วิวาห์กระดาษ

วิวาห์กระดาษ

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160003655
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

มุนี จงอิน มองเช็คที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่

รู้สึกใจจะขาดราวกับมีมือมาฉีกทึ้ง เลขศูนย์ที่เรียงอยู่ในช่องจำนวนเงิน

ดูพร่าเลือนเมื่อปราศจากแว่นสายตาที่ใส่อยู่เป็นนิตย์

ค่าปลอบขวัญ...

คนที่ยื่นเช็คมาให้บอกเธอว่าอย่างนั้น

อยากยิ้มให้เขา ทว่าริมฝีปากกลับทรยศ มันสั่นระริกด้วยแรง

กดดันภายในที่จวนเจียนจะระเบิดเต็มที

“วิธานพางามพิมพ์บินไปฮ่องกงเมื่อคืนนี้” คนส่งข่าวพูดต่อ

ราวกับไม่รู้ว่า แค่ข่าว ‘เจ้าบ่าว’ หนีการแต่งงานยังทำให้เธอเจ็บไม่พอ

หญิงสาวอยากจะซาบซึ้งที่ประธานหนุ่มแห่งอาร์พีกรุ๊ปอันยิ่งใหญ่

อุตส่าห์ลงทุนเดินทางมาที่บ้านของพนักงานที่ต่ำต้อยด้วยตนเอง แต่เมื่อ

คิดดูแล้ว มันก็สมควรอยู่หรอก เพราะหญิงที่ ‘ปล้น’ เจ้าบ่าวของเธอไป

ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นน้องสาวคนเดียวของเขาเอง

หญิงสาวก้มหน้า มือลูบผ้าถุงสีงาช้างของชุดเจ้าสาวที่สวมอยู่

สายตาจับจ้องลวดลายสดใสของเล็บที่ลงทุนเพนต์เคลือบมาเป็นอย่างดี

ด้วยการคะยั้นคะยอของจันทร์จรัส

นี่ถ้าฝ่ายหลังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงพูดใส่หน้าว่า ฉันบอกแล้ว

ใช่...จันทร์จรัสเตือนเธอแล้ว วิธานกำลังเปลี่ยนใจ เขาหวนกลับ

ไปหาคนรักเก่าที่เท่าเทียมกัน ทั้งฐานะ ชาติตระกูล และรูปร่างหน้าตา

ไม่ใช่ลูกหลานชาวสวนสะระแหน่อย่างเธอ

มุนีแค่นยิ้ม...

ถ้าเพียงแต่เธอจะรู้จักระแวงสงสัยท่าทีของคู่หมั้นที่เปลี่ยนไป

ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนถึงวันวิวาห์ ก็คงจะไม่เกิดเรื่องในวันนี้

‘เธอมันโง่ ต้วมเตี้ยม ความรู้สึกช้า’ เสียงแหลมปรี๊ดของจันทร์-

จรัส ดาราสาวเพื่อนรักที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนดังขึ้นในหัว

คำพูดของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลนั้นไม่ผิดแม้แต่

น้อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายไปเสียแล้ว อัน

ที่จริงจันทร์จรัสก็ออกจะพูดเกินไปหน่อย มุนียอมรับว่าเธอความรู้สึกช้า

แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่า ‘ต้วมเตี้ยม’ มากอยู่ ถ้าไม่เอาไปเทียบกับนิสัย

ปรูดปราดว่องไวของคนพูด

“มุนี” เสียงเรียกห้าวๆ ของเจ้านายทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง

ฝืนยิ้มให้ก่อนบอกเบาๆ

“ขอบพระคุณท่านประธานมากนะคะ ที่อุตส่าห์มาบอกข่าว

ด้วยตัวเอง เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งแขกที่มาร่วมงานให้ทราบค่ะ ส่วนนี่...”

หญิงสาวเลื่อนเช็คที่อีกฝ่ายวางไว้บนโต๊ะตรงหน้ากลับไป “...ดิฉันคง

รับไว้ไม่ได้ค่ะ”

วินธัย พิทยนนท์ ขมวดคิ้วมองสีหน้าสงบนิ่งของหญิงสาวตรงหน้า

รู้มานานแล้วว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในการเก็บงำความรู้สึกได้ดีเยี่ยม

ทั้งสีหน้าวาจาและท่าทาง แต่ไม่คิดว่าจะสงบได้ถึงกับขนาดพูดเรื่อง

งานวิวาห์ของตัวเองที่ล่มไปแล้วได้ราวกับเป็นแค่การผิดนัดทั่วๆ ไป

“น้อยเกินไปหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ทว่ากลับทำให้

อีกฝ่ายมองกลับมาอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่ากำลังถูกดูแคลน

