ปะการังสีเลือด (ฆายณีย์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ปะการังสีเลือด

 

                ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง เชื่อว่ามีอยู่ในตัวของคนทุกคนซึ่งแต่ละคนนั้นมีไม่เท่ากัน บางคนมีความรักเพื่อให้ บางคนมีความรักเพื่อนำพาไปหาความร่ำรวย ความเจริญก้าวหน้าของชีวิต

                ส่วนความโลภ ความโกรธ ความหลง เกิดขึ้นในใจของทุกคนได้ทุกเวลา ทุกนาที หากเกิดขึ้นมาแล้วทำอย่างไรให้ดับลงได้โดยไม่นำทุกข์มาสู่ตัวเองและผู้อื่น

                นวนิยายเรื่อง ปะการังสีเลือด สื่อให้เห็นถึงความโลภ ไม่รู้จักพอของคนบางคนทำให้กลายเป็นคนโหดร้ายไปในพริบตา เขาปกปิดความชั่วของตนกับคนอื่นๆ ได้แต่ไม่ตลอดไปเพราะคนทำชั่วต้องชดใช้จะหนักหรือเบาอยู่ที่กรรมของเขานั่นแหละเป็นตัวชี้ชะตา

                ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ

 

                                                      ด้วยความปรารถนาดี

                                                                 ฆายณีย์

 

 

 

 

ตอนที่ 1

                ไฟสีเหลือง เขียว แดง ส้ม ชมพู ม่วง ส่องสลับวิ่งวนอยู่กลางฟลอร์เต้นรำของบรรดาขาแดนซ์ที่กำลังขยับขาส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงมันๆ แสงไฟที่สาดส่องลงมาบนเนื้อตัวของนักเต้นช่วยเพิ่มบรรยากาศให้เร่าร้อนมากขึ้น

                หญิงสาวในชุดเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นแทบจะโชว์ให้เห็นแก้มก้น และชุดเกาะอกที่กำลังเมามันกับการส่ายสะโพกโยกอกจนเสื้อแทบจะหลุดร่วงลงมากองรวมอยู่ที่เอว พวกหล่อนไม่สนใจว่าชายหนุ่มที่เข้ามารุมล้อมเต้นคู่กับหล่อนนั้นมองเนินอกและเรียวขาขาวด้วยสายตาของสัตว์ร้ายผู้กระหายอาหารอันโอชะมากเพียงใด หล่อนกำลังสนุกกับดนตรีเร่าร้อนและฤทธิ์แอลกอฮอร์จากน้ำใสหลากสีที่หล่อนสั่งมานั่งดื่มกันราวกับว่าเป็นน้ำหวานธรรมดาๆ เท่านั้น

                ศูนย์รวมของวัยรุ่นวัยมันเป็นเธค ผับที่ไม่ปิดกั้นความมัน ไม่ปิดกั้นรสชาติของน้ำใสซึ่งมีทั้งสีฟ้าอ่อน สีแดง สีส้ม สีชมพู สีเหลืองทองและแม้แต่น้ำใสไร้สี ทุกคนก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วไม่มีใครหยุดยั้งอารมณ์สนุกสนานไว้ได้ ด้วยเสียงเพลงปลุกเร้า ด้วยรสชาติน้ำเมาที่หาสีสันมาช่วยเรียกน้ำย่อยให้เกิดความอยากดื่มมากขึ้นและด้วยอาหารตาปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการทางเพศจากหญิงสาวและชายหนุ่มที่เข้ามาหาความสำราญในที่นี้

                เคาน์เตอร์บาร์ด้านซ้ายมือเต็มทุกเก้าอี้ ถัดไปเป็นโต๊ะสูงมีเก้าอี้นุ่มตัวสูงสำหรับผู้ที่แดนซ์เมื่อยล้าแขนขาเข้ามานั่งพักดริ๊งในกลุ่มตนเอง แสงไฟบนเพดานยังคงทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เวทีด้านบนซึ่งดัดแปลงจากชั้นลอยของตึกเป็นที่สำหรับดีเจวัยรุ่นเปิดเพลงมันส์ๆ ให้กับแขก เสียงดีเจสอดแทรกเป็นระยะๆ กับการเปิดเพลง เสียงกรี๊ด เสียงพูดคุยดังแข่งกับเสียงเพลง

                “เพลงนี้สำหรับวัยมันส์ครับผม..”

