ที่โตเกียวมีรัก

ที่โตเกียวมีรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786115010042
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“เพนเน่อาระเมีย สไปซีชิกเกนสลัด แอนโชวีแอนด์โอลีฟพิซซาไซซ์เอส

นะคะ”

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำนั่งพยักหน้าตามเมื่อพนักงานร้านทวนรายการอาหาร

ที่เขาสั่งอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงข้ามกับหญิงสาวตรงหน้าซึ่งยังคงเปิดเมนูเล่มใหญ่ไปมา

อย่างลังเลราวกับจะหาอะไรสั่งเพิ่มอีก

“จะเอาอะไรอีกไหม ?” เขาหันมาถามเมื่อเห็นอาการนั้น

“ซิกเก้นนักเกตที่นึงค่ะ” หญิงสาวหันไปสั่งแล้วปิดเมนู

ชายหนุ่มรอจนพนักงานร้านกลับเข้าไปในครัวแล้วจึงค่อยหยิบผ้าเช็ดมืออุ่นๆ

ที่พนักงานยกมาวางไว้ขึ้นมาเช็ดมือและใบหน้าอย่างผ่อนคลายให้สมกับที่ทำงาน เหนื่อยมาทั้งวัน

“สั่งตั้งมากมาย กินหมดเหรอ ?” เขาถามคนร่างบางผมดำยาวตรงที่นั่งตรงข้าม หล่อนยักไหล่ “ก็ตั้งแต่กลางวันฉันได้กินแซนด์วิชไปขึ้นเดียวเอง”

“ทำไมไม่โทรบอกฉันก่อนว่ามีงานที่โตเกียว” ชายหนุ่มขยับเก้าอี้

หญิงสาวทำทำนึก ...คงเป็นเพราะความสนิทสนมที่มีมาหลายปีละมัง

ที่ทำให้รู้สึกว่าการนัดเจอกันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนัก

 

 

 

“ก็เห็นชินอิจิงานยุ่ง ไม่คิดว่าจะมาทานข้าวด้วยกันได้” หล่อนตอบเรียบ ๆ

“อายะ” ชายหนุ่มเรียกชื่อหล่อนด้วยเสียงทุ้มตํ่า “เราคบกันมาตั้งแต่สมัยอยู่

มหาวิทยาลัย นี่มันก็ตั้งแปดเก้าปีแล้ว ถ้าเธอบอกว่ามาโตเกียว ถึงยุ่งยังไงฉันก็

ต้องมาหาสิ”

หญิงสาวยิ้มรับ” …ก็เพราะว่าคบกันมาแปดเก้าปี ฉันถึงรู้นิสัยเธอดี”

ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเงียบไปเมื่อพนักงานยกสลัดกับนักเกตของ

หญิงสาวออกมาเสิร์ฟ

“พูดก็พูดเถอะ” ชายหนุ่มถอนใจ “เมื่อไหร่เธอถึงจะมาอยู่โตเกียวกับฉัน”

หญิงสาวหยิบล้อมจิ้มอาหารที่หล่อนสั่งเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้

สนใจสั่งที่เขาพูดนัก ...เป็นสั่งที่ได้ยินเป็นประจำอยู่แล้ว

“จะให้ฉันมาทำอะไรที่โตเกียวล่ะ”

“ก็มาเป็นแม่บ้านให้ฉัน” ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าและนํ้าเสียงจริงจัง

กระนั้นก็แฝงความเบื่อหน่ายเอาไว้ด้วย

“แล้วงานที่ฉันทำอยู่นี่ล่ะ” หล่อนตอบโดยไม่สบตา

ชินอิจิส่าย,หน้า

“เธอจะห่วงงานอะไรชองเธอนักหนา ใช่ว่ามีหน้าที่สำคัญอะไรในบริษัทเสีย หน่อย

เธอก็เคยเล่าให้ฟังนี่ว่ารุ่นน้องหลายคนก็บอกอยากออกจากงานมาแต่งงาน

มาเป็นแม่บ้านกันเต็มแก่ ฉันเห็นมีแต่เธอเนี่ย อายุจะสามสิบอยู่ปีสองปีนี้แล้ว คน

ที่พร้อมจะแต่งงานด้วยก็มี แต่กลับปฏิเสธมาได้เรื่อย มันอะไรชองเธอกันล่ะ...”

