คัดเค้าบานค่ำ (รินแก้ว)
ประหยัด: 146.25 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
เทียนหอมที่เจ้าของห้องหมายให้ส่งกลิ่นฟุ้งกำจายยามค่ำคืน เพื่อเร่งบรรยากาศให้ห้องนอนอบอวลด้วยความหอมสดชื่นก่อนนิทรารมณ์ เปลวไฟสีหมากสุกเริงระบำเต้นเร่าในความมืดยามราตรี ซึ่งบัดนี้มีเพียงแสงเทียนนี้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่ห้องนอนของหญิงสาว
มือเรียวขาวเนียนกระชากหน้าปกนิตยสารหรูเลิศแห่งยุคสมัย มันถูกจ่อเข้ากับเปลวเทียนที่ลุกโชน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแม้จะเร่งจนหนาวสะท้าน กลับร้อนรุ่มไปถึงหัวใจ เปลวเทียนสีหมากสุกยิ่งลุกโชติช่วง เมื่อมีกระดาษอาบมันเนื้อดีเป็นอาหารอันโอชะ มันเลียลามไล้ไหม้ใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นนางแบบหน้าปกไปทีละน้อย ดั่งไฟไหม้ฟางหญ้าแห้งในทุ่งนากลางแดดจัดจ้าท้าทายดวงตะวันยามเที่ยงเริงแรง
เพียงอึดใจ เปลวเพลิงก็เผาผลาญถึงมุมกระดาษ เกือบลามไหม้ถึงนิ้วมือเรียวงามของหล่อน...หญิงสาวทิ้งมันลงในถังขยะอย่างไม่แยแส กระนั้นมันก็ยังมีฤทธิ์ลุกไหม้ในถังขยะให้ลุกโชนชั่วครู่ก่อนสงบนิ่ง คงเหลือควันกรุ่นลอยไปในไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ
อารมณ์กรุ่นโกรธพาลให้หล่อนฉีกทึ้งทำลายนิตยสารฉบับนั้นจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี ราวกับว่ามันเป็นเนื้อเป็นหนังของนางแบบบนหน้าปกนิตยสารฉบับนั้น หล่อนฉีก..ฉีก..ฉีก จนไม่เหลือเค้าว่ามันเป็นเศษเสี้ยวของนิตยสารมาก่อน ร่างในเสื้อคลุมแพรระยับที่ห่มคลุมชุดนอนบางเบาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวกระตุกสายเชือกที่พันธนาการอยู่รอบเอวจนหลุดออก แพรจีนเนื้อดีร่วงลงกองแทบเท้า ชุดนอนบางเบาแนบเนื้อนวลด้วยรอยชื้นของเหงื่อ...เหงื่อแห่งโทสะ...ไม่ต่างจากยามหญิงสาวก้าวออกมาจากตู้อบไอน้ำเพื่อเสริมร่างให้เพรียวบางเมื่อยามค่ำ
ก้าวไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน...ในความมืดสลัว หญิงสาวถอดชุดนอนบางเบาจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า...เปิดน้ำอุ่นจัดลงในอ่างอาบน้ำ หล่อนไม่เปิดไฟ ไม่อยากให้แสงสว่างใดๆมารบกวนสายตาและหัวใจ ประสบการณ์ที่ผ่านพ้นเฝ้าบอกหญิงสาวว่าความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิทในยามราตรีกาล..เพื่อนอันเคยคุ้น มันเวียนมาหาทุกค่ำคืน ไม่ว่าจะถวิลหาหรือไม่ก็ตาม...ความมืดย่อมเวียนมาอย่างสัตย์ซื่อ ตรงเวลา...สหายยามราตรีจึงหาใช่ใครอื่น หาใช่ทั้งคนสนิทชิดใกล้หรือไกลห่าง..หาใช่สิ่งมีชีวิตอื่นใดให้พร่ำเพรียกเรียกหา...หาใช่ดวงตะวันหรือจันทราที่อาบไล้แสงนวลให้อบอุ่น
หญิงสาวพึงใจกับความมืดยามค่ำคืน...จ่อมจมอยู่ในราตรีกาล ราตรีสีดำ..ไม่เคยทรยศหักหลัง หล่อนหย่อนร่างเปลือยเปล่าลงในอ่างอาบน้ำ ทอดตัวลงในน้ำอุ่นจัด หลับตาเหนื่อยอ่อน
ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากัน..อัดอั้นรัดทดร้าวไปถึงในทรวง ก่อนจะเผยอออกน้อยๆ