                เขาหยุดช่วงเพื่อรอฟังเสียงตอบรับของบรรดาแขกวัยเดียวกัน

                “แต่วัยไม่มันส์ก็ฟังได้นะครับ..”

                “บางครั้ง เสียงดนตรี เสียงเพลงก็ทำให้ผู้ที่กำลังเหงา คลายความเหงาไปมากทีเดียวครับ..อย่าให้ความเศร้า ความเหงามาทำลายความสุขของเรานะครับ ทิ้งความเหงาไปแล้วมามันส์กันต่อดีกว่าครับ”

                ดนตรีกระหึ่มขึ้นเมื่อเสียงดีเจหนุ่มสิ้นสุดลง เสียงกรี๊ดดังแหวกเสียงดนตรีและเสียงกรี๊ดแหลมนั้นมันดังแทรกลึกเข้าไปในโสตประสาทของธีรเมธ ชายหนุ่มผู้ซึ่งมัวเมากับสิ่งยั่วยวนรอบข้าง ผู้หญิง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ทุกชนิด เหล้ายี่ห้อดังเกือบทุกยี่ห้อ และการพนันรอบนอกที่ไม่ต้องเข้าไปติดอยู่ให้ห้องหรือที่ลับๆ แต่สิ่งที่เขาไม่แตะต้องมีเพียงอย่างเดียวคือยาเสพติด

                เขายกแก้วน้ำสีแดงส้มขึ้นกระดกเข้าปากรวดเดียว น้ำสีเข้มถูกกลืนลงคอ สีหน้าของคนดื่มนิ่งสนิท ไม่รู้สึกกับรสชาติน้ำสีแดงส้มที่เพิ่งไหลลงลำคอ เสียงกรีดแหลมนั่นต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกโกรธ

                “กรี๊ด…กรี๊ดดดดดดดด….”

                “กรี๊ดกันทำบ้าอะไรนักหนาวะ”  เขาสบถออกมาอย่างเหลืออด

                “บ่นอะไรวะเมธ ไม่ชอบรึไง ขาวๆ อวบๆ ทั้งนั้นเลยนะโว้ย สนใจคนไหนบอกมาฉันจะจัดการให้”

พิชิตเพื่อนสนิทกระซิบอยู่ข้างหู ธีรเมธหันมามอง สายตาขวางอย่างติดรำคาญ

“วันนี้ไม่มีอารมณ์โว้ย กลับเถอะ ฉันง่วง”  ธีรเมธลุกขึ้นรวดเร็ว

                “อะไรวะ มีติดไม้ติดมือไปปลดปล่อยหน่อยสิวะ แกไม่เอาฉันเอาเอง แกออกไปรอข้างนอกก่อนเดี๋ยวฉันตามไป”

                พิชิตยิ้มทั้งใบหน้า ดวงตากลุ้มกริ่มเป็นประกายวาววับ เหยื่อที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้กำลังนั่งดื่มอยู่บนโต๊ะสูงเพียงลำพัง เสื้อสายเดี่ยวหลุดจากไหล่ข้างหนึ่งอวดเนินอกอวบขาวให้พิชิตต้องกลืนน้ำลายหนืดลงลำคอ เขาก้าวยาวๆ เข้าไปหาหล่อนดวงตาวาววับมุ่งพิชิตเหมือนชื่อ

                “น้องครับ ไปต่อข้างนอกกันมั้ย”  เขาก้าวมายืนตรงหน้าหล่อน ก้มหน้าลงพูดใกล้ๆ

                “ไปไหนคะ”  หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยสายตาฉ่ำหวาน หล่อนรอเหยื่ออยู่เช่นกัน เมื่อเหยื่อเข้ามาติดเบ็ดมีหรือหล่อนจะปล่อยให้หลุดไป

                “ไปห้องพี่ หรือว่าจะไปต่อที่อื่นก็ได้นะ วันนี้พี่พร้อมจะพาน้องไปทุกที่”

                “จะดีเหรอคะ”