ชายหนุ่มลดเสียงลงเมื่อพนักงานยกอาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟให้ทั้งหมด ค่อย

สบายใจเล็กน้อยที่รู้ว่าพนักงานคงจะไม่โผล่มาอีกนานจนกว่าเขาจะเรียก

หญิงสาวนั่งนิ่ง ทำทำครุ่นคิด

“ก็ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน...”

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม ? พ่อแม่เธอไม่ว่าอะไรบ้างหรือไง ? นี่คงสาปแช่งฉัน

จะแย่แล้ว หาว่าฉันไม่สนใจ ไม่ยอมไปขอสักที”

อายะหัวเราะออกมาเบา ๆ “รู้ได้ยังไงว่าบ่นเรื่องเธอทุกวัน”

ชายหนุ่มส่ายหน้าอีกครั้ง ไม่เห็นเป็นเรื่องตลก

“ถ้าอยากทำงาน ไม่อยากอยู่กับบ้านก็ไม่ว่ากัน มาโตเกียวแล้วจะหางาน

จะทำงาน หรือทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องลังเลเลย”

“จะว่าลังเลก็...” หญิงสาวหยุดดื่มน้ำ

“ฉันอยากแต่งงานนะ พ่อแม่ฉันก็อยากอุ้มหลานด้วย” ชายหนุ่มค่อยๆ

จัดการกับอาหารตรงหน้า ทว่าก็ยังคงพูดต่อ

“ฉันขอเธอแต่งงานมาสามครั้งแล้วนะ ไม่อยากจะพูดอีกแล้ว ลองไปคิดดูเอง

แล้วกัน” เขาทั้งท้าย “...ว่าเธอพร้อมจะออกจากงานแล้วตามฉันมาโตเกียวหรือเปล่า”

อายะลงรถไฟรอบเกือบสุดท้ายที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งรถไฟใกล้หมด

คนยิ่งเยอะ เยอะกว่าช่วงเวลาเพิ่งเลิกงานเสียอีก โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์ที่คนทำงาน มักจะออกไปหาอะไรดื่มกินกันเช่นนี้

ความแตกต่างของอุณหภูมิภายในรถไพ่กับภายนอกขบวนรถกลางฤดูหนาว

ทำให้หญิงสาวหายใจออกมาเป็นไอ ลมแรงพัดผมดำขลับยาวสลวยไปข้างหลัง

ต้องกระชับเสื้อคลุมเข้าอีกนิด

หล่อนเดินกลับห้องพักที่อยู่ใกล้กับสถานีเล็กๆ นี้ทางเดินมีเพียงแสงไฟ

นีออนห่าง ๆ สองสามดวง แตกต่างจากเมืองแห่งแสงสีที่หล่อนเพิ่งจากมาเมื่อไม่

กี่ชั่วโมงที่แล้ว

...โตเกียว...

หญิงสาวเกือบเผลอเอ่ยชื่อนั้นออกมา

หล่อนเหม่อลอยเมื่อนึกถึงใบหน้าแพ่นหนุ่มที่เดินมาล่งขึ้นรถไฟชินคังเซ็น

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นึกถึงเรื่องที่เขายํ้านักยํ้าหนาให้หล่อนไปคิด

...ก็เหมือนทุก ๆ ครั้งนั่นแหละ

หญิงสาวถอนหายใจ เดินขึ้นบันไดเหล็กของห้องเช่าไปเงียบ ๆ ค่อย ๆ ไข กุญแจห้องเปิดออก

แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นแสงไพ่สว่างขึ้นทันทีที่ประตูห้องเปิด ก่อน

ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าผู้กดสวิตซ์ไฟเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่ดุ้นเคยดี

“กลับซะดึกเชียว แล้วทำไมไม่โทรเรียกให้ไปรับที่สถานี” เขาดุทั้งหัวยุ่ง

“ใครจะไปรู้ล่ะว่าเราจะมาหรือไม่มา” หญิงสาวเกียง

“ส่วนใหญ่ผมก็มาด้างวันศุกร์อยู่แล้ว” ชายหนุ่มบ่นอู้อี้ เลื่อนมือไปเปิดฮีตเตอร์

 

image1

8

 

 

ด้วยความหนาว

“พี่ออกจากโตเกียวกี่โมง” เขาถามพลางทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น

“ทุ่มเกือบครึ่ง” อายะถอดเสื้อโค้ตแขวน ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ น้องชายเพราะ

ยังไม่ง่วง

“เขามาส่งหรือเปล่า ?”

