มาเฟียเลือดมังกร : สิงห์
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 159.00 บาท - 199.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
ปลายนิ้วยาวเรียวสะบัดไปตามคีย์เปียโน เริ่มจากเนิบนาบ
นุ่มนวลไปเป็นรัวเร็วเปี่ยมด้วยพลัง ร่างสูงสง่าซึ่งสวมชุดทักซิโดสีขาว
โยกตัวไปมานิดๆ ตามท่วงทำนองของบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่เขา
เลือกมาแสดงในคืนพิเศษคืนนี้โดยเฉพาะ
ทว่ามนตร์ของบทเพลงหวานกลับมิใช่สิ่งที่สะกดผู้ชมทุกคนให้
มองมายัง ทรงกลด ยนตร์วานิช ซึ่งโดดเด่นอยู่กลางสปอตไลต์บนเวที
ยกสูง
สำหรับผู้ชายสมบูรณ์แบบเช่นทรงกลด แม้จะไม่มีสปอตไลต์
สาดส่อง และอยู่ท่ามกลางหมู่คนมากมาย เขาก็ยังคงโดดเด่นเป็นที่
น่าจับตาอยู่ดี
กลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีนั้นส่วนมากเป็นผู้หญิง ทุกคนต่าง
จ้องมองร่างสูงสง่าอย่างหมายมาด กลุ่มสตรีสูงวัยสวมชุดราตรียาว
หลากสี ประดับประดาร่างกายด้วยเครื่องเพชรมูลค่าเป็นล้าน หรือ
บางคนก็หลายล้าน ต่างเล็งทรงกลดเอาไว้ให้ลูกสาว หรือไม่ก็หลานสาว
ของตน แต่บรรดาสาวๆ ที่อายุไม่เกินสามสิบนั้นเล่า...ทุกคนต่างมอง
ใบหน้าขาวตี๋ราวกับพระเอกหนังฮ่องกงนั้นอย่างหมายจะขย้ำ!
ทายาทคนเดียวของกลุ่มยนตร์วานิชซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วน
รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีรูปร่างสูงโปร่ง ยามยืดกายเต็มที่คาดว่า
คงสูงเฉียด 180 ซม. รูปร่างเขาสมส่วนดังคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็น
ประจำ แต่คงจะไม่ใช่กีฬากลางแจ้งเป็นแน่ เพราะผิวกายเขานั้น
ขาวสะอาดจนสาวบางคนต้องอิจฉา ใบหน้ารูปไข่มีเครื่องหน้าคมชัด
คิ้วหนาเข้มรับกับดวงตายาวรี จมูกโด่งเป็นสัน และสุดท้ายคือริมฝีปาก
อิ่มสีแดงสด ซึ่งแย้มยิ้มทีไร หากสาวคนใดได้ยลเป็นต้องเก็บไปเคลิ้มฝัน
ในปีนี้ทรงกลดอายุ 33 ปีแล้ว รูปร่างหน้าตาเขานั้นจัดว่า
หล่อเหลาเทียบเคียงพระเอกหนังบางคนได้อย่างสบาย ทว่าสิ่งที่โดดเด่น
เหนือกว่าหน้าตาคงเป็นความมั่งคั่งของตระกูลยนตร์วานิช ในฐานะ
ทายาทคนเดียวที่มีธุรกิจหลายพันล้าน จึงมักมีคนอิจฉา และนินทา
ลับหลังว่า ต่อให้เขาเป็นคนขี้เหร่ พิกลพิการ หรือปัญญาอ่อน ก็คงมี
สาวๆ ตามกรออยู่ดี เพราะใครๆ ต่างก็อยากเป็นสะใภ้ตระกูลยนตร์วานิช
กันทั้งนั้น
อาจเป็นเพราะทรงกลดคิดเช่นเดียวกับคนที่นินทาเขาด้วยกระมัง
ดังนั้นแม้อายุของเขาจะล่วงเลยมาถึงวัยที่ควรจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยัง
ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที
ชายหนุ่มเคยควงกับสาวไฮโซหลายคน ดารานางแบบก็หลายคน
แต่คบกันเพียงไม่นานก็เลิกราไป ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจเลย
ที่หนุ่มหล่อคุณสมบัติเพียบพร้อมแบบเขาจะติดอันดับหนุ่มโสดในฝัน
ของสาวไทยทั้งประเทศเป็นครั้งที่ห้าแล้วในปีนี้
จิรัสยาดันแว่นกรอบดำอันใหญ่ที่ชอบตกลงมาจากดั้งจมูกให้
ขึ้นไปยังตำแหน่งประจำของมัน หญิงสาวซึ่งตามเจ้านายมาร่วมงานเลี้ยง
เปิดตัวหนุ่มโสดในฝันเป็นครั้งแรกเบ้ปากนิดๆ เมื่อมองผ่านม่านสีน้ำเงิน
ลงไปยังเบื้องล่างแล้วเห็นสาวน้อยสาวใหญ่เกือบทุกคนมองเจ้านาย
เธอราวกับทรงกลดเป็นขนมหวานชิ้นเดียวในโลก
ผู้หญิงสมัยนี้มียางอายน้อยลงทุกที ดูสิ เธอเห็นสาวบางคน
โบกไม้โบกมือเรียกความสนใจจากทรงกลด สาวบางคนใจกล้าถึงขนาด
เดินออกมาเกาะขอบเวที เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเอาเลย เพราะเมื่อสาวๆ
ที่เหลือเห็นคนใจกล้านำเช่นนั้นก็พากันวิ่งมาเกาะขอบเวทีตาม แถมยัง
มีการส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับพวกนั้นกำลังดูคอนเสิร์ตของนักร้องดังอยู่
กระนั้น
เกิดการเขม่นกันแล้ว! จิรัสยายื่นหน้าออกไปอีกนิดเมื่อเห็นสาวๆ
หน้าเวทีเริ่มใช้ไหล่ดันกัน ผลักกัน โอ๊ย! คงสนุกตายละ ถ้าแม่สาว
พวกนั้นเกิดตบตีกันเพราะอยากแย่งชิงความสนใจจากเจ้านายของเธอ
ดวงตากลมโตภายใต้แว่นกรอบดำมองไปยังเจ้านายที่พักหลัง
ขยันทำตัวให้สาวกรี๊ดเสียเหลือเกิน ความหมั่นไส้แวบเข้ามาในหัวใจ
เธอก่อนจะจางหายไป เมื่อหญิงสาวที่อยู่ใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อติดอันดับ
ชายในฝันของสาวๆ ทั้งประเทศรู้ดีกว่าใครว่า บุรุษซึ่งมีรูปเป็นทรัพย์นั้น
ไม่ได้อยากเด่นอยากดังอะไรเลย หากเขาอยากดังก็คงทำตัวเป็นข่าว
นานแล้ว เพราะนักข่าวต่างตามติดเขาราวกับเขาเป็นนักแสดงเนื้อหอม
ไม่ใช่นักธุรกิจ เดือนหนึ่งๆ มีคนขอเข้าสัมภาษณ์เขามากมายทำให้เธอ
ต้องตอบปฏิเสธจนเบื่อ
แต่ต้นเหตุที่พักนี้เขาต้องมานั่งทำตัวเป็นขนมหวานให้สาวน้อย
สาวใหญ่แทะโลมน่ะหรือ คือแม่ของเขาต่างหาก
วรดีเป็นห่วงลูกชายคนเดียวของท่านที่ทำตัวราวกับฤๅษีเหลือ
เกิน วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานจนไม่มีเวลาคบหาสาวใด แม่ที่
หวังดีต่อลูกยิ่งจึงสั่งเป็นคำขาดให้ลูกชายรีบหาแฟนมาให้ท่านรู้จัก
ก่อนเขาจะอายุ 30 ปี
ลูกชายที่เชื่อฟังคำสั่งของมารดาทุกประการดูเหมือนจะพยายาม
ทำตามคำขอร้องของท่าน ทรงกลดหาเวลามาออกงาน มารู้จัก สังสรรค์
