ลิขิตเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

ลิขิตเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ลิขิตเสน่หา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่1 สัญญาทาส

 

กริ่งโทรศัพท์กรีดเสียงดังอยู่นาน กว่าที่นางบุบผาจะเคลื่อนร่าง ใหญ่เทอะทะ ด้วยความเป็นคนตัวสูงบวกกับน้ำหนักแปดสิบกิโลกรัม ออกจากครัว ไปตามเสียง ต้นเสียงมาจาก โทรศัพท์บ้านสีชมพู ซึ่งวางบนแป้นโทร อาการสั่นของมันมีมากตามระบบที่ตั้งเอาไว้ นางบุบผาไปนั่งไขว่ห้าง บาโซฟาตัวนุ่ม สีเนื้อคลุมผ้าถักสีขาว นางวางแขนบนที่เท้าแขน วางท่าขณะกรอกเสียงดัดพูดไม่ชัด

“ฮาโหล”เสียงท้ายท้วนลิ้นเกินจำเป็น เมื่อกรอกลงไปแล้วเสียงปลายสายเอ็ดดังลอดออกมาทันที

“ไม่ต้องทำดัดจริตเป็นคุณนายเลยนะนางผา นี่แกมัวทำอะไรอยู่ห้ะ! กว่าจะย้ายออกมารับโทรศัพท์ฉันได้”

“คุณนายคิดว่าผาว่างงานมากนักหรือคะ ถึงจะมีเวลานั่งเฝ้าโทรศัพท์ได้ทั้งวัน”นางบุบผาสวน อย่างไม่ค่อยเกรงเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายอยู่ไกลจากที่นี่ก็ได้

“เอ๊ะนางนี่ แกคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง”

“แหม”นางบุบผาลากเสียงยาว “คุณนายอยากคิดว่าผาอู้งานเองนี่คะ ผากำลังเตรียมอาหารเย็นให้คุณอยู่นะคะคุณนาย”

“แล้วอ้อกลับมาหรือยังล่ะ”

“คุณอ้อยังไม่กลับค่ะ”

บุบผาขยับจะตอบว่ายังไม่กลับ พอดีที่หญิงสาวในชุดออฟฟิศสีฟ้า ผูกผ้าพันคอพื้นขาวลายชมพู กำลังเปิดประตูรั้วช่องคนเดินเข้ามา นางบุบผาจึงกรอกเสียงรายงานกลับไปว่า

“คุณอ้อกลับมาแล้วค่ะคุณนาย มีอะไรจะสั่งถึงเธอมั้ยคะ”

“ไปเรียกมารับสายซิ มือถือไม่ยอมเปิด ไม่รู้จะซื้อไว้ทำไม”ปิรันธาบ่นอุบอิบมาตามสายโดยหารู้ไม่ว่าแม่สาวใช้ร่างหนาวางสายทิ้งข้างแป้นโทรฯ แล้วเดินตัวปลิวผิดรูปร่างออกไปหาหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง เสื้อเข้าเชฟทำให้เห็นรูปร่างสมส่วนของอีกฝ่ายว่าพอเหมาะพอดี

“จะรีบไปไหนจ๊ะพี่ผา แล้วไก่ไปไหนล่ะ พี่ถึงออกจากครัวมาได้”

“มันขอไปเที่ยวข้างนอกสามชั่วโมงได้แล้วค่ะคุณอ้อ สงสัยยังให้คิวมอเตอร์ไซค์เวียนเทียนไม่ครบคนเลยกลับบ้านไม่ถูก”

“ตายจริงพี่นี่ปากร้ายนักเชียว”หญิงสาวต่อว่า พวงแก้มสีชมพูระเรื่องแดงขึ้นด้วยเลือดฝาด นางบุบผานึกได้ว่าไม่ได้ออกมาเพื่อชวนอีกฝ่ายคุย จึงบอกถึงธุระ

“คุณผู้หญิงให้คุณอ้อไปรับสายค่ะ”

“มีความพยายามมากเลยนะคุณแม่ของอ้อ”

“อ๋อ คุณอ้อจงใจปิดมือถือหรือคะ”

“ก็ท่าน”หล่อนค้างคำพูดไว้ ก่อนจะ

เดินเข้าบ้านหลังใหญ่ไปอย่างไม่รีบร้อน บ้านหลังนี้มีราคาหลายล้าน เพราะดูโอ่โถง หากเครื่องประดับบ้านแต่ละชิ้นไม่สมราคาเลยสักนิดเดียว กุณฑลตรงไปที่ห้องรับแขก ซึ่งบนผนังว่างเปล่าไม่มีภาพสีอะไรมาแขวน ทั้งที่เมื่อหลายปีก่อนมีภาพวาด ของอาจารย์ท่านหนึ่งที่โด่งดัง มีราคานับแสน แต่ว่า มันถูกปลดให้ธนาคารตั้งราคาเป็นค่าดอกเบี้ยไปนานแล้ว  ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้นั่งตัวนุ่มซึ่งเคยตั้งอยู่ในห้องนี้ ถูกตีค่าเป็นราคาเป็นการปรับแทนดอก และตอนนี้ในห้องรับแขกจึงมีแต่ของพอใช้ได้ ซึ่งหากจะมีคนมาตีราคา โซฟาทั้งชุดนี้ ไม่เกินพันบาท แม้จะซื้อเข้ามาในราคา หกพันก็ตามที

...หญิงสาวยิ้มเนือยๆในสีหน้า เพราะคิดได้ว่า ในเวลาไม่นาน บ้านหลังใหญ่นี้จะถูกธนาคารยึดขายทอดตลาดอีกไม่นานนัก หากบ้านไม่อาจปล่อยให้เลอะเทอะหรือไม่ดูแลได้ ดังนั้นบ้านนี้จึงยังต้องการคนดูแล  งานซักรีด หรืออาหารยังต้องประหยัด การมีสาวใช้สองคน จึงคำนวณการใช้จ่ายแล้วว่า ไก่และบุบผา ยังสามารถดูแลบ้านนี้ได้ หาไม่ปิรันธา และลูกสาวคนเล็กก็ไม่มีเวลามานั่งดูแลบ้านหลังใหญ่ไส้กลวงหลังนี้ได้  ส่วนเงินเดือนสาวใช้ทั้งสอง เป็นหน้าที่อุษณาส่งมาให้เป็นเงินเดือน พร้อมค่าใช้จ่ายในบ้านอีกเล็กน้อย  แต่นอกจากนั้น อุษณาลูกสาวคนโตส่งให้ไม่ได้อีก

