ดอกรักบานในหัวใจ + ใครบอกว่าไม่รัก (สุชีรา)
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
ดอกรักบานในหัวใจ
เขาแอบรักหล่อนแต่ไม่กล้าบอกรักจึงได้แต่คอยตามห่วงใยจนหล่อนรำคาญและไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ เขาจึงจำเป็นต้องกล้าบอกรักหล่อนไม่อย่างนั้นเขาต้องพลาดรักจากหล่อนอย่างแน่นอน…
ด้วยรัก
สุชีรา
1…
“เฮ้ย ไอ้ณนต์ ฉันถามแกจริงๆเถอะวะ แกไปห่วงอะไรยัยภิศนักหนา มันไม่เป็นอะไรหรอก มันเอาตัวรอดได้ มันเรียนด้านมัคคุเทศก์มาโดยตรงแกไม่รู้รึไง”
ดนูเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดเพราะเขาถูกปราณนต์สั่งให้ขับรถตามรถตู้นักท่องเที่ยวที่นภิศเป็นไกด์นำทาง ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักที่เขาจ้างมาเป็นไกด์อีกคนแล้วยิ้ม
“รู้ แต่กลัวเธอจะทำไม่ได้แกก็ช่วยดูๆให้หน่อย วันนี้ว่างทั้งวันไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ ว่างแต่อยากไปหาแฟนโว้ย ฉันไม่ตามยัยภิศแล้วเบื่อ มันฝากบอกแกนะว่าถ้าเป็นห่วงนักก็ตามไปเองไม่ต้องให้คนอื่นตาม เข้าใจ๋”
ดนูพูดแล้วตบโต๊ะเพื่อนสองสามครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของเพื่อนไป ปราณนต์มองตามแล้วยิ้มเมื่อคิดถึงหญิงสาว นภิศเพิ่งเข้ามาทำงานกับเขาได้เพียงสามเดือนแต่เขามีความรู้สึกว่าหล่อนอยู่กับเขานานเป็นปีและเป็นห่วงหล่อนทุกครั้งที่นำลูกทัวร์ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
เขาอยากไปกับหล่อนแต่เขาต้องทำหน้าที่ดูแลรีสอร์ทเล็กๆ ติดกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยมวกเหล็ก เขานำลูกทัวร์ไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยนักเพราะงานที่รีสอร์ทก็มากพอควร
“คุณณนต์คะ แขกวีไอพีจากบริษัททางกรุงเทพฯส่งมาค่ะ สิบคนค่ะ”
เสียงเวณิกาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขาดังมาจากประตูและร่างสมส่วนของหล่อนก็ก้าวเข้ามา เขาพยักหน้ารับฟังคำรายงานของหล่อนแล้วลุกขึ้นยืน
“เด็กหาน้ำเสิร์ฟหรือยัง”
“เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้คุณค่ะ”
ปราณนต์ก้าวนำเวณิกาออกไปที่โถงสำหรับรับแขกไม่ว่าลูกค้าธรรมดา ลูกค้าจรหรือลูกค้าวีไอพีเขาต้อนรับที่ห้องนี้ทุกคน
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”
“สวัสดีครับ คุณปราณนต์ใช่มั้ยครับ ผมอนุรักษ์ครับบริษัทสยามชาให้ผมพาคณะกรรมการบริษัทมาเที่ยวที่นี่ คุณปราณนต์ทราบแล้วใช่มั้ยครับ”
“ครับผม ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ เชิญเข้าห้องพักได้เลยครับ ส่วนอาหารเราจะจัดแบบบุพเฟ่ ต้องการทานอะไรเลือกได้เลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
