คัดเค้าบานค่ำ  (รินแก้ว)

คัดเค้าบานค่ำ (รินแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: คัดเค้าบานค่ำ
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 195.00 บาท 48.75 บาท
ประหยัด: 146.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เทียนหอมที่เจ้าของห้องหมายให้ส่งกลิ่นฟุ้งกำจายยามค่ำคืน  เพื่อเร่งบรรยากาศให้ห้องนอนอบอวลด้วยความหอมสดชื่นก่อนนิทรารมณ์  เปลวไฟสีหมากสุกเริงระบำเต้นเร่าในความมืดยามราตรี  ซึ่งบัดนี้มีเพียงแสงเทียนนี้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่ห้องนอนของหญิงสาว

            มือเรียวขาวเนียนกระชากหน้าปกนิตยสารหรูเลิศแห่งยุคสมัย  มันถูกจ่อเข้ากับเปลวเทียนที่ลุกโชน  ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแม้จะเร่งจนหนาวสะท้าน  กลับร้อนรุ่มไปถึงหัวใจ  เปลวเทียนสีหมากสุกยิ่งลุกโชติช่วง  เมื่อมีกระดาษอาบมันเนื้อดีเป็นอาหารอันโอชะ  มันเลียลามไล้ไหม้ใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นนางแบบหน้าปกไปทีละน้อย ดั่งไฟไหม้ฟางหญ้าแห้งในทุ่งนากลางแดดจัดจ้าท้าทายดวงตะวันยามเที่ยงเริงแรง

            เพียงอึดใจ  เปลวเพลิงก็เผาผลาญถึงมุมกระดาษ  เกือบลามไหม้ถึงนิ้วมือเรียวงามของหล่อน...หญิงสาวทิ้งมันลงในถังขยะอย่างไม่แยแส  กระนั้นมันก็ยังมีฤทธิ์ลุกไหม้ในถังขยะให้ลุกโชนชั่วครู่ก่อนสงบนิ่ง  คงเหลือควันกรุ่นลอยไปในไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ

            อารมณ์กรุ่นโกรธพาลให้หล่อนฉีกทึ้งทำลายนิตยสารฉบับนั้นจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี  ราวกับว่ามันเป็นเนื้อเป็นหนังของนางแบบบนหน้าปกนิตยสารฉบับนั้น  หล่อนฉีก..ฉีก..ฉีก  จนไม่เหลือเค้าว่ามันเป็นเศษเสี้ยวของนิตยสารมาก่อน  ร่างในเสื้อคลุมแพรระยับที่ห่มคลุมชุดนอนบางเบาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ  หญิงสาวกระตุกสายเชือกที่พันธนาการอยู่รอบเอวจนหลุดออก  แพรจีนเนื้อดีร่วงลงกองแทบเท้า  ชุดนอนบางเบาแนบเนื้อนวลด้วยรอยชื้นของเหงื่อ...เหงื่อแห่งโทสะ...ไม่ต่างจากยามหญิงสาวก้าวออกมาจากตู้อบไอน้ำเพื่อเสริมร่างให้เพรียวบางเมื่อยามค่ำ

            ก้าวไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน...ในความมืดสลัว  หญิงสาวถอดชุดนอนบางเบาจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า...เปิดน้ำอุ่นจัดลงในอ่างอาบน้ำ  หล่อนไม่เปิดไฟ  ไม่อยากให้แสงสว่างใดๆมารบกวนสายตาและหัวใจ   ประสบการณ์ที่ผ่านพ้นเฝ้าบอกหญิงสาวว่าความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิทในยามราตรีกาล..เพื่อนอันเคยคุ้น  มันเวียนมาหาทุกค่ำคืน  ไม่ว่าจะถวิลหาหรือไม่ก็ตาม...ความมืดย่อมเวียนมาอย่างสัตย์ซื่อ  ตรงเวลา...สหายยามราตรีจึงหาใช่ใครอื่น  หาใช่ทั้งคนสนิทชิดใกล้หรือไกลห่าง..หาใช่สิ่งมีชีวิตอื่นใดให้พร่ำเพรียกเรียกหา...หาใช่ดวงตะวันหรือจันทราที่อาบไล้แสงนวลให้อบอุ่น

