คู่รักคู่ร้าย + เขาวานให้หนูเป็นคู่หมั้น (สุชีรา)
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
คู่รักคู่ร้าย
เขากับหล่อนแทบจะหาความเป็นมิตรกันไม่ได้แต่พอเขา
เจ็บป่วยหล่อนกลับห่วงใยก้าวเข้ามาวุ่นวาย แถมบังคับเขาให้
กินยาจนเขาต้องยอมแพ้หล่อน ความร้ายของหล่อนจะเปลี่ยน
เป็นความรักได้หรือไม่ลองติดตามดูสิคะ…
ด้วยรัก
สุชีรา
1…
“โอ้ย ใครมาแหกปากอยู่แถวนี้วะคนจะนอนโว้ย ไปขอส่วนบุญที่อื่นไป๊”
เสียงที่ร้องตะโกนออกมาจากห้องนอนชั้นบนของบ้านดังไม่เบาทีเดียวทำให้เสียงเพลงกับเสียงกีต้าร์หยุดชะงักลงทันทีทันใด
“เสียงใครวะกาจแล้วมาอยู่ในห้องปีกขวานี่ได้ยังไงวะ”
หญิงสาวนามไลลากอดกีต้าร์ไว้แล้วถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งร้องเพลงคลอเสียงกีต้าร์ด้วยกัน
“พี่อุก”
กาจพลตอบขณะเงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องที่ไลลาพูดถึง
“พี่อุก ชื่อพี่อุกเหรอวะชื่อตลกชะมัด”
ไลลาหัวเราะร่วนเมื่อย้ำชื่อคนที่กาจพลเอ่ยถึง
“อย่าหัวเราะดังไป เดี๋ยวแกได้ยินจะถูกด่ามาอีกหรอก”
“ทำไมต้องด่าวะ ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่หว่า อีกอย่างคนอย่างไลลาไม่กลัวใครอยู่แล้วโว้ย ร้องเพลงต่อกันดีกว่า”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เล่นกีต้าร์และร้องเพลงดังกว่าเก่า กาจพลไม่กล้าแม้แต่ขยับปากเพราะเขารู้จักอุกกฤษณ์หรืออุกดีว่าถ้าโมโหแล้วเป็นอย่างไร
“ร้องสิวะกาจ กลัวอะไรเล่า” ไลลาเร่งกาจพลที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบ
“ผมไม่ร้องได้มั้ยพี่”
“กลัวนายอุกอาดรึไงวะ”
“เขาไม่ได้ชื่ออุกอาด เขาชื่ออุกกฤษณ์ชื่อเล่นว่าอุก”
กาจพลหนาวๆ ร้อนๆ กับคำวิจารณ์ของไลลาถึงเขาจะรู้จักไลลาแค่ไม่ถึงปีแต่ก็พอจะรู้นิสัยของหญิงสาวดีว่ากล้าและเก่งแค่ไหน ไลลาเป็นเลขาฯส่วนตัวของอุษณีซึ่งเป็นมารดาของอุกกฤษณ์หล่อนเรียนจบด้านเลขาฯมาโดยเฉพาะและสมัครงานทันทีที่เรียนจบ ด้วยความฉลาดและทันคนทำให้อุษณีเลือกไลลามาเป็นเลขาฯส่วนตัวและให้เข้ามาพักที่บ้านแทนการไปเช่าหออยู่
ไลลาเป็นเด็กต่างจังหวัดรักเรียนรักงานดังนั้นพอได้งานทำหล่อนจึงทุ่มกับงานเต็มที่เจ้านายอย่างอุษณีชื่นชมและรักหล่อนดั่งลูกหลานคนหนึ่ง
“จะชื่ออะไรก็ช่างพี่ไม่สน พี่สนแต่ว่าหมอนี่เป็นใครแล้วเข้าไปนอนในห้องนั้นได้ยังไง”
กาจพลยิ้มแล้วตอบเสียงเนิบว่า
“พี่อุก เป็นลูกชายคนเดียวของน้าณี เพิ่งกลับจากต่างประเทศเมื่อคืนนี้”
“หา..ลูกชายน้าณี กลับมาเมื่อคืน แล้วทำไมพี่ไม่รู้ ไม่เห็นมีใครบอก”
ไลลาตกใจเล็กน้อยและเริ่มคิดว่าตัวเองซื่อบื้ออยู่คนเดียวในบ้าน
“จะบอกได้ยังไงล่ะครับก็คุณหญิงกลับเข้าบ้านตั้งเที่ยงคืนคนอื่นเขาก็ง่วงเป็นนะครับใครจะรอบอกล่ะฮะ”
“นี่ๆ ไม่ต้องมาพูดประชดพี่เลยนะกาจ ที่พี่กลับดึกเพราะไปงานเลี้ยงแทนน้าณี แกก็รู้นี่นา”