อนุรักษ์มองหน้าปราณนต์แล้วหันมามองเวณิกาพร้อมกับยิ้มให้หล่อน หล่อนยิ้มตอบแล้วรีบหลบสายตาวาววามของเขา รู้สึกร้อนที่แก้มอย่างไรชอบกล
ปราณนต์มองแล้วยิ้มบางที่มุมปาก เวณิกาสวยน่ารักจึงมีแขกที่มาพักขายขนมจีบหล่อนมากทีเดียวแต่หล่อนไม่สนใจใครสักคนอาจเพราะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้แต่ระยะหลังมานี้ปราณนต์รู้ว่าหล่อนเลิกกับคนรักแล้ว หล่อนซึมอยู่เป็นเดือนกว่าจะยิ้มแย้มได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะนภิศพูดให้เข้าใจถึงความรักที่แท้จริงว่าควรจะเป็นอย่างไร
เด็กเข็นกระเป๋าแขกพิเศษไปส่งตามห้องที่พวกเขาได้พัก อนุรักษ์เดินคู่มากับปราณนต์ เขายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาเพราะชอบบรรยากาศเช่นนี้และที่มากไปกว่านั้นเขาชอบประชาสัมพันธ์คนสวยที่เพิ่งรู้จักและเห็นหน้าหล่อนไม่ถึงชั่วโมงนี้ด้วย
เวณิกาเดินตามสองหนุ่มมาถึงหน้าห้องพักหล่อนยืนรอให้อนุรักษ์ก้าวเข้าไปในห้องแล้วจึงเดินกลับไปทำหน้าที่ของหล่อนต่อ
“คุณณนต์ครับ ประชาสัมพันธ์ของคุณชื่ออะไรครับผมอยากรู้จัก”
อนุรักษ์ไม่รีรอที่จะถามปราณนต์เพราะเขาไม่มีเวลามากนักและเข้าใจว่าหญิงสาวที่เดินตามมาส่งเขาถึงหน้าห้องพักก็คงไม่มีเวลาเช่นกัน ปราณนต์ยิ้มแล้วว่า
“คุณอนุรักษ์อยากรู้จักจริงๆเหรอ”
“ครับ เรียกผมนุก็ได้ครับ ผมอยากรู้จักไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันผมชอบเธอ”
“เปิดเผยดีนะครับ ว่าแต่คุณจริงใจกับคำว่าชอบมากแค่ไหน”
“เท่าที่บอกได้ตอนนี้คือมากๆเลยครับ คุณณนต์พอจะเข้าใจผมมั้ยครับ”
ปราณนต์ยิ้มอีก เขารู้ว่าอนุรักษ์ชอบเวณิกาเพียงแค่มองตามสายตาเท่านั้นก็เข้าใจ
“ถ้าคุณนุอยากรู้จักจริงๆ ก็ไปที่ห้องทำงานของเธอสิครับ ไปแนะนำตัวเองหรือไม่ก็รอตอนค่ำ ผมจะแนะนำให้เอง”
“ขอบคุณครับ ผมรอตอนค่ำดีกว่าเพราะไปตอนนี้เธอไม่ว่างคุยกับผมหรอกแขกต่างประเทศมาอีกคันรถอย่างนั้น”
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อมองออกไปนอกห้องพักซึ่งหน้าต่างเป็นกระจกใสสามารถมองทะลุออกไปเห็นบรรยากาศภายนอกได้แจ่มชัด เขาหลงเสน่ห์รีสอร์ทแห่งนี้เสียแล้วสิ
เวณิการู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักมีสายตาของอนุรักษ์มองตามทุกขณะ หล่อนจึงหลบนักท่องเที่ยวของบริษัทสยามชาไปอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง กระนั้นอนุรักษ์ก็ไม่วายที่จะเดินตามหล่อน
“คุณจะเดินตามฉันทำไมคะมีอะไรจะให้ช่วยก็บอกมาสิคะ”
“ผมอยากคุยกับคุณ”
เขาพูดตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม หล่อนหันมามองหน้าเขาพร้อมเลิกคิ้วสูง เขาพยักหน้ายืนยันคำพูดที่พูดเมื่อครู่ หล่อนถอนหายใจเฮือก
