ไฟปรารถนา (นางแก้ว)

ไฟปรารถนา (นางแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ไฟปรารถนา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1

บ้านตึกสองชั้นหลังสวยทาสีเบจ เล่นสีตัดขอบสีเข้ม ปลูกบนเนื้อที่สองร้อยตารางวา พื้นที่หน้าบ้านเป็นสนามหญาเขียวขจี มีต้นหมากเหลืองปลูก เป็นระยะตลอดสองข้างทางเข้าบ้าน ส่วนรั้วประตูเหล็กทาสีเขียว รอบรั้วทั้งหมดเป็นคอนกรีตทึบกั้นสูงเมตรเศษ ดูสวยเหมาะกับฐานะปานกลางของข้าราชการกรมการปกครองนามว่าสาลิต

ชายหนุ่มแต่งงานกับราศี แรกรักกันนั้นแม้รู้ว่าราศีมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ แต่ชายหนุ่มไม่เห็นเป็นอุปสรรคต่อความรัก หากเมื่อหญิงสาวผู้เป็นภรรยาได้มอบลูกสาวน่ารักให้กับครอบครัวแล้ว เธอมีร่างกายอ่อนแอมากขึ้น ไม่สามารถขาดยาบำรุงหัวใจได้ อาการหอบเหนื่อยต้องมียาใกล้ตัว และเรื่องที่สาลิตเคยเห็นว่าไม่สำคัญ กลับทำให้เขาถวิลหาอย่างมากมาย กระทั่งเมื่อไปงานเลี้ยงวันเกิดของลูกน้องในหน่วยงาน ซึ่งจัดเลี้ยงที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ตลอดเวลาของการจัดเลี้ยง ลูกน้องเอาใจผู้บังคับบัญชาด้วยการเรียกนักร้องดาวเด่นมาให้รู้จัก เธอชื่อสุภา

สุภาเห็นความหล่อเหลาและดูท่าทีภูมิฐาน ทำให้หญิงสาวเอาใจอีกฝ่ายเป็นพิเศษ และความสวยยั่วยวน มีเสน่ห์ของพลังเพศส่งผ่านออกมาทางแววตา ทำให้สาลิตหัวใจเต้นกระเส่า ด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้ ชายหนุ่มแอบกระซิบถามเรื่องที่อยู่ของหญิงสาว ถามล้วงลึกไปถึงคู่ครอง ซึ่งนักเที่ยวส่วนใหญ่จะรู้ว่า นักร้องหลายคนมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่พวกเธอหางานพิเศษนอกรอบ เพื่อได้รายได้มากขึ้น

คนหนึ่งอ้างว้างเพราะการ ‘ขาด’ มานาน กับหญิงสาวร้อนแรงมาเจอกัน พลังตัณหาจึงดึงดูดเข้าหากันโดยไร้การควบคุม

สุภามีความเก่งกาจในเรื่องการปรนนิบัติพัดวี หญิงสาวแทบไม่ต้องทุ่มเทสิ่งใดในการจับอีกฝ่ายให้อยู่มือ เพราะสาลิตหลงสุภาเป็นอันมากทีเดียว ชายหนุ่มรับเลี้ยงดู และเช่าบ้านให้สุภาได้อยู่ในสถานที่ดีขึ้นกว่าห้องเช่าราคาถูกของเธอ แต่สิ่งเดียวที่สาลิตไม่รู้คือ สุภาติดการพนัน

แม้ท้องแก่ใกล้คลอด หญิงสาวยังมีกำลังมากพอที่จะไปนั่งหลังแข็งเล่นไพ่ และไฮโลที่บ่อนในซอยเก่าของบ้านเช่านั้นเอง เพื่อนร่วมวงอดหยอกเย้าไม่ได้ว่า

“กูรึคิดว่าไปเป็นคุณนายแล้วมึงจะเลิกเล่นพนัน แต่ดูเหมือนมือหนักกว่าก่อนเสียอีกนะอีสุภา”

“ปั่นครกให้ดี” สุภาจ้องมอง ‘เต๋าครก’ ซึ่งใช้ครกดินตั้ง และโปรยลูกเตาลงไปปั่น ก่อนจะแทงแต้มตาม ซึ่งกินง่ายและเร็วมาก เมื่อแต้มออกสุภาแทงถูก เธอจึงยิ้มด้วยความยินดี ส่วนคนร่วมวงไล่อีกฝ่าย

