บุษบาเร่ฝัน

บุษบาเร่ฝัน

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001076
ผู้แต่ง: ร่มแก้ว
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ถ้ามีคนถามซุ่ยว่า ชีวิตนี้นึกอิจฉาใครมากที่สุด...คำตอบก็คงจะเป็น‘โรส’

หลายครั้งที่ชุ่ยเฝ้ามองโรส แล้วคิดว่า...ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากจะลอง

เป็นโรสตูสักวัน

มีบางครั้งเหมือนกันที่ชุ่ยก็เคยแอบนึกอิจฉาแวนด้า แต่ก็ยังไม่เท่ากับ

โรส...เหตุผลน่ะหรือ...ถ้าจะให้สาธยายกันจริงๆ คงต้องใช้เวลาเป็นวัน

แต่ไม่เป็นไร บ่ายนี้เธอมีเวลาว่าง จะลองไล่เรียงให้ฟัง...

ก่อนอื่นขอให้ลองหันไปตูในห้องประชุม...ห้องกระจกใสที่อยู่อีกฝังของ

ทางเดิน เยื้องไปจากมุมที่ชุ่ยนั่งท่างานตรงนี้ มองเช้าไปก็เห็นคนใส่สูทนั่งเต็ม

ห้อง ทั้งคนไทย ทั้งฝรั่ง...ทุกคนถ้วนกำลังตั้งอกตั้งใจฟังโรสที่ยืนเด่นอยู่ตรง

ปลายสุดของโต๊ะประชุมโค้งยาวเป็นรูปตัวยู หน้าจอโปรเจกเตอร์ฃนาดใหญ่

ที่ขึ้นพาวเวอร์พอยต์เป็นกราฟยุ่งเหยิง ประกอบคำอธิบายภาษาอังกฤษถ้วนๆ

นั่งอยู่ช้างนอกนี่แม้จะไม่ได้ยินว่าโรสกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ตูจากท่วงท่า

สง่างาม มั่นอกมั่นใจ การยกไม้ยกมีอประกอบคำพูด...ไม่ต้องได้ยินเสียงก็ยังทึ่ง

แถมเห็นอาการพยักยิ้ม และท่าทางพออกพอใจที่ทุกคนในห้องนั้นแสดง

 

ออกมาทางสีหน้า ก็พอจะเดาออกว่าโรสทำได้ดีขนาดไหน กระทั่งโรสค้อมศีรษะ

น้อยๆ อย่างสวยงามเป็นการจบการบรรยาย คนฟังก็ยังพากันปรบมือ...ไม่ใช่

ปรบธรรมดา แต่เป็นการปรบอย่างตั้งอกตั้งใจ...อย่างแสดงความชื่นชมจริงจัง

ฝรั่งผมทองที่หน้าตาดีที่สุดในห้องลุกขึ้นเดินเข้าไปจับมือกับโรสด้วยซ้ำ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชุ่ยได้เห็นภาพอะไรแบบนี้...หลายต่อหลายครั้งที่เธอ

ใช้เวลาว่างยามบ่าย ที่ไม่มีงานส่วนตัวทำแล้ว นั่งเท้าคาง อ้าปากหวอมองโรส

เคลื่อนไหวอยู่ในห้องประชุม บุคลิกของโรสช่างเท่ หน้าตาของเธอก็สวย

หลายครั้งที่ชุ่ยแอบฝันกลางวัน นึกภาพตัวเองไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น...สง่า

ผ่าเผยเป็น ‘สาวเก่ง’ อยู่ทำมกลางสายตาทุกคู่ที่มองมาอย่างชื่นชมแบบที่โรสเป็น

แต่ทุกครั้งก็ต้องสะดุ้งตื่น เพี่อกลับมาพบความจริง กองเศษกระดาษ

ระเกะระกะที่ตัดออกมาจากตั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสารตรงหน้า...หน้าที่ตัด