“นังพลอย...ฉันเกลียดแก”
เสียงเครียดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่งาม เอนศีรษะพิงขอบอ่าง..ไม่รับรู้เวลาที่เคลื่อนผ่าน ไม่ใส่ใจพรายน้ำของนาฬิกาเหนืออ่างล่างหน้า ซึ่งฉายสะท้อนดอกกุหลาบสีแดงในแจกันขาวนวลจนชวนให้ห้องน้ำสว่างเรือง พรายน้ำที่ปลายเข็มนาฬิกาบอกเวลาล่วงผ่าน...ค่อนคืนเข้าไปแล้ว แต่หญิงสาวก็หาใส่ใจไม่
ดวงจันทร์ ณ โค้งฟ้ายามค่ำคล้อยดวงลงต่ำ หญิงสาวลืมตาในความมืดสลัว น้ำอุ่นจัดกลายเป็นเย็นชืดจนเนื้อตัวหล่อนสะท้าน ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่จางหาย ปรายตามองไปภายในห้องนอน แสงจากเทียนหอมปลายเตียงคงดับไปแล้ว ห้องทั้งห้องจึงหม่นมัวในราตรี หญิงสาวยืนขึ้นแล้วก้าวผ่านลงไปที่พื้นกระเบื้อง สัมผัสความเย็นที่แผ่ซ่านทั่วฝ่าเท้า..หนาวยะเยือกถึงหัวใจ รีบหาผ้าเช็ดตัวมาห่มคลุมกายแล้วเช็ดตัวให้แห้ง ก่อนจะสอดร่างงามเข้าไปในผ้าห่มหนาบนเตียงนุ่ม หลับใหลในเวลาไม่นาน
โทรศัพท์กรีดเสียงดังกังวาน หญิงสาวผวาตื่น ม่านหนาหนักปิดบังแสงตะวันยามสายทำให้ห้องทั้งห้องมืดมิด หล่อนจึงมิรู้ว่าเพลานี้ดวงตะวันคล้อยดวงจนเกือบตรงหัว คว้าโทรศัพท์ข้างเตียงมากรอกเสียงอู้อี้ลงไป
“ฮัลโหล”
“คุณพิมขา...มีนัดกับลูกค้าสองรายนะคะ ตอนนี้ลูกค้ารายแรกมารออยู่แล้วค่ะ”
“ขอบใจนะชุดา..ฉันจะไปให้ทัน...อาจจะช้านิดหน่อย ช่วยรับรองแขกให้ฉันด้วยนะ”
พิมพ์นลินรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็ว อาชีพนักธุรกิจทำให้หล่อนไม่ยอมรีรอเอื่อยเฉื่อย หล่อนอาบน้ำชำระกายลวกๆ นึกในใจว่าอาบมาแล้วทั้งคืนคงไม่กระไรนักหรอกน่าถ้าจะอาบพอเป็นพิธี ฉีดน้ำหอมราคาแพงชั้นดีเข้ากับชุดที่เรียบหรู เพียงเท่านี้หล่อนก็งามพอจะไปพบลูกค้าคนสำคัญได้
ก้าวผ่านเศษกระดาษที่ฉีกทึ้งไว้เมื่อคืน เท้างามเหยียบลงไปอย่างจงใจ รู้สึกสะสาแก่ใจจนเผลอยิ้มมุมปาก คว้ากระเป๋าถือราคากว่าห้าหลักมาถือ ไม่ลืมหยิบกุญแจรถคู่ชีพคันงาม ก้าวออกจากห้อง กดลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
รถตะบึงขึ้นทางด่วน พิมพ์นลินกดโทรศัพท์หาชุดาเลขาฯคนรู้ใจ
“ชุดา ลูกค้าที่รอฉันอยู่ตอนนี้ใครกัน เธอพอรู้จักมั้ย..ใช่คนที่นัดไว้หรือเปล่า”
ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้หล่อนต้องถามให้แน่ใจ ครั้งหนึ่งหล่อนรีบออกจากห้องชุดหรูกลางกรุงเหมือนวันนี้ ด้วยคิดว่าลูกค้าคนสำคัญรออยู่ แต่ครั้นไปถึงกลายเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาขอสัมภาษณ์ หล่อนไล่ตะเพิดทั้งนักศึกษาและแม่เลขานุการคนเก่าให้รีบเก็บของออกจากบริษัทแทบไม่ทัน
ชุดาเป็นผู้หญิงสวยเรียบๆ การศึกษาดี ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว เป็นคนละเอียดรอบคอบ เสียแต่ว่าแต่งตัวเชยไปนิด พิมพ์นลินพอใจการทำงานของหล่อน แต่หล่อนก็คร้านจะวิจารณ์หรือคะยั้นคะยอให้ชุดาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เพราะยิ่งชุดาแต่งตัวเชยเท่าไหร่ เมื่ออยู่ใกล้หล่อนก็จะยิ่งทำให้หล่อนดูสูงค่าขึ้นเท่านั้น
ปลายสายตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว
“คนที่มารอพบคุณพิมเวลานี้ก็คือคุณไกรพค่ะ”
ผิดคาด แต่แรกพิมพ์นลินเข้าใจว่าเป็นดาลัด ลูกสาวเจ้าของห้องเสื้อแห่งหนึ่งซึ่งหมายจะให้บริษัทของหล่อนเป็นคนจัดแฟชั่นโชว์ให้ในอีกสองเดือนข้างหน้า
ไม่คิดว่าจะเป็นไกรพ..หนุ่มไฮโซเนื้อหอมทวนลมคนที่เป็นข่าวในนิตยสารสตรีทุกฉบับ
แต่ก็ยังอดถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้
“คุณไกรพ ทายาทบริษัทเบียร์น่ะเหรอ”
“ค่ะ คุณพิม”
ชุดาตอบหนักแน่น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้เป็นนายจนต้องเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า ล้อรถสปอร์ตคันหรู ความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูช้าไปถนัด หัวใจหญิงสาวเต้นรัว..ไกรพเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งเมือง หลายคืนก่อนหล่อนนอนดูเขาให้สัมภาษณ์รายการวาไรตี้รายการหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งฉลาดจะยังมีอยู่ในโลกนี้...อยากจะขับรถให้เร็วกว่านี้ แต่ก็กลัวตำรวจบนทางด่วนดักจับ อีกอย่างหล่อนยังไม่อยากตายเวลานี้..เวลาที่ความรักยังไม่เคยลงตัวสักหนและความแค้นยังไม่เคยได้รับการชำระสะสางสักครา
เพียงไม่นานรถสปอร์ตก็จอดหน้าบริษัท หญิงสาวสำรวจความงามของใบหน้าและเนื้อตัวอีกครั้งในกระจกที่มีติดไว้ในกระเป๋าถือ หล่อนก้าวลงจากรถ ไม่ลืมปลดกระดุมเม็ดบนให้เผยอออก
รายละเอียด
เทียนหอมที่เจ้าของห้องหมายให้ส่งกลิ่นฟุ้งกำจายยามค่ำคืน เพื่อเร่งบรรยากาศให้ห้องนอนอบอวลด้วยความหอมสดชื่นก่อนนิทรารมณ์ เปลวไฟสีหมากสุกเริงระบำเต้นเร่าในความมืดยามราตรี ซึ่งบัดนี้มีเพียงแสงเทียนนี้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่ห้องนอนของหญิงสาว
มือเรียวขาวเนียนกระชากหน้าปกนิตยสารหรูเลิศแห่งยุคสมัย มันถูกจ่อเข้ากับเปลวเทียนที่ลุกโชน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแม้จะเร่งจนหนาวสะท้าน กลับร้อนรุ่มไปถึงหัวใจ เปลวเทียนสีหมากสุกยิ่งลุกโชติช่วง เมื่อมีกระดาษอาบมันเนื้อดีเป็นอาหารอันโอชะ มันเลียลามไล้ไหม้ใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นนางแบบหน้าปกไปทีละน้อย ดั่งไฟไหม้ฟางหญ้าแห้งในทุ่งนากลางแดดจัดจ้าท้าทายดวงตะวันยามเที่ยงเริงแรง
เพียงอึดใจ เปลวเพลิงก็เผาผลาญถึงมุมกระดาษ เกือบลามไหม้ถึงนิ้วมือเรียวงามของหล่อน...หญิงสาวทิ้งมันลงในถังขยะอย่างไม่แยแส กระนั้นมันก็ยังมีฤทธิ์ลุกไหม้ในถังขยะให้ลุกโชนชั่วครู่ก่อนสงบนิ่ง คงเหลือควันกรุ่นลอยไปในไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ
อารมณ์กรุ่นโกรธพาลให้หล่อนฉีกทึ้งทำลายนิตยสารฉบับนั้นจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี ราวกับว่ามันเป็นเนื้อเป็นหนังของนางแบบบนหน้าปกนิตยสารฉบับนั้น หล่อนฉีก..ฉีก..ฉีก จนไม่เหลือเค้าว่ามันเป็นเศษเสี้ยวของนิตยสารมาก่อน ร่างในเสื้อคลุมแพรระยับที่ห่มคลุมชุดนอนบางเบาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวกระตุกสายเชือกที่พันธนาการอยู่รอบเอวจนหลุดออก แพรจีนเนื้อดีร่วงลงกองแทบเท้า ชุดนอนบางเบาแนบเนื้อนวลด้วยรอยชื้นของเหงื่อ...เหงื่อแห่งโทสะ...ไม่ต่างจากยามหญิงสาวก้าวออกมาจากตู้อบไอน้ำเพื่อเสริมร่างให้เพรียวบางเมื่อยามค่ำ
ก้าวไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน...ในความมืดสลัว หญิงสาวถอดชุดนอนบางเบาจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า...เปิดน้ำอุ่นจัดลงในอ่างอาบน้ำ หล่อนไม่เปิดไฟ ไม่อยากให้แสงสว่างใดๆมารบกวนสายตาและหัวใจ ประสบการณ์ที่ผ่านพ้นเฝ้าบอกหญิงสาวว่าความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิทในยามราตรีกาล..เพื่อนอันเคยคุ้น มันเวียนมาหาทุกค่ำคืน ไม่ว่าจะถวิลหาหรือไม่ก็ตาม...ความมืดย่อมเวียนมาอย่างสัตย์ซื่อ ตรงเวลา...สหายยามราตรีจึงหาใช่ใครอื่น หาใช่ทั้งคนสนิทชิดใกล้หรือไกลห่าง..หาใช่สิ่งมีชีวิตอื่นใดให้พร่ำเพรียกเรียกหา...หาใช่ดวงตะวันหรือจันทราที่อาบไล้แสงนวลให้อบอุ่น
หญิงสาวพึงใจกับความมืดยามค่ำคืน...จ่อมจมอยู่ในราตรีกาล ราตรีสีดำ..ไม่เคยทรยศหักหลัง หล่อนหย่อนร่างเปลือยเปล่าลงในอ่างอาบน้ำ ทอดตัวลงในน้ำอุ่นจัด หลับตาเหนื่อยอ่อน
ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากัน..อัดอั้นรัดทดร้าวไปถึงในทรวง ก่อนจะเผยอออกน้อยๆ
“นังพลอย...ฉันเกลียดแก”
เสียงเครียดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่งาม เอนศีรษะพิงขอบอ่าง..ไม่รับรู้เวลาที่เคลื่อนผ่าน ไม่ใส่ใจพรายน้ำของนาฬิกาเหนืออ่างล่างหน้า ซึ่งฉายสะท้อนดอกกุหลาบสีแดงในแจกันขาวนวลจนชวนให้ห้องน้ำสว่างเรือง พรายน้ำที่ปลายเข็มนาฬิกาบอกเวลาล่วงผ่าน...ค่อนคืนเข้าไปแล้ว แต่หญิงสาวก็หาใส่ใจไม่
ดวงจันทร์ ณ โค้งฟ้ายามค่ำคล้อยดวงลงต่ำ หญิงสาวลืมตาในความมืดสลัว น้ำอุ่นจัดกลายเป็นเย็นชืดจนเนื้อตัวหล่อนสะท้าน ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่จางหาย ปรายตามองไปภายในห้องนอน แสงจากเทียนหอมปลายเตียงคงดับไปแล้ว ห้องทั้งห้องจึงหม่นมัวในราตรี หญิงสาวยืนขึ้นแล้วก้าวผ่านลงไปที่พื้นกระเบื้อง สัมผัสความเย็นที่แผ่ซ่านทั่วฝ่าเท้า..หนาวยะเยือกถึงหัวใจ รีบหาผ้าเช็ดตัวมาห่มคลุมกายแล้วเช็ดตัวให้แห้ง ก่อนจะสอดร่างงามเข้าไปในผ้าห่มหนาบนเตียงนุ่ม หลับใหลในเวลาไม่นาน
โทรศัพท์กรีดเสียงดังกังวาน หญิงสาวผวาตื่น ม่านหนาหนักปิดบังแสงตะวันยามสายทำให้ห้องทั้งห้องมืดมิด หล่อนจึงมิรู้ว่าเพลานี้ดวงตะวันคล้อยดวงจนเกือบตรงหัว คว้าโทรศัพท์ข้างเตียงมากรอกเสียงอู้อี้ลงไป
“ฮัลโหล”
“คุณพิมขา...มีนัดกับลูกค้าสองรายนะคะ ตอนนี้ลูกค้ารายแรกมารออยู่แล้วค่ะ”
“ขอบใจนะชุดา..ฉันจะไปให้ทัน...อาจจะช้านิดหน่อย ช่วยรับรองแขกให้ฉันด้วยนะ”