                หล่อนทำทีเป็นไร้เดียงสา แต่พิชิตรู้ว่าผู้หญิงคนนี้หูตาแพรวพราวเพื่อรอคนอย่างพวกเขาเข้ามาทักทาย

                “ดีมากเชียวแหละ ไปนะ เดี๋ยวดริ๊งนี้พี่จ่ายเอง”

                “ก็ได้ค่ะ”

                หล่อนลุกขึ้นยืน ร่างสูงเพรียวเต็มไปด้วยเนื้อหนังที่พิชิตรอพิสูจน์ว่าจะนุ่มและหอมหวานรัญจวนแค่ไหน เขาโอบเอวหล่อนไปที่เคาน์เตอร์จ่ายค่าดริ๊งให้กับหล่อนแล้วรั้งร่างอวบให้ก้าวตามออกไปทางประตูทางเข้า

                ธีรเมธหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขามีความรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจับจ้องเขาทุกย่างก้าว เขาเหลียวซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง จะไม่ให้เขาระแวงได้อย่างไรในเมื่อขณะนี้เขาเป็นเจ้าของสมบัติอันล้ำค่าจากใต้ท้องทะเล สมบัติชิ้นล่าสุดนี้เป็นสมบัติที่เขาได้มันมาด้วยการแลกกับชีวิตคู่ควงคนใหม่ของเขา ความจริงเขาไม่อยากทำร้ายหล่อนแต่เมื่อหล่อนขัดขวางการทำมาหากินของเขา เขาก็ต้องลงมือ หลังจากวันนั้นเขานอนไม่หลับเต็มตาแม้ว่าจะได้เป็นเจ้าของปะการังสีชมพูสมใจแล้วก็ตาม

                เขากลับจากทะเลเพียงลำพังและหลบหน้าเพื่อนๆ ของไอริณเพื่อไม่ให้พวกนั้นถามถึงหล่อน สามวันหลังจากถึงกรุงเทพฯ เขาหาเหตุผลไว้ตอบคำถามเพื่อนๆ ของหญิงสาวได้แล้วและชื่นชมกับปะการังสีชมพูหวานด้วยความรู้สึกอิ่มเอมแต่ความสุขใจเหล่านั้นแทรกด้วยความทุกข์ทรมานในจิตใจ ภาพปะการังสีชมรูปกุหลาบสดแทรกด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว เจ็บปวดของหญิงสาว ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดหมกมุ่นออกจากสมอง เขาเหลียวไปมองหน้าประตูกระจก

                “มันทำบ้าอะไรอยู่วะ”  เขาหันกลับอย่างหงุดหงิดที่พิชิตปล่อยให้เขายืนรอนานเกินไปแล้ว

                พิชิตโอบเอวหญิงสาวออกจากประตูกระจกบานใหญ่ตรงไปยังรถธีรเมธซึ่งเพื่อนกำลังยืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวาย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรัก อยู่ๆ ธีรเมธก็หมดอารมณ์สนุกสนานกับเสียงเพลงและหญิงสาวที่พร้อมจะมาล้อมหน้าล้อมหลังและพร้อมจะเดินตามออกมาอย่างแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งถ้าธีรเมธต้องการ

                ใบหน้าบึ้งค่อนข้างเครียดของชายหนุ่มช่วยเร่งฝีเท้าของพิชิตให้ก้าวเร็วขึ้น แสงไฟสลัวส่องถึงรถธีรเมธพอให้เห็นหน้าเท่านั้น ธีรเมธยืนหันหลังพิงกระโปรงรถ เขาถอนใจเฮือกติดต่อกันหลายครั้ง อากาศภายนอกเย็นเยือก เย็นจนรู้สึกขนลุก ความเย็นจากด้านในเธคไม่ได้รอดออกมาถึงรถของเขาแล้วทำไมอากาศจึงเย็นราวกับติดแอร์ตั้งความเย็นที่ 20 องศาเช่นนี้

                เสียงฝีเท้าของคนเดินใกล้เข้ามา ชายหนุ่มเหลียวข้ามไหล่ไปมองทางต้นเสียง พิชิตยิ้มร่ารอสายตาเขาอยู่