กุณฑลนั่งลงบนที่เดียวกับที่บุบผานั่งเมื่อครู่นี้ แต่การนั่งต่างกันตรงหล่อนนั่งได้เรียบร้อยและไม่แสดง

โอเวอร์ เหมือนบุบผาเมื่อครู่นี้ กุณฑลยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับ

“อ้อค่ะคุณแม่”

“ปิดมือถือทำไมอ้อ”ปิรันธาเสียงเขียวมาตามสายทีเดียว กุณฑลแก้ตัวเสียงเนือยๆว่า

“แบตหมดค่ะ”

“ช่างเถอะ แม่รู้ว่าแกแก้ตัว เย็นนี้แต่งตัวสวยๆนะอ้อ ห้ามทำเป็นเด็กกะโปโลอย่างทุกวันเด็ดขาด”

“อ้อไม่ไปงานสังคมอะไรนั่นหรอกนะคะคุณแม่”หล่อนปฏิเสธเสียงแข็ง ท่าทางร้อนอย่างเห็นได้ชัด

“นี่นังอ้อ”สรรพนามเรียก จิกตามอารมณ์ของผู้พูด “อย่าทำดัดจริตดีดดิ้นไปนักเลย ใครใช้ให้พ่อแกสร้างหนี้ไว้มากมหาศาลขนาดนี้ล่ะ ของในบ้านก็ขายจนไม่รู้จะขายอะไรแล้ว”

“อ้อกำลังทำงาน อ้อจะส่ง...อ้อ”หล่อนตะกุกตะกักไม่ทันจบประโยค ก็ถูกแย่งกลับด้วยความเกรี้ยวกราด

“เงินไม่ยาไส้พวกนั้น เลี้ยงคนใช้สองคนที่อยู่ในบ้านยังไม่พอเลยนังอ้อ ฉันสั่งก็ทำตามเถอะ แกอย่าเอาเปรียบทุกคนอยู่เลย”

กุณฑลค่อยๆวางหูโทรศัพท์ทั้งๆที่มารดายังกล่าวไม่จบ บุบผายืนมองนายสาวอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเผือดขาวซีด มีความห่วงใย เดินเข้าไปคุกเข่าข้างเก้าอี้ จับแขนหล่อนบีบเบาๆปลอบถามเสียงอ่อน แปลกกว่าที่นางพูดกับปิรันธา

“คุณอ้อเป็นอะไรคะ มีเรื่องอะไรไม่ดีหรือค่ะ หน้าซีดเชียว”นางเลื่อนมือไปเปิดผมนายสาวที่ตกลงมาที่หน้าผาก เป็นสัมผัสที่กุณฑลไม่รับเกียจ เพราะรู้ว่าบุบผารักหล่อน

“แม่จะให้อ้อทำแบบพี่อุ๋ย กับพี่อี๊ด”

บุบผาสะท้อนใจเมื่อรับฟังเช่นนั้น หล่อนอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่นายผู้ชายยังไม่ลาโลกไป จนกระทั่งเขาถูกยิงตายในบ่อนการพนัน และทิ้งหนี้สินไว้ให้ภรรยาคือปิรันธาชดใช้ หลายสิบล้านบาท ที่เป็นหนี้ ถูกกฎหมายพยายามทยอยใช้อย่างสุดความสามารถ

แต่ที่เป็นหนี้นอกระบบนั้น พวกผู้มีอิทธิพลเคยเข้ามาขู่เอาชีวิต ซึ่งปิรันธาไม่มีทางเลือกนอกจาก เริ่มเข้าสู่วงการไก่ชั้นสูง ลูกสาวสองคน ได้แลกเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้หนี้นอกระบบได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกก้อนใหญ่ที่โดนทวงเมื่อเดือนที่ผ่านมา

ผู้หญิงจะไปทำงานอะไรที่ได้เงินดีขนาดนั้น ถ้าไม่...

“อ้อจะหนีออกจากบ้านคอยดูสิ อ้อไม่มีทางทำหรอกพี่ผา”

“ค่ะ”บุบผารับคำไปอย่างนั้นเอง ทั้งนี้เพื่อปลอบใจอีกฝ่ายมากกว่า เพราะที่ผ่านมานางเห็น ทั้ง อุษณา และอิสริยาทำเสียงแข็งอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน สุดท้าย ก็เสร็จ ปิรันธาทั้งสองคน คือโดนขายนำเงินมาใช้หนี้ก้อนแรกและก้อนที่สองไปจนได้!

กุณฑลผุดลุกจากโซฟา บุบผาขยับปากจะพูดตามที่คิดว่า อย่าไปขัดขืนคำสั่งคุณแม่เลย แต่เมื่อหล่อนมองความอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายหล่อนจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ให้กุณฑลลองหนีอย่างที่หล่อนต้องการเหมือนกัน คงดีจะได้ไม่ต้องอยู่ในแวดวง ขายเนื้อสด โดยที่มีมารดาตัวเองนั่นแหละเป็นคนคุมการซื้อขายอีกที บุบผามองตามหลังนายสาวไปแล้วก็ก้มมองตัวเอง ก่อนเอ่ยว่า

“เรางี้อยากขายใจแทบขาด ดันไม่ส่งเสริม”

กุณฑลเดินขึ้นชั้นบน หล่อนดูความโอ่โถงของบ้านหลังใหญ่ที่หล่อนเติบโต ซึ่งมันช่างกว้างใหญ่จนดูโหวงเหวง เพราะเนื้อที่ค่อนข้างว่าง ไม่มีของใช้ในเรือนตกแต่งประดับประดา ให้หรูหราสมกับบ้านหลังใหญ่