คลิปปิงข่าวใส่แฟ้มอันน่าเบื่อหน่าย

บริษัทที่ชุ่ยทำงานอยู่เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรายใหญ่ ชื่อว่า

เฟสอร์-ไทยแลนด์ ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ฝรั่งเศส ผลิตสินค้าแทบจะทุกอย่าง

ที่เกี่ยวข้องกับผิวพรรณทุกชอกทุกมุมของผู้หญิง ตั้งแต่ครีมล้างหน้า ครีมอาบน้ำ

โลชันบำรุงผิว โรลออนทารักแร้ ไปจนถึงสบู่สำหรับจุดช่อนเร้น ภายใต้ยี่ห้อ

‘Fleurs’ หรือ ‘เฟลอร์’ ภาษาฝรั่งเศสแปลว่าดอกไม้

แผนกที่ชุ่ยทำงานอยู่เรียกว่าการตลาด หรือมาร์เกตติง ฟังดูเท1ดี แต่ถ้าดู

ให้ทะลวงลึกไปถึงตำแหน่งงาน...ส่วนที่ชุ่ยทำอยู่เป็นตำแหน่งที่แทบจะต่ำสุด

ของสายงาน อาจเรียกได้ว่ารองจากแม่บ้าน...มีชื่อเรียกให้โก้ๆ ว่า ‘มาร์เกตติง

ซัปพอร์ต’ หรือที่ชุ่ยแปลเองว่า ‘เบ๊ผู้ช่วย’ ของเหล่ามาร์เกตติงตัวจริงทั้งหลายนั่นเอง

งานของซุ่ยมีตั้งแต่การช่วยดิงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตตามความต้องการ

ของมาร์เกตติง งานเสมียนทั้งหลายอย่างตัดกระดาษ เบิกจ่ายเงิน งานใช้แรงงาน

อย่างแบกลังโลชันเตรียมส่งให้ห้าง หรือแม้แต่งานแม่บ้านอย่างวิ่งชื้อข้าวให้

คนในแผนก

ถึงโรสจะแก่กว่าชุ่ยสองปี แต่,ซุยรู้'ว่า ต่อให้ใช้เวลาอีกสองชาติ เธอก็ไม่มี

วันจะเป็นได้เหมือนโรส

นั่นคือความจริงที่น่าหดหู่ชะมัด...

 

“เอ๊า...เสร็จงานแล้วก็กลับๆ บ้านไปสิซุ่ย นั่งอยู่ทำไมเปลืองไฟออฟฟิซ”

ยังไม่ทันห้าโมงเย็น คุณชฎา สาวใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าที่เพิ่งออกจากห้อง ประชุมก็เดินมาโบกมือไล่

ช่วงนี้บริษัทยิ่งมีมาตรการรัดเข็มชัดประหยัดพลังงาน พนักงานที่เสร็จงานแล้วก็ให้ริบปิดคอมพิวเตอร์

ปิดไฟ กลับบ้านเร็ว อันนี้ชุ่ย เช้าใจ...

แต่ทำไมทีโรส ยิ่งอยู่ดึกแค่ไหน คุณชฎาก็ยิ่งชอบ...

หลายครั้งที่เธอเคยได้ยินคุณชฎาเช้าไปขอร้องโรสด้วยนํ้าเสียงนุ่มนวล

ไม่กระชากห้วนด้วนไร้หางเสียงอย่างเวลาพูดกับชุ่ยหรือคนอื่นๆ

‘น้องโรส เย็นนี้อย่าเพิ่งริบกลับนะ ช่วยเช้ามีตติงกับพี่'หน่อย พอดีทาง

บริษัทแม่เค้าอยากได้ไอเดียเปิดตลาดไนต์ครีมผู้ชายที่นี่ เผื่อน้องโรสมีไอเดีย เวิร์กๆ’