“มิได้ค่ะ แต่ดิฉันไม่ทราบว่าจะรับไว้ทำไม”

“ผมบอกคุณแล้วว่ามันเป็นค่าปลอบขวัญที่ทางวิธานยินดีจ่ายให้

คุณ เพื่อชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น”

“ดิฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ”

“หมายความว่าคุณไม่ต้องการเงิน”

“ค่ะ” มุนียืนยันเสียงหนักแน่น ตรงข้ามกับใจที่อ่อนระโหย

“แล้วคุณต้องการอะไร”

คำถามของผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาร์พีกรุ๊ปทำให้หญิงสาวอยากหัวเราะ

ออกมาด้วยความเจ็บใจ เขาช่างถามได้ว่าเธอต้องการอะไร ในเมื่อเห็น

คำตอบอยู่โต้งๆ ในวันแต่งงานที่แขกกำลังทยอยมา เจ้าสาวอย่างเธอ

จะต้องการอะไรมากไปกว่าเจ้าบ่าวสักคน

แม้ใจจะคิดเช่นนั้น แต่คำตอบที่ออกจากปากกลับเป็นประโยค

เรียบๆ

“ดิฉันอยากให้ท่านกลับไปก่อนที่แขกจะมามากกว่านี้ค่ะ”

คนฟังหน้าตึงทันควัน สวนกลับด้วยน้ำเสียงกระด้าง “แต่ผมควร

คุยกับผู้ใหญ่ของคุณ อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พวกท่านเข้าใจ”

“ดิฉันจัดการเองได้ค่ะ” หญิงสาวรีบบอก แววหวาดหวั่นปรากฏ

ขึ้นในดวงตาวูบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

“งั้นคุณยิ่งสมควรรับเช็คใบนี้ไว้ อย่างน้อยก็จะทำให้คุณพูดกับ

พวกท่านได้ง่ายขึ้น”

เงินงั้นหรือ มุนีคิดอย่างหยามหยัน รังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

ละไม่ว่า

“เงินไม่ใช่ทางออกของเรื่องนี้หรอกค่ะ เชิญท่านกลับไปก่อน

ดีกว่า”

มุนียืนกราน แม้จะรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ทว่าในยามนี้

ใจของเธอไม่เย็นพอที่จะประนีประนอมหรือหว่านล้อมให้เขาเห็นดี

เห็นงามด้วย แม้ว่านั่นจะอยู่ใน ‘กฎ’ ข้อแรกๆ ของการทำงานในตำแหน่ง

เลขานุการของวินธัย เจ้านายที่ใครต่อใครพากันขยาดเพราะความ

เข้มงวดเฉียบขาด ทั้งยังเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง ชนิด

ที่น้อยคนนักจะกล้าคัดค้านความคิดเห็นของเขา

“ได้โปรดเถอะค่ะ” หญิงสาวหยอดต่อท้ายประโยค เมื่อเห็นว่า

ชายหนุ่มมีสีหน้าแข็งกร้าวขึ้น

ทว่าจากท่าทีที่ยังคงยืนปักหลักมั่นคงบอกให้รู้ว่าวินธัยปฏิเสธ

คำขอของเธอ มุนีเริ่มร้อนรน เสียงเฮฮาของแขกจากภายนอกตัวบ้าน

ไม่ต้องเห็นก็พอจะนึกภาพออกว่าเป็นเสียงของใครบ้าง ในเมื่อแขกที่มา

ในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ทั้งสิ้น ต่าง

ทำสวนทำไร่ด้วยกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด งานบุญงานแต่งหรืองาน

