เล่ห์รัก ลิขิตลวง

เล่ห์รัก ลิขิตลวง

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160022236
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                อาถรรพ์คำทำนาย

 

            “นะภพนะ ช่วยฉันอีกสักครั้ง...อีกครั้งเดียวจริงๆ สัญญา

เลยว่าจะไม่ให้พลาดอีก เอางี้ เดี๋ยวฉันไปหาเบอร์น้องอ้นมาให้ แถมนัด

กินข้าวให้ด้วย โอเคไหม”

                “ไม่!”

                เมื่อเห็นผู้กองชัยภพยังคงพูดเสียงแข็งไม่ยินยอม ปัณฑารีย์ก็ปฏิบัติ

การตื๊อไม่มีถอย

                “เอ้า แถมออกตังค์ค่าอาหารให้ด้วย เทหมดหน้าตักแล้วนะ ช่วย

หน่อยเถอะนะคะผู้กองภพสุดหล่อ”

                “หยุด!” ไม่เพียงพูด มือแข็งแกร่งของผู้กองหนุ่มยังดันศีรษะ

อีกฝ่ายไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาใกล้ ในขณะที่ปากก็เอ่ยไล่อย่างไม่คิด

ถนอมน้ำใจ

                “กระเถิบออกไปห่างๆ เลย ยายนมวัว อย่าได้ริอ่านมาติดสินบน

เจ้าพนักงาน คราวนี้ฉันไม่มีทางยอมแกอีกแน่ๆ”

                ชัยภพถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างปลงไม่ตก กี่ครั้งกี่หนแล้ว

ที่เขาให้โอกาสยายผู้หญิงบ้าพลังคนนี้ได้แสดงศักยภาพเพื่อหวังให้ทาง

หน่วยงานเห็น จะได้เลื่อนยศให้ทันเขาเสียที แต่จนแล้วจนรอดคุณเธอก็

แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เสียจนแผนการเกือบพังพินาศย่อยยับ จนผู้บังคับ

บัญชาอย่างเขาต้องพลอยซวยไปด้วย แต่จะว่าไปแล้วเขามันโชคร้ายเอง

ที่ดันเกิดมาเป็นพี่ยายตัวแสบ ทั้งที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาเกือบสองปี

                อาจจะฟังดูตลก แต่ใครๆ ในอำเภอต่างก็รู้กันดีว่า กำนันธงรักและ

ห่วงใยปัณฑารีย์ซึ่งเป็นลูกของน้องสาวมาก เพราะกลัวว่าหลานสาวจะมี

ชีวิตอาภัพเหมือนแม่ จึงพยายามปกป้องทุกวิถีทาง ไม่เพียงปลูกฝังให้

ชัยภพลูกชายคนเดียวคอยรักและดูแลปัณฑารีย์เสมือนน้องแท้ๆ แม้แต่

ตอนส่งเข้าเรียนยังให้เข้าเรียนในระดับชั้นเดียวกัน เพื่อว่าชัยภพจะได้คิด

ตัดสินใจและเป็นที่ปรึกษาให้แก่ปัณฑารีย์ได้

                ซึ่งการเข้าเรียนก่อนเกณฑ์การศึกษาสำหรับชัยภพไม่ใช่เรื่องแปลก

อะไร เพราะเพื่อนในห้องเดียวกันหลายคนก็รุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่

ไอ้ที่แปลกก็คือพ่อเขาทำราวกับว่าลูกอาคนนี้เป็นเจ้าหญิงองค์น้อยที่น่า

ทะนุถนอม ทั้งที่ในความเป็นจริงแม่เจ้าประคุณแสบยิ่งกว่าทิงเจอร์เสียอีก

                “แกเป็นพี่ฉันนะ ถ้าแกไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย สั่งฉันให้กลับไป

ช่วยงานในทีมนะ พี่ภพสุดหล่อ” ท้ายประโยคยังเว้าวอนอย่างไม่ยอมแพ้

                “โอ๊ย มีน้องอย่างแกนี่ปวดประสาทจริงๆ”

