เถ้าอธิษฐาน (นราเกตต์)

เถ้าอธิษฐาน (นราเกตต์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160023097
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ฟ้าคำรามกึกก้องสลับเส้นแสงแล่นแปลบไปทั่วกลุ่มเมฆดำทะมึน

สายฝนเทกระหน่ำต่อเนื่องไม่ลืมหูลืมตามาตั้งแต่หัวค่ำ ไร้วี่แววเบาแรงแม้

เวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ ลมพายุโถมพัดนำเศษกิ่งไม้น้อยใหญ่ปลิวกระจาย

บ้าคลั่ง รองเท้าบูตคู่ใหญ่ก้าวลุยพื้นเฉอะแฉะด้วยจังหวะมั่นคงหนักแน่น

ผู้เป็นเจ้าของกระทืบสองสามครั้งขจัดเศษดินให้หลุดออกเมื่อถึงหน้าประตู

ร่างในชุดเสื้อกันฝนแทรกกายเข้าบ้านรวดเร็วปิดกั้นสายฝนซึ่งไล่มาราว

ห่ากระสุนไว้เบื้องหลัง

พื้นกระเบื้องเจิ่งนองด้วยน้ำจากร่างสูง เขาถอดเสื้อกันฝนพาดไว้ตรง

ที่เสียบร่ม ปาดหยดน้ำออกจากแขนและใบหน้า ความมืดปกคลุมภายใน

ห้องมีเพียงแสงจากสายฟ้าสว่างวาบผ่านมาทางหน้าต่างเป็นระยะพร้อมเสียง

 ร้องดังครืนราวฟ้าใกล้ถล่ม

คืนนี้มีพายุหนัก โชคดีกลับมาทันให้คนงานเอาผ้าใบขึงคลุมกล้า

ยางพาราที่เพิ่งเพาะชำไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้คงเสียหายมาก สุมาลี

แม่บ้านเก่าแก่วัยหกสิบโผล่เข้ามาในห้องพร้อมตะเกียงเจ้าพายุ แสงสว่าง

จากไฟนำความอบอุ่นมาให้คนยืนหนาวอยู่กลางห้อง กาหลาเด็กในบ้านยก

ถาดใส่น้ำดื่มและแก้วมาวางเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร เมื่อถามว่าไฟดับนาน

หรือยังจึงได้คำตอบว่าตั้งแต่เย็น

ไร่ของเขาใช้ไฟจากเครื่องปั่นจึงไม่มีปัญหาระหว่างทำงาน ฝนตก

ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะไฟบนเกาะ ‘ปูหลง’ ดับบ่อยจนเคยชิน ภรัณย์เป็นห่วง

แต่หญิงสาวบนห้องที่เพิ่งมาเหยียบแผ่นดินได้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่รู้จะทนอากาศ

ร้อนอบอ้าวของเกาะกลางทะเลได้มากน้อยแค่ไหน

“ยายใหญ่กับกุ้งหวานล่ะครับป้า”

“แม่ใหญ่เข้านอนแต่หัวค่ำเหมือนเดิมละค่ะ ส่วนคุณกุ้งหวานอยู่ข้าง

บน ทานอาหารเสร็จก็บ่นว่าเหนื่อย ขออาบน้ำเข้านอน ป่านนี้น่าจะหลับไป

แล้วป้าเลยไม่ได้เอาไฟขึ้นไปให้” สุมาลีจุดเทียนไขเพิ่ม

ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ทรุดกายนั่งบนเก้าอี้ อาหารเย็นล่วงเลย

ผิดเวลาไปมาก ถ้าไม่ดึกจนเกินไปสุมาลีก็จะอยู่คอย หากดึกมากก็จะทิ้ง

สำรับอาหารเอาไว้บนโต๊ะเพื่อให้เขาจัดการเอง แต่คืนนี้พายุเข้า หญิงสูงวัย

วุ่นกับการปิดบ้านดูแลเรือนจึงยังไม่เข้านอน

“วันนี้มีข้าวยำนะคะ ของคุณกุ้งหวานเธอไม่ทาน”

“เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”

สุมาลีลอบอมยิ้มเมื่อเห็นคนที่ปกตินิ่งเฉยเหมือนก้อนหินมีความ

หวั่นไหวขึ้นมาเพียงแค่ได้ยินคำบอกเล่า “เปล่าค่ะ กลับมาหนนี้เหมือนข้าวยำ

จะกลายเป็นอาหารไม่ถูกปาก เธออยากทานอาหารฝรั่งมากกว่า เลยให้ป้า

ผัดสปาเกตตีให้แทน”

นางจนใจจะทำสปาเกตตีซอสหมึกดำตามคำขอเพราะเกิดมาก็ไม่เคย

เห็น ท้ายที่สุดทำได้เพียงสปาเกตตีใส่หมูผัดซอสธรรมดา โชคดีที่หญิงสาว

ชมว่าอร่อยยอมกินจนหมด “แปลกดีนะคะ ปกติไม่เห็นชอบทานของจำพวก

เส้นเลย ชอบทานแต่ข้าว”

“ใช่ค่ะ แปลกจริงๆ แต่ก่อนกินข้าวแค่ทัพพีครึ่งเหมือนแมวดม แต่

วันนี้กินเก่งยังกะยัด อุ๊ย...” กาหลาเอี้ยวตัวเล็กน้อย ห่อปากด้วยความเจ็บ

เมื่อโดนผู้สูงวัยเอื้อมมือมาบิดเอวด้านหลัง

“อ้อ” ภรัณย์รับคำ เปิดฝาสำรับข้าวยำซึ่งเขาตั้งใจสั่งให้ทำเป็นพิเศษ

เพราะเห็นว่าเป็นของโปรดเจ้าตัว

“พูดไปนังหลา เธอป่วยอยู่ จะให้เหมือนก่อนได้ยังไง” สุมาลีเอ็ด

เด็กสาวช่างเจรจา

“แต่แหลงใต้ไม่ได้ด้วยนะยาย เธอบอกว่าฟังไม่รู้เรื่อง ให้กาหลาพูด

ช้าๆ หรือไม่ก็พูดภาษากลางแทน นายหัวว่าแปลกไหมล่ะ เกิดที่นี่เป็นคนใต้

แท้ๆ แต่อยู่ดีๆ ก็แหลงใต้ไม่ได้ แถมยังฟังไม่รู้เรื่องอีก เมื่อกลางวันตอนมา

ถึงก็มองที่นี่ไม่คุ้นเลยนะ เหมือนไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ”

ภรัณย์นั่งกินอาหารไปเงียบๆ จนเสร็จจึงลุกขึ้น

“อ้าว จะไปแล้วเหรอคะ” สุมาลีร้องถามทันทีที่เห็นเขาเดินไปจุด

ตะเกียงอีกดวงเดินขึ้นบ้านหลังกวาดอาหารลงท้องราวไม่รู้รส

ชายหนุ่มรับคำโดยไม่หันมามอง สาวเท้าเดินลับมุมสายตาไปพร้อม

กับเปลวแสงสว่างสีส้มเจือทอง เงาทอดยาวไปข้างหลังยามเดินผ่านโถง

ระเบียงทางเดิน ขวามือคือซุ้มโค้งหน้าต่าง ส่วนทางซ้ายมือเป็นประตูห้อง

บานสูงเรียงราย เนื่องจากเป็นตึกเก่าที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรม

ชิโน-โปรตุกีส มันจึงมีทั้งความขลังและความสวยงาม ร่องรอยประวัติศาสตร์

ยังมีให้เห็นไม่ว่าจะเป็นช่องลับเก็บของมีค่าตรงประตู หรือแม้แต่ห่วงล่าม

กำปั่นบนพื้นห้อง

ทวดของเขาเคยค้าขายกับชาวตะวันตก จับทั้งงานเหมืองแร่ ขุด

พลอย เรื่อยมาจนถึงยุคของบิดามารดาที่หันมาเอาดีด้านทำสวนยางและ

ไม้เศรษฐกิจอื่นๆ ความมั่งคั่งร่ำรวยทำให้มีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย

ทุกคนล้วนมีเป้าหมายที่ตัวเขาและทรัพย์สมบัติ ภรัณย์ไม่เคยใส่ใจต่อการ

มาหรือไปของใคร เขาใช้เวลาอยู่กับงานที่รัก ทุ่มเทให้แก่ต้นไม้ที่มีชีวิตแต่

ไม่มีจริตจะก้าน กระทั่งได้มาพบกับเธอ ผู้หญิงที่ทำให้นึกอยากมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้

มองจากชั้นสองออกไปจะสามารถเห็นทิวทัศน์ของทะเลอยู่ไม่ไกล

ความเย็นเยือกลอดผ่านช่องลมสลักลายเข้ามากระทบผิวเปียกชื้น มือใหญ่

จับห่วงเหล็กเคาะเป็นจังหวะเบาๆ มีเพียงความเงียบตอบสนองออกมา ไร้

แสงสว่างจากใต้ประตู ภรัณย์คาดว่าเธอน่าจะยังหลับอยู่จึงผลักบานไม้

เบื้องหน้าเข้าไปพร้อมชูตะเกียงในมือเพื่อนำทาง

ร่างสูงสืบเท้าผ่านกลางห้องเข้าไปหยุดบริเวณเตียงนอน คนที่เขามอง

หานอนหงายทอดร่างอยู่บนฟูกหนานุ่ม เรือนร่างในชุดนอนสีขาวปราศจาก

ผ้าห่ม เส้นผมดำยาวสยายเต็มหมอน หญิงสาวนอนหลับสนิท ไม่รู้สึกตัวถึง

การมาใดๆ ของเขา มือหนาวางตะเกียงไว้บนโต๊ะข้างเตียง ทิ้งตัวลงนั่งบน

เก้าอี้พลางปลดกระดุมเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด เฝ้ามองกุสลาด้วยความ

สงสัยเช่นเดียวกับทุกครั้งยามเห็นเธอหลับใหลว่ากำลังฝันถึงสิ่งใด

เวลาจิตใต้สำนึกออกมาโลดแล่นเป็นภาพฉายเธอจะนึกถึงเขาบ้าง

ไหม ยังจำได้หรือกลบเขาไว้ใต้ผืนทรายแห่งความเกลียดชังหมดแล้ว อยากรู้นัก...

 

ในฝันทว่าคล้ายความจริงอย่างที่สุด หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองเดินมา

เนิ่นนาน...นานจนความอ่อนล้าเข้าตรึงขาทั้งสองข้าง แทบยกเท้าก้าวต่อไป

ไม่ไหว กระนั้นบางสิ่งกลับไม่ยอมให้หยุดพัก มันควบคุมให้เธอก้าวไปสู่

จุดหมายปลายทางเบื้องหน้า

เช่นเดียวกับนับร้อยครั้งที่เดินมาที่นี่ เส้นทางสายเดิม จุดหมายปลาย

ทางเดิมซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น บรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงเช่นนี้

แสงทองสีกุหลาบประดับริ้วเมฆเป็นริบบิ้นพลิ้ว ฟองคลื่นในทะเลสีมรกต

วาวใสเบื้องล่างเชิงผาสวยงามดุจภาพวาดในฝัน แต่ก็ได้กลิ่นเสมือนจริงของ

สายลมสดชื่นลอยมาสัมผัสปลายจมูก

ณ ริมหน้าผามีใครคนหนึ่งยืนรอเธออยู่ ทันทีที่เข้าสู่ระยะการมอง

เห็น ตะวันกลับลับเลือนขอบฟ้าเร็วขึ้นกะทันหัน ม่านราตรีคลี่คลุมจนทั่ว

บริเวณเปลี่ยนฉากสว่างสดใสเป็นสีน้ำเงินจางหม่นมัว ความมืดทะมึนกลืน

กินเงาร่างเบื้องหน้าจนยากแยกแยะออกว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เธอ

รู้เพียงว่ากำลังถูกจ้องมองมาด้วยรอยยิ้มหวานหยดทว่าน่าขนลุกอย่างประหลาด

พริบตาบรรยากาศอันน่าอภิรมย์พลันเปลี่ยนเป็นความสยดสยอง

เมื่อเจ้าของเงาเอนร่างทิ้งดิ่งจากหน้าผาต่อหน้าต่อตา เสียงหัวเราะดังก้อง

กังวานขึ้นราวชอบอกชอบใจที่ได้แสดงฉากปลิดชีวิตให้เห็น!