“กูไม่อยากเล่นกับคนสี่ตาเลย มึงไปเล่นป๊อกวงอื่นเหอะสุภา แดกกูเกือบหมดตัวแล้ว”

“เอ้า ทีเมื่อก่อนแดกเอาแดกเอา เสือกชวนให้กูเล่นแก้มืออยู่นั่น ที่ลูกกูให้คุณเข้ามั่งทำมาบ่น ปั่นเต๋ามา มือกำลังขึ้น” สุภาต่อว่าปากจัดพอกัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า สนามการแข่งขันกีฬาและวงการพนัน เป็นที่ด่าทอกันอย่างแรงได้โดยไม่มีใครโมโหกัน

จึงไม่แปลกว่า ถ้าคนมีความกดดันจากความอึดอัดต่อว่าใครไม่ได้ จะเลือกใช่การเชียร์กีฬา เป็นที่ระบายอารมณ์กันได้ แต่คงต้องเลือกข้างให้ถูกเท่านั้นเอง!!

สาลิตแม้จะแสดงความรักต่อวาสิฐี แต่ราศีรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มเปลี่ยนไป เขามีคนอื่น เธอเดาได้ไม่ยาก หากว่าความเข้มแข็งทำให้เธอทน ทนทั้งที่สุขภาพแย่ลงทุกที

ราศีต้องทนไปอีกกี่ปีกันเล่า กว่าสาลิตจะกลับตัวโดยที่ราศีไม่ต้องเอ่ยปากออกมา

 

 

แรกเริ่มของการเป็นเมียน้อยนั้น สุภาไม่คิดครอบครองชายหนุ่ม แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีความรักเข้ามาครอบงำ และยิ่งมีลูกสาวเฉกเดียวกับบ้านใหญ่ หญิงสาวจึงรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ และใช้เรื่องที่สาลิตโหยหาเป็นการรั้งตัวชายหนุ่มให้อยู่ด้วยนานวันมากขึ้น เขาชื่นชอบกามารมณ์ เธอจึงเสนอสิ่งนี้ให้กับชายหนุ่มอย่างเต็มที่ จะว่าหลงใหลสาลิตก็เป็นเช่นนั้นได้ เพราะเขาอยู่ห่างจากบ้านใหญ่มากขึ้นทุกที จนหระทั่งเหลือเพียงเดือนละสองครั้งเท่านั้นที่เขาจะไปหาวาสิฐีลูกสาวคนโต

กลางวันสำหรับสุภาคือเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด เพราะได้แอบไปเล่นการพนัน แต่เมื่อลูกอ่อนมาเป็นอุปสรรคทำให้เธอไปเล่นการพนัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รักมากกว่าสิ่งใดไม่ได้ ทำให้เธอหงุดหงิด

จนกระทั่งความอดทนนั้นหมด เธอจึงนำอำภาไปเลี้ยงข้างวงพนันกันเลย สุภามีความสามารถในการทำได้ทั้งที่เป็นสิ่งที่น่าสังเวชใจ เมื่อลูกน้อยนอนบนตักดูดนมมารดา ส่วนในมือของผู้ให้กำเนิด กำลังถือไพ่สองตัว ซึ่งเตรียมจะป๊อกหรือไม่ป๊อก เมื่อไม่ได้ดังใจ เธอก่นด่าออกมาพร้อมเหวี่ยงไพ่ลงในวง ด่ารอดริมฝีปากออกมาอย่างหยาบคาย ส่วนจะลอดเข้าหูใครไปบ้างนั้นเธอไม่สนใจ วิธีการหลบสามีมาเล่นการพนัน เป็นไปอย่างแนบเนียน และเมื่ออำภามีอายุสามปีสาลิตจึงได้ให้เข้าเรียนอนุบาล สุภามีเวลาเล่นการพนันมากขึ้นจึงติดงอมเช่นเคย กระนั้นยังกะเวลาพอดีกับการไปรับลูกสาวกลับบ้าน และรอการกลับมาของสามี เพื่อให้เขาได้เห็นว่าเธออยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนทำหน้าที่แม่บ้านครบครัน

หญิงมากเหลี่ยมกระแซะร่างเข้าไปใกล้สามี พลางบอก

“มีอีกคนแล้วนะคะ” สุภาบอกสามี

“ท้องหรือสุภา”