คบหากับกลุ่มคนในวงสังคมเดียวกันบ้าง ออกเดตกับผู้หญิงบางคน บ้าง
แต่ไม่มีผู้หญิงคนใดที่เขาควงเกินสามเดือน และไม่มีคนใดที่พา
ไปรู้จักกับแม่ตนเลย
เอ...จะบอกว่าไม่มีจะได้หรือไม่ เพราะเธอนี่ไงที่เจ้านายพาไปพบ
ไปคุย ไปดื่มน้ำชากับวรดีบ่อยๆ แถมครั้งแรกที่เขาพาเธอไปพบท่าน
ยังแนะนำว่าเธอเป็นคนรักของเขาอีกด้วย
‘คิดเลื่อนเปื้อนอะไรก็ไม่รู้!’ จิรัสยาซึ่งรู้สึกหน้าร้อนผิดปกติรีบ
ต่อว่าตนเอง ก่อนจะสะบัดหน้าเร็วๆ หลายครั้งเพื่อเรียกสติกลับคืนมา
ไม่เอาความหลังซึ่งถูกแกล้งให้อับอายเล่นมาคิดเพ้อเจ้ออีก
ดวงตาแฝงแววฉลาดเฉลียวของเธอมองร่างสูงที่เพิ่งลุกขึ้นยืน
แล้วโค้งให้แก่ผู้ชม เลขาฯ สาวแว่นหนาซึ่งแต่งตัวได้เชยสะบัดไม่สมกับ
การมาร่วมงานหรูหราแบบนี้ปรบมือให้เจ้านายตนเองทันทีที่เห็นทรงกลด
เดินตรงเข้ามาหาเธอ
ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มของทรงกลดค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อเขา
เดินกลับเข้ามายังหลังเวที ดวงตาคมที่สาวทุกคนอยากลองสบตาด้วย
ในระยะประชิดมองเลขาฯ จอมเชยของตนเองแล้วถามเสียงนิ่ง
“จับได้รึเปล่าว่าฉันเล่นผิดไปหน่อย”
จิรัสยาส่ายหน้าก่อนตอบเสียงเรียบอย่างเอาการเอางานว่า
“ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ” เธอไม่ได้พูดเพื่อเอาใจเขาอย่างเลขาฯ ชอบประจบ
เจ้านายมักทำ แต่เธอพูดออกไปด้วยความมั่นใจ และที่เธอแน่ใจเช่นนั้น
คงเป็นเพราะเธอรู้ดีว่า...ไม่มีใครสนใจฟังเพลงของเจ้านายเธอหรอก
ทุกคนคงมัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรจึงสามารถดึงดูดสายตาเขาได้
ทำอย่างไรจึงจะได้คุยกับเขา และทำอย่างไรจึงจะจับเขาได้อยู่มือมากกว่า
หนุ่มรูปงามพยักหน้าก่อนสั่งเลขาฯ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับ
พูดอยู่กับคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ใช่คนซึ่งทำงานร่วมกันมาแล้วตั้งสองปีว่า
“ดี ถ้าอย่างนั้นกลับกันได้”
ดวงตาของจิรัสยาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ นายก็เปลี่ยน
แผนงานหน้าตาเฉย “จะไม่อยู่ให้สัมภาษณ์ก่อนเหรอคะ”
ทรงกลดส่ายหน้า “เบื่อ ถามแต่คำถามเดิมๆ” พูดจบคนที่
ตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านก็เดินเร็วๆ นำเลขาฯ ไปยังทางออก
ความเอาแต่ใจของเจ้านายนั้นจิรัสยาค่อนข้างคุ้นเคยแล้ว แต่
สิ่งที่เธอไม่คุ้นเคยก็คือการถูกวรดีต่อว่าด้วยดวงตาแสนเศร้าคู่นั้น
เฮ้อ...คืนนี้เธอคงต้องนอนดึกอีกตามเคยเพื่อหาคำโกหกที่