“ใคร ?”

“พี่ชินอิจิ” ชายหนุ่มทำท่าไม่อยากพูดถึงชื่อนั้นเท่าไร

หญิงสาวพยักหน้า

“ก็ต้องมาส่ง” ตอบเรียบ ๆ พลางยืดตัวบิดขี้เกียจ

“เรียว...” หล่อนเรียกน้องชายพลางถอนหายใจยาวรวบผมขึ้นผูกลวกๆ “ฉัน แปลกใช่ไหมที่ไม่แต่งงานสักที”

คนเป็นน้องเหล่มองด้วยหางตา “เขาพูดเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ?”

ชายหนุ่มพูดต่อโดยแทบไม่รอให้หญิงสาวพยักหน้า

“ก็ตอบไปสิว่ายังติดใจเรื่องเมื่อสองปีก่อนอยู่”

อายะมองหน้าน้องชายนั่ง ...เขาหมายถึงเรื่องที่หล่อนจับได้ว่าชินอิจินอกใจ

ไปมีคนอื่นเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นหล่อนท่าท่าจะเลิกคบกับชินอิจิอย่างจริงจัง

หากชายหนุ่มไม่มาก้มหัวขอโทษและสาบานว่าจะไม่ท่าเช่นนั้นอีก

“เรื่องมันก็นานมาแล้ว แล้วชินอีจิก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับผู้หญิงคนนั้นนี่”

หญิงสาวตอบ

“ก็แล้วพี่ไม่ติดใจแล้วหรือ ?”

อายะอึกอักเมื่อเจอคำถามนั้น ...หรือเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นยังติดใจหล่อน

อยู่ ท่าให้ไม่กล้าที่จะตอบรับคำขอแต่งงานของชินอีจิเสียที

“...ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว” ในที่สุดหล่อนก็ตอบเบา ๆ

“งั้น'ทำไมไม่แต่งกับเขาเสียล่ะ” ชายหนุ่มถามต่อด้วยน้ำเสียงประชด

หญิงสาวท่าท่าคิด

“ฉันไม่อยากไปอยู่โตเกียวนี่นา” หล่อนสรุป

“พี่ต้องตัดสินใจดี ๆ” คนอายุน้อยกว่ามองหน้า “จะออกจากงานแล้วแต่งงาน หรือท่างานที่นี่ต่อแล้วลืมเรื่องแต่งงานไปซะ”

 

 

 

อายะเงียบกริบ

“ใครจะไปรอพี่ได้นานอย่างนั้น นี่ก็แปดเก้าปีเข้าไปแล้ว ถ้าไม่คิดจะแต่งก็

เลิกไปซะตอนนี้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงไปบนฟูก ตวัดผ้าห่มขึ้นห่อตัว ทำท่าจะกลับไป

นอนต่อ

“เลิก?” อายะร้อง “ทำไมต้องเลิกด้วย คบกันแบบนี้ไม่เห็นเป็นอะไร

ตรงไหน ?”

“ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนที่ไม่เป็นอะไรคือพี่คนเดียว ถ้าสองคนคิดตรงกัน จะ

คบกันไปอย่างนี้ก็ไม่แปลกหรอก”

“แตกไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเลิก” หญิงสาวด้านเสียงแข็ง

“เลิกกันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ?” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ

“ถ้าจะมีเหตุผลให้ต้องเลิกกันขึ้นมา ก็คงมาจากพี่ชินอิจิมากกว่า ...พี่จะรอ เหตุผลนั้นเหรอ ?”

หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจที่น้องชายชอบประชดแฟนหนุ่มของ หล่อนอยู่เรื่อย

“ถ้าฉันตอบตกลงแต่งงาน ชินอิจิก็ต้องริบจัดการอยู่แล้ว” หล่อนเชิดหน้า

พูดด้วยความมั่นใจ

“นี่เพราะฉันยังไม่มั่นใจที่จะตามเขาไปอยู่โตเกียวเท่านั้นเอง ...ถ้าออกจาก

งานนี้ไปแล้วจะหางานที่โตเกียวได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วชินอิจิจะเลี้ยงฉันได้หรือเปล่า

ก็ไม่รู้”

“ก็อ้างไปเรื่อย” ชายหนุ่ม,พลิกตัวกลับมา “รู้กันอยู่ว่าพี่ชินอิจิเป็นนักข่าวบันเทิง คนดังชองไอเอชเทเรบิ จะไม่มีปัญญาเลี้ยงพี่ได้ยังไง”