“ค่ะ คงได้ผู้ชายแน่เลยค่ะ” เธอบอกอีกฝ่ายอย่างเอาใจ ซึ่งทำให้สาลิตจูบแก้มสุภาอย่างดีใจ เพราะเขาอยากมีลูกชายอีกสักคน

“ขอบใจมากเลยที่คุณทำให้ผมได้มีลูกตามที่ผมต้องการ”

“อ้ำท่าทางเรียนเก่งนะคะ ครูชมมาค่ะลูกชายคนนี้คงหล่อและเก่งเหมือนคุณ” สุภารู้ช่องแห่งการพูด ซึ่งสาลิตพึงพอใจมาก เพราะทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกผิดที่มีเวลาให้กับบ้านหลังนี้มากกว่าบ้านหลังใหญ่

 

เมื่อเจอหน้ากัน วาสิฐีจะถามว่า “คุณพ่องานยุ่งมากหรือคะ” คำถามสั้น พูดน้อยอย่างมารดา ท่าทางเย็นชาของราศี ทำให้สาลิตขุ่นมัวที่จะอยู่ใกล้ หากจริงๆ แล้วในจิตสำนึกคือความละอายใจที่ปกปิดเรื่องบ้านเล็กไว้

ชายหนุ่มเชื่อว่าราศีรู้ แต่ไม่พูดออกมา และห่างเหินไปโดยไม่ไยดีต่อการจะกลับบ้าน หรือไม่กลับของเขา ราศีทำราวกับว่าเธออยากพิพากษาให้เขาออกมาอยู่ที่นี่เสียเลย

นั่นคือความคิดของสาลิตเพียงคนเดียวที่คิดอย่างเข้าข้างตัวเอง อย่างที่เขาไม่เคยคิดหรืออยากถามราศีสักนิดเดียวว่าหญิงสาวต้องการอย่างที่สาลิตคิดหรือไม่!!

สุภาคลอดลูกคนที่สอง เป็นผู้หญิงอีก สาลิตรู้สึกผิดหวังไม่น้อย แต่สุภากอดสามีอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกว่าเธอยังสามารถมีลูกชายให้ได้อีก เว้นแต่สาลิตต้องช่วยเธอทำในสิ่งที่เขาชอบ

สุภาไม่เคยทำให้สาลิตเบื่อหน่าย และยังรู้สึกหลงเสียด้วยซ้ำไป แม้ว่าเขาจะอยู่กับสุภามานานหลายปี แต่ความฉลาดของสุภาที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านใหญ่ และยังเก่งเรื่องการปกปิดการเข้าบ่อนใหญ่มากขึ้นไปอีกขั้น

สาลิตยังคงใช้ชีวิตสองบ้านตามปกติ โดยการอยู่กับบ้านเล็กมากกว่าบ้านใหญ่เช่นเดิม ดังที่บางคนอาจพูดว่า ยิ่งฝ่ายหนึ่งเงียบ สาลิตจึงได้ใจ ว่าราศีไม่ได้รักเขาเช่นที่สุภารัก!!

ทั้งที่แก่นแท้ของชีวิตในความเงียบของราศีนั้นคือ

เงียบทั้งที่ระแคะระคายว่าสามีมีคนอื่น เธอโทษความบกพร่องของตนเอง

การเงียบลึกไปยิ่งกว่าเดิมเมื่อเวลาผ่านไป ราศีคิดว่า เพราะความรักและเยื่อใยได้จืดจางจนเลือนหายไปจากกันแล้ว

ส่วนความเงียบจนชาชิน เพราะราศีคิดเพียงว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เธอดำรงชีวิตอยู่ได้คือลูก วาสิฐี ชีวิตที่ทำให้เธอเงียบ ไม่ให้ลูกสาวได้รับรู้ความเลวร้ายของบิดา เพราะราศีรู้ตัวเองว่า ต่อไปภายหน้าลูกสาวจะต้องอยู่โดยลำพัง เด็กหญิงต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง ความเงียบจึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้อดทนอยู่ได้อย่างแท้จริง!!