...บ้านที่หล่อนเคยคิดว่ามีความสุข หากแต่ว่า เมื่อยิ่งเติบโตหล่อนยิ่งคิดว่าที่นี่เหมือนเป็นซ่องของหญิงบริการ คิดแล้วกุณฑลเกิดแรงประหลาดส่งไปที่เท้าทั้งสอง ที่มันบังคับให้ตัวเองสาวเดินเร็วมากจนเกือบเป็นวิ่ง หล่อนจะต้องรีบไป หล่อนพร่ำบอกตัวเอง ต้องไป ไปให้เร็วก่อนที่มารดาจะกลับมา

เมื่อถึงห้องนอนของตัวเอง หล่อนเดินตรงเข้าไปที่ตู้ผ้า รื้อริ้นชักที่มีกระเป๋าสะพายใบไม่ใหญ่นักเก็บซ้อนกันอยู่หลายใบ กุณฑลเลือกใบสีน้ำเงิน ลายทางสีเหลืองจางๆ หล่อนถอดถุงพลาสติกกันฝุ่น ซึ่งไม่ว่าจะเก็บซุกสิ่งของให้ดีสักเพียงใด ไรฝุ่นเข้าไปจับสิ่งของได้เสมอ ไม่มากก็น้อย

ตู้ไม้เก็บผ้าถูกเปิดกว้างทั้งสองประตู หญิงสาววัยยี่สิบปีไม่ลังเลใจเลือกชิ้นผ้าเลย หล่อนถอดที่แขวนออก แล้วโยนไปที่เตียงนอนข้างๆ แล้วจับพักเสื้อผ้าลวกๆใส่กระเป๋า เมื่อเห็นว่าพอควรแล้วจึงปาดเหงื่อที่ย้อยลงมาเพราะความรีบร้อนจนเหนื่อย หล่อนหิ้วออกจากห้องโดยไม่แยแสที่จะปิดประตูให้เรียบร้อย หล่อนรีบสาวเท้าลงจากชั้นบน พลางเร่งตัวเองทุกลมหายใจ

เมื่อถึงชั้นล่างซึ่งเป็นห้องโถง กุณฑลถึงกับขาอ่อนแรงขึ้นมาเฉยๆเพราะเห็นมารดายืนกอดอกรออยู่กลางห้องแล้วอย่างเงียบกริบ หล่อนได้แต่ครางเรียกมารดา

“คุณแม่...เอ่อ”

“แกคิดว่าแม่รู้ไม่ทันแกหรืออ้อ แกคิดว่าแม่อยู่ไกลถึงเชียงใหม่หรือไงถึงจะได้กลับมาไม่ทันแก”

“ปล่อยอ้อไปเถอะค่ะคุณแม่ อ้อไม่พบกับไอ้แก่หน้าไหนที่คุณแม่พามาทั้งนั้นอ้อจะไปตามทางของอ้อ”

“เห็นแก่ตัว”

“คุณแม่ต่างหากที่เห็นแก่ตัว หนี้สินเป็นของคุณแม่ ทำไมต้องให้อ้อขายตัวใช้หนี้ให้ด้วยล่ะ”กุณฑลกรีดเสียงใส่มารดาอย่างเหลืออด ปิรันธาถูกข้อกล่าวหาอย่างไร้ความเคารพจากบุตรสาวทำให้นางโกรธจนกายสั่นเทา หากกุณฑลยังไม่หยุดปากโดยง่ายหล่อนพีโพยตีพายไม่ยอมมารดาท่าเดียว

“ไอ้แก่ตัณหากลับนั่นมันต้องการผู้หญิงไปบำเรอความใคร่สนองตัณหาหยาบกระด้างของมัน ทำไมคุณแม่ไม่เห็นใจลูกสาวของคุณแม่บ้าง”หล่อนตัดพ้อมารดาด้วยความน้อยใจ ก่อนกระแทกเสียงดังลั่นเมื่อความขุ่นเคืองเข้าไปแทนที่ เมื่อคิดว่าหล่อนต้องไปทำหน้าที่ขายตัวเหมือนโสเภณี

“อ้ออยากเห็นหน้ามันนักว่ามันหน้าเหมือนคนหรือว่าเหมือนตัวอะไรกันแน่”

ไอ้แก่ ที่กุณฑลกล่าวถึงก้าวเท้ายาวๆจากหน้าเทอเรสเข้าไปถึงห้องโถง เพราะถ้อยคำที่แผดก้องหูของหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ เมื่อร่างสูงใหญ่ กว่า180 ไหล่กว้างใบหน้าเป็นชาวต่างประเทศอย่างชัดเจน ผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีน้ำเงินแกมเทา ริมฝีปากบาง ใบหน้าเหลี่ยมปลายคางบุ๋ม เขาดูคมคายหล่อเหลายิ่งกว่าดาราหนัง หากว่าบัดนี้ใบหน้าของเขาแสดงความเคร่งขรึมจนดูดุดันด้วยความไม่พอใจในข้อกล่าวหามาก

 เมื่อเขาปรากฏกายขึ้น ปิรันธาแทบเข่าอ่อนด้วยความเกรงใจ ขณะที่กุณฑลสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นชิงชังคนหน้าตาดี แต่หล่อนคิดว่าเขาบ้ากาม

“คุณอาร์เธอร์”

“เอาเช็คจำนวนเจ็ดล้านห้าแสนมาคืนผมเดี๋ยวนี้คุณปิ เพราะผมรู้สึกว่าสินค้าจัดจ้านคนนี้ไม่เหมาะกับราคาที่ผมจ่ายไป”วาจาเชือดเฉือนของชายวัยสามสิบเศษ จงใจดูถูกกุณฑล ซึ่งหญิงสาวหน้าชาเหมือนถูกตบ จึงเอ่ยกับมารดา

“คืนเงินเขาไปเลยค่ะคุณแม่”

