เชลยแค้นแสนรัก

เชลยแค้นแสนรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786115020157
ผู้แต่ง: ผักบุ้ง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

การปรากฏกายของชายในฝัน

 

 

เสียงไวโอลินเพลงวิวาห์ดังคลออยู่ภายในห้องแกรนด์บอลรูมของ

โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองอูลานบาตอร์ เมืองหลวงประเทศมองโกเลีย

โคมไฟคริสตัลนับร้อยที่ตกแต่งอยู่บนเพดานกำลังส่องแสงลีเหลืองนวลสว่าง สวยสด รับกับบรรยากาศงานมงคลในคํ่าคืนนี้ นักธุรกิจชั้นผู้ใหญ่หลายท่านและ คนใหญ่คนโตในวงราชการ ต่างทยอยมาร่วมแสดงความยินดีกับสารวัตรหนุ่ม ไฟแรงที่ตกลงใจแต่งงานกับนักเขียนสาวชาวไทยอย่างสายฟ้าแลบ แต่คนที่ดู เหมือนจะดีใจเป็นพิเศษก็คงไม่พ้นท่าน ‘ส.ส. บาตู เดลเกอร์ กับคุณหญิงนอร์มิน บิดามารดาของเจ้าบ่าวที่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานแทนคู่บ่าวสาวที่ยังเตรียม ตัวไม่เสร็จดี

บาร์ยาในชุดสูทลีครีมกำลังยืนต้อนรับแขกอยู่หน้า'เมดอกไม้ด้านนอก ประตูทางเข้าด้วยลีหน้ายิ้มแย้ม ไม่นานนัก หัวหน้างานของเขาที่ประจำอยู่ โรงพักเดียวกันและภรรยาก็เดินทางมาถึง

“ดีใจด้วยนะบาร์ยา ในที่สุดคุณก็มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนเสียที”

ชายร่าง ใหญ่วัย 50 ปลายๆ พูดพลางตบไหล่สารวัตรหนุ่มอย่างเป็นกันเอง

“ผู้กำกับอย่าพูดเหมือนผมเป็นพวกเพลย์บอยอย่างนั้นลี” บาร์ยาหัวเราะ

น้อยๆ เพื่อแก้ต่างให้แก่คำแซวของผู้กำกับ ‘โบเก มามาดาคอฟ’

“ผมไม่ได้หมายความว่าคุณเจ้าชู้เสียหน่อย แต่เห็นที่ผ่านๆ มา มีสาวๆ คอยเที่ยวหาที่โรงพักวันละคนสองคนไม่ซํ้าหน้า ผมก็เลยคิดว่าต่อไปนี้คงไม่มี ใครกล้ายุ่งกับคุณ เพราะเล่นผูกมัดตัวเองซะตั้งแต่ยังหนุ่มแน่นนี่นา” ผู้กำกับ

โบเกหัวเราะร่วน หากแต่ชายหนุ่มกลับยิ้มรับอย่างยินดี

ยินดีที่มีคนผูกมัดเป็นเจ้าสาวคนนี้อย่างยิ่งเลยละ

ถึงแม้เขาจะรู้จักกับเธอแค่ 2 เดือนกว่าๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกหลุมรักเธอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ก็คือแววตาอันใส่ซื่อบริสุทธิ์ หลายครั้งที่เขาพยายามบอก ตัวเองว่านั่นไม่ใช่ความรัก แต่ท้ายที่ สุดเขาก็ปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้ว่าเธอคือ คนที่เขาอยากปกป้องดูแลตลอดไป

“ว่าแต่เจ้าสาวของคุณอยู่ไหนล่ะ ผมอยากเห็นเธอเต็มแก่แล้วว่าทำไมถึง มัดใจคุณได้”

“เธอแต่งตัวอยู่ครับ” บาร์ยาตอบพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “นี่ก็น่า

จะเสร็จแล้วละ”

“งั้นผมเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า ถ้ายังไงเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

“ยินดีด้วยนะคะ สารวัตร” คุณหญิงคูลาน ภรรยาของโบเกกล่าวพร้อม ยิ้มพราย

“ขอบคุณครับ” บาร์ยายิ้มรับ ผู้กำกับโบเกจึงตบไหล่เขาอีกสองสามครั้ง อย่างเป็นกันเองแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับภรรยา

สิ้นสายตาคนทั้งสอง...ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวก็เดินไปหาหญิงสาว 3 คน ที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะแจกของชำร่วยใกล้ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเดือนแรมที่มาช่วยงาน

 “เดือน” เขาเรียกซื่อเล่นของเธอที่เป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงมองโกเลีย

ขณะที่หญิงสาวหันไปหาสารวัตรหนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตากันดี

“ว่าไงคะ ?”