                “ไงวะ รอนานมั้ยเพื่อน”  พิชิตก้าวเข้ามาใกล้ขณะถาม

                “เออ เร็วๆ สิวะ แล้วนี่ได้มาอีกแล้วสิ จะให้กูพาไปส่งที่ไหนก็บอก วันนี้ห้ามพาใครเข้าบ้านกู กูอยากอยู่คนเดียว”  ธีรเมธตอบน้ำเสียงหงุดหงิด

                “เออน่ะ เดี๋ยวขึ้นรถแล้วจะบอก อ้อ.น้องมีมี่ครับ รู้จักพี่เมธหน่อยสิ เพื่อนรักพี่เอง ไอ้เมธน้องมีมี่โว้ย เพิ่งถามชื่อตอนเดินมาหาแกนี่แหละ”

                หญิงสาวก้มหน้าขณะเดินเข้ามา ธีรเมธจึงไม่เห็นหน้าหล่อนแต่เมื่อพิชิตแนะนำหล่อนจึงเงยหน้าขึ้นมองและทันทีที่ธีรเมธเห็นหน้าหล่อนเท่านั้นเขาถึงร้องเสียงดัง

                “เฮ้ย!” 

                ชายหนุ่มหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับพิชิตและคู่ควง ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจสุดขีด เท้าถอยกรูดออกห่างตัวรถอย่างรวดเร็ว ใบหน้าน้องมีมี่ของพิชิตขาวซีด ดวงตาที่จ้องมองธีรเมธโกรธแค้น ริมฝีปากแดงสด ผมยาวสะบัดบังดวงตาข้างซ้ายเหลือข้างขวาคล้ำดำช้ำด้วยเลือด

                “เป็นอะไรวะ ตกใจอะไร ไอ้นี่ถ้าจะบ้าทำหน้าเหมือนกับเห็นผี น้องมีมี่สวยน่าฟัดออกยังงี้ทำหน้าตื่นไปได้” 

                พิชิตสะดุ้งไปกับเสียงร้องตกใจของเพื่อน เขาถามกลับอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันควัน มีมี่พลอยเลิกคิ้วสูงตกใจไปด้วยอีกคน

                ธีรเมธกะพริบตาสั่นศีรษะแรงๆ ภาพหญิงสาวตรงหน้าเป็นปกติแก้มอวบอิ่มมีสีสัน ดวงตารีจ้องมาที่เขา ผมยาวสลวยเคลียร์ไหล่เท่านั้นไม่ได้ยาวถึงอกเช่นที่เขาเห็นเมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้นกับเขา มือข้างขวาถูกยกขึ้นขยี้ตาแล้วลืมขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม เขาตาฝาดไปอย่างนั้นหรือ

                “พี่เขารังเกียจมีมี่มังคะถึงทำเหมือนเห็นมีมี่เป็นผีร้าย”  หญิงสาวโอบกอดพิชิตอ้อนในที ชายหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ

                “ไม่หรอกครับ เพื่อนพี่ไม่เคยรังเกียจคนน่ารักอย่างมีมี่เลยนะใช่มั้ยวะไอ้เมธ”  พิชิตหันมาถามเพื่อนเสียงดัง ธีรเมธพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูรถ

                “เห็นมั้ย พี่เมธไม่รังเกียจมีมี่สักหน่อย แต่ถ้ามีมี่กลัวเดี๋ยวพี่จะพามีมี่ไปปลอบที่เงียบๆ กันสองคน”

                พิชิตหวานจนเลี่ยนแต่หญิงสาวไม่รู้สึกเพราะหล่อนมองเห็นแบงก์สีน้ำตาล สีม่วงลอยอยู่ตรงหน้าเป็นปึก ยังไงคืนนี้พิชิตต้องช่วยต่อชีวิตของหล่อนให้มีกินมีใช้ไปได้อีกหลายวัน หล่อนชอบชีวิตเช่นนี้ชีวิตที่หล่อนเลือกเดินด้วยตัวหล่อนเองแม้มันจะไม่ใช่วิธีเลือกที่ถูกต้องนักก็ตาม