ไหนๆ ล้วนเป็นแขกหน้าเดิมที่วนเวียนไปตามบ้าน ตามวัดในชุมชน แล้ว

แต่ผู้ใดจะเป็นเจ้าภาพ กระทั่งถึงงานในวันนี้...งานที่ลุงทดของเธอรอ

มานานหนักหนา...งานแต่งงานของหลานสาว

ลานดินหน้าบ้านและใต้ถุนถูกปรับจนเรียบเตียนเพื่อจัดเลี้ยง

โต๊ะจีนโต๊ะไทยตามที่ลุงทดว่าจ้างมา โดยไม่ไยดีกับคำค้านของมุนีที่ให้

เชิญทุกคนไปร่วมงานฉลองแต่งงานที่โรงแรมพร้อมกันในอีกหนึ่งเดือน

ข้างหน้า

‘ข้าไม่ไปหรอก นังมุนี ไม่อยากไปเจอพวกผู้ดีหัวสูง ข้าจะจัดงาน

 ของข้าที่นี่แหละ มีเอ็งกับเจ้าบ่าวก็พอ ข้าน่ะรู้ตัวดีหรอก ว่าแฟนเอ็งเขา

ไม่อยากนับญาติกับคนอย่างข้าสักเท่าไหร่ เหมือนกับเพื่อนคนสวยของ

เอ็งนั่นแหละ’ ลุงทดแขวะไปถึงจันทร์จรัสที่เคยมาเที่ยวที่นี่เพียงครั้งเดียว

แล้วไม่เคยย่างกรายมาอีกเลย

‘แต่ช่างเถอะ ข้าไม่ถือหรอก การ์ดเกิ๊ดไม่ต้องแจก ข้าขอแค่ให้เอ็ง

จดทะเบียนกับผัวเอ็งให้ชาวบ้านแถวนี้รู้เห็นเป็นพยานกันจะจะเท่านั้น

ข้าจะได้เลิกขายหน้ากับเรื่องเลวๆ ที่แม่เอ็งเคยทำไว้’

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ลุงทดแก่กว่าแม่สิบปี หลังจากที่

ตากับยายเสียไป ลุงทดก็รับช่วงทำสวนสะระแหน่ต่อ และส่งเสียให้แม่

ของเธอเรียนหนังสือ แต่ยังไม่ทันจบ ม. 3 แม่ก็หนีไปกับผู้ชาย กลับมา

อีกครั้งก็หอบเธอมาทิ้งให้ลุงทดกับป้าพรเลี้ยง แล้วก็หายไปอีก ลุงทด

ทั้งโกรธทั้งอายและเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้

ตั้งแต่มุนีจำความได้ เธอก็รู้เรื่องทุกอย่าง ทั้งจากคำติฉินนินทา

ของเพื่อนบ้านและจากปากของลุงทดเอง ที่เมาขึ้นมาคราใด ก็จะด่าทอแม่

อย่างหยาบคายเสียๆ หายๆ

‘กูน่าจะขังมึงเอาไว้ที่บ้าน ไม่ต้องให้มึงออกไปเรียนไปแรดเหมือน

แม่มึง’

เป็นประโยคที่เธอได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็รู้ดีว่าลุงทดทำ

ไม่ลง ยามปกติ แม้ปากจะร้าย แต่ลุงทดก็เป็นคนใจดี ยิ่งเธอเรียนเก่ง

ลุงทดยิ่งถูกใจ พยายามส่งให้เรียนสูงๆ พอรู้ว่าเธอได้ทุนเรียนดีจาก

โรงเรียน ลุงทดยิ่งปลื้ม คุยฟุ้งไปทั่ว ทำให้มุนีพยายามมากขึ้นจนสอบ

เข้ามหาวิทยาลัยได้ จนกระทั่งเธอเรียนจบรับปริญญา โดยหวังว่าทุกสิ่งที่

เธอทำจะสามารถชดเชยความผิดของมารดาได้

แต่พอลุงทดรู้ว่าเธอมีแฟน ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม โดย

เฉพาะเมื่อรู้ว่าคนรักของเธอมาจากครอบครัวที่รวยล้นฟ้า ลุงทดก็เอาแต่

บ่นว่าก่นด่าไม่เว้นวัน

‘เอ็งมันก็โง่เหมือนแม่ เอ็งคิดหรือว่าแฟนผู้ดีของเอ็งจะรักเอ็งจริง

มันฟันเอ็งได้เมื่อไหร่ มันจะเฉดหัวเอ็ง ทีนี้ข้าก็ต้องกลายเป็นขี้ปาก

ชาวบ้านอีก เลี้ยงใครไม่ได้ดีสักราย ทั้งน้องทั้งหลานถูกผู้ชายทิ้งจนต้อง

หอบลูกมาให้เลี้ยง เอ็งจำใส่กะโหลกไว้เลยนะนังมุนี ถ้าเอ็งท้อง ไม่ต้อง

หอบลูกมาหาข้า ข้าจะไม่มีวันเลี้ยงลูกให้เอ็งเด็ดขาด’