“เอ๊ะทำไมถึงทำนิสัยอย่างนี้นะอ้อ”หล่อนดุลูกสาว แล้วหันไปสวมหน้ากากยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนว่า

“คุณอาร์เธอร์รอสักครู่นะคะ”กล่าวจบปิรันธาฉวยฉุดผู้เป็นลูกเกือบเป็นกระชากเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องโถง เมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว ปิรันธาปิดประตูเต็มแรง แล้วจึงเงื้อมือตบหน้ากุณฑลฉาดใหญ่

“เผียะ”

กุณฑลหน้าหันตามแรง แก้มขาวเป็นผื่นแดงตามรอยมือ ปิรันธากายสั่นเทาทั้งโกรธและตามแรงสะอื้นของความเสียใจอย่างหนัก

“ใครให้พ่อแกสร้างหนี้ ใครให้พ่อแกไปกู้เงินนอกระบบ ฉันนี่หรือเห็นแก่ตัว แกรู้มั้ยว่าฉันต้องกล้ำกลืนแค่ไหนที่ต้องไปนอนกับนายพลอ้วนแผละ เพื่อเอาเงินมาจ่ายดอกเพื่อรักษาชีวิตของพวกแก แต่ตอนนี้ ฉันไม่มีแรงแล้ว ไม่มีแรงที่จะทำอีกแล้ว เงินที่มันขู่ว่าไม่ได้เดือนนี้มันจะเผาบ้าน มันจะยิงพี่สาวแกทิ้ง แกจะให้ฉันทำยังไงอ้อ ให้ฉันทำยังไงบอกมาสิแกมีวิธีที่ดีกว่านี้อีกมั้ย”

นางระบายความอัดอั้นตันใจจนหมดอกแล้วทรุดนั่งลงบนเตียงรับแขก แม้แต่ผ้าปูเตียงนอนยังไม่มีเลย ความยากจนมาเยือนจนแม้แต่ชีวิตก็จวนเจียนจะรักษาไม่ได้อยู่แล้ว

กุณฑลปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจที่ต่อว่ามารดา และความเสียใจที่หล่อนต้องมารับชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ หล่อนเข้าไปสวมกอดมารดา กล

กล่าววาจาที่ไม่อาจค้างไว้ในอกได้ เพราะหนี้สินของบ้านไม่ใช่เหลือเพียงเจ็ดล้านห้าแสน แต่เหลือถึงสิบล้าน ไม่รวมดอกเบี้ย

“หนี้สินเหลืออีกเท่าไหร่คะ สิบล้านไม่ใช่หรือคะคุณแม่ แล้วนี่ อ้อ อ้อต้องไปเป็นของใครต่อใครอีก”

“อ้อ ถ้าแม่ขายบ้านเฮงซวยหลังนี้ออกไปได้ง่ายๆแม่ไม่ต้องทำให้ลูกเดือดร้อนขนาดนี้หรอกลูก คิดหรือว่าหัวอกแม่จะไม่เจ็บปวด”

“หนี้ที่เหลือล่ะคะคุณแม่”

   “อ้อ”ปิรันธาเอ่ยนามลูกสาวแผ่วเบา สวมกอดอีกฝ่ายแนบแน่น ราวกับจะบอกฝาก นั่นคือสิ่งที่กุณฑลต้องหามาชดใช้

   “อุ๋ย กับอี๊ดทำได้เท่าที่เขาทำแล้ว อ้อปรนนิบัติคุณอาร์เธอร์ให้ดีนะเขา เอ่อ! ไมใช่คนใจร้าย เขาเป็น

   กุณฑลไม่รับฟังคำพร่ำพรรณนาของมารดาอีกแล้ว หล่อนคลายกอดมารดา พลางป้ายน้ำตาทิ้ง แล้วกล่าวเสียงเด็ดขาด

   “อ้อพร้อมไปตกนรกแล้วค่ะคุณแม่”

   “อ้อ”

หล่อนจ้ำเดินนำหน้ามารดาออกไปข้างนอกทันที ปิรันธานั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ในห้องนั้นนั่นเอง

ชายร่างใหญ่ยังยืนกอดอก ไม่ยอมนั่งบนโซฟาที่กุณฑลคิดว่าเขาคงจะรังเกียจในราคาต้องต่ำของมัน เขาหรี่ตา พร้อมหยักยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อหล่อนไปยืนอยู่ตรงหน้า เชิดดวงหน้างดงามได้สัดส่วนขึ้น ปากกล้าเอ่ยท้า

“สินค้าของคุณพร้อมแล้วค่ะคุณอาร์เธอร์”

เขาไหวไหล่

“เช็คจะสมบูรณ์ และไม่แน่นะ หากเวอร์จิ้นมีครบถ้วนตามที่แม่เธอโฆษณา ฉันอาจจะทิปให้อีกห้าแสนก็ได้”

อ้ายบ้า  กุณฑลกรีดร้องลั่นอึงคะนึงอยู่ในหัวอกที่กำลังอัดอั้นตันใจยิ่งนัก หล่อน เกลียดอีกฝ่ายอย่างจับใจ

เขาคว้าต้นแขนหญิงสาวทำท่าจะพาออกไป แต่กุณฑลหันไปคว้ากระเป๋า แต่เขาสั่ง

“เสื้อผ้าโหลๆของเธอเอามันกองทิ้งบ้านหลังนี้แหละ ฉันไม่ชอบการแต่งตัวของเธอเลยสักนิดเดียว”

เขาพูดโพล่งออกมาอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น กุณฑลอยากกัดลิ้นกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ในใจโต้เถียงไม่ขาดคำ

ไม่ชอบ ไม่ชอบ ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้คนอย่างนายมาชอบฉันสักนิดเดียว...

                           ..............

หญิงสาวถูกมือแข็งแรงบีบต้นแขน ทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บ จึงหันมาแกะเพื่อให้เป็นอิสระ แต่นอกจากจะแกะไม่หลุดแล้วหล่อนได้เห็นรอยหยักยิ้มมุมปากของเขาส่งมาอย่างเย้ยหยันอีกด้วย

“ปล่อยนะฉันเจ็บ”

“ครั้งแรกก็เจ็บอย่างนี้แหละ”เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากกุณฑลหน้าแดงจัดเพราะเข้าใจได้ว่า เขาไม่ได้หมายความถึงการจับแขน แต่หมายถึง....