                ธีรเมธขับรถออกจากหน้าเธคชื่อดัง เขารู้ว่าพิชิตจะไปไหนจึงเลี้ยวรถไปตามเส้นทางที่เคยไปส่งบ่อยๆ แต่พิชิตไม่ไปทางเดิม เขามองเพื่อนผู้ทำหน้าที่คนขับแล้วว่า

                “ไปส่งฉันที่คอนโดฯนะโว้ย”

                “เอางั้นเหรอ”  ธีรเมธหันมามอง

                “เออ คืนนี้น้องมีมี่จะอยู่กับฉันทั้งคืน ใช่มั้ยครับ”  พิชิตเหลียวไปมองหญิงสาวที่เบาะหลัง หล่อนยิ้มหวานไม่มีคำตอบจากริมฝีปากอิ่มยั่วยวน ธีรเมธเหลือบมองที่กระจกส่องหลังแล้วยิ้มบาง

                รถแล่นเข้ามาจอดหน้าคอนโดมิเนียมย่านชานเมืองถึงจะไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนแต่คอนโดมิเนียมก็น่าอยู่ พิชิตเลือกซื้อคอนโดฯมากกว่าบ้านเป็นหลังเพื่อความสะดวกสบายซึ่งต่างจากธีรเมธ ชายหนุ่มตัดสินใจซื้อทาวน์เฮ้าส์เพราะธุรกิจที่เขาเพิ่งหันมาสนใจทำมันและการเริ่มธุรกิจค้าขายของแปลก ของเก่าและอัญมณีล้ำค่านั้นทำให้เขามีเงินใช้ไม่ขาดมือและยิ่งไปกว่านั้นเขามีบ้านมีรถโดยไม่ต้องผ่อนเช่นแต่ก่อน ชีวิตพนักงานบริษัทสร้างความเบื่อหน่ายให้กับเขาจนเขาไม่อยากย้อนกลับเข้าไปใช้ชีวิตเช่นนั้นอีก

                ธีรเมธรู้จักกับกลุ่มนักธุรกิจพวกอสังหาริมทรัพย์และนักธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องอัญมณีหลายรายจากการแนะนำของศัมภุ เพื่อนรุ่นพี่ซึ่งศัมภุทำงานธนาคารมีโอกาสรู้จักกลุ่มคนกลุ่มนี้ ธีรเมธติดต่อกับศัมภุตลอดเวลาหลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านการตลาดและเข้าทำงานในบริษัทรวมทั้งลาออกมาเรียนรู้งานกับอาทิตย์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านไพรำอัญมณี

                อาทิตย์รับซื้อวัตถุโบราณควบคู่กับเพชรพลอยและอัญมณีอื่นๆ ที่มีค่ามีราคา ธีรเมธจึงมีโอกาสค้าขายกับอาทิตย์โดยไม่ต้องวิ่งขายเหมือนหลายคนที่จับงานด้านนี้

                ไข่มุกดำเม็ดแรกที่ธีรเมธขายให้อาทิตย์เป็นแรงผลักดันให้เขาอยากค้นหาของมีค่าใต้ท้องทะเลมากขึ้น สิ่งที่ได้จากธรรมชาติเป็นสิ่งที่เขาต้องการเพราะราคาของมันสูง ของแปลกที่เขาได้มาเพียง 3 ชิ้นทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจเล็กๆโดยไม่ต้องเหนื่อยกับการดิ้นรนทำงานทั้งวันเพื่อการอยู่รอดเช่นแต่ก่อนและเหมือนกับธุรกิจด้านนี้จะทำให้เขาเจริญก้าวหน้าขึ้น วันหนึ่งเขามีโอกาสรู้จักกับพ่อค้ารายใหญ่อีกคน

                “เมธ รู้จักคุณวรงค์สิ คุณวรงค์เป็นเจ้าของร้านวัตถุโบราณเผื่อแกมีของจะให้เขาดูบ้าง”

                ศัมภุแนะนำเจ้าของร้านวัตถุโบราณรายใหม่ให้ธีรเมธรู้จัก ชายหนุ่มยินดีกับเพื่อนใหม่ ทางทำมาหากินของเขาเพิ่มขึ้นอีกแห่งแต่พ่อค้าคนใหม่ไม่เหมือนอาทิตย์ผู้ตรงไปตรงมาและไม่ชอบเอาเปรียบใคร สำหรับวรงค์สายตาเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่ในดวงตาซึ่งธีรเมธแอบเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จัก