โดนไล่กลับบ้านตั้งแต่ก่อนห้าโมงอย่างซุ่ย หลายคนพิงแล้วอาจจะคิด

ว่า...ดีออก...จะได้กลับบ้านเร็ว มีเวลาแวะไปเดินเตร็ดเตร่ตามห้างก่อนอีกต่างหาก

แต่ใครจะเช้าใจความรู้สึกยามที่สะพายกระเป๋าออกจากออฟพิซตั้งแต่หัววัน

พลางคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรเพี่อฆ่าเวลาไปจนกว่าจะเช้านอนดี...ไปเดินห้าง นั่ง

กินอาหารขยะ หรือว่าจะกลับบ้านไปนั่งดูละครก่อนข่าว...ขณะที่คนอื่นๆ ใน

ออฟพิซกลับกำลังหัวหมุน วิ่งวุ่น แม้ล่วงเลยเวลาเลิกงานไปแล้ว

บางครั้งมันก็อดทำให้รู้สึกตัวเองไร้ค่าไม่ได้...

คล้ายกับว่า...เวลาหนึ่งนาทีที่ใช้!ปอย่างโยนทิ้งโยนขว้าง...ไม่มีค่าเหมือน

กับหนึ่งนาทีชองคนอื่น ที่ต้องเร่งทำงานให้ได้มากที่สุดเพี่อให้ทันกำหนดเวลา

ซึ่งล้วนเป็นเงินเป็นทอง

โดยเฉพาะเวลาของโรส...ชุ่ยว่ามันคงไม่ใช่แค่ทอง แต่น่าจะเป็น ‘เพชร’ เลยละ

ดังนั้นซุ่ยจึงแปลกใจเมื่อหิ้วกระเป๋าออกจากออฟฟิซตามคำสั่งของ

คุณชฎา แล้วเจอโรสในลิฟต์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็สะพายกระเป๋า หอบหิ้วข้าวของพะรุง

พะรังเหมือนจะกลับบ้านเช่นกัน

“อ้าว ซุ่ย...” โรสยิ้มกว้างทักทายอย่างมีมนุษย์สัมพันธ์ โรสกับซุ่ยถึง

จะทำงานออฟฟิซเดียวกัน แตกไม่ได้สนิทสนมกันนัก...จะว่าไปแล้ว

ซุ่ยก็ไม่ได้ สนิทกับ'ใครที่นี่-จริงๆ ทั้งนั้นแหละ...ทว่าทุกครั้งที่เจอหน้ากันที่ไหนก็ตาม

โรส จะทักซุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเองเสมอ

ความนิสัยดีนี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ซุ่ยนึกอิจฉาโรส...ถ้าโรสนิสัย

ไม่ดี เป็นผู้หญิงขี้วีนหรือหน้าเม้งสักนิด ซุยอาจ'จะ'โม่อิจฉาเธอเท่านี้ก็ได้

ซุ่ยยิ้มตอบให้โรสอย่างเช่นที่ทำทุกครั้ง แต่ก็มักเป็นยิ้มที่จืดเจื่อน...

เพราะอยู่ใกล้โรสทีไร อดคิดเปรียบเทียบจนรู้สึกเหมือนตัวเองตํ่าต้อยด้อยค่า

ไม่ได้ทุกที โดยเฉพาะเวลาที่โรสถามซุ่ยอย่างมีไมตรีและต้องการชวนคุยว่า...

ได้กลับบ้านเร็วอีกแล้วอิจฉาจัง’

แต่ประโยคนั้นด้นจี้ใจดำซุ่ยอย่างจังทุกที

หากวันนี้เมื่อซุ่ยเห็นโรสละพายกระเป๋า หอบข้าวชองเหมือนจะกลับบ้าน

เช่นกัน จึงเป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายทักโรสก่อน...