            หญิงสาวพึงใจกับความมืดยามค่ำคืน...จ่อมจมอยู่ในราตรีกาล   ราตรีสีดำ..ไม่เคยทรยศหักหลัง   หล่อนหย่อนร่างเปลือยเปล่าลงในอ่างอาบน้ำ ทอดตัวลงในน้ำอุ่นจัด  หลับตาเหนื่อยอ่อน

            ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากัน..อัดอั้นรัดทดร้าวไปถึงในทรวง ก่อนจะเผยอออกน้อยๆ

            “นังพลอย...ฉันเกลียดแก”

            เสียงเครียดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่งาม  เอนศีรษะพิงขอบอ่าง..ไม่รับรู้เวลาที่เคลื่อนผ่าน  ไม่ใส่ใจพรายน้ำของนาฬิกาเหนืออ่างล่างหน้า  ซึ่งฉายสะท้อนดอกกุหลาบสีแดงในแจกันขาวนวลจนชวนให้ห้องน้ำสว่างเรือง พรายน้ำที่ปลายเข็มนาฬิกาบอกเวลาล่วงผ่าน...ค่อนคืนเข้าไปแล้ว แต่หญิงสาวก็หาใส่ใจไม่

            ดวงจันทร์ ณ โค้งฟ้ายามค่ำคล้อยดวงลงต่ำ  หญิงสาวลืมตาในความมืดสลัว  น้ำอุ่นจัดกลายเป็นเย็นชืดจนเนื้อตัวหล่อนสะท้าน  ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่จางหาย  ปรายตามองไปภายในห้องนอน  แสงจากเทียนหอมปลายเตียงคงดับไปแล้ว ห้องทั้งห้องจึงหม่นมัวในราตรี  หญิงสาวยืนขึ้นแล้วก้าวผ่านลงไปที่พื้นกระเบื้อง สัมผัสความเย็นที่แผ่ซ่านทั่วฝ่าเท้า..หนาวยะเยือกถึงหัวใจ รีบหาผ้าเช็ดตัวมาห่มคลุมกายแล้วเช็ดตัวให้แห้ง    ก่อนจะสอดร่างงามเข้าไปในผ้าห่มหนาบนเตียงนุ่ม  หลับใหลในเวลาไม่นาน

            โทรศัพท์กรีดเสียงดังกังวาน  หญิงสาวผวาตื่น  ม่านหนาหนักปิดบังแสงตะวันยามสายทำให้ห้องทั้งห้องมืดมิด  หล่อนจึงมิรู้ว่าเพลานี้ดวงตะวันคล้อยดวงจนเกือบตรงหัว  คว้าโทรศัพท์ข้างเตียงมากรอกเสียงอู้อี้ลงไป

            “ฮัลโหล”

            “คุณพิมขา...มีนัดกับลูกค้าสองรายนะคะ ตอนนี้ลูกค้ารายแรกมารออยู่แล้วค่ะ”

            “ขอบใจนะชุดา..ฉันจะไปให้ทัน...อาจจะช้านิดหน่อย  ช่วยรับรองแขกให้ฉันด้วยนะ”

            พิมพ์นลินรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็ว   อาชีพนักธุรกิจทำให้หล่อนไม่ยอมรีรอเอื่อยเฉื่อย หล่อนอาบน้ำชำระกายลวกๆ นึกในใจว่าอาบมาแล้วทั้งคืนคงไม่กระไรนักหรอกน่าถ้าจะอาบพอเป็นพิธี  ฉีดน้ำหอมราคาแพงชั้นดีเข้ากับชุดที่เรียบหรู เพียงเท่านี้หล่อนก็งามพอจะไปพบลูกค้าคนสำคัญได้