“ถ้ายังไงผมฝากดูแลตรงนี้สักครู่นะ แขกเริ่มมากันเยอะแล้ว ผมจะขึ้นไป รับดาวลงมาที่งาน เธอน่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วละ” ประโยคนี้เขาเอ่ยเป็นภาษา ของตัวเองเพราะรู้ว่าเดือนแรมสามารถใช้มันได้คล่อง

“ฉันไปรับให้ก็ได้ค่ะ” เดือนแรมลุกขึ้นอาสา “คุณอยู่ต้อนรับแขกดีกว่า

ถ้าไม่อยู่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะน่าเกลียดนะ” หญิงสาวยิ้มให้ใบหน้า

หล่อเหลาที่กำลังมองเธออย่างจริงใจ

เดือนแรมเป็นแม่สื่อให้บาร์ยากับทอดาวอยู่พักใหญ่ในช่วงหลายเดือนก่อน ตอนนั้นทอดาวยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง และบาร์ยาเองก็ยังพูดไทยไม่ได้ จึง ทำให้เดือนแรมค่อนข้างสนิทสนมกับบาร์ยาพอสมควร แต่ตอนนี้นอกจากที่ บาร์ยาจะเรียนภาษาไทยแล้ว ทอดาวเองก็แอบไปเรียนภาษามองโกเลียมาพัก ใหญ่เพื่อเซอร์ไพรส์เขาเหมือนกัน

“ขอบคุณมาก” สักยิ้มของบาร์ยาเป็นสวนที่มีเสน่ห์ที่สุดบนใบหน้า

ของเขา แม้แต่เดือนแรมเองก็ยังรูสึกชื่นชม และดีใจแทนเพื่อนรักของเธอที่โชคดี ได้ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์อย่างนี้มาเป็นสามี เขาทั้งหล่อเหลาดุจนายแบบ แถมยัง

เป็นสารวัตรหนุ่มไฟแรงที่ปิดคดีใหญ่ๆ ได้มาแล้วนับไม่ถ้วน มากไปด้วยอุดม- การณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ใครๆ ต่างก็อยากได้เขาเป็นคู่ครองทั้งนั้น แต่คนที่โชคดีที่สุดก็คือเพื่อนของเธอ

เดือนแรมในชุดเดรสลันลีเขียวอ่อนเดินตรงไปยังลิฟต์บริเวณทางเดิน ของโรงแรม ก่อนจะกดลิฟต์เพื่อไปรับเพื่อนรักในห้องพักชั้น 32 ที่ทางโรงแรมจัด ให้เป็นห้องแต่งตัวเจ้าสาว

 

ทอดาวในชุดเกาะอกสีขาว กระโปรงยาวฟูฟ่องเป็นชั้น ๆ กำลังยืน

มองตัวเองอยู่หน้ากระจก ผมของเธอรวบไว้ด้านหลังแล้วปล่อยม้วนเป็นเกลียว ลงมา โดยที่ด้านหน้ายังเป็นหน้าม้าปิดหน้าผาก บนศีรษะสวมมงกุฎอันเล็กๆ รับกับทรงผมและใบหน้า แม้ทอดาวจะรู้สึกภูมิใจที่ได้สวมชุดเจ้าสาว แต่ในเวลา เดียวกัน เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากคืนนี้ไปแล้ว...ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปมาก น้อยแค่ไหน ? ไปอยู่บ้านบาร์ยาจะต้องวางตัวยังไง ? พ่อกับแม่ของเขาจะเอ็นดู เธอเหมือนอย่างครั้งแรกที่เจอตลอดไปหรือเปล่า ?

หลังจากที่เธอตอบตกลงแต่งงานกับบาร์ยาเมือเดือนก่อน เขาก็พาเธอไป รู้จักพ่อแม่ของเขา ทว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ทอดาวก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เดลเกอร์อัน ใหญ่โตโอ่อ่า ทอดาวก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอกับเขาอยู่คนละระดับกัน พ่อของเขา เป็นนักการเมืองใหญ่โตและมีชื่อเสียง ส,วนแม่ของเขาก็เป็นคุณหญิงไฮโซที่มา จากชาติตระกูลอันสูงส่ง ผิดกับเธอที่เป็นเด็กกำพร้าและอยู่ในการอุปการะของ พ่อแม่เดือนแรมมาตั้งแต่อายุ 16 เธอกลัวเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งเธอจะเข้ากับ