หญิงสาวตะลึงมอง ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรีดร้องเสียขวัญ

สุดขีด รีบหมุนกายผละจากที่นั่นด้วยความตระหนก เสี้ยววินาทีข้อมือกลับ

ถูกคว้าหมับไว้ด้วยมือปริศนาเปียกๆ เธอชะงักตัวแข็ง ปรายหางตากลับไป

มอง เจ้าของข้อมือบิดหักผิดรูปเหลือกดวงตามองตอบ ใบหน้าอาบไปด้วย

เลือดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ร่างกายบิดเบี้ยวไปมาเพราะกระดูกหักแหลก

เหลว แผลเหวอะหวะชโลมโลหิตหลั่งมาตามแขนขาเป็นทาง รอยยิ้มกระตุก

ขวัญกระชากหัวใจให้หยุดเต้น

‘จะไปไหน นังแพศยา...’ ฝ่ายนั้นบริภาษผ่านกรามหักห้อย

เธอหวีดร้องเต็มหลอดเสียงจนแทบสิ้นสติ ก่อนจะตื่นเฮือกในจังหวะ

เดียวกับเสียงคำรามกึกก้องของอสนีบาตนอกหน้าต่างห้องนอน หญิงสาว

นอนอยู่บนเตียงลืมตาโพลงอกกระเพื่อม ลมหายใจหอบถี่สะท้านระรัว

หัวใจเต้นแรงเร็วเหมือนคนเพิ่งรอดพ้นนาทีวิกฤติของชีวิตมาหมาดๆ

“กุ้ง...กุ้งหวาน” เงาร่างดำทะมึนเคลื่อนผ่านมาชะโงกอยู่เหนือศีรษะ

หญิงสาวสะดุ้งตอบโต้ด้วยการผลักร่างนั้นให้ถอยห่างออกไป ทว่าเปรียบ

เหมือนผลักกำแพงหิน เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่ทำให้คนตัวใหญ่เขยื้อน

มือหนาเลื่อนมาแตะบริเวณหน้าผากชื้น

“เหงื่อท่วมไปทั้งตัว ฝันร้ายเหรอ”

กุสลาเพิ่งปรับสายตาได้ แสงไฟจากตะเกียงสาดส่องขับไล่เงาออก

จากใบหน้าคมเข้ม เผยให้เห็นดวงตาสีดำขลับที่กำลังมองมาอย่างแน่วแน่

เสียงกิ่งไม้โบยตีเข้ากับบานหน้าต่างไม้น่ากลัวราวกับกำลังมีพายุเบื้องนอก

เธอหายใจหอบ นั่งตัวเกร็งขณะนิ้วมือหยาบกระด้างบรรจงหยิบปอยผม

เส้นยาวปรกบังสายตาออกให้ จนกระทั่งใบหน้าของภรัณย์ถอยห่างออกไป

เธอจึงหายใจได้ทั่วท้อง กลั่นเสียงผ่านลำคอออกมาได้

“นิดหน่อย...ทำไมไม่เปิดไฟ” เธอเพิ่งสังเกตว่าห้องมืดมาก

“ไฟดับตั้งแต่หัวค่ำ” ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นยืนข้างเตียง สัดส่วนความ

สูงและกล้ามเนื้อภายใต้เนื้อผ้ายีนหนาหนักดูราวกับจะข่มให้ร่างในชุดนอน

ดูเปราะบางอ่อนแอยิ่งขึ้นไปอีก

ไฟดับ?