“ให้ฉัน ให้ฉัน” หล่อนวิงวอนปากคอสั่นอย่างเก็บอารมณ์กลัวไม่อยู่ หยาดน้ำใสๆเอ่อคลอหน่วยตา “ฉันจะทำงานหาเงินมาใช้ให้คุณค่ะ หาจนตลอดชีวิต ให้ทำงานอย่างทาส หรือคนใช้ของคุณก็ได้ เพียงแต่อย่า เพียง”

“แต่อะไร”เขาย้อนถามาในตาพราว

รถยุโรปสีดำ คันยาวสองตอน ติดม่านดำกระจกนี้กันกระสุนเป็นรถราคามากกว่าหนี้ที่บ้านของหล่อนมีอยู่เสียอีก คนขับรถยืนรออยู่ข้างรถและเปิดให้นายทันที อาร์เธอร์ให้กุณฑลเข้าไปก่อน คนขับทำท่าจะอ้อมไปเปิดอีกทาง แต่อาร์เธอร์ก้าวตามหญิงสาวไป พร้อมปิดประตูเอง คนขับรถยิ้มมุมปากนิดๆราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบขึ้นไปทำหน้าที่ขับรถขับเคลื่อนออกไป

 

ปิรันธา แอบมองมาจากในบ้านซึ่งนางพึ่งออกมาหลังจากคาดเดาได้ว่าคนทั้งสองออกจากบ้านไปแล้ว หยาดน้ำตาของนางรินไหลเป็นทางยาว อาร์เธอร์มีอิทธิพลมากพอที่จะคุ้มครองพวกเธอ หากทำให้เขาพอใจ

“คุณอ้อไม่โดนแย่ไปหรือตัวใหญ่ยังกับยักษ์”เสียงนางบุบผาดังมาจากข้างหลังนายตัวเอง ปิรันธาไม่มีอารมณ์จะหันมาด่าว่าบริวาร เพราะสิ่งนั้นหล่อนกริ่งเกรงอยู่เช่นกัน

“คุณน่าจะส่งหนูไปแทน รูปร่างค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย”

ปิรันธาฟังแล้วหยุดความเสียใจไปชั่วขณะแล้วหันมาตวาดแว้ด

“ส่งไปให้เขาเอาแกไปไถนาหรือไงนังผา”กล่าวจบแล้วนางเดินหนีสาวใช้ไปทันที ทิ้งให้บุบผาทำหน้าหงิกง้ำตามหลังเจ้านาย

“แหมอย่าดูถูกกันนักเลย คนเรารูปร่างโอ่โถงใช่ว่าจะไม่มีความพลิ้วไหวเสียเมื่อไหร่กันเล่า”

นางบ่นกระปอดกระแปด ก่อนชะเง้อมองรถคันหรูราคากว่าสิบสองล้านจากไปจนลับตา

              

ภายในรถถูกกั้นระหว่างตอนหน้ารถ และเบาะท้าย มีความกว้าง และใหญ่มากพอที่คนนอนได้ กุณฑลหวาดหวั่นใจเมื่อร่างใหญ่ของอาร์เธอร์ตามเข้าไปเบียดชิด หล่อนห่อตัวเหลือนิดเดียว เบียดติดประตูรถ จมูกโด่งเป็นสันตรงอย่างชาวต่างประเทศกดลงที่แก้มข้างที่หล่อนโดนมารดาลงโทษ กุณฑลยกมือปัดป้อง

“อย่านะ”หล่อนร้องห้าม และยิ่งตกใจเมื่อมือเรียวยาวของเขาเริ่มเกาะแกะแถวกระดุมเสื้อของหล่อน กุณฑลปัดป้องวุ่นวาย ตวาดเสียงเขียวลั่นรถ นายคนขับรถราวกับรู้ใจนาย เพราะเขาเปิดเพลงร็อคฝรั่งกลบเสียงคนหลังรถเสียสิ้น

กุณฑลทนการลวนลามอย่างหยาบคายของเขาไม่ไหว จึงยกมือเล็กตบหน้าคมคายของอาร์เธอร์ ดีแต่ว่าเขาผงะถอยกลับมาทัน ดังนั้นจากการหยอกล้อ ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน เย็นชาเหมือนหน้าของรูปปั้นที่ไร้ความรู้สึกไม่มีผิด

 เขามองหล่อนอย่างเยือกเย็น จนกุณฑลสะท้านใจ แววตาสีน้ำเงินนิ่งลึกและดูดุร้ายเหลือเกิน

“ฉันไม่ชอบคนเล่นตัว และไม่สนใจความรู้สึกของเธอว่าจะเป็นอย่างไรด้วยและฉันจะไม่ข่มขู่เพื่อให้ได้ผู้หญิงสักคนหนึ่ง เธอไม่มีค่ามากพอขนาดนั้น”เขากดกริ่งที่อยู่ตรงประตูกั้นระหว่างคนขัยกับคนนั่ง รถจึงหยุด เขาเอ่ยเสียงเรียบขับไล่กุณฑลอย่างไร้เยื่อใย

“ลงไปจากรถของฉันเดี๋ยวนี้กุณฑล”

กุณฑลปิดหน้าร้องไห้โฮ ซบหน้าลงไปกับเข่า ร้องไห้จนกายสั่นสะท้าน ใช่ เขาเอ่ยปากไล่ให้หล่อนไป แต่หล่อนกลับไม่มีทางเลือกที่จะเดินลงไป

...ชีวิตมารดาและพี่สาวเล่าจะพ้นเจ้าหนี้ได้อย่างไร

...ใช่ที่เขาไม่ได้พูดขู่ออกมา แต่หล่อนไม่คิดว่าเขาใจดีโยนเงินมาให้ครอบครัวหล่อนโดยไม่ได้อะไรตอบแทน