ครอบครัวของเขาไม่ได้

ปัญหาเหลานี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในความรู้สึกของทอดาวไม่นานนัก แต่เธอก็ หวังว่ามันจะเลือนหายไปในสักวันหนึ่ง เพราะข้างกายเธอมีบาร์ยาที่ทำให้ยิ้มได้ แม้ว่าเธอจะรูสึกแย่แค1ไหนก็ตาม

‘ถึงแม้เราจะรู้จักกันไม่เท่าไร แต่เวลาที่ผ่านมามันไม่สำคัญสักนิด เพราะ ว่าเวลาหลังจากนี้ไปต่างหาก...ที่ผมจะรัก และดูแลคุณ...ทั้งชีวิต’

ทอดาวยิ้มน้อย ๆ ให้เงาสะท้อนของตัวเองในกระจกเมื่อนึกถึงคำสัญญา ของบาร์ยาในวันที่เขาขอเธอแต่งงาน วันนั้นเขาไปหาเธอที่เมืองไทยเพื่อเซอร์ไพรส์ เธอในงานเปิดตัวหนังลือ แม้เธอจะคบหาดูใจกับเขาไม่ถึง 3 เดือน แต่ช่วงเวลา แค่นั้นเธอก็มีแต่รอยยิ้ม เขาเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง เขาพาเธอไปตามหาแรง บันดาลใจมาเขียนนิยาย อีกทั้งยังไม่เคยหันหลังให้เธอ ไม่ว่าเธอจะหัวเสียไล่เขา ยังไงก็ตาม

บาร์ยาเป็นชายหนุ่มในอุดมคติที่ทอดาวอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่น เป็นแฟน ในฝัน...ที่เธอไม่คิดว่าจะหาเจอได้ง่าย ๆ บนโลกที่มีแต่การสวมหน้ากากเข้า หากันแบบทุกวันนี้ แม้กระทั้งประโยคที่เขาขอเธอแต่งงาน ยังเป็นประโยคที่เธอ

วาดหวังเอาไว้เลยว่า ถ้าหากเธอมีคนรักก็อยากจะให้คนรักของเธอพูดแบบนั้น ต่อให้เธอหลงรักผู้ชายในภาพวาด ‘หยางเฉิงเล่ย’ มากมายแค่ไหน แต่ความรัก

ที่เธอมีต่อเขามันเพ้อเจ้อและไร้เหตุผล

อีกอย่าง...เธอไม่เชื่อว่า ‘รักแท้’ แบบในนิยายจะมีอยู่จริง เพราะฉะนั้น เธอจึงคิดว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด ถ้าหากเธอจะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอคิดว่า

‘ดีพอ’

แต่... ณ นาทีนี้ ทอดาวกลับยังอดสงสัยไม่ได้ว่า สร้อยหยกรูปดาวที่เธอ สวมติดตัวไว้ตลอดหลังจากรอดชีวิตมาจากโอเอซิสอาถรรพ์ เธอได้มันมาจาก

ที่ไหนกันแน่ ?

‘ที่ผ่านมา...เจ้าไม่ต้องจดจำหรอก’ รอยยิ้มของเฉิงเล่ยที่เธอยังคง จินตนาการได้อย่างแจ่มชัดปรากฏขึ้นอีกครั้งในความรู้สึกของหญิงสาว

‘จำไว้แค่ว่าดาวดวงนี้คือหัวใจของข้าก็พอ’

คำพูดของเขาที่เธอเคยจดบันทึกไว้...ค่าพูดที่เธอนำมาเขียนเป็นนิยาย... กับสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ได้มาโดยไม่รู้ตัว... มันพอเหมาะกันเกินไปจนทำให้เธอ

สับสนระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงอยู่เสมอ

ถ้าหากเรื่องราวในสมุดบันทึกเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง สร้อยเส้นนี้คง เปรียบเสมือนหลักฐานยืนยันความรักเพียงขึ้นเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่จากเขา

แต่ในทางตรงกันข้าม... ถ้าหากทุกอย่างเป็นเพียงจินตนาการ เธอก็ควร จะเลิกฝันกลางวันแล้วยอมรับความจริงได้แล้วว่า หยางเฉิงเล่ยไม่มีตัวตน แต่คน ที่มีอยู่จริง... คือบาร์ยาต่างหาก