ต้นหมากเหลืองสูงมากและเมื่อผลหมากร่วงหล่น ก่อให้เกิดหน่อ เกิดเป็นต้น ทำให้ต้นเดี่ยวกลายเป็นกอหมาก แต่ละต้นมีต้นเพิ่มขึ้นเวลาที่ผ่านไป อีกทั้งแต่ละต้นแก่กำลังออกทลายเป็นงวงยาว ผลสีแดงแน่นทะลาย ตัดกับใบสีเหลือเขียว ดูสวยแปลกตา ถัดไประหว่างกอหมาก มีต้นเทียนหยด ปลูกเรียงรายติดกัน เป็นต้นไม้ซึ่งเพิ่งนำมาปลูกได้สามปี ดูแข็งแรงและตัดแต่งไม่ให้มีความสูงมากเกินไป ด้วยฝีมือของคนงานจ้างรายวัน ซึ่งราศีจ้างให้มาตัดแต่งงานสวนเสมอ เพราะกำลังของเธอไม่พอที่จะลงมือทำเองได้ และเวลานี้ต้นเทียนหยดออกดอกสีม่วงเป็นช่อ เต็มต้นหลายต้นทำให้ดูสดสวยมากทีเดียวในบ้าน

ราศีนั้นเลี้ยงดูวาสิฐีอย่างไม่ให้มีปมด้อยสักนิดเดียว และถึงแม้วาสิฐีจะคิดถึงบิดามาก แต่ความห่างเหินที่ได้รับสม่ำเสมอ นับเนื่องมาแต่เด็กทารก จนกระทั่งอายุถึงเจ็ดขวบแล้ว ชีวิตที่เด็กน้อยได้รับรู้ว่า บิดามีงานมาก และเธอมีมารดาที่ดูแล และคำสอนให้เข็มแข็งเสมอ ทำให้วาสิฐีไม่วิงวอนร้องขอให้บิดาได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอ มันเป็นไปเองโดยธรรมชาติของจิตใจเด็กหญิงนั้นเองที่รู้รักแต่ของมารดาสูงสุด

ราศีชอบสอนให้วาสิฐีมองสายรุ้งยามรดน้ำต้นไม้ให้น้ำเป็นฟู่ฝอย เวลานั้นจะมีสายรุ้งเกิดขึ้น ผู้ให้กำเนิดชี้ชวนให้ดู แล้วบอกว่า

“รุ้งไม่เคยกินน้ำอย่างคนเขาบอก แต่รุ้งจะเกิดเมื่อมีละอองน้ำเสมอ ในความคิดของแม่ แม่คิดว่า ความรักของคนเรามีหลากสี มีเส้นโค้ง และมีเวลาของมันเอง สายรุ้งก็เหมือนความสุขของคนรักที่กำลังคิดถึงกันและกัน และสายรุ้งมีเวลาปรากฏตัวในฟ้าหลังฝนที่มีแสงแดดทอ เวลาที่เกิดขึ้นสั้นนัก และไม่เป็นทุกที่ มันช่างเหมือนกับความรัก หรือความสุขของคนเราซึ่งไม่ยาวนานนัก สักวันหนึ่ง ถ้าลูกมีรุ้งเป็นของตัวเอง จงรักษามันไว้นะ รักษามันไว้ในใจ เก็บไว้แต่ความดีให้มั่นคง ยามลูกเหงาให้นึกถึงสายรุ้งแสนสวยที่เราเลือกสีของอารมณ์ของเราได้”

“วาไม่เข้าใจค่ะคุณแม่ขา”

มารดาของเธอเบือนสายยางรดน้ำไปทางอื่น ฉับพลันสายรุ้งนั้นหายไป วาสิฐีอุทาน

“ว้า”

“อยากเห็นความสุขก็ต้องสดชื่น สดชื่นเหมือนสายน้ำนะจ๊ะ นี่ไง” มารดาเธอสร้างสายรุ้งขึ้นมาอีกครั้ง วาสิฐีหัวเราะเบาๆ ร่วมไปกับมารดา

“ความดีของคนไม่ต้องให้ใครมาเข็นให้เป็นนะวาสิฐี ลูกเป็นเด็กดีได้ด้วยการกระทำของลูกเอง สายรุ้งเกิดได้เพราะจากปรากฏการณ์ หากไม่มีหลายสิ่งประกอบกัน รุ้งนั้นก็ไม่เกิดขึ้น ความรัก ความดี ความสุข ความเศร้า ความสดชื่น ความเหงา เกิดกับทุกคน แต่ลูกต้องเก็บสิ่งพิเศษเหล่านี้ไว้ในใจนะ มาแม่จะเป่ามนต์วิเศษให้”ราศีให้ลูกสาวคนสวยหลับตา

