ดุจทรายใต้ตะวัน (รมย์นลิน)
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 45.00 บาท - 54.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
ลมร้อนพัดหอบจากทะเลทรายเข้ามาภายในคฤหาสน์หลัง
งามแห่งรัฐนูมานซึ่งล้อมรอบด้วยแมกไม้นานาพันธุ ก่อนหยอกล้อใบไม้
และดอกไม้จนกิ่งก้านไหวเอนแล้วแปรเปลี่ยนมาละไล้เรือนผมสีน้ำตาล
เข้มของหญิงสาวรูปทรงงดงามอรชรอ้อนแอ้น ปลายนิ้วเรียวเสยผมเผ้า
ยุ่งเหยิงของตนให้เข้าที่เข้าทางจนเผยดวงหน้าคมสวยเยี่ยงสตรีอาหรับ
ดวงตาเข้มด้วยคาจาลกรีดโดยรอบรับสันจมูกโค่งและริมฝีปากหยักสวย
สีแดงดุจดั่งกุหลาบงามแห่งดินแดนทะเลทรายให้ชุ่มชื่นสดใสเพียงคลี่
ยิ้ม
มือบางโอบอุ้มหมู่มวลบุปผาขึ้นประคองกอดเสมือนคนรักแล้ว
หมุนตัวจนชายผ้าสีม่วงอ่อนพลิ้วไหวเป็นลอนคลี่นพลางย่างเดินเบาๆ ประหนึ่งนางพญาไปยังศาลาเล็กๆ กลางสวนพฤกษชาติ เสียงพูดคุย จอแจตังแว่วคลอตามสายลมก่อนที่สาวใช้ร่างท้วมคนหนึ่งจะปรี่เข้ามา หาอย่างรวดเร็ว
“ส่งมาให้ฉันช่วยเถอะค่ะ ท่านราเนีย”
“อย่าเลยชาไมราห์ ดอกไม้เพียงแค่นี้'ข้าถือเอง1ได้”
ราเนียปัดป้องมือของอีกฝ่ายที1พยายามยื้อแย่งเนื่องจากไม่1 ต้องการให้ใครมาช่วยในเรื่องเล็กน้อย แม้สาวใช้ผู้นี้จะสนิทสนมเยี่ยงพี่
สาวคนหนึ่งก็ตาม
“ตามใจค่ะ ท่านราเนียดื้อเหลือเกิน” ชาไมราห์ตัดพ้อในความไม่ ถือตนของผู้เป็นนายด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“เอาไว้ข้าถือของหนักกว่านี้จะเรียกใช้เจ้าละกัน จริงสิ...เมื่อสักครู่ พูดคุยเสียงดังเหลือเกินเดี๋ยวท่านแม่ฮาดีลได้ยินเข้าจะโดนเอ็ดเอาได้
นะ” หญิงสาวตักเตือนผู้อยู่ใต้บัญชาอย่างเป็นกังวล เนื่องจากท่าน
ฮาดีล ชายาเอกของ ชีคนูมาน อูล่าห์ อดีตชีคผู้,ปกครองรัฐนูมานหรือ
บิดาของเธอ ค่อนข้างจู้จี้ในเรื่องมรรยาทภายในคฤหาสน์เป็นอย่างมาก
“แหม...ท่านราเนีย จะไม่ให้ส่งเสียงดังได้อย่างไรในเมื่อมีข่าว
ใหญ่ให้พูดถึง”
“ข่าวอะไรกัน?”