“อยากคุยก็คุยสิคะไม่ต้องเดินตามแบบนี้หรอกค่ะ”
“ก็คุณไม่หยุดเดินนี่ครับผมจะคุยได้ยังไงล่ะ”
“ก็ฉันต้องทำงานไม่เห็นหรือไงคะ”
“หมดเวลาทำงานตั้งนานแล้ว ตอนนี้คุณเป็นแขกรับเชิญของผมนะครับคุณเวณิกา”
หล่อนหันมาจ้องหน้าเขา ใช่สิ ปราณนต์กับหล่อนถูกเชิญให้มาทานอาหารกับกลุ่มของอนุรักษ์และถ้าหากหล่อนเดาไม่ผิดเขานั่นแหละที่ตั้งใจเชิญหล่อน
“คุณมีอะไรจะคุยก็รีบๆคุยสิคะฉันเหนื่อยอยากพักผ่อน”
หล่อนเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกในห้องโถง แขกทุกคนแยกย้ายกันเดินชมสวนหลังห้องพัก บางคนก็ยังคุยกันอยู่ตามมุมต่างๆที่จัดไว้ให้ ปราณนต์ขอตัวกลับเข้าห้องพักนานแล้ว
“คุณทำงานที่นี่นานหรือยังครับ”
“นานแล้วค่ะ ประมาณสองปีมั้ง”
หล่อนตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจนัก เขายิ้มแล้วถามต่อ
“คุณมีแฟนหรือยัง”
คำถามนี้ทำให้หญิงสาวหันมาจ้องหน้าคนถามตรงๆ หล่อนขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว เขาจะมาไม้ไหนกับหล่อนกันแน่
“ถามทำไม”
หล่อนตอบห้วนอย่างตั้งใจ เขายิ้มแล้วว่า
“ผมอยากรู้ มีหรือยังครับ”
เขาไม่ยอมเปลี่ยนคำถามผ่านไปหากไม่ได้คำตอบจากหล่อนและต้องเป็นคำตอบที่เป็นความจริงด้วย
“มีแล้ว ตอนนี้เลิกไปแล้ว เพราะผู้ชายพวกนี้งี่เง่าสมองตายด้านไม่มีคำว่ารักแท้ในหัวใจมีแต่หลอกให้ผู้หญิงหลงไปเรื่อยๆ”
อนุรักษ์มองหน้าหล่อนนิ่ง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหล่อนจึงไม่อยากคุยกับเขาและเดินหนีเขาตลอด หล่อนอกหักนี่เอง
“คุณเวณิกาครับ”
“เรียก ณิคำเดียวก็พอ”
หล่อนพูดแล้วเมินหน้าหนี เขายิ้มรื่นหล่อนให้ความเป็นกันเองกับเขามากขึ้นแล้วสิ อย่างนี้พอจะมีทางพูดคุยกับหล่อนได้ต่อ
“ครับคุณณิ ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคน คุณลองมองคนรอบๆข้างคุณสิครับ อย่างคุณณนต์ ผมรู้จักคุณณนต์ไม่เป็นทางการมาหลายเดือนรู้ประวัติเขาจากเจ้านายผมว่าเขาเป็นคนทำงานจริงๆและยังไม่มีใครในหัวใจ คนแบบนี้ยังมีมากนะครับ ส่วนผม ผมบอกคุณตรงๆเลยว่าผมเคยอกหักเพราะทำแต่งาน มารู้ตัวอีกทีแฟนก็คบคนใหม่ไปแล้ว พอผมพบคุณผมถูกชะตามากถึงขอให้คุณณนต์ช่วยนี่ไงครับ”
“อ้อ.จะจีบฉันอย่างนั้นสิ”
“ครับ ถ้าคุณให้ผมจีบนะ”
เขาหัวเราะรื่นเมื่อพูดจบ หล่อนจ้องหน้าเขาเขม็ง เขาหยุดหัวเราะเกือบจะทันทีทันใด
“พูดตรงดีนะคะ ได้ค่ะถ้าคิดจะจีบแล้วก็คิดว่าจะทนฉันได้ ขอตัวนะคะอยากพักผ่อน”
หล่อนลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อๆ เขามองตามพร้อมรอยยิ้มยินดีอย่างที่ไม่เคยมีเช่นนี้มาก่อน คืนนั้นเขาหลับไปด้วยความสุข