“โอมเพี้ยง สายรุ้งของวาสิฐีจะเกิดขึ้นเมื่อวาสิฐีต้องการ”

วาสิฐีสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ในม่านตาซึ่งปิดเปลือกตาแน่น แต่เด็กหญิงเห็นแสงหลากสีปรากฏโดยไม่ลืมตา

“คุณแม่ขา”

“เก็บไว้นะจ๊ะวาสิฐีของแม่”

คำสอนของมารดาฝังอยู่ในความทรงจำเสมอ...จงอยู่กับทุกข์ด้วยความเข้มแข็ง อยู่กับความเศร้าด้วยหัวใจอ่อนโยน และอยู่กับความรักอย่างทะนุถนอม

                ความอ่อนโยนของมารดา ถ่ายทอดออกมาโดยการสอนสั่งวาสิฐีด้วยเหตุผล เมื่อสาลิตจากบ้านไปนานกว่าปกติ หรือการติดต่อขาดหายไปเป็นเดือน ราศีมีคำตอบให้ลูกว่า บิดาไปทำงาน ยุ่งมาก

                “วาคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะคุณแม่ อยากอวดว่าวาสอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียน”

                “เมื่อคุณพ่อว่าง คุณพ่อก็กลับมาได้เห็นนี่จ๊ะวา ว่าแต่พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิด จะไปงานเลี้ยงกับเพื่อนอีกมั้ยจ๊ะ”

                ครานี้เด็กหญิงยิ้มแก้มใส เมื่อนึกถึง พรรณยุดา เพื่อนรัก ซึ่งเกิด ร่วมวันเดือน ปีอย่างน่าประหลาด และมีความสนิทสนมให้กับวาสิฐีอย่างที่เรียกว่าติดเป็นตังเม เด็กหญิงเป็นหลานสาวของเจ้าของโรงเรียนเอกชน ซึ่งวาสิฐีเรียนอยู่ แต่ฐานันดรที่แตกต่าง ไม่เคยทำให้สองเด็กหญิงคิดแตกแยกกันเลย

                ปีนี้พรรณยุดาจะมารับวาสิฐีไปร่วมงานวันเกิด และจะอยู่ค้างด้วยกันหนึ่งคืน จากนั้นจึงจะมาส่งจนถึงบ้านในวันรุ่งขึ้น ซึ่งราศีไม่หวงห้ามลูกสาวในความสุขจากสิ่งที่เธอได้รับจากเพื่อน เพื่อเติมเต็มความรักจากการเหินห่างจากบิดา หากยังมีมารดาให้การดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ

 

วันนี้สาลิตกลับจากทำงานแล้ว มานั่งพักผ่อนที่บ้านเช่า สุภาเอาใจอีกฝ่ายด้วยการทำอาหารรสชาติดี ซึ่งสาลิตพอใจมาก ทั้งที่แท้จริงอีกฝ่ายแอบซื้อเอาไว้ก่อนหน้า เพียงแต่นำมาอุ่นให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสเท่านั้นเอง

ลดาวัลย์ปีนขึ้นไปนั่งบนตักบิดา อ้อนว่า

“คุณพ่อขา ไม่เห็นมีขนมให้อุ๋มเลยค่ะ”

“กินขนมไม่แปรงฟัน แมงกินฟันหมดปาก ยัยฟันหลอ” อำภาเงยหน้าจากหนังสือเรียนมาต่อว่าน้องสาว ซึ่งถ้าอยู่ตามลำพังจะโดนบังคับให้แปรงฟัน เพราะอำภาบอกว่าน้องสาวปากเหม็น เนื่องจากขี้เกียจแปรงฟัน

“พี่อ้ำชอบล่ามอุ๋มเหมือนล่ามหมาที่บ้านโน้นเลย”

สาลิตเอะใจจึงถาม

“อะไร ใครล่าม แล้วบ้านไหน อุ๋ม”

“บ้านที่มีป๊อกเก้า โดนแดกอีกแล้ว” ลดาวัลย์พูดไปตามประสาเด็กกับความเคยชิน สุภาสะดุ้งโหยงรีบว่า

