คู่รักคู่ร้าย + เขาวานให้หนูเป็นคู่หมั้น (สุชีรา)

คู่รักคู่ร้าย + เขาวานให้หนูเป็นคู่หมั้น (สุชีรา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: คู่รักคู่ร้าย
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

คู่รักคู่ร้าย

 

                 เขากับหล่อนแทบจะหาความเป็นมิตรกันไม่ได้แต่พอเขา

เจ็บป่วยหล่อนกลับห่วงใยก้าวเข้ามาวุ่นวาย แถมบังคับเขาให้

กินยาจนเขาต้องยอมแพ้หล่อน ความร้ายของหล่อนจะเปลี่ยน

เป็นความรักได้หรือไม่ลองติดตามดูสิคะ…

 

 

 

                                                                ด้วยรัก

                                                                สุชีรา

 

 

 

 

 

 

 

 

1…

                “โอ้ย ใครมาแหกปากอยู่แถวนี้วะคนจะนอนโว้ย ไปขอส่วนบุญที่อื่นไป๊”

                เสียงที่ร้องตะโกนออกมาจากห้องนอนชั้นบนของบ้านดังไม่เบาทีเดียวทำให้เสียงเพลงกับเสียงกีต้าร์หยุดชะงักลงทันทีทันใด

                “เสียงใครวะกาจแล้วมาอยู่ในห้องปีกขวานี่ได้ยังไงวะ”

                หญิงสาวนามไลลากอดกีต้าร์ไว้แล้วถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งร้องเพลงคลอเสียงกีต้าร์ด้วยกัน

                “พี่อุก”

                กาจพลตอบขณะเงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องที่ไลลาพูดถึง

                “พี่อุก ชื่อพี่อุกเหรอวะชื่อตลกชะมัด”

                ไลลาหัวเราะร่วนเมื่อย้ำชื่อคนที่กาจพลเอ่ยถึง

                “อย่าหัวเราะดังไป เดี๋ยวแกได้ยินจะถูกด่ามาอีกหรอก”

                “ทำไมต้องด่าวะ ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่หว่า อีกอย่างคนอย่างไลลาไม่กลัวใครอยู่แล้วโว้ย ร้องเพลงต่อกันดีกว่า”

                ว่าแล้วหญิงสาวก็เล่นกีต้าร์และร้องเพลงดังกว่าเก่า กาจพลไม่กล้าแม้แต่ขยับปากเพราะเขารู้จักอุกกฤษณ์หรืออุกดีว่าถ้าโมโหแล้วเป็นอย่างไร

                “ร้องสิวะกาจ กลัวอะไรเล่า” ไลลาเร่งกาจพลที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบ

                “ผมไม่ร้องได้มั้ยพี่”

                “กลัวนายอุกอาดรึไงวะ”

                “เขาไม่ได้ชื่ออุกอาด เขาชื่ออุกกฤษณ์ชื่อเล่นว่าอุก”

                กาจพลหนาวๆ ร้อนๆ กับคำวิจารณ์ของไลลาถึงเขาจะรู้จักไลลาแค่ไม่ถึงปีแต่ก็พอจะรู้นิสัยของหญิงสาวดีว่ากล้าและเก่งแค่ไหน ไลลาเป็นเลขาฯส่วนตัวของอุษณีซึ่งเป็นมารดาของอุกกฤษณ์หล่อนเรียนจบด้านเลขาฯมาโดยเฉพาะและสมัครงานทันทีที่เรียนจบ ด้วยความฉลาดและทันคนทำให้อุษณีเลือกไลลามาเป็นเลขาฯส่วนตัวและให้เข้ามาพักที่บ้านแทนการไปเช่าหออยู่

                ไลลาเป็นเด็กต่างจังหวัดรักเรียนรักงานดังนั้นพอได้งานทำหล่อนจึงทุ่มกับงานเต็มที่เจ้านายอย่างอุษณีชื่นชมและรักหล่อนดั่งลูกหลานคนหนึ่ง