สาวใช้คนสนิทรีบส่งหนังสือพิมพ์ประจำรัฐนูมานให้แก่ราเนียซึ่ง
รับไปดูอย่างฉงนสนเท่ห์ แต่แล้วก็ต้องพยักหน้าอย่างเช้าใจเมื่อข่าวนั้น
โด่งดังจริงดังว่า อีกทั้งยังพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับทั้งสิบรัฐในสหรัฐ
อาหรับฟาเราะห์หาใช่เพียงรัฐนูมานเท่านั้น
รัชทายาทแห่งสหรัฐอาหรับฟาเราะห์! ชีคลีธ โมฮัมหมัด โอรส
องค์โตของชีคยัสชิม โมฮัมหมัด กษัตริย์ผู้ปกครองรัฐยัสชิมและสหรัฐ อาหรับฟาเราะห์ ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นรัชทายาทสู่สาธารณชนอย่าง
เป็นทางการโดยแถลงข่าวเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา และอีกไม่นานหลัง
จากนี้จะมีการแต่งตั้งเป็นชีคคนใหม่ปกครองรัฐย์สชิมและขึ้นเป็น
กษัตริย์แห่งสหรัฐอาหรับฟาเราะห์
“เป็นอย่างไรคะท่านราเนีย รูปของชีคลีธไม่ว่าจะมองมุมไหนก็
สง่างาม”
ใบหน้าคมสวยส่ายน้อยๆ อย่างระอาเมื่อเห็นชาไมราห์เริ่มละเมอ
ถึงชายในรูป
“ไม่คุยกับเจ้าแล้ว เดี๋ยวดอกไม้ที1จะนำไปให้ท่านแม่กาเนียเหี่ยว
เฉาพอดี” เธอพูดพลางส่งคืนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้สาวใช้ที่รับไปเพ้อ
พร่ำรำพันอีกครั้งแล้วเดินหนีเข้าตึกหลังเล็กอย่างรวดเร็ว
ประตูไม้สีขาวถูกผลักโดยคนร่างบางที่หอบมวลบุปผาเข้ามา
ภายในห้องเล็กๆ แล้วบักลงแจกันดินเผาริมหน้าต่างซึ่งเปิดกว้างรับลม
หญิงสูงวัยในชุดอาบายะห์สีดำเหลียวมองลูกสาวของตนแล้วแย้มริม
ฝีปากไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ทว่ายังสวยสดงดงามเยี่ยงสตรี
วัยเยาว์
“ราเนีย...เหตุใดลูกจึงขยันเก็บดอกไม้มาให้แม่ทุกวันอย่างนี้ ดูสิ...
ของเก่ายังไม่ทันโรยราของใหม่ก็มาอีกแล้ว ไม่สงสารพวกมันบ้างหรือ อย่างไร?” ดำถามนั้นไม่ได้แฝงด้วยการตำหนิติเตียนแต่อบอุ่นด้วย
เมตตาซึ่งมีต่อทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืชพันธุ ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้ท่านกาเนีย มารดาแท้ๆ ผู้มีศักดิ์เป็นชายารองของชีคนูมานเป็น
ที่รักใคร่มากเสียกว่าท่านฮาดีลชายาเอกเสียอีก
“ก็ท่านแม่ไม่ค่อยได้ออกไปช้างนอก ลูกหวังดีจึงเก็บดอกไม้มา
ฝากค่ะ” เธอกล่าวตอบ