แต่ก็เพราะคำพูดพวกนี้นี่แหละที่ทำให้เธอรักษาตัวมาได้ ทั้งๆ ที่

วิธานได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงขนานแท้

“คุณควรพาผมไปพบญาติผู้ใหญ่ของคุณได้แล้ว” เสียงห้วนๆ

ของวินธัยดึงมุนีออกจากห้วงความคิดของตัวเอง

“ได้โปรดเถอะค่ะ ให้ดิฉันจัดการเรื่องนี้เองเถอะนะคะ” หญิงสาว

วิงวอนเสียงอ่อน เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างลุง

ของเธอกับคนตรงหน้า

“ได้” เขารับคำง่ายๆ หลังจากที่นิ่งไปอึดใจ มุนีแปลกใจ กระทั่ง

ได้ยินเงื่อนไข “ผมจะปล่อยให้คุณจัดการเอง ถ้าคุณรับเช็คนี่ไว้”

หญิงสาวอารมณ์พุ่งปรี๊ดด้วยความโกรธ เม้มปากแน่น ดึงเช็ค

จากมือของเขามากำไว้แน่น ใจอยากฉีกมันแล้วปาใส่หน้าเขาให้สาแก่ใจ

แต่เธอรู้ดี ทำอย่างนี้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

“ดี” วินธัยพูดอย่างพอใจ “ผมไปก่อนละ ถ้ามีอะไรที่คุณจัดการ

ไม่ได้ ก็โทร. หาผมแล้วกัน”

                มุนีไม่ตอบ เมินมองไปทางอื่น รอจนร่างสูงลับไป จึงปล่อยให้

น้ำตาที่กลั้นไว้รินไหลออกมา

 

วินธัยขับรถออกมาจากงานด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

แต่ส่วนหนึ่งคือความสมใจ อย่างน้อยเขาก็ทำให้มุนีแสดงความโกรธ

ออกมาได้ แม้จะไม่มากเท่าที่ต้องการ ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องรับมือ

กับอาการฟูมฟายตีอกชกหัวของคนเป็นเจ้าสาวเมื่อรู้ข่าวว่าเจ้าบ่าวชิ่งหนี

ไปในวันวิวาห์ แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายกลับสงบเกินคาด เหมือน

อย่างที่จันทร์จรัสเคยพูดถึงตอนที่คะยั้นคะยอให้รับมุนีเข้าทำงานใน

ตำแหน่งเลขานุการของเขาที่ว่างลง

‘เพื่อนของเจซคนนี้ทำงานเก่งนะคะ แล้วยังเก็บอารมณ์ความ

รู้สึกได้เยี่ยม รับรองว่าพี่วินต้องชอบแน่ๆ’ จันทร์จรัสเอ่ยถึงเพื่อนรัก

อย่างชื่นชม

‘พี่ไม่อยากได้เลขาฯ ผู้หญิง’ วินธัยบอกปัด แต่อีกฝ่ายไม่ละ

ความพยายาม เธอพามุนีมาพบ แล้วยัดเยียดให้เขารับมุนีไว้ทดลองงาน

หนึ่งอาทิตย์

‘ถึงตอนนั้นถ้าพี่วินยังยืนยันว่าไม่เอา เจซจะเลิกเซ้าซี้ค่ะ’

วินธัยยอมเพื่อตัดความรำคาญ อีกประการหนึ่งคือ ช่วงนั้น

ฝ่ายบุคคลกำลังสรรหาเลขาฯ คนใหม่ให้เขาอย่างพิถีพิถัน แม้จะเป็น

ตำแหน่งที่รายได้งาม แต่พนักงานเก่าทั้งหลายต่างพากันส่ายหน้าอย่าง

อกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าก้าวขึ้นมาทำหน้าที่นี้ ต่างก็พากันพูดเป็นเสียง

เดียวกันว่าไม่อยากอยู่ใกล้เสือ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนขย้ำวันไหน

ก็น่าอยู่หรอก นับจากที่อรุณ เลขาฯ เก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่บิดา

ของเขายังมีชีวิตอยู่เกษียณอายุออกไป แรกๆ ก็มีพนักงานหลายคน

กระตือรือร้นสมัครมาทำหน้าที่แทน ทว่าก็ไม่มีใครทนอยู่ได้เกินสามวัน

หลังจากนั้นไม่นาน กิตติศัพท์ความโหดของเจ้านายก็เป็นที่โจษจัน

ทำให้ไม่มีใครกล้าเสนอตัวอีก ส่วนเขา...ก็หันไปคาดโทษกับฝ่ายทรัพยากร

บุคคลว่า หากยังส่งคนที่ไม่มีความสามารถพอมาอีก จะจัดการเปลี่ยน

บุคลากรของฝ่ายยกชุด ฝ่ายบุคคลจึงไม่กล้าเสี่ยงส่งใครสุ่มสี่สุ่มห้ามาอีก

จังหวะนั้นเองที่จันทร์จรัสพามุนีมาพบ

ชายหนุ่มยังจำหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทเป็นการเป็นงาน