พิมพ์นลินรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็ว อาชีพนักธุรกิจทำให้หล่อนไม่ยอมรีรอเอื่อยเฉื่อย หล่อนอาบน้ำชำระกายลวกๆ นึกในใจว่าอาบมาแล้วทั้งคืนคงไม่กระไรนักหรอกน่าถ้าจะอาบพอเป็นพิธี ฉีดน้ำหอมราคาแพงชั้นดีเข้ากับชุดที่เรียบหรู เพียงเท่านี้หล่อนก็งามพอจะไปพบลูกค้าคนสำคัญได้
ก้าวผ่านเศษกระดาษที่ฉีกทึ้งไว้เมื่อคืน เท้างามเหยียบลงไปอย่างจงใจ รู้สึกสะสาแก่ใจจนเผลอยิ้มมุมปาก คว้ากระเป๋าถือราคากว่าห้าหลักมาถือ ไม่ลืมหยิบกุญแจรถคู่ชีพคันงาม ก้าวออกจากห้อง กดลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
รถตะบึงขึ้นทางด่วน พิมพ์นลินกดโทรศัพท์หาชุดาเลขาฯคนรู้ใจ
“ชุดา ลูกค้าที่รอฉันอยู่ตอนนี้ใครกัน เธอพอรู้จักมั้ย..ใช่คนที่นัดไว้หรือเปล่า”
ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้หล่อนต้องถามให้แน่ใจ ครั้งหนึ่งหล่อนรีบออกจากห้องชุดหรูกลางกรุงเหมือนวันนี้ ด้วยคิดว่าลูกค้าคนสำคัญรออยู่ แต่ครั้นไปถึงกลายเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาขอสัมภาษณ์ หล่อนไล่ตะเพิดทั้งนักศึกษาและแม่เลขานุการคนเก่าให้รีบเก็บของออกจากบริษัทแทบไม่ทัน
ชุดาเป็นผู้หญิงสวยเรียบๆ การศึกษาดี ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว เป็นคนละเอียดรอบคอบ เสียแต่ว่าแต่งตัวเชยไปนิด พิมพ์นลินพอใจการทำงานของหล่อน แต่หล่อนก็คร้านจะวิจารณ์หรือคะยั้นคะยอให้ชุดาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เพราะยิ่งชุดาแต่งตัวเชยเท่าไหร่ เมื่ออยู่ใกล้หล่อนก็จะยิ่งทำให้หล่อนดูสูงค่าขึ้นเท่านั้น
ปลายสายตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว
“คนที่มารอพบคุณพิมเวลานี้ก็คือคุณไกรพค่ะ”
ผิดคาด แต่แรกพิมพ์นลินเข้าใจว่าเป็นดาลัด ลูกสาวเจ้าของห้องเสื้อแห่งหนึ่งซึ่งหมายจะให้บริษัทของหล่อนเป็นคนจัดแฟชั่นโชว์ให้ในอีกสองเดือนข้างหน้า
ไม่คิดว่าจะเป็นไกรพ..หนุ่มไฮโซเนื้อหอมทวนลมคนที่เป็นข่าวในนิตยสารสตรีทุกฉบับ
แต่ก็ยังอดถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้
“คุณไกรพ ทายาทบริษัทเบียร์น่ะเหรอ”
“ค่ะ คุณพิม”
ชุดาตอบหนักแน่น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้เป็นนายจนต้องเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า ล้อรถสปอร์ตคันหรู ความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูช้าไปถนัด หัวใจหญิงสาวเต้นรัว..ไกรพเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งเมือง หลายคืนก่อนหล่อนนอนดูเขาให้สัมภาษณ์รายการวาไรตี้รายการหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งฉลาดจะยังมีอยู่ในโลกนี้...อยากจะขับรถให้เร็วกว่านี้ แต่ก็กลัวตำรวจบนทางด่วนดักจับ อีกอย่างหล่อนยังไม่อยากตายเวลานี้..เวลาที่ความรักยังไม่เคยลงตัวสักหนและความแค้นยังไม่เคยได้รับการชำระสะสางสักครา
เพียงไม่นานรถสปอร์ตก็จอดหน้าบริษัท หญิงสาวสำรวจความงามของใบหน้าและเนื้อตัวอีกครั้งในกระจกที่มีติดไว้ในกระเป๋าถือ หล่อนก้าวลงจากรถ ไม่ลืมปลดกระดุมเม็ดบนให้เผยอออก