“กลัวรึเปล่า” มือหนาจุดเทียนไขเพิ่ม ป้องแสงให้ลุกโชนสว่างแล้วตั้งไว้บนเชิง

กุสลาสั่นศีรษะ แม้จะเพิ่งมาถึงได้เพียงคืนแรกแต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะ

ตกอกตกใจกับความไม่สะดวกสบายกายหรือเสียงลมฝน แค่ไม่ต้องการ

เผชิญกับความมืดโดยไม่จำเป็น สิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นอาจจะเข้ามาใกล้ได้มากกว่า

ที่เคย เหมือนมันกำลังเฝ้าจับตามองเธออยู่

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกคุกคาม...คืนแล้วคืนเล่าที่ต้องฝันสยดสยอง

จนตอนนี้นึกขยาดความมืดและหวั่นเกรงที่จะอยู่คนเดียว!

“กุ้งหวาน”

คนถูกเรียกสะดุ้งตัวคล้ายถูกกระตุกจากภวังค์ ใบหน้าเล็กผอมเงย

มองชายหนุ่ม ร่างบนเตียงกระถดถอยห่างโดยอัตโนมัติเมื่อเขาเข้ามาใกล้

กลิ่นอายฝนจากกายบุรุษลอยมาต้องจมูก น้ำหยดลงมาจากปลายเส้นผม

ไหลผ่านแนวคิ้วหนาเข้ม โหนกแก้ม ลงมาจนถึงปลายคาง ก่อนหยดลงบน

ที่นอนเกือบโดนตัวเธอ

“เป็นอะไร”

“ไม่...” กุสลาเบี่ยงหน้าหนี ไม่ยอมให้เขาเอื้อมมือมาสัมผัส การ

ปฏิเสธเหมือนรังเกียจดูจะแล้งน้ำใจเกินไปจึงเค้นเหตุผลออกมาได้ในตอนท้าย “คุณตัวเปียก...”

“อ้อ ใช่ ข้างนอกฝนตกหนัก ผมเพิ่งกลับเข้ามา” ภรัณย์เดินไปหยิบ

ผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดขยี้ศีรษะ หญิงสาวลอบมองอยู่เงียบๆ กระทั่งเขาเริ่ม

ปลดกระดุมเสื้อจึงรีบหลุบสายตาก้มหน้าลงมองมือตัวเอง ร้อนๆ หนาวๆ

เหงื่อซึม หัวใจเต้นระทึกแทบกระดอนออกมานอกทรวง ต้องอยู่กับเขาตาม

ลำพังเป็นครั้งแรก ตามลำพังจริงๆ ไม่ใช่ห้องในโรงพยาบาลแบบที่อยู่มาตลอดหลายเดือน

“คุณช่วยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำได้ไหม” เธอว่าทั้งที่ไม่มองจึง

ไม่เห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้ รู้สึกตัวอีกทีตอนมือหนาวางลงบนหัวเตียง คน

ตัวใหญ่โน้มตัวลงมาทอดเงาคุกคามให้กุสลาต้องเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหดคอ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภรัณย์ในระยะประชิดแทบสัมผัสลมหายใจ

“เคยเห็นหมดแล้วนี่ ผมไม่ถือสาหรอก” แผงอกกว้างเอนเข้ามาใกล้

เหมือนจงใจ กายบุรุษเจือกลิ่นฝนฉ่ำเย็นแผ่กลิ่นอายชวนให้ขนลุกยะเยือก

ไล่ตามแนวไขสันหลังจนถึงต้นคอ กุสลาห่อไหล่ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย

หนึ่งเพื่อป้องกันความหนาวอันไม่มีสาเหตุ อีกหนึ่งเพื่อเป็นปราการกั้นระหว่างกลาง

 

ภรัณย์เองก็เหมือนจะหยุดทิ้งระยะห่างเอาไว้เพียงเท่านั้น ในดวงตา

สีดำที่ดูจะมืดและลึกเหมือนก้นเหวมีประกายคล้ายเยาะหยันก่อนเคลื่อนตัว

จาก เธอไม่แน่ใจว่าเพราะความสัมพันธ์ของพวกเรา ‘ไม่อยู่ในสภาวะปกติ’

                         (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024