            ก้าวผ่านเศษกระดาษที่ฉีกทึ้งไว้เมื่อคืน  เท้างามเหยียบลงไปอย่างจงใจ  รู้สึกสะสาแก่ใจจนเผลอยิ้มมุมปาก คว้ากระเป๋าถือราคากว่าห้าหลักมาถือ  ไม่ลืมหยิบกุญแจรถคู่ชีพคันงาม  ก้าวออกจากห้อง  กดลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว

            รถตะบึงขึ้นทางด่วน  พิมพ์นลินกดโทรศัพท์หาชุดาเลขาฯคนรู้ใจ

            “ชุดา ลูกค้าที่รอฉันอยู่ตอนนี้ใครกัน เธอพอรู้จักมั้ย..ใช่คนที่นัดไว้หรือเปล่า”

            ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้หล่อนต้องถามให้แน่ใจ  ครั้งหนึ่งหล่อนรีบออกจากห้องชุดหรูกลางกรุงเหมือนวันนี้ ด้วยคิดว่าลูกค้าคนสำคัญรออยู่ แต่ครั้นไปถึงกลายเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาขอสัมภาษณ์  หล่อนไล่ตะเพิดทั้งนักศึกษาและแม่เลขานุการคนเก่าให้รีบเก็บของออกจากบริษัทแทบไม่ทัน

            ชุดาเป็นผู้หญิงสวยเรียบๆ  การศึกษาดี  ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว  เป็นคนละเอียดรอบคอบ เสียแต่ว่าแต่งตัวเชยไปนิด  พิมพ์นลินพอใจการทำงานของหล่อน แต่หล่อนก็คร้านจะวิจารณ์หรือคะยั้นคะยอให้ชุดาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว   เพราะยิ่งชุดาแต่งตัวเชยเท่าไหร่ เมื่ออยู่ใกล้หล่อนก็จะยิ่งทำให้หล่อนดูสูงค่าขึ้นเท่านั้น

            ปลายสายตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว

            “คนที่มารอพบคุณพิมเวลานี้ก็คือคุณไกรพค่ะ”

            ผิดคาด แต่แรกพิมพ์นลินเข้าใจว่าเป็นดาลัด  ลูกสาวเจ้าของห้องเสื้อแห่งหนึ่งซึ่งหมายจะให้บริษัทของหล่อนเป็นคนจัดแฟชั่นโชว์ให้ในอีกสองเดือนข้างหน้า

            ไม่คิดว่าจะเป็นไกรพ..หนุ่มไฮโซเนื้อหอมทวนลมคนที่เป็นข่าวในนิตยสารสตรีทุกฉบับ

            แต่ก็ยังอดถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้

            “คุณไกรพ ทายาทบริษัทเบียร์น่ะเหรอ”

            “ค่ะ คุณพิม”

            ชุดาตอบหนักแน่น  เพิ่มความมั่นใจให้ผู้เป็นนายจนต้องเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า  ล้อรถสปอร์ตคันหรู ความเร็วไม่ต่ำกว่า 120  กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูช้าไปถนัด  หัวใจหญิงสาวเต้นรัว..ไกรพเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งเมือง  หลายคืนก่อนหล่อนนอนดูเขาให้สัมภาษณ์รายการวาไรตี้รายการหนึ่ง  ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งฉลาดจะยังมีอยู่ในโลกนี้...อยากจะขับรถให้เร็วกว่านี้ แต่ก็กลัวตำรวจบนทางด่วนดักจับ อีกอย่างหล่อนยังไม่อยากตายเวลานี้..เวลาที่ความรักยังไม่เคยลงตัวสักหนและความแค้นยังไม่เคยได้รับการชำระสะสางสักครา  

            เพียงไม่นานรถสปอร์ตก็จอดหน้าบริษัท  หญิงสาวสำรวจความงามของใบหน้าและเนื้อตัวอีกครั้งในกระจกที่มีติดไว้ในกระเป๋าถือ  หล่อนก้าวลงจากรถ ไม่ลืมปลดกระดุมเม็ดบนให้เผยอออก  