                เมื่อเล็งเห็นแล้วว่าต่อให้ทำอย่างไรคนตรงหน้าก็ไม่ใจอ่อน ปัณฑา-

รีย์จึงยกมือขึ้นเท้าสะเอวต่อปากต่อคำตามนิสัย

                “ไม่รู้ละ ยังไงแกก็ต้องช่วย ฉันไม่ชอบทำงานเอกสารแกก็รู้”

                ได้ยินเช่นนั้นชัยภพก็กลอกตาอย่างเหลืออด

                “ไม่รู้ ไม่สน ไม่ยุ่งด้วยแล้ว หยุด...แล้วก็ไม่ต้องเดินตามมาเลย”

                ทว่าก่อนที่ชัยภพจะได้เดินหนีไปอย่างใจคิด ผู้เป็นพ่อก็เดินเข้ามา

สมทบเสียก่อน

                “เถียงอะไรกันอีกล่ะ เสียงดังเข้าไปถึงในบ้าน เพิ่งมาถึงกันแท้ๆ”

                เมื่อคิดว่าได้พวกแล้วแน่ๆ ปัณฑารีย์ก็รีบโผเข้าไปโอบเอวผู้เป็นลุง

แท้ๆ อย่างออดอ้อน

                “ลุงมาพอดีเลย พี่ภพแกล้งน้อง”

                “แกล้งอะไรน้องไอ้ภพ” กำนันธงยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวอย่าง

รักใคร่ ก่อนจะหันไปถามลูกชายด้วยน้ำเสียง (แกล้ง) เอาเรื่อง

                “โธ่พ่อ ใครกันแน่ที่โดนรังแก ขืนผมยอมยายปัณอีก มีหวังถูกย้าย

ไปอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้แน่ๆ” ชัยภพโอดครวญ ไม่ต้องอธิบายอะไร

มากนัก คนเป็นพ่อก็เดาออกทันทีว่าก่อนหน้านี้ลูกกับหลานของเขากำลัง

คุยเรื่องอะไรกันอยู่

                “งั้นลุงคงช่วยแกไม่ได้แล้วละเจ้าปัณ พี่เขาเล่าให้ลุงฟังแล้ว จะว่า

ไปทำงานเอกสารก็ดีนะ ไม่อันตราย ป้ากับลุงจะได้ไม่เป็นห่วง” ไม่เพียง

คำพูด น้ำเสียงและแววตายังแสดงถึงความห่วงใย ทว่าหลานสาวจอม

เจ้าเล่ห์กลับไม่ยินยอมโดยง่าย

                “ใช่ซี้...ก็ปัณมันเป็นแค่หลานนี่...”

                ทว่ายังไม่ทันที่ปัณฑารีย์จะได้งัดไม้ตายมาใช้เหมือนทุกครั้ง ผู้เป็น

ลุงก็ขัดขึ้นเสียก่อน

                “หยุดเลยเจ้าปัณ ต่อให้แกใช้มุกนี้ ลุงก็ช่วยอะไรแกไม่ได้ เอาเถอะ

ตอนนี้อยู่ในช่วงลาพักไม่ใช่เหรอ อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องงานเลย เครียดเสีย

เปล่าๆ นานๆ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที” ทั้งลูกและหลาน

มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้นานๆ ถึงจะกลับมาบ้านเกิดที่

ต่างจังหวัดนี่เสียที “แล้วกลับมานี่ ได้ไปไหว้แม่แกรึยัง”

                ปัณฑารีย์นิ่งไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงผู้ให้กำเนิด ก่อนจะ

ส่ายหน้า “ยังเลยลุง งั้นปัณไปเลยดีกว่า”

                “ไปภพ เดินไปเป็นเพื่อนน้องหน่อย”

                 แล้วคนที่ตั้งใจจะเลี่ยงออกไปตั้งแต่แรกก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