“วันนี้โรสกสับบ้านเร็วเหรอ”

ถ้าจะมีแวบหนึ่งที่ซุ่ยเผลอคิดไปว่า โรสก็เป็นคนธรรมดา...มีวันที่ไม่มีงาน

อะไรทำ และได้กลับบ้านเร็วเหมือนเธอ...นั่นก็ผิดถนัด

“กลับอะไรกัน ฟ้าไม่มืดหาทางออกจากออฟฟิซไม่ถูกหรอก” โรสหัวเราะ มีอารมณ์ชัน

“...แต่เดี๋ยวต้องพานายฝรั่งไปดินเนอร์”

‘นายฝรั่ง’ ที่โรสหมายถึงก็คือ ฝรั่งจากบริษัทแม่ที่บินมาจากต่างประเทศ

เพี่อดูแผนการตลาดสำหรับไตรมาสที่สามชองปี ที่โรสเพิ่งรายงานในห้องประชุม ไป เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้

“...ประชุมดินเนอร์” โรสแกล้งกลอกตา คล้ายจะแสดงความเบื่อหน่ายว่า ถึงจะเป็นดินเนอร์ก็ต้องทำงานอยู่ดี

ซุ่ยเผลอมองการแสดงสีหน้าทำทางชองโรสเวลาพูดจา ไม่มีท่วงท่าไหน เลยที่จะทำให้โรสดูไม่ดี

 

  เรียกว่า...ไม่ว่าจะกลอกตา เลิกคิ้ว ยักไหล่ ย่นจมูก เบ้ปาก...โรสมีวิธี ทำท่าเหล่านั้นแล้วดูดีได้หมด

แม้ว่าโรสจะไม่ได้สวยฉูดฉาดบาดตาเหมือนกับแวนด้า แต่ชุ่ยว่าโรสเป็น ผู้หญิงที่ดูเท่ ดูเก่ง และดูมีเสน่ห์น่ามองกว่ามาก

ดูอย่างผู้ชายออฟฟิซอื่นที่อยู่'ในตึกเดียวกัน ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในลิฟต์

เมื่อกี้ลิ...ชุ่ยยังสังเกตเห็นว่าเขาแอบมองเวลาโรสพูดตั้งหลายครั้ง

โรสรู้ตัวหรือเปล่าว่าตนเองเป็นที่สนใจของหใโมๆ อันนี้ชุ่ยไม่รู้...แต่ไม่ว่า หนุ่มไหน ก็ไม่ท่าให้ชุ่ยคิดอิจฉาโรสได้เท่ากับ ‘หนุ่ม’ คนที่เป็นเจ้าของนํ้าส้ม

สองขวดในถุงที่โรสหิ้วอยู่ในมือไปได้

ทุกวัน หลังพักกลางวัน บนโต๊ะของโรสจะมีนํ้าส้มสองขวดมาวางเอาไว้...

บนฝาจะมีกระดาษโน้ตสีเหลือง เขียนข้อความให้กำลังใจในการท่างาน แปะอยู่ มันมาจากใครบางคนที่ไม่ประสงค์ออกนาม ที่มุมล่างของกระดาษ

มีเพียงรูปใบหน้าคนยิ้มลงท้ายไว้แทน

ทีแรกชุ่ยก็ไม่ได้สังเกตเรื่องนี้ เพราะโต๊ะของซุ่ยกับโรสตั้งอยู่คนละส่วน ของสำนักงาน มองก้นเห็น แต่ไม่ได้อยู่ใกล้ก้นมากนัก...ทว่าตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน เธอเริ่มได้ยินคนในออฟฟิซ ‘เมาท์’ ก้นเรื่องน้ำส้มปริศนาบนโต๊ะของโรส

เริ่มมาจากคนที่นั่งโต๊ะติดกับโรสสังเกตเห็นว่า หลังขึ้นมาจากพักกินข้าว กลางวันทีไร จะต้องมีน้ำส้มสองขวดโผล่มาวางไว้บนโต๊ะของโรส ชวนให้เกิด ความสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของน้ำส้มและใบหน้ายิ้มที่ลงท้ายในกระดาษนั่นกันแน่