เหมาะสมบอกกล่าววรดี พรุ่งนี้เจ้านายจะได้ไม่ต้องถูกแม่ดุ และเธอก็จะ
ไม่ต้องถูกต่อว่าไปด้วย
โอ๊ย! นี่เธอเป็นเลขาฯ ของนักธุรกิจใหญ่ หรือเป็นพี่เลี้ยงของคุณหนู
ผู้ร่ำรวยและแสนเอาแต่ใจกันแน่
รถตู้สีเงินแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดหน้าโรงแรมหรู เพราะ
คืนนี้อรรณพมือขวาของทรงกลดไม่ได้มาร่วมงานด้วย จึงเป็นหน้าที่ของ
จิรัสยาที่ต้องเป็นคนวิ่งลงบันไดเพื่อไปเปิดประตูรถตู้ให้เจ้านาย
แม้รถคันนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นรถตู้ รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่
แตกต่างจากรถตู้ปกติที่เห็นตามท้องถนนทั่วๆ ไปมากนัก ทว่าภายในนั้น
ผิดกันชนิดฟ้ากับเหว
เมื่อจิรัสยาเลื่อนประตูรถเปิด ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายใน
ห้องโดยสารก็ลอยออกมากระทบผิวของเธอ พร้อมกับกลิ่นหอมของ
น้ำหอมประจำรถซึ่งเป็นกลิ่นคล้ายดอกไม้อ่อนๆ ที่เจ้านายเธอโปรด-
ปราน พื้นรถปูด้วยพรมเนื้อหนาสีน้ำตาลเข้ม เบื้องหน้าของเธอคือเบาะ
โดยสารสีครีมซึ่งมีลักษณะและคุณสมบัติผิดแผกจากเบาะของ
รถตู้ทั่วไป เพราะเบาะสองที่นั่งซึ่งตั้งชิดหน้าต่างแต่ละข้างของรถนั้น
เป็นแบบวีไอพีโดยแท้ มันสามารถปรับพนักพิงและที่พักขาด้วยระบบ
ไฟฟ้า มีฟังก์ชันนวดผ่อนคลาย ทั้งยังมีโต๊ะเล็กสำหรับวางแลปทอป
ซึ่งตอนนี้พับเก็บเรียบร้อยอยู่ข้างเก้าอี้ เมื่อต้องการทำงานก็ยกขึ้นมา
ใช้งานได้อย่างสะดวกอีกด้วย
หากเดินลึกผ่านเก้าอี้วีไอพีแสนสบายเข้าไปอีกหน่อย บริเวณ
โซนด้านหลังจะเห็นชุดโซฟาบิวต์อินเข้ามุมเป็นรูปตัวยู ซึ่งบริเวณนี้เคยใช้
ประชุมงานด่วนบ่อยๆ เมื่อเจ้านายของเธอเร่งรีบ
แต่คืนนี้ไม่มีการประชุมดังว่า ทรงกลดจึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งยัง
เก้าอี้สุดหรูด้านเดียวกับคนขับรถ โดยมีจิรัสยาซึ่งเดินขึ้นรถมาทีหลัง
นั่งประจำที่บนเก้าอี้อีกตัวข้างกายนาย
หญิงสาวกดรีโมตเพื่อเลื่อนเอาโทรทัศน์แอลอีดีขนาด 32 นิ้วลง
ก่อนสั่งการคนขับรถที่คุ้นหน้ากันว่า “กลับชลเลยจ้ะ” จิรัสยาบอก
จุดหมายซึ่งเป็นคฤหาสน์แสนหรูริมทะเลที่เจ้านายกับแม่เขาอาศัยอยู่
คนขับรถซึ่งสวมเครื่องแบบสีน้ำตาลเข้มรับคำ ก่อนเคลื่อนรถ
ออกจากโรงแรมที่จัดงานมอบรางวัลแด่ชายในฝันประจำปี 2554 อย่าง
นุ่มนวล
จิรัสยากดรีโมตเลื่อนโทรทัศน์ขึ้นอีกครั้ง ก่อนหันมามองเจ้านาย
ที่นั่งไขว่ห้าง เอามือข้างหนึ่งเท้าคาง และเบนหน้าทอดสายตาออกไป
นอกกระจก ท่าโพสนี้ราวกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร ทว่า...