“ทำไมไม่ลงไปล่ะ ฉันให้ไปแล้วไง”

กุณฑลเอาแต่ปิดห้าร้องไห้ หมดปัญญาที่จะต่อล้อต่อเถียง หล่อนดูสิ้นฤทธิ์อย่างง่ายดาย ราวกับเป็นลูกกวางไร้เดียงสาที่กำลังอยู่ใต้อุ้งเล็บของราชสีห์เจ้าป่ากระนั้น

กริ่งถูกกดอีกครั้ง ก่อนที่รถจะขับเคลื่อนออกไป

“ฉันไม่ชอบผู้หญิงหน้าบวมเพราะร้องไห้”เขาเอ่ยออกมาอีก กุณฑลรู้สึกเหมือนหล่อนกำลังเป็นทาสที่โดนคำสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทั้งที่นี่เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของหล่อนเอง

อะไรกัน แม้แต่จะร้องไห้ยังไม่ได้...หมอนี่บ้าแน่ๆ?

เขาลูบหลังอีกฝ่าย ก่อนประคองร่างโปร่งบางขึ้นมาโอบไว้บางเบา มือเรียวยาว เกลี่ยเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน กุณฑลกระพริบตาปริบๆเพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีความนุ่มนวลได้ แต่แปลกใจได้ไม่ทันหายใจ หล่อนถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากของเขากดทับลงบนริมฝีปากเต็มอิ่ม

ริมฝีปากนุ่มของเขาบดเบียดลงมาอย่างนุ่มนวล ปลายสิ้นแทรกหาทางล่วงล้ำ จูบแรกของหญิงสาว จูบแบบนี้ เรียกว่าอะไร จุมพิตหรือ ทำยังไง ทำไม ลิ้น ต้องเป็นลิ้นของเขาแน่ๆ ที่พยายามที่จะรุกรานเข้าไปหาหล่อน กุณฑล ร้องอื้ออึงในใจ

ไม่ ไม่เอา หากหญิงสาวปิดปากตนเองแน่นสนิทด้วยความตกใจ ต่อต้านจนเกร็งกายแข็งทื่อ

ชายหนุ่มปล่อยอีกฝ่ายแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจ กุณฑลหน้าแดงกล่ำ เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างละอายใจ น้ำตาเจ้ากรรมเหือดหายไปไหนหมด อย่างที่หญิงสาวไม่รู้ตัว เพราะความรู้สึกที่เข้ามาแทนที่คือความร้อนวูบวาบเกิดขึ้นมาแทนจนหล่อนคิดว่าตนเองกำลังมีไข้

สายตาคู่สวยชายไปที่ชายหนุ่ม จึงได้เห็นเขาเขาใช้สายตาโลมเลียมาที่ทรวงอกของหล่อน กุณฑลยกมือขึ้นปิด จึงได้รู้ว่ากระดุมเสื้อถูกปลดออกไปแล้ว บัดนี้เนินเนื้อขาวโชว์สายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย เขา...เขาปลดกระดุมของหล่อนตอนไหน ตอนจูบหรือ...

“มานั่งนี่สิกุณฑล”เขาสั่ง เสียงสั่นไปกว่าเดิมเล็กน้อย หากหญิงสาวฟังเหมือนถูกคำพิพากษา แม้ไม่อยากทำ แต่สายตาที่มีอำนาจของเขากลับสะกดหล่อนให้ขยับเข้าไปใกล้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจชายหนุ่มเพราะเขาคว้าร่างของหล่อนขึ้นไปนั่งซ้อนตัก กอดไว้เบาๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกเด็กดี”

“ฉัน”ริมฝีปากของหล่อนสั่น ด้วยความหวาดหวั่น

“อย่าเรียกตัวเองกับฉันแบบนี้”อาร์เธอร์ออกคำสั่ง ด้วยสีหน้าและดวงตาเข้มขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ดิฉัน”

“เธอไม่ใช่เลขาของฉัน”

“อ้อ ให้เวลาอ้อสักหน่อยได้มั้ยคะคุณอาร์เธอร์”หล่อนฝืนตัวเองเพื่อที่จะเอาใจชายหนุ่ม อย่างน้อย เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้เกิดบางอย่างที่หล่อนกลัวบนรถ

“กลัวฉันทำอะไรเธอบนรถนี้หรือไงเด็กน้อย”เขารู้ทันจริงๆ

กุณฑลขยับกายลงจากตักของเขา ซึ่งอาร์เธอร์ยอมอย่างง่ายดายเช่นกัน หากแต่เมื่อหล่อนจะพ้นไปเขากลับดึงเข้ามากอดแล้วจึงพรมจูบทั่วดวงหน้าหญิงสาว

ก่อนหยุดนิ่งที่ริมฝีปาก เขามองหล่อนนิดหนึ่งกุณฑลพริ้มตาหลบ ไม่กล้าสานสบสายตาคมกริบของเขา

“จูบไม่เป็นใช่มั้ย ไม่เคยมีใครจูบสินะ”เขาพูด พลางค่อยประทับลงไปอีกครั้งอย่างนุ่มนวล มือเรียวแตะต้องผิวกายอ่อนโยน เลื่อนลงไปที่ต้นขา กุณฑลเผลอร้องซึ่งช่วงนั้นเธอจึงได้รับรู้ความแปลกใหม่ในรสสัมผัส ลิ้นอุ่นของอาร์เธอร์นวดลิ้นของหล่อน ซอกซอนไป กระพุ้งแก้ม เพดาน ความอบอุ่นแผ่ซ่าน มันกำลังแทรกแซงไปทุกเส้นเลือดและแทงทะลุเข้าสู่ใจจนรู้สึกประหลาดล้ำ โหยหาอยากเรียนรู้...