กลายเป็นเรื่องชุบซิบรู้ก้นไปทั่วแผนก กระทั่งใครคนหนึ่งอดรนทน ไม่ไหว จึงชุ่มแอบดูตอนพักกลางวัน จนความมาเฉลยว่า...เจ้าของน้ำส้มนั้นก็คือคุณรังลิต

คุณรังลิต ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์คนใหม่ ซึ่งเพิ่งเข้ามา ทำงานที่นี่ได้สองเดือนไม่ใช่แค่ชายหนุ่มไฟแรงที่มีดีกรีนักเรียนนอก มีประวัติดี เคยท่างานในบริษัทใหญ่ๆ มาก่อน เขาไม่ได้แค่เป็นที่หมายปองของสาวๆ หลาย

คนในออฟฟิซ...แต่เขาเป็นถึง ‘ชายในฝัน’ ของชุ่ย

 ซุ่ยมี ‘รักแรกพบ’ กับคุณรังสิตตั้งแต่เจอเขาในลิฟต์ ในวันที่เขามาทำงาน ที่นี่วันแรก...ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว ก็เรียกได้ว่าชุ่ยรู้จักเขาเกือบจะก่อนทุกคน

ในออฟฟิซนี้ด้วยชํ้า

วันนั้นซุ่ยมาทำงานเช้า พอก้าวเช้าไปในลิฟต์ว่างโล่งและกำลังจะกดปิด

ก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งแวบๆ อยู่ด้านนอก เธอจึงรีบกดลิฟต์รอเพื่อนร่วมทาง

ร่างสูงสมาร์ตของคุณรังลิตก้าวเช้ามาพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสวที่พร้อมจะเป็น มิตรกับทุกคน

เขาค้อมศีรษะทักทายชุ่ยว่า ‘อรุณสวัสดิ์ครับ’ คำง่ายๆ แต่เมื่อมันประกอบ กับดวงตาเป็นประกายและเสียงแจ่มใสน่าฟังแล้ว ก็ทำเอาหัวใจชุ่ยสะดุดเอียง กระเท่เร่ ถึงกับต้องอุทานกับตัวเองในใจ...

...ผู้ชายอะไร ยิ้มสวยเป็นบ้า...

ขณะที่ชุ่ยกำลังเคลิ้มกับรอยยิ้มของเขา เขาก็ทำทำเขม้นมองใบหน้าเธอ

ถ้าเป็นในละคร นางเอกโดนมองแบบนี้ก็คงจะถามกลับแล้วว่า...มีอะไรติดหน้า ฉันหรือคะ...แต่นี่ซุ่ยยังไม่กล้าถาม เขาก็ชี้นิ้วมาอย่างสุภาพแล้วบอกเสียก่อน...

‘ขอโทษนะครับ...มีอะไรติดอยู่ที่หน้าแน่ะ’

ชุ่ยตกใจ รีบเอามือคลำใบหน้าตัวเอง แล้วก็พบอะไรบางอย่างติดอยู่ข้าง แก้มจริงๆ เธอหยิบมาดูแล้วเผลออุทาน

‘อุย ข้าวผัด’

ขณะที่ชุ่ยอับอายจนใบหน้าร้อนผ่าว เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะกังวาน

น่าฟังของเขาตอบกลับมาเมื่อเจ้าตัวเอ่ยกระเช้า...