                “คุณวรงค์ครับ นี่ธีรเมธเพื่อนรุ่นน้องผม เพิ่งหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับของเก่า ถ้าคุณสนใจคุยได้เลย ผมขอตัวก่อน”  ศัมภุยิ้มน้อยๆ ขณะแนะนำธีรเมธ

                “ยินดีที่ได้รู้จักคุณธีรเมธ มีอะไรจะให้ผมดูก็เชิญได้ทุกเวลานะครับ”  วรงค์ยิ้มกว้าง

                “ขอบคุณครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณวรงค์เช่นกัน ต้องขอบคุณพี่ภุที่แนะนำเจ้าของร้านใหญ่ให้ผม”

                “อย่าเวอร์ ฉันรู้ว่าแกอยากรู้จักคุณวรงค์เลยแนะนำให้คุยกันตามสบายพี่ขอตัวไปทำงานก่อน คุณวรงค์รอเอกสารสักครู่นะครับ”

                “ครับ ขอบคุณมาก เย็นนี้ถ้าคุณศัมภุไม่ติดธุระที่ไหนเชิญทานข้าวกับผมสักมื้อนะครับ”

                “ด้วยความยินดีครับ ใช่มั้ยพี่ภุ”  ธีรเมธตอบรับแทนศัมภุเพราะเขาอยากรู้จักใกล้ชิดกับวรงค์มากกว่านี้ ศัมภุมองตาเพื่อนรุ่นน้องก็รู้ว่าต้องการอะไร เขายิ้มบางแล้วว่า

                “พี่ติดธุระ แกไปทานแทนพี่ก็แล้วกัน คุณวรงค์ไม่ว่านะครับ เอาไว้โอกาสหน้าผมไม่ปฏิเสธแน่ วันนี้มีนัดจริงๆ”  ศัมภุปฏิเสธเสียงนุ่ม

                “ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจเชิญคุณธีรเมธด้วยจะได้คุยเรื่องงานกัน”  วรงค์ยิ้มยอมรับคำปฏิเสธของศัมภุ

                ผู้จัดการหนุ่มไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของทุกคนที่รู้จัก เขาเป็นเพียงสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างธีรเมธกับนักธุรกิจใหญ่เหล่านี้เท่านั้น

                นอกจากอาทิตย์แล้ว วรงค์เป็นอีกคนที่ธีรเมธติดต่อค้าขายด้วย วรงค์รับซื้อทุกอย่างที่ธีรเมธนำมาเสนอ  ขอให้เป็นของเก่าและของแปลกเท่านั้น ส่วนอาทิตย์เขาเลือกเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการ

 

                ชายหนุ่มเร่งความเร็วของรถหลังจากส่งพิชิตกับสาวน้อยที่หน้าคอนโดมิเนียมแล้ว เขาต้องการกลับบ้าน เขาคิดถึงดอกกุหลาบสีชมพูในตู้ปลา เขานำดอกกุหลาบจากใต้ทะเลลึกใส่ไว้ในนั้น

                ตู้ปลาที่ไม่มีปลาแม้แต่ตัวเดียว ตั้งเด่นบนโต๊ะข้างหัวเตียง ยามที่เจ้าของห้องเปิดไฟสว่างจ้า แสงไฟกระทบกับผืนน้ำในตู้สี่เหลี่ยมสะท้อนแทรกสู่กุหลาบหินปูนสีชมพูให้เปล่งสีงดงาม ธีรเมธหลงใหลกับความสวยแปลกประหลาดของกุหลาบปะการังดอกนี้จนลืมคิดถึงเงินจำนวนมหาศาลไปบางเวลา