                “จะชื่ออะไรก็ช่างพี่ไม่สน พี่สนแต่ว่าหมอนี่เป็นใครแล้วเข้าไปนอนในห้องนั้นได้ยังไง”

                กาจพลยิ้มแล้วตอบเสียงเนิบว่า

                “พี่อุก เป็นลูกชายคนเดียวของน้าณี เพิ่งกลับจากต่างประเทศเมื่อคืนนี้”

                “หา..ลูกชายน้าณี กลับมาเมื่อคืน แล้วทำไมพี่ไม่รู้ ไม่เห็นมีใครบอก”

                ไลลาตกใจเล็กน้อยและเริ่มคิดว่าตัวเองซื่อบื้ออยู่คนเดียวในบ้าน

                “จะบอกได้ยังไงล่ะครับก็คุณหญิงกลับเข้าบ้านตั้งเที่ยงคืนคนอื่นเขาก็ง่วงเป็นนะครับใครจะรอบอกล่ะฮะ”

                “นี่ๆ ไม่ต้องมาพูดประชดพี่เลยนะกาจ ที่พี่กลับดึกเพราะไปงานเลี้ยงแทนน้าณี แกก็รู้นี่นา”

                “ครับผมรู้ ผมถึงไม่อยากกวนพี่ไงล่ะไปงานมาเหนื่อยๆแถมง่วงอีกเลยไม่ได้บอก”

                “แล้วเมื่อเช้าทำไมไม่เสือกบอก”

                “ลืม”

                กาจพลตอบแล้วยิ้มแหยๆ ไลลาเงื้อมะเหงกแต่ก็ไม่ได้เขกลงที่ศีรษะหนุ่มน้อยหล่อนวางมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องข้างบนซึ่งอยู่เยื้องจากต้นมะม่วงที่หล่อนกับกาจพลนั่งร้องเพลงอยู่ใต้ต้นของมัน

                “ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เอาเถอะลืมบอกก็ไม่เป็นไรตอนนี้ช่วยพี่แหกปากร้องเพลงหน่อยพี่จะให้พี่อุกอาดของแกลุกขึ้นมาด่าอีกสักรอบสนุกดีว่ะ”

                “เออๆ สนุกไปคนเดียวเถอะผมไม่เอาด้วยหรอกไปหาป้าช้วนหาขนมกินดีกว่า”

                “ไม่ง้อก็ได้แต่เอาขนมมาเผื่อพี่ด้วยละกัน”

                หญิงสาวยิ้มแล้วร้องเพลงชนิดที่ตะโกนลั่นสวนหลังบ้านเป็นเหตุให้คนที่หลับต่อต้องสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มดึงหมอนขึ้นมาปิดหูแต่เสียงที่แผดลั่นก็ยังคงดังเข้ามารบกวน

                “ไอ้เด็กเปรตที่ไหนวะแหกปากอยู่ได้ บอกให้ไปร้องที่อื่นไม่ได้ยินรึไง”

                เมื่อทนไม่ได้อุกกฤษณ์จึงลุกจากเตียงเดินไปที่หน้าต่างที่เปิดไว้ดันมันให้เปิดกว้างกว่าเดิมแล้วตะโกนด่าลงไปอย่างไม่เกรงใจ เขาเข้าใจว่าคนที่ร้องเพลงต้องเป็นเด็กรับใช้ในบ้านอย่างแน่นอนแต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

                “ได้ยินโว้ยแต่ไม่ไปมีอะไรมั้ยไอ้ผู้ใหญ่กระหัง”

                เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีใครกล้าตอบโต้เขาเช่นนี้แล้วนี้อะไรกันเด็กในบ้านกล้าด่าเจ้านายกลับเช่นนั้นหรือ อุกกฤษณ์กัดกรามแน่นผละจากหน้าต่างตรงไปที่ประตูกระจกเปิดออกไปยืนที่ระเบียงแล้วชะโงกหน้าลงไปที่ใต้ต้นมะม่วง