“ทำอย่างไรได้...ในเมือแม่ไม่อยากออกไปขวางหูขวางตาท่าน
ฮาดีล เดี๋ยวจะมีเรื่องวุ่นวายให้รำคาญใจเธออีก”
“หากท่านพ่อไม่สิ้น ท่านแม่คงไม่ลำบากอย่างนี้” ราเนียเอ่ย
อย่างน้อยใจในโชคชะตา
แม้ว่าท่านแม่ของเธอจะเป็นแค่ชายารองแต่ท่านพ่อก็รักใคร่เทิด
ทูนเสมอภาคเท่าเทียมกับท่านฮาดีล ทว่าพอสิ้นท่านพ่อเมื่อเดือนก่อน
ชีคอัปดุล โอรสองค์โตซึ่งกำเนิดจากชายาเอกจึงรั้งตำแหน่งชีคปกครอง
รัฐหูมานคน'ใหม่ทันที ทำให้ท่านฮาดีลถือครองอำนาจทั้งหมดร่วมกับ
ลูกชายไม่สนใจใครหน้าไหนและขับไล่ท่านแม่กับเธอให้ลงมาอยู่ที่อาคาร
เล็กๆ ด้านหลัง ส่วนคฤหาสน์หลังใหญ่มีสิทธิเพียงชีคอัปดุล ลูกชาย
คนโต และอัฟรีน ลูกสาวคนเล็กเท่านั้น
“อย่าคิดมากเลยราเนีย สักวันลูกจะสุขสบาย...เพียงแค่ดำเนิน
ชีวิตไปอย่างที่เป็นเท่านั้น” ท่านกาเนียปลอบโยนลูกสาวให้คลายจาก
ความเศร้าหมอง
ราเนียกอดมารดาเอาไว้แน่นแล้วเชื่อมั่นในโชคชะตาต่อไป โดย หาได้รู้เลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต
ตะวันลาลับขอบฟ้าไปนานแล้วแต่มื้อเย็นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
ภายในห้องอาหารหรูหราของคฤหาสน์คงมีอาหารชั้นเลิศมากมาย ถึง
กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้มื้อเล็กๆ อันแสนอบอุ่นในตึกหลังด้อยค่า เมื่อบน
โต๊ะเตี้ยมีทั้งตาบูเล่ สลัดผักลับหอมกลิ่นผักชีอิตาลีที่คลุกเคล้าข้าวสาลี
พร้อมปรุงรสด้วยน้ำมะนาวกับน้ำมันมะกอก กัดไปนั้นมี พีทต้า ขนมปัง
ชิ้นเล็กๆ วางเคียง อัมโมท ซุปถั่วชิคพีเคี่ยวเคล้าเมล็ดงา ตบท้ายของ
หวานเป็นอินทผลัมสดๆ หนึ่งช่อ แคนก็เพียงพอสำหรับความต้องการ
“ทั้งที่ท่านกาเนียกับท่านราเนียมีสิทธิ์ในคฤหาสน์ส่วนหนึ่งแท้ๆ
แต่กลับต้องมานั่งกินอาหารในห้องแคบๆ แบบนี้” ชาไมราห์บ่นพึมพำ
พลางหยิบพิทต้าเข้าปาก
“ข้ากับท่านแม่'ชอบที,นี่มากกว่า แต่ถ้าเด้าไม่ชอบ...เหตุใดจึงไม่1 ขึ้นไปกินในคฤหาสน์เล่า?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ฉันก็ชอบที่นี่มากกว่าค่ะ ในคฤหาสน์อึดอัดเพราะระเบียบวินัย วุ่นวายไปหมด” สาวใช้ร่างท้วมยังคงบ่นไม่หยุดเช่นเดียวกับกินไม่
ขาดปาก
“ท่านฮาคีลก็เป็นแบบนี้มาแต่ไร...เจ้ายังไม่ชินอีกหรือ?”