ขัดตาผู้มองแบบจิรัสยายิ่ง
‘เก๊กชะมัด!’ หญิงสาวอดนินทาเจ้านายในใจไม่ได้ ที่เป็นเช่นนั้น
ก็ไม่ใช่เพราะอะไร เหตุผลที่เธอมักจะนินทาเจ้านายอยู่ในใจเสมอๆ
ก็เพราะ...เธอไม่ชอบหน้าเขาน่ะสิ
จริงอยู่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่เกือบทั้งประเทศไทยอาจรุมชอบ
รุมปลื้มนายของเธอ เนื่องจากเธอพวกนั้นเห็นเขาในสภาพหล่อเนี้ยบ
เฉียบขาดเสมอ และคุณสมบัติรวยรั้งท้ายนั่นก็น่าสนใจน้อยเสียเมื่อ
ไหร่ ทว่าสำหรับผู้ที่ต้องทำงานเป็นกระโถนท้องพระโรงให้นายแบบเธอ...
นายทรงกลดก็แค่คุณชายหน้าสวย ขี้เก๊ก เจ้าระเบียบ เจ้าสำอาง และ
เอาแต่ใจจนน่าเหยียบให้แบนติดดินในบางที
ทุกอย่างในชีวิตของเขาต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และ
หอมกรุ่นอยู่เสมอ เมื่อนายต้องการแบบนี้คนที่ซวยไม่ใช่ใคร นอกจาก
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รีวิว (2)
22/01/2015
เห็นเป็นนิยายชุดแนวเจ้าพ่อเยาวราช ที่มีเนือ้หาไม่ต่อกัน เลยลองหยิบเล่มนี้มาอ่านเป็นเล่มแรกเลยค่ะ มีความรู้สึกว่า สิงห์ คำเดียวเป็นคำที่ดูหนักแน่นกว่าเพื่อน แต่คิดอยู่นะว่าเล่มต่อไปที่จะอ่านคือ กระทิง อ่านสิงห์แล้วก็ต้องยอมรับค่ะว่าพระเอกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ติ๊กจริง ๆ เพราะทรงกลด พระเอกของเรื่องเป็นคนที่เทมาก เพอร์เฟ็ก หล่อ สมองดี บริหารเก่ง มีความฉลาด รู้ทันคน จริง ๆ ถ้าละครเอาตามนิยายไปสร้างก็โอเคแล้วนะคะ เพราะเรื่องนี้มีทั้งบู๊มีทั้งรัก กลัวมากว่าละครจะเอาไปเปลี่ยนบทประพันธ์ ก็เป็นเรื่องราวของทรงกลดที่ไม่เคยคิดว่าวันนึง ตัวเองจะต้องมาบริหารกลุ่มมาเฟียที่ชื่อ แก๊ง เขี้ยวสิงห์ หลังจากที่พ่อและน้องชายต่างสายเลือดถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิต ในระหว่างที่เค้าเป็นผู้นำนั่นเอง เค้าได้ค้นพบความรักที่พ่อมีต่อเค้า และความยียวนชวนปวดหัวของป๋อจู ลูกสาวแก๊งเต่าศิลาที่แอบมาสืบความลับจากตัวเค้า ซึ่งจับพลัดจับพลู ป๋อจูก็ได้แต่งงานกับทรงกลดตั้งแต่กลาง ๆ เรื่อง แต่ยอมรับค่ะว่าป๋อจูเนี่ย ช่วยทรงกลดไว้ได้หลาย ๆ ตอนจริง ๆ อรรณพ บอดี้การ์ดของทรงกลดนี่ก็ถือว่าเป็นพระรองของเรื่องนี้ค่ะ อาอันที่ทรงกลดเรียก มีความรักอยู่กับหยกมณีนักร้องสาวที่จะเป็นตัวเชื่อมเรื่องราวของทั้ง 5 เรื่องในชุดไว้ด้วยกัน แต่เรื่องของอาอันนี่ค่อนข้างจะดราม่า ตัดซีนหวาน ๆ ของพระนางไปได้เยอะเหมือนกันค่ะ อ่านจบก็รู้สึกเหมือนมันขาด ๆ อะไรไป แต่อภัยได้เพราะจบน่ารักมากค่ะ