                “แกเป็นใครถึงกล้าด่าฉัน ลูกป้าช้วนหรือลูกน้าอิ่มบอกมาซะดีๆไม่งั้นฉันลงไปเตะแกเดี๋ยวนี้”

                “ลูกพ่อลูกแม่ฉันน่ะสิถ้าเก่งจริงก็รีบลงมาเตะสิอย่าดีแต่พูด”

                “นี่แก..แกท้าฉันเรอะไอ้เด็กปากร้าย”

                “ก็พอๆ กับผู้ใหญ่ปากจัดนั่นแหละ”

                เถียงไม่มีลดละทำให้ชายหนุ่มนึกอยากเห็นหน้าเด็กเปรตที่เขาว่านั่นขึ้นมาทันที เขาเดินกลับเข้าห้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นแล้วออกจากห้องตรงไปยังสวนหลังบ้านและภาพที่ปรากฏแก่สายตาทำให้อารมณ์ขุ่นมัวคลายลง

                ภาพหญิงสาวผมสั้นนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ใต้ต้นมะม่วงไม่สนใจกับใครแม้แต่เขาซึ่งก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหล่อน

                “เธอเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไงและอวดดียังไงถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับฉัน”

                “ก็คุณว่าฉันทำไมล่ะ” หล่อนเงยหน้าเถียงอย่างไม่เกรง

                “แล้วเธอมาร้องเพลงก่อกวนฉันทำไม ฉันกำลังนอนไม่รู้รึไง”

                “ไม่ทราบนี่ว่าคุณจะนอนถึงบ่ายโมงอย่างนี้”

                “จะนอนกี่โมงก็เรื่องของฉัน”

                “ถ้างั้นฉันจะร้องเพลงก็เรื่องของฉันเหมือนกัน”

                “นี่เธอ..”

                ชายหนุ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมลดลาวาศอกให้กับเขา เขาต้องรู้ให้ได้ว่าหล่อนเป็นใครและเข้ามาทำอวดดีในบ้านของเขาได้อย่างไร

                “ทำไมคะ มีอะไรจะว่าก็ว่ามาสิ”

                “ฉันไม่มีอะไรจะว่าแต่ฉันต้องการรู้ว่าเธอคือใคร”

                เขาดึงกีต้าร์ออกจากมือหล่อนอย่างถือวิสาสะดวงตาจ้องเขม็งที่ใบหน้าหล่อนไม่กะพริบ

                “คุณทำเกินไปแล้วนะเอากีต้าร์ฉันมา”

                “ไม่ให้ เธอตอบฉันมาว่าเธอเป็นใคร”

                “ไม่ตอบและก็ไม่บอกอะไรทั้งนั้นเอากีต้าร์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”

                หล่อนเข้าแย่งกีต้าร์จากเขา อุกกฤษณ์ยกมือกันหล่อนไว้มือหนึ่งแล้วถอยหลังหนีแต่ไลลาไม่ยอมหล่อนโผเข้าแย่งอย่างไม่ลดละ

                “นั่นอะไรกันคะคุณอุก คุณไล”

                เสียงป้าช้วนดังขึ้นไลลาจึงหยุดยื้อแย่งแล้วหันมามอง

                “คุณอุกของป้าน่ะสิแย่งกีต้าร์ฉัน”

                “ใครแย่ง เธอต่างหากที่แย่งฉัน และไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ป้าช้วนไปตามนายกาจมาพบฉันเดี๋ยวนี้”

                อุกกฤษณ์หันมาสั่งป้าช้วนเสียงเข้ม ป้ารีบทำตามคำของเจ้านายอย่างเร่งด่วนไม่ถึงห้านาทีกาจพลก็เดินยิ้มเข้ามา

                “พี่อุกตื่นแล้วเหรอฮะ”