ก่อนจะเดินตามไปเงียบๆ

                แม้คนทั้งคู่จะเดินหายลับจากสายตาไปแล้ว ทว่ากำนันธงก็ยังคง

ยืนมองอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งคนเป็นภรรยาถือจานขนมเดินเข้ามา

                “อ้าว เจ้าปัณกับตาภพล่ะพ่อกำนัน มากันแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

ญาณีร้องถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกกับหลาน แต่เมื่อเดินออกมากลับเห็น

สามียืนอยู่เพียงลำพังคนเดียว

                “ไปหาแม่มัน”

                คำพูดสั้นๆ ของสามีทำให้นางเงียบไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้า

เป็นกังวล “แล้วพี่จะบอกเรื่องนั้นให้เจ้าปัณรู้ไหม”

                “ยังไม่รู้เลย แต่ถึงบอกก็คงไม่เป็นไร เจ้าปัณมันเป็นคนเข้มแข็ง

เรื่องแค่นี้ทำอะไรมันไม่ได้หรอก”

                แม้จะบอกว่าไม่เป็นไร ทว่าสีหน้าของคนเป็นสามีกลับเคร่งเครียด

ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนเป็นภรรยาจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะมอง

ตามสายตาเขาไปโดยไม่พูดอะไรอีก

 

                “แม่สบายดีไหมคะ ปัณสบายดี แต่ก็ยังคงคิดถึงแม่บ่อยๆ

แล้วปัณก็รู้นะว่าแม่เองก็คงคิดถึงปัณเหมือนกัน แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ

ลูกสาวแม่คนนี้เข้มแข็ง และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีใครมารังแก”

                “ใช่ ไม่มีใครกล้ารังแกจริงๆ ถ้าจะห่วง อาปริมควรห่วงคนที่อยู่

ใกล้ๆ มากกว่า”

                จบคำพูดแทรกของชัยภพ คนที่ถูกยกให้เป็นน้องก็ค้อนให้เล็กน้อย

ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มให้แม่ของเธออีกครั้ง

                “ถึงแม้ว่าปัณจะไม่ได้มาหาแม่บ่อยๆ แต่ปัณก็รักแม่นะ สักวัน

ปัณจะมาอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนแม่”

                ชัยภพถึงกับสะดุ้งตกใจกับคำพูดของหญิงสาว สีหน้าเขาจึงแปร

เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างรวดเร็ว

                “พูดอะไรอย่างนั้น ห้ามแกพูดแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ ด้วย”

                ปัณฑารีย์ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่าย นอกจาก

ก้มลงกราบและเอ่ยลาแม่ของเธอ

                “ปัณไปก่อนนะคะแม่ แล้วปัณจะมาเยี่ยมแม่ใหม่ ปัณรักแม่นะ...

รักมาก” จบคำพูดหญิงสาวก็ก้มลงกราบบนพื้นดินอีกครั้ง หญิงสาว

ไม่ได้ลุกขึ้นในทันที ยังคงมองก้อนดินที่ปกคลุมร่างของแม่เธออยู่เช่นนั้น

                สิบห้าปีแล้วสินะที่แม่เธอจากไป...จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

                “กลับเถอะปัณ ใกล้จะมืดแล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่ฉันเป็นห่วง ถึงยังไง

อาปริมก็ยังคงอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน ไว้ค่อยมาหาใหม่”

                ใช่...แม่ของเธอยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน รอ...รออย่างไร้

ความหวังจนกระทั่งสิ้นใจ แต่คนคนนั้น คนที่แม่เฝ้ารอก็ไม่เคยกลับมา...