“ไม่น่าให้ดูละครกันเลย อุ๋มพูดตามละครไม่มีผิด อ้ำอย่ามาแอบดูละครตอนแม่ต้องไปตลาดอีกนะ” สุภาโยนผิดมาให้อำภา ซึ่งก้มหน้างอง้ำ โทษกลับไปที่มารดาอย่างรู้เดียงสาตามที่เรียนมาว่าสิ่งไหนดี หรือไม่ดี

“เอาละ วันนี้พ่อต้องไปที่อื่นนะ ยังไงก็อย่าดื้อกับคุณแม่กันล่ะ” สาลิตไม่ตามผล สุภาแก้ตัวว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น

สุภาเข้าไปเกาะแขนสามี เอ่ยอ้อน

“อย่าไปจนลืมนะคะ”

“จะลืมได้ยังไงล่ะ อย่าคิดมากสิคนดี”

“ไปกี่วันคะ”คนดีในสายตาของสาลิตเอ่ยถาม

“สองสามวันเท่านั้นละ”

“โทรมาก่อนนะคะ ภาจะได้ทำอาหารอร่อยอย่างที่คุณชอบไว้บนเตียงค่ะ”

สาลิตส่ายหน้า ท้วงติงเบาๆว่า

“อย่าพูดให้ลูกได้ยินอย่างนี้นะ ลูกเราเป็นผู้หญิง”

สุภาทำหน้ายิ้มรับ ทั้งที่โดนติ การเสแสร้งแกล้งทำของอีกฝ่าย เป็นสิ่งที่สาลิตรัก เพราะคิดว่ามาจากใจที่เปี่ยมล้นด้วยความรักต่อกัน

หากเมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว สุภาดีใจจนแทบกระโดด เพราะคันมือคันไม้ด้วยไม่เข้าบ่อนหลายวันแล้ว...ผีพนันคือผีที่ดุร้ายที่สุด แต่คนไม่ยักกลัว!!

 

บ้านสีเบจดูจางลงไปตามกาลเวลา แต่ต้นไม้มีมากขึ้น สาลิตแวะเวียนมาที่นี่เดือนละครั้งหรือสามเดือนครั้งเท่านั้น เขาโกหกลูกสาวคนโตว่า ทำงานต่างจังหวัด เนื่องจากเขาพอใจกับการอยู่กับสุภามากกว่า

ยิ่งนานวันบ้านจึงดูแปลกไปทุกที ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้าน ร่างของหญิงที่กำลังนั่งพิงโซฟา ขยับอย่างรู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาเยือน

สภาพร่างกายผ่ายผอมจนเห็นซี่โครงขึ้นของราศี ไม่ได้ทำให้สาลิตรู้สึกผิด แต่เขากลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากขึ้น ราศีมองสามีเหมือนไม่มีตัวตนอีกฝ่ายอยู่ในสายตา แต่เมื่อรถของโรงเรียนมาส่งวาสิฐีแล้ว หญิงร่างผอมจึงเดินออกไปรับลูกสาว เธอรู้สึกเหนื่อยอย่างผิดปกติอีกแล้ว

แต่มีอาการหนักกว่าเดิม ตาเธอลาย หายใจหอบและเจ็บเหมือนหัวใจทั้งดวงกำลังโดนฉีกออกจากกัน เจ็บจนต้องกุมอกเอาไว้

เสียงร้องทักของลูกสาว ทำให้ราศีฝืนอาการเจ็บทั้งหมด

“คุณแม่ขา สวัสดีค่ะ” วาสิฐียกมือไหว้มารดาอย่างสวยงาม จากนั้นเด็กหญิงจึงเห็นรถเก๋งของผู้ให้กำเนิด เธออุทานอย่างดีใจ

“คุณพ่อกลับจากราชการแล้ว”

กลับมานานแล้ว แต่ไปอยู่กับคนอื่น วาสิ...ราศีบอกลูกสาวแต่เพียงในใจ หากการแสดงออกยังคงมีรอยยิ้มซีดเซียวตามสภาพร่างกายที่รู้ตัวเองว่า อาจจะมาถึงบั้นปลายของตัวเองแล้ว

สาลิตรอรับลูกสาวคนโตอยู่ที่นั่งชิดติดกับกระจก วาสิฐีเห็นบิดาแล้วจึงเดินเข้าไปคุกเข่ากราบอีกฝ่ายที่ตัก กอดเอวหนา พลางเอ่ย

“วาคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ คุณแม่บอกว่าคุณพ่อมีงานยุ่งมาก”

