าวกับสังคมว่าเป็นเพียงน้องของเธอเท่านั้น โดยเธอกับ "ปรินทร์" ได้พบกันอีกครั้ง และทั้งคู่ต่างก็ยืนยันอยู่ข้างฝ่ายของตนเองและต้องการแก้แค้นในสิ่งที่เขาทำกับเธอ แผนการทุกอย่างจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีโซ่เล็กๆ คล้องทั้งสองเอาไว้ มิใช่โซ่แห่งรัก แต่คือโซ่ที่คล้องศัตรูทั้งสองเข้าด้วยกันโดยไม่เต็มใจ แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันใน "โซ่เวรี" เล่มนี้

เขียนโดย "ณารา"

 

488 หน้า


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
23/06/2014

“โซ่เวรี” เป็นเรื่องราวของ “ปารมิตา” ที่โดนเพื่อนตัวเองหลอกขายให้ “ปรินทร์” เมื่อนางเอกเราตื่นขึ้นมาก็เข้าใจว่าโดนพระเอกวางยาค่ะ เลยตัดสินใจหนี โดยกลับไปใช้ชีวิตปกติ คือไปเรียนต่อที่ต่างประเทศซึ่งเธออาศัยอยู่กับน้าสาว แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นเมื่อนางเอกพบว่าตัวเองท้องจากความสัมพันธ์คืนเดียวที่เกิดขึ้น ตอนแรกเธอไม่อยากเก็บลูกไว้ แต่เมื่อน้าสาวขอร้องเธอจึงยกให้เด็กแฝดลูกของเธอเป็นลูกบุญธรรมของน้า โดยบอกคนอื่นว่าเธอเป็นพี่สาว พระเอกเองเมื่อตื่นขึ้นมาก็พยายามตามหาตัวนางเอก แต่ไม่ว่าจะสืบหายังไงก็ไม่รู้ว่านางเอกเป็นใครเลยตัดใจ ใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปโดยการไปช่วยงานพ่อของตัวเอง แต่เนื่องจากเขาเป็นลูกลับๆ เลยต้องปิดบังสถานะตัวเองเอาไว้ เวลาผ่านไปจนเด็กแฝดโตขึ้น ปารมิตาก็เรียนจบพอดี จึงตัดสินใจกลับเมืองไทย มาช่วยงานบริษัทครอบครัวของตัวเอง และทำให้เธอได้พบกับพระเอก เพราะต้องไปเจรจาธุรกิจกับลูกค้า นางเอกเลยได้รู้ว่าพระเอกทำงานให้บริษัทคู่แข่งที่เป็นศัตรูกันมานานกับครอบครัวเธอ พระเอกก็มัวแต่ดีใจที่ได้เจอนางเอกเลยไม่ทันคิดหวาดระแวงนางเอกที่หลอกถามข้อมูลเพื่อหวังว่าจะชนะบริษัทพระเอก ทำให้บริษัทพระเอกแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด ตอนนี้พระเอกแค่ตะหงิดๆค่ะ ว่านางเอกมาหลอก แต่ยังไม่ถึงขนาดปักใจเชื่อ เพราะเขาหลงรักเธอและกำลังตามจีบเธอ และการเจรจาครั้งใหม่ก็ทำให้นางเอกต้องกลับมายุ่งกับพระเอกอีกครั้งทั้งๆที่ตอนแรกเธอตั้งใจแล้วว่าไม่อยากพบกน้าพระเอกอีก แต่การเจรจาธุรกิจกับ “กันต์” ทำให้นางเอกต้องหลอกถามพระเอกอีกครั้ง แต่กันต์กับพระเอกชอบพอนิสัยของอีกฝ่าย คือคบกันในฐานะเพื่อนด้วย เลยคิดว่าพระเอกนางเอกต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง เขาเลยให้ทั้งคู่เคลียร์กันเอง พระเอกพอรู้ก็โกรธนางเอกนะคะ แต่ก็พระเอกนิเนอะ โกรธยังไงก็รัก นางเอกก็เริ่มหวั่นไหว แต่ก็รู้ว่าอนาคตระหว่างทั้งคู่ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะบ้านของทั้งสองไม่ถูกกัน ตอนแรกพระเอกก็ยอมถอดใจค่ะ แต่พอรู้ว่ามีลูกเลยกลับมาขอโอกาสนางเอก และขอให้นางเอกสู้ไปกับเขา สุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยยังไงต้องอ่านเองนะคะ ถ้าถามดิฉัน ต้องขอแบ่งเป็นสองประเด็นนะคะ สำหรับพลอตดิฉันว่าพลอตมันดูไม่สมจริงเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้) ส่วนเรื่องสไตล์การเขียน อ่านแล้วสนุกค่ะ น่าติดตาม คืออยากรู้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลยว่าฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อไหร่นางเอกจะรู้ความจริงว่าพระเอกไม่ได้วางยาเธอ หรือเมื่อไหร่พระเอกจะรู้ว่าตัวเองมีลูกนะ ไหนจะความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของสองครอบครัวอีก คอยลุ้นตลอด อ่านเพลินเลยละค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024