“ครับผมรู้ ผมถึงไม่อยากกวนพี่ไงล่ะไปงานมาเหนื่อยๆแถมง่วงอีกเลยไม่ได้บอก”
“แล้วเมื่อเช้าทำไมไม่เสือกบอก”
“ลืม”
กาจพลตอบแล้วยิ้มแหยๆ ไลลาเงื้อมะเหงกแต่ก็ไม่ได้เขกลงที่ศีรษะหนุ่มน้อยหล่อนวางมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องข้างบนซึ่งอยู่เยื้องจากต้นมะม่วงที่หล่อนกับกาจพลนั่งร้องเพลงอยู่ใต้ต้นของมัน
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เอาเถอะลืมบอกก็ไม่เป็นไรตอนนี้ช่วยพี่แหกปากร้องเพลงหน่อยพี่จะให้พี่อุกอาดของแกลุกขึ้นมาด่าอีกสักรอบสนุกดีว่ะ”
“เออๆ สนุกไปคนเดียวเถอะผมไม่เอาด้วยหรอกไปหาป้าช้วนหาขนมกินดีกว่า”
“ไม่ง้อก็ได้แต่เอาขนมมาเผื่อพี่ด้วยละกัน”
หญิงสาวยิ้มแล้วร้องเพลงชนิดที่ตะโกนลั่นสวนหลังบ้านเป็นเหตุให้คนที่หลับต่อต้องสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มดึงหมอนขึ้นมาปิดหูแต่เสียงที่แผดลั่นก็ยังคงดังเข้ามารบกวน
“ไอ้เด็กเปรตที่ไหนวะแหกปากอยู่ได้ บอกให้ไปร้องที่อื่นไม่ได้ยินรึไง”
เมื่อทนไม่ได้อุกกฤษณ์จึงลุกจากเตียงเดินไปที่หน้าต่างที่เปิดไว้ดันมันให้เปิดกว้างกว่าเดิมแล้วตะโกนด่าลงไปอย่างไม่เกรงใจ เขาเข้าใจว่าคนที่ร้องเพลงต้องเป็นเด็กรับใช้ในบ้านอย่างแน่นอนแต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
“ได้ยินโว้ยแต่ไม่ไปมีอะไรมั้ยไอ้ผู้ใหญ่กระหัง”
เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีใครกล้าตอบโต้เขาเช่นนี้แล้วนี้อะไรกันเด็กในบ้านกล้าด่าเจ้านายกลับเช่นนั้นหรือ อุกกฤษณ์กัดกรามแน่นผละจากหน้าต่างตรงไปที่ประตูกระจกเปิดออกไปยืนที่ระเบียงแล้วชะโงกหน้าลงไปที่ใต้ต้นมะม่วง
“แกเป็นใครถึงกล้าด่าฉัน ลูกป้าช้วนหรือลูกน้าอิ่มบอกมาซะดีๆไม่งั้นฉันลงไปเตะแกเดี๋ยวนี้”
“ลูกพ่อลูกแม่ฉันน่ะสิถ้าเก่งจริงก็รีบลงมาเตะสิอย่าดีแต่พูด”
“นี่แก..แกท้าฉันเรอะไอ้เด็กปากร้าย”
“ก็พอๆ กับผู้ใหญ่ปากจัดนั่นแหละ”
เถียงไม่มีลดละทำให้ชายหนุ่มนึกอยากเห็นหน้าเด็กเปรตที่เขาว่านั่นขึ้นมาทันที เขาเดินกลับเข้าห้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นแล้วออกจากห้องตรงไปยังสวนหลังบ้านและภาพที่ปรากฏแก่สายตาทำให้อารมณ์ขุ่นมัวคลายลง
ภาพหญิงสาวผมสั้นนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ใต้ต้นมะม่วงไม่สนใจกับใครแม้แต่เขาซึ่งก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหล่อน
“เธอเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไงและอวดดียังไงถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับฉัน”
“ก็คุณว่าฉันทำไมล่ะ” หล่อนเงยหน้าเถียงอย่างไม่เกรง
“แล้วเธอมาร้องเพลงก่อกวนฉันทำไม ฉันกำลังนอนไม่รู้รึไง”
“ไม่ทราบนี่ว่าคุณจะนอนถึงบ่ายโมงอย่างนี้”
“จะนอนกี่โมงก็เรื่องของฉัน”
“ถ้างั้นฉันจะร้องเพลงก็เรื่องของฉันเหมือนกัน”
“นี่เธอ..”