รสจูบกลิ่นเปปเปอร์มิ้นหอมสะอาด หญิงสาวเผลอให้เขารุกรานจนหายใจแทบไม่ออก อาร์เธอร์ถอนริมฝีปากออกแล้วจูบเบาๆที่ซอกหูหญิงสาว กล่าวเอาใจ

“เด็กดี ไม่ยากเลยใช่มั้ย”

บ้า...บ้าแล้ว กุณฑลด่าอีกฝ่ายในใจพลางก้มหน้า และบิดมือตัวเองอย่างไม่รู้จะนำมันไปวางไว้ตรงไหน เพราะดูเหมือน อวัยวะทุกส่วนของตัวเองจะเกะกะจนไม่รู้จะเก็บจะซุกไว้ที่ไหนดี!

              

ความเงียบเกิดขึ้นมาอย่างเนิ่นนานเมื่อชายหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจในตัวของหญิงสาวอีกต่อไป เขาขยับกายออกห่างหล่อนไปเกือบติดประตู เอนกายลงพิงหลังแนบเบาะแล้วหลับตาราวกับกำลังพักผ่อน กุณฑลระบายลมหายใจออกมาอย่างช้าๆอาการตกประหม่าจนรู้สึกเกร็งของหล่อนเหือดหายลงไปทีละน้อย

หล่อนคลายมือที่จับกันแน่น จนเกิดเหงื่อซึม หล่อนก้มมองลายเส้นมือของตัวเองอย่างไม่เคยเห็น เสียงเพลงร็อค เปลี่ยนเป็นเสียงดนตรีบรรเลงแผ่วๆเอาใจคนที่กำลังหลับตา

กุณฑลเกิดความอยากรู้ขึ้นมาทีละน้อยจึงค่อยๆชายตาหันไปมองอีกฝ่าย  เสี้ยวหน้าคมคายได้รูป เขามีความคมคายเหมือนกับใครสักคนที่เคยเห็น ดารา ไม่ใช่ ไม่มีดาราไทยคนไหนน่าตาดีขนาดนี้ หล่อนแอบหยิกตัวเองที่เผลอไปชมอีกฝ่าย เขาชื่ออาร์เธอร์ เขาคงเป็นฝรั่ง แล้วฝรั่งชาติไหนล่ะ ผิวถึงไม่ตกกระ

หล่อนเลื่อนสายตาไปตามท่อนแขนที่พ้นเสื้อยืดแขนสั้น เนื้อผ้า และยี่ห้อที่ติดอกตัวเล็กๆนั้นบอกราคาที่หล่อนเคยเห็นแขวนโชว์ที่ห้าง ตัวละห้าพันบาท

...เชอะ! หล่อนทำประชดในใจ ใส่แล้วไม่เห็นว่าทำให้เหาะได้ เลย ของแพงแสนแพงอย่างนี้  หากว่า หล่อนปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาแต่งแล้วดูดีกว่าหุ่นลองเสื้อเป็นไหนๆ

 ขนอ่อนขึ้นเรียงเป็นระเบียบไม่หยิกรุงรัง อกเสื้อแบะเพราะไม่ติดกระดุมให้เรียบร้อย หล่อนเห็นขนอ่อนโผล่ออกมาอีก

...เหมือนลิง ครานี้หล่อนนึกค่อน แล้วมองกลับไปสำรวจใบหน้าคนที่กำลังทำท่าหลับ

คิ้วหนา สีเข้มดกยาวไม่ถึงกับดำ ขนตายาวดำซ้อนกันเป็นแพหนา จมูกโด่งเป็นสันตรงได้รูปสวยจนน่าอิจฉา  ริมฝีปาก เมื่อเลื่อนตาลงไปที่นั้นทำให้กุณฑลร้อนผ่าวที่แก้ม และเลื่อนมือแตะริมฝีปากหล่อนอย่างลืมตัว

จูบแรก ไม่ใช่ จูบครั้งที่สองเขา

...เขาทำอะไรลงไปบ้างนะ ลิ้นแตะลิ้น แทนความน่าขยะแขยง แต่ทำให้หญิงสาวรู้สึกซาบซ่านจนเผลอตัวจูบตอบ

เด็กดีไม่ยากเลยใช่มั้ย  เสียงนั้นยังก้องในหู สายตาของกุณฑลเริ่มมองเรื่อยลงไป หล่อนแอบต่อว่าตัวเองว่า ไม่ควรมองคนที่หล่อนด่าว่าเขาบ้ากาม หาก...เพราะจูบของเขา ทำให้หล่อน...หล่อนห้ามใจไม่ได้

“ถ้าอยากหอมฉันสักครั้งเธอทำได้นะ”เสียงคนที่ทำท่าหลับพึมพำออกมา กุณฑลสะดุ้งโหยงรีบถอนสายตากลับ ไปทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่อาร์เธอร์หัวเราะในลำคอหึๆ

“เป็นไง รูปร่างฉันดีพอที่จะทำให้เธอพอใจมั้ยอ้อ”

เธอกัดริมฝีปากไว้ ไม่ตอบออกไป แต่ร่างกายเธอสิฟ้องอาการเก้อเขินออกมาจนสิ้น แก้มหล่อนแดงจัด  อาร์เธอร์เลื่อนมือมากุมมือนุ่มไว้อุ้งมือ บีบเบาราวกับปลอบโยน

“ไม่มีผู้หญิงคนไหนตกสวรรค์เพราะฉันสักคน”

“ไม่ต้องอวดความมักมากของคุณหรอกค่ะคุณอาร์เธอร์”กุณฑลอดปากไม่อยู่เลยโพล่งสวนออกไป

อาร์เธอร์เหยียดมุมปาก เป็นอาการเหยียดหยันที่กุณฑลเกลียดที่สุด เพราะนั่นเหมือนกับว่าเขาทำราวกับวิเศษเหนือคนอื่นๆ และทุกคนต้องยอมสยบต่อเขา โดยเฉพาะผู้หญิง

“เธอต่อว่าฉันทั้งที่ไม่รู้จักว่าความมักมากเป็นยังไงเสียด้วยซ้ำ เธอยังต้องเรียนรู้จากฉันนี่แหละ ไม่แน่ เธอเองอาจจะเป็นคนมักมากเสียเองก็อาจเป็นได้”