ในวันแรกที่เจอกันได้ดี โดยเฉพาะดวงตาซึ่งอยู่หลังแว่นไร้กรอบที่มอง

มาที่เขาตรงๆ ลูกตาดำตรงกลางนั้นดูโตและโดดเด่น จนเขาคิดว่า

เจ้าหล่อนคงใช้คอนแทกต์เลนส์จำพวกบิ๊กอาย มารู้ภายหลังว่าไม่ใช่

วินธัยมีนโยบายไม่รับเลขานุการผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวย

และมุนีก็เป็นคนสวย อาจจะเรียกได้ว่าสวยพอฟัดพอเหวี่ยงกับจันทร์จรัส

ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกที่สวยที่สุดในขณะนี้ เขาไม่คิดว่าในโลกนี้จะมี

ผู้หญิงสวยและเก่งอยู่มากนัก และคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของ

จันทร์จรัสก็ยิ่งไม่น่าที่จะมีคุณสมบัติและความสามารถเข้ามาตรฐาน

ของเขา

แต่มุนีทำให้เขาต้องยอมรับโดยดุษณีว่าเขาคิดผิด เพราะหญิงสาว

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

สายลม | 1 รีวิว
15/07/2014

วิวาห์กระดาษ โดยเจติยา เรื่องนี้ถ้าแค่ดูเฉยๆ เผินๆอาจจะมองว่าไม่น่าจะสนุกเท่าที่ควรนักแต่พอได้อ่านจนจบบอกได้คำเดียวว่าไม่เสียดายเวลาที่อ่านเลยค่ะ เนื้อเรื่องค่อนข้างจะสนุกมากเลยทีเดียว เป็นเรื่องราวของความรักที่ถ้าเจอแบบนี้คงเจ็บซะยิ่งกว่าเจ็บ เมื่อมุนีนางเอกที่ชีวิตรักเดินทางมาถึงวันวิวาห์แต่ว่าดันไปได้ไม่ถึงฝั่งเพราะว่าเจ้าบ่าวของเธอที่คิดว่าจะฝากชีวิตกลับหนีไปกับผู้หญิงคนอื่นซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของพระเอกของเรื่องซึ่งชื่อวินธัย วินธัยจึงไม่อาจที่จะอยู่นิ่งดูดายจึงจดทะเบียนสมรสกับมุนีเพื่อเป็นการกู้หน้าให้หญิงสาวและรับผิดชอบความผิดแทนน้องสาวของ ที่ยอมทำเพราะไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อนแต่หาได้คิดถึงอนาคตของชีวิตคู่ไม่ เมื่อการแต่งงานและทะเบียนสมรสได้มาอย่างไม่ตั้งใจแต่ว่าความรักที่เริ่มก่อตัวทีละน้อย เรื่องนี้เนื้อหาจะค่อนข้างโตเรื่องราวและการดำเนินเรื่องเขียนมาแบบอิงความเป็นจริงพอสมควรเพราะว่าพระเอกจริงๆแล้วเป็นคนดีมาก เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุมีผลมากแม้ว่าคนที่ทำผิดเป็นน้องสาวตัวเองแต่เขาก็ไม่ได้นิ่งเข้าข้างหรือว่าปกป้องอะไรแต่อย่างใดใครผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนนางเอกก็ค่อนข้างมีเหตุผลไม่แพ้กันเลยเป็นเรขาที่เธอไม่ได้ร้องกรีดหรือโวยวายกับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นในวันแต่งงาน ตัวละครดูโตและไม่ใช่นิยายประเภทตัวละครลอยไปลอยมาไม่ทำงานทำการ เนื้อเรื่องโอเคกระชับดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างดี แต่ขอติงอย่างนึงในส่วนของตัวประกอบในเรื่องจริงๆ ไม่ต้องมีมากมายขนาดนี้ก็ได้มันดูเยอะไปซึ่งบางคนบทบาทมีไม่ไม่มากจริงๆ ไม่ต้องมีในเรื่องยังได้เลย สรุปแล้วเนื้อหาเรื่องดีค่ะอ่านสนุกสนานเพลินดีแก้เครียดได้ดีทีเดียว อ่านแล้วจะรู้สึกว่าเป็นนิยายที่ค่อนข้างมีสาระมีความเป็นผู้ใหญ่ของตัวละครในเรื่องมากกว่านิยายเรื่องอื่นที่ได้อ่านมาค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024