 

รายละเอียด

เทียนหอมที่เจ้าของห้องหมายให้ส่งกลิ่นฟุ้งกำจายยามค่ำคืน  เพื่อเร่งบรรยากาศให้ห้องนอนอบอวลด้วยความหอมสดชื่นก่อนนิทรารมณ์  เปลวไฟสีหมากสุกเริงระบำเต้นเร่าในความมืดยามราตรี  ซึ่งบัดนี้มีเพียงแสงเทียนนี้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่ห้องนอนของหญิงสาว

            มือเรียวขาวเนียนกระชากหน้าปกนิตยสารหรูเลิศแห่งยุคสมัย  มันถูกจ่อเข้ากับเปลวเทียนที่ลุกโชน  ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแม้จะเร่งจนหนาวสะท้าน  กลับร้อนรุ่มไปถึงหัวใจ  เปลวเทียนสีหมากสุกยิ่งลุกโชติช่วง  เมื่อมีกระดาษอาบมันเนื้อดีเป็นอาหารอันโอชะ  มันเลียลามไล้ไหม้ใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นนางแบบหน้าปกไปทีละน้อย ดั่งไฟไหม้ฟางหญ้าแห้งในทุ่งนากลางแดดจัดจ้าท้าทายดวงตะวันยามเที่ยงเริงแรง

            เพียงอึดใจ  เปลวเพลิงก็เผาผลาญถึงมุมกระดาษ  เกือบลามไหม้ถึงนิ้วมือเรียวงามของหล่อน...หญิงสาวทิ้งมันลงในถังขยะอย่างไม่แยแส  กระนั้นมันก็ยังมีฤทธิ์ลุกไหม้ในถังขยะให้ลุกโชนชั่วครู่ก่อนสงบนิ่ง  คงเหลือควันกรุ่นลอยไปในไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ

            อารมณ์กรุ่นโกรธพาลให้หล่อนฉีกทึ้งทำลายนิตยสารฉบับนั้นจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี  ราวกับว่ามันเป็นเนื้อเป็นหนังของนางแบบบนหน้าปกนิตยสารฉบับนั้น  หล่อนฉีก..ฉีก..ฉีก  จนไม่เหลือเค้าว่ามันเป็นเศษเสี้ยวของนิตยสารมาก่อน  ร่างในเสื้อคลุมแพรระยับที่ห่มคลุมชุดนอนบางเบาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ  หญิงสาวกระตุกสายเชือกที่พันธนาการอยู่รอบเอวจนหลุดออก  แพรจีนเนื้อดีร่วงลงกองแทบเท้า  ชุดนอนบางเบาแนบเนื้อนวลด้วยรอยชื้นของเหงื่อ...เหงื่อแห่งโทสะ...ไม่ต่างจากยามหญิงสาวก้าวออกมาจากตู้อบไอน้ำเพื่อเสริมร่างให้เพรียวบางเมื่อยามค่ำ

            ก้าวไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน...ในความมืดสลัว  หญิงสาวถอดชุดนอนบางเบาจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า...เปิดน้ำอุ่นจัดลงในอ่างอาบน้ำ  หล่อนไม่เปิดไฟ  ไม่อยากให้แสงสว่างใดๆมารบกวนสายตาและหัวใจ   ประสบการณ์ที่ผ่านพ้นเฝ้าบอกหญิงสาวว่าความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิทในยามราตรีกาล..เพื่อนอันเคยคุ้น  มันเวียนมาหาทุกค่ำคืน  ไม่ว่าจะถวิลหาหรือไม่ก็ตาม...ความมืดย่อมเวียนมาอย่างสัตย์ซื่อ  ตรงเวลา...สหายยามราตรีจึงหาใช่ใครอื่น  หาใช่ทั้งคนสนิทชิดใกล้หรือไกลห่าง..หาใช่สิ่งมีชีวิตอื่นใดให้พร่ำเพรียกเรียกหา...หาใช่ดวงตะวันหรือจันทราที่อาบไล้แสงนวลให้อบอุ่น