 

                “เอ้า เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา แม่ค้าเมืองกรุงหน้าสวยกลับมา

แล้ว ปีนึงเจอกันครั้งเดียว หมดแล้วหมดเลย มาช้าอด ของหมดไม่รู้ด้วย”

                เสียงโฆษณาชวนเชื่อยังคงดังโหวกเหวกภายในที่ทำการของกำนัน

ธง เมื่อปัณฑารีย์ปักหลักยึดพื้นที่เป็นร้านค้าชั่วคราว ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน

หญิงสาวมักจะขนซื้อของจากในเมืองมาเก็งกำไรอยู่เสมอ อะไรขายได้

แม่ค้าหุ่นสบึมขายหมด แม้กระทั่งปล่อยเงินให้ผู้ร่วมงานกู้ก็มี จนได้รับ

ฉายาว่า ‘ยายถึกหน้าเงิน’ แต่ปัณฑารีย์ก็หาได้แคร์ไม่ ใครผิดนัด จ่าย

ไม่ตรงตามสัญญาเธอก็จัดการริบข้าวของมาไว้แทนดอกเบี้ย แล้วเอามา

เทขายรวมกับของที่ซื้อมา แรกๆ ที่ทำแบบนี้ชัยภพก็บ่นว่าเธออย่างไม่

เห็นด้วย แต่หลังๆ ก็ชักจะชาชินจนในที่สุดก็เลิกบ่นไปเอง

                “หนเดียวอะไร ปีนี้แกมาหลายรอบแล้วนะนังปัณ หาผัวมาคอย

ดูแลได้แล้ว จะได้ไม่ต้องมาขายของงกๆ แบบนี้”

                เพราะปัณฑารีย์ไม่เคยแสดงตัวว่าแท้จริงแล้วทำอาชีพอะไร คน

แถวนี้จึงเข้าใจว่าหญิงสาวเป็นพวกเร่ขายของไปตามจังหวัดต่างๆ ซึ่ง

เจ้าตัวหรือแม้กระทั่งกำนันธงก็ไม่เคยแก้ไขความเข้าใจผิดนี้เลยสักครั้ง

                “ผัวเผออะไรเจ๊ หยาบคาย...ปัณยังไม่อยากมีหรอก อยากมี

เงินเยอะๆ มากกว่า ถ้าเจ๊รำคาญก็ช่วยซื้อสิ ปัณจะได้ไม่ต้องกลับมาบ่อยๆ

เอ้าๆ เร่เข้ามา ของใหม่ ของดี ยังมีอีกเพียบ”

                เวลาผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงข้าวของที่เคยกองอยู่มากมายก็ค่อยๆ

ทยอยหายไปกลายเป็นใบแดงๆ ม่วงๆ เข้ามาแทนที่ เมื่อลูกค้าเริ่มซาลง

หญิงสาวก็จัดการควักเงินออกมานับอย่างสุขีในอารมณ์

                “อันนี้ราคาเท่าไหร่”

                เมื่อเห็นว่ามีมือใครบางคนยื่นแว่นกันแดดส่งมาตรงหน้า ปัณฑารีย์

ก็สวมบทบาทโฆษณาชวนเชื่อสินค้าของเธออย่างรวดเร็ว

                “ตาแหลมมากเลยลุง อันนี้แบรนด์เนมของแท้เลยนะ ถ้าลุงเอา ฉัน

ลดให้” ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาชายวัยห้าสิบเศษแต่งกายภูมิฐาน

ที่ยืนอยู่ตรงหน้า หญิงสาวก็นิ่งอึ้ง หัวใจกระตุกวูบราวกับโดนไฟฟ้าชอร์ต

                “ปัณจำพ่อได้ไหมลูก...”

                จำไม่ได้...

                ปัณฑารีย์บอกตัวเองแทบจะทันที ตลอดมาเธอไม่เคยมีความ

ทรงจำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้...ไม่มี และไม่ต้องการจะมี!