                “เออ มานี่มายืนใกล้ๆฉันนี่แล้วบอกมาว่ายายบ๊องนี่เป็นใครเข้ามาอยู่ในบ้านได้ยังไงบอกให้หมดนะถ้าไม่อยากถูกเตะ”

                “ป่าเถื่อนคำก็เตะสองคำก็เตะ เข้าไปอยู่ในป่าดงดิบมารึไง”

                ไลลาแทรกขึ้นแล้วเบ้ปากใส่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงหน้า

                “หุบปาก” เขาตะคอกใส่หน้าหล่อนแล้วหันมาที่กาจพล

                “พูดไปกาจ รีบพูดเร็วๆ ด้วยถ้าไม่อยาก..”

                “ถูกเตะ”

                ไลลาอีกเช่นเคยที่สอดขึ้นมาและไม่วายที่จะเบ้ปากแล้วยักไหล่กวนๆใส่อุกกฤษณ์ ชายหนุ่มมองด้วยหางตาแล้วหันมาที่กาจพล

                “ว่าไงกาจ แกจะพูดดีๆหรือว่าจะต้องให้เจ็บตัวก่อน”

                เขายกมือขึ้นทำท่าจะเขกศีรษะกาจพล เด็กหนุ่มจึงร้องเสียงหลง

                “โอ้ย พูดแล้วครับพูดแล้ว”

                “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรแกเลยแหกปากร้องไปได้”

                “ก็พี่เล่นเงื้อมะเหงกนี่ผมก็ต้องร้องเอาไว้ก่อน”

                “เอาล่ะว่ามาได้แล้วไม่ต้องเรื่องมาก”

                “กาจไม่ต้องพูดเอากีต้าร์ไปเก็บเดี๋ยวพี่รายงานตัวกับคุณท่านเจ้าคุณเอง”

                ไลลายกมือขึ้นห้ามแล้วพยักหน้าไปที่กีต้าร์ในมืออุกกฤษณ์

                “กาจ พูดไปไม่ต้องสนใจคำสั่งใครทั้งนั้น”

                “เอ๊ะ..”

                หญิงสาวเสียงเข้มพร้อมกับจ้องตาชายหนุ่มไม่หลบ

                “อย่ามาเอ๊ะโอ๊ะแถวนี้ถ้าไม่พอใจจะไปไหนก็เชิญ”

                “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าคุณจะคืนกีต้าร์ให้ฉัน”

                “บอกแล้วไงว่าไม่คืน ฉันจะยึดไว้โทษฐานก่อความรำคาญให้กับคนอื่น”

                ไลลาพูดไม่ออกเอาทีเดียวเมื่อเจอท่าทางเอาจริงของอุกกฤษณ์ หล่อนมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วหันไปที่กาจพลซึ่งยืนทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างอุกกฤษณ์

                “เออ ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าไม่เอาคืนอย่ามาเรียกว่าไลลาก็แล้วกัน”

                หล่อนเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด อุกกฤษณ์มองตามแล้วยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันกลับมามองหน้ากาจพล

                “จะพูดได้รึยังนายกาจ”

                “ครับผม”

                หนุ่มน้อยกลืนน้ำลายลงคอแล้วเริ่มตอบคำถามที่อุกกฤษณ์อยากรู้

                “พี่ไลเป็นเลขาฯส่วนตัวของน้าณีครับ”

                “เลขาฯส่วนตัวคุณแม่ แล้วทำไมต้องเข้ามาอยู่ในบ้านเรา”

                “น้าณีให้เข้ามาอยู่ครับ พี่ไลเป็นคนต่างจังหวัดต้องพักหอ น้าณีเลยให้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะห้องที่บ้านว่างอยู่สองห้อง”

                “อ้อ. แล้วพี่ไลของแกชื่อไลคำเดียวรึไง”

                “ไม่ใช่ครับ พี่ไลมีชื่อเต็มๆว่า ไลลา…”

 

******


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024