07/09/2014
ผู้เขียน ลิซ สำนักพิมพ์ Sugar beat จำนวนหน้าหนังสือ 400 หน้า สิงห์ เรื่องนี้สนุกกว่าเสือเยอะเลยครับ และผมว่าตัวละครที่วางไว้ก็คล้าย ๆ กับในนิยายมากเลยนะ เรื่องนี้ค่อยดูเหมือนมาเฟียขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะมีการล้างแค้นให้ตระกูล มีการส่งสายลับระหว่างกลุ่มมาสอดแนม ดู ๆ ก็ตื่นเต้นดีขึ้นมาบ้างกว่า เสือ ครับ เรื่องเริ่มจาก คุณหนูป๋อจูแห่งแก๊งเต่าศิลา แอบมาสืบความลับในบริษัทของทรงกลด ลูกชายคนโตหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ซึ่งทรงกลดเองก็พอใจป๋อจูอยู่แล้ว จนกระทั่งมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ทำให้ทั้งคู่ต้องจับพลัดจับพลูมาแต่งงานอยู่ด้วยกัน ซึ่งทรงกลดก็พอใจอยู่มาก แต่ทรงกลดเองก็ต้องมาทำหน้าที่หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อและน้องชายที่เสียชีวิตไป กว่าจะจบได้ก็ลุ้นเหนื่อยพอสมควรครับ ผมชอบตัวละครอย่างทรงกลดนะ คือพอใจนางเอกก็พอใจอยู่อย่างนั้นเลย ถึงจะรู้ว่านางเอกก็อันตรายพอสมควร แต่ก็คิดที่จะจีบ พูดง่าย ๆ คือพร้อมรับความเสี่ยงนั่นเอง ฉากที่รู้ความจริงเรื่องพ่อมาตลอด ตรงนี้ก็ทำออกมาได้ซึ้งกินใจดีครับ แต่ฉากกุ๊กกิ๊กกับนางเอก ทรงกลดก็ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว คือเป็นพระเอกที่เพอร์เฟ็กมาก เก่งทุกเรื่องจริง ๆ ครับ ส่วนนางเอกของเรื่อง ผมว่าเฉย ๆ นะ ถึงจะเก่งบู๊บ้าง และฉลาดมาก แต่คือก็คือผู้หญิง มีน้อยใจบ้าง งอนบ้าง ก็โอเคดีครับ อีกตัวละครหนึ่งที่ผมชอบในเรื่องนี้คือ อรรณพ บอดี้การ์ดสุดเข้มของทรงกลดนั่นเอง ทั้งคู่รักกันเหมือนพี่น้องมาก ๆ อ่านแล้วผมก็ยิ้มขำ เสียดายมากตอนท้าย ๆ อ่านแล้วจุกมากครับ ส่วนที่น่ารักอีกด้านของอาอันก็คือความรักที่เค้ามีต่อหยกมณี (ที่เป็นคนปากมากทุกเล่มนั่นแหละครับ) ไม่ว่าหยกมณีจะผ่านอะไรมาก็ตาม สรุปว่า เป็นหนังสือที่ออกแนวมาเฟียอย่างค่อนข้างจะแท้จริงครับเรื่องนี้