สตรีสูงวัยหยอกสาวใช้อย่างเอ็นดู
“โอ๊ย ชินไม่ไหวหรอกค่ะ ท่านกาเนีย”
แต่แล้วมื้อเย็นเล็กๆ ก็ต้องชะงักทันที เมื่อเสียงฝีเท้าของใครบาง
คนวิ่งเข้ามาใกล้
“ท่านราเนียคะ...ท่านฮาดีลมีคำสั่งให้เข้าพบี่ ห้องอาหารค่ะ”
สาวใช้คนหนึ่งกล่าวด้วยนํ้าเสียงกระหืดกระหอบเพราะวิ่งมาไกล
ใบหน้าคมสวยเหลียวมองผู้เป็นมารดาอย่างหวาดหวั่นใจ
เนื่องจากตั้งแต่ท่านพ่อสิ้นยังไม่เคยมีครั้งไหนที1โดนเรียกตัวไปพบ ทว่า
ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้อยู่แล้ว
แซนเดอเลียร์ทองคำสั่นน้อย ๆ ยามต้องลมแรงจากหน้าต่าง
ระเบียงบานกว้างซึ่งเปิดอ้ารับความเย็นยามคาคืน แต่หาได้เป็น
อุปสรรคเมื่อยังคงส่องสว่างสาดอาหารจานหรูสไตล์ฝรั่งเศสบนโต๊ะ
ตัวยาวที่มีเจ้าของคฤหาสน์นั่งอยู่สามคน
หญิงสูงวัยในชุดอาบายะห์สีคำแต่ไร้ฮิญาบปกปิดเงยใบหน้าที่1
แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมองแขกรับเชิญเพียงชั่วครู่ก็ส่งยิ้มหวานให้
ลูกชายซึ่งนั่งตรงตำแหน่งประธาน
“อัปดุล...ราเนียมาแล้ว ลูกช่วยพูดธุระแทนหน่อยนะ!” หล่อนเอ่ย
อย่างไม่แยแส เช่นเดียวกับอัฟรีน หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับราเนีย
อีกคนที่แสร้งไม่สนใจ ทำให้ชายหนุ่มเพียงคนเดียวต้องรับผิดชอบหน้าที่
นี้แทน มือหนายกขึ้นลูบเคราบางๆ บนใบหน้าของตนราวครุ่นคิดหา
คำพูด
“พวกท่านเรียกฉันมาด้วยธุระอะไรคะ?” ราเนียตัดสินใจถามก่อน
“เจ้า...เอ่อ...น้องรู้จักชีคลีธ โมอัมหมัด ใช่หรือไม่?”
สรรพนามแทนตัวเธอช่างแปลกประหลาดกว่าปกติที่เคยเป็น
หากความสงสัยต้องถูกลบทิ้งเมื่อประเด็นคำถามน่าฉงนมากกว่า
“รู้จักค่ะ ชีคลีธ โมอัมหมัด รัชทายาทของสหรัฐอาหรับฟาเราะห์”
“แล้วน้องรู้หรือไม่ว่าการขึ้นครองราชย์ในประเทศของเรามี
ธรรมเนียม คือบุคคลผู้นั้นจำเป็นต้องมีคู่หมั้นเสียก่อนได้รับ
ตำแหน่งกษัตรย์?”
“รู้ค1ะ เป็นธรรมเนียมดั้งเดิมดั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้ก่อดั้งประเทศ
โดยยึดแบบอย่างมาจากการที่ชีคจะขึ้นเป็นผู้นำเผ่าก็ต้องต่อเมื่อมีคู่หมั้น
หรือคู1สมรสแล้ว” ราเนียตอบตามที่รู้มาจากคนเฒ่าคนแก่1 แต่ยังไม่1 เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอจึงต้องพูดคุยเรื่องนี้
“ดีที,น้องรู้...เพราะชีคลีธก็จะไม่สามารถขึ้นครองราชย์หากไร้คู่1 หมั้นหมายเช่นกัน ท่านแม่ฮาดีลเห็นเป็นเรื่องดีจึงได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง
รัฐยัสชิมว่าต้องการส่งเจ้าไปเป็นคู่หมั้น”
ประหนึ่งสายฟ้าฟาดผ่านร่างของราเนีย คำว่า ‘คู่หมั้น’ ทำให้ทุก อย่างรอบด้านพร่ามัวเลือนราง เช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะที่ขาดๆ หายๆ หากไม่ได้เสียงเอ่ยทักของอีกฝ่ายเธอคงหน้ามีดเป็นลมไปแล้ว แน่ๆ