มือบางเอื้อมไปหยิบสมุดไดอารี่ออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดดูภาพวาด ของเฉิงเล่ยเป็นครั้งสุดท้าย พระเอกนิยายคนนั้น...ที่ไม่ว่าจะมองดูกี่ครั้งก็ไม่เคย อยากละสายตาจากไป

ถ้าหากเขาไม่ใช่แค่ภาพในความฝัน หนึ่งเดือนก่อนเธอคงไม่ยอมรับคำขอ แต่งงานของคนอื่น

หญิงสาวถอนหายใจบาง ๆ ก่อนจะถอดสร้อยหยกรูปดาวออกมาเพื่อวาง แนบไว้กับกึ่งกลางของหน้ากระดาษ เธอคล้องสายสร้อยไว้กับสายไดอารี่ในหน้า สุดท้าย ดุจดั่งคืนความรักที่เคยได้รับให้แก่เจ้าของ...แล้วหยิบสร้อยเพชรเส้น เล็ก ๆ รูปหัวใจในกล่องกำมะหยี่ที่บาร์ยาซื้อให้ขึ้นมาสวมแทน

นับจากนี้ไปเธอควรจะเลิกเพ้อเจ้อเสียที...เพราะเธอกำลังจะแต่งงานมี สามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว

ทอดาวมองภาพชายหนุ่มในไดอารี่อีกครั้ง ก่อนจะส,งความเลิกในใจไป

ถึงเขา...

‘หยางเฉิงเล่ย แม้คุณจะเป็นเพียงภาพในจินตนาการของฉัน แต่ฉันกลับ เลิกได้ถึงความรักของคุณอย่างน่าประหลาด ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่อาจเก็บรักษา ความรักที่คุณมีให้เอาไว้ได้ตลอดไป ฉันไม่อยากจะเป็นหญิงสาวที่ชอบฝันกลาง- วันอีก ฉันไม่อยากจะจมอยู่กับความรักที่มองไม่เห็น แม้จะสัมผัสได้ แต่มันไม่มี อยู่จริง... หลายครั้งที่ฉันเฝ้าถามตัวเองว่าคุณอยู่ที่ไหน แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ ความเจ็บปวดที่ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก... แม้คุณจะเป็นคนรักในจินตนาการที่ฉัน อยากอยู่เคียงข้าง แต่คนที่อยู่เคียงข้างฉันคือบาร์ยา คุณคง...จะยินดีกับฉันลินะ ใช่มั้ย ?’

ทอดาวส่งยิ้มน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขให้แก่ผู้ชายในภาพวาดที่วันนี้ แววตาของเขาดูหมองเศร้าแปลก ๆ แต่เธอก็คิดว่าเธอคงจะเลิกไปเองมากกว่า

เพราะว่าภาพวาดคงไม่อาจมีความรูสึกได้

ทว่าทำไมพอเห็นแววตาคู่นี้...เธอถึงได้รู้สึกลังเลใจขึ้นมานะ ?

ติ๊งหน่อง !

เสียงออดหน้าห้องเรียกสติหญิงสาวให้กลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง ทอดาวละความสนใจจากภาพวาดของชายในจินตนาการแล้วปิดสมุดบันทึก เพื่อเดินไปเปิดประตูโดยลืมวางมันลงบนโต๊ะ คิดในใจว่าบาร์ยาคงจะมารับเธอ ไปยังงานเลี้ยงเป็นแน่ แต่ทอดาวกลับต้องแปลกใจเมื่อคนที่มารับไม่ใช่บาร์ยา หากเป็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนหนึ่ง เขาสวมแว่นตาสีดำเหมือนพวกมาเฟีย ในหนัง แต่กระนั้นท่าทางก็สุภาพและสำรวมจนเธอทึกทักเอาว่าเขาเป็นลูกน้อง ของบาร์ยาริเปล่า? แต่ทำไมบาร์ยาถึงไม่มาเองนะ?

“มีอะไรเหรอคะ”

ไม่ทันจะได้รับคำตอบ ชายชุดดำคนนั้นก็โปะยาสลบเธอด้วยความรวดเร็ว เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลังพร้อมทั้งใช้สมุดบันทึกที่ถืออยู่ในมือทุบคนร้าย หลายครั้งเพื่อเอาตัวรอด แต่มือหนาก็กลับจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอล็อกเอา ไว้แน่น จนในที่สุดเธอก็หมดแรงต้านทาน พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ค่อยๆ เลือน หาย

