สิเน่หาสัญญารัก

สิเน่หาสัญญารัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160006205
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                        สุภาพบุรุษ

 

            ปัง! เสียงปืนดังขึ้นตามด้วยเสียงขู่ดังลั่นเป็นภาษาอังกฤษ

ให้ยอมจำนน ร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งล้มคว่ำ เลือดไหลนองพื้น อีกสองคน

พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดหลังถูกไล่ยิง ภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญ

เบื้องนอกร้านอาหารของคอนโดฯ หรูทำเอาเหล่านักศึกษาที่นั่งอยู่ในนั้น

แตกตื่นลุกขึ้นวิ่งหนีอลหม่าน เสียงกรีดร้องดังสลับกับเสียงเรียกหากัน

เซ็งแซ่ ศัลยาลุกพรวดยืนขึ้น ดวงตาคู่สวยเพ่งผ่านผนังกระจกไปยังร่างที่

นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อ

จำได้ว่าเขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่เธอรู้จักดี

เธอร้องเรียกชื่อเขา

                “เบดาซ!”

                ขณะนั้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอก็ลุกพรวดขึ้นพลางคว้า

ข้อมือเธอวิ่งออกจากตรงนั้น หญิงสาวก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปในลิฟต์ตาม

แรงฉุดดึง

                “อัสวา นี่มันเกิดอะไรขึ้น เบดาซเพื่อนคุณถูกใครยิง เขาแน่นิ่ง

เขาตายแล้ว พวกเพื่อนๆ ของคุณก็โดนไล่ยิงด้วย” เมื่อตั้งสติได้เธอก็ยิง

คำถามภาษาอังกฤษใส่เพื่อนหนุ่มเสียงสั่นรัว

            “ศัลยา พวกเราถูกฝ่ายตรงข้ามในพูริมบังตามล่าน่ะ ผมจะขึ้นไป

เก็บของ ผมเตรียมตัวไว้แล้ว”

                “ฝ่ายตรงข้าม? ใคร? คุณหมายถึงอะไรบอกศัลได้มั้ย”

                เธอถามเร่งเร้า ทันใดนั้นประตูลิฟต์เปิดออก เขารีบวิ่งไปที่ห้องพัก

กดรหัสผ่านหน้าประตูแล้วดึงเธอเข้าไปในห้อง เขาตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า

หยิบกระเป๋าเป้แล้วหันไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบปืนมาเหน็บเอวไว้

ศัลยาเบิ่งตามองเขานิ่งๆ ก่อนจะรบเร้าถามเสียงสั่น

                “อัสวา บอกศัลก่อนสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ศัลไม่เข้าใจ ได้โปรด

บอกศัลเถอะ”

                “ผมคิดว่าฝ่ายตรงข้ามสืบจนรู้ว่าเราทั้งหมดอยู่ที่นี่ และผมคือ

เป้าหมาย พวกมันต้องการฆ่าผม เพราะไม่ต้องการให้ผมและเพื่อนๆ

กลับไปกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอน ตอนนี้ที่แคว้นพูริมบังตกอยู่ใน

สถานการณ์สู้รบกับพวกที่ต้องการล้มล้างระบอบกษัตริย์ เวลานี้ฝ่ายเรา

กำลังจะได้ชัยชนะและรอพวกเรากลับไป พวกมันก็เลยตามล่าหาทางฆ่า

เราน่ะ พวกมันตามสืบอยู่ตลอดจนเพิ่งรู้ว่าเราทั้งหมดอยู่ที่นี่” เขา

อธิบายคร่าวๆ

                “โธ่ แล้วคุณจะหนีรอดคนพวกนั้นไปได้ยังไงล่ะคะ พวกนั้นคงรู้

แล้วว่ายังเหลือคุณอยู่บนนี้น่ะ” หญิงสาวเดินเข้ามาจับแขนเขาไว้พลาง

เอ่ยถามสีหน้าปริวิตก

                “ใช่ ศัลรีบกลับลงไปเถอะนะ อันตรายมาก ผมขอบใจในทุกสิ่ง

ทุกอย่างที่ศัลมีให้ผมและเพื่อนๆ เสมอมา ไปเถอะ สักวันหนึ่งถ้าผมรอด

ไปได้ผมจะกลับมาหาศัล รีบกลับลงไปนะศัล”

                เขาจับต้นแขนหญิงสาวพาเดินมาที่ประตู เอ่ยพลางสบตา

หญิงสาวนิ่ง นัยน์ตาเขาฉายแววอาลัยอาวรณ์ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

                “ศัลรีบลงบันไดไป รีบไปเถอะ ผมเป็นห่วงคุณนะ เอ่อ...โชคดีนะ

ศัล”