ชายหนุ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมลดลาวาศอกให้กับเขา เขาต้องรู้ให้ได้ว่าหล่อนเป็นใครและเข้ามาทำอวดดีในบ้านของเขาได้อย่างไร
“ทำไมคะ มีอะไรจะว่าก็ว่ามาสิ”
“ฉันไม่มีอะไรจะว่าแต่ฉันต้องการรู้ว่าเธอคือใคร”
เขาดึงกีต้าร์ออกจากมือหล่อนอย่างถือวิสาสะดวงตาจ้องเขม็งที่ใบหน้าหล่อนไม่กะพริบ
“คุณทำเกินไปแล้วนะเอากีต้าร์ฉันมา”
“ไม่ให้ เธอตอบฉันมาว่าเธอเป็นใคร”
“ไม่ตอบและก็ไม่บอกอะไรทั้งนั้นเอากีต้าร์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”
หล่อนเข้าแย่งกีต้าร์จากเขา อุกกฤษณ์ยกมือกันหล่อนไว้มือหนึ่งแล้วถอยหลังหนีแต่ไลลาไม่ยอมหล่อนโผเข้าแย่งอย่างไม่ลดละ
“นั่นอะไรกันคะคุณอุก คุณไล”
เสียงป้าช้วนดังขึ้นไลลาจึงหยุดยื้อแย่งแล้วหันมามอง
“คุณอุกของป้าน่ะสิแย่งกีต้าร์ฉัน”
“ใครแย่ง เธอต่างหากที่แย่งฉัน และไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ป้าช้วนไปตามนายกาจมาพบฉันเดี๋ยวนี้”
อุกกฤษณ์หันมาสั่งป้าช้วนเสียงเข้ม ป้ารีบทำตามคำของเจ้านายอย่างเร่งด่วนไม่ถึงห้านาทีกาจพลก็เดินยิ้มเข้ามา
“พี่อุกตื่นแล้วเหรอฮะ”
“เออ มานี่มายืนใกล้ๆฉันนี่แล้วบอกมาว่ายายบ๊องนี่เป็นใครเข้ามาอยู่ในบ้านได้ยังไงบอกให้หมดนะถ้าไม่อยากถูกเตะ”
“ป่าเถื่อนคำก็เตะสองคำก็เตะ เข้าไปอยู่ในป่าดงดิบมารึไง”
ไลลาแทรกขึ้นแล้วเบ้ปากใส่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงหน้า
“หุบปาก” เขาตะคอกใส่หน้าหล่อนแล้วหันมาที่กาจพล
“พูดไปกาจ รีบพูดเร็วๆ ด้วยถ้าไม่อยาก..”
“ถูกเตะ”
ไลลาอีกเช่นเคยที่สอดขึ้นมาและไม่วายที่จะเบ้ปากแล้วยักไหล่กวนๆใส่อุกกฤษณ์ ชายหนุ่มมองด้วยหางตาแล้วหันมาที่กาจพล
“ว่าไงกาจ แกจะพูดดีๆหรือว่าจะต้องให้เจ็บตัวก่อน”
เขายกมือขึ้นทำท่าจะเขกศีรษะกาจพล เด็กหนุ่มจึงร้องเสียงหลง
“โอ้ย พูดแล้วครับพูดแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรแกเลยแหกปากร้องไปได้”
“ก็พี่เล่นเงื้อมะเหงกนี่ผมก็ต้องร้องเอาไว้ก่อน”
“เอาล่ะว่ามาได้แล้วไม่ต้องเรื่องมาก”
“กาจไม่ต้องพูดเอากีต้าร์ไปเก็บเดี๋ยวพี่รายงานตัวกับคุณท่านเจ้าคุณเอง”
ไลลายกมือขึ้นห้ามแล้วพยักหน้าไปที่กีต้าร์ในมืออุกกฤษณ์
“กาจ พูดไปไม่ต้องสนใจคำสั่งใครทั้งนั้น”
“เอ๊ะ..”
หญิงสาวเสียงเข้มพร้อมกับจ้องตาชายหนุ่มไม่หลบ
“อย่ามาเอ๊ะโอ๊ะแถวนี้ถ้าไม่พอใจจะไปไหนก็เชิญ”
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าคุณจะคืนกีต้าร์ให้ฉัน”
“บอกแล้วไงว่าไม่คืน ฉันจะยึดไว้โทษฐานก่อความรำคาญให้กับคนอื่น”
ไลลาพูดไม่ออกเอาทีเดียวเมื่อเจอท่าทางเอาจริงของอุกกฤษณ์ หล่อนมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วหันไปที่กาจพลซึ่งยืนทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างอุกกฤษณ์
“เออ ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าไม่เอาคืนอย่ามาเรียกว่าไลลาก็แล้วกัน”
หล่อนเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด อุกกฤษณ์มองตามแล้วยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันกลับมามองหน้ากาจพล
“จะพูดได้รึยังนายกาจ”
“ครับผม”
หนุ่มน้อยกลืนน้ำลายลงคอแล้วเริ่มตอบคำถามที่อุกกฤษณ์อยากรู้
“พี่ไลเป็นเลขาฯส่วนตัวของน้าณีครับ”
“เลขาฯส่วนตัวคุณแม่ แล้วทำไมต้องเข้ามาอยู่ในบ้านเรา”
“น้าณีให้เข้ามาอยู่ครับ พี่ไลเป็นคนต่างจังหวัดต้องพักหอ น้าณีเลยให้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะห้องที่บ้านว่างอยู่สองห้อง”
“อ้อ. แล้วพี่ไลของแกชื่อไลคำเดียวรึไง”
“ไม่ใช่ครับ พี่ไลมีชื่อเต็มๆว่า ไลลา…”
******