                เขายังไม่ยอมเปิดเผยดอกไม้ดอกนี้ให้กับนักธุรกิจของเก่าและอัญมณีคนไหนให้ได้ยล เขายังไม่พร้อมจะเสนอสินค้าชิ้นนี้ให้กับใคร ไม่เปิดปากบอกใครแม้แต่ศัมภุ เพื่อนรุ่นพี่ที่เขาสนิทมากที่สุดและรักนับถือชายหนุ่มเช่นพี่ชายตัวเอง เขาต้องการเชยชมความงามของกลีบดอกสีชมพูยามต้องแสงไฟ ต้องการเห็นมันทุกวันจนกว่าจะอิ่มเอมกับความงดงามนั้นแล้วเขาจะขายมัน

                ธีรเมธพารถเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วเหล็กสีครีม เขาเปิดประตูรถเดินมาเปิดประตูรั้วแล้วกลับไปที่รถขับเข้าไปจอดในที่จอดและกลับออกมาปิดประตูรั้ว บ้านหลังเล็กมีเขาอยู่เพียงลำพัง มีบางคืนพิชิตมาขอนอนค้างด้วยซึ่งเขาก็ไม่ขัดเพื่อน แต่บางคืนเขาพาหญิงสาวที่รู้จักในเธคหรือผับเข้ามาตักตวงความสุขจากหล่อนในบ้าน เขามีความสุขกับสิ่งที่ทำโดยไม่มีใครกล้าขัดหรือห้ามเขาได้แม้แต่ไอริณ หญิงสาวที่เขาคบหล่อนเช่นคนรัก

                ประตูบ้านเปิดกว้าง แสงไฟสว่างพรึบขึ้น เจ้าของบ้านก้าวเข้าด้านในประตูปิดตามมา เขาล็อคประตูแล้วเดินไปทิ้งตัวอย่างอ่อนแรงบนเก้าอี้โซฟาตัวยาว สายตาจับนิ่งที่แจกันดอกไม้บนโต๊ะกระจกตรงหน้า ภาพหญิงสาวผมยาว หน้าซีดไร้เลือดหล่อเลี้ยง ดวงตาช้ำคล้ำเลือดจ้องเขม็งมายังเขาอย่างโกรธแค้น เขาสะบัดศีรษะไล่ภาพเหล่านั้นออกจากความคิด

                “เฮ้ย บ้าเอ๊ย ตาฝาดชัดๆ  ยัยนั่นสวยอึ๋มจะตาย ป่านนี้เสร็จไอ้ชิตไปแล้ว”

                เขาจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ครู่หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ก้าวยาวๆ ไปที่บันไดวิ่งขึ้นชั้นบน มือข้างหนึ่งล้วงลงในกระเป๋ากางเกงดึงกุญแจห้องนอนออกมา เขาไขกุญแจรวดเร็ว ประตูห้องเปิดออกในวินาทีต่อมา มือเอื้อมไปที่ปลั๊กไฟข้างประตู ไฟดวงกลมกลางห้องสว่างพรึบขึ้น สายตาของเขาพุ่งไปที่ตู้กระจกสี่เหลี่ยมข้างเตียง รอยยิ้มพอใจกระจายเต็มใบหน้า

                “แกยังสวยเหมือนเดิม ฉันไม่อยากให้แกตกไปเป็นสมบัติของใครซะแล้วสิ” 

                เขาผลักประตูปิดแล้วก้าวยาวๆ เข้าไปหาตู้กระจกเปิดฝาออกหย่อนมือลงไปในน้ำใสที่เขาลงทุนหาแกลอนใบใหญ่ไปขนน้ำทะเลจากบางแสนมาใส่ตู้เพื่อให้ปะการังสีชมพูอยู่อย่างสบาย

                “ฉันไม่อยากเชื่อว่าแกจะเป็นหินปะการัง แกสวยมากรู้มั้ย”

                มือขยายใหญ่ภายใต้น้ำค่อยๆ แตะที่กลีบบางของดอกชมพูสด เขาก้มลงมองผ่านผืนน้ำไหวกระเพื่อม รอยยิ้มชื่นชมยินดีไม่จางหายไปจากดวงหน้าเข้ม

                ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางไต่ไปตามกลีบดอกอย่างทะนุถนอมและขณะที่เขากำลังไล้ปลายนิ้วไปที่กลีบกลางดอกกุหลาบนั้นสิ่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในฉับพลันทันใด

******


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (73 รายการ)

www.batorastore.com © 2024