                เขามองหน้าเธอนิ่งๆ ดังต้องการตราภาพเธอไว้ในความทรงจำ

หมุนลูกบิดประตูแล้วพยายามดันเธอออกไป แต่หญิงสาวขืนตัวไว้

กระแทกตนเองปิดประตู เอ่ยบอกเขาท่าทางกระวนกระวายด้วยความ

เป็นห่วง

                “อัสวา คุณหนีไม่รอดหรอก เชื่อศัลสิ พวกเพื่อนๆ คุณก็อาจจะ

ถูกเก็บหมดแล้ว และกว่าที่คุณจะข้ามชายแดนไปพูริมบังได้ไม่ใช่เรื่อง

ง่ายเลย เพราะคุณจะต้องเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปอีกไกล และจะ

ไปทางไหน ไปยังไง ศัลเป็นห่วงคุณนะคะ”

                “ผมมีคนมาคอยรับที่ชายแดนแล้วละ เพียงแต่ผมจะต้องไปให้ถึง

ผมศึกษาแผนที่การเดินทางและเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ยากหรอก

อย่าห่วงผมเลยนะศัล รีบกลับออกไปเถอะ ผมจะลงบันไดหนีไฟ และจะ

ดูทางหนีทีไล่ก่อน หรือไม่ผมอาจจะซ่อนตัวอยู่ในตึกนี้จนกว่าจะ

ปลอดภัยแล้วค่อยออกไปทีหลัง รีบไปสิศัล พวกมันอาจจะกำลังค้น

ทุกห้องในตึกนี้อยู่ ขอร้องละศัล รีบไปเถอะ อย่าอยู่กับผม มันจะฆ่า

ทุกคนที่อยู่กับผม เชื่อผมนะศัล” เขาจับแขนเธอไว้ทั้งสองข้าง เอ่ย

วิงวอนด้วยสีหน้าขมวดมุ่นเป็นกังวลในความปลอดภัยของเธอ

                “อัสวา แต่ศัลเป็นห่วงคุณนะคะ ศัลจะช่วยพาคุณหนีไปที่

ชายแดนเอง ยังไงที่นี่ก็เป็นประเทศของศัล ศัลรู้ทางหนีทีไล่ และชำนาญ

เส้นทางมากกว่าคุณ เพียงแต่ตอนนี้เราแค่ออกไปให้ถึงรถของศัลที่จอด

อยู่หน้าคอนโดฯ ให้ได้เท่านั้น ศัลจะพาคุณหนีเองค่ะ” เธอบอกเขาอย่าง

คนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก่อนจะเบิ่งตากว้างเมื่อนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

                “ตายละ ศัลวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ในห้องอาหารค่ะอัสวา ศัลจะวิ่ง

ลงไปเอานะคะ มีกุญแจรถอยู่นั้นและก็โทรศัพท์มือถือด้วยค่ะ”

                “ไม่ได้นะศัล มันเสี่ยงเกินไป ผมไม่ต้องการให้คุณเอาชีวิตมา

เสี่ยงกับผม ผมรับรองว่าผมไปรอด เชื่อผมสิ ผมเตรียมการหนีไว้แล้ว

เพียงแต่มันผิดแผนตรงที่พวกมันชิงลงมือก่อนเท่านั้น ได้โปรดเถอะนะศัล

รีบออกไป ไปสิศัล” เขาวิงวอนด้วยสีหน้าวิตกกังวลในความปลอดภัย

ของเธอมากกว่าตนเอง

                “อัสวา แต่ศัลทิ้งคุณไม่ได้หรอกค่ะ คุณต้องการคนช่วยนะคะ”

สิ้นคำของเธอ ชายหนุ่มก็จ้องหน้าเธอนิ่งๆ ซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาว

ชาวไทย

                “ศัล ขอบคุณมากที่คิดจะช่วยผม แต่มันอันตรายเกินไปสำหรับ

คุณ รีบออกไปจากที่นี่ และรีบขับรถกลับบ้าน อย่าให้ผมเป็นห่วงคุณ

มากกว่านี้เลยนะ ผมหนีไปคนเดียวจะง่ายกว่า คล่องตัวกว่า กลับบ้าน

ไปเถอะศัล รีบกลับออกไป ผมขอร้อง อย่าดื้อสิ”

                ชายหนุ่มวิงวอนแต่หญิงสาวกลับทอดสายตามองเขานิ่งๆ แล้ว

ส่ายหน้าน้อยๆ สายตาที่สบประสานกันในเวลาวิกฤตินี้ฉายชัดว่าทั้งคู่

ไม่อาจเก็บความในใจที่มีต่อกันไว้ได้อีก ศัลยาน้ำตาเอ่อคลอ ใจหายเมื่อ

ถึงเวลาต้องจากพรากอย่างไม่ทันตั้งตัวและในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการ

มีชีวิตรอดของชายหนุ่ม

                “อัสวา แต่ศัลตัดสินใจแล้ว ศัลจะต้องช่วยคุณ อย่าผลักไสศัล

เลยนะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไปศัลจะต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิต ศัลทิ้ง

คุณไปอย่างนี้ไม่ได้ค่ะ อย่าไล่ศัลเลยนะคะ ถึงศัลจะเป็นแค่ผู้หญิง

ตัวเล็กๆ ก็อาจจะช่วยคุณได้บ้าง เราเป็นเพื่อนกัน จะทิ้งกันในยาม

ทุกข์ยากได้ยังไงล่ะคะ ศัลทำไม่ได้หรอกค่ะ” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ มอง

ชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตาไหลพราก

                “ศัลยา ผมขอบคุณและซาบซึ้งในมิตรภาพที่คุณมีให้ผม แต่ใน

เวลานี้คุณไม่สมควรเข้ามาพัวพัน มันเป็นอันตรายถึงชีวิต มันจะฆ่าทุกคน

ที่อยู่กับผมไม่มีละเว้นใคร เชื่อผมสิศัล กลับไปเถอะนะ” เขาพยายาม

อธิบายให้เธอเข้าใจสถานการณ์ แต่หญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าเม้ม

ริมฝีปากที่สั่นระริกไว้

                เพียงครึ่งชั่วโมงจากนั้นเสียงไซเรนจากรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ก็ดังขึ้น ดังลั่นทุกทิศทางราวกับพวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว เร่งเร้าให้

ศัลยาประมวลผลหาทางออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววเจิดจ้า

ทอประกายความหวัง เธอรีบเอ่ยบอกเขา

                “ตำรวจมาแล้ว ศัลจะขอความช่วยเหลือ เราจะได้ขอความ

คุ้มครองไงล่ะ”

                “ไม่ได้นะศัลยา เขาอาจจะจับผมส่งพวกมัน มันเป็นเรื่อง

การเมืองที่ประเทศคุณไม่เข้าใจ รีบกลับออกไปสิศัล กลับไป” เขาร้อง

ห้ามและเอ่ยผลักไสเธออีกครั้งทันที ใบหน้าหญิงสาวสลดวูบ

                “อัสวา ศัลทิ้งคุณไม่ได้ ได้โปรดอย่าไล่ศัลเลยนะคะ ศัลไม่ไป”

เธอยืนยันหนักแน่น

                ปัง! เสียงเคาะประตูดังลั่นขึ้น หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ชายหนุ่ม

รวบร่างหญิงสาวที่ตระหนกสุดขีดไว้ในอ้อมกอด

                เสียงโทรโข่งดังก้องขึ้น

                “ส่งตัวประกันออกมาแล้วมอบตัวซะดีๆ อย่าคิดหนีอย่าคิดสู้

เป็นอันขาด เราล้อมไว้หมดแล้ว” เธอรีบแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เขาฟัง

เพราะอัสวายังไม่แตกฉานภาษาไทยนัก

                “เราควรบอกตำรวจนะคะ ว่าเราจะขอติดต่อกับทางสถานทูตไทย

ทางการไทยอาจจะช่วยคุณก็ได้นี่คะ คุณควรจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ

ดีกว่าหนีอย่างนี้ มันเสี่ยงมากนะคะอัสวา” เธอเอ่ยรัวเร็ว

                แทนที่ชายหนุ่มจะทำตามคำแนะนำนั้นเขากลับปราดไปหยิบ

รีโมตโทรทัศน์มากดเปิดทันที

                “เมื่อเวลาเก้านาฬิกาได้เกิดเหตุการณ์นักศึกษาจากราชอาณาจักร

พูริมบังจี้ตัวประกันไว้ในห้องพักของคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย

ชื่อดัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมไว้โดยรอบแล้ว เบื้องต้นคาดว่า

เป็นเรื่องการเมืองภายในรัฐพูริมบังที่กำลังมีการสู้รบ โดยนักศึกษาเหล่านี้

เป็นฝ่ายต่อต้านการปกครอง และกำลังถูกตามล่า ถูกสังหารไปแล้ว 3

ศพ และยังเหลือหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักซึ่งคาดว่าเป็นหัวหน้าคณะ

ผู้ก่อการที่ทางการพูริมบังต้องการตัว เหตุการณ์นี้ได้รับการบอกเล่า

จากผู้เห็นเหตุการณ์ว่าผู้ก่อการได้จับนักศึกษาสาวชาวไทย ซึ่งทางเราได้

รับรายงานว่าเป็นบุตรสาวของท่านอัครราชทูตไทยประจำประเทศ

เวียดนามไว้เป็นตัวประกัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเจรจากับ

ผู้ก่อการซึ่งยังไม่ทราบจำนวนให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งทางซีเอ็นเอ็นเกาะ

ติดสถานการณ์และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ และนี่คือเหตุการณ์

ล่าสุดที่หน้าคอนโดมิเนียมแห่งนั้น...”