‘รู้แล้วเมื่อเช้าทานอะไรมา’

ซุ่ยอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดออกเสียก่อน เธอก้มหน้างุดเดินออกมา โดยมีเขาเอามือกั้นประตูไร้ให้อย่างเป็นสุภาพบุรุษ

แต่จู่ๆ เขาก็ทำเธอแปลกใจด้วยการเดินตามออกมาจากลิฟต์ด้วย

‘อยู่บริษัทนี้เหมือนกันเหรอครับ...ผมรังลิต เพิ่งมาทำงานใหม่ ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะ’

วันนั้นซุ่ยไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่ทักทายเธออย่างเรียบง่ายเป็นกันเอง

คนนี้จะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์คนใหม่ของบริษัท และ หลังจากวันนั้น เมื่อเดินสวนกันในออฟฟิซทีไร คุณรังลิตก็จะยิ้มและทักทาย

ซุ่ยอย่างกระเช้าเย้าแหย่ด้วยการเรียกเธอด้วยชื่อเฉพาะที่เขาตั้งให้เสร็จสรรพ

ว่า...น้องข้าวผัด ซึ่งทำให้ซุ่ยปลื้มใจและเก็บเอาไปฝันหวานอยู่หลายรัน

ไม่ทันคิดเลยว่า...เขาจะกลายเป็นเจ้าของน้ำส้มสองขวดที่วางบนโต๊ะโรส ทุกวันไปได้

แวบแรกที่รู้ ชุ่ยถามตัวเองว่า...ทำไมเจ้าของน้ำส้มปริศนานั้นจะต้องเป็น คุณรังลิตด้วย

แต่อีกอึดใจต่อมา เธอก็ได้คำตอบให้ตัวเอง...ขนาดชุ่ยเป็นผู้หญิงด้วยกัน ยังชื่นชมโรส แล้วผู้ชายอย่างคุณรังลิตจะมองข้ามโรสไปได้ยังไง

ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้โรสแล้วไม่สนใจลิแปลก...

คุณรังสิตอาจจะเอ็นดูเธอ แต่ถ้าให้เลือกจีบผู้หญิงลักคน ระหว่าง พนักงานเบ๊ทั่วไปอย่างซุ่ย กับผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่ง เพียบพร้อมไปทุกอย่าง

อย่างโรส...พนันหมดตัวเลยก็ได้ว่าเขาจะเลือกใคร

เป็นอีกครั้งที่ชุ่ยอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า...ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากจะลองเป็นโรสดูสักรัน

ถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองได้อยู่ในร่างของโรส...มันจะวิเศษแค่ไหนกันนะ

 

โรสโบกมือลาซุยเมื่อออกจากลิฟต์ แล้วรีบเดินอย่างกระฉับกระเฉง

ไปที่ชิตี้คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดของตน...

ชุ่ยมองตามแล้วแอบถอนใจ สาวทำงานยุคใหม่อย่างโรสกับรถชิตี้คาร์

โฉบเฉี่ยวที่จอดสวยเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานจอดรถ...ดูเหมือนในภาพยนตร์ โฆษณาไม่มีผิด

ส่วนหญิงสาวหมดหนทางอย่างซุย...เหมาะแล้วกับโตโยต้า โคโรน่า รุ่น

ปีเก้าสามที่จอดแอบไว้ชอกตึก ริมสุดของลานจอด

“ยืนมองอะไรอยู่ซุ่ย”

เสียงทักดังมาจากเบื้องหลัง ซุย,หันโปเห็น ‘แวนด้า’ หรือวรรณรดายืนถือ แก้วกาแฟสตาร์บัคส์ควันกรุ่นที่เพิ่งเดินไปชื้อมาจากร้านข้างตึกออฟฟิช

แวนด้ามองตามสายตาซุย...เห็นโรสเข้า ก็เบิกดวงตาที่ระบายอายแชโดว์ แบบสโมกกี้ และติดขนตาปลอมยาวเช้งขึ้นอย่างมีจริต

“นั่นยายคุณโรสนี่...กลับบ้านเร็วจัง มีนัดกับใครไว้แน่นอน”ซุ่ยฟังสรรพนามที่แวนด้าใช้เรียกโรสแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกฃัดหูนิดหน่อย

ก็ถ้าอยู่ต่อหน้าโรส แวนด้าจะเลือกใช้สำเนียงอีกแบบหนึ่งซึ่งแตกต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง

 