ปราณนต์นั่งมองโทรศัพท์มือถือครู่หนึ่งจึงหยิบขึ้นมากดหาชื่อที่ต้องการ เสียงเรียกดังครู่หนึ่งจึงมีคนรับที่ปลายสาย
“สวัสดีค่ะ มีอะไรเหรอคุณณนต์”
นภิศถามเสียงเรียบ หล่อนรับสายของเขาเกือบทั้งวันที่พาลูกทัวร์ไปเที่ยว และกลับมาถึงบ้านพักก็ยังต้องรับสายของเขาอีก หล่อนรู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่ทำไมต้องเป็นห่วงมากเพียงนี้หล่อนไม่เข้าใจ
“เปล่าครับ คุณยังไม่นอนใช่มั้ย”
“ถ้านอนแล้วจะคุยกับคุณอย่างนี้เหรอคะ”
หล่อนตอบยียวนเขาใบหน้าสวยพลอยบึ้งตึงไปด้วย เขาหัวเราะหึๆ
“กวนเป็นเหมือนกันนี่ไกด์คนเก่ง พรุ่งนี้เข้ามาแต่เช้าก็ดีนะครับ มีลูกทัวร์ต้องการให้พาไปเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ แค่นี้ใช่มั้ยคะ ฉันจะนอนแล้วค่ะ”
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปกับคุณด้วย”
“ไปทำไมคะ ไม่ไว้ใจฉันรึไง”
“ไว้ใจสิครับ แต่ทิปนี้เพื่อนๆ ผมฝากมา”
“เข้าใจค่ะ พรุ่งนี้จะไปแต่ไก่โห่ สวัสดีค่ะ”
หล่อนตัดสัญญาณทันทีที่พูดจบแล้วปิดไฟก้าวขึ้นเตียงนอนหลับไปในไม่ช้าผิดกับอีกคนที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ เขาชอบหล่อนคิดถึงหล่อนและเป็นห่วงหล่อนอย่างที่สุด
“คุณรู้รึเปล่านภิศว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน ผมไม่อยากให้คุณอยู่ห่างสายตาผมเลยสักวัน”
เขาพูดกับตัวเองแล้วเข้านอน ตอนเช้าเขานัดอนุรักษ์แต่เช้าและ นภิศก็มาแต่เช้าอย่างที่หล่อนบอก หล่อนดูสดใสจนแขกหลายคนหันมาสนใจไกด์สาวสวยคนนี้ อนุรักษ์ยิ้มรับหญิงสาวแต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจมากไปกว่าไกด์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ปราณนต์แอบถอนหายใจโล่งอกแต่แขกคนอื่นๆที่กำลังจะกลายเป็นลูกทัวร์ของนภิศนี่สิที่ทำให้เขาเริ่มอึดอัด
“คุณนภิศทำงานเป็นไกด์นานแล้วหรือครับไม่คิดจะเปลี่ยนงานบ้างเหรอครับ ที่บริษัทมีตำแหน่งเลขาฯว่างอยู่นะครับถ้าคุณสนใจติดต่อผมได้เลยนะครับ นี่ครับนามบัตรผม”
ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มของอนุรักษ์รีบเสนองานและชื่อของตัวเองให้กับหญิงสาว อนุรักษ์มองแล้วยิ้มน้อยๆ ปราณนต์นั้นหน้าบึ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดนูเข้ามาสังเกตการณ์และเข้าใจเจ้านายดีว่ารู้สึกเช่นไรเขาถอนหายใจหนักๆ
“ไอ้นายณนต์ ถ้าแกคิดจะจีบยัยภิศก็รีบๆนะโว้ยเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน หมอนั่นเสนอตัวออกหน้าออกตาแล้วนะเพื่อน”
ดนูเลิกคิ้วหลังจากกระซิบกับเพื่อนตรงๆ ปราณนต์ยิ้มแล้วเดินไปที่รถตู้ ดนูมองตามแล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง
******