ชายปริศนาช้อนร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมแขน โดยที่สมุดเล่มเดิมร่วงหล่น ลงบนหน้าท้องของหญิงสาว เขาพาเธอเดินเลี้ยวไปทางบันไดหนีไฟซึ่งมีชายอีก คนที่แต่งตัวเหมือนกันคอยดูต้นทางอยู่ ในจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์บริเวณทางเดิน ของชั้น 32 ถูกเปิดออกพอดี

เดือนแรมก้าวออกมาจากลิฟต์ตัวนั้นแล้วเดินตรงมายังห้องพักของเพื่อน รักอย่างไม่เร่งริบ แต่เธอกลับต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นประตูห้องพักเปิดทิ้งไว้ โดยมีมงกุฎอันเล็กๆ ตกอยู่บริเวณหน้าประตู

“ดาว...” เดือนแรมอุทานด้วยความตกใจ เธอจำได้ว่ามงกุฎอันนี้เป็น เครื่องประดับที่ทางร้านแถมให้ทอดาวตอนไปซื้อชุดเจ้าสาว เธอจึงริบเข้าไปสำรวจ ดูในห้องอย่างรวดเร็ว กระทั่งเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดูแล้วไม่พบ ความรู้สึกไม่ สบายใจและเป็นห่วงก็เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง

“บาร์ยา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เดือนแรมหายใจหอบๆ เมื่อวิ่งมาถึงหน้า ประตูห้องจัดเลี้ยง ขณะที่ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวมองเธอด้วยความแปลกใจ

“มีอะไรเหรอเดือน”

“ดาวหายตัวไป”

เพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง แล้วรีบรุดไปดูที่ห้องแต่งตัวของคนรัก เพื่อให้เห็นกับตาตัวเองทันที !

 

รถโฟร์วีลเก่า ๆ คันหนึ่งแล่นออกจากตัวเมืองมาในทะเลทราย

โกบิได้สักระยะ การลันสะเทือนของรถที่แล่นผ่านลันทรายทำให้ทอดาวเริ่มรู้ลีกตัว เปลือกตาของเธอค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ ก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อ เห็นทะเลทรายอันเวิ้งว้างอยู่นอกกระจกหน้าต่าง...ฝั่งที่เธอหันหน้าออกไปพอดี

เมื่อทอดาวระลึกได้ว่าถูกโปะยาสลบที่โรงแรม เธอก็หันกลับมาสำรวจ คนในรถด้วยความหวาดวิตก ชายชุดดำคนเดิมนั่งอยู่ช้างเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหน้ากำลังทำหน้าที่เป็นคนขับ

“พวกคุณเป็นใครน่ะ จะพาฉันไปไหน!” ทอดาวร้องถามด้วยความตกใจ และหวาดกลัวระคนกัน ถึงแม้สำเนียงภาษามองโกเลียของเธอจะแปร่ง แตกไม่ เลวร้ายจนฟังไม่ได้ศัพท์

“อยู่เฉยๆ แล้วหุบปากดิกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว...” น้ำเสียงเย็นเฉียบที่ ตอบกลับมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างเธอทำให้ทอดาวถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

“พวกคุณจะจับฉันไปเรียกค่าไถ่เหรอ” ทอดาวมองไปรอบๆ ก่อนจะ พยายามใช้เสียงดังเพื่อข่มความกลัวในใจของตัวเองเมื่อเห็นแค่ท้องทะเลทราย “ฉันไม่ไปนะ แล้วบ้านฉันก็ไม่ได้รวยด้วย จอดรถ ! จอดเดี๋ยวนี้เลย” เธอพยายาม จะเอื้อมมือไปจับพวงมาลัย แต่คนที่นั่งข้างเธอก็คว้าต้นแขนอันบอบบางของเธอ ไว้ได้เสียก่อน “โอ๊ย !”

“บอกว่าให้อยู่เฉยๆ ไง !” น้ำเสียงของเขาเริ่มดุดันขึ้นมา แม้แววตาวาว โรจน์จะถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นตาลีดำสนิท แต่ทอดาวก็รับรู้ได้ถึงความหงุดหงิด ของเขา บางทีมันอาจจะฆ่าเธอถ้าหากเธอยังร้องโวยวายไม่เลิก แต่เธอก็ไม่ ต้องการจะไปกับพวกมันนี่นา

“พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาจับฉันแบบนี้ ! ฉันกำลังจะแต่งงานนะ แฟนของฉัน เป็นตำรวจ...” เธอพยายามหาเหตุผลมาข่มขู่คนร้ายทุกวิถีทาง “...เขาจะต้องพา คนมาจับพวกคุณเช้าคุก !”

 

        (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

 

 

 

 

 

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024