“นี่เป็นเรื่องดีสำหรับน้องเลยนะ อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้าย
ขนาดนั้นสิ” ชีคอัปดุลกล่าวเมื่อเห็นสีหน้าน้องสาวต่างมารดาไม่สู้ดีนัก
“ละ...แล้วเหตุใดจึงต้องเป็นน้อง?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่น
ระรัว
“น้องก็รู้ว่าสหรัฐอาหรับฟ้าเราะห์ประกอบด้วยสิบรัฐ โดยมีรัฐ
‘
ยัสชิมเป็นเมืองหลวง และมีสองรัฐอารักขาคือรัฐคาฟาห์กับรัฐนูมาน นับ
ว่าชีคยัสชิมมีเมตตาที่ยกย่องรัฐของเรา มาบัดนี้ท่านต้องการสละราช-
สมบัติให้ชีคลีธหากแต่ติดตรงที่ไม่มีคู่หมั้นหมาย นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะ
ตอบแทนกลับคืนทั้งยังผูกสัมพันธ์ระหว่างรัฐให้สมานฉันท์ เจ้าจะทำเพื่อ ครอบครัวและชาวเมืองไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
คำพูดของชีคอัปดุลมีน้ำหนักทั้งยังยกเรื่องครอบครัวและความ รับผิดชอบต่อรัฐขึ้นมาจนราเนียหมดหนทาง
“ตำแหน่งธิดาจากชายารองอาจทำให้ใครหลายคนไม่เคารพ
นับถือเจ้า ข้าเองก็เข้าใจและต้องการช่วยจึงได้ส่งเจ้าไปเป็นคู่หมั้นของ
ชีคลีธเพื่อภายภาคหน้าจะได้มีตำแหน่งเป็นถึงราชินี นับว่าเป็นเรื่องดีที่
จะทำให้แม่ของเจ้าภาคภูมิใจมิใช่หรอ?” ท่านฮาดีลสมทบ
“ดูสิ...ท่านแม่กับท่านพี่อุตส่าห์เมตตาหวังดีขนาดนี้เจ้ายังกล้า
ขัดขืนมีนใจอีกอย่างนั้นหรือนี่ หากหนังสือแจ้งยังไม่ถูกส่งข้าคงรับ
ตำแหน่งนี้เลียเอง!” อัฟรีนกล่าวอีกคน
ความหวังดี...ที่เธอไม่เคยต้องการ แล้วจะให้ยินดีรับได้อย่างไร?
“มัดมือซกซัด ๆ มือย่างที่ไหนส่งมัวไปเป็นคู่หมั้นโดยไม่บอก
ไม่กล่าวหรือถามความคิดเห็น!” ชาไมราห์โวยวายทันทีที่ทราบเรื่องหลัง
จากผู้เป็นนายกลับมาถึงที่พัก
“ท่านแม่...ลูกจะทำอย่างไรดีคะ?”
ราเนียรู้สึกมีดแปดด้านพลางทรุดลงนอนหนุนตักผู้เป็นมารดา
อย่างเศร้าเสียใจ
“อย่าคิดมากเลยราเนีย นี่อาจเป็นเรื่องดีที่จะได้พานพบประสบ-
การณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ถึงไม่ไปวันนี้...สักวันลูกก็จะต้องออกเรือนอยู่ดี”
ท่านกาเนียปลอบโยนพลางลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ
“แต่ลูกอยากเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมากำหนดให้
อย่างนี้!”
“ท่านฮาศีลคงหวังดี มิเช่นนั้นคงไม่ส่งลูกไปเป็นคู่หมั้นของชีคลีธ ตำแหน่งราชินีหาใช่ว่าใครจะได้เป็นง่ายๆ”
“หากดีจริงดังว่า เหตุใดท่านฮาศีลจึงไม่เลือกอัฟรินไปเป็นคู่หมั้น
ล่ะคะ เพียงแค่นี้ก็ผิดแปลกจนน่าสงสัยแล้ว” สาวใช้คนสนิทโพล่งอย่าง
ค้างคาใจ แต่แล้วก็ต้องหุบปากเงียบเมื่อสตรีสูงวัยล่งสายตาดุดันมาให้
ด้วยเกรงว่าลูกสาวจะทุกข์มากกว่าเดิม
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)