                สิ้นเสียงนักข่าวสาวรายงานสดจากสำนักข่าวดังในช่องเคเบิล

เป็นภาษาอังกฤษ ภาพก็ตัดกลับมาหน้าคอนโดฯ ที่บัดนี้คลาคล่ำไปด้วย

รถตำรวจ รถนักข่าว รถโมบายจากสถานีข่าว มีเทปมาปิดล้อมกั้นไว้

และยังบรรดาผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ วิ่งหนีออกจากห้องพักลงไปยืน

รายล้อมมองดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่าง อีกทั้งบรรดาไทยมุงที่เริ่มทยอยกัน

เข้ามา

                “อัสวา ทำไมเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ล่ะ มันกลายเป็นว่าคุณเป็น

ผู้ก่อการไปแล้ว คุณต้องเจรจาให้ทางการไทยเข้าใจนะคะ ว่าคุณเป็น

ผู้ถูกกระทำ”

                “วางอาวุธและส่งตัวประกันออกมา ทางการของประเทศคุณได้

ขอให้เราส่งตัวคุณในฐานะผู้ก่อการกบฏ โดยจะมีรถมารับคุณไปจากที่นี่

คุณจะปลอดภัย อย่าให้ทางเราต้องเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องประเทศของ

คุณเลย ส่งตัวประกันมาดีกว่า และยอมให้เราควบคุมตัวคุณ ทางการ

ของคุณรับรองความปลอดภัยกับเราแล้ว เพราะคุณเป็นแค่นักโทษ

การเมืองเท่านั้น” หญิงสาวแปลเสียงโทรโข่งที่ดังจากหน้าห้องเป็นภาษา

อังกฤษให้เขาฟังแล้วเอ่ยถามต่อ

                “อัสวา แล้วตกลงพวกที่มันตามล่าคุณ ใช่คนของทางการพูริมบัง

หรือเปล่าคะ หรือว่าเป็นพวกไหน บอกศัลให้เข้าใจหน่อยสิคะ”

                “ตอนนี้ที่พูริมบังกำลังเกิดสงครามกลางเมือง พวกกบฏอ้างว่า

ได้ล้มล้างระบอบกษัตริย์ลงแล้ว แต่ไม่ใช่นะศัล ประชาชนและทหาร

ส่วนมากไม่ยินยอม และออกมาต่อต้านพวกกบฏ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็น

สงครามกลางเมือง ทำให้คนทั่วโลกเกิดความสับสน ผมถึงจำต้องกลับ

ไปช่วยบ้านเมืองไงล่ะ และถ้าผมถูกจับส่งตัวไปผมก็ต้องตายสถานเดียว

เพราะฝ่ายกบฏต้องการตัวผมไปเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้อีกฝ่าย

ยินยอม”

                “ทำไมต้องเป็นคุณด้วยล่ะคะ” เธอเร่งเร้าถาม กราดมองหน้าเขา

อย่างค้นหาคำตอบ

                “ศัล แล้วผมจะอธิบายทีหลัง” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

                “อัสวา ศัลนึกออกแล้ว ถ้างั้นคุณก็จับศัลเป็นตัวประกันเสียเลย

แล้วขอ ฮ. จากทางการไทยไปส่งคุณที่พูริมบังดีมั้ยคะ ศัลคิดว่าดีนะคะ

อัสวา มันน่าจะเป็นทางรอดของคุณ” เธอเสนอความคิดอย่างฉับพลัน

ทันที

                ชายหนุ่มร่างสมาร์ต หน้าเข้มตาคม จมูกโด่งเป็นสัน หน้าเรียว

แบบลูกครึ่ง มองหน้าศัลยานิ่งๆ ด้วยแววตาทึ่งอย่างนึกไม่ถึงในการ

ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวของเธอ หนึ่งปีที่ผ่านมา ความสนิทสนมที่ก่อตัวขึ้น

ในฐานะที่เธอเป็นพี่เลี้ยงหรือพี่รหัสของเขา เนื่องเพราะศัลยาเก่งภาษา

อังกฤษมหาวิทยาลัยจึงส่งเธอมาเป็นพี่เลี้ยงให้เขาซึ่งเป็นนักศึกษาแลก

เปลี่ยน เธอผู้นี้อัธยาศัยดีน่ารักงดงาม มีน้ำใจแก่ผู้พลัดบ้านพลัดเมือง      

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024