“บ้าน่ะสิ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนทำตัวน่ารังเกียจอย่างที่คุณพูดหรอก”

อาร์เธอร์ ใช้สายตาสีน้ำเงินแกมเทาของเขามองหล่อนอย่างเย็นชา เอาอีกแล้วเขายิ้มมุมปากราวกับเยาะเย้ย ก่อจะเอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า

“แค่ถูกจูบสองครั้งเธอยังแอบมองฉันเลย หรือจะปฏิเสธว่าไม่ได้ติดใจรสจูบของฉัน”

“คน   คนบ้า อย่ามามั่วนะ พูดอย่างนี้พูดมั่วๆนี่นา”

“เห็นทีต้องสอนภาษาผู้ดีกันใหม่แล้วนะ เพราะฉันไม่เคยชินกับคำด่าเสียด้วย”เขาไม่มีท่าทีว่าล้อเล่น เพราะสายตากระด้างแข็งขึ้นมาอย่างที่ทำให้กุณฑลหนาวเยือก แต่จะให้ยอมแพ้ด้วยอาการกลัวหงอเห็นจะไม่ยอมเหมือนกัน

“คุณไม่ต้องมาสอนฉันหรอก และถ้าคุณไม่อยากได้ตัวฉันคุณจ่ายเงินแสนแพงไปทำไม”

“แล้วทำไมเมื่อฉันให้เธอลงไปจากรถฉัน เธอจึงไม่ลงไปล่ะ”กุณฑลเจ็บจิ๊ดเข้ากลางใจเลยทีเดียว

“ทั้วอุ๋ย และอิ๊ดพี่สาวเธอสองคนก็ไม่เลว เพียงแต่ฉันไม่ค่อยพอใจเท่านั้นเอง”

“หมายความว่า...”หญิงสาวตาเหลือกค้างอย่างคาดไม่ถึงว่า พี่สาวสองคนของหล่อนจะถูกชายผู้นี้เขมือบมาแล้วโอ้ แล้วนี่ นี่หล่อนเป็นคนที่สาม เขา เขาเป็นบ้าไปหรือไงถึงจ้องจะกวาดพวกหล่อนทั้งบ้าน

“คุณ คุณทำกับพี่อิ๊ด พี่อุ๋ย”

“สองคนนั่นต่างหากที่คิดทำให้ฉัน แต่ฉันไม่พอใจเลยไม่ได้ยุ่งด้วย”เขาบอกเหมือนพูดเรื่องปกติ แต่กุณฑลร้อนวูบวาบอับอายจนแทบแทรกพื้นรถหนีหายไปจากตรงนั้น ทำให้ แล้วทำอะไรกันล่ะ?

 หล่อนฉุกคิดได้ถึงคำพูดของเขาขึ้นมาอีกว่า...พี่สาวหล่อนทั้งสองคน ทำให้ แต่เขาไม่ค่อยพอใจ...

ไม่ค่อยพอใจ แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ หล่อนจะได้นำไปใช้ เพื่อหลุดพ้นความเป็นทาสของเขาได้ ใช่ ต้องทำให้เขาไม่พอใจ

“แต่แปลกเหมือนกันที่พี่สาวเธอยังขอติดต่อกับฉันอยู่นะ”

“หา”กุณฑลกลายเป็นตัวตลก ที่ตาเบิกโพลง อ้าปากค้างด้วยความตะลึงสองหนเข้านี่แล้ว

“เสียดายที่ฉันไม่ชอบของที่ใช้แล้ว”เขาเอ่ยด้วยท่าทีไม่แยแส

“ของใช้แล้ว”กุณฑลทวนคำของเขาเหมือนคนปัญญาอ่อน “ใช้อะไรแล้ว”

“อยากรู้บนรถนี่เลย หรือว่าที่นุ่มสบายมากกว่านี้ล่ะ”เขาวกคำถามเข้ามาหากุณฑล ด้วยท่าทีเหมือนเสือจะขม้ำลูกแกะ กุณฑลรีบยกมือปิดคอเสื้อ ซึ่งแน่นอนหล่อนรู้ว่าเขาไม่ฉีกเสื้อหล่อนทิ้งเหมือนในหนังที่ผู้ชายหื่นๆเขาทำ เพราะแค่คำพูดของเขา หล่อนต้องยอมสยบแล้ว คำไล่ลงจากรถ แล้วยึดเงินคืนไงล่ะ!

“ของที่ใช้แล้ว ก็ของที่ผ่านมือผู้ชายมาหลายคนไงล่ะ สำหรับเธอ แม่เธอบอกฉันเองว่าเธอไม่เคย ซึ่งฉันจึงลองเสี่ยง แต่ถ้าแม่เธอย้อมแมวขายไม่ใช่ว่าคนอย่างฉันจะไม่รู้ ถ้าเขาหลอกเขาต้องชดใช้มากกว่าที่ฉันยอมจ่ายให้เขาเสียอีก”

อ้ายคนบ้า...กุณฑลบริภาษเขาในใจ แล้วพาลไปถึงผู้ให้กำเนิดของตนเอง

ทำไมพ่อของหล่อนสร้างหนี้สินไว้มากมหาศาล ทำไมโชคชะตาต้องให้มาเจอกับเจ้าหนี้ใจร้าย แล้ว...หล่อนต้องทำอย่างไรให้เขาพอใจมาก ซึ่งต้องพอที่จะได้เงินเพิ่มอีก เพื่อนำไปใช้หนี้ให้หมด

...โอ้กุณฑล ในที่สุด หล่อนต้องทำตัวให้พร้อมขายตัวแลกเงินแล้วสินะ

…คิดขึ้นมาแล้วหญิงสาวร้อนผ่าวที่ขอบตา ก่อนที่จะสู้กล้ำกลืนมันให้เหือดหายลงไปอย่างรวดเร็ว

 เขาไม่ชอบ!เขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว

...คำสั่งของเขามีอำนาจเหนือจิตใจของหล่อนเสียแล้ว

เพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่อำนาจเงินในกระเป๋าของเขา!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024