“เธอคิดว่าฉันควรจะตอบตกลงแต่งงานเสียทีใช่ไหม”

“ไม่ได้บอกอย่างนั้นซะหน่อย” ชายหนุ่มล่ายหน้า

“แค่บอกว่าถ้าพี่ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานในขณะที่พี่ชินอิจิคิดเรื่องแต่งงาน

คนเดียวแบบนี้ก็น่าจะเลิกกับเขาไปดีกว่า”

อายะนิ่งอึ้ง ...ก็อย่างว่า แปดเถ้าปีแล้วนี่นะ มันนานไปจริงๆ มั้ง...

หญิงสาวนึกย้อนถึงค่าพูดของแฟนหนุ่มไปมา รู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงกรน

เบา ๆ ของน้องชาย หล่อนมองกีตาร์ของชายหนุ่มที่วางพาดไว้กับตู้เสื้อผ้า เขาคง

เหนื่อยจากการทำงานพิเศษที่ไลฟ์เฮาส์แถวนี้เพื่อหาเงินทุนใช้ในการตามหาความฝัน

ไม่แน่...หากว่าหล่อนแต่งงานกับชินอิจิแล้ว อาจจะมีโอกาสได้รู้จักกับคน

ในวงการบันเทิง สักวันความฝืนของเรียวที่จะได้ร้องเพลงออกชิงเกิลอาจเป็นจริง

ขึ้นมาก็ได้...

แต่คนอย่างเรียว...คงไม่ดีใจที่เป็นอย่างนั้น...

น้องชายของหล่อนเป็นคนหัวดื้อและไม่ค่อยชอบชินอิจินัก เพราะเขาชอบ

ต่อว่าว่าเรียวไม่รู้จักทำการทำงานให้เป็นหลักเป็นแหล่ง มัวแต่เล่นดนตรีตามหา

ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ

พูดง่าย ๆ น้องชายของหล่อนไม่มีอาชีพการงานที่มั่นคง มีเพียงรายได้จาก

การร้องเพลงตามคลับเฮาส์สองสามแห่ง เป็นเรื่องที่ไม่น่าปลื้มนักสำหรับคนที่อายุ

อานามย่างเข้ายี่สิบห้า ...ใครๆ ก็บอกว่าเขาอายุมากเกินกว่าที่จะตามหาความฝืน

มีหล่อนคนเดียวที่ไม่คัดด้านตอนที่น้องชายลาออกจากการเป็นโปรแกรมเมอร์ ของบริษัทใหญ่เมื่อปลายปีก่อน เหตุการณ์นั้นทำให้พ่อกับแม่ลั่นวาจาว่าจะไม่สนใจ และไม่สนับสนุนอะไรเขาอีก เป็นเหตุให้เขาออกมาใช้ชีวิตตามลำพังในห้องเช่าแคบ ๆ

ที่ห่างจากห้องพักของหล่อนไปสองสามสถานีรถไฟ วันหยุดสุดสัปดาห์เรียวมักจะ

ขี่จักรยานมาขอด้างและกินข้าวกับหล่อนเช่นนี้...

อายะพอจะเข้าใจจิตใจพ่อแม่อยู่บ้าง ทั้งสองอุตส่าห์เก็บเงินส่งเสียลูกชาย

ให้เรียนเขียนโปรแกรมในโรงเรียนวิชาชีพชื่อดัง ในขณะที่หล่อนได้เรียนเพียง มหาวิทยาลัยเอกชนเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร เพราะว่าน้องชายของหล่อนหัวดี

จึงเป็นที่คาดหวังของคนในครอบครัว ชายหนุ่มสอบเข้าได้ด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยม

ได้คะแนนดีทุกวิชาทั้งที่ทำกิจกรรมหลายอย่าง ได้รับคำชมจากครูบาอาจารย์บ่อย ๆ

เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ของบริษัทเกมชื่อดังที่ไม่มีใคร

ในประเทศนี้ไม่รู้จัก

แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขากลับออกมาประกาศอิสรภาพว่าได้ทำตามที่พ่อแม่ ต้องการทุกอย่างแล้ว ต่อไปนี้จะทำอย่างที่ตัวเองต้องการบ้าง

...ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่าเขาเป็นเด็กอัจฉริยะ ไม่นึกว่าเขาจะทำแบบนี้

หญิงสาวมองชายหนุ่มพลิกตัว เสียงกรนเบาๆ หายไปแล้ว เหลือเพียง

เสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

 

ถึงเรียวจะหัวดื้อ แตกเป็นน้องชายที่น่ารักสำหรับหล่อนเสมอ

อายะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ถึงหน้าอกของเขา เดินไปปิดไฟและก้าวข้ามร่าง

น้องชายขึ้นไปนอนบนเตียง

“ตัดสินใจดีแล้วหรืออายะจัง”

ชายวัยกลางคนในชุดสูทลายทางสีเทาเข้มทำท่าหนักใจพลางจ้องมองซอง

สีชาวบนโต๊ะ

หญิงสาวรวบมือสองข้างไว้ตรงหน้าอย่างสุภาพ เม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้า แทนคำตอบ หล่อนใช้เวลาช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาคิดทบทวนจนดีแล้ว

“คุณคิรีฮาระ” เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกหล่อนเสียใหม่เพื่อให้ดูจริงจังกว่า ชื่อเล่นที่เรียกกันทั่วไปในบริษัทเล็กๆ นี้

“บอกผมไดโหมว่าทำไมถึงจะออกจากงาน ...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“ฉันจะแต่งงานค่ะ”

คำตอบอย่างเด็ดเดี่ยวทำให้ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณตัดสินใจได้แล้วเหรอว่าจะไปโตเกียว...”

“ค่ะ”

อายะตอบอย่างชัดเจนแม้จะไม่กล้ามองหน้าเจ้านายที่สนิทนับถือกันเหมือน คนในครอบครัว เขาได้ฟังเรื่องชองหล่อนมานาน รู้เรื่องทุกอย่างดี

...จะลังเลอะไรอีก หล่อนบอกยกเลิกสัญญาเช่าห้องไว้แล้ว เหลือแต่เพียง

โทรไปบอกชินอีจิเท่านั้น พอครบกำหนดสิ้นเดือนนี้ หล่อนก็จะได้ย้ายไปอยู่กับเขา

อย่างที่เขาเฝ้าถามมานมนาน

ยังนึกไม่ออกว่าชินอีจิจะทำหน้าประหลาดใจแค่ไหน เขาต้องหัวเราะเสียง

ขึ้นจมูกอีกเหมือนที่ชอบทำทุกครั้งเวลามีเรื่องตื่นเต้น

“ผมเข้าใจแล้ว” ชายวัยกลางคนถอนหายใจเบา ๆ ยอมตัดใจอย่างช่วยไม่ได้

อายะไม่กล่าวอะไรต่อ ได้แต่โค้งศีรษะให้เขาด้วยความเคารพเท่าที่หล่อนจะ

ทำได้

หญิงสาวกสับมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยความอึดอัดทำมกลางสายตาชอง

เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ทำทำอยากจะเข้ามาถามอะไรสักอย่าง หล่อนพยายาม

 

          (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

 

รายละเอียด

เมื่อรักที่บ่มเพาะเอาไว้ร่วมเก้าปีกับนักข่าวบันเทิงหนุ่มสุดหล่อ ต้องมาพังครืนเพราะมือที่สามซึ่งเป็นถึงนักร้องสาวไอดอลคนดัง "คิริฮาระ อายะ" พนักงานธุรการสาวผู้ซึ่งมีความรู้สึกช้าขั้นเทพ จึงตัดสินใจทิ้งชีวิตเรียบเรื่อยในเมืองเล็ก มุ่งหน้าเข้าโตเกียวเพื่อแย่งของรักของหวงของเธอคืน ยุทธการบุกถ้ำเสือจึงได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อหญิงสาวแอบเข้ามาสมัครงานในบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนักร้องสาวผู้เป็นศัตรูหัวใจ แม้เป้าหมายของเธอจะเป็นถึงเบอร์หนึ่งของค่าย แถมยังเป็นน้องสาวสุดรักสุดหวงของประธานบริษัทหนุ่ม แต่ใครจะรู้ "โตเกียว" เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี กลับมีมนตร์ขลังมากกว่ากว่าที่คิด บนเส้นทางการทวงคืนรักเก่านั้นเอง ที่รักครั้งใหม่กลับก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามต่อได้ใน "ที่โตเกียวมีรัก" เล่มนี้นี่เอง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024