“ใช่” เขาตอบลูกสาว พลางเหลือบสายตามองภรรยา ซึ่งหย่อนกายลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน หัวใจเฉื่อยชาต่อความรักที่จางหายไปนานแล้ว ได้คืนกลับมาเป็นห่วงใยต่อความดีที่อีกฝ่ายปิดปากเงียบ ไม่เคยเอ่ยสิ่งใดที่จะทำให้ชายหนุ่มขัดเคืองใจสักนิดเดียว

“วาไปลองดูงานบ้านนะลูก ว่ามีอะไรที่ต้องทำหรือเปล่า” เสียงบอกแผ่วพลิ้ว ทำให้วาสิฐีหันไปมองมารดาก่อนตอบ

“ค่ะคุณแม่ แต่ว่า ให้วาได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่อีกนิดได้มั้ยคะ” เด็กหญิงต่อรอง ด้วยความเป็นห่วงมารดา เพราะดูเหมือนท่านมีท่าทีอิดโรยมากกว่าทุกวัน  แต่มารดากลับขัดความต้องการของเด็กหญิง ด้วยการสั่งสอนกลับมา

“วาต้องเข้มแข็งสิจ๊ะ หน้าที่คือหน้าที่”

“ให้ลูกได้อยู่กับพวกเราก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คุณ” สาลิตท้วงติง วาสิฐีจึงชะงักรอคำสั่งจากมารดา ซึ่งยังคงย้ำคำเดิม

“วาต้องรู้นะลูก หนูโตแล้ว ทำหน้าที่ให้เรียบร้อยแล้ววาจะมาอยู่กับแม่เมื่อไหร่ก็ได้”

สาลิตเอ่ยตามหลัง เมื่อวาสิฐีเข้าไปในครัวแล้ว

“ลูกยังเด็กอยู่ คุณบังคับเขามากเกินไปแล้วนะราศี”

ราศีรู้สึกเหนื่อย แต่อธิบายต่อไปอย่างเบาๆว่า

“เรามีกันสองคนเท่านั้น และฉันรู้ตัวว่า วาจะต้องอยู่คนเดียวสักวันหนึ่ง ฉันไม่วางใจให้เขาเป็นเด็กที่เอาแต่เล่น เขาได้รับความรักจากแม่ แต่ห่างพ่อ การที่เขาได้รับผิดชอบงาน ฉันเห็นจะทำให้เขาเป็นเด็กที่เข้มแข็งในวันข้างหน้าค่ะ”

“คุณรู้เรื่องทั้งหมดของผมใช่มั้ยราศี” สาลิตเอ่ยเสียงเบาพลิ้ว เริ่มรู้สึกว่าละอายใจเป็น

“สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์เท่ากับปัจจุบันนี้ ฉันไม่เห็นว่าจะต้องเอามาพูด ฉันเหนื่อยค่ะ วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน”

 “คุณไปหาหมอสม่ำเสมอหรือเปล่าราศี”

“ฉันไปหาตามคำสั่งหมอ แต่การเจ็บป่วยของฉันคงจะมาถึงที่สุดแล้ว” ราศีเอ่ยเสียงเรียบ หากบาดหัวใจคนฟังยิ่งนัก เขาขยับมือจะเอื้อมมาแตะกายอีกฝ่าย หากมือเรียวผอมจนเส้นเลือดขึ้น เนื่องจากผิวขาวซีดของเธอบอบบางด้วย จึงทำให้เห็นเส้นเลือดสีเขียวได้ชัดเจน

“สามีภรรยา เมื่อหันหลังให้กัน ก็เป็นคนอื่นแล้ว”

“ราศี เอ่อ...”

“แต่วาเป็นสายเลือดของคุณ ต่อให้คุณหนีไปอยู่ที่อื่นนานเพียงใด คุณก็หนีความจริงข้อนี้ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้วาอยู่กับคนที่จะจากเขาไปไม่นานนี้แล้ว”

สาลิตกัดปากตัวเองด้วยความละอายใจ

“ไปหาหมอดีกว่านะราศี”