            หญิงสาวพึงใจกับความมืดยามค่ำคืน...จ่อมจมอยู่ในราตรีกาล   ราตรีสีดำ..ไม่เคยทรยศหักหลัง   หล่อนหย่อนร่างเปลือยเปล่าลงในอ่างอาบน้ำ ทอดตัวลงในน้ำอุ่นจัด  หลับตาเหนื่อยอ่อน

            ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากัน..อัดอั้นรัดทดร้าวไปถึงในทรวง ก่อนจะเผยอออกน้อยๆ

            “นังพลอย...ฉันเกลียดแก”

            เสียงเครียดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่งาม  เอนศีรษะพิงขอบอ่าง..ไม่รับรู้เวลาที่เคลื่อนผ่าน  ไม่ใส่ใจพรายน้ำของนาฬิกาเหนืออ่างล่างหน้า  ซึ่งฉายสะท้อนดอกกุหลาบสีแดงในแจกันขาวนวลจนชวนให้ห้องน้ำสว่างเรือง พรายน้ำที่ปลายเข็มนาฬิกาบอกเวลาล่วงผ่าน...ค่อนคืนเข้าไปแล้ว แต่หญิงสาวก็หาใส่ใจไม่

            ดวงจันทร์ ณ โค้งฟ้ายามค่ำคล้อยดวงลงต่ำ  หญิงสาวลืมตาในความมืดสลัว  น้ำอุ่นจัดกลายเป็นเย็นชืดจนเนื้อตัวหล่อนสะท้าน  ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่จางหาย  ปรายตามองไปภายในห้องนอน  แสงจากเทียนหอมปลายเตียงคงดับไปแล้ว ห้องทั้งห้องจึงหม่นมัวในราตรี  หญิงสาวยืนขึ้นแล้วก้าวผ่านลงไปที่พื้นกระเบื้อง สัมผัสความเย็นที่แผ่ซ่านทั่วฝ่าเท้า..หนาวยะเยือกถึงหัวใจ รีบหาผ้าเช็ดตัวมาห่มคลุมกายแล้วเช็ดตัวให้แห้ง    ก่อนจะสอดร่างงามเข้าไปในผ้าห่มหนาบนเตียงนุ่ม  หลับใหลในเวลาไม่นาน

            โทรศัพท์กรีดเสียงดังกังวาน  หญิงสาวผวาตื่น  ม่านหนาหนักปิดบังแสงตะวันยามสายทำให้ห้องทั้งห้องมืดมิด  หล่อนจึงมิรู้ว่าเพลานี้ดวงตะวันคล้อยดวงจนเกือบตรงหัว  คว้าโทรศัพท์ข้างเตียงมากรอกเสียงอู้อี้ลงไป

            “ฮัลโหล”

            “คุณพิมขา...มีนัดกับลูกค้าสองรายนะคะ ตอนนี้ลูกค้ารายแรกมารออยู่แล้วค่ะ”

            “ขอบใจนะชุดา..ฉันจะไปให้ทัน...อาจจะช้านิดหน่อย  ช่วยรับรองแขกให้ฉันด้วยนะ”

            พิมพ์นลินรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็ว   อาชีพนักธุรกิจทำให้หล่อนไม่ยอมรีรอเอื่อยเฉื่อย หล่อนอาบน้ำชำระกายลวกๆ นึกในใจว่าอาบมาแล้วทั้งคืนคงไม่กระไรนักหรอกน่าถ้าจะอาบพอเป็นพิธี  ฉีดน้ำหอมราคาแพงชั้นดีเข้ากับชุดที่เรียบหรู เพียงเท่านี้หล่อนก็งามพอจะไปพบลูกค้าคนสำคัญได้