                                              (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

ซุ่ย...หญิงสาวแสนธรรมดาที่ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเฝ้าอิจฉาชีวิตคนอื่น เกิดได้รับพรให้ลองใช้ชีวิตเป็นใครก็ได้ที่เธอนึกอิจฉา ฝันที่เป็นจริงจึงเริ่มต้นขึ้น...ทั้งงานดีๆ และชายที่หมายปอง แต่ระหว่างที่ดูเหมือนจะได้ทุกอย่าง...เธอก็กำลังจะสูญเสียบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะใครบางคนที่อยู่เคียงข้างมาตลอด สิ่งที่คิดว่าต้องการ สวยงามจริงหรือไม่ และแท้จริงแล้ว ชีวิตใครกันที่น่าอิจฉาที่สุด


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

PAKBOONG.HAHA | 1 รีวิว
25/10/2014

บุษบาเร่รัก ร่มแก้ว : เรื่องนี้เป็นผลงานของร่มแก้ว ที่มีผลงานออกมาแล้วมากมาย ที่เราอ่านเรื่องแรกเลยก็แอบรักออนไลน์ ส่วนเรื่องนี้เกี่ยวกับนางเอกขี้อิจฉาที่แสนธรรมดา หน้าตาธรรมดา ครอบครัวธรรมดา การงานธรรมดา วันๆเลยเฝ้าอิจฉาคนอื่นไปทั่ว อยากได้ดีแบบคนอื่นเขา อยากสวยอยากรวยอยากหุ่นดี จนเมื่อเหมือนว่าฟ้าจะเห็นใจ เธอได้สลับร่างกลายเป็นคนที่เธออิจฉามาโดยตลอด ก็ต้องพบว่าจริงๆแล้วเธอคนนั้นไม่ได้น่าอิจฉาเลย และเมื่อมองย้อนกลับไป รนที่เธออิจฉานักหนาก็ไม่มีอะไรหลายๆอย่างที่เธอเคยมี และเมื่อเธอสมหวังได้เป็นอย่าบที่เธอต้องการแล้ว แต่เธอกลับต้องสูญเสียสิ่งที่เธอเคยมีอยู่ไป อย่างเช่นคนที่เคยรักและดูแลเธออยู่ข้างๆเสมอ พอได้รับบทเรียนที่หนักพอแล้ว เธอก็อยากจะกลับไปเป็นตัวเธอคนเดิม แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดังใจคิด เราชอบเรื่องนี้ตรงที่ให้ข้อคิด ให้นางเอกได้รับบทเรียนซะบ้างว่าจงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี คือมองไปที่คนอื่นมากๆ หรืออิจฉามากๆคิดว่าเขาดีพร้อมมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ใช่ทุกด้านที่เขาจะมีความสุข อ่านแล้วรู้สึกสะท้อนตัวเองเบาๆที่อิจฉาคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ ตอนแรกอ่านๆก็หมั่นไส้นางเอกที่พาลทุกคนไปหมด ไม่ได้รู้เลยว่ามีแต่คนหวังดี แถมมองไม่ออกอีกว่าใครที่มีค่า มองข้ามพระอกมาตั้งเนิ่นนาน แต่ตอนหลังสงสารที่หาทางออกไม่ได้ซักที อ่านเรื่องนี้แล้วชอบพระเอกมากกกกก เพราะทั้งแสนอบอุ่น ดูแลคนที่รักอยู่เงียบๆห่างๆไม่มีปากมีเสียงตั้งนาน คือถ้าพระเอกมีปากมีเสียงกับเขาบ้าง นางเอก อาจจะได้สติไปนานแล้วก็ได้ว่ามีของดีอยู่ในมือ จริงๆแล้วแค่ครอบครัวอบอุ่น มีหน้าที่การงานมีคนที่รัก ชีวิตนางเอกก็สมบูรณ์กว่าใครๆตั้งเยอะแล้ว

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024