ราศีทิ้งแขนบนที่วางข้างตัว พริ้มเปลือกตาหลับ หายใจลึก สาลิตมองภาพนั้นด้วยความสำนึกผิด...หญิงนี้ไม่ได้อยากป่วย หากเมื่อเจ็บป่วยแล้วเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากเป็นหน้าที่ของคู่ชีวิตที่ต้องดูแลต่อกัน หากสาลิตกลับฝักใฝ่เพียงกามารมณ์ จึงโยนผิดไปให้กับความอ่อนแอของร่างกายภรรยาตามกฎหมาย

“คุณมีลูกกี่คนฉันไม่รับรู้หรอกค่ะสาลิต แต่คนหนึ่งที่คุณต้องไม่ลืม นั่นคือวาสิฐี ลูกสาวแสนดีของเรา เธอไม่ใช่ลูกสาวคนเดียวของฉันคนเดียว”

“ผมขอโทษ” สาลิตก้มหน้า ความละอายใจทำให้รู้สึกเจ็บจุกในอก “ผมขอโทษที่ตะกละเรื่องอื่นจนลืม”

“อย่าลืมเธอนะ อย่าลืมวาสิฐี” เสียงวิงวอนอ่อนลง สาลิตกุมมืออีกฝ่ายจนได้ เพราะราศีอ่อนแรงเกินกว่าจะปฏิเสธ ร่างอ่อนนิ่มเกือบหมดสติ สาลิตตกใจ

“ราศี ราศี”

“ฉันรอคุณ รอจนคุณเกือบ...เกือบมาสายแล้วสาลิต”

“โอ้ ไม่ ไม่นะราศี ยาของคุณอยู่ที่ไหน ยาอมใต้ลิ้น” ไม่มีเสียงตอบออกมาจากร่างแน่นิ่ง ราวกับว่าวิญญาณของอีกฝ่ายล่องลอยออกไปจากร่างเสียแล้ว

“ราศี ได้ยินผมมั้ย ผมจะพาคุณไปหาหมอ ไปหาเดี๋ยวนี้” เขาผุดลุกขึ้นไปโอบอุ้มร่างบอบบางของเมียหลวง จากนั้นเรียกหาวาสิฐี “วา วาสิ ลงมานี่เถอะลูก คุณแม่แย่แล้ว”

วาสิฐีสะดุ้งสุดตัว ทิ้งดินสอในมือ จากนั้นพาร่างเล็กๆ วิ่งลงมาข้างล่าง ได้เห็นบิดาร้องไห้ และมารดานอนนิ่งในอ้อมแขนบิดา

“คุณแม่ขา คุณแม่ เป็นอะไรคะ คุณแม่” วาสิฐีเขย่ามือมารดา ปลายนิ้วมารดาเกี่ยวเกาะมือเด็กหญิง อย่างเป็นสิ่งเดียวที่กำลังของราศีจะทำได้

“ให้ความเป็นธรรมกับวาสิ ให้แกบ้างนะสาลิต” เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีปากบาง ซีดเขียว

“ราศี” สาลิตได้แต่เรียกชื่ออีกฝ่าย น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความรู้สึกผิด เขาเกือบมาสายอย่างที่ราศีบอก ถ้าราศีอยู่ตามลำพังกับวาสิฐี เด็กหญิงจะทำอย่างไร

ความยุติธรรมของความเป็นพ่อที่จะให้กับลูกๆ อยู่ที่ไหน!!

ทำไม สาลิตตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมเขาจึงได้เลวมากขนาดนี้ ทำไมทิ้งคนที่เคยเป็นเพื่อน และเป็นเมีย ทั้งที่สัญญากับเธอแล้ว จะดูแลกันตลอดไป ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง เขาคิดเพียงว่าความรักคือกำลังที่ยิ่งใหญ่ หากเขาได้รับรู้ว่า ในชีวิตสมรส ความรักเท่านั้นไม่พอ อย่างน้อยก็ผู้ชายมักมากอย่างเขา

ราศี...ผมขอโทษ

ผมขอโทษ...คำสุดท้ายของชายคนหนึ่ง ที่ได้ทำผิดกับครอบครัว...แต่มันก็สายเกินกว่าจะรั้งหญิงแสนดี ที่ไม่มีวาจาทำร้ายใครให้เจ็บปวด หญิงแสนดีที่พระเจ้าไม่ได้ให้เธอมาพร้อมทั้งสองสิ่ง นั่นคือ ความดี แต่ร่างกายไม่แข็งแรง จึงทำให้เธอมีชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง!!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (66 รายการ)

www.batorastore.com © 2024