            ก้าวผ่านเศษกระดาษที่ฉีกทึ้งไว้เมื่อคืน  เท้างามเหยียบลงไปอย่างจงใจ  รู้สึกสะสาแก่ใจจนเผลอยิ้มมุมปาก คว้ากระเป๋าถือราคากว่าห้าหลักมาถือ  ไม่ลืมหยิบกุญแจรถคู่ชีพคันงาม  ก้าวออกจากห้อง  กดลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว

            รถตะบึงขึ้นทางด่วน  พิมพ์นลินกดโทรศัพท์หาชุดาเลขาฯคนรู้ใจ

            “ชุดา ลูกค้าที่รอฉันอยู่ตอนนี้ใครกัน เธอพอรู้จักมั้ย..ใช่คนที่นัดไว้หรือเปล่า”

            ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้หล่อนต้องถามให้แน่ใจ  ครั้งหนึ่งหล่อนรีบออกจากห้องชุดหรูกลางกรุงเหมือนวันนี้ ด้วยคิดว่าลูกค้าคนสำคัญรออยู่ แต่ครั้นไปถึงกลายเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาขอสัมภาษณ์  หล่อนไล่ตะเพิดทั้งนักศึกษาและแม่เลขานุการคนเก่าให้รีบเก็บของออกจากบริษัทแทบไม่ทัน

            ชุดาเป็นผู้หญิงสวยเรียบๆ  การศึกษาดี  ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว  เป็นคนละเอียดรอบคอบ เสียแต่ว่าแต่งตัวเชยไปนิด  พิมพ์นลินพอใจการทำงานของหล่อน แต่หล่อนก็คร้านจะวิจารณ์หรือคะยั้นคะยอให้ชุดาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว   เพราะยิ่งชุดาแต่งตัวเชยเท่าไหร่ เมื่ออยู่ใกล้หล่อนก็จะยิ่งทำให้หล่อนดูสูงค่าขึ้นเท่านั้น

            ปลายสายตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว

            “คนที่มารอพบคุณพิมเวลานี้ก็คือคุณไกรพค่ะ”

            ผิดคาด แต่แรกพิมพ์นลินเข้าใจว่าเป็นดาลัด  ลูกสาวเจ้าของห้องเสื้อแห่งหนึ่งซึ่งหมายจะให้บริษัทของหล่อนเป็นคนจัดแฟชั่นโชว์ให้ในอีกสองเดือนข้างหน้า

            ไม่คิดว่าจะเป็นไกรพ..หนุ่มไฮโซเนื้อหอมทวนลมคนที่เป็นข่าวในนิตยสารสตรีทุกฉบับ

            แต่ก็ยังอดถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้

            “คุณไกรพ ทายาทบริษัทเบียร์น่ะเหรอ”

            “ค่ะ คุณพิม”

            ชุดาตอบหนักแน่น  เพิ่มความมั่นใจให้ผู้เป็นนายจนต้องเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า  ล้อรถสปอร์ตคันหรู ความเร็วไม่ต่ำกว่า 120  กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูช้าไปถนัด  หัวใจหญิงสาวเต้นรัว..ไกรพเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งเมือง  หลายคืนก่อนหล่อนนอนดูเขาให้สัมภาษณ์รายการวาไรตี้รายการหนึ่ง  ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งฉลาดจะยังมีอยู่ในโลกนี้...อยากจะขับรถให้เร็วกว่านี้ แต่ก็กลัวตำรวจบนทางด่วนดักจับ อีกอย่างหล่อนยังไม่อยากตายเวลานี้..เวลาที่ความรักยังไม่เคยลงตัวสักหนและความแค้นยังไม่เคยได้รับการชำระสะสางสักครา  

            เพียงไม่นานรถสปอร์ตก็จอดหน้าบริษัท  หญิงสาวสำรวจความงามของใบหน้าและเนื้อตัวอีกครั้งในกระจกที่มีติดไว้ในกระเป๋าถือ  หล่อนก้าวลงจากรถ ไม่ลืมปลดกระดุมเม็ดบนให้เผยอออก  

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (62 รายการ)

www.batorastore.com © 2024