                “เลิก เลิก วันนี้ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว ปิดร้าน ปิดร้าน” ไม่พูดเปล่า

แม่ค้าจอมงกยังคว้าแว่นตาจากมืออีกฝ่ายใส่ลงไปในกล่อง จากนั้นก็

จัดการโกยสินค้านานาชนิดตามลงไปโดยไม่คิดทะนุถนอมของทำเงิน

เหมือนเช่นทุกครั้ง เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงห้านาที ก็เดิน

ผ่านบุคคลแปลกหน้าที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเธอไปอย่างไม่คิดสนใจ

                “อ้าว จะรีบเก็บของไปไหนยายแม่ค้าจอมงก ปกติไม่หมดไม่เลิกนี่

วันนี้สงสัยฝนจะตก ลูกค้ายืนอยู่ตรงหน้ายังไม่สนใจ”

                ชัยภพที่เดินสวนเข้ามาเอ่ยทักขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นคนเป็นน้อง

เก็บของเร็วกว่าทุกวัน

                หญิงสาวไม่คิดจะตอบคำถาม นอกจากพยายามเดินเข้าไปในบ้าน

ให้เร็วที่สุด ทว่าเสียงของคนที่ไม่คิดว่าจะได้พบได้เจอกันอีกในชาตินี้ยังคง

ลอยตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา

                “เดี๋ยวปัณ! ปัณอาจจะจำพ่อไม่ได้ แต่พ่อเป็นพ่อแท้ๆ ของปัณ

จริงๆ นะลูก”

                เสียงที่ส่งมาอ่อนโยน...ใช่ มันอ่อนโยนเสียจนไม่คิดว่าจะได้ยินจาก

คนที่หายออกจากชีวิตไปถึงยี่สิบห้าปี เมื่อคิดเช่นนั้น เสียงจากสมองจึง

สั่งเท้าของหญิงสาวให้ก้าวไปข้างหน้า...ห้ามหยุดเป็นอันขาด

                ทว่าปลายเท้ากลับต้องชะงักกึก เมื่อชัยภพเอื้อมมือมารั้งแขนเธอ

ไว้ด้วยสีหน้าตกใจ ไม่ต่างอะไรกับโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ

                “พ่อ! เขาบอกว่าเป็นพ่อแก...เฮ้ย ใช่เหรอวะ”

                “ไม่ใช่” เสียงแข็งๆ ของคนเป็นน้องสวนกลับทันควันอย่างไม่

จำเป็นต้องคิด “แกก็รู้ว่าฉันเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ จะมีพ่อกับใครเขา

ได้ยังไง”

                “ปัณจะด่าว่าพ่อยังไงก็ได้ แต่พ่ออยากจะบอกว่าพ่อขอโทษ พ่อมี

เรื่องมากมายอยากจะเล่าให้ปัณฟัง...” น้ำเสียงของผู้มาเยือนคล้าย

อ้อนวอนขอความเห็นใจ ทว่ายังไม่ทันที่ปัณฑารีย์จะได้เอ่ยอะไรออกไปให้

สาแก่ใจมากกว่านี้ เสียงของผู้มีพระคุณคนที่ดูแลและรักเธออย่างแท้จริง

ก็ดังขึ้นเสียก่อน

                “มีอะไรกันปัณ เจ้าภพ...แก!” ท้ายประโยคกำนันธงถึงกับนิ่งอึ้งไป

เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ลูกชายเขาแจ่มชัดถนัดตา ไม่คิดเลย

ว่าไอ้ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบที่เขาเพิ่งจะไล่ตะเพิดไปเมื่อสองสามวันก่อน

จะย้อนกลับมาใหม่ได้รู้เวลาขนาดนี้

                ไม่เพียงกำนันธงที่ตกใจ ญาณีที่เดินตามผู้เป็นสามีมาไม่ห่างก็

ถึงกับยกมือขึ้นทาบอกอย่างคาดไม่ถึง เมื่อได้สติก็รีบเดินเข้าไปลูบแขน

หลานสาวอย่างเป็นกังวล

                ปฏิกิริยานุ่มนวลอ่อนโยนของคนเป็นป้า และแววตาห่วงใยจาก

คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดทำให้ปัณฑารีย์ได้สติ เธอถูกสอนมาให้

ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง...แล้วทำไมเธอต้องกลัวการเผชิญหน้ากับผู้ชาย

คนนี้ ผู้ชายที่ทิ้งแม่และเธอไปอย่